Saturday, 17 May 2025
NEWS FEED

‘บิ๊กป้อม’ เป็นประธานประชุมร่างแผนปฏิบัติการด้านการเสริมสร้างความมั่นคงของสถาบันหลักของชาติ เน้นทุกภาคส่วน เสริมสร้างจิตสำนึกรักและหวงแหน แสดงความจงรักภักดี ธำรงรักษาไว้ ซึ่งสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานประชุมคณะกรรมการนโยบายของสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) โดยที่ประชุมเห็นชอบ ร่างแผนปฏิบัติการด้านการเสริมสร้างความมั่นคงของสถาบันหลักของชาติ ภายใต้การปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ระยะที่ 1 (พ.ศ.2563-2565) เน้นการเสริมสร้างจิตสำนึกรักและหวงแหน แสดงความจงรักภักดี ธำรงรักษาไว้ ซึ่งสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ให้เป็นศูนย์รวมจิตใจของคนไทยทั้งชาติ โดยมีเป้าหมายที่สำคัญ คือ ให้ประชาชนมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ เทิดพระเกียรติพระมหากษัตริย์และพระบรมราชวงศ์ อย่างถูกต้องเหมาะสมตามราชประเพณี และขนบธรรมเนียมประเพณี และให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมในการธำรง รักษาไว้ ซึ่งความมั่นคง ยั่งยืน ของสถาบันพระมหากษัตริย์

ที่ประชุมรับทราบความคืบหน้าการจัดทำร่างนโยบายการบริหาร และการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (จชต.) ฉบับใหม่ ขณะนี้อยู่ระหว่างการนำเข้าสู่กระบวนการพิจารณากลั่นกรอง และรับทราบความคืบหน้าการปรับปรุงแผนส่งเสริมการอยู่ร่วมกัน ภายใต้สังคมพหุวัฒนธรรมในประเทศไทย โดยให้สอดคล้องกับ ยศ.ชาติ (2561-2580) รวมถึงผลดำเนินงานของกองอำนวยการปฏิบัตินโยบายชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน (กอ.นชท.) ด้านความมั่นคงชายแดน ผ่านกลไกทวิภาคีที่สำคัญ ส่งเสริมคุณภาพชีวิตและการช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ชายแดน เสริมสร้างความสัมพันธ์และการพัฒนาพื้นที่ของจังหวัดชายแดน โดยจะเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมหารือ เพื่อปรับปรุงแผนงานให้สอดคล้อง กับสถานการณ์ปัจจุบันต่อไป

พล.อ.ประวิตร. กล่าวว่า ทุกเหล่าทัพ ทุกกระทรวง และทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้ร่วมกันขับเคลื่อนบูรณาการทำงาน ตามแผนปฏิบัติการฯอย่างมีเอกภาพ และเร่งนำนโยบายไปสู่การปฏิบัติ เพื่อรักษาความมั่นคงและผลประโยชน์ของประเทศชาติให้ได้ผลเป็นรูปธรรม โดยยึดสถาบันพระมหากษัตริย์ เป็นศูนย์รวมจิตใจของคนไทยทั้งชาติ ดังนั้นทุกภาคส่วน พร้อมด้วยประชาชนทุกหมู่เหล่าจะต้องร่วมกัน ปกป้อง เทิดทูน และรักษาไว้ ให้อยู่คู่สังคมไทย ตลอดไป

กระทรวงศึกษาธิการ ชื่นชมเน็ตไอดอลและทุกภาคส่วน ที่ตั้งใจช่วยเด็กพื้นที่ห่างไกล ยืนยันนโยบายกระทรวงศึกษา ลดความเหลื่อมล้ำ สร้างความเท่าเทียม ครอบคลุมทุกพื้นที่

นางดรุณวรรณ ชาญพิพัฒนชัย รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ และโฆษกรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ดร.คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช) เปิดเผยว่า ตามที่ขณะนี้ในสื่อและสังคมออนไลน์ได้มีการพูดถึงกรณีการไปทำ CSR ลงพื้นที่ช่วยเหลือเด็กบนดอยของเน็ตไอดอลชื่อดัง จนกลายเป็นกระแส ดราม่าในสังคม

