Wednesday, 14 May 2025
NEWS FEED

14 กุมภา วันแห่งความรักเทปูน เติมความรักความเมตตา ที่วัดศรีกบินทร์

วันที่ 14 กพ.64 ที่ วัดศรีกบินทร์ ต.ย่านรี อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี จัดกิจกรรมวันแห่งความรัก เทปูน เติมความรักเพื่อให้คู่รักและครอบครัวร่วมกิจกรรมทำบุญเป็นหมู่คณะ เพื่อเสริมสร้างบารมีแก่ตัวเองและครอบครัว ภายใต้คำขวัญของวัด เชิญเทปูน เติมความรัก 14 กพ.นี้ หลังจากทางวัดบอกข่าวต่อกันไปมีผู้มีจิตศรัทธาเดินทางมายังวัดศรีกบินทร์ 30 คน บางคนมาร่วมถวายปัจจัยแก่ทางวัดบางคนนำอาหารและเครื่องดื่มมาถวาย รวมถึงคนที่อยู่ช่วยวัด เทปูน เติมความรักในวันที่ 14 กพ.เป็นวันแห่งความรัก ร่วมกันทำบุญเพื่อสะสมบุญใหญ่ที่ได้ร่วมเทปูนช่วยทางวัด

โดยทางวัดศรีกบินทร์กำลังก่อสร้างพระอุโบสถทางวัดสร้างมาได้ระดับหนึ่งแล้วตามกำลังศรัทธาของญาติโยมที่ถวายปัจจัยเพื่อสมทบทุนสร้างพระอุโบสถภายในวัด พระในวัดลงมือทำร่วมกับลูกศิษย์ วันนี้เป็นการร่วมทำบุญร่วมกันเป็นหมู่คณะเพื่อให้การก่อสร้างแล้วเสร็จโดยเร็ว พระครูกิตติ วรานุกูล เจ้าอาวาสและเจ้าคณะตำบลย่านรี เขต.2 กล่าวว่า วันนี้ลูกศิษย์ได้จัดกิจกรรมทำบุญในวันแห่งความรักเพื่อเป็นการเสริมสร้างความรักความเมตตาในครอบครัว และความรักต่อสังคมจึงได้จัดกิจกรรม เทปูน เติมความรักขึ้นอุโบสถหลังนี้หากสร้างเสร็จพระสงฆ์จะได้ใช้ในกิจวัตรสวดมนต์ไหว้พระในโอกาสต่อไป

วัดนี้ยังไม่มีโบสถ์พระจะใช้ศาลาไม้เป็นที่สวดมนต์ไหว้พระประกอบกิจของสงฆ์สำคัญสำคัญๆในวัด นส.มยุรี หลอมทอง หนึ่งในผู้ที่ปฏิบัติธรรมที่วัดประจำกล่าวว่า วันนี้ตนและเพื่อนๆมาร่วมเทปูนกับทางวัด เพื่อสะสมผลบุญให้ตัวเองวันหยุดก็จะมาปฎิบัติธรรมที่วัดนี้ทุกครั้ง เจ้าอาวาสเป็นพระนักวิปัสสนาเคร่งครัดรูปหนึ่ง...



ภาพ/ข่าว ลักขณา สีนายกอง ผู้สื่อข่าวจังหวัดปราจีนบุรี

#ชายกั๊กเขียวโดนกระทืบ ‘ไม่ใช่หมอ’ ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล แจงเหตุวุ่นวายจากการชุมนุมวันที่ 13 ก.พ. เผยมีตำรวจบาดเจ็บ 23 นาย พร้อมปัดข่าวใช้แก๊สน้ำตา - กระสุนยาง ยันชายที่ถูกทำร้าย ในแฮชแทค ‘#ตำรวจกระทืบหมอ’ ไม่ใช่หมอแต่อย่างใด

พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) ชี้แจงกรณีการชุมนุมตั้งแต่เวลา 15.00 น. เมื่อวานนี้ (13 ก.พ.) ว่า มีการจัดกิจกรรมที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย โดยตำรวจมีการตั้งจุดคัดกรองโดยรอบ และมีการประกาศแจ้งเตือนเป็นระยะว่าเป็นการกระทำผิดกฎหมาย ตาม พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน และ พ.ร.บ.ควบคุมโรค ต่อมามีการปิดเส้นทางจราจร กระทั่ง 18.00 น. กลุ่มผู้ร่วมชุมนุมชักชวนให้เดินทางไปศาลหลักเมือง ซึ่งเป็นสถานที่สำคัญ ตำรวจจึงต้องตั้งแนวกำหนดอาณาเขต เมื่อผู้ชุมนุมมาถึงมีการขว้างปาสิ่งของ ก้อนหิน ขวดน้ำ และวัตถุระเบิดแรงดันต่ำ เป็นเหตุให้มีตำรวจได้รับบาดเจ็บ แก้วหูฉีกขาด เพราะแรงอัดของระเบิดแรงดันต่ำ โดนเหล็กแหลมและก้อนหิน รวม 23 นาย
.
หลังจากมีการประกาศยุติการชุมนุม ยังคงมีผู้ชุมนุมบางส่วนก่อความวุ่นวายและชุมนุมต่อจนครบ 30 นาที เจ้าหน้าที่จึงต้องใช้การผลักดัน พร้อมยืนยันไม่ได้ใช้น้ำฉีดแก๊สน้ำตา และกระสุนยาง

