Tuesday, 10 December 2024
WEEKEND NEWS

ผบ.ตร.ห่วงใยประชาชนพื้นที่สีแดงเข้ม กำชับเจ้าหน้าที่กวดขันควบคุมการเดินทาง

วันที่ 24 ก.ค.64 เวลาประมาณ 20.45 - 23.00 น. พล.ต.อ.สุรพล  อยู่นุช ที่ปรึกษาพิเศษ ตร./รอง ผอ.ศปม.ตร. ได้เดินทางมาตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานประจำจุดตรวจควบคุมการเดินทาง และจุดตรวจฉุกเฉิน (Curfew) ตามมาตรการล็อคดาวน์ในห้วงประกาศข้อกำหนดฯ ฉบับที่ 28 ในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยมี พล.ต.ต.พนัญชัย  ชื่นใจธรรม รอง จตร.ปรก.รองผบช.ภ.1 พร้อมด้วย พล.ต.ต.นราเดช  ทิพย์รักษ์ ผบก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยาร่วมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติภารกิจที่จุดตรวจในเส้นทางคมนาคมสายหลักจำนวน 3 จุดคือ

1. จุดตรวจบริเวณแยกเทศบาลตลาดเกรียบทางหลวง 347 (ขาขึ้น) อ.บางปะอิน จว.พระนครศรีอยุธยา
2. จุดตรวจทางหลวงหมายเลข 32 (เอเชีย) หน้าตู้ยามมหาราช อ.มหาราช จว.พระนครศรีอยุธยา
3. จุดตรวจบริเวณทางหลวงหมายเลข 1 (พหลโยธิน) ขาออก (คู่ขนาน) หน้า ธ.ไทยพาณิชย์ อ.วังน้อย จว.พระนครศรีอยุธยา

 พล.ต.อ.สุรพลฯ กล่าวว่า "อยุธยาเป็น 1 ในจังหวัดที่อยู่ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด หรือจังหวัดสีแดงเข้ม มีตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่วันนี้ สูงถึง 359 ราย และมีผู้เสียชีวิต 2 ราย ซึ่งเป็นอีกพื้นที่หนึ่งที่ พล.ต.อ.สุวัฒน์  แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. มีความห่วงใย จึงได้มอบหมายให้ผมลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติภารกิจทั้งตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง สาธารณสุข และอาสาสมัครภาคประชาชน ที่สนธิกำลังตั้งจุดตรวจจุดสกัดเพื่ออำนวยความสะดวกพี่น้องประชาชนในเส้นทาง"

พล.ต.อ.สุรพลฯ กล่าวต่อว่า "นับแต่ประกาศข้อกำหนดฉบับที่ 28 และเริ่มบังคับใช้ตั้งแต่ 20 ก.ค.64 เป็นต้นมา พบว่า อยุธยามีผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นทุกวัน ดังนั้นจึงขอให้เจ้าหน้าที่ช่วยกันดูแล กวดขันไม่ให้ประชาชนฝ่าฝืนพระราชกำหนดฯ และหากพบการกระทำผิดให้ประชาสัมพันธ์ให้คำแนะนำ ยกเว้นกรณีที่ฝ่าฝืนและมีพฤติการณ์ที่เป็นความเสี่ยงต่อการแพร่กระจาย หรือท้าทายอำนาจรัฐ ก็ให้ดำเนินการตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด เพราะนอกจากจะไม่เคารพกฎหมายแล้วยังเป็นสาเหตุของการแพร่กระจายเชื้อไปสู่ประชาชนผู้บริสุทธิ์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้"

พร้อมนี้ ผบ.ตร.ได้ฝากอาหารและน้ำดื่มมามอบให้กับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติภารกิจประจำจุดตรวจดังกล่าว เพื่อเป็นขวัญกำลังใจต่อไป

สกพอ.ร่วมกับกลุ่มสตรีอีอีซีฉะเชิงเทรา ส่งมอบน้ำใจช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากโควิด -19 ในฉะเชิงเทรา

(24 กรกฎาคม 2564) ที่ร้านอาหารบลูม ต.บางตีนเป็ด อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา นายกำพล เลิศเกียรติดำรง สมาชิกวุฒิสภา และนางสาวทัศนีย์ เกียรติภัทราภรณ์ รองเลขาธิการสายงานเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ สกพอ. ร่วมกับกลุ่มสตรีอีอีซี ฉะเชิงเทรา

ส่งมอบถุงยังชีพจำนวน 250 ถุง และหน้ากากอนามัย 15,000 ชิ้น ที่ได้รับการสนับสนุนจากผู้บริหารและพนักงาน สายงานนโยบายและแผน และสายงานเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ สกพอ. ให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจังหวัดฉะเชิงเทรา ใน 5 อำเภอได้แก่...

อำเภอเมือง, บางปะกง, บ้านโพธิ์, บางคล้า และบางน้ำเปรี้ยว เพื่อเป็นนำไปแจกจ่ายช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของ โควิด-19 ซึ่งกำลังแพร่ระบาดเป็นวงกว้าง ส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนในพื้นที่เป็นจำนวนมาก

โดยสิ่งของที่บรรจุในถุง​ จะเน้นของที่เป็นผลิตภัณฑ์ใน อีอีซี เช่น ข้าวสารจากชลบุรี รวมกว่า 1,200 กิโลกรัม น้ำปลา กะปิและอาหารทะเลจากวิสาหกิจชุมชน จ.ระยอง