ทำให้หลายคนตั้งคำถามถึงกระทรวงศึกษาธิการในการบริหารจัดการโรงเรียนขนาดเล็กที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกลนั้น โดยส่วนตัวรู้สึกชื่นชมเน็ตไอดอล รวมถึงภาคส่วนต่าง ๆ ที่มีเจตนาดี ในการช่วยเหลือเด็กให้ได้รับโอกาสและถือเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับคนในสังคมในเรื่องของการแบ่งปัน และช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ตามกำลังความสามารถของแต่ละคนไม่ได้ขึ้นอยู่กับจำนวนว่ามากหรือน้อย

ทั้งนี้ในส่วนของกระทรวงศึกษาธิการ ภายใต้การกำกับดูแลของรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ดร.คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช มีความตั้งใจอย่างแน่วแน่ที่จะปฏิรูปการศึกษาทั้งในเชิงโครงสร้างและการปฏิรูปไปสู่ตัวเด็กโดยตรง ดังนั้นการที่มีโครงสร้างบางส่วนที่ยังคงเป็นปัญหาและไม่สอดรับกับแนวทางตามตามมาตรา 12 แห่งพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 จะต้องมีการปรับปรุงแก้ไขและพัฒนาให้ดีขึ้นจากเดิมในยุคนี้

ในส่วนของโรงเรียนขนาดเล็กที่กระจายอยู่ในพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศไทย ดร.คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช มีนโยบายที่ชัดเจนที่จะไม่มุ่งยุบ ในสองลักษณะคือ กรณีที่เป็นโรงเรียนขนาดเล็กที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกล ไม่มีโรงเรียนโดยรอบที่มีขนาดใหญ่ จะไม่มีการยุบหากคนในพื้นที่ยังมีความต้องการ เเต่จะเน้นไปที่การเพิ่มการพัฒนาด้วยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม การเรียนการสอน บุคคลากร ปรับปรุงกฎและระเบียบเรื่องงบประมาณการอุดหนุนต่อหัวตามความเหมาะสมและจำเป็นเพื่อให้ขับเคลื่อนต่อไปได้ ส่วนโรงเรียนขนาดเล็กที่โรงเรียนโดยรอบขนาดใหญ่ จะใช้การเชื่อมโยงเครือข่าย แลกเปลี่ยนทรัพยากรซึ่งกันและกันเป็นโรงเรียนพี่โรงเรียนน้อง เพื่อช่วยลดความเหลื่อมล้ำและสร้างความเท่าเทียมในทุกพื้นที่

นางดรุณวรรณ ยังกล่าวด้วยว่า คุณหญิงมีความตั้งใจดีที่จะพัฒนาการศึกษาไทยในทุกพื้นที่ รวมถึงในถิ่นทุรกันดาร ตามรอยเบื้องพระยุคลบาทของในหลวงรัชกาลที่ 9 และในหลวงรัชกาลที่ 10 ที่ทรงสืบสานต่อพระราชปณิธานของพระราชบิดา จึงมีความมุ่งมั่นที่จะช่วยให้เด็กไทยทุกคนมีความรู้ ด้วยนโยบายต่าง ๆ เพื่อให้สามารถพึ่งพิงตนเองได้ทั้งในยามปกติและในยามที่มีวิกฤต แต่ที่ผ่านมาอาจมีข้ออุปสรรคอยู่บ้างในเรื่องของการบริหารจัดการ กฏระเบียบ และการจัดสรรงบประมาณที่ไม่ตอบโจทย์ความต้องการที่แท้จริง จึงได้มีความพยายามแก้ไขทั้งในเชิงโครงสร้าง และตัวผู้เรียนโดยตรง และเชื่อว่าจะสามารถแก้ปัญหาต่าง ๆ ที่ค้างคาได้ในสมัยนี้

“ขอบคุณทุกคน ทุกภาคส่วนที่เห็นความสำคัญของเด็กและการศึกษาไทย ร่วมมือร่วมใจกันอย่างน่าชื่นชม ในขณะที่ภาครัฐยังมีข้อจำกัดอยู่บ้าง อยากให้กำลังใจและไม่อยากให้คนที่ทำความดีต้องรู้สึกท้อแท้กับเสียงวิจารณ์ หากทุกคนช่วยเหลือกันสังคมก็จะขับเคลื่อนต่อไปได้ เพราะประเทศชาติจะพัฒนาได้ด้วยการวางระบบรากฐานการศึกษาที่ดี มีการนำวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมมาปรับใช้เพื่อสร้างคนไทยให้สอดรับกับศตวรรษที่ 21 ” นางดรุณวรรณ กล่าว

