Thursday, 9 May 2024
WEEKEND NEWS

'เฉลิมชัย'​ เดินหน้า '5ยุทธศาสตร์'​ ฝ่าวิกฤตโควิด จับมือเอกชน เร่งพัฒนา 'แอร์คาร์โก'​ พร้อมตั้งศูนย์ตรวจสอบคุณภาพมาตรฐานสินค้าเกษตรอาหาร เพิ่มศักยภาพการส่งออกเริ่มแห่งแรกที่ดอนเมืองก่อนขยายไปสุวรรณภูมิ ตั้งเป้าฮับอาเซียน

นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ แถลงวันนี้ (13​ มิ.ย) ว่า ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้สั่งการให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เร่งดำเนินการพัฒนาระบบการขนส่งทางอากาศ (Agriculture and Food Air Cargo Terminal: AFCT) สำหรับการส่งออกสินค้าเกษตรและอาหาร ซึ่งจะมีการจัดตั้ง 'ศูนย์ตรวจสอบคุณภาพสินค้าเกษตร-อาหาร'​ โดยเริ่มโครงการนำร่องที่ท่าอากาศยานนานาชาติดอนเมือง และท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิเป็นลำดับถัดไปก่อนจะขยายโครงการไปยังท่าอากาศยานภูมิภาคที่มีความพร้อมเช่น​ เชียงใหม่, ขอนแก่น, หาดใหญ่, ภูเก็ต เป็นต้น​ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศในภาคเกษตรอาหารซึ่งเป็นโอกาสของประเทศไทยภายใต้วิกฤติโควิด19

นายอลงกรณ์​ กล่าวต่อไปว่า การส่งออกสินค้าเกษตรและอาหารต้องการความสะดวกรวดเร็วส่งถึงลูกค้าปลายทางทั่วโลกด้วยคุณภาพและมาตรฐานระดับสากล​ โดยคงความสดสะอาดอร่อยสามารถเพิ่มเวลาการบริโภคหรือเวลาการขาย (Shelf life) มากขึ้น

สำหรับศูนย์ตรวจสอบคุณภาพสินค้าเกษตรอาหาร ณ คาร์โกเทอร์มินัล​ ทำหน้าที่ให้บริการตรวจสอบรับรองสินค้าเกษตรอาหารเพื่อส่งออกตามเงื่อนไขของประเทศผู้นำเข้า และเป็นไปตามมาตรฐานสากล ประกอบด้วย สินค้าพืช ประมง และปศุสัตว์ โดยให้บริการกับผู้ขอรับบริการทั่วไปแบบวันสต็อปเซอร์วิสเพื่อบรรลุเป้าหมายการเป็นฮับการผลิตและขนส่งสินค้าเกษตรและอาหารของอาเซียน

“อย่างไรก็ตาม จากสถานการณ์การระบาดของเชื้อโรคโควิด19 ที่ได้ส่งผลกระทบต่อการส่งออกและนำเข้าสินค้าเกษตรในปีที่ผ่านมา การประเมินการส่งออกอาหารของไทยในปี 2564 โดยสถาบันอาหาร คาดการณ์ว่าสินค้าอาหารของไทยจะมีมูลค่า 1.08-1.10 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.2-12.2% เทียบกับปีที่ผ่านมาที่หดตัวจากผลกระทบของโควิด19 

"ดังนั้น ภายใต้ความร่วมมือระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์และภาคเอกชน จึงเป็นกลไกที่สำคัญในสนับสนุนการส่งออกผลิตสินค้าเกษตรและอาหารที่มีคุณภาพตามมาตรฐานสากล และความปลอดภัยของสินค้าเกษตรไทย จะเป็นส่วนสำคัญในการรักษาความเชื่อมั่นของตลาดต่างประเทศ เพิ่มปริมาณและมูลค่าสูงขึ้น และส่งผลกระทบเชิงบวกต่อเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวมต่อไป”

นายอลงกรณ์​ กล่าวอีกว่า​ โครงการนี้เป็นส่วนหนึ่งของการเดินหน้ายุทธศาสตร์ 'ตลาดนำการผลิต'​ ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน ที่จะขับเคลื่อนการทำงานด้วย 5 ยุทธศาสตร์ และ 15 แนวทางนโยบายหลักโดยเฉพาะยุทธศาสตร์ตลาดนำการผลิตเป็นยุทธศาสตร์หลักเพื่อปฏิรูปภาคเกษตรและ การพัฒนาระบบโลจิสติกส์ด้านการเกษตร เพื่อตอบสนองต่อห่วงโซ่อุปทาน ที่เปลี่ยนแปลงไป และเพื่ออํานวยความสะดวกในการส่งออก และนําเข้าสินค้าเกษตร

ตำรวจเตือน!! ผู้มีรสนิยมชื่นชอบ 'สื่อลามกเด็ก'​ มีไว้ในครอบครอง-ส่งต่อ-ขาย ระวังจะติดคุกรับโทษหนัก