นอกจากนี้ นายธนวัฒน์ สันตินรนนท์ กรรมการผู้จัดการบริษัทอินดัสเตรียล วอเตอร์ รีซอร์ท แมนเนจเม้นท์ จำกัด (IWRM) ซึ่งเป็นผู้ประกอบการด้านการจัดหาน้ำเพื่ออุปโภค บริโภคและน้ำเพื่ออุตสาหกรรมในอีอีซี ได้ร่วมบริจาคน้ำดื่มขนาด 1.5 ลิตร จำนวน 3,600 ขวด เพื่อร่วมเป็นอีกหนึ่งกำลังใจให้ผ่านพ้นวิกฤต COVID-19 ไปด้วยกัน

​​​​​​

ผบ.ตร.​ เข้ม!! กวดขันจับกุมผู้มีเจตนาฝ่าฝืนกฎหมายชัด​ ทั้ง Fake News ก่อความสับสน ตื่นตระหนก​ และอาชญากรรมที่ซ้ำเติมความเดือดร้อนประชาชน

ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ สั่งการตำรวจทุกหน่วยขับเคลื่อนตามนโยบายรัฐบาล หลังประกาศต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ไปจนถึงสิ้นเดือน ก.ย.64 เน้นการประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ พร้อมเข้มงวดกวดขันจับกุมผู้ที่มีเจตนาฝ่าฝืนกฎหมายชัดเจน อาชญากรรมที่ซ้ำเติมความเดือดร้อนประชาชน เน้นหนักการสร้าง Fake News ก่อความสับสน ตื่นตระหนก

พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆกษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ​ กล่าวว่า​ ตามที่เว็บไชต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศ ลงวันที่ 23 ก.ค.64 เรื่อง 'การขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร'​ (คราวที่13) โดยให้ขยายระยะเวลาการใช้บังคับประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักรออกไปอีกคราวหนึ่งสำหรับประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ให้ยังคงมีผลใช้บังคับต่อไป ทั้งนี้ตั้งแต่ 1 ส.ค.64 – 30 ก.ย.64 นั้น

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีความห่วงใยต่อสถานการณ์ห้วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 พร้อมกำชับการปฏิบัติของหน่วยงานความมั่นคง สาธารณะสุข และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงมีมาตรการเร่งด่วนเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส
พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จึงขับเคลื่อนตามนโยบายของทางรัฐบาลและศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19​ (ศบค.) อย่างจริงจัง ต่อเนื่อง 

โดยสั่งการให้ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปม.ตร.) ลงไปขับเคลื่อนกำชับทุกหน่วยงานในสังกัด ประสานการปฏิบัติหน้าที่กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ สนับสนุนภารกิจเมื่อมีการร้องขอ

การจำกัดการเคลื่อนย้ายของบุคคลเพื่อสกัดกั้นป้องกันการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสให้อยู่ในวงจำกัด​ การตรวจคัดกรองการ เข้า-ออกพื้นที่จังหวัดที่มีการควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ตามที่รัฐบาลได้ประกาศข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่ง พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ พ.ศ.2548 (ฉบับที่ 28) 

พร้อมเน้นสร้างการรับรู้ ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบ เพื่อปฎิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ประกาศ คำสั่ง ข้อกำหนด ของ ศบค. และผู้ว่าราชการจังหวัดทุกพื้นที่ และกวดขันบังคับใช้กฎหมายในกรณีที่มีเจตนาฝ่าฝืนหรือท้าทายกฎหมาย โดยเฉพาะการผลิตและแชร์ Fake News ต่างๆ​ สร้างความสับสนตื่นตระหนกให้กับประชาชน

การรวมกลุ่มกัน การมั่วสุม การลักลอบจัดกิจกรรม  การมั่วสุม ลักลอบจำหน่ายสุราและยาเสพติด การลักลอบเล่นการพนัน อบายมุขในรูปแบบต่างๆ​ การแข่งรถ หรือกิจกรรมในลักษณะที่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของเชื้อโรค รวมทั้งดำเนินคดีอาชญากรรมที่ซ้ำเติมความเดือดร้อนประชาชนห้วงการแพร่ระบาดโควิด19 

รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวต่ออีกว่า ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ฝากขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกหน่วยที่ร่วมกันปฎิบัติหน้าที่และมีผลการจับกุมผู้ที่มีเจตนาฝ่าฝืนกฎหมายอย่างต่อเนื่อง โดยในห้วงที่ผ่านมามีผลจับกุมการรวมกลุ่มมั่วสุม ลักลอบจัดกิจกรรมสังสรรค์ เสพยาเสพติด เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสทั้งในพื้นที่กรุงเทพมหานครและต่างจังหวัด ส่งดำเนินคดีไปแล้วหลายราย 

อีกทั้งยังได้กำชับให้ทุกหน่วยที่เกี่ยวข้องประสานการปฏิบัติกับหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ ฝ่ายปกครอง หน่วยสาธารณะสุข และหน่วยที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด สนับสนุนกำลังพลในการปฏิบัติภารกิจเมื่อมีการร้องขอ ออกตรวจสอบ ดำเนินคดีกับผู้ที่มีเจตนาฝ่าฝืนหรือท้าทายกฎหมาย ประกาศ คำสั่ง ข้อกำหนดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ อาทิ การมั่วสุม จัดงานสังสรรค์ ลักลอบเล่นการพนัน การแข่งรถหรืออบายมุขในรูปแบบต่างๆที่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส โดยเน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนายยึดการปฏิบัติตามมาตรการการป้องกันโรคโควิด-19 อย่างเคร่งครัด หากพื้นที่ใดมีการปล่อยปละละเลย ก็จะพิจารณาความบกพร่องทางวินัยและอาญาอย่างเด็ดขาดต่อไป 

นอกจากนี้หากพบเบาะแสการกระทำความผิด สามารถแจ้งมายังสายด่วนสำนักงานตำรวจแห่งชาติหมายเลข 191 และ 1599 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