‘พุทธะอิสระ’ อดีตเจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ค ‘หลวงปู่พุทธะอิสระ (Buddha Isara)’ ระบุ อย่าวางใจกรณีม็อบ 3 นิ้ว ดูเงียบสงบ คาดรอ ‘นายใหญ่ประชาธิปไตย’ จากต่างประเทศชี้นิ้ว

หลายคนถามเข้ามาว่า พักนี้ทำไมพวกม็อบสามนิ้ว ดูจะเงียบๆ ทั้งที่ข้อเรียกร้องก็ยังไม่ประสบความสำเร็จ

ตอบแบบไม่ต้องคิด ไม่ซับซ้อน เอาง่ายๆ

เมื่อใดการเมืองของสหรัฐยังไม่ชี้ชัด ภายในประเทศประชาธิปไตยที่ใหญ่ที่สุดในโลกยังไม่สงบ ลิ่วล้อม็อบสามนิ้ว ก็ยากที่จะก่อตัว

ซึ่งยุทธวิธี ท่อน้ำเลี้ยง และกำลังเสริม ล้วนแล้วแต่เป็นนายใหญ่ประชาธิปไตย เป็นผู้ให้มาทั้งนั้น

อีกทั้งการเมืองในระดับท้องถิ่นของแนวร่วม ก็พ่ายแพ้หัวทิ่มบ่อ แบบหมอไม่รับเย็บ

ตราบใดที่ประเทศประชาธิปไตยตัวพ่อ ยังไม่ชี้ทิศทางการเมืองระหว่างประเทศลงมา และหัวหน้าแนวร่วมภายในประเทศยังไม่หายเมายาแก้แพ้ บ้านเมืองไทยในวิกฤตโควิด ก็คงยังจะดูสงบไปอีกพักใหญ่ๆ

ถามว่า แล้วพวกม็อบนักเรียนเลว ที่ออกมาเรียกร้องเรื่องการเรียนออนไลน์ แต่มาจบลงตรงยกเลิกมาตรา 112

เรียกว่า ขึ้นต้นเป็นลำไม้ไผ่ แต่จบลงท้ายดันกลายเป็นบ้องกัญชา

ถามว่า มีการชุมนุมในสถานการณ์โรคระบาดและประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเช่นนี้ แสดงว่า ปี่กลองการชุมนุมจะเริ่มขึ้นแล้วใช่ไหม

ตอบว่า มองได้สองอย่าง

อย่างแรก เป็นการหยั่งเชิง ลองเรียกแขกดูว่าจะมีมวลชนเข้าร่วมมากน้อยแค่ไหน

อย่างที่สอง เป็นการสำรวจกระแสว่ายังมีผู้เห็นด้วยต่อข้อเรียกร้อง และแสดงออกแค่ไหน เพื่อจะนำมากำหนดแผนขับเคลื่อนมวลชน และเรียกความสนใจต่อนายทุนว่า จะทุ่มงบมาให้เท่าไหร่ต่อไปในอนาคต

พุทธะอิสระ


ที่มา : เฟซบุ๊ค : หลวงปู่พุทธะอิสระ (Buddha Isara)

‘ผู้บัญชาการทหาร’ สั่งทหารกองกำลังชายแดน บังคับใช้กฎหมายเข้มข้นสูงสุด จับกุมผู้ลักลอบเข้าชายแดน พร้อมคุมเข้มช่วงขึ้นทะเบียนกรณีพิเศษ วอนอย่าเหมารวมเจ้าหน้าที่รับประโยชน์จากขบวนการ หากพบข้อมูลให้แจ้งเบาะแส

พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า ในการประชุมประจำวันของกองทัพบกเมื่อเช้านี้ พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้  ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ของกองทัพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของกองกำลังชายแดนปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มที่ในการป้องกันการลักลอบข้ามแดน ลดความเสี่ยงในการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด  โดยให้ทุกคนบังคับใช้กฎหมายเข้มข้นสูงสุด  เพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นว่ามาตราการดังกล่าวจะทำให้ผู้ที่เข้าเมืองโดยผิดกฎหมายเกิดความยำเกรง 

สำหรับกรณีที่เกรงว่าในวันที่ 15 ม.ค.- 13 ก.พ. 2564 ที่เปิดให้แรงงานข้ามชาตินอกระบบสามารถขึ้นทะเบียนถูกกฎหมายเป็นกรณีพิเศษอาจส่งผลให้แรงงานต่างด้าวทะลักเข้ามาเพิ่มขึ้นนั้น  

