Monday, 16 June 2025
NEWS FEED

เล่าสู่กันฟัง เรื่องราวแห่ง ‘ความเมตตา - อาทร’ ที่ ‘ในหลวง’ มีต่อพสกนิกรของพระองค์

จากเพจเฟซบุ๊ก 'คุณยุ้ย ท่าเรือ' ได้โพสต์ข้อความน่าประทับใจหลังในหลวงได้เสด็จให้กำลังใจญาติผู้เสียชีวิตที่หนองบัวลำภู ความว่า...

เล่าหมดทุกคำ คงยาวจนอ่านกันไม่ไหว และประติดประต่อเรื่องไม่ถูก ขอเล่าเป็นเรื่อง ๆ นะคะ

ข้าวปลาอาหาร น้ำท่า ไม่ต้องห่วงจ้ะ มีอาหารพระราชทาน เมื่อวาน (วันที่ 8) เมนูคือผัดไทกุ้งสด เชฟจากกรุงเทพโพ่นหนะ

มาแฮดให้ พอถามว่าแซ่บไหม บอกว่าแซ่บอยู่นะ แต่ผัดไทอิหยังทำไมเส้นมันเล็กโพด!😄

กินได้หลายคำไหม วันนี้พอกินได้บ้าง วันก่อน ๆ กินบ่ลง

นอกจากอาหารพระราชทานแล้ว มีรถครัวสนามของทหาร มณฑลทหารบกที่ 24 ด้วย เพิ่ลมีทหารมาเป็นร้อย ๆ โพ่นนะ ทหารก็คอยมาถามเฮา ว่าจะให้ช่วยหยั้งอยู่บ่ เมื่อคืนนะ มืดแล้วก็ยังโทร 

ยุ้ยเลยได้แซวไป 

ป๊าด!! ใช่ย่อยนะนี่ มีทหารรับใช้เป็นกองร้อย นายพลเค้ายังได้สิทธิแค่ไม่กี่คนนะนี่ 

ในหลวงท่านเห็นพวกพี่ ๆ ทุกข์โศก ท่านทรงขับเครื่องบินมาเอง เห็นไหมจ๊ะ ท่านน้ำตาไหล พระราชินีนี่ เส้นเลือดที่หน้าผากปูดเลย ท่านพยายามสะกดอารมย์ ดูท่านเศร้ามาก เห็นแบบนี้แล้วรู้สึกยังไงบ้างจ๊ะ 
คำตอบคือ ไม่คิดว่าท่านจะห่วงคนอย่างเรา
ตอนแรกที่มันมืดมนโนะ บัดนี้มันสว่าง มันพอมีแรง ต้องรีบเข้มแข็ง 
แล้วแต่ละคนก็เล่าในมุมของตน ร่ายยาวด้วยความปลื้มปิติ 

เรื่องพวงมาลาประจำพระองค์… 
ที่นี่จะแปลกกว่างานที่มีการพระราชทานพวงมาลาอื่นๆ
ที่ยุ้ยเคยเห็น อันดับแรกคือมาครบทุกพระองค์ 
ชวนคุยบอกพี่น้องที่นี่ว่า ป๊าดนี่ท่านส่งมาทั้งครอบครัวเลยนะ ครบทุกพระองค์เลย เขาดูกันไม่ออก ก็อธิบายให้ฟัง (หาเรื่องชวนคุย)

พออธิบายเสร็จก็บอกว่า หนูนะเคยไปเห็นพวงมาลาพระราชทานตามงานพระผู้ใหญ่ที่ท่านมรณะภาพนะ ไม่เคยเห็นงานไหนที่พิเศษขนาดงานนี้ …

ชาวบ้านก็งง หันมาถามว่าทำไม ก็บอกว่า หนึ่งล่ะ คือครบทุกพระองค์ สองก็คือ ไม่ยักกะมีเจ้าหน้าที่วังเฝ้า

ปกตินะ ถ่ายรูปติดยังไม่ได้เลย จะมีเจ้าหน้าที่คอยบอกว่า ถ่ายรูปไม่ได้ครับ จุดที่วางพวงมาลานี่ถือเป็นที่ส่วนพระองค์ 

แต่นี่นะ บุญตายุ้ยที่ได้มาเห็น นอกจากเจ้าหน้าที่ไม่มาอยู่กดดันไม่ห้ามในการถ่ายรูปแล้ว ยังสามารถนอนอิเหละเขละขละเอกขเนกตามแต่ใจได้ด้วย 

ปกติที่ยุ้ยเคยเห็นนะ ใส่เสื้อผ้ากันเต็มยศ จะนั่งจะเดินยังต้องระวัง นี่คือสิ่งแทนพระองค์เลยนะจ๊ะ

ผบ.ตร.มอบรางวัล ตำรวจทางหลวงนาดี ปราจีนบุรี ช่วยนำลูกชายส่งคนขับรถสิบล้อ ชื่นชมในจิตวิญญาณผู้พิทักษ์สินติราษฎร์

วันนี้ (10 ต.ค.65) เวลา 16.00 น. พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง โฆษก ตร. เปิดเผย จากกรณี ตำรวจทางหลวงนาดี 2 ราย ออกตรวจพื้นที่ พบเด็กชายยืนร้องให้อยู่ จึงเข้าไปสอบถามได้รับแจ้งจากเด็กว่า พ่อซึ่งเป็นคนขับรถบรรทุกลงเวลา แล้วขับรถออกไปเลยลืมลูกไว้ จึงได้พาเด็กชายไปส่งให้พ่อ จนกลายเป็นข่าวโด่งดัง มีประชาชนแห่ชื่นชมมากมายนั้น

ล่าสุด วันนี้ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร.ได้มอบรางวัลให้ตำรวจทางหลวงทั้ง 2 ราย คือ ร.ต.ท.บัญชา ตุ่นมี รอง.สว.(ป)ส.ทล.5 กก.3 บก.ทล., ด.ต สัญญา ขันโท ผบ.หมู่ ส.ทล.5 กก.3 บก.ทล. ณ ห้องประชุมพรหมนอก อาคาร 1 ตร. 