ตำรวจเตือน!! ผู้มีรสนิยมชื่นชอบ 'สื่อลามกเด็ก'​ มีไว้ในครอบครอง-ส่งต่อ-ขาย ระวังจะติดคุกรับโทษหนัก

จากกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนภาค 5 ใช้เครื่องมือพิเศษจับครูอัตราจ้างโรงเรียนชื่อดังแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงราย โหลดคลิปลามกเด็กนับร้อย โดยที่เจ้าตัวรับสารภาพอ้างว่าเก็บไว้ดูเล่น  

สำหรับกรณีดังกล่าว พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองผู้บังคับการปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.)​ ในฐานะรองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ในเรื่อง สื่อลามกเด็ก หรือ ที่เรียกว่า Child Pornography นั้น ต่างประเทศให้ความสำคัญกับเรื่องนี้อย่างมาก​ เพราะถือว่าเป็นการละเมิดสิทธิของเด็ก 

ในประเทศไทยก็เช่นกัน มีการบัญญัติไว้ใน ประมวลกฎหมายอาญา ซึ่งมีอัตราโทษค่อนข้างสูงโดยหากมีในครอบครองโดยมีเจตนาเพื่อแสวงหาประโยชน์ในทางเพศสำหรับตนเองหรือผู้อื่น​ ก็ถือเป็นความผิด มีอัตราโทษจำคุกถึง 5 ปี ดังเช่นในกรณีที่มีการจับกุมดังกล่าว  

หากส่งต่อสื่อลามกเด็ก หรือ หากเป็นการประกอบการค้าเกี่ยวกับสื่อลามกเด็ก อัตราโทษก็จะยิ่งสูงขึ้นไปอีก 

สำหรับสื่อลามกเด็กคือ ภาพหรือคลิปลามกของบุคคลอายุต่ำกว่า 18 ปี ที่มีลักษณะทำให้เกิดความใคร่ทางกามารมณ์ ซึ่งจะมีกลุ่มบุคคลที่มีรสนิยมชื่นชอบสื่อลามกเด็ก พยายามเข้าถึงเว็บไซต์สื่อลามกเด็ก แล้วดาวน์โหลดเก็บไว้ในโทรศัพท์ หรือ อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ บางครั้งอาจมีการส่งต่อให้กับเพื่อนหรือบุคคลในกลุ่มที่มีรสนิยมเดียวกัน ซึ่งเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมายทั้งสิ้น โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะมีการเพิ่มความเข้มข้นกับการบังคับใช้กฎหมายในเรื่องนี้อย่างต่อเนื่อง เพราะเป็นการกระทำที่ไม่สมควรกับเด็กและเยาวชน 

จึงอยากจะฝากเตือนบรรดาผู้มีรสนิยมชื่นชอบสื่อลามกเด็กให้หยุดพฤติกรรมดังกล่าว เพราะอาจถูกจับกุมดำเนินคดี​ ซึ่งมีอัตราโทษค่อนข้างสูง

สำหรับกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับสื่อลามกอนาจารเด็ก มีดังนี้...

มาตรา 287/1 ผู้ใดครอบครองสื่อลามกอนาจารเด็กเพื่อแสวงหาประโยชน์ในทางเพศสำหรับตนเองหรือผู้อื่น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ถ้าผู้กระทำความผิดตามวรรคหนึ่งส่งต่อซึ่งสื่อลามกอนาจารเด็กแก่ผู้อื่น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินเจ็ดปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

และ​ มาตรา 287/2 ผู้ใด​ (1) เพื่อความประสงค์แห่งการค้า หรือโดยการค้า เพื่อการแจกจ่ายหรือเพื่อการแสดงอวดแก่ประชาชน ทำ ผลิต มีไว้ นำเข้าหรือยังให้นำเข้าในราชอาณาจักร ส่งออกหรือยังให้ส่งออกไปนอกราชอาณาจักร พาไปหรือยังให้พาไปหรือทำให้แพร่หลายโดยประการใด ๆ ซึ่งสื่อลามกอนาจารเด็ก

(2) ประกอบการค้า หรือมีส่วนหรือเข้าเกี่ยวข้องในการค้าเกี่ยวกับสื่อลามกอนาจารเด็ก จ่ายแจกหรือแสดงอวดแก่ประชาชนหรือให้เช่าสื่อลามกอนาจารเด็ก

(3) เพื่อจะช่วยการทำให้แพร่หลาย หรือการค้าสื่อลามกอนาจารเด็กแล้ว โฆษณา หรือไขข่าวโดยประการใดๆ ว่ามีบุคคลกระทำการอันเป็นความผิดตามมาตรานี้ หรือโฆษณาหรือไขข่าวว่าสื่อลามกอนาจารเด็กดังกล่าวแล้วจะหาได้จากบุคคลใด หรือโดยวิธีใดต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สามปีถึงสิบปี และปรับตั้งแต่หกหมื่นบาทถึงสองแสนบาท