​​​​​

'เฉลิมชัย' สั่ง 'เกษตรฯ'​ เร่งช่วยประชาชนฝ่าวิกฤตโควิด-19

'เฉลิมชัย'​ สั่ง 'เกษตรฯ'​ เร่งช่วยประชาชนฝ่าวิกฤตโควิด-19

บอร์ดเกษตรกรรมยั่งยืนรับลูกเห็นชอบโครงการธนาคารสีเขียว (Green Bank) มอบ  'อลงกรณ์'​ นำทีมขับเคลื่อนทันทีตั้งเป้าขยายผลใช้ไม้ยืนต้นเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันสินเชื่อทั่วประเทศ

นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการบริหารการพัฒนาระบบเกษตรกรรมยั่งยืน ครั้งที่ 2/2564 ล่าสุดวันนี้ (18 ก.ค) ว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบโครงการธนาคารสีเขียว​ (Green Bank) เพื่อส่งเสริมการปลูกไม้เศรษฐกิจโดยมีเป้าหมาย​ 6​ ประการได้แก่ การเพิ่มสินเชื่อช่องทางใหม่โดยใช้ไม้ยืนต้นเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน ,การเพิ่มทรัพย์สิน รายได้ อาชีพและธุรกิจใหม่ๆ​ ให้กับประชาชน, การลดปัญหาหนี้นอกระบบ, การเพิ่มพื้นที่สีเขียวทั้งในเมืองและนอกเมืองเพื่อคุณภาพชีวิตของประชาชน ชุมชนและเมือง แก้ปัญหา​ PM2.5, การแก้ปัญหาโลกร้อน​ (Global Warming) และเพิ่มคาร์บอนเครดิตของประเทศและการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ​ (SDG) และยุทธศาสตร์ชาติรวมทั้งแผนปฏิรูปประเทศด้านทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม การเกษตรและเศรษฐกิจ โดยแต่งตั้งที่ปรึกษารัฐมนตรีเกษตรฯ​ เป็นประธานและมอบหมายกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นแกนกลางในการขับเคลื่อนขยายผลต่อยอดโครงการนี้โดยผนึกความร่วมมือกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) กระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ธนาคารกรุงไทย กรมป่าไม้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย สำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ (องค์การมหาชน) (BEDO) องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ การยางแห่งประเทศไทย(กยท.) ภาคการวิจัย เช่นสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ สวก. ภาควิชาการเช่นสถาบันการศึกษาทุกแห่ง ศูนย์เทคโนโลยีเกษตรและนวัตกรรม(AIC) ภาคเอกชนเช่นหอการค้า สภาอุตสาหกรรม สมาคมธนาคาร  สภาเอสเอ็มอี ภาคเกษตรกรเช่นสภาเกษตรกรแห่งชาติ สันนิบาตสหกรณ์แห่งประเทศไทย สมาคมเกษตรกร กลุ่มเกษตรกร เกษตรกร ภาคท้องถิ่นเช่นอบจ. เทศบาล อบต. กทม. เมืองพัทยา รวมทั้งภาคีเครือข่ายมูลนิธิ องค์กรเอกชนตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอื่นๆ

นอกจากนี้ที่ประชุมยังรับทราบรายงานผลการดำเนินการที่ผ่านมาของโครงกาสินเชื่อไม้ยืนต้นจากข้อมูลของกองทะเบียนหลักประกันทางธุรกิจ กระทรวงพาณิชย์รายงาน ณ วันที่​ 5 ก.ค. 2564​ ว่า​ตั้งแต่ปี2562ถึงปัจจุบัน มีผู้ขอนำไม้ยืนต้นมาจดทะเบียนสัญญาหลักประกันทางธุรกิจแล้ว จำนวน 87​ สัญญา จำนวน 119,498 ต้น วงเงิน​ 134,375,912.00 บาทโดยแบ่งเป็น กลุ่มให้สินเชื่อรายย่อย​ (พิโกไฟแนนซ์ ปล่อยสินเชื่อวงเงิน5หมื่นถึง​ 1​ แสนบาท) 80 สัญญา คิดเป็น 92%ของสัญญารวมวงเงินค้ำประกัน​ 4​ ล้านบาท กลุ่มสถาบันการเงิน​ (ธนาคารกรุงไทยและธกส.) 7​ สัญญา คิดเป็น 8% ของสัญญา รวมวงเงินค้ำประกัน 130ล้านบาท

“ระบบการให้สินเชื่อโดยใช้ไม้ยืนต้นเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันที่ผ่านมายังดำเนินการได้ไม่มากนัก ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน​ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารการพัฒนาระบบเกษตรกรรมยั่งยืนจึงมอบนโยบายให้ต่อยอดขยายผล​ (Scale up) โครงการด้วยการเร่งส่งเสริมเกษตรกรและประชาชนปลูกไม้มีค่าทางเศรษฐกิจบนที่ดินตนเองซึ่งเป็นการเพิ่มทรัพย์สินสร้างหลักประกันให้กับครอบครัวและความมั่นคงในอนาคตรวมทั้งสามารถใช้ไม้ยืนต้นเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันสินเชื่อโดยเกษตรกร ประชาชนและผู้ประกอบการจะได้รับวงเงินสินเชื่อรายย่อย​ 50,000-100,000 บาทต่อรายและวงเงินสินเชื่อรายใหญ่จากสถาบันการเงินเช่นธนาคารเป็นต้น” นายอลงกรณ์​ กล่าว

นอกจากนี้ที่ประชุมยังได้รับทราบรายงานความก้าวหน้าการขับเคลื่อนโครงการการพัฒนาเกษตรกรรมยั่งยืนในเมือง (Sustainable Urban Agriculture Development Project : SUAD Project)โดยมีการแต่งตั้งโครงสร้างและระบบในการทำงานดังนี้.. 

1) คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนโครงการการพัฒนาเกษตรกรรมยั่งยืนในเมือง ระดับเขต แบ่งตามพื้นที่รับผิดชอบตามการแบ่งเขตตรวจราชการของกระทรวงฯ โดยมีผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ประจำเขตตรวจราชการ เป็นประธานอนุกรรมการ 

2) คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนโครงการการพัฒนาเกษตรกรรมยั่งยืนในเมืองทั้ง 77 จังหวัด โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นประธาน มีเกษตรและสหกรณ์จังหวัด เป็นเลขานุการ 

3) คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนโครงการการพัฒนาเกษตรกรรมยั่งยืนในเมืองในพื้นที่กรุงเทพมหานคร มีที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงฯ (นายอลงกรณ์ พลบุตร) เป็นประธาน มีผู้อำนวยการสำนักสวนสาธารณะ กรุงเทพมหานคร เป็นเลขานุการ

4) คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนโครงการการพัฒนาเกษตรกรรมยั่งยืนในเมืองในพื้นที่เมืองพัทยา โดยมอบหมายให้เมืองพัทยาพิจารณาสรรหาบุคคลที่เหมาะร่วมเป็นอนุกรรมการ

5) คณะทำงานขับเคลื่อนโครงการการพัฒนาเกษตรกรรมยั่งยืนในเมืองในพื้นที่วัด (Green Temple) มีนายโฆสิต สุวินิจจิต เป็นประธาน 

6) คณะทำงานขับเคลื่อนโครงการการพัฒนาเกษตรกรรมยั่งยืนในเมืองในพื้นที่วิทยาลัย (Green College) โดยมีนางดรุณวรรณ ชาญพิพัฒนชัย เป็นประธาน 

7) คณะทำงานขับเคลื่อนโครงการการพัฒนาเกษตรกรรมยั่งยืนในเมืองในพื้นที่โรงเรียน (Green School) มีนายภูมิสรรค์ เสนีวงศ์ ณ อยุธยา เป็นประธาน 

8) คณะทำงานขับเคลื่อนโครงการการพัฒนาเกษตรกรรมยั่งยืนในเมืองในพื้นที่มหาวิทยาลัย (Green Campus) มี รศ.ดร.อาณัฐชัย รัตตกุล เป็นประธาน 

9) คณะทำงานขับเคลื่อนโครงการการพัฒนาเกษตรกรรมยั่งยืนในเมืองในพื้นที่การเคหะแห่งชาติ มีผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ เป็นประธาน

10) คณะทำงานขับเคลื่อนโครงการการพัฒนาเกษตรกรรมยั่งยืนในเมืองระดับชุมชนและท้องถิ่น (Green Community) มีนายกษิดิ์เดชธนทัต เสกขุนทด เป็นประธานคณะทำงาน 

11) คณะทำงานขับเคลื่อนโครงการการพัฒนาเกษตรกรรมยั่งยืนในพื้นที่อาคารชุด (Green Condo) โดยมีนางอาภา อรรถบูรณ์วงศ์ นายกสมาคมอาคารชุดเป็นประธาน

รวมทั้งรับทราบความคืบหน้าในการจัดตั้งสถาบันเกษตรอินทรีย์แห่งชาติ (องค์การมหาชน)และมีมติให้ดำเนินการรับฟังความคิดเห็นตามระเบียบและข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ก่อนเสนอปลัดกระทรวงและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์พิจารณาดำเนินการต่อไป

สำหรับการจัดตั้งและขับเคลื่อนสภาเกษตรอินทรีย์ พี จี เอส แห่งประเทศไทยจะมีการจัดสัมมนาเชิงปฏิบัติการเพื่อจัดทำแนวทางและแผนการดำเนินงานผ่านระบบออนไลน์ ในวันที่ 18 สิงหาคม

ที่ประชุมยังรับทราบผลการดำเนินโครงการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ ประยุกต์สู่ โคก หนอง นา โมเดล โดยผู้แทนกระทรวงมหาดไทย ซึ่งขณะนี้ได้ดำเนินการโครงการไปแล้วร้อยละ 46 ของโครงการ โดยมีผู้เข้าร่วมโครงการกว่า 30,000 คน และดำเนินการจ้างผู้ปฏิบัติงานจากเกษตรกร บัณฑิตจบใหม่ กลุ่มแรงงานที่อพยพกลับท้องถิ่นและชุมชนที่ว่างงานจากผลกระทบของ COVID-19 แล้วจำนวน 9,157 ราย 

ในการประชุมคณะกรรมการบริหารการพัฒนาระบบเกษตรกรรมยั่งยืน ครั้งที่ 2/2564 ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้มอบหมายให้ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานในการประชุมพร้อมด้วยนายประยูร อินสกุล รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นางสาวเบญจพร ชาครานนท์ อธิบดีกรมพัฒนาที่ดิน นายสถาพร ใจอารีย์ รองอธิบดีกรมพัฒนาที่ดิน นายวิชัย ไตรสุรัตน์ ผู้ช่วยปลัดกระทรวงฯ นายปริญญา พรศิริชัยวัฒนา ประธานชมรมเกษตรอินทรีย์แห่งประเทศไทย นายธีระ วงษ์เจริญ ประธานเครือข่ายกสิกรรมธรรมชาติ นายศรีสะเกษ สมาน ตัวแทนสภาเกษตรกรแห่งประเทศ นายกันตพงษ์ แก้วกมล ประธานเครือข่ายเกษตรกรรุ่นใหม่ (Young Smart Farmer Thailand) และกรรมการภาคราชการ ภาคเอกชน และภาคประชาชนที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมประชุมผ่านระบบประชุมทางไกลออนไลน์ (zoom)

