Monday, 16 June 2025
NEWS FEED

ไทยติดอันดับที่ 5 ของเอเชีย อันดับ 2 อาเซียน ประเทศที่ดีที่สุดในโลกประจำปี 2022

(15 ต.ค. 65) นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ไทยได้รับการจัดอันดับเป็นอันดับที่ 5 ของเอเชีย และอันดับที่ 2 ของอาเซียน และอันดับที่ 28 ของโลกสำหรับประเทศที่ดีที่สุดในโลกประจำปี 2022 (U.S. News & World Report Best Countries Rankings) ของ usnews.com เว็บไซต์ที่จัดอันดับความนิยมด้านต่างๆ ( https://www.usnews.com/news/best-countries/rankings)

ซึ่งพบว่า จากผลสำรวจทั้งหมด 85 ประเทศทั่วโลกในปี 2022 ประเทศที่ได้คะแนนสูงสุดเป็นประเทศที่ดีที่สุดในโลกคือ สวิตเซอร์แลนด์ และอันดับ 2 ถึง 5 เรียงตามลำดับ คือ เยอรมนี แคนาดา สหรัฐอเมริกา และสวีเดน สำหรับ 5 อันดับสูงสุดของ ทวีปเอเชียได้แก่ ญี่ปุ่น อันดับ 6, จีน อันดับ 17, สิงคโปร์ อันดับ 19, เกาหลีใต้ อันดับ 20 และประเทศไทย อันดับที่ 28

'เพจอิลสลิก' ร่ายยาวตอบโต้เจ้าของร้านคู่กรณี ยัน!! รับเงินแต่ไม่ได้แสดงถูกแล้ว เหตุร้านไม่ทำตามสัญญา

เพจ 'อิลสลิก' ออกมาชี้แจงตอบโต้เจ้าของร้าน Subscribe Rama 7 ยันรับเงินค่าจ้างแต่ไม่แสดงทำถูกต้องด้วยกฎหมาย ชี้เพราะร้านไม่ได้ทำตามข้อตกลงในสัญญา จนเป็นเหตุทำให้ทีมงานไม่สามารถแสดงต่อไปได้จึงจำเป็นต้องยึดเงินดังกล่าว โว พี่อิลไม่ได้ออกมาทำการแสดงคอนเสิร์ตเพื่อเงิน ปล่อยยูทูบก็อยู่ได้สบาย

กรณี 'อิลสลิก' แร็ปเปอร์ ยกเลิกคอนเสิร์ตที่ร้าน Subscribe Rama 7 ร้านดังย่านนนทบุรี อ้างอุปกรณ์ร้านไม่มีมาตรฐานเพียงพอ ต่อมาอิลไปขึ้นโชว์อีกร้าน ได้กล่าวพาดพิงถึงร้าน Subscribe ทำนองเหยียดทีมงานเรียกว่าไอ้อี ทำเครื่องดนตรีพัง อีกทั้งยังเปรียบเทียบตัวเองกับ 'ตูน บอดี้สแลม' ท้าให้มาประชันกันบนเวที ยกตัวเองเป็นนักกวีอย่าเอาไปเทียบกับนักวิ่ง ดรามาไม่จบง่ายๆ เพราะต่อมาเจ้าของร้าน Subscribe เข้าร้อง 'ทนายตั้ม ษิทรา เบี้ยบังเกิด' เพื่อเอาผิดแร็ปเปอร์ชื่อดัง โดยยืนยันว่าไม่ได้มีพฤติกรรมอย่างที่ถูกอิลสลิกกล่าวหา จะขอเงินค่าตัว 4.5 แสนคืน พร้อมให้ชดเชยค่าเสียหาย เพราะร้านได้รับความเสียหายกว่าล้าน

ล่าสุดเมื่อวาน (14 ต.ค.) เจ้าของร้าน Subscribe Rama 7 ออกมาแฉ 'อิลสลิก' ผ่านรายการโหนกระแส ขอเงินค่าตัว 4.5 แสนคืน เพราะร้านได้รับความเสียหายกว่าล้านบาท

อย่างไรก็ตาม ในวันเดียวกันนี้ (14 ต.ค.) เพจ 'Illslick - Thikhumporn Whetthaisong' ออกมาเคลื่อนไหวด้วยการโพสต์ข้อความยาวเหยียด ชี้แจงประเด็นตอบโต้ทางเจ้าของร้าน โดยได้ระบุข้อความว่า