สำนักงานตำรวจแห่งชาติขอความร่วมมือมายังพี่น้องประชาชน หากพบเห็นการกระทำผิดกฎหมายดังกล่าว กรุณาแจ้งเบาะแสไปยังสายด่วน 191 และสายด่วนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ 1599 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

กลุ่ม อินเตอร์ลิ้งค์ฯ จัดสัมมนา Total Cabling & Networking Solution มุ่ง​ Update Solution สายสัญญาณและอุปกรณ์การเชื่อมต่อยุคใหม่

#INTERLINK

(12 มิ.ย. 2564) คุณสมบัติ อนันตรัมพร ประธาน กลุ่ม อินเตอร์ลิ้งค์ฯ จัดสัมมนา Total Cabling & Networking Solution ซึ่งเดินทางมาถึงภูมิภาคสุดท้าย​แล้ว​ ให้กับกลุ่มลูกค้าจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กว่า 100 คน

โดยนำทีมวิทยากรชั้นนำมา Update Solution สายสัญญาณและอุปกรณ์การเชื่อมต่อที่พัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อต่อยอดไอเดียให้เกิดธุรกิจใหม่แก่ลูกค้าภาคอีสานโดยเฉพาะ

Live จากเขาใหญ่ (แล้วพบกันใหม่อีกครั้งที่งาน VIP Thank you party เร็วๆ นี้)

'ผบ.ตร.' จัดสอบวัดความรู้ตำรวจจราจรทั่วประเทศ คัดสรรเจ้าหน้าที่ให้ได้ระดับมาตรฐานสากลที่ประชาชนต้องการ

วันนี้ (12 พ.ค.64) เวลา 10.00 น. ที่กองบัญชาการศึกษา (บช.ศ.) พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารงานจราจร (ศจร.ตร.) พร้อมด้วย พล.ต.ท.ปรีชา เจริญสหายานนท์ ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.ฯ ได้มาสังเกตการณ์ดูการทดสอบความรู้ความสามารถ ตำรวจจราจรตั้งแต่ระดับ รอง ผกก. ถึง ผบ.หมู่ ทั่วประเทศ ผ่านระบบออนไลน์ ทางเว็บไซต์ ศจร.ตร. www.tpot.police.go.th 

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ฯ กล่าวว่า พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ​ ได้กำหนดวิสัยทัศน์ตำรวจให้ "เป็นองค์กรบังคับใช้กฎหมายที่นำสมัย ในระดับมาตรฐานสากล เพื่อให้ประชาชนเชื่อมั่นศรัทธา" โดยเฉพาะงานด้านจราจร ซึ่งมีระเบียบ กฎหมาย เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา รวมถึงสถานการณ์หลากหลายรูปแบบที่ต้องเผชิญกับผู้ที่ไม่เคารพกฎจราจร นำมาซึ่งความไม่ปลอดภัยบนท้องถนน และรวมถึงตัวเจ้าหน้าที่เองด้วย ดังนั้น จึงต้องมีการอบรมและทดสอบความรู้ ทั้งในข้อกฎหมาย แนวทางการปฏิบัติ และการใช้ดุลยพินิจในแต่ละเหตุการณ์ ซึ่งต้องทำให้เป็นรูปแบบมาตรฐานเดียวกัน

การทดสอบในครั้งนี้ จะมีทั้งวิชากฎหมาย และความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับงานจราจร ผู้เข้าสอบจะต้องทำข้อสอบให้ได้ 100% เต็ม ในส่วนของวิชากฎหมาย และ 70% ในส่วนของความรู้ทั่วไป​ หากสอบไม่ผ่านตามเกณฑ์ที่กำหนด จะให้โอกาสเข้ารับการทดสอบใหม่อีกครั้ง และหากยังไม่ผ่านอีก จะให้งดการปฏิบัติหน้าที่ในการบังคับใช้กฎหมายเป็นการชั่วคราว

การทดสอบ จะดำเนินการภายใต้มาตรการทางสาธารสุขอย่างเคร่งครัด เนื่องจากยังอยู่ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด 19 โดยในกรุงเทพมหานครและจังหวัดที่เป็นพื้นที่สีแดง จะจัดทดสอบ ณ สถานีตำรวจ สำหรับจังหวัดอื่น จะทดสอบ ณ ที่ทำการ ภ.จว. นั้นๆ โดยมีตำรวจจราจรทั่วประเทศเข้ารับการสอบทั้งสิ้น 18,811 นาย จำนวน​ 625  สนามสอบทั่วประเทศ