พล.ต.ต.อาชยน กล่าวอีกว่า ผบ.ตร.ได้ ชื่นชมตำรวจทางหลวงทั้ง 2 นาย ที่มีจิตวิญาณของตำรวจ เข้าช่วยเหลือเด็กนำส่งพ่อคนขับรถบรรทุก เป็นไปตามเจตนารมณ์ของ ตร. ที่ความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน ต้องได้รับการช่วยเหลืออย่างรวดเร็ว และทันที สมควรที่จะได้รับการชื่นชม ชมเชย เป็นแบบอย่างการทำงานที่ดีให้ตำรวจได้ปฏิบัติตาม โดยได้มอบใบประกาศเกียรติคุณและเงินรางวัล เป็นขวัญกำลังใจในการทำงาน และขอให้ตั้งใจทำงานเพื่อประชาชนต่อไป การมอบรางวัลดังกล่าวเป็นไปตาม โครงการตำรวจทำดี

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ฯ นำทีมชุดปฏิบัติการ ศปนม.ตร. จับเรือลักลอบขนน้ำมันเถื่อนจำหน่ายในไทย

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ฯ นำทีมชุดปฏิบัติการ ศปนม.ตร.
จับเรือลักลอบขนน้ำมันเถื่อนจำหน่ายในไทย

ในช่วงที่ผ่านมา ประเทศไทยประสบกับปัญหาการลักลอบนำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิงมาเป็นเวลานาน แม้ว่าจะมีการปราบปรามจับกุมมาอย่างต่อเนื่องก็ตาม แต่ผู้กระทำผิดก็ได้พัฒนารูปแบบการกระทำผิดมากขึ้นเช่นกัน เช่น การลักลอบนำเข้าทั้งทางบกและทางทะเล การลักลอบปะปนมากับสินค้าอื่น การสำแดงเอกสารเท็จ เป็นต้น ทำให้ภาครัฐสูญเสียรายได้จากภาษีสรรพสามิตอย่างมหาศาล ตลาดของบริษัทผู้ค้าน้ำมันถูกเอารัดเอาเปรียบ และประชาชนต้องเผชิญกับความเสี่ยงจากน้ำมันที่ไม่ได้คุณภาพ

จากกรณีดังกล่าว พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ได้มอบหมายหน้าที่และการสั่งการให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร./ผอ.ศปนม.ตร. (ศูนย์ปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับน้ำมันเชื้อเพลิง) ทำหน้าที่ในการสืบสวน ปราบปราม และจับกุมผู้กระทำผิดเกี่ยวกับน้ำมันเชื้อเพลิง หลังได้รับมอบหมายหน้าที่ดังกล่าว พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ฯ ได้สั่งการให้ชุดปฏิบัติการ ศปนม.ตร. เร่งออกปฏิบัติการสืบสวนการกระทำความผิดที่เกี่ยวข้อง

ต่อมาชุดปฏิบัติการ ศปนม.ตร.โดย พ.ต.อ.ภาคภูมิ พิศมัย รอง ผบก.สส.ภ.4 , พ.ต.อ.แดนไพร แก้วเวหล ผกก.4 บก.สส.สตม. ร่วมกับ พ.ต.อ.เติมรัศม์ จินดาวัฒน์ ผกก.สภ.เมืองสมุทรปราการ พร้อมด้วย ตม.จว.สมุทรปราการ เจ้าหน้าที่สรรพสามิต และศุลกากร ร่วมกันเข้าตรวจสอบเรือชื่อ "Polestar" สัญชาติเรือตูวาลู (Tuvalu) ซึ่งออกเดินทางจากประเทศสิงคโปร์มายังประเทศไทยเมื่อวันที่ 9 ต.ค.65 ที่ผ่านมา และเข้าเทียบท่า ณ ท่าเทียบเรือบริษัท เลนโซ่ เทอร์มินอล จำกัด ต.ท้ายบ้าน อ.เมือง จ.สมุทรปราการ เบื้องต้นตัวเรือดังกล่าวอยู่ในความดูแลของ บริษัท เอ็มอาร์บี ชิปเอเจนซี่ จำกัด
จากการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ ศปนม.ตร.ทราบว่า เรือ Polestar มีพฤติการณ์ลักลอบนำเข้าน้ำมันเบนซิน จากประเทศสิงคโปร์ เข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยหลายครั้ง ปริมาณครั้งละหลายล้านลิตร ใช้วิธีการแจ้งสำแดงการนำเข้าเป็น เอทานอล และ เมทานอล แต่จะลักลอบนำน้ำมันเบนซินครั้งละหลายล้านลิตรซุกซ่อนมาด้วย