ผบช.น. ระบุว่า หลังเกิดเหตุควบคุมตัวผู้ชุมนุมที่ก่อความไม่สงบ 11 ราย โดย 3 ราย เป็นกลุ่มที่ไม่ได้อยู่ในการชุมนุม แต่มีอาการเมาสุรา จึงเปรียบเทียบปรับและปล่อยตัวไป ส่วนอีก 8 ราย เป็นกลุ่มผู้ชุมนุม มีความผิดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ และ พ.ร.บ.โรคติดต่อ มั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คน ขึ้นไปก่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง และขัดคำสั่งเจ้าพนักงาน ซึ่งขณะนี้ถูกคุมตัวอยู่ที่ ตชด.ภาค 1
.
“หลังจากนี้ ตำรวจจะรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อดำเนินคดีกับผู้ชุมนุม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการทำลายทรัพย์สิน จากการรื้อถอนสิ่งของรอบอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย รวมไปถึงกลุ่มที่ทำร้ายเจ้าพนักงาน ขว้างปาสิ่งของด้วยขวด ระเบิด ก้อนหิน” พล.ต.ท.ภัคพงศ์กล่าว
.
ส่วนกรณีบุคคลที่ระบุว่าเป็นแพทย์อาสาที่อ้างว่าถูกตำรวจกระทืบ จนในโลกออนไลน์มีการติดแฮชแทค #ตำรวจกระทืบหมอ นั้น จากการตรวจสอบเบื้องต้นไม่ได้ประกอบอาชีพพยาบาล หรือแพทย์ แต่อาจทำหน้าที่แพทย์อาสาให้กับกลุ่มผู้ชุมนุม ซึ่งตำรวจมีพยานหลักฐานยืนยันว่าเป็นบุคคลที่อยู่ในกลุ่มที่ก่อความวุ่นวาย ทั้งนี้ มีรายงานว่าจากการตรวจค้นร่างกาย พบอาวุธประเภทกระบองเหล็กซุกซ่อนอยู่ภายในเสื้อ

สำหรับเหตุความวุ่นวายในพื้นที่ สน.นางเลิ้ง บริเวณสะพานผ่านฟ้า เมื่อเวลา 21.00 น.วานนี้ ตำรวจ สน.นางเลิ้ง รับแจ้งมีการยิงกัน เมื่อไปถึงและผู้ก่อเหตุยิงอยู่ในร้านสะดวกซื้อ ตำรวจจึงพยายามควบคุมตัว แต่ถูกการ์ดและผู้ชุมนุมขัดขวาง จากนั้นเมื่อมาถึง สน.นางเลิ้ง ยังก่อความวุ่นวายไม่หยุด ตำรวจชุดสืบสวนจึงต้องใช้อาวุธปืนยิงขึ้นฟ้าเพื่อระงับเหตุ

“จากการตรวจสอบพบว่า ผู้ต้องสงสัยรายนี้ ไม่ไช่ผู้ก่อเหตุยิง โดยมีพยานหลักฐานเป็นพยานบุคคล และกล้องวงจรปิด ยืนยันบุคคลดังกล่าวมารับประทานอาหารที่ร้านสะดวกซื้อ ส่วนผู้ก่อเหตุตัวจริงยังอยู่ระหว่างพิสูจน์ทราบ และติดตามตัว อย่างไรก็ตามทางเจ้าหน้าที่ได้มีการตรวจเขม่าดินปืน และอยู่ระหว่างรอผลการตรวจสอบ” ผบช.น.กล่าว

ส่วนกรณีอดีตผู้เข้าประกวดนางงามโพสต์ข้อความว่า ได้รับบาดเจ็บจากแก๊สน้ำตา ยืนยันว่า ไม่มีการใช้แก๊สน้ำตา แต่หากเจ้าตัวอยากเข้าแจ้งความร้องทุกข์ให้ปากคำก็ยินดี และจะเป็นประโยชน์กับรูปคดีอย่างมาก

พล.ต.ท.ภัคพงศ์ ยังกล่าวถึงคดีการชุมนุมที่สามย่านมิตรทาวน์ เมื่อวันที่ 16 ม.ค.ที่ผ่านมาว่า ตำรวจเตรียมออกหมายเรียกแกนนำ 3 คนที่ขึ้นเวทีปราศรัยมารับทราบข้อกล่าวหา ในวันที่ 18 ก.พ.64 ในเวลา 10.00 น. ที่ สน.ปทุมวัน