"จากกรณีที่ทางร้านได้ให้สัมภาษณ์กับทางรายการหนึ่ง ทางทีมขอชี้แจงดังนี้

1. กรณีรับเงินค่าจ้างสำหรับการแสดงเต็มจำนวนแม้ไม่ได้แสดงเพราะมีการยกเลิกการแสดง เป็นการดำเนินการใช้สิทธิตามสัญญาโดยชอบด้วยกฎหมาย

ตามรายละเอียดที่เคยแจ้งไว้เมื่อวันที่ 6 ตุลาคมที่ผ่านมา ทีมมีการเดินทางไปจนถึงพื้นที่ตั้งแต่ก่อนทำการแสดง 1 วัน เพื่อเตรียมความพร้อม จัดการแผนงานทุกอย่าง และเข้าทำการซาวนด์เช็กแล้วในวันแสดงจริงตั้งแต่เวลากลางวันอย่างเต็มที่ ใช้ทีมงานจำนวนหลายคน แต่ปรากฏว่าเกิดความผิดพลาดบกพร่องขึ้นเพราะทางร้านไม่ได้ทำตามข้อตกลงในสัญญา จนเป็นเหตุทำให้ทีมงานไม่สามารถแสดงต่อไปได้ ทางทีมงานจึงมีความจำเป็นต้องยึดเงินจำนวนดังกล่าวเอาไว้ ซึ่งเป็นไปตามข้อตกลงในสัญญาที่ได้ตกลงกันไว้ตั้งแต่แรกก่อนตกลงว่าจ้าง ซึ่งทางร้านได้เซ็นสัญญาไว้แล้วด้วยความสมัครใจตั้งแต่วันที่ 14 กันยายน 2565 

ทั้งนี้ เพื่อเป็นค่าชดเชยค่าเหนื่อยค่าเสียเวลาของทีมงานทุกคน ชดเชยค่าเสียโอกาสของศิลปินสำหรับคิวแสดงในวันนั้น และค่าเสียหายอื่นๆ การยึดเงินดังกล่าวจึงเป็นการใช้สิทธิตามข้อสัญญาโดยชอบด้วยกฎหมาย

ก่อนหน้านี้ทางร้านทราบเรื่องนี้เป็นอย่างดีและได้ขอโทษทีมงาน โดยทางร้านได้ส่งข้อความมาทางแอปพลิเคชันไลน์แจ้งทีมงาน เช่น “…..ผมเป็นเจ้าของร้าน ผมรับผิดทุกอย่าง ขอโทษที่ไม่สอนพนักงานให้ดีพอให้มากพอ….” “ทางร้าน ทีมซาวนด์ของร้านขอโทษด้วยนะครับ” “เขาหวังดีครับพี่ ไม่ได้คิดจะเปรียบกับศิลปินอื่นเลยครับพี่” “…เหตุเกิดจากคนคนเดียวทำให้ต้องเป็นแบบนี้ แต่ทางร้านเสียหายจนไม่เหลืออะไรเลยครับพี่ดอม” “ซึ่งทางผมน้อมรับผิดที่ดูแลลูกน้องไม่ดี……” และบทสนทนาอื่นๆ นอกจากนี้ ในวันที่ 1 ตุลาคม 2565 เวลาประมาณ 20.08 น. ทางร้านก็ออกมาโพสต์ข้อความทางเฟซบุ๊กยอมรับเองว่า “ทุกอย่างเป็นความจริงตามเพจ ILLSLICK โพสต์ทุกประการ ทางร้านกราบขอโทษอีกครั้งนะครับ”