ต่อมาเมื่อวันที่ 9 ต.ค.65 ชุดสืบสวน ศปนม.ตร.ทราบว่าเรือลำดังกล่าวแจ้งการนำเข้า เมทานอล METHANOL น้ำหนักสุทธิ 452,789.000 กก. แต่จากการสืบสวนทราบว่าจะลักลอบนำน้ำมันเบนซินจำนวน 4-5 ล้านลิตรมาด้วย จึงได้ร่วมกับ เจ้าหน้าที่ตรวจค้นเข้าเมือง และเจ้าหน้าที่ศุลกากร จึงได้เข้าทำการตรวจค้นเรือลำดังกล่าว และได้แจ้งขอกำลังเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานสมุทรปราการ เข้าร่วมตรวจค้น เมื่อเข้าตรวจค้นพบว่า เจ้าหน้าที่ควบคุมเรือได้แสดงเอกสารแจ้งนำเข้าสารเมทานอล (METHANOL) น้ำหนักสุทธิ 452,789.000 KGM (กิโลกรัม) ฐานภาษีมูลค่าเพิ่ม 6,931,094.58 บาท ภาษีมูลค่าเพิ่ม 485,176.62 บาท ดังกล่าวจริง แต่จากการตรวจค้นโดยละเอียดพบว่าภายในเรือ มีสารเอทานอล (ETHANOL) น้ำหนักสุทธิ 486.337 CuM. (486,337 ลิตร) น้ำมันเบนซินไร้สารตะกั่ว (Unleaded Gasoline) น้ำหนักสุทธิ 4,847.706 CuM. (4,847,706 ลิตร) บรรทุกมาในเรือลำดังกล่าวด้วย เมื่อเจ้าหน้าที่สอบถาม ผู้ควบคุมจัดการสินค้าจึงได้นำเอกสารของบริษัทอีกฉบับมาแสดงต่อเจ้าหน้าที่ศุลกากร แจ้งว่าสารเอทานอล และ น้ำมันเบนซินดังกล่าวจะขนต่อไปประเทศเวียดนาม ไม่ได้นำเข้ามาในประเทศไทย แต่จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบสายท่อขนถ่ายในที่เกิดเหตุมีคราบน้ำมันเบนซินชนิดเดียวกับที่บรรทุกมาในเรือ เจ้าหน้าที่ตรวจพิสูจน์หลักฐานจึงได้ตรวจเก็บตัวอย่างของสารชนิดต่างๆ เพื่อทำการตรวจพิสูจน์ต่อไป

ต่อมาเจ้าพนักงานศุลกากรจึงได้สั่งกักเรือดังกล่าวเพื่อทำการตรวจสอบ จากการสืบสวนเรือ Polestar ได้เข้าเทียบท่าเรือดังกล่าวมาแล้วถึง 28 ครั้ง โดยแจ้งการนำเข้า สารเมทานอล มาโดยตลอดและมีต้นทางจากประเทศสิงคโปร์ มาส่งสินค้าที่ท่าเรือนี้ จากนั้นจะเดินทางกลับสิงคโปร์ทันที โดยไม่เคยเดินทางจากประเทศไทยไปประเทศเวียดนามแต่อย่างใด เบื้องต้นหากพบว่ามีการสำแดงเอกสารเท็จก็จะดำเนินคดีตามกฎหมาย นอกจากนี้ จะมีการรวบรวมพยานหลักฐานเกี่ยวกับการขนถ่ายน้ำมันเบนซินดังกล่าว หากพบว่ามีการลักลอบขนถ่ายเข้ามาในประเทศไทย มีเจตนาหลีกเลี่ยงภาษีหรือไม่ ก็จะพิจารณาดำเนินคดีความผิดตาม พ.ร.บ.ศุลกากรฯ และ พ.ร.บ.สรรพสามิตฯ ต่อไป

ตำรวจสอบสวนกลาง เร่งบำบัดทุกข์ ช่วยชาวด่านขุนทด โคราช ลุยน้ำเน่าเข้ามอบถุงยังชีพ ยารักษาโรค ยากันน้ำกัดเท้า น้ำท่วมขังกว่า 1 เดือนแล้ว

ตำรวจสอบสวนกลาง เร่งบำบัดทุกข์ ช่วยชาวด่านขุนทด โคราช ลุยน้ำเน่าเข้ามอบถุงยังชีพ ยารักษาโรค ยากันน้ำกัดเท้า น้ำท่วมขังกว่า 1 เดือนแล้ว

วันที่ 10 ตุลาคม 2565 เวลา 14.00 น.พล.ต.อ. ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร. มอบหมายให้ จิตอาสา 904 ร่วมกับ พ.ต.ท.จิระพันธ์ มณีรัตน์ สารวัตรสถานีตำรวจทางหลวงนครราชสีมา จิตอาสาตำรวจทางหลวงนครราชสีมา จิตอาสาชมรมฮักเขาใหญ่ มูลนิธิอภัยภูเบศร ผู้ใหญ่บ้าน และผู้นำชุมชน ลงพื้นที่หมู่ 2 และหมู่ 9 ต.หนองบัวละคร อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา

โดยให้นำถุงยังชีพ พร้อมข้าวสาร อาหารแห้ง น้ำดื่ม ยาสามัญประจำบ้าน ยาน้ำกัดเท้า ของมูลนิธิอภัยภูเบศร ไปมอบเยียวยาบรรเทาความเดือดร้อนให้ชาวบ้าน ที่ประสบอุทุกภัยน้ำท่วม จำนวน 100 หลังคาเรือน ซึ่งมีน้ำท่วมขังกว่า 1 เดือนแล้ว และขณะนี้น้ำเริ่มเน่าส่งกลิ่นเหม็น ทำให้ชาวบ้านเริ่มเป็นโรคน้ำกัดเท้า อาศัยอยู่ด้วยความยากลำบาก

ภูธรภาค 6 โชว์ผลงานรวบ 5 ผู้ต้องหาค้ายา พร้อมของกลางยาไอซ์ 22.5 กก. รถยนต์ 3 คัน

ผู้บัญชาการตำรวจภูธร ภาค 6 โชว์ผลงานรวบ 5 ผู้ต้องหา แกงค้ายาเสพติด พร้อมของกลางยาไอซ์ 22.5 กก. และรถยนต์ 3 คัน หลังผู้บังคับบัญชา สั่งกำชับการปราบปรามยาเสพติดอย่างเข้มงวด