ส่วนเหตุการณ์ชุมนุมหน้าสถานเอกอัครราชทูตเมียนมา ประจำประเทศไทย เมื่อวันที่ 1 ก.พ.นั้น พนักงานสอบสวนออกหมายเรียกผู้ต้องหาเพิ่มเติม 12 คนให้มารับทราบข้อหา ในวันที่ 19 ก.พ.64 เวลา 10.00 น. ที่ สน.ยานนาวา ในจำนวนนี้มีแกนนำ 3 คน คือ นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน, นายปิยรัฐ จงเทพ หรือโตโต้ และน.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือรุ้ง

ชมรมแพทย์ชนบท ออกแถลงการณ์ ประณาม ตำรวจทำร้ายแพทย์ – พยาบาลอาสา กลางม็อบ 13 ก.พ. ระบุ เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนที่ร้ายแรง

ชมรมแพทย์ชนบท ได้ออกแถลงการณ์  เกี่ยวกับ เหตุรุนแรงที่ตำรวจทำร้าย แพทย์-พยาบาลอาสากลางม็อบเมื่อวันที่ 13 ก.พ. ที่ผ่านมา โดยระบุว่า  การปฏิบัติการช่วยเหลือ ปฐมพยาบาล รักษา รวมถึงการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยหรือผู้บาดเจ็บได้รับความคุ้มครองตามอนุสัญญาเจนีวา ฉบับที่ 2 ปี 1960

การรุมทำร้ายอาสาสมัครที่เข้ามาปฏิบัติดังกล่าวโดยไม่เลือกปฏิบัติว่า ผู้บาดเจ็บเป็นฝ่ายใด ถือเป็นการละเมิดกติการะหว่างประเทศ และเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนที่ร้ายแรง

ชมรมแพทย์ชนบท ในฐานที่เป็นหนึ่งในภาคีบุคลากรทางสุขภาพของประเทศไทย ขอประณามการกระทำดังกล่าวของเจ้าหน้าที่ตำรวจในคืนวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2564 กรณีแพทย์อาสาที่เข้าดูแลผู้ชุมนุมกลุ่มคณะราษฎรได้ถูกทำร้ายโดยเจ้าหน้าที่จนบาดเจ็บและขอเรียกร้องให้รัฐบาลออกมาชี้แจงข้อเท็จจริง พร้อมดำเนินการตามกฎหมายต่อผู้กระทำผิดโดยไม่เลือกปฏิบัติ

ทั้งนี้ชมรมแพทย์ชนบทไม่สนับสนุนการใช้ความรุนแรง หรือการยั่วยุให้มีการใช้ความรุนแรงในพื้นที่การชุมนุม ไม่ว่าการกระทำนั้นมาจากฝ่ายใด



ชมรมแพทย์ชนบท
14 กุมภาพันธ์ 2564

สถานการณ์ COVID-19 ประเทศไทยและอาเซียน (14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564)

ผู้ติดเชื้อวันนี้ 166

เสียชีวิตสะสม 80

ผู้ติดเชื้อสะสม 24,571

หายป่วยแล้ว 22,111

 

อาเซียน

ประเทศบรูไน 184

ประเทศกัมพูชา 479

ประเทศอินโดนีเซีย 1.2 ล้าน

ประเทศลาว 45

ประเทศมาเลเซีย 2.58 แสน

ประเทศพม่า 1.42 แสน

ประเทศฟิลิปปินส์ 5.47 แสน

ประเทศสิงคโปร์ 59,786

ประเทศเวียดนาม 2,195

‘อนุชา’ พอใจหลังติวเข้มรัฐมนตรีที่จะถูกซักฟอก มั่นใจทุกคนสอบผ่านคะแนนเท่ากันหมด เย้ยฝ่ายค้านไม่น่ามีเซอร์ไพรส์ ถ้ามีคงเผยมาแล้ว

ซึ่งเชื่อว่ารัฐมนตรีจะสามารถตอบข้อสอบได้ทุกข้อ ทุกประเด็น ผู้เข้าร่วมสัมมนาพอใจที่จะยกมือย่างเต็มใจให้ผู้ถูกอภิปราย แม้แต่นายกรัฐมนตรีที่ไม่ได้มาร่วมงานสัมมนา ก็ส่งข้อมูลซึ่งเป็นข้อมูลที่ฝ่ายค้านจะอภิปรายที่ท่านมีอยู่มาให้ตน แต่ตนไม่สามารถเปิดเผยได้ ซึ่งไม่มีอะไรน่าวิตกกังวล ทุกคนมีความมั่นใจว่าจะชี้แจงได้ทุกข้อทุกประเด็น