สัญญาส่วนนี้ถูกเขียนขึ้นจากประสบการณ์การทำงานของเราที่เคยพบปัญหา เคยเสียหายและเสียเปรียบมาก่อนหน้าเพราะรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เรารู้ตัวดีว่าเราทำทุกอย่างด้วยตัวเอง ไม่มีค่ายดูแล ไม่มีคนช่วยเหลือ ใช้เพียงประสบการณ์เป็นบทเรียนแล้วหาทางแก้ไข สัญญาจึงระบุไว้เพื่อปกป้องตนเองและทีมงานทุกคนที่พี่อิลนับถือเป็นเพื่อน พี่น้อง และครอบครัวที่ร่วมลำบากด้วยกันมาอย่างเต็มที่จนอาจถูกมองว่าเอาเปรียบ ทางทีมเข้าใจความเสียหายที่เกิดขึ้นแต่ทีมก็ต้องรับผิดชอบในส่วนความเสียหายของทีมเช่นเดียวกัน การยกเลิกการแสดงมิใช่ความต้องการของเรา เราตั้งใจเตรียมพร้อมออกไปเพื่อพบแฟนเพลง เมื่อเราจำเป็นต้องยกเลิก เราเองก็มีความเสียหายเพราะย่อมถูกมองว่าไม่มีความเป็นมืออาชีพ ไม่มีสปิริต ซึ่งเป็นความเสียหายต่อชื่อเสียงที่ได้รับก็เป็นความเสียหายที่ประเมินค่าไม่ได้ ทั้งที่ไม่ใช่ความผิดพลาดของทีม ซึ่งในเวลานั้นพี่อิลเลือกจะแบกรับความเสียหายต่อชื่อเสียงนี้แทนการปล่อยให้คนฟังเสียเงินจำนวนมากเข้ามาดูโชว์ที่ไม่ได้คุณภาพ ทีมต้องขอโทษที่สัญญาของทีมระบุไว้เช่นนั้น และทีมยืนยันว่าจำเป็นต้องดำเนินการตามนั้นเพื่อเป็นมาตรฐานต่อไป

เราเคยตกลงงานกับร้านแห่งหนึ่งที่มัดจำและจ่ายส่วนที่เหลือแล้วเช่นกัน ซึ่งตอนนั้นร้านไม่สามารถจัดแสดงในวันเวลาที่กำหนดตามสัญญา ทางทีมยึดมัดจำตามสัญญา แต่คืนส่วนที่เหลือให้ 50% เพราะเรายังไม่ได้เดินทางไปในพื้นที่ ยังไม่ได้ใช้ทีมงานเข้าไปทำงาน ไม่ได้เข้าไปทำการซาวนด์เช็ก และการยกเลิกครั้งนั้นเราได้คิววันแสดงนั้นกลับคืน แม้ว่าเราจะไม่ได้รับงานอื่นทดแทนก็ตามแต่ก็ไม่ได้ยึดส่วนที่เหลือเป็นค่าชดเชย จึงอยากให้ทุกคนเข้าใจว่ารายละเอียดของสัญญาเป็นเช่นนี้ และได้เน้นย้ำทำข้อตกลงกับทางร้านก่อนแล้ว

ทีมงานได้พยายามเจรจาแก้ไขปัญหาทุกอย่างแล้วเพื่อจะให้โชว์สามารถเกิดขึ้นได้อย่างมีคุณภาพ ถ้ามีการเปิดคลิปกล้องวงจรปิดในร้านทั้งหมดทั้งภาพเคลื่อนไหวและเสียงจะเห็นได้ว่าทีมงานพยายามทำทุกอย่างอย่างสุดความสามารถแล้วเท่าที่ศิลปินคนหนึ่งจะทำได้เพื่อต้องการให้โชว์ออกมาดีที่สุด ถ้าคลิปกล้องวงจรปิดทั้งหมดทุกช่วงเวลาไม่บังเอิญเสียทั้งภาพและเสียงเราจะเห็นความจริงที่เกิดขึ้นทั้งหมด ซึ่งทางทีมจะขอให้ผู้ที่มีอำนาจเรียกหลักฐานส่วนนี้มาพิสูจน์ความบริสุทธิ์ใจของทีมงานตามกระบวนการกฎหมายต่อไป

ไม่นานเกินรอ!! 'รถไฟไทย-จีน' มิติใหม่ของการท่องเที่ยว คาด!! อีก 5 ปี พร้อมเปิดให้บริการ

เมื่อไม่นานมานี้ เพจ 'Bangkok I Love You' ได้โพสต์ข้อความเกี่ยวกับรถไฟไทย-จีน ไว้อย่างน่าสนใจว่า...