“กองทัพยังทุ่มเทในการปฏิบัติหน้าที่ ทำงานตลอด 24 ชม. และใช้เครื่องมือที่มีอยู่เพื่อไม่ให้ผู้ที่ไม่ได้รับการตรวจคัดกรองเข้ามา  และเชื่อว่าจากมาตรการที่เราคุมเข้มอย่างต่อเนื่อง มีการจับกุมและดำเนินคดีตามกฎหมาย  ในห้วงเวลาดังกล่าวคงไม่มีใครกล้าที่จะลักลอบเข้ามา อีกทั้งขบวนการฯ ที่ขนส่งแรงงานเหล่านั้นก็ต้องหยุด เพราะรัฐเอาจริงเอาจัง อีกทั้งผู้ที่ทำผิดกฎหมายก็อาจได้ติดเชื้อโควิดได้เหมือนกัน” พ.อ.หญิง ศิริจันทร์  กล่าว

พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ กล่าวต่อว่า ขอให้เห็นใจเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานอย่างหนัก และทุ่มเทในการทำงานเพื่อป้องกันไม่ให้มีการแพร่ระบาดของเชื้อโควิดในช่วงนี้  ไม่อยากให้ใช้คำเหมารวมว่าเจ้าหน้าที่เข้าไปมีส่วนในการรับประโยชน์จากขบวนการแรงงานต่างด้าว เพราะเป็นการกระทำผิดในส่วนของบุคคลเท่านั้น  อย่างไรก็ตาม หากพบข้อมูลก็ขอให้แจ้งกองทัพบกเพื่อจะได้ดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมาย  จึงอยากให้แยกทั้งสองส่วนออกจากกัน ไม่เช่นนั้นจะเป็นการบั่นทอนกำลังใจของเจ้าหน้าที่

กระทรวงการคลัง ขยายระยะเวลาให้นายจ้างและลูกจ้างที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 หยุดหรือเลื่อนการนำส่งเงินเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพเป็นการชั่วคราว

นางสาวกุลยา ตันติเตมิท ผู้ตรวจราชการกระทรวงการคลัง รักษาราชการแทนผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังได้มีมาตรการขยายระยะเวลาการช่วยเหลือนายจ้างและลูกจ้างที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ให้สามารถหยุดหรือเลื่อนการนำส่งเงินเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (กองทุนฯ) เป็นการชั่วคราว

ตั้งแต่งวดนำส่งเงินของเดือนมกราคม 2564 จนถึงงวดนำส่งเงินของเดือนมิถุนายน 2564 โดยนับอายุการเป็นสมาชิกกองทุนฯ ต่อเนื่อง และคงสมาชิกภาพไว้ จากเดิมที่ผ่อนผันให้จนถึงงวดนำส่งเงินของเดือนธันวาคม 2563 ที่ผ่านมา ภายใต้หลักการและแนวปฏิบัติเดิม ทั้งนี้ เพื่อบรรเทาปัญหาความเดือดร้อนของลูกจ้างและนายจ้างที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การระบาดของของโรค COVID-19 ในปัจจุบัน โดยมุ่งหวังให้ลูกจ้างที่เป็นแรงงานในระบบยังคงสถานะการเป็นสมาชิกกองทุนฯ และสามารถออมผ่านกองทุนฯ หลังจากที่สถานการณ์การระบาดของของโรค COVID-19 ได้คลี่คลาย เพื่อเป็นหลักประกันรายได้และนำไปสู่ความมั่นคงทางการเงินเมื่อแรงงานในระบบเหล่านั้นผ่านพ้นวัยทำงาน 

ทั้งนี้ กระทรวงการคลังได้ออกประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง กำหนดประเภทธุรกิจ ระยะเวลา และเงื่อนไขให้ลูกจ้างหรือนายจ้างหยุดหรือเลื่อนการส่งเงินสะสม หรือเงินสมทบเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพในท้องที่ที่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจ สาธารณภัย หรือเหตุการณ์ที่ส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2564 ซึ่งได้ลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว เมื่อวันที่ 8 มกราคม 2564 และมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 9 มกราคม 2564 เป็นต้นไป

กองทัพเรือ พบกำลังพลของเรือหลวงจักรีนฤเบศรติดเชื้อ 2 นาย หลังเข้าไปใช้บริการโรงเบียร์ป๋าแดง อ.สัตหีบ ในช่วงเวลาเสี่ยงต่อการติดเชื้อ จากกรณีตรวจพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 จากโรงเบียร์ดังกล่าว เตรียมกักตัวกำลังพลบนเรือเกือบ 500 นาย