วันที่ (10 ต.ค. 65) ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม,พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร., พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร., พล.ต.อ.ชินภัทร สารสิน รอง ผบ.ตร. พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุวิมล รอง ผบ.ตร.ได้กำชับการปราบปรามยาเสพติดอย่างเข้มงวด 

ที่สภ.หล่มสัก อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผบช.ภ.6 พร้อมด้วยพล.ต.ต.บัณฑิต ตุงคะเศรณี รอง ผบช.ภ.6 , พล.ต.ต.สุรชาติ จึงดำรงกิจ รอง ผบช.ภ.6 , พล.ต.ต.ฐเดช กล่อมเกลี้ยง ผบก.ภ.จว.เพชรบูรณ์ , พ.ต.อ.สารนัย คงเมือง รอง ผบก.สส.ภ.6 , พ.ต.อ.ฐิติภัทร อินทรรักษ์ รอง ผบก.ภ.จว.เพชรบูรณ์ และ นายชัชวาลย์ เบญจสิริวงศ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ ร่วมกันแถลงข่าวผลการจับกุมผู้ต้องหาค้ายาเสพติด 5 รายได้แก่ นายณรงค์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 42 ปี อยู่ ต.น้ำชุน อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ , นายธนโชติ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 35 ปี อยู่ ต.บ้านกล้วย อ.เมืองชัยนาท จ.ชัยนาท , น.ส.ชญานิษฐ์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 30 ปี อยู่ ต.ปากดุก อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ , นายอนุชิด (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 25 ปี อยู่ ต.ระวิง อ.เมือง จ.เพชรบูรณ์ และนายพิชิตพล (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 35 ปี อยู่ ต.พุขาม อ.วิเชียรบุรี จ.เพชรบูรณ์ พร้อมด้วยของกลางยาเสพติด (ไอซ์) จำนวน 22.5 กิโลกรัม รถยนต์กระบะโตโยต้า สีเทา ทะเบียนกรุงเทพมหานคร มูลค่าประมาณ 7 แสนบาท รถยนต์เก๋งฮอนด้าสีดำ ทะเบียนชัยนาท มูลค่าประมาณ 6 แสนบาท และรถยนต์กระบะ อีซูซุ สีเทา ทะเบียนเพชรบูรณ์ มูลค่าประมาณ 6 แสนบาท 

พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี เปิดเผยว่า ผู้ต้องหากลุ่มนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เฝ้าจับตามองมานานแล้ว เนื่องจากมีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับยาเสพติด กระทั่งต่อมาจากการสืบสวนสอบสวนทำให้ทราบว่า ได้มีการลักลอบขนยาเสพติดนำมาพักไว้ที่บ้านหลังหนึ่ง ต.น้ำชุน ซึ่งนายณรงค์ อาศัยอยู่ จึงได้เข้าทำการตรวจค้นและพบยาไอซ์น้ำหนัก 5.25 กิโลกรัม และจากการสอบสวนขยายผลทราบว่า ยังมี นายอนุชิด  นายธนโชติ น.ส.ชญานิษฐ์ และนายพิชิตพล ร่วมขบวนการด้วย จึงได้เข้าทำการจับกุมพร้อมยาไอซ์จำนวน 17.25 กิโลกรัม ได้ที่บ้านหลังหนึ่ง ต.ระวิง อ.เมือง จ.เพชรบูรณ์

'ชัยวุฒิ' เตรียมปรับ SMS บอกอากาศแม่นยำเฉพาะเขต พร้อมแนะ ปชช. โหลด Line Alert 'เตือนภัย-ขอความช่วยเหลือ'

นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจเเละสังคม เปิดเผยว่า รัฐมีระบบการแจ้งเตือนภัยพิบัติ เอสเอ็มเอส มือถือ ซึ่งได้มีการทดสอบระบบ ในช่วงที่มีพายุเข้ามา ทางกรมอุตุนิยมวิทยาก็ได้มีการแจ้งเตือนภัยพายุผ่าน SMS ไปยังโทรศัพท์มือถือ ในเครือข่ายต่าง ๆ โดยมีความพยายามที่จะพัฒนาระบบให้แยกพื้นที่ให้ได้ เช่น พื้นที่เป็นจังหวัด หรือเป็นตําบล เป็นหมู่บ้านเพื่อจะได้รู้ว่าจุดนี้ มีภัยพิบัติแบบไหน อย่างไร เพื่อให้ประชาชนในแต่ละพื้นที่ เตรียมตัวให้เหมาะสมกับสถานการณ์ ตอนนี้กําลังพัฒนาระบบอยู่ ซึ่งเข้าใจว่าทาง กสทช. กับผู้ให้บริการมือถือกําลัง พูดคุยเเละพยายาม ปรับปรุงระบบ ให้ดียิ่งขึ้น 