เมื่อถามว่าคะแนนรัฐมนตรีทุกคนน่าจะเท่ากันไม่น่ามีปัญหาใดๆใช่หรือไม่ นายอนุชา กล่าวว่า เท่ากันทุกคนไม่มีปัญหาอะไร จากทุกพรรคการเมือง และจากสมาชิกพรรคพลังประชารัฐทุกคน ซึ่งยืนยันว่าทิศทางการลงคะแนนจะเป็นไปในทางเดียวกัน เพราะการสัมมนาเป็นการแสดงให้เห็นว่าเราได้ทำความเข้าใจชี้แจงกันก่อน ให้ปราศจากข้อสงสัยในความกังวลที่จะยกมือโหวต และยืนยันว่า พรรคเล็กก็ไม่มีปัญหาอะไร ให้ความร่วมมืออย่างดีตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้ก็ไม่มีอะไรน่ากังวล

เมื่อถามว่ามีพรรคเล็กบางคนที่ไม่ได้มาร่วมการสัมมนามีความกังวลว่าจะโหวตสวนหรือไม่ นายอนุชา กล่าวว่า คนที่ไม่มา และคนที่บอกว่าจะโหวตสวนก็เป็นบุคคลเดิม ๆ ที่เรารับฟังมาตลอด แต่ในภาพรวมพรรคเล็กไม่มีปัญหา

ส่วนความกังวลว่าพรรคก้าวไกลจะอุบข้อมูลเรื่องของการอภิปรายไว้หรือไม่นั้น นายอนุชา กล่าวว่า ตั้งแต่ตนอยู่การเมืองมานานไม่เคยมีการอุบข้อมูลได้เลยแม้แต่ครั้งเดียวในประวัติศาสตร์ ถ้ามีข้อมูลหรือสิ่งใดในมือคงสร้างกระแสสู่สาธารณชนก่อนหน้านี้แล้ว เราจึงมั่นใจว่าจะไม่มีอะไรมากมายที่เราต้องวิตก
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าไม่มีเซอร์ไพรส์ เพราะที่ผ่านมาก็ไม่เคยมีเซอร์ไพรส์สักครั้งเดียว มีแต่การสร้างกระแสมาก่อน และข้อสอบไม่จำเป็นต้องรั่ว มีแต่เก็งข้อสอบว่าจะแม่นหรือไม่แม่น


อีกทั้ง ยังเชื่อว่าไม่น่าจะมีประเด็นในการปรับครม.ในอนาคต และการสัมมนาครั้งนี้รัฐมนตรีทุกคนก็ได้ตอบข้อสงสัยได้เป็นอย่างดี และขอย้ำว่าสัญญาณเรื่องการปรับครม.ก็ไม่มีแน่นอน

'นักรบชุดขาวกระบี่' ออกเดินทางเสริมทัพ สับเปลี่ยนกับบุคลากรทางการแพทย์ที่กำลังปฏิบัติหน้าที่ ต่อสู้โควิด -19 จ.สมุทรสาคร ขณะที่ผู้ว่าราชการจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการร่วมส่งและให้กำลังใจคับคั่ง

ที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดกระบี่ นายอนุวรรตน์ โหมดพริ้งรองผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่  นายแพทย์วิทยา วัฒนเรืองโกวิทนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดกระบี่ น.พ.สุพจน์ ภูเก้าล้วนผอ.โรงพยาบาลกระบี่ หัวหน้าส่วนราชการคณะบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข ร่วมส่งทีมสอบสวนโรค (CDCU)  ออกเดินทางไปยัง จังหวัดสมุทรสาคร เพื่อร่วมปฏิบัติงานป้องกันการแพร่ระบาดของ ไวรัสโคโรนา2019 (COVID-19) 

ประกอบด้วย ทีมดูแลผู้ป่วย ทีมสอบสวนโรค(CDCU) ทีมเฝ้าระวังเชิงรุก และรถพยาบาลกู้ชีพระดับ ALS พร้อมพนักงานขับรถรวมบุคลากรที่ปฏิบัติงานดังกล่าว  รวมจำนวน 9 คน ประกอบด้วยนางสุภาพร  ลิ่มบุตร พยาบาลวิชาชีพชำนาญการ รพ.กระบี่, นางรำไพ ตั้งไตรทิพย์ พยาบาลวิชาชีพชำนาญการ รพ.กระบี่, นางสาวเบญจพร ว่องเกษฎา พยาบาลวิชาชีพชำนาญการ รพ.กระบี่, นางนงนุช บุญส่งพยาบาลวิชาชีพชำนาญการ รพ.กระบี่, นายนพรุจ สัมมาชีพ พนักงานขับรถรพ.กระบี่, นายภูวสิษฐ์ บุญทองแก้ว นักโภชนาการปฏิบัติการ รพ.ปลายพระยา,นายเพชรรัตน์ กี่บุตร นักวิชาการสาธารณสุข รพ.ปลายพระยา, นางสาวปัณจ์กนิษฐ์ พรหมรักษา นักวิชาการสาธารณสุขชำนาญการ สสอ.ปลายพระยา,และนางสาวณัฏฐณิชา ศรีจันทร์ทอง นักวิชาการสาธารณสุขปฏิบัติการ สสอ.ปลายพระยา

นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดกระบี่ กล่าว่า สืบ เนื่องจากสถานการณ์การระบาดของโรคไวรัสโคโรนา 2019 (ระลอกใหม่ที่มีการติดเชื้อในแรงงานต่างชาติ เกิดการแพร่ระบาดออกไปในวงกว้างในจังหวัดสมุทรสาคร มีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและแพร่ระบาดในวงกว้างไปยังจังหวัดใกล้เคียงและกระจายไปทั่วประเทศทำให้การดำเนินงาน เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคเป็นไปด้วยความยากลำบาก และต้องใช้บุคลากรสาธารณสุขเป็นจำนวนมาก 

ขณะที่จังหวัดกระบี่พบผู้ป่วยรายใหม่ 8 คน ไม่พบผู้ป่วยมาเป็นเวลา 51 วัน ทางสาธารสุขจังหวัดกระบี่ และรพ.กระบี่ จึงได้ประกาศรับสมัครบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข ไปปฏิบัติหน้าที่ในจังหวัดสมุทรสาคร ซึ่งมีผู้สมัครใจเข้าร่วมครบตามจำนวนที่ต้องการ โดยนักรบชุดขาวทั้งหมดออกเดินทางจากจังหวัดกระบี่ ในวันนี้ ( 14 กุมภาพันธ์ 2564)โดยจะร่วมปฏิบัติงานจังหวัดสมุทรสาครระหว่างวันที่ 15 – 20 ก.พ.64 เมื่อเสร็จภารกิจจากจังหวัดสมุทรสาครแล้วจะเดินทางกลับถึงจังหวัดกระบี่ ในวันที่21 กุมภาพันธ์ 2564 และปฏิบัติตามมาตรการการป้องกันควบคุมโรค โดยการกักตัวและตรวจหาเชื้อเป็นเวลา14วันต่อไป

เปิดข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ในช่วงที่มีการส่งตัวนักรบชุดขาวมีการมอบของที่ระลึกมอบกระเป๋าเดินทางรวมถึงกิ๊ฟวอชเชอร์เพื่อใช้จ่ายในขณะปฏิบัติหน้าที่ ที่จังหวัดสมุทรสาคร รองผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่และมอบพระเครื่องหลวงพ่อทวดวัดช้างให้รุ่นปี 08 เพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้กับเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานด้านความซาบซึ้งและปรับปลื้มใจเป็นอย่างยิ่ง...



กระบี่///ณัฏฐพงษ์ ศรีปล้อง รายงาน

พระบรมฉายาลักษณ์หาชมยาก ‘สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ร.10’ เมื่อครั้งทรงศึกษาวิชาการทหารที่ออสเตรเลีย ทรงแน่วแน่ศึกษาวิชาการทหารอย่างยิ่ง

เนื่องในโอกาสที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดาฯ พระบรมราชินี จะเสด็จพระราชดำเนิน ณ สถานเอกอัครราชทูตออสเตรเลีย ประจำประเทศไทย ในวันจันทร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ 2564 แอดมินเพจ We Love สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี ได้นำเสนอพระราชกรณียกิจของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทางด้านการทหาร โดยได้เผยแพร่พระบรมฉายาลักษณ์ที่หาชมได้ยากของพระบาทสมเด็จพระอยู่หัว เมื่อครั้งที่ทรงศึกษาวิชาการทหารที่ประเทศออสเตรเลีย โดยระบุว่า

#ทรงแน่วแน่ศึกษาวิชาการทหาร
พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงสนพระทัยในกิจการทหารเป็นอย่างมากนับแต่ครั้งยังทรงดำรงพระราชอิสริยยศ สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าวชิราลงกรณฯ ซึ่งโดยเหตุที่ทรงมีพระทัยโปรดการทหาร

เมื่อทรงสำเร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษาที่ประเทศอังกฤษ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศรมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงมีพระราชดำริว่า การศึกษาวิชาทหารในประเทศออสเตรเลียมีหลักสูตรกว้างขวางและมีการฝึกอบรมที่เข้มงวด จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าวชิราลงกรณฯ ในขณะนั้น เสด็จฯ ไปทรงศึกษาต่อที่ประเทศออสเตรเลียในเบื้องต้น ทรงเข้าศึกษา ณ คิงส์สกูล (King’s School) หรือ โรงเรียนคิงส์ นครซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย เมื่อวันที่ ๔ กันยายน พ.ศ. ๒๕๑๓ ซึ่งโรงเรียนแห่งนี้เป็นโรงเรียนคล้ายโรงเรียนเตรียมทหาร หลังทรงสำเร็จการศึกษาที่โรงเรียนนี้แล้ว สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าวชิราลงกรณฯ ในขณะนั้น ทรงเข้าศึกษาต่อ ณ วิทยาลัยวิชาการทหารดันทรูน (Royal Military College, Duntroon) กรุงแคนเบอร์รา นครหลวงของออสเตรเลีย ในต้นเดือนมกราคม พ.ศ. ๒๕๑๕