"นุช-นนท์" ทำดีต่อเนื่อง!!​ เจ้าของ ร้านทุเรียน "ตลาดสี่มุมเมือง" มอบอาหาร 100 กล่อง ให้ "สถาบันราชประชาสมาสัย" (พระประแดง) และประชาชนในพื้นที่ในเทศบาลเมืองคูคตอีก 50 กล่อง

ณ สถาบันราชประชาสมาสัย ตำบลบางหญ้าแพรกอำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ "ดร.นิยม ไกรปุย"รองผู้อำนวยการสถาบันราชประชาสมาสัย กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ให้เกียรติเป็นผู้รับมอบอาหารจำนวน 100 กล่อง

โดย "น.ส.ชาลินี ลอยนุ้ย" เจ้าของร้านทุเรียน "นุช-นนท์" ตลาดสี่มุมเมือง ประสานงานสะพานบุญ ให้ "นายชีวานนท์ พรรัตน์ธนิกกุล นายกสมาคมสหพันธ์แรงงานคนพิการไทย และตำแหน่งคณะอนุกรรมการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการด้านแรงงาน พร้อมด้วย "นายโกสินธ์ จินาอ่อน" บรรณาธิการหนังสือพิมพ์สยามโฟกัสไทม์ ที่ปรึกษา​ "สมาคมสื่อมวลชนเพื่อสังคม" นำอาหารจำนวน 100 กล่อง เพื่อมอบให้กับ บุคลากรทางการแพทย์ เจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วน รวมถึงคนพิการ ครอบครัวคนพิการ ที่ได้รับเชื้อไวรัส Covid-19 ที่รักษาตัวอยู่ใน "สถาบันราชประชาสมาสัย"

ทั้งนี้​ เพื่อเป็นขวัญกำลังใจ ให้กับบุคลากรทางการแพทย์ เจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วน รวมถึงผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาเชื้อโควิด-19 ได้รับประทานอาหารที่ดีมีประโยชน์ต่อสุขภาพ และร่างกาย เป็นการตอบแทนน้ำใจ ความเสียสละแรงกาย แรงใจ เวลาอันมีค่ามาดูแลรักษาพี่น้องประชาชนคนไทย คนพิการ ให้รอดปลอดภัยจากเชื้อไวรัสโควิด_19 ไปด้วยกัน

ในการนี้ "ดร.นิยม ไกรปุย" รองผู้อำนวยการสถาบันราชประชาสมาสัย ได้กล่าวขอบคุณในน้ำใจไมตรีจิต ที่มอบให้เพื่อเป็นขวัญกำลังใจ รู้สึกขอบคุณเป็นอย่างมาก และพร้อมจะทำหน้าที่ในการดูแลรักษาสุขภาพของพี่น้องประชาชนคนไทย ให้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังกล่าวประชาสัมพันธ์เชิญชวนพี่น้องประชาชนคนไทย เจ้าของสถานประกอบการ ร้านค้า และภาคเอกชน ที่มีจิตเป็นกุศลอยากจะร่วมด้วยช่วยกัน คนละไม้คนละมือ สร้างสรรค์สังคมไทยให้ปลอดภัย ร่วมกันแบ่งปันความสุข รอยยิ้ม กำลังใจ ให้กับบุคลากรทางการแพทย์ และเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วน

เพราะการปฏิบัติงานนั้น ในช่วงสถานการณ์เชื้อไวรัส Covid-19 กำลังเป็นปัญหาใหญ่ของคนไทยทั้งชาติ จึงอยากจะประชาสัมพันธ์ เชิญชวน ท่านที่พอมี กำลังกาย กำลังใจ กำลังทรัพย์ ร่วมกันสนับสนุน เครื่องไม้เครื่องมือ อุปกรณ์ทางการแพทย์ ถังออกซิเจน และอื่นๆ ที่มีความจำเป็นในการช่วยเหลือชีวิตพี่น้องประชาชนที่กำลังรักษาตัวจากเชื้อไวรัสโควิค-19 ได้ทุกโรงพยาบาล และโรงพยาบาลสนามในทุกๆพื้นที่หรือติดต่อมายัง "สถาบันราชประชาสมาสัย" ขอขอบคุณมา ณ โอกาสนี้

ทั้งนี้นายชีวานนท์ พรรัตน์ธนิกกุล นายกสมาคมสหพันธ์แรงงานคนพิการไทย และตำแหน่งคณะอนุกรรมการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการด้านแรงงานได้มอบอาหารข้าวกล่องให้​ นายวะจะนะชัย วาจาพารวย ผู้สื่อข่าวจังหวัดปทุมธานี จำนวน 50 กล่อง เพื่อนำไปมอบให้กับประชาชน ที่ได้รับผลกระทบ จากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส Covid-19 ในพื้นที่เทศบาลเมืองคูคตต่อไปและเมื่อวันที่ 10 และ วันที่ 17 กรกฎาคม 2564  ที่ผ่านมา น.ส.ชาลินี ลอยนุ้ย เจ้าของร้านทุเรียน "นุช_นนท์" ตลาดสี่มุมเมือง ได้มอบข้าวกล่องให้กับประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส Covid-19 ในหลายๆ พื้นที่ เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระค่าอาหารให้กับประชาชนได้บ้างซึ่งตนได้ทำก็รู้สึกภาคภูมิใจที่ได้ช่วยเหลือประชาชนคนไทยด้วยกัน

