'บิ๊กป้อม' ปลื้ม!! คุณภาพสิ่งแวดล้อมโดยรวมดีขึ้น แต่ยังต้องเฝ้าระวัง 'ของเสีย-สารพิษ-ขยะพลาสติก' ต่อเนื่อง

(28 ต.ค. 65) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนรม. ประชุมคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 5 / 65 ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ โดยมี รมว.ทส ปล.ทส.และ ปล.กห.ร่วมประชุม ณ มูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อฯ

ที่ประชุมรับทราบ รายงานภาพรวมสถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อม ปี 65 ดีขึ้น โดยมีพื้นที่เพาะปลูกเกษตรอินทรีย์เพิ่มขึ้น ความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรประมงเพิ่มขึ้น และการใช้พลังงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น สถานการณ์ที่ควรติดตามเฝ้าระวัง เช่น ปริมาณการนำเข้าปุ๋ยเคมีและวัตถุอันตรายทางการเกษตร ปริมาณขยะพลาสติก ของเสียอันตราย มูลฝอยติดเชื้อเพิ่มขึ้น และธรณีภัยพิบัติเพิ่มขึ้น พร้อมทั้งรับทราบผลการดำเนินงานบริหารจัดการเขตควบคุมมลพิษ ตามแผนการปฏิรูปประเทศ พบว่า เขตควบคุมมลพิษ 18 พื้นที่ ใน 13 จว. ไม่มีพื้นที่ใด มีความพร้อมในการยกเลิกเขตควบคุมมลพิษในปี 65 โดยมีพื้นที่หมู่เกาะพีพี จว.กระบี่ เป็นที่เดียวที่มีความพร้อมยกเลิกในระยะไม่เกิน 3 ปี ทั้งนี้ ต.หน้าพระลาน จว.สระบุรี และ จว.ระยอง ยังอยู่ในสถานะมีความพร้อมน้อย ปัญหาภาพรวมจากข้อจำกัดงบประมาณ รวมทั้งการกำกับดูแลไม่ทั่วถึงและเข้มงวดพอ

ต่อจากนั้น ได้ร่วมพิจารณาและให้ความเห็นชอบ ด้านการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม ( EIA ) ที่สำคัญ ได้แก่ โครงการพัฒนาเพิ่มขีดความสามารถท่าอากาศยานดอนเมือง โครงการโรงไฟฟ้าพระนครใต้ (ส่วนเพิ่ม) สมุทรปราการ โครงการอ่างเก็บน้ำน้ำปาด จว.อุตรดิตถ์ และโครงการก่อสร้างทางเลี่ยงเมือง จว.อ่างทอง และเห็นชอบ แผนจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อม ปี 66-70 แผนปฎิบัติการด้านการจัดการขยะพลาสติก ระยะที่ 2 ปี 66-70 แผนเฉพาะกิจเพื่อแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละอองปี 66 นโยบายกำกับการนำเข้าเศษพลาสติก แผนปฏิบัติการเพื่อจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมในระดับจังหวัด ปี 67 โครงการพัฒนาศักยภาพสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมจังหวัด รวมทั้งการกำหนดอัตราค่าบริการกำจัดขยะมูลฝอย ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 14 แห่ง ที่ได้รับการจัดสรรเงินกองทุนสิ่งแวดล้อม

พล.อ.ประวิตร ได้ขอบคุณ ทส.ที่ให้ความสำคัญขับเคลื่อนงานด้านสิ่งแวดล้อมต่อเนื่องมา มีผลสถานการณ์ภาพรวมคุณภาพสิ่งแวดล้อมดีขึ้น อย่างไรก็ตามขอให้ ทส.ยังคงติดตามสถานการณ์ที่ควรติดตามเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งร่วมกำกับและเข้มงวด การบริหารจัดการเขตควบคุมมลพิษให้เป็นไปตามแผนการปฏิรูปประเทศ โดยขอให้ทำความเข้าใจกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมขับเคลื่อนแผนจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อม ที่ผ่านความเห็นชอบ ให้เป็นรูปธรรมโดยมุ่งผลสัมฤทธิ์ ควบคู่กับการสร้างความเข้าใจและการมีส่วนร่วมของภาคประชาชน ชุมชนท้องถิ่นไปพร้อมกัน