โดยทรงตั้งพระทัยแน่วแน่ที่จะสอบเข้าศึกษาในวิทยาลัยแห่งนี้ให้ได้ แม้รัฐบาลออสเตรเลียได้ถวายสิทธิให้ทรงเข้าศึกษาโดยไม่ต้องสอบคัดเลือก แต่ไม่ต้องพระประสงค์ที่จะได้รับสิทธิพิเศษหลักสูตรของ วิทยาลัยวิชาการทหารดันทรูน นั้น มีการแบ่งออกเป็น ๒ ส่วน คือ วิชาการทหาร ซึ่งรับผิดชอบและดำเนินการโดยกองทัพบกออสเตรเลีย และ วิชาสามัญระดับปริญญาตรี โดยมีมหาวิทยาลัยนิวเซาท์เวลส์ (University of New South Wales) รับผิดชอบการวางหลักสูตร ซึ่งแบ่งออกเป็นสาขาวิชาวิศวกรรมศาสตร์ อักษรศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ นักเรียนนายร้อยวิทยาลัยวิชาการทหารดันทรูนที่ผ่านหลักสูตร จะได้รับปริญญาตรีตามสาขาวิชาที่เลือกศึกษา โดย สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าวชิราลงกรณฯ ในขณะนั้น พระองค์ทรงเลือกศึกษาในสาขาวิชาอักษรศาสตร์ เมื่อทรงสำเร็จการศึกษา ทรงได้รับการถวายสัญญาบัตรจากวิทยาลัยวิชาการทหารดันทรูน และปริญญาอักษรศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาอักษรศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยนิวเซาท์เวลส์

พระบาทสมเด็จพระวชิเกล้าเจ้าอยู่หัวเมื่อครั้งยังเป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ เสด็จพระราชดำเนินไปเยี่ยมที่ตั้งกองทหารหน่วยต่าง ๆ อยู่เสมอ จากการที่ได้ทรงศึกษาด้านวิชาทหารมานาน ทรงมีความรู้เชี่ยวชาญอย่างมาก และได้พระราชทานความรู้เหล่านั้นให้แก่ทหาร ๓ เหล่าทัพ ทรงปฏิบัติพระองค์เป็นแบบอย่างแก่นายทหาร เอาพระทัยใส่ในความเป็นอยู่ทุกข์สุขของทหารผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาอย่างทั่วถึง รวมทั้งพระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ เป็นทุนการศึกษาแก่บุตรของทหาร สิ่งเหล่านี้ล้วนก่อให้เกิดความเทิดทูนและความจงรักภักดีแก่เหล่าทหารเป็นอย่างยิ่ง



Photos : ขอขอบพระคุณทุกสำนักข่าว
https://www.facebook.com/100044691965910/posts/264793261687071/?d=n

 

‘ราษฎร’ ออกแถลงการณ์ จะยังคงยืนหยัดสู้จนกว่าจะไม่มีประชาชนคนใดถูกจับโดยไม่เป็นธรรม

เฟซบุ๊ก “ราษฎร” ออกแถลงการณ์เรื่อง ปฏิบัติการไร้ความรุนแรง โดยระบุว่า จากกรณีที่ตำรวจใช้กำลังสลายการชุมนุม ณ บริเวณ หน้าศาลฎีกาและบริเวณใกล้ท้องสนามหลวง ในช่วงเวลาค่ำ ของวันที่ 13 กุมภาพันธ์ โดยปรากฏการปะทะระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐกับประชาชน ซึ่งต่อมามีรายงานการใช้กำลังทำร้ายและเข้าจับกุมประชาชน และมีการใช้กำลังประทุษร้ายหน่วยแพทย์ในที่ชุมนุม

กิจกรรมภายในวันนี้ราษฎร ได้เริ่มต้นกิจกรรมโดยการระดมพลในบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ในเวลา 15:00 น. และถัดมาได้มีการดำเนินกิจกรรมการรื้อกระถางต้นไม้ ในเวลา 17:30 น. โดยในเวลาต่อมาราษฎรได้มีการเดินขบวนในเวลา 18:00 น. โดยได้ทำการเดินขบวนจากอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยมาถึงที่บริเวณหน้าศาลฎีกาใกล้ท้องสนามหลวง ซึ่งในช่วงระยะเวลาดังกล่าวได้มีการปะทะระหว่างผู้ชุมนุมและเจ้าหน้าที่ และได้ทำการยุติการชุมนุมตอนเวลา 20:00 น.