#คนละมือ_คนละมือ

​​

โครงการครัวคนรักปทุม ลำลูกกา ทำข้าวกล่องมอบให้กับประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19

(11​ ก.ค.64​ ปทุมธานี)​ ที่บริษัท เค เอส เอส อินเตอร์เทด กรุ๊ป จำกัด ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี โดยคณะทำงานของ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายก​ อบจ.ปทุมธานี จัดโครงการครัวคนรักปทุม ลำลูกกา เพื่อทำข้าวกล่องนำไปมอบให้กับประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19

โดยมี ดร.เกียรติศักดิ์ ส่องแสง คณะทำงานและที่ปรึกษา​พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่างนายก อบจ.ปทุมธานี พร้อมด้วย สมาชิกคณะทำงานคอยให้การต้อนรับ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายกอบจ.ปทุมธานี

จากนั้นดร.เกียรติศักดิ ส่องแสงได้กล่าวความเป็นมาของโครงการครัวคนรักปทุม ลำลูกกาให้กับ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายกอบจ.ปทุมธานีทราบ ต่อจากนั้นก็ได้นำข้าวกล่องมอบให้กับคณะทำงาน เพื่อนำไปมอบให้กับประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ด้าน

ดร.เกียรติศักดิ์ ส่องแสง ให้รายละเอียดกับผู้สื่อข่าวว่าการจัดโครงการครัวคนรักปทุม ลำลูกกาในครั้งนี้ เป็นโครงการที่ ประกอบอาหารปรุงสด ทำเป็นอาหารข้าวกล่อง เพื่อที่จะนำไปมอบให้กับประชาชนผู้ป่วยที่ติดเชื้อโรคระบาดโควิด-19 ที่รอการรับไปรักษาตัวที่โรงพยาบาล

"สำหรับโครงการนี้เราต้องการที่จะป้องกันไม่ให้เกิดการแพร่เชื้อจากผู้ที่ติดเชื้ออยู่แล้วออกมาหาอาหารทานกันเองนอกบ้าน เราจึงต้องหาอาหารเครื่องดื่มและของใช้ที่จำเป็นไปส่งมอบให้กับเขาเหล่านี้

"วันนี้ก็ได้รับโอกาสจากพล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายกอบจ.ปทุมธานีและท่านรองนายก ที่ให้ความสำคัญในเรื่องนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ก็ขอความร่วมมือจากประชาชนเมื่อท่านเป็นผู้ติดเชื้อเป็นผู้ป่วยก็ขอให้ท่านได้เปิดเผยว่าท่านรอการรักษา ทางคณะทำงานของ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายกอบจ.ปทุมธานี ขอเป็นกำลังใจให้พี่น้องประชาชนหายจากการเจ็บป่วยโดยเร็ว แล้วเราจะผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปด้วยกัน"

ที่มา: ภาพ/ข่าว วะจะนะชัย วาจาพารวย/รายงาน

'อิมพิเรียลเวิลด์สำโรง' มอบน้ำดื่มส่งต่อสะพานบุญ (นายกคนพิการ) เพื่อเป็นกำลังให้พี่น้องประชาชน คนพิการ คนยากไร้ คนด้อยโอกาส 

เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2564 ที่ผ่านมา ณ ศูนย์การค้าอิมพีเรียลเวิลด์สำโรง (สมุทรปราการ)’นายชีวานนท์ พรรัตน์ธนิกกุล’ นายกสมาคมสหพันธ์แรงงานคนพิการไทย และตำแหน่งคณะอนุกรรมการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการด้านแรงงาน  ‘นายโกสินธ์ จินาอ่อน’ บรรณาธิการหนังสือพิมพ์สยามโฟกัสไทม์  ‘นายณัฐวุฒิ เหมือนเพชร’ ผู้อำนวยการข่าวจังหวัดสมุทรปราการ (หนังสือพิมพ์สยามโฟกัสไทม์) เข้าพบ ‘นายสุรพงษ์ ปิ่นสุวรรณ’ เป็นตัวแทน ‘นายสงคราม  กิจเลิศไพโรจน์’ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อชาติ  ‘นายภิญโญ กิจเลิศไพโรจน์’ เลขานุการคณะกรรมาธิการการต่างประเทศสภาผู้แทนราษฎร ร่วมกับ ‘มูลนิธิกิจเลิศไพโรจน์’ ส่งมอบน้ำดื่ม จำนวน 1,200 ขวด ให้กับ ‘นายชีวานนท์ พรรัตน์ธนิกกุล’ นายกสมาคมสหพันธ์แรงงานคนพิการไทย พร้อมคณะฯ นำไปใช้ในการดำเนินงานช่วยเหลือพี่น้องประชาชน คนพิการ คนยากไร้ คนด้อยโอกาส ผู้ประสบภัยพิบัติ และ สถานบริการฯให้การช่วยเหลือประชาชนที่กำลังต่อสู้กับสภานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อไวรัส Covid_19 ที่กำลังแพร่ระบาดอยู่ในประเทศไทยและทั่วโลก ณ ขณะนี้ อีกทั้งยังเป็นการสร้างขวัญกำลังใจ และแสดงความห่วงใยให้กับพี่น้องประชาชน คนพิการ คนยากไร้ คนด้อยโอกาส และบุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงเจ้าหน้าที่ภาครัฐที่มีส่วนเกี่ยวข้องทุกภาคส่วนที่กำลังดำเนินงานเพื่อแก้ไขปัญหาช่วยเหลือพี่น้องประชาชนให้รอดปลอดภัยจากสถานการณ์อันเลวร้ายนี้ไปได้ด้วยดี


เผาแล้ว 35 ศพ เหยื่อโควิด!! เจ้าอาวาสวัดดังแห่งบางพลี​ ประกอบพิธีทำบุญอุทิศส่วนกุศล เผย จะยอมเผาจนเตาพัง

