ลูกหนี้เฮ! แบงก์ชาติเคาะมาตรการแก้หนี้ระยะยาว ทั้ง รีไฟแนนซ์-รวมหนี้ 

น.ส.สุวรรณี เจษฎาศักดิ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายนโยบายและกำกับสถาบันการเงิน 2 ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท.ออกมาตรการแก้หนี้ระยะยาวคือ 1. ห้ามเรียกเก็บค่าปรับจากการไถ่ถอนสินเชื่อก่อนครบกำหนด สำหรับสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับและสินเชื่อรายย่อยเพื่อการประกอบอาชีพภายใต้การกำกับ เป็นการชั่วคราว โดยให้มีผลบังคับใช้ถึงวันที่ 31 ธ.ค.2566 และ 2. ปรับปรุงแนวทางการรวมหนี้สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยและสินเชื่อรายย่อยประเภทอื่น โดยขยายขอบเขตให้สามารถรวมหนี้ข้ามสถาบันการเงิน หรือผู้ประกอบธุรกิจรายอื่นได้ จากเดิมที่สามารถรวมหนี้ได้เฉพาะหนี้ในสถาบันการเงินเดียวกัน  

ทั้งนี้คุณสมบัติของผู้เข้าร่วมมาตรการ คือ 1. ต้องเป็นลูกหนี้ไม่เสียประวัติข้อมูลเครดิต หากเจรจาปรับโครงสร้างหนี้สำเร็จตั้งแต่ก่อนเป็นหนี้เสีย 2. ลูกหนี้ต้องให้คำยินยอมเปิดเผยข้อมูลที่จำเป็นแก่สถาบันการเงินที่ทำการรวมหนี้ เช่น ชื่อเจ้าหนี้ ยอดหนี้คงค้าง 3. ลูกหนี้อาจถูกพิจารณาปรับลดวงเงินส่วนที่นำไปรวมหนี้ เพื่อให้อยู่ในระดับที่ลูกหนี้สามารถบริหารจัดการได้ 4. หากผิดนัดชำระหนี้สินเชื่อที่ไม่มีหลักประกัน ถึงแม้จะไม่ได้รวมหนี้ ก็อาจเป็นเหตุให้ถูกฟ้องร้องบังคับหลักประกันสินเชื่อบ้านได้ในที่สุด

สำหรับประโยชน์ที่ลูกหนี้จะได้รับ คือ ดอกเบี้ยลดลง สินเชื่อบ้านให้คิดดอกเบี้ยเท่าเดิม ส่วนสินเชื่ออื่นที่เข้ามารวมหนี้เช่น บัตรเครดิต บัตรกดเงินสด และสินเชื่อส่วนบุคคล เมื่อนำมารวมหนี้สินเชื่อบ้านแล้ว จะบวกดอกเบี้ยจากสินเชื่อบ้านที่ใช้เป็นหลักประกันได้ไม่เกิน 2% เช่น ดอกเบี้ยสินเชื่อบ้าน 6% และดอกเบี้ยสินเชื่อบุคคล 25% ถ้านำมารวมหนี้ดอกเบี้ยจะอยู่ที่ 6% บวกกับ 2% เท่ากับ 8% เท่านั้น และดอกเบี้ยจะคิดอัตรานี้อัตราเดียวในบิลใบเดียว

ทั้งนี้ในกรณีที่เจ้าหนี้ คือ สถาบันการเงิน หรือผู้ประกอบธุรกิจจะไม่ยอมปล่อยให้ลูกหนี้ รีไฟแนนซ์ออกไป หรือออกไปเพื่อรวมหนี้แห่งอื่นนั้น ยืนยันว่าเมื่อลูกหนี้สามารถนำเงินมาปิดหนี้มายื่นให้ สถาบันการเงินไม่มีสิทธิปฏิเสธ ถ้าสถาบันการเงินไม่ยอมรับเงิน ให้ลูกหนี้โทรฯมาแจ้งได้ที่เบอร์ 1213 ศูนย์คุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน (ศคง.)