กองทัพเรือ พบกำลังพลของเรือหลวงจักรีนฤเบศรติดเชื้อ 2 นาย หลังเข้าไปใช้บริการโรงเบียร์ป๋าแดง อ.สัตหีบ ในช่วงเวลาเสี่ยงต่อการติดเชื้อ จากกรณีตรวจพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 จากโรงเบียร์ดังกล่าว เตรียมกักตัวกำลังพลบนเรือเกือบ 500 นาย

จากกรณีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในพื้นที่ภาคตะวันออก และมีนโยบายให้ตรวจคัดกรองเชิงรุกนั้น ได้มีการตรวจสอบกรณีโรงเบียร์ป๋าแดง ที่อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี พบว่ามีกำลังพลของเรือหลวงจักรีนฤเบศรได้เข้าไปใช้บริการในช่วงเวลาที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อ ภายหลังก่อนหน้านี้มีการตรวจพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 จากโรงเบียร์ดังกล่าว 

ผลเบื้องต้นมีกำลังพลของเรือหลวงจักรีนฤเบศรติดเชื้อ 2 นาย ซึ่งทางเรือหลวงจักรีนฤเบศรได้คัดแยกกำลังพลทั้ง 11 นาย ไปกักตัวที่โรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ ขณะเดียวกันตั้งแต่ช่วงเช้าเมื่อวันที่ 10 ม.ค. ที่ผ่านมา ได้มีการขอสนับสนุนเจ้าหน้าที่ระบาดวิทยาจากโรงพยาบาลอาภากรเกียรติวงศ์ ที่เป็นโรงพยาบาลทหารเรืออีกแห่งในพื้นที่อ.สัตหีบ ทำการตรวจคัดกรองเชิงรุกกำลังพลทั้งหมดบนเรือ เนื่องจากเรือหลวงจักรีนฤเบศรเป็นเรือขนาดใหญ่ มีกำลังพลกว่า 500 นาย

ขณะที่พล.ร.ท.เชษฐา ใจเปี่ยม โฆษกกองทัพเรือ กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อมูลภายหลังรับทราบว่ามีกระแสข่าวกำลังพลบนเรือจักรีนฤเบศรติดโควิด-19 จำนวน 2 ราย ซึ่งอยู่ในระหว่างให้น.อ.จรัญ วทัญญู ผู้บังคับการเรือหลวงจักรีนฤเบศชี้แจงรายละเอียดที่แน่ชัด หากพบว่ากระแสข่าวเป็นเรื่องจริงก็จะต้องกักตัวกำลังพลบนเรือทั้งหมดที่มีประมาณ 500 นาย เพราะต้องตรวจสอบว่ากำลังพลคนใดเป็นคนนำเชื้อโควิด-19

สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เตรียมเสนอให้รัฐบาลพิจารณาแนวทางช่วยเหลือ ลดค่าใช้จ่าย พักชำระหนี้ ลดค่าไฟฟ้า ให้ผู้ประกอบธุรกิจการท่องเที่ยว ธุรกิจโรงแรม-ที่พัก หลังมีการระบาดของไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่

นายชำนาญ ศรีสวัสดิ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) เปิดเผยว่า สทท.ได้รวบรวมข้อเสนอของสมาชิกในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวทั้งระบบ เพื่อเตรียมเสนอให้กับรัฐบาลพิจารณาแนวทางช่วยเหลือหลังจากมีการระบาดของไวรัสโควิด-19 เกิดขึ้นมาอีกระลอก ทั้งการลดค่าใช้จ่าย และผลกระทบจากต้นทุนต่างๆ ที่ผู้ประกอบธุรกิจต้องแบกรับ การเสนอแนวทางเสริมสร้างรายได้ และการขอให้ภาครัฐช่วยหาโอกาสทางการตลาดเข้ามาช่วยเหลือ ซึ่งจะช่วยต่อลมหายใจธุรกิจท่องเที่ยวให้ผ่านพ้นช่วงวิกฤตในขณะนี้ไปได้ 