วัดบางพลีใหญ่กลาง อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ได้จัดพิธีทำบุญทักษิณานุปทานเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้กับผู้เสียชีวิตด้วยโรคโควิด-19 โดยที่ทางวัดบางพลีใหญ่กลางเมตตารับอนุเคราะห์เผาศพให้ฟรี ไม่คิดค่าใช้จ่าย​ รวม 35 ราย

ท่านพระครูปลัดสุวัฒนศีลคุณ (พระครูแจ้)  เจ้าอาวาสวัดบางพลีใหญ่กลาง เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ นำคณะสงฆ์วัดบางพลีใหญ่กลาง  ร่วมประกอบพิธีบำเพ็ญกุศลทักษิณานุปทานเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้ผู้เสียชีวิตด้วยโรคโควิด-19 โดยนายฉะโอด รุ่งเรือง นายกองค์การบริหารส่วนตำบลบางพลีใหญ่  เป็นประธานฝ่ายฆราวาส จุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย 

โดยมี พ.ต.อ.รักศักดิ์  เมฆจินดา  ผกก.สภ.คลองด่าน ดร.วีร์สุดา รุ่งเรือง อดีตกำนันตำบลบางพลีใหญ่ ข้าราชการตำรวจ สภ.บางพลี เจ้าหน้าที่ อสม. และทางครอบครัวผู้เสียชีวิตที่เดินทางนำอัฐิของผู้เสียชีวิตด้วยโรคโควิดเข้าร่วมทำพิธีในครั้งนี้

ท่านพระครูปลัดสุวัฒนศีลคุณ (พระครูแจ้)  เจ้าอาวาสวัดบางพลีใหญ่กลาง กล่าวว่า ในวันนี้ทางวัดบางพลีใหญ่กลาง พร้อมด้วยคณะสงฆ์วัดบางพลีใหญ่กลางได้เห็นถึงความสำคัญของครอบครัวผู้เสียชีวิต และผู้ที่เสียชีวิตด้วยโรคโควิด-19 ทางวัดบางพลีใหญ่กลางจึงได้ประกอบพิธีบำเพ็ญกุศลทักษิณานุปทาน เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้กับผู้เสียชีวิตด้วยโรคโควิด-19 โดยทางวัดได้รับฌาปณกิจศพเหยื่อโควิดมาตั้งแต่ช่วงปลายเดือนเมษายน 64 ซึ่งขณะนี้ทางวัดบางพลีใหญ่กลางได้เผาศพด้วยโรคโควิด-19 ไปแล้วรวม 35 ราย  โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น

ท่านพระครูปลัดสุวัฒนศีลคุณ ยังกล่าวต่ออีกว่า บางวันเผา 2 ราย บางวันเผา 3 ราย ตัวเลขสูงสุดที่ทางวัดบางพลีใหญ่กลางได้รับฌาปนกิจศพผู้เสียชีวิตด้วยโรคโควิดสูงสุดอยู่ที่ 11 รายต่อวัน กระทั่งมาระยะหลังทางวัดได้รับการประสานขอความอนุเคราะห์ให้เผาศพผู้เสียชีวิตด้วยโรคโควิด-19 อย่างต่อเนื่อง แบบว่าเผาศพกันรายวัน จนทางวัดต้องแยกเตาเผาศพไว้ 1 เตา เพื่อไว้เผาศพผู้เสียชีวิตแบบเสียชีวิตโดยธรรมชาติ ในส่วนญาติหรือครอบครัวผู้เสียชีวิตที่มาติดต่อขอให้ทางวัดช่วยเผาศพให้นั้น ทางวัดบางพลีใหญ่กลางไม่เคยเรียกร้องค่าใช้จ่ายใดๆ ทางวัดจะดูแลรับผิดชอบให้ทั้งหมดแต่หากญาติโยม หรือครอบครัวผู้เสียชีวิตจะร่วมทำบุญก็แล้วแต่ความศรัทธาหรือหากจะไม่ร่วมทำบุญทางวัดก็ไม่เรียกร้อง  เพราะถือว่าวัดคือที่พึ่งของประชาชนมีความทุกข์วัดก็รับอนุเคราะห์ ญาติโยมทุกคนใครมีความเดือดร้อนทางวัดช่วยเหลือได้ก็ยินดีให้ความช่วยเหลือ โดยที่ผ่านมามีประชาชนได้นำน้ำมันมาบริจาคให้กับทางวัด เพื่อไว้ใช้เผาศพผู้ป่วยโควิด

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันนี้เตาเผาศพที่ใช้เผาศพโควิดอาจมีการเสื่อมสภาพได้เพราะต้องใช้ความร้อนสูงมากและเผาอยู่ตลอดแทบทุกวันก็อาจมีการเสื่อมสภาพได้เป็นธรรมดา แต่ก็ไม่ใช่ปัญหา ทางวัดจะอนุเคราะห์เผาศพโควิดจนกว่าเตาเผานั้นจะพังจนไม่สามารถเผาได้  ขณะนี้วัดบางพลีใหญ่กลางมีคิวจองเผาศพโควิด-19 อยู่อีกหลายรายทางวัดก็มีความยินดีรับอนุเคราะห์ทุกราย แต่ทางวัดบางพลีใหญ่กลางจะไม่รับฌาปนกิจศพเฉพาะวันศุกร์เท่านั้น    

ที่มา: คิว-ข่าวสมุทรปราการ​ รายงาน

รวมน้ำใจคนไทย!! 'คนละไม้_คนละมือ'​ ช่วยเหลือคนพิการ คนยากไร้ คนด้อยโอกาส และบุคลากรการแพทย์ 'สู้ภัยโควิด19'