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ฯ ย้ำว่า ผบ.ตร. มุ่งเน้นให้ตำรวจจราจต้องพัฒนาองค์ความรู้ใหม่ๆ และเพิ่มพูนทักษะในการปฏิบัติงานอยู่เสมอ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพอย่างสูงสุดในการอำนวยความสะดวกการจราจรแก่ประชาชน และบังคับใช้กฎหมายกับผู้ที่ฝ่าฝืน เพื่อลดอุบัติเหตุบนท้องถนน รวมทั้งต้องสามารถอธิบายข้อกฎหมาย ขั้นตอนการปฏิบัติ ตอบปัญหาข้อสงสัย ให้แก่ประชาชนได้อย่างถูกต้องเป็นมาตรฐานเดียวกัน 

‘นักธุรกิจ_ใจบุญ’ มอบหมายให้  ‘ผู้นำคนพิการ’ เป็นสะพานบุญถวายเก้าอี้ แด่พระภิกษุสงฆ์

บุษราวรรณ  นวเลิศพร กรรมการผู้จัดการโรงแรมคูณ สุขุมวิท107 มอบหมายให้ ชีวานนท์ พรรัตน์ธนิกกุล นายกสมาคมสหพันธ์แรงงานคนพิการไทย และที่ปรึกษาประธานคณะกรรมาธิการคุ้มครองผู้บริโภคสภาผู้แทนราษฎร


พร้อมด้วย นายณัฐวุฒิ เหมือนเพชร / นายสิทธิชัย เพ็งพานิช / นายชัชชัย แก้วธรรม (กลุ่มจิตอาสาเพื่อทำดี) เป็นตัวแทนเข้ากราบนมัสการ พระครูวิบูลย์สีลวัฒน์ หรือ ‘หลวงพ่อถวิล’ เจ้าอาวาสวัดบางหัวเสือ ต.บางหัวเสือ อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ และ  ‘พระครูสุนทรสุตสาร’ หรือ ‘หลวงพ่อพยุง กตปุญโญ’   เจ้าอาวาสวัดท้องคุ้ง ต.บางหญ้าแพรก อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ  นำ ‘เก้าอี้’ ถวายให้กับทั้ง 2 วัด วัดละ 50 ตัว รวมเป็นจำนวน 100 ตัว ใช้ในงานกิจกรรมต่างๆของทางวัด และเพื่อเป็นประโยชน์ต่อ ‘พุทธศาสนา’ และ ‘ฆราวาส’ ต่อไป

โดย ‘พุทธศาสนิกชน’ ต่างมีความเชื่อกันว่าหากใครได้ร่วมทำบุญให้แด่ พระภิกษุ สามเณร จะทำให้ไปเกิดในตระกูลที่มั่งคั่ง มีความมั่งมีศรีสุขมากด้วยสมบัติและข้าทาสบริวาร และผลบุญกุศลที่ได้สะสม ในปัจจุบันก็จะส่งให้อนาคตในภายภาคหน้าจะมากไปด้วยทรัพย์สมบัติบริบูรณ์ มีกิน มีใช้ไม่ขาดมือ  มีคนเคารพหน้าถือตามากมาย  จึงขออนุโมทนาผลบุญนี้ไปยังทุกๆท่านๆโดยถ้วนหน้า เทอญ. สาธุ
 

'มูลนิธิพระมหาไถ่เพื่อพัฒนาคนพิการ'​ ชวนบริจาค!! ช่วยสานฝัน ปันสุข สร้างอนาคต ให้คนพิการ ได้ท้องอิ่ม มีแรงสู้ต่อไป

'มูลนิธิพระมหาไถ่เพื่อพัฒนาคนพิการ'​ ชวนบริจาค!! ช่วยสานฝัน ปันสุข สร้างอนาคต ให้คนพิการ ได้ท้องอิ่ม มีแรงสู้ต่อไป

เมื่อวันศุกร์ที่ 4 มิถุนายน 2564 'มูลนิธิพระมหาไถ่เพื่อพัฒนาคนพิการ'​ องค์กรสาธารณะกุศลด้านคนพิการ ที่ดูแลผู้พิการกว่า 800 คน โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆ ณ เวลานี้เข้าขั้นวิกฤติหนัก ทั้งข้าวสาร อาหารแห้ง และของใช้จำเป็นในการเลี้ยงดูคนพิการที่อยู่ในความดูแล ขาดแคลน เดือนร้อนถ้วนหน้า วอนพี่ๆ​ น้องๆ​ และประชาชน ช่วยบริจาคข้าวสาร อาหาร และของใช้จำเป็นต่างๆ เพื่อต่อลมหายใจให้คนพิการ ให้ท้องอิ่ม มีแรงสู่ชีวิตต่อไป เผยหลังโควิด-19 พ่นพิษยอดบริจาคลด กระทบหนัก เป็นช่วงเวลาที่คนไทยต้องช่วยกัน หรือท่านจะใดสะดวกบริจาคเป็นเงินได้ที่ ธนาคารกรุงเทพ สาขาบางละมุง ชื่อบัญชี มูลนิธิพระมหาไถ่เพื่อการพัฒนาคนพิการ เลขที่บัญชี : 342-3-04066-0 โดยในการบริจาคสามารถนำใบเสร็จไปลดหย่อนภาษีได้ สนใจให้การข่วยเหลือ โทรศัพท์ 02-572 4042 ต่อ 8100, 8102   