"รถไฟไทย เชื่อมรถไฟโลก"

เมื่อทางรถไฟไทย - จีน (กรุงเทพ เวียงจันทน์ คุณหมิง) สร้างแล้วเสร็จ ซึ่งคาดการณ์ไว้ว่าน่าจะใช้เวลาอีกประมาณ 4 - 5 ปี มิติใหม่ของการเดินทางท่องเที่ยวก็จะเกิดขึ้น ตลอดสองข้างทางรถไฟสายที่ยาวที่สุดในโลก 

โดยที่รถไฟสายนี้จะมีจุดเริ่มต้นที่ สถานีรถไฟ Woodlands ในประเทศสิงคโปร์ ขึ้นเหนือผ่าน สถานีรถไฟเซ็นทรัลกัวลาลัมเปอร์ เลียบชายฝั่งทะเลอันดามัน ผ่านพรมแดนประเทศไทยที่ ปาดังเบซา ผ่าน สงขลา ผ่านนครศรีธรรมราช เลียบอ่าวไทยขึ้นมา ผ่านสุราษฎร์ธานี ซึ่งสามารถต่อเรือไปเกาะสมุย เกาะพงัน เกาะเต่า ได้ (และในอนาคตอันใกล้ก็จะมีสะพานข้ามไปยังเกาะสมุย) ผ่านเมืองท่องเที่ยวอย่างหัวหิน ราชบุรี นครปฐม แล้วเข้าสู่ศูนย์กลางขนส่งทางรางของอาเซียนที่สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ กรุงเทพมหานคร 
ซึ่งจากที่นี่สามารถต่อรถไฟความเร็วสูงซึ่งใช้เวลาเพียง 4 ชั่วโมงถึงเวียงจันทน์ โดยผ่านเมืองมรดกโลกอย่าง พระนครศรีอยุธยา และมรดกทางธรรมชาติอย่างเขาใหญ่ ที่สถานีปากช่อง และข้ามแม่น้ำโขงที่ หนองคาย จากนั้นก็จะผ่านพรมแดนบริเวณท่านาแร้ง เวียงจันทน์

จากเวียงจันทน์ต่อรถไฟสาย เวียงจันทน์ คุณหมิง ซึ่งเป็นรถไฟความเร็วปานกลาง ผ่านวังเวียง เมืองมรดกโลก หลวงพระบาง และอีกเพียงไม่เกิน 8 ชั่วโมงก็เข้าถึงคุนหมิง

จากนั้นต่อ รถไฟความเร็วสูงสายปักกิ่ง - คุนหมิง ซึ่งเป็นทางรถไฟที่ยาวที่สุดของประเทศจีนด้วยความยาว 2,760 กิโลเมตร จะวิ่งผ่านเมืองสำคัญหลายแห่ง เช่น เมืองสือจยาจวง มณฑลเหอเป่ย, เมืองเจิ้งโจว มณฑลเหอหนัน, เมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย, เมืองฉางซา มณฑลหูหนาน และนครกุ้ยหยัง มณฑลกุ้ยโจว และที่สำคัญที่คุนหมิงนี่เองสามารถเปลี่ยนเส้นทางไปทางรถไฟสายหลังคาโลก ต้าหลี่ ธิเบตได้ 

เมื่อถึงปักกิ่งแนะนำให้แวะเที่ยวมหานครที่ร่ำรวยวัฒนธรรมซัก 3-4 วัน โดยจุดท่องเที่ยวที่โดดเด่นเช่น พระราชวังต้องห้าม พระราชวังฤดูร้อน หอฟ้าเทียนถาน ย่านเมืองเก่าหู่ตง สนามกีฬารังนก เป็นต้น 

จากนั้นขึ้นรถไฟสายทรานส์มองโกเลีย ช่วงเส้นทางระหว่างกรุงปักกิ่ง-อูลันบาตอร์ รถไฟจะไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ และมุดเข้าไปอยู่ในเขตภูเขา เป็นภูเขาแนวยาวตลอดเส้นทางเลยทีเดียว ช่วงนี้จะมีอุโมงค์ที่เจาะทะลุภูเขากว่า 50-60 อุโมงค์ได้ และทุกๆ ครั้งที่รถไฟโผล่พ้นจากอุโมงค์เราก็จะพบกับโตรกผาและแม่น้ำแบบอลังการตลอดเส้นทาง และที่พลาดไม่ได้ก็คือกำแพงเมืองจีนนั่นเอง จากนั้นก็จะเข้าสู่เขตทุ่งหญ้า กว้างไกลสุดลูกหูลูกตา มี Ger District หรือที่อยู่อาศัยแบบเกอร์ของคนท้องถิ่น เป็นระยะๆ จนกระทั่งถึงอูลันบาตอร์

นายกฯ แจ้งข่าวดี แก้หนี้ครัวเรือนคืบหน้า ช่วยกลุ่มเปราะบางได้รับความเป็นธรรม

เมื่อวันที่ 14 ต.ค. 65 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า...