รวมน้ำใจคนไทย!! 'คนละไม้_คนละมือ'​ ช่วยเหลือคนพิการ คนยากไร้ คนด้อยโอกาส และบุคลากรการแพทย์ 'สู้ภัยโควิด19'

นางสาวภัสวรินทร์ กิตติโชคกุลพัทธ์​ นายกสมาคมส่งเสริมและพัฒนาคนพิการไทย 'คุณเมตตา มะตัน'​ (พี่ยะห์)  จิตอาสา นำน้ำสมุนไพรจำนวน 150 ขวด 'คุณยุภาพร เตสระน้อย'​ นำข้าวกล่อง จำนวน 100 กล่อง เพื่อนำไปมอบให้กับบุคลากรทางการแพทย์ของ โรงพยาบาลแหลมฉบัง และ โรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา เพื่อเป็นกำลังใจให้เจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย ถึงแม้จะเจอสถานการเลวร้ายแต่เราคนไทยไม่ทิ้งกัน 

ต่อจากนั้นลงพื้นที่ หมู่ 8 อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี นำรถเข็น Wheelchair ขนาดใหญ่พร้อมด้วยข้าวสารอาหารแห้ง ไปมอบให้คนพิการยากไร้ โดยได้ให้การแนะนำเรื่อง สิทธิสวัสดิการของคนพิการในด้านต่างๆ เพื่อนำไปพัฒนาและต่อยอด ในการดำรงชีวิตได้อย่างเข้มแข็งสืบไป

#เราไม่ทิ้งกัน
#คนละไม้_คนละมือ

'เฉลิมชัย'​ เร่งปั้น 'โลว์คอสต์แอร์คาร์โก้สินค้าเกษตร'​ ผนึก 'ภาครัฐ-เอกชน'​ ช่วยเกษตรกรขยายตลาดส่งออกทั่วโลก

นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังการประชุมเรื่องการพัฒนาระบบขนส่งสินค้าทางอากาศ​ (Air cargo system) ว่า ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ทำหน้าที่ประธานการประชุมและได้สั่งการให้เร่งดำเนินการพัฒนาระบบการขนส่งทางอากาศ​ (Air Cargo System) สำหรับการส่งออกสินค้าเกษตรและอาหาร​ ซึ่งประกอบด้วยโครงสร้างและระบบ​ 3​ ส่วนสำคัญได้แก่ คาร์โก้เทอร์มินัล (Cargo Terminal), สายการบินคาร์โก้​ (Air Cargo Fleet) และศูนย์ตรวจสอบคุณภาพสินค้าเกษตร-อาหารแบบครบวงจรในคาร์โก้เทอร์มินัล

โดยร่วมมือกับภาครัฐและภาคเอกชนในพื้นที่ดำเนินการที่ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ ท่าอากาศยานนานาชาติดอนเมืองและท่าอากาศยานภูมิภาคที่มีความพร้อมเช่นเชียงใหม่ ขอนแก่น หาดใหญ่ ภูเก็ต เป็นต้นเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยในการส่งออกสินค้าเกษตรและอาหารเป็นการบริหารโอกาสของประเทศไทยภายใต้วิกฤติโควิด19

ทั้งนี้สถาบันอาหารประเมินว่าในปี 2564 การส่งออกสินค้าอาหารของไทยจะมีมูลค่า 1.08-1.10 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.2-12.2% เทียบกับปีที่ผ่านแม้จะได้รับผลกระทบจากวิกฤติการณ์โควิด 19 สะท้อนถึงศักยภาพของประเทศไทย

สำหรับศูนย์ตรวจสอบคุณภาพสินค้าเกษตร-อาหาร ณ คาร์โกเทอร์มินัลซึ่งทำหน้าที่ให้บริการตรวจสอบรับรองสินค้าเกษตรและอาหารทั้งสินค้าพืช ประมง และปศุสัตว์ตามมาตรฐานสากลจะต้องบริการด่วน​ (Express Service) แบบวันสต็อปเซอร์วิสใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่เพื่อลดเวลาและค่าใช้จ่ายของภาคเอกชนทั้งนำเข้าและส่งออกเพื่อบรรลุเป้าหมายการเป็นฮับการผลิตและขนส่งสินค้าเกษตรและอาหารของอาเซียน

นายอลงกรณ์กล่าวว่า ดร.เฉลิมชัยได้แจ้งต่อที่ประชุมว่าได้หารือเบื้องต้นกับนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเกี่ยวกับโครงการแอร์คาร์โก้สินค้าเกษตร และมอบที่ปรึกษารัฐมนตรีเกษตรเร่งประสานความร่วมมือกับทุกภาคส่วนต่อไปโดยเร็ว 

“นอกจากนี้ผู้ประกอบการบินได้นำเสนอสถานการณ์ของธุรกิจการบินและแนวทางการพัฒนาสายการบินขนส่งสินค้าทางอากาศในลักษณะโลคอสต์แอร์คาร์โก้โดยมุ่งเป้าหมายตลาดจีน ญี่ปุ่น เกาหลี ตะวันออกกลาง ยุโรปและอเมริกาด้วยอัตราค่าบริการถูกกว่าอัตราค่าขนส่งในปัจจุบันและเห็นด้วยกับนโยบายของรัฐมนตรีเกษตรฯ​ โดยพร้อมให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่เนื่องจากการส่งออกสินค้าเกษตรและอาหารต้องการความสะดวกรวดเร็วส่งถึงลูกค้าปลายทางทั่วโลกด้วยคุณภาพและมาตรฐานระดับสากลซึ่งการขนส่งทางอากาศคือคำตอบ”


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top