'ดร.สุภรธรรม มงคลสวัสดิ์'​ เลขาธิการ มูลนิธิพระมหาไถ่เพื่อการพัฒนาคนพิการ เปิดเผยถึงการระบาดระลอก 3 ของ โควิด-19 ที่รุนแรงกว่าเดิม ส่งผลให้สภาวะเศรษฐกิจที่ทำท่าจะดีกับตกต่ำอย่างต่อเนื่องลงไปอีก อันเป็นเหตุให้การดำเนินงานของมูลนิธิพระมหาไถ่เพื่อการพัฒนาคนพิการ ได้รับผลกระทบอย่างหนักถึงขึ้นวิกฤติก็ว่าได้

เนื่องจากขาดแคลนข้าวสารอาหารและของใช้จำเป็นต่างๆ อย่างหนัก​ โดยทางมูลนิธิฯ​ จำเป็นต้องบริโภคข้าวสาร 7​ หมื่นกิโลกรัมต่อปี สืบเนื่องจากมูลนิธิฯ มีนักเรียนและนักศึกษาทึ่เป็นคนพิการในความดูแลที่อาศัยอยู่ประจำ รวมบุคลากรและครู ซึ่งอยู่ในความดูแลกว่า 800 คน โดยทั้งหมดนี้​ มูลนิธิฯ​ ดูแลโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆ เพื่อให้ความช่วยเหลือคนพิการในทุกๆ เรื่องเพื่อให้พวกเขาเหล่านี้มีวิชาชีพ สามารถนำไปประกอบอาชีพที่ยั่งยืน มีรายได้เลี้ยงตนเอง ครอบครัว และอยู่ในสังคมได้อย่างเท่าเทียม  

นอกจากนี้ สถาบันศึกษาในการดูแลของมูลนิธิฯ​ ทั้ง 4 แห่งเป็นการให้บริการแบบประจำที่มูลนิธิฯ​ จะต้องดูแลทั้งในเรื่องที่พัก อาหาร การจัดการศึกษาและกิจกรรมอื่นๆ​ ที่เกี่ยวข้อง เนื่องจากคนพิการมีฐานะยากจน ดังนั้นมูลนิธิฯ​ จะต้องหางบประมาณเพื่อนำมาใช้ในการบริหารจัดการ โดยการรับบริจาคจากผู้มีจิตศรัทธา รวมไปถึงการขอรับการสนับสนุนจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชน

“สำหรับเรื่องของอาหาร ถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ณ เวลานี้ เนื่องจาก สต๊อกข้าวสารอาหารแห้งและของใช้จำเป็นของมูลนิธิลดลงอย่างมาก เรียกว่าเข้าขั้นวิกฤติก็ว่าได้ จึงวอนขอความเมตตาจาดผู้มีจิตศรัทธาที่พอจะมีกำลัง​ ให้ช่วยบริจาคข้าวสาร อาหารและของใช้จำเป็นต่างๆ อาทิ นม ทิชชู่ น้ำมันพืช หน้ากากอนามัย แอลกอฮอล์ทั้งแบบเจลและแบบน้ำ เป็นต้น เพื่อต่อลมหายใจให้คนพิการ ให้ท้องอิ่ม มีแรงสู่ชีวิตต่อไป 

หรือท่านใดไม่สะดวก​ สามารถบริจาคเงินช่วยเหลือผู้พิการเหล่านี้ได้ โดยโอนเงินผ่าน ธนาคารกรุงเทพ สาขาบางละมุง ชื่อบัญชี มูลนิธิพระมหาไถ่เพื่อการพัฒนาคนพิการ เลขที่บัญชี : 342-3-04066-0 ทั้งนี้นำใบเสร็จไปลดหย่อนภาษีได้หรือสอบถามรายละเอียด โทรศัพท์ 02-572 4042 ต่อ 8100, 8102 มือถือ 099-394-4795, 094-665-2223” เลขาธิการมูลนิธิฯ กล่าวในท้ายสุด

'คนพิการ'​ น้ำตาคลอ!! ซึ้งใจได้รับบริจาค 'รถวีลแชร์'​ เพื่อใช้งานในชีวิตประจำวัน

นายชีวานนท์ พรรัตน์ธนิกกุล นายกสมาคมสหพันธ์แรงงานคนพิการไทย และตำแหน่งคณะอนุกรรมการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการด้านแรงงาน ได้รับมอบ 'รถวีลแชร์'​ จาก 'นายสายันต์  ดีเลิศ'​ นายกสมาคมส่งเสริมอาชีพและช่วยเหลือรถเข็นเพื่อคนพิการ (จ.ปทุมธานี) จำนวน 1 คัน เพื่อส่งต่อมอบไปยัง 'ผู้สื่อข่าว'​ ในพื้นที่ ซึ่งติดต่อขอความช่วยเหลือผ่านทาง รายการ "คนละไม้_คนละมือ" ว่า... 