พี่น้องประชาชนชาวไทยที่รักครับ ผมมีข่าวดี ที่เป็นความคืบหน้า สืบเนื่องจากการที่รัฐบาลได้ประกาศให้ปี 2565 เป็น “ปีแห่งการแก้หนี้ภาคครัวเรือน” โดยล่าสุดก็ได้มีการกำหนดให้ธุรกิจเช่าซื้อรถยนต์/รถจักรยานยนต์ คิดอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงต่อปี (Effective Interest Rate) แบบ "ลดต้น ลดดอก" ซึ่งจะต้องคิดดอกเบี้ยจาก "เงินต้นคงเหลือ" ในแต่ละงวด ไม่ใช่คิดดอกเบี้ยแบบ "เงินต้นคงที่" (Flat rate) แบบเดิม ที่ทำให้ลูกค้า/ผู้ที่เช่าซื้อเสียเปรียบบริษัทเช่าซื้อ หรือลีสซิ่ง

นอกจากนี้ ได้มีการกำหนดอัตราดอกเบี้ยเช่าซื้อใหม่ ได้แก่ (1) รถยนต์ใหม่ : คิดดอกเบี้ยไม่เกิน 10% ต่อปี (2) รถยนต์ใช้แล้ว : คิดดอกเบี้ยไม่เกิน 15% ต่อปี (3) รถจักรยานยนต์ : คิดดอกเบี้ยไม่เกิน 23% ต่อปี และสำหรับผู้ที่สามารถปิดบัญชีได้ก่อน ก็จะต้องให้ "ส่วนลด" กับผู้เช่าซื้อด้วย ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในอีก 90 วัน ภายหลังจากประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว (หรือวันที่ 11 มกราคม 2566) ครับ

ที่ผ่านมา รัฐบาลได้ให้ความสำคัญและพยายามช่วยเหลือพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง มีหนี้สินติดตัว ให้ได้รับความเป็นธรรมมากขึ้น เช่น ผลักดันให้การเปลี่ยน "ฐานคำนวณดอกเบี้ย" จากเดิมที่คิดดอกเบี้ยจากยอด "เงินต้นคงค้างทั้งหมด" มาเป็นการคิดดอกเบี้ยจาก "เงินต้นเฉพาะเดือนที่ผิดนัดชำระ" เท่านั้น หลักการนี้ ถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์การคิดดอกเบี้ยในประเทศไทย เป็นการแก้ไขปัญหาในเชิงโครงสร้าง ที่จะเป็นประโยชน์ต่อการสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศ เป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อพี่น้องประชาชนที่เป็นหนี้ ขาดสภาพคล่อง โดยเฉพาะบรรดาเกษตรกร ชาวไร่ ชาวนา มนุษย์เงินเดือน คนหาเช้ากินค่ำ ที่มีความจำเป็นจะต้องกู้หนี้ยืมสิน เพื่อมาใช้ดำรงชีวิต และเพื่อเป็นทุนในการประกอบอาชีพ ตลอดจนกลุ่มลูกหนี้นอกระบบ กลุ่มผู้มีรายได้น้อย ให้ชำระดอกเบี้ยลดลงอีกด้วย