สำหรับข้อเสนอครั้งนี้มีด้วยกันหลายเรื่อง โดยด้านแรก คือ การลดค่าใช้จ่าย เช่น ขอให้สถาบันการเงินพักชำระหนี้เงินต้นละดอกเบี้ยให้กับผู้ประกอบธุรกิจในภาคการท่องเที่ยวต่อไปอีก 6เดือน หรือ 1 ปีตามความเหมาะสมของแต่ละราย หรือพักชำระนี้จนกว่าสถานการณ์กลับมาดีขึ้น รัฐบาลมีการควบคุมที่ที่ ไม่มีการระบาดซ้ำ หรือมีวัคซีนออกมาใช้ได้แล้ว โดยกรณีนี้สมาชิกได้เรียกร้องเข้ามาเป็นจำนวนมาก เพราะคงไปต่อไม่ไหวในภาวะเช่นนี้ และไม่อยากให้ธุรกิจตัวเองต้องมีภาระหนี้สะสมจนตกเป็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือเอ็นพีแอล 

รวมทั้งยังเสนอให้ภาครัฐพิจารณาลดค่าใช้จ่าย โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจโรงแรม ที่พัก โดยให้โรงแรมจ่ายค่าไฟตามปริมาณการใช้จริงแทนการจ่ายแบบเดิม ไปจนถึงสิ้นปี 64 และขอให้รัฐช่วยเหลือด้วยการช่วยจ่ายค่าแรงให้กับพนักงานในกลุ่มเป้าหมายที่ได้รับความเดือดร้อนจากการระบาดของไวรัสโควิด 50% ในลักษณะเดียวกับการจ้างนักศึกษาจบใหม่ที่กระทรวงแรงงานกำลังดำเนินการอยู่

ปลัดกระทรวงมหาดไทย ‘ฉัตรชัย พรหมเลิศ’ สั่งการผู้ว่าฯ ทุกจังหวัด ปฏิบัติงานตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เน้นย้ำมาตรการป้องกันลักลอบแรงงานต่างด้าว-ลักลอบเล่นการพนัน

ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กระทรวงมหาดไทย (ศบค.มท.) เปิดเผยว่า ศบค.มท. ได้รับข้อสั่งการเชิงนโยบายในการปฏิบัติงานตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ในด้านการป้องกันการลักลอบนำแรงงานต่างด้าวเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย การป้องกันการลักลอบเล่นการพนัน การจัดกิจกรรมเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคฯ การจัดตั้งโรงพยาบาลสนามในพื้นที่ และการประชาสัมพันธ์ แนะนำการดาวน์โหลดและการใช้งานระบบแอปพลิเคชัน “หมอชนะ” เพื่อให้การปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ 

นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินในส่วนที่เกี่ยวกับการสั่งการและประกาศกับผู้ว่าฯ และผู้ว่าฯ กทม.ได้เน้นย้ำให้ผู้ว่าฯ ทุกจังหวัด นำข้อสั่งการเชิงนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ไปขับเคลื่อนให้เกิดผลเป็นรูปธรรม ได้แก่ 

1. มาตรการป้องกันการลักลอบนำแรงงานต่างด้าวเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย  โดยประชุมร่วมกับหน่วยงานฝ่ายความมั่นคง ตำรวจ และส่วนราชการที่เกี่ยวข้องวางมาตรการเข้มงวด ทั้งในพื้นที่ชายแดน เฝ้าระวังและสกัดกั้นมิให้มีการลักลอบเดินทางเข้าประเทศโดยผิดกฎหมายผ่านช่องทางธรรมชาติ ในพื้นที่ตอนใน เพื่อคัดกรองบุคคลที่เดินทางเข้าเมืองและการขนส่งสินค้าจากประเทศเพื่อนบ้าน และในพื้นที่หมู่บ้าน/ชุมชน เพื่อสำรวจตรวจสอบบุคคลที่เดินทางเข้ามาในหมู่บ้าน/ชุมชน รวมทั้งบุคคลที่เคยอยู่ในหมู่บ้าน/ชุมชนแต่เดินทางไปทำงานในพื้นที่เสี่ยง หากพบมีเจ้าหน้าที่เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องที่ไม่เป็นไปตามระเบียบกฎหมาย รู้เห็นเป็นใจกับการลักลอบนำพาแรงงานต่างด้าวเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ให้รายงาน  ศบค.มท.ทราบ เพื่อรายงานผู้บังคับบัญชาระดับสูงต่อไป 

2. มาตรการเข้มงวดต่อการลักลอบเล่นการพนัน ให้ผู้ว่าฯ ในฐานะผอ.รักษาความมั่นคงภายในจังหวัด (ผอ.รมน.จังหวัด) ประชุมร่วมกับหน่วยงานฝ่ายความมั่นคง ตำรวจ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง วางมาตรการเข้มงวดไม่ให้มีการลักลอบเล่นการพนันในพื้นที่ และมอบหมายเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบ กำนัน และผู้ใหญ่บ้าน หาข่าว เพื่อให้พนักงานเจ้าหน้าที่จับกุม ดำเนินคดี 