มี "คนพิการ" คนหนึ่งมีความลำบากในการลุก ในการนั่ง ในการเคลื่อนย้ายตัวเอง อยู่บ้านเลขที่ 14 หมู่ที่ 14 ต.คลองกระจัง อ.ศรีเทพ จ.เพชรบูรณ์ 67170 ทราบต่อมาคือ "นายเทียม ซีกพุดซา" อายุ 54 ปี เป็นสามี "นางสวิง ซีกพุดซา" อายุ 54 ปี มีอาชีพทำไร่ทำนา อาศัยอยู่บ้าน เนินโบสถ์ บ้านเลขที่ 14 หมู่ที่ 14 ต.คลองกระจัง อ.ศรีเทพ จ.เพชรบูรณ์ 67170 

นางสวิง ซีกพุดซา ผู้เป็นภรรยา เป็นผู้ป่วยติดเตียง มีโรคประจำตัว 2 อย่าง ความดันโลหิตสูง และ ไต ได้กินยามาตลอด 

เมื่อเดือน มีนาคม 2561 มีอาการ แขน ขา อ่อนแรง หมอเอกซเรย์พบเนื้องอกในสมองทั้ง 2 ข้าง ทางโรงพยาบาลวิเชียรได้ส่งตัวไปโรงพยาบาลเพชรบูรณ์ เพื่อทำการผ่าตัดด่วน เพราะเนื้องอกใหญ่และบีบสมอง​ โดยได้ทำการผ่าตัดวันที่ 8 มีนาคม 2561 แต่หลังจากนั้นก็เดินไม่ได้เป็นอัมพาตซีกซ้ายกลายเป็นผู้ป่วยติดเตียง ทางครอบครัวยากจนมาก​ จึงจำเป็นต้องขายที่อยู่อาศัยเพื่อนำเงินมาเป็นค่าใช้จ่าย เพราะผู้ป่วยชักบ่อยมาก​ ต้องทนทุกข์ถึง 11 เดือน และต่อมาต้องผ่าตัดอีกเป็นครั้งที่ 2 ในวันที่ 4 มกราคม 2562 โดยเอากะโหลกออกแล้วสูญเสียความทรงจำ

ด้วยความยากลำบากต้องขายบ้านอีกครั้งหนึ่งเพื่อค่าใช้จ่ายประจำวัน ทุกวันนี้ขัดสนมาก เงินจะซื้อแพมเพิสผู้ใหญ่ ก็ไม่มี อาศัยอยู่ที่ดินของแม่ยาย ไร่นาไม่มีทำ ไม่มีรายได้​ เพราะนายเทียมต้องดูและนางสวิงตลอดเวลา จึงขอความเมตตาจากท่านทั้งหลายในครั้งนี้ด้วยครับ

หากท่านผู้ใดมีเมตตากรุณาอยากช่วยเหลือครอบครัวนี้​ ก็สามารถติดต่อได้ที่ นายเทียม ซีกพุดซา ได้ที่ (โทร 081-182-4417) หรือจะช่วยในเรื่องของใช้ก็ได้ โดยเฉพาะแพมเพิสผู้ใหญ่ ใช้เบอร์ m หรือถ้าจะช่วยเหลือเรื่องเงินก็ได้ที่บัญชีธนาคาร 020162419474 ธนาคารเพื่อการเกษตร สาขาศรีเทพ จ.เพชรบูรณ์ นายเทียม ซีกพุดซา สามีผู้ป่วย

ภาพ/ข่าว   ปัทมพร  สีทอง

'จุรินทร์ - อลงกรณ์'​ รุดพื้นที่เพชรบุรีให้กำลังใจบุคลากรดูแลผู้ป่วยโควิด-19 พร้อมติดตามความคืบหน้าโครงการการค้าออนไลน์ของตลาดกลางสินค้าเกษตรท่ายางภายใต้ยุทธศาสตร์​ '1 เปิด 1 ปิด'​

ที่โรงพยาบาลสนามชั่วคราว​ (ศูนย์การภาพบำบัด) อำเภอเขาย้อย จังหวัดเพชรบุรี นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี​ และรัฐมนตรีว่าการกระทาวงพาณิชย์, นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์พร้อมด้วยนายอภิชาติ สุภาแพ่ง ที่ปรึกษารมช.พาณิชย์, นายอรรถพร พลบุตร คณะที่ปรึกษารมช.สาธารณสุข​ และ​ ดร.กัมพล สุภาแพ่ง คณะที่ปรึกษารัฐมนตรีเกษตรฯ​ ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจกับบุคลากรทางการแพทย์ที่ปฏิบัติงานดูแลผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ซึ่งเป็นแรงงานชาวเมียนมาและแรงงานไทยบางส่วน ในคลัสเตอร์ของโรงงานแคลคอมฯ 