นอกจากนี้ ในช่วงที่ผ่านมา รัฐบาลได้จัด "มหกรรมไกล่เกลี่ยหนี้" เพื่อขับเคลื่อนการแก้ไขหนี้ครัวเรือนให้ประชาชน เราได้เดินสายไปทุกจังหวัด ทั่วประเทศ สามารถลดปัญหาหนี้สินประชาชนได้ กว่า 200,000 ราย มูลหนี้มากกว่า 30,000 ล้านบาท ซึ่งถือว่าประสบความสำเร็จอย่างสูง โดยได้รับความสนใจจากพี่น้องประชาชน-ลูกหนี้อย่างต่อเนื่อง ดังนั้น เพื่อเป็นการเก็บตกและต่อยอด จึงจัดให้มี "มหกรรมร่วมใจแก้หนี้" เพื่อช่วยเหลือลูกหนี้กลุ่มเปราะบาง ที่รายได้ยังไม่กลับมาเต็มที่ และอาจได้รับผลกระทบเพิ่มเติมจากค่าครองชีพที่สูงขึ้น ซึ่งภายหลังจากดำเนินการมาได้ 2 สัปดาห์ ณ 14 ตุลาคม 2565 มีคำขอแก้หนี้เข้ามาแล้ว 158,539 รายการ จากลูกหนี้ 62,595 ราย เฉลี่ยคนละ 2-3 รายการ ส่วนใหญ่เป็นบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล เป็นต้น

ป่วยที่ไหนไปนั่น!! 'นายกฯ' ช่วยไว!! ให้สิทธิผู้ป่วยบัตรทองในพื้นที่น้ำท่วม 'รักษาฟรี - ที่ไหนก็ได้' แม้ไม่ใช่หน่วยบริการตามสิทธิ

(15 ต.ค. 65) นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กำชับส่วนราชการเร่งช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย และให้ดูแลอย่างใกล้ชิดเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้น สำหรับการดูแลสุขภาพประชาชน สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) พร้อมดูแลผู้ป่วยสิทธิบัตรทองในพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วม มีการจัดระบบให้สามารถรับการรักษาต่อเนื่อง โดยผู้ป่วยสามารถใช้บริการที่หน่วยบริการ หรือ สถานพยาบาลที่ไม่ใช่หน่วยบริการตามสิทธิได้ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ซึ่งทางหน่วยบริการจะเบิกค่าใช้จ่ายจากสปสช. ตามขั้นตอนต่อไป

'เผ่าภูมิ -ทีมนโยบายเพื่อไทย' ร่ายเป็นฉากๆ ยกแนวคิด 'เขตธุรกิจใหม่4ภาค' ของเพื่อไทย เหนือกว่า EEC ระบุ เข้าไปแก้ไขต้นตอ สร้างระบบนิเวศน์ใหม่ทั้งระบบ ครอบคลุมทุกด้าน ทุนย่อยและ SMEs ให้แข่งขันกับทุนใหญ่ได้

14 ต.ค.2565- นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย และผู้อำนวยการศูนย์นโยบายพรรคเพื่อไทย เปิดเผยถึงข้อแตกต่างที่ทำให้นโยบายเขตธุรกิจใหม่ 4 ภาค ของพรรคเพื่อไทย เหนือกว่า อีอีซี (EEC) 10 ข้อ ดังนี้ 1. อีอีซี แก้ปัญหาด้วยปลายเหตุด้วยสิทธิประโยชน์มาล่อใจ เขตธุรกิจใหม่ เข้าไปแก้ไขต้นตอ ทั้งด้านกฎหมายที่เป็นอุปสรรค (โดยการสร้างกฎหมายธุรกิจชุดใหม่) สร้างสิทธิประโยชน์ชุดใหม่ และสร้างระบบนิเวศน์ใหม่ทั้งระบบ

2. กฎหมายพิเศษในอีอีซี คือกฎหมายเพื่อส่งเสริมสิทธิประโยชน์ แต่ในเขตธุรกิจใหม่ จะมีแพคเกจกฎหมายธุรกิจชุดใหม่ที่ครอบคลุมทุกด้าน เช่น ใบอนุญาต ที่ดินทำกิน การผูกขาดและการแข่งขันทางการค้า การนำเข้าส่งออก แรงงาน วีซ่า ภาษี สิทธิประโยชน์ ธุรกรรมการเงิน ทรัพย์สินทางปัญญา ระบบยุติธรรม เป็นต้น