ราษฎร ขอยืนยันในหลักการของปฏิบัติการไร้ความรุนแรง ซึ่งได้ประกาศ ณ ที่ชุมนุมว่า มวลชนสามารถตอบโต้หากมีการใช้ความรุนแรงจากภาครัฐได้ ซึ่งได้แก่วิธีการอื่นใดอันไม่ก่อให้เกิดอันตรายร้ายแรงในทางกายภาพต่อปัจเจกบุคคล

ราษฎร ยืนยันในหลักการและแนวทางของปฏิบัติการไร้ความรุนแรง และยืนยันว่าเจ้าหน้าที่รัฐไม่มีสิทธิใช้ความรุนแรงกับผู้ที่ใช้เสรีภาพในการชุมนุมตามรัฐธรรมนูญ และการจับกุมอย่างไม่เลือกหน้าเป็นการละเมิดทั้งกฎหมายไทยและกฎหมายสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ

ถึงที่สุดพวกเราขอยืนยันว่า พวกเราจะยังคงยืนหยัดที่จะสู้จนกว่าจะไม่มีประชาชนคนใดถูกจับโดยไม่เป็นธรรม พวกเราจะสู้ต่อไปจนกว่าประชาชนในประเทศนี้จะมีความเสมอภาคเป็นธรรม พวกเราจะสู้ต่อไปจนกว่าสถาบันพระมหากษัตริย์จะอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ และประเทศมีประชาธิปไตยอย่างแท้จริง

ราษฎร
14 กุมภาพันธ์ 2564



https://www.facebook.com/TheRatsadon/photos/a.105784224830048/114902143918256/

‘ไพบูลย์’ ขู่พรรคร่วมฝ่ายค้าน หากอภิปรายเนื้อหาพาดพิงสถาบัน ถึงขั้นยุบพรรค ยกกรณี ยุบพรรคไทยรักษาชาติ เป็นอุทาหรณ์

นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)ให้สัมภาษณ์ถึงการยื่นญัตติให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาว่าสภาปัญหาเรื่องอำนาจหน้าที่ในการพิจารณาญัตติที่พรรคฝ่ายค้านและพรรคร่วมฝ่ายค้านเสนอข้อความที่นำสถาบันพระมหากษัตริย์มาเกี่ยวข้องกับการเมืองว่าจะทำได้หรือไม่

ว่า  สัปดาห์มีการพิจารณาเพียงญัตติเดียวคือการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ต้องยอมให้มีการพิจารณาเรื่องนี้ไปก่อน แต่หากนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ผู้นำฝ่ายค้าน อ่านข้อความที่มีเนื้อหาต้องห้ามตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ยุบพรรคไทยรักษาชาติ ตนจะลุกขึ้นทักท้วงแต่ถ้านำเสนอและข้ามข้อความไปได้ก็จะไม่มีประเด็น ถ้าพูดถึงก็จะมีส.ส.ทักท้วงจำนวนมาก ทำให้ใช้เวลานานพอสมควร เรื่องนี้จะเป็นประวัติศาสตร์ เพราะที่ผ่านมาไม่เคยมีการเสนอญัตติลักษณะแบบนี้ จึงหวังว่าพรรคร่วมฝ่ายค้านจะหลีกเลี่ยง

เมื่อถามว่ายังเป็นแค่การประท้วงยังไม่นำไปสู่ยุบพรรคใช่หรือไม่ นายไพบูลย์ กล่าวว่า การประท้วงเป็นจุดแรก หากยังยังดำเนินการจะถือว่าเป็นการกระทำอันต้องห้ามตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งตนเป็นห่วง เพราะนายสมพงษ์ ก็เป็นหัวหน้าพรรค และเรื่องนี้เป็นมติของพรรคร่วมฝ่ายค้านทุกพรรค ดังนั้นการยุบพรรคไทยรักษาชาติก็เป็นอุทาหรณ์ที่ดี

"ผมเป็นผู้ยื่นคำร้องพรรคไทยรักษาชาติไปที่กกต. เรื่องเสนอชื่อนายกรัฐมนตรี ขัดต่อระเบียบการหาเสียงของกกต.เท่านั้น ยังเป็นเรื่องเลยมาถึงขนาดนี้ แต่กรณีนี้ผมท้วงว่าขัดต่อคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ที่ 3/2562 กรณี กกต. ยื่นยุบพรรคไทยรักษาชาติ ซึ่งคำวินิจฉัยมีผลผูกพันทุกองค์กร ดังนั้นผู้นำฝ่ายค้านและหัวหน้าพรรคร่วมฝ่ายค้านรวมทั้งผู้อภิปราย หากนำประเด็นต้องห้ามมาอภิปราย ผมว่าเป็นผลที่ทำให้เรื่องไปศาล ซึ่งเรื่องไปได้หลายทาง ไม่จำเป็นต้องไปด้วยญัตติของตน หากมีการอภิปรายด้วยข้อความต้องห้าม มั่นใจว่าไปแน่ “

