จากคนที่ไม่ใช่แฟนคลับ ยอมรับเลยว่า 3 ป. ล่อให้แตก แยกให้ขาด ก็คงชาติหน้า เพียงแต่ในบรรดา ‘พี่น้อง 3 ป.’ แห่งนักรบบูรพา ‘ป้อม-ป๊อก-ประยุทธ์’ ต่างมีบุคลิกแตกต่างกันไป 

พี่ใหญ่อย่าง ‘บิ๊กป้อม’ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นคนอารมณ์ดี พูดจาหยอกเอินตามประสาพี่ใหญ่ใจดี

ส่วนที่รองอย่าง ‘บิ๊กป๊อก’ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา แกเป็นคนพูดน้อย มาดขรึม สมกับชายชาติทหาร 

และแน่นอนว่าขาดไม่ได้กับ น้องคนเล็กอย่าง ‘บิ๊กตู่’ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ออกจะมีบุคลิกตรงข้ามกับพี่ ๆ เพราะแม้จะชอบพกพามาดเข้ม ๆ ดุดันบ้างเป็นพิธี แต่แกก็เป็นคนที่ค่อนข้างพูดเยอะ พูดยาว และชอบปล่อยมุขให้ขำบ้าง เจื่อนบ้างเป็นระยะ ๆ

แน่นอนว่าตลอดช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา หน้าฉากพรรคพลังประชารัฐ ดูจะมีรอยปริให้เห็นเป็นระยะ ๆ แต่หากย้อนไปฟังเสียงน้องเล็กอย่าง พล.อ.ประยุทธ์ แล้วฟังด้วยความตั้งใจ น้องคนนี้มักร่ายยาวถึงความสัมพันธ์ของ ทั้ง 3 ป.ว่า .เหมือนพี่น้องท้องเดียวกัน ร่วมเป็นร่วมตายกันมา ใครก็ทำลายไม่ได้ แม้มีคนเสี้ยมให้แตกกัน”

บางคนอาจมองว่าสนามการเมือง ทำให้คนพูดคำหวานผ่านสื่อได้ง่าย 

แต่อย่าลืมว่า 3 คน 3 ป. เขาไม่ได้ผ่านสนามการเมืองกันมาตั้งแต่อ้อนแต่อ้อน พวกเขาผ่านการร่วมเป็นร่วมตายกันมา ในสมรภูมิชายแดน ท่ามกลางสนามรบ  

ฉะนั้นไม่ว่าจะเกิดรอยร้าวอันใดให้เล็ดลอดออกสู่สายตาประชาชี แต่ทุกครั้งก็จะเห็นกลับมากอดคอแสดงความรักความผูกพันอันดีเสมอมา 

ชายชาติทหาร เห็นต่างกัน ฮึ่มกัน เป็นเรื่องปกติ 

แต่ก็เพราะเป็นชายชาติทหาร ทหารของชาติไทย ทหารขององค์พระมหากษัตริย์แห่งแผ่นดินไทย

รอยร้าวทางความคิด จึงไม่มีสิทธิ์ปริแตกจนทำลายอุดมการณ์ป้องชาติ ป้องแผ่นดิน และป้องชนในชาติ ให้ขาดสิ้นได้แค่เรื่องจิ๋มมด ที่ชอบมีคนโป้ปดขยายให้ใหญ่เกินพอดี

ฉากจบส่วนใหญ่ เลยลงเอยที่ หน้าที่ใครต้องทำอะไรเพื่อแผ่นดิน ก็ทำกันไป

และเอิงเอยที่ ‘ผลงานประจักษ์’ จนบางพวกบางเหล่าเห็นแล้วไม่อยากให้ลงเอยแบบนี้นั่นเอง มันปวดจี๊ด!!