3. อีอีซี สนับสนุนทุนใหญ่ อุตสาหกรรมหนักไม่กี่ด้าน เพิ่มการผูกขาด แต่เขตธุรกิจใหม่ สนับสนุน เปิดโอกาส และเป็นเขตบ่มเพาะทุนย่อยและ SMEs ให้แข่งขันกับทุนใหญ่ได้ เขตธุรกิจใหม่ผนวกกับกฎหมายธุรกิจชุดใหม่ จะเป็นกลไกที่เข้าต่อสู้กับปัญหาทุนผูกขาด ผ่านระบบใบอนุญาตชนิดพิเศษ

4.อีอีซี ขาดสิทธิประโยชน์ด้านการทำธุรกรรมการเงินระหว่างประเทศ แต่เขตธุรกิจใหม่ มีกฎหมายที่สนับสนุนและรับรอง เงินสกุลดิจิทัลที่ออกโดยธนาคารกลาง (CBDC) และบล็อกเชนของไทย เพื่อธุรกรรมที่ไร้รอยต่อ ค่าใช้จ่ายเข้าใกล้ศูนย์

5. อีอีซี คือจิกซอว์ไม่ครบวงจร แต่ใน เขตธุรกิจใหม่ ระบบนิเวศน์ที่ครบวงจรจะเป็นฐานให้ภาคเอกชน ทั้งสาธารณูปโภค ทั้งพื้นฐานและด้านดิจิทัล โลจิสติกส์ การเชื่อมมหาวิทยาลัย การผลิตคน และการจับคู่คนกับงาน ผ่านเพลตฟอร์มกลาง รวมทั้งระบบธนาคารและการค้ำประกันสินเชื่อที่ถูกออกแบบโดยเฉพาะ

ชาวสวนชุมพรปลื้ม!!! “จุรินทร์”ควง”สินิตย์”รุกสร้างเงินให้มังคุดใต้ปีหน้า นำเอกชนทำสัญญาซื้อล่วงหน้า 4,000 ตัน เพิ่มราคาให้ 20%

นายจุรินทร์  ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ พร้อมด้วยนายสินิตย์ เลิศไกร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดกิจกรรม “พาณิชย์เดินหน้าอมก๋อยโมเดล@ชุมพร สินค้ามังคุด และเป็นประธานสักขีพยานพิธีลงนามสัญญาข้อตกลงมาตรฐานของกรมการค้าภายใน การซื้อขายมังคุด และพบปะเกษตรกร โดยมีนางโสรดา เลิศอาภาจิตร์ ผู้ตรวจราชการรักษาการรองปลัดกระทรวงพาณิชย์ นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน และนายกองเอกพุทธ กฤชคงพันธุ์รองผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร เข้าร่วมด้วยที่วิสาหกิจชุมชนมังคุดคุณภาพวังใหม่  อําเภอเมือง จังหวัดชุมพร

นายจุรินทร์ กล่าวว่า วันนี้ถือโอกาสมาทำสิ่งที่เป็นประโยชน์กับพี่น้องเกษตรกรคนชุมพรที่ปลูกมังคุด ช่วง 2 ปีมานี้ถือเป็นยุคทองของเกษตรกรผู้ปลูกผลไม้ทั่วทั้งประเทศ เพราะราคาผลไม้ในภาพรวมดีมาก โดยเฉพาะ 2 ตัวสำคัญ เช่น 1.ทุเรียน 2.มังคุด แต่บางช่วงราคาตกเพราะผลผลิตออกมาก ที่จังหวัดชุมพรปลูกมากคือ ทุเรียนและมังคุด สำหรับทุเรียนปีที่แล้วราคาเฉลี่ยทั้งประเทศ หมอนทองเกรดส่งออกเฉลี่ย 145 บาท/กก. มังคุดเกรดส่งออกเฉลี่ย 60 บาท/กก. มังคุดเกรดคละเฉลี่ย 37 บาท/กก. เงาะโรงเรียน เฉลี่ย 25.50 บาท/กก. ภาพรวมถือว่าราคาผลไม้ทั้งประเทศถือว่าดีมาก ปีนี้เป็นห่วงว่าจะส่งออกได้ไหมเพราะตลาดจีนมีปัญหาเรื่องด่าน สุดท้ายราคาไม่ตกเพราะกระทรวงพาณิชย์กระทรวงเกษตรฯจับมือภายใต้วิสัยทัศน์ “เกษตรผลิตพาณิชย์ตลาด” ประชุมผู้ส่งออก  และโลจิสติกส์เปลี่ยนระบบการขนส่งจากเดิมที่ส่งออกทางบกเป็นหลักเป็นทางเรือแทน ทำให้ผลไม้ไทยสามารถส่งออกไปจีนได้ ซึ่งปีนี้ประสบความสำเร็จราคาผลไม้ดีมากกว่าหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นมาตรการทำงานเชิงรุกของกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงเกษตรฯจับมือกันประสบความสำเร็จ และปีนี้จะใช้โมเดลนี้เดินหน้าต่อ ไม่ให้ผู้ปลูกผลไม้เดือดร้อน ซึ่งอยากให้ปีหน้าดีกว่าปีนี้ ซึ่งพี่น้องต้องช่วยทำผลไม้ที่มีคุณภาพ ไม่เช่นนั้นจะเสียชื่อทั้งหมด ต้องรักษาคุณภาพ ซื่อสัตย์กับตัวเองและลูกค้า ซึ่งตนมั่นใจว่าถ้าทำได้ เราช่วยพี่น้องได้