ทั้งนี้ได้มอบถุงยังชีพเป็นเครื่องอุปโภคบริโภค เพื่อให้ผู้ที่เกี่ยวข้องนำไปแจกจ่ายให้กับประชาชนผู้ที่เดือนร้อนได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ดังกล่าว เป็นการช่วยเหลือในเบื้องต้น โดยมี นายภัคพงศ์ ทวิพัฒน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี พร้อมด้วย นางวิพร แววศรีผ่อง นายอำเภอเขาย้อย, นายแพทย์ สุทัศน์ ไชยยศ รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเพชรบุรี ร่วมให้การต้อนรับ

จากนั้น นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และคณะ ได้เดินทางต่อไปยัง ตลาดกลางการเกษตรหนองบ้วยของสหกรณ์การเกษตรท่ายาง จังหวัดเพชรบุรี เพื่อพบปะพี่น้องกลุ่มเกษตรกรชาวจังหวัดเพชรบุรี และกลุ่มเกษตรชาวนาเกลือ​ ​3​ จังหวัด​ (เพชรบุรี​ ​- สมุทรสงคราม​ - สมุทรสาคร)

พร้อมเดินเยี่ยมชมผลิตผลทางการเกษตรโดยเฉพาะความคืบหน้าโครงการพัฒนาแพลตฟอร์มการค้าออนไลน์​ ซึ่งมีบริษัทไปรษณีย์ไทยร่วมดำเนินการกับคณะอนุกรรมการอีคอมเมิร์ซของกระทรวงเกษตรฯ​ และกระทรวงพาณิชย์ภายใต้ยุทธศาสตร์ '1  เปิด 1 ปิด'​ คือ เปิดเศรษฐกิจให้เร็วที่สุดและปิดโควิดให้เร็วที่สุด โดยนายอลงกรณ์ได้ขอให้ทางรองนายกรัฐมนตรีช่วยประสานรัฐบาลให้ส่งวัคซีนมาเพิ่มให้เพชรบุรีโดยเร็วที่สุด

สำหรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในจังหวัดเพชรบุรี วันนี้ (30 พ.ค.64) มียอดผู้ติดเชื้อ จำนวน 754 ราย รวมยอดสะสม 5,191 ราย ยังครองแชมป์เป็นอันดับที่ 2 ของประเทศไทย

นอกจากนี้ในส่วนของมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดเพิ่มเติม จังหวัดเพชรบุรีมีการประกาศล็อกดาวน์ พื้นที่ใกล้เคียงซึ่งพบการแพร่ระบาดคลัสเตอร์ใหม่ เพิ่มอีก 4 ตำบล ในอำเภอเขาย้อย จังหวัดเพชรบุรี ประกอบด้วย ตำบลเขาย้อย ตำบลหนองชุมพล ตำบลหนองชุมพลเหนือ และตำบลห้วยโรง อีกทั้งยังมีการเพิ่มจุดตรวจจุดสกัดทั้ง 4 ตำบล รวม 14 จุด เพื่อป้องกันการขนย้ายกลุ่มแรงงานที่มีความเสี่ยงสูงเข้า-ออก ในพื้นที่อีกด้วย

'ผู้นำคนพิการ'​ ใจปล้ำ!! เท 'หมดหน้าตัก'​ ช่วยคนพิการไทย​ มอบของยังชีพแบบจัดเต็มในช่วงโควิด

ที่ศูนย์ฝึกอบรมอาชีพ 'สมาคมคนพิการภาคตะวันออก'​ อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี 'อาจารย์ณรงค์ ไปวันเสาร์'​ นายกสมาคมคนพิการภาคตะวันออก และตำแหน่งคณะกรรมการบริหารสมาคมคนพิการแห่งประเทศไทย เปิดศูนย์ฝึกอบรมและสร้างอาชีพ สมาคมคนพิการภาคตะวันออก ให้ 'นายชีวานนท์ พรรัตน์ธนิกกุล'​ นายกสมาคมสหพันธ์แรงงานคนพิการไทย และตำแหน่งคณะอนุกรรมการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการด้านแรงงาน เข้าชมการฝึกอาชีพการเย็บผ้า การสกรีนร้อน ซึ่งเป็นอีกหนึ่งอาชีพที่คนพิการ แต่ละประเภทสามารถนำมาเรียนรู้ และฝึกฝนเป็นการสร้างงาน สร้างรายได้ให้กับตนเองและครอบครัว โดยใช้สโลแกน "นี่ไม่ใช่โรงงาน นี่ไม่ใช่โรงเรือน แต่ที่นี่ คือ ครอบครัวของคนพิการ" 