นอกจากนี้ภาครัฐ ยังได้ร่วมกับ Line ในการสร้างระบบไลน์ ซึ่งมีการให้ข้อมูลได้มากกว่า แล้วก็สามารถติดตามสถานการณ์ได้ดีกว่า เรียกว่า LINE Alert เป็น Line official สามารถติดตามข้อมูลข่าวสารแจ้งเตือนภัยพิบัติทั้งหมดโดยทั้งกรมอุตุนิยมวิทยา กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย หรือหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวกับภัยพิบัติ จะส่งข้อมูลมาที่ LINE ก็จะแจ้งมาผ่าน LINE Account นี้ และต่อไปนี้เราก็จะพยายามที่จะพัฒนา แยกข้อมูลพื้นที่ซึ่งจะมีการแจ้งข้อมูลที่แตกต่างกัน โดยทางบริษัท Line ก็จะไปพัฒนาระบบต่อไป แต่ตอนลงทะเบียนต้องแจ้งว่า เราอยู่ในพื้นที่ไหน จังหวัดไหน ไลน์จะได้แจ้งเตือนเราได้ถูก ต้องตามการให้ข้อมูลเพื่อให้ เหมาะสมกับพื้นที่นั้น ๆ อันนี้ก็เป็นสิ่งที่ก็กำลังดำเนินการต่อไปเพื่อให้ระบบมีความทันสมัยในการเเจ้งเตือนเเละรับข้อร้องเรียน เสมือนเป็นศูนย์รับเรื่องร้องทุกข์ของประชาชน เมื่อเกิดภัยพิบัติด้วย

‘รมว.สุชาติ’ ส่ง ผู้ตรวจฯ พร้อม 5 เสือแรงงาน รุดช่วยเหลือครอบครัวผู้สูญเสียเหตุกราดยิงที่หนองบัวลำภู

รมว.สุชาติ ห่วงใย ส่ง ผู้ตรวจฯ พร้อม 5 เสือแรงงาน รุดมอบเงินช่วยเหลือครอบครัวผู้สูญเสียเหตุกราดยิงที่หนองบัวลำภู 

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยถึงการช่วยเหลือครอบครัวผู้เสียชีวิตจากเหตุกราดยิงในจังหวัดหนองบัวลำภูว่า ตามที่ได้เกิดเหตุดังกล่าว กระทรวงแรงงานโดยท่านบุญชอบ สุทธมนัสวงษ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน พร้อมด้วย ข้าราชการและเจ้าหน้าที่กระทรวงแรงงานได้ร่วมกันรวบรวมเงินเพื่อช่วยเหลือครอบครัวผู้เสียชีวิต เพื่อปลอบขวัญกำลังใจแก่ครอบครัวผู้สูญเสีย ซึ่งสอดคล้องกับข้อสั่งการของท่านนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งช่วยเหลือเยียวยาครอบครัวโดยเร็ว 

ในส่วนของกระทรวงแรงงาน ท่านปลัดกระทรวงแรงงานได้มอบหมายให้ เรืออากาศเอกหญิงศุภพร อยู่วัฒนา ผู้ตรวจราชการกรม สำนักงานประกันสังคม เป็นผู้แทนกระทรวงแรงงาน ลงพื้นที่พร้อมด้วย หัวหน้าส่วนราชการสังกัดกระทรวงแรงงานจังหวัดหนองบัวลำภู นำเงินดังกล่าวไปมอบให้กับญาติของผู้เสียชีวิตครอบครัวละ 5,000 บาท จำนวน 32 ครอบครัว ที่วัดทั้ง 3 แห่ง ซึ่งญาติผู้เสียชีวิตได้ตั้งศพสวดพระอภิธรรม ได้แก่ วัดราษฎร์สามัคคี จำนวน 17 ครอบครัว วัดศรีอุทัย จำนวน 10 ครอบครัว และวัดเทพมงคลพิชัย จำนวน 5 ครอบครัว รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 160,000 บาท 

“ผม และผู้บริหาร ข้าราชการ เจ้าหน้าที่กระทรวงแรงงานทุกคน ขอส่งกำลังใจไปยังครอบครัวผู้เสียชีวิตทุกท่าน ซึ่งเงินช่วยเหลือในส่วนนี้เพื่อเป็นการปลอบขวัญกำลังใจจากข้าราชการกระทรวงแรงงาน ทั้งนี้ หน่วยงานในสังกัดกระทรวงแรงงานทั้ง  5 หน่วย ยังสนับสนุนความช่วยเหลือโดยเฉพาะการหางานให้ทำ การฝึกอาชีพเสริม ตามความประสงค์ของครอบครัวผู้ที่ได้รับผลกระทบในครั้งนี้อีกด้วย” นายสุชาติ กล่าวท้ายสุด

'ปลัดมหาดไทย-ผบ.ตร.' ร่วมถก!! หาแนวทางแก้ปัญหายาเสพติด เน้นย้ำ!! ประกาศสงครามยาเสพติด เพื่ออนาคตประเทศไทย

วันนี้ (10 ต.ค. 65) เวลา 09.00 น. ที่ห้องประชุมราชบพิธ อาคารดำรงราชานุสรณ์ กระทรวงมหาดไทย นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วย พลตำรวจเอก ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นประธานร่วมการประชุมหารือแนวทางการแก้ไขปัญหายาเสพติด โดยมี นายแมนรัตน์ รัตนสุคนธ์ อธิบดีกรมการปกครอง นายมานะ ศิริพิทยาวัฒน์ รองเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด พลตำรวจเอก ชินภัทร สารสิน รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ นางสาวปาณี นาคะนาท ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย พลตำรวจโท สรายุทธ สงวนโภคัย ผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด นายแพทย์ศักดา อัลภาชน์ ผู้ช่วยปลัดกระทรวงสาธารณสุข นายสุรศักดิ์ อักษรกุล รองอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน นายศิริวัฒน์ บุปผาเจริญ รองอธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น และส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ร่วมประชุม

นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า ตามที่พี่น้องประชาชนชาวไทยและคนทั่วโลกได้รับทราบโดยทั่วกันแล้วว่าได้เกิดเหตุการณ์โศกนาฏกรรมสร้างความเศร้าเสียใจไปทั่วประเทศและทั่วโลก ซึ่งส่วนหนึ่งเกิดจากผลกระทบจากปัญหายาเสพติด จึงเป็นหน้าที่ของพวกเราทุกคนที่ต้องช่วยกันนำเหตุการณ์ที่เศร้าสลดสะเทือนขวัญในครั้งนี้ มาร่วมกันพูดคุยกำหนดมาตรการเพื่อนำไปสู่การปฏิบัติที่เป็นรูปธรรมในการแก้ไขปัญหา ทั้งในเชิงป้องกัน ปราบปราม และบำบัดรักษา เพื่อจะให้สังคมไทยเป็นสังคมที่ไม่ปล่อยให้สิ่งที่ไม่ดีมาทำให้เกิดความสูญเสียและเกิดความไม่เป็นปกติสุข ทั้งนี้ จากการดำเนินการสำรวจความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนในการแก้ไขปัญหาความยากจนด้วยแพลตฟอร์ม ThaiQM ของกรมการปกครอง ซึ่งจากฐานข้อมูลพบว่า มีพี่น้องประชาชนได้รับความเดือดร้อนจากปัญหายาเสพติดตัวเลขสูงถึง 279,094 ครัวเรือน ใน 31,744 หมู่บ้าน ซึ่งถ้าเราเอาจำนวนสมาชิกในครอบครัวมาคูณจะทำให้ตัวเลขประชาชนที่ได้รับผลกระทบถึงเป็นหลักล้านคน ดังนั้น เราทุกคนจึงต้องดำเนินการกับปัญหายาเสพติดเชิงรุก ด้วยการเข้าไป Approach ปัญหา 

“กระทรวงมหาดไทย โดยกรมการปกครอง ขีดเส้นตายว่า ภายในวันที่ 31 ตุลาคม 2565 เราจะมีข้อมูลผู้เสพผู้ค้ายาเสพติดทั่วประเทศในเบื้องต้น เพื่อนำมาใช้วางแผนการแก้ไขปัญหาร่วมกับภาคีเครือข่าย ทั้งฝ่ายปกครอง ฝ่ายความมั่นคง ตำรวจ ทหาร ปปส. และสาธารณสุข เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลกัน สนธิและกรองข้อมูลอีกชั้นหนึ่งในระดับพื้นที่ โดยมี ผู้ว่าราชการจังหวัด และนายอำเภอ เป็นแม่งานในการค้นหาผู้ที่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดทุกตำบล/หมู่บ้าน ทั้งผู้ใช้ ผู้เสพ และผู้ค้า ด้วยการสร้างการมีส่วนร่วมของพี่น้องประชาชนร่วมกับฝ่ายบ้านเมือง ดำเนินมาตรการปราบปรามควบคู่กับการค้นหาข้อมูล โดยกระทรวงมหาดไทย จะรวบรวมข้อมูลจากพื้นที่ที่มีการดำเนินการปราบปรามเกี่ยวกับยาเสพติดมาเผยแพร่ประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้กับสังคม เพื่อสร้างความมั่นใจกับพี่น้องประชาชนว่าเราไม่นิ่งนอนใจและเอาจริงเอาจัง และเพื่อให้เกิดความร่วมไม้ร่วมมือของพี่น้องประชาชนในการให้ข้อมูลกับฝ่ายบ้านเมืองเพิ่มขึ้น ไม่ว่าเป็นการจับกุม 1 เม็ด 2 เม็ด สามารถแจ้งข้อมูลได้ทั้งหมด นอกจากนี้ กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ได้ประสานทุกจังหวัดและอำเภอ สร้างความเข้าใจกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกแห่งในการให้การสนับสนุนในด้านวัสดุอุปกรณ์เพื่อใช้ในการตรวจหาสารเสพติด ซึ่งมีระเบียบกระทรวงมหาดไทยรองรับภารกิจของ อปท. ในเรื่องดังกล่าวอยู่แล้ว” นายสุทธิพงษ์ฯ กล่าวเน้นย้ำในช่วงต้น

พลตำรวจเอก ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ บูรณาการร่วมกับกระทรวงมหาดไทย วางมาตรการกวาดล้างผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดอย่างจริงจัง “เพราะปัญหายาเสพติดเป็นวาระแห่งชาติ” จึงเป็นที่มาของการหารือกันเพื่อบูรณาการการขับเคลื่อนการทำงานในวันนี้ โดยจากสถิติพบว่า ในปัจจุบันสถานการณ์ผู้เสพยาเสพติดมีแนวโน้มเพิ่ม และมีผู้เสพจำนวนมากยังไม่ได้เข้ารับการบำบัดในทางสาธารณสุข ในจำนวนเหล่านั้น มีกลุ่มผู้เสพที่เกิดอาการทางจิตเวช มีภาวะคลุ้มคลั่ง ทำร้ายร่างกายบุพการี คนใกล้ชิด และพี่น้องประชาชน ซึ่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้สั่งการให้ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดและผู้กำกับการสถานีตำรวจทั่วประเทศ ต้องเข้าไปเยี่ยมชุมชนบ่อยครั้งเพื่อสร้างความสัมพันธ์และความเชื่อมั่น อันจะเกิดความร่วมมือจากพี่น้องประชาชน

พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย ผบช.ภ.5 แถลงผลการจับกุมยาเสพติดรายสำคัญ จำนวน 3 คดี ตรวจยาบ้ารวมกว่า 8.6 ล้านเม็ด

ตามนโยบายของรัฐบาลในด้านการปราบปรามการแพร่ระบาดของยาเสพติด ซึ่งเป็นภัยคุกคามและอาชญากรรมต่างๆ  ที่เกิดขึ้นในสังคมได้สร้างผลกระทบต่อประชาชนและสร้างความเสียหายให้แก่ประเทศชาติเป็นอย่างมาก 