3. มาตรการต่อกิจกรรมเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคฯ ให้กำชับเจ้าหน้าที่ทุกระดับถือปฏิบัติตามหนังสือสั่งการในการงดออกใบอนุญาตการจัดให้มีการเล่นการพนันชนไก่ กัดปลา ชกมวย แข่งม้า ชนโค และไพ่ผ่องไทย ตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคฯ อย่างเคร่งครัด ตลอดจนกำชับนายอำเภอ เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง กำนัน และผู้ใหญ่บ้าน มิให้มีการรับรอบจัดให้มีการแข่งขันชนไก่ กัดปลา หรือการแข่งขันในลักษณะทำนองเดียวกัน รวมทั้งแจ้งหน่วยงานที่รับผิดชอบให้มีการจัดซ้อมชนไก่หรือกิจกรรมในลักษณะทำนองเดียวกัน หากพื้นที่ใดปล่อยปละละเลยจะถือว่าเป็นความรับผิดชอบของเจ้าหน้าที่แต่ละระดับที่เกี่ยวข้อง 

4. การจัดตั้งโรงพยาบาลสนามในพื้นที่ ให้ประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดพิจารณาจัดตั้งโรงพยาบาลสนาม และเตรียมความพร้อมของวัสดุอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องรองรับการบริหารจัดการ โดยพิจารณาความเหมาะสมของสถานที่ และชี้แจงสร้างความเข้าใจกับประชาชน 

5. การประชาสัมพันธ์แนะนำการดาวน์โหลดและใช้งานระบบแอปพลิเคชัน “หมอชนะ” ให้กำชับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องร่วมกับอากาศสมัครในพื้นที่ ประชาสัมพันธ์การใช้งานระบบ แอปพลิเคชัน “หมอชนะ” และขอความร่วมมือสถานศึกษาหรือศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยในพื้นที่มอบหมายบุคลากรในสังกัดให้ความช่วยเหลือแนะนำการดาวน์โหลดและใช้งานระบบแอปพลิเคชัน “หมอชนะ” แก่ประชาชน 

ทั้งนี้  ให้ทุกจังหวัดรายงานผลการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ที่กำหนด ให้ ศบค.มท.ทราบทุกวัน และกรณีพบว่ามีการกระทำผิดกฎหมายหรือมีการจับกุมดำเนินคดี ให้รายงาน ศบค.มท. ทราบโดยทันที

โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ขอบคุณประชาชน สมัครเป็นสมาชิกพรรคมากที่สุด จนทำให้ พรรคมีจำนวนสมาชิกพรรคมากเป็นลำดับที่ 1 ย้ำ ปี 2564 ‘จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์’ สั่งลุย หาสมาชิกเพิ่มเพื่อร่วมอุดมการณ์เต็มที่

นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ได้กล่าวถึงรายงานข่าวที่ระบุถึงการตรวจสอบข้อมูลของพรรคการเมือง ที่ยื่นจดแจ้งจัดตั้งพรรคกับสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โดยยังดำเนินการอยู่ ข้อมูลล่าสุด พบว่า มีจำนวน 70 พรรคการเมือง พรรคประชาธิปัตย์ ที่มีนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ เป็นหัวหน้าพรรค มีสมาชิกพรรคมากที่สุด จำนวน 170,871 คน มีสาขาพรรค 16 สาขา ว่า

ขอขอบพระคุณประชาชนที่สมัครเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อเข้ามามีส่วนร่วมกับพรรค จนทำให้ พรรคมีจำนวนสมาชิกพรรคมากเป็นลำดับที่ 1 จากพรรคการเมืองทั้งหมด 70 พรรคการเมือง และข้อมูลสำคัญที่ยังไม่ได้มีการเปิดเผยคือ พรรคมีสาขาพรรค และตัวแทนพรรคประจำจังหวัดประจำเขตเลือกตั้ง มากที่สุดรวมเป็นจำนวน 329 เขต เพื่อเป็นกลไกสำคัญในการทำงานรับใช้พี่น้องประชาชนในทุกพื้นที่

หลักการความสำคัญของสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ เราไม่ได้ต้องการแค่จำนวนสมาชิกพรรคที่มากขึ้น แต่อยากให้ประชาชนที่สมัครเป็นสมาชิกพรรคได้มีส่วนร่วม ไม่ว่าจะเป็นการกำหนดทิศทางและยุทธศาสตร์ของพรรค การร่วมในการกำหนดนโยบาย ร่วมในการคัดเลือกตัวผู้สมัคร ส.ส.ตามกฎหมาย และที่สำคัญ ร่วมเป็นกลไกสำคัญในการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนและประเทศ สมาชิกพรรคจะร่วมในการสืบสานและถ่ายทอดอุดมการณ์ของพรรคเพื่อให้พรรคได้ก้าวต่อไปข้างหน้า บนพื้นฐานหลักคิดในสิ่งที่ดีที่ได้ประกาศตั้งต้นเป็นอุดมการณ์ โดยมีการปรับเปลี่ยนไปตามสถานการณ์ของบ้านเมืองที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ก็จะมีความทันสมัยในทุกๆเรื่องที่จะมีความสอดคล้องกับอุดมการณ์พรรคที่ได้ประกาศไว้ สิ่งที่สำคัญที่ไม่มีวันล้าสมัยคือ ความซื่อสัตย์ สุจริต ยึดมั่นในการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และมุ่งมั่นทำงานให้กับพี่น้องประชาชนและประเทศ

นายราเมศ กล่าวตอนท้ายว่า ปี 2564 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรค ยังคงเดินหน้าให้พรรคหาสมาชิกเพื่อร่วมงานกับพรรคให้ได้มากที่สุด จึงขอเชิญพี่น้องประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมกับพรรคโดยการสมัครสมาชิกพรรค ที่สำนักงานใหญ่ ผ่านตัวแทนพรรคประจำจังหวัด สาขา และ ส.ส. อดีต ส.ส.ร่วมเป็นส่วนหนึ่ง ร่วมเป็นเจ้าของพรรคประชาธิปัตย์ ร่วมสร้างพรรคด้วยกัน

‘บิ๊กตู่’ กำชับ การจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 65 ทุกหน่วยงานต้องบริหารงบประมาณรายจ่ายประจำอย่างประหยัด คุ้มค่า มีประสิทธิภาพ และสอดคล้องกับความจำเป็นในสถานการณ์ปัจจุบัน

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ได้มอบนโยบายการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ให้กับทุกหน่วยงานว่า ในการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 65 จะมีความต่อเนื่องจากงบประมาณปี 64 โดยยังคงเป็นงบประมาณแบบขาดดุลในจำนวนที่จะไม่ส่งผลกระทบต่อวินัย และความยั่งยืนทางการคลัง เพื่อขับเคลื่อนประเทศให้ก้าวพ้นจากภาวะวิกฤติที่เกิดขึ้นจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในปัจจุบัน รวมทั้งเพื่อฟื้นฟูให้เศรษฐกิจกลับมาเติบโตได้อย่างปกติ ตามศักยภาพ

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า จากวงเงินงบประมาณรายจ่ายที่มีอยู่อย่างจำกัด จึงต้องขอความร่วมมือจากทุกหน่วยงาน ต้องบริหารงบประมาณรายจ่ายประจำอย่างประหยัด คุ้มค่า มีประสิทธิภาพ และสอดคล้องกับความจำเป็นในสถานการณ์ปัจจุบัน รายจ่ายประจำที่ยังไม่มีความจำเป็นเร่งด่วน สามารถชะลอการดำเนินการออกไปได้ก็ขอให้ชะลอไปก่อน พร้อมประเมินผลสำเร็จ ว่าส่งผลให้เกิดผลสัมฤทธิ์ตามเป้าหมายที่กำหนดได้มากน้อยเพียงใด หากแผนงานหรือโครงการใดไม่เป็นไปตามเป้าหมายก็ควรยกเลิก เพื่อนำงบประมาณไปดำเนินการในแผนงานหรือโครงการอื่นต่อไป

อีกทั้ง ยังขอให้ความสำคัญกับกลุ่มเปราะบาง ได้แก่ เด็ก ผู้สูงอายุและคนพิการ เพื่อให้มีรายได้เพียงพอ ในการดำรงชีวิต และลดความเสี่ยงจากการได้รับผลกระทบจากไวรัสโควิดไปยังบุคคลอื่นและชุมชน เช่นเดียวกับการส่งเสริมการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยขอให้การจัดทำงบประมาณครอบคลุมทุกแหล่งเงิน ซึ่งรวมไปถึงหน่วยงานที่มีเงินนอกงบประมาณด้วย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top