ซึ่งนอกเหนือจากการสร้างงานสร้างอาชีพสร้างรายได้ให้กับคนพิการแล้ว​ ที่แห่งนี้ยังเป็นที่พักอาศัยของคนพิการมากกว่า 30 ชีวิต และใช้ชีวิตความเป็นอยู่ด้วยความอบอุ่น ฉันพี่น้อง โดยพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน รวมถึงยังใช้ชีวิตในการเป็นอยู่ "แบบครอบครัว" เดียวกัน อยู่ด้วยกัน กินด้วยกัน และร่วมกันส่งต่อความดีให้กับผู้อื่น เพราะคนที่ได้รับการฝึกฝน อาชีพการเย็บผ้าแล้วนั้น ยังได้รับการรับรองมาตรฐานจากสถาบันพัฒนาฝีมือแรงงานระดับชาติ เพื่อเป็น"ครูผู้สอนการเย็บผ้า" ให้กับคนพิการต่างๆในประเทศไทยมากมาย

ทั้งนี้​ ยังมีกิจกรรมเพิ่มเติม ที่ทาง "อาจารย์ณรงค์" ได้นำเสนอ​อย่าง "ผู้นำคนพิการที่ใจถึงพึ่งได้" ซึ่งเป็นการมอบข้าวสาร อาหารแห้ง เครื่องอุปโภค บริโภค ให้กับผู้แทน โดยเป็น "ผู้นำคนพิการจังหวัด" นำไปมอบส่งต่อให้กับ คนพิการ คนยากไร้ คนด้อยโอกาส ผู้ป่วยติดเตียง ตามบ้านเรือน ที่ไม่สามารถ ออกมาใช้ชีวิตทำมาหากินได้อย่างคนปกติ และยังเป็นการให้กำลังใจซึ่งกันและกัน ต่อสู้ชีวิตในช่วงสถานการณ์เชื้อไวรัสโควิด - 19 ที่กำลังแพร่ระบาดอยู่ในขณะนี้ ด้วยความห่วงใย จากใจจริง

"รวมน้ำใจคนไทยไม่ทิ้งกัน" มอบถุงยังชีพ ช่วยเหลือครอบครัวคนพิการ สู้ภัยโควิด-19

เมื่อวันเสาร์ที่ 22 พ.ค.64 เวลา 08.30 น ที่ผ่านมา​ นายชีวานนท์ พรรัตน์ธนิกกุล นายกสมาคมสหพันธ์แรงงานคนพิการไทย และ ตำแหน่งคณะอนุกรรมการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชัวิตคนพิการด้านแรงงาน และ ที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการคุ้มครองผู้บริโภค สภาผู้แทนราษฎร ลงพื้นที่มอบถุงยังชีพให้กับคนพิการและครอบครัวคนพิการ ณ​ วัดครุใน ต.บางครุ อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ

โดยได้รับความร่วมมือจาก​ นายจตุรงค์ เดชขุน ประธานศูนย์จิตอาสาช่วยคนพิการและผู้ป่วยติดเตียง สภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ จังหวัดสมุทรปราการ นายสมชัย คำใจงาม รองประธานศูนย์ฯ, นางเสาวรส เกิดโภคา หัวหน้าจิตอาสาฯ​ อำเภอเมือง, นางมิ่งขัวญ.นาคบัลลังค์ เป็น. อ.ส.ม./อ.พ.ม./จิตอาสาสภาสังคมสงเคราะห์ฯ จัดเตรียมสถานที่เพื่อรับรอง "คนพิการ" มารับมอบถุงยังชีพอย่างพร้อมเพรียงกัน

ต่อจากนั้น เวลา 13.00 น. "นายชีวานนท์ พรรัตน์ธนิกกุล" พร้อมด้วย "นายชัยพร ภูผารัตน์" ผู้อำนวยการสภาคนพิการทุกประเภทแห่งประเทศไทย เดินทางเข้าพบ นายยุทธพงษ์ เอี้ยงอ้าย เลขานุการในองค์หม่อมเจ้าอุทัยกัญญา ภาณุพันธุ์ และ นางสาวรุ่งนภา แก้วธรรม ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 16 ต.คลองสาม นายนิพนธ์ แก้วธรรม รองนายก อบต.คลองสาม พร้อมด้วยจิตอาสา เพื่อลงพื้นที่มอบถุงยังชีพตามบ้านคนพิการและครอบครัว คนยากไร้ คนด้อยโอกาส ตามเจตนารมย์ ของท่าน "กัญจนา ศิลปอาชา" ประธานมูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย ที่มอบปัจจัยให้กับ อ.ชูศักดิ์ จันทยานนท์ ประธานสภาคนพิการแห่งประเทศไทย ไปจัดซื้อเครื่องอุปโภค บริโภค สิ่งของในการดำรงชีวิต จัดเป็นถุงยังชีพ เพื่อเป็นการช่วยเหลือคนพิการและครอบครัวคนพิการ เบื้องต้นในช่วงสถานการณ์เชื้อไวรัสโควิค_ 19  และจัดสรรปันส่วนมอบหมายให้ "องค์การคนพิการระดับชาติ" นำไปช่วยเหลือคนพิการ ต่อไป

#คนละไม้_คนละมือ

ท​


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top