อดีตเพื่อน ‘ธนาธร’ สะกิดแกนนำม็อบ 3 นิ้ว หลายฝ่ายเริ่มเอือมระอา ชี้ไม่ได้มีแค่คนเห็นต่างเท่านั้น แต่แนวร่วมและมวลชนคนกันเอง ก็เริ่มออกอาการเอือมเช่นกัน

นายพิชิต ไชยมงคล อดีตเพื่อน นายธนาธร ที่เคยร่วมเคลื่อนไหวใน สนนท. ด้วยกัน ชี้ม็อบอาศัยภาพความรุนแรงซ้ำซาก เชื่อเป็นการทำลายการเคลื่อนไหว-ความเสมอภาคในระยะยาว พร้อมตั้งคำถามถึงวุฒิภาวะของผู้นำอย่าอ้างเด็ก ลั่นคนเริ่มเอือมระอา และไม่ได้มีแค่คนเห็นต่าง มันมาจากแนวร่วมและมวลชนพวกคุณเองแล้ว
 
นายพิชิต ไชยมงคล อดีตโฆษกกลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) แนวร่วมพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และอดีตเพื่อน นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ที่เคยร่วมเคลื่อนไหวในสหพันธ์นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย (สนนท.) ด้วยกัน ได้โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊กส่วนตัว "Pichit Chaimongkol" ระบุว่า

ข้อสังเกตุหลายครั้งที่เกิดเหตุการณ์การชุมนุมของกลุ่มราษฎรเช่นนี้ คือ

1.การ์ดทะเลาะกันเอง แกนนำควบคุมไม่ได้
2.เมื่อควบคุมไม่ได้ แกนนำ ประกาศ ยุติชุมนุม
3.หลังยุติชุมนุม แกนนำประกาศชัยชนะ หนีกลับบ้าน ไม่ยอมรับความรุนแรง แล้วออกแถลงการณ์ว่าเป็นมือที่ 3 ก่อความวุ่นวาย
4.องค์กรสิทธิ์ฯต่างๆก็จะออกมาปกป้อง
5.แต่ไม่เป็นไร การใช้ความรุนแรง เป็นเครื่องมือเพื่อลด ช่วงชั้น ตาม ศ.นิธิ ฯ กล่าวไว้
6.นักการเมืองที่เคยโหนเด็ก เพื่อเป็นเครื่องมือ ช่วงนี้ก็จะรูดซิบปาก ซักหน่อย เห่า หอน ไม่ค่อยเสียงดัง
7.พรุ่งนี้ ทีวี สื่อ แนวร่วม ก็จะเสนอความรุนแรงอีกด้าน แต่เสียงจะเบาลง
8.ผู้ใหญ่ทางจิตวิญญาณ เริ่มหายลดไปทางสังคม หรือพูดน้อยลง เพราะทิศทางลมของเด็กๆ มันเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
9.ระเบิดกลายเป็นเครื่องมือลดช่วงชั้น แทน มือตบ ตีนตบ นกหวีด
10.หลังจากนี้ผู้ชุมนุมถูกจับ นักวิชาการ นักกฎหมายก็จะลงชื่อเรียกร้องปล่อยตัว

การผลิตซ้ำความรุนแรงทางภาษา กริยา โดยที่สื่อ นักวิชาการ องค์กรสิทธิ์ฯ บางสำนักเหล่านี้ รับรองว่าเป็น เสรีภาพ ที่สามารถทำได้ และเป็นการแสดงออกที่ควรเคารพนั้น ถือเป็นการทำลาย การเคลื่อนไหวในระยะยาว และเป็นการทำลาย ความเสมอภาค ที่คนอื่นควรจะได้รับเช่นกัน และถือได้ว่าเป็นการช่วยยกระดับความรุนแรงให้มาใช้อาวุธมากขึ้น

วันนี้ต้องถามถึง วุฒิภาวะ ของผู้นำการเคลื่อนไหวต่อการรับผิดชอบต่อสังคม อย่าอ้างว่าเป็นเด็กเลยครับ เมื่อก้าวมานำ คุณต้องแบกรับ ผลกระทบทางสังคมจากการเคลื่อนไหวด้วย ไม่ใช่คิดจะปลุกคนออกมาทำอะไรก็ได้ อย่าปล่อยให้ อารมณ์นำเช่นนี้อีกเลย ความเอือมระอาไม่ได้มีแค่คนเห็นต่างพวกคุณ มันมาจากแนวร่วมและมวลชนพวกคุณเองแล้ว
#มาร้อยนับล้าน



ที่มา : https://mgronline.com/onlinesection/detail/9640000014616
https://www.facebook.com/100002212974152/posts/3732595033490892/?d=n


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top