 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร., พล.ต.อ.ชินภัทร สารสิน รอง ผบ.ตร., พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร.ได้มอบนโยบายให้เร่งรัดติดตามจับกุมขบวนการค้ายาเสพติดอย่างจริงจังตามแผนปฏิบัติการด้านการแก้ไขปัญหายาเสพติดชายแดนภาคเหนือ เพื่อสกัดกั้นการลักลอบขนยาเสพติดเข้ามาตอนในของประเทศให้เห็นผลอย่างเป็นรูปธรรม นั้น

วันจันทร์ที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2565 เวลาประมาณ 09.30 น. พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย ผบช.ภ.5 พร้อมด้วย พล.ต.ต.วรพงศ์ คำลือ ผบก.สส.ภ.5, พล.ต.ต.มงคล สัมภาวะผล ผบก.ภ.จว.ลำปาง,พล.ต.ต.ณัฐวุฒิ ภาคภูมิ ผบก.ภ.จว.แพร่ ,นายอภิกิต ฉ.โรจน์ประเสริฐ ผอ. ปปส.ภาค 5 ,พ.อ.อดุลย์ ลอยฟ้า เสธ.ศอ.ปส.ชน. ได้ร่วมกันแถลงผลการจับกุมยาเสพติดรายสำคัญ จำนวน 3 คดี จับกุมผู้กระทำความผิดรวม 4 คน ตรวจยาบ้ารวมกว่า 8.6 ล้านเม็ด รถยนต์ 3 คัน รถหัวลากบรรทุกจำนวน 2 คัน ณ บก.สส.ภ. 5 ดังนี้ 

คดีที่ 1 การจับกุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แม่พริก จว.ลำปาง เมื่อวันที่ 5 ต.ค.65 เวลาประมาณ 12.20 น. เป็นการจับกุมยาบ้าจำนวน 30 กระสอบ ประมาณ 6 ล้านเม็ด  ได้ผู้ต้องหารวม 2 คน รถยนต์ 2 คัน กรณีนี้เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่า พบรถยนต์ต้องสงสัยจำนวน 2 คัน ขับตามกันมา ผ่านเข้ามาในหมู่บ้านพระบาทวังตวง ต.แม่พริก อ.แม่พริกฯ  จึงได้ไปทำการตรวจสอบ และพบรถตู้มีลักษณะตรงตามที่รับแจ้ง และพบตัวนายเดชทัพฯ(สงวนนามสกุล) (ทำหน้าที่ขับรถขนยา) แสดงตัวเป็นผู้ขับขี่ ระหว่างที่กำลังสอบถามข้อมูล ปรากฏว่านายเดชทัพฯ วิ่งหลบหนี แต่เจ้าหน้าที่สามารถไล่จับกุมตัวได้ จากนั้นได้ตรวจค้นรถยนต์ตู้พบยาบ้าของกลางภายในห้องโดยสาร และขยายผลจับกุมตัวนายวินัยฯ(สงวนนามสกุล)(ทำหน้าที่รถนำ) พร้อมรถยนต์เก๋งซึ่งใช้ในการขับนำ  ได้ที่ ต.ล้อมแรด อ.เถิน จว.ลำปาง โดยยาบ้าของกลาง ต้นทางจาก อ.เทิง จว.เชียงราย ปลายทาง กทม.

คดีที่ 2 การจับกุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แม่พริก จว.ลำปาง เมื่อวันที่ 7 ต.ค.65 เวลาประมาณ 13.00 น. ได้ตรวจยึดยาบ้า จำนวนรวม 618,000 เม็ด รถยนต์กระบะจำนวน 1 คัน ได้ที่บริเวณบ้านแม่เชียงรายลุ่ม อ.แม่พริก  กรณีนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตั้งจุดสกัดยาเสพติดบริเวณหน้า อบต.แม่พริก และพบรถยนต์ของกลางขับผ่านมา จึงได้เรียกให้หยุด ในระหว่างที่รถชะลอลดความเร็ว จนท.สังเกตุเห็นว่ามีกระเป๋าสะพายจำนวนหลายใบวางอยู่บริเวณเบาะด้านหลังคนขับ ขณะรถกำลังจะหยุด ผู้ขับขี่ได้เร่งความเร็วรถแล้วขับรถฝ่าจุดสกัดหลบหนี  จึงได้แจ้งสกัดจับ ต่อมา ได้รับแจ้งจากผู้ใหญ่บ้านแม่เชียงรายลุ่ม อ.แม่พริก ว่าพบรถต้องสงสัยมีลักษณะตามที่แจ้งสกัด ได้จอดอยู่บริเวณป่าละเมาะข้างทาง จึงได้ไปตรวจสอบ ภายในรถ ไม่พบตัวผู้ขับขี่ และไม่พบสิ่งของผิดกฎหมาย แต่ได้เดินดูโดยรอบห่างประมาณ 10 เมตร พบยาบ้าของกลางซุกซ่อนกิ่งไม้ปกคลุม จึงได้ตรวจยึดยาบ้าดังกล่าว และนำส่ง พงส.ฯ

คดีที่ 3 การจับกุมของ ชุดสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติดพื้นที่ตอนใน ภ.5 ร่วมกับด่านตรวจยาเสพติดห้วยไร่ สภ.ห้วยไร่ จว.แพร่ เมื่อวันที่ 7 ต.ค.65 เวลาประมาณ 19.30 น. เป็นการจับกุมยาบ้าจำนวน 10 กระสอบ ประมาณ 2 ล้านเม็ด พร้อมผู้ต้องหาจำนวน 2 คน รถหัวลากบรรทุกพ่วงจำนวน2คันได้ที่ด่านตรวจยาเสพติดห้วยไร่ อ.เด่นชัย จว.แพร่  การจับกุมคดีนี้ชุดสกัดกั้นฯ ได้ทำการสืบสวนกลุ่มผู้ลักลอบลำเลียงยาเสพติดพบมีข้อมูลข่าวสารว่ากลุ่มลำเลียงยาเสพติดได้ว่าจ้างรถยนต์บรรทุกโลจิสติกส์ลำเลียงยาบ้าจากพื้นที่แนวชายแดนด้าน จว.เชียงราย เข้าสู่พื้นที่ตอนในของประเทศ  จึงสืบสวนมาอย่างเนื่อง จนกระทั่งเมื่อวันที่ 7 ต.ค.2565  พบรถยนต์บรรทุกพ่วง จำนวน 2 คัน ขับตามกันมา จากพื้นที่ จว.เชียงราย ผ่าน จว.พะเยา,จว.ลำปาง,จว.แพร่ มุ่งหน้าไปยัง จว.อุตรดิตถ์ ซึ่งมีลักษณะใกล้เคียงกับข้อมูลแหล่งข่าว จึงประสานด่านตรวจห้วยไร่  เรียกตรวจค้นและจากการตรวจค้นรถทั้งสองคัน พบยาเสพติดของกลางซุกซ่อนอยู่บริเวณช่องเก็บของใต้ท้องรถ โดยคันแรกซึ่งมีนายนปภัสฯ(สงวนนามสกุล)เป็นผู้ขับขี่ พบยาบ้าซุกซ่อนจำนวน 6 กระสอบ  คันที่สองซึ่งมีนายอมรินทร์ฯ(สงวนนามสกุล)เป็นผู้ขับขี่ พบยาบ้าซุกซ่อนจำนวน 4 กระสอบ รวมยาบ้าทั้งสองคันจำนวน 10 กระสอบประมาณ 2 ล้านเม็ด จึงได้ทำการจับกุมตัวนายนปภัส และนายอมรินทร์ฯผู้ขับขี่ นำส่ง พงส.ฯ ดำเนินคดีตามกฎหมาย สำหรับยาบ้านี้ ต้นทางมาจาก อ.ขุนตาล จว.เชียงราย ปลายทาง อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา 

ทูตจีนประจำสหรัฐฯ ขอบคุณ 'อีลอน มัสก์' หลังแนะ ‘ไต้หวัน’ ยอมเป็นเขตปกครองพิเศษของจีน

เอกอัครราชทูตจีนประจำสหรัฐฯ กล่าวขอบคุณ ‘อีลอน มัสก์’ มหาเศรษฐีเบอร์ 1 ของโลก ที่อุตส่าห์แนะนำให้ไต้หวันยอมเป็นเขตปกครองพิเศษของจีนเพื่อหลีกเลี่ยงสงคราม ขณะที่ผู้แทนไทเปประจำวอชิงตันโต้เดือด ‘เสรีภาพและประชาธิปไตยซื้อขายกันไม่ได้’

เมื่อต้นสัปดาห์ที่แล้ว มัสก์ ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้ง ‘เทสลา’ และ ‘สเปซเอ็กซ์’ ได้ออกมาเสนอแผนสันติภาพ ‘รัสเซีย-ยูเครน’ และเปิดโพลให้ชาวทวิตเตอร์โหวตจนโดนทัวร์ลงยับ ทว่าผ่านมาไม่กี่วันเขาก็เรียกแขกอีกครั้ง ด้วยการให้สัมภาษณ์กับสื่อไฟแนนเชียลไทม์สว่า ไต้หวันควรยอมสละอำนาจปกครองดินแดนบางส่วนให้ปักกิ่งเพื่อหลีกเลี่ยงสงคราม

“สิ่งที่ผมแนะนำก็คือ... ลองคิดหาวิธีจัดตั้งเขตปกครองพิเศษ (special administrative zone) สำหรับไต้หวันที่พอจะยอมรับได้ แม้จะไม่ทำให้ทุกฝ่ายแฮปปี้ก็ตาม” มัสก์ กล่าว

ข้อเสนอของ มัสก์ ดูจะเป็นที่ถูกอกถูกใจจีนอย่างมาก โดย ฉิน กัง เอกอัครราชทูตจีนประจำสหรัฐฯ ได้ออกมาทวีต “ขอบคุณ” มัสก์ เมื่อวันเสาร์ (8 ต.ค.) ที่ช่วยเสนอทางออกสำหรับความขัดแย้ง และเอ่ยย้ำข้อเรียกร้องของปักกิ่งที่ต้องการ ‘รวมชาติกับไต้หวันโดยสันติ’ ภายใต้การปกครอง ‘หนึ่งประเทศ-สองระบบ’

“ผมขอขอบคุณ @elonmusk ที่ออกมาเรียกร้องสันติภาพในช่องแคบไต้หวัน และเสนอแนวคิดในการจัดตั้งเขตปกครองพิเศษของจีนขึ้นในไต้หวัน” ฉิน ระบุ

“อันที่จริงแล้ว การรวมชาติอย่างสันติและการปกครองแบบหนึ่งประเทศ-สองระบบ คือหลักการขั้นพื้นฐานของเราในการแก้ไขปัญหาไต้หวันอยู่แล้ว และเป็นแนวทางที่ดีที่สุดที่จะทำให้การรวมชาติเป็นจริงได้”

“เมื่ออธิปไตย ความมั่นคง และผลประโยชน์ด้านการพัฒนาของจีนถูกรับรอง ไต้หวันภายหลังการรวมชาติจะได้รับสิทธิปกครองตนเองขั้นสูงในฐานะเขตปกครองพิเศษ และมีพื้นที่สำหรับการพัฒนาอย่างกว้างขวางด้วยเช่นกัน”


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top