ไต้หวัน ต้อนรับนักท่องเที่ยวจากไทย นับเป็นประเทศแรกในโลกที่มาเยือน หลังเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยวอีกครั้ง

เพจเฟซบุ๊ก Taiwan in Thailand ได้โพสต์ข้อความ เมื่อวันที่ 13 ต.ค. ว่า ไต้หวันเปิดพรมแดนต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติอีกครั้ง โดยกลุ่มแรกมีผู้เดินทางทั้งหมด 45 คน ออกเดินทางจากประเทศไทยถึงไต้หวันวันที่ 13 ต.ค. เวลา 00:16 น. ซึ่งถือเป็นวันแรกชั่งโมงแรกของการเปิดประเทศไต้หวันอย่างเป็นทางการ ที่ทำให้นักท่องเที่ยวกลุ่มนี้กลายเป็นกลุ่มแรกของโลกที่ได้เยือนไต้หวันหลังโควิด

หลังจากนักท่องเที่ยวเดินทางถึงไต้หวัน OhBear มาสคอตประจำการท่องเที่ยว มายังสนามบินเถาหยวน เพื่อต้อนรับกลุ่มนักท่องเที่ยว มอบของที่ระลึกให้ด้วยตัวเอง ยังมีกิจกรรมจับรางวัล "Taiwan Travel: Super Package" ที่จัดขึ้นเป็นพิเศษให้เฉพาะนักท่องเที่ยวกลุ่มแรก โดยมี คุณธิดารัตน์ เป็นผู้โชคดี ผ.อ. จาง ประกาศว่า การท่องเที่ยวไต้หวันได้กลับมาอย่างเป็นทางการแล้ว ยินดีต้อนรับนักท่องเที่ยวทั่วทุกมุมโลกเยือนไต้หวัน !

เพื่อเป็นการต้อนรับนักท่องเที่ยวหลังจากหายไปนาน สำนักงานการท่องเที่ยวไต้หวันได้จัดให้ OhBear มาสคอตประจำการท่องเที่ยว มาทักทายผู้โดยสารในห้องโถงผู้โดยสารขาเข้าพร้อมมอบของที่ระลึกต้อนรับทีละคน - หมอนรองคอลาย OhBear และอื่น ๆ ได้แก่ บิสกิตรูป OhBear เค้กไต้หวัน หน้ากากลายลิมิเต็ดของการท่องเที่ยวฯ และ บัตรอินเทอร์เน็ต 5 วัน

ฉะเชิงเทรา-กสทช.มอบรางวัลโครงการรู้ทัน เข้าถึง เข้าใจ ภัย Fake News

ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา เป็นประธานเปิดโครงการรู้ทัน เข้าถึง เข้าใจ ภัย Fake News และกิจกรรมพิธีมอบรางวัลการประกวด VDO CLIP ภายใต้หัวข้อ "รู้คิด รู้ทัน ยับยั้ง Fake News"

  เวลา 13.30 น. วันที่ 14 ตุลาคม 2565 ที่ศูนย์การค้าโรบินสันไลฟ์สไตล์ ฉะเชิงเทรา นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี  ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา เป็นประธานเปิดโครงการรู้ทัน เข้าถึง เข้าใจ ภัย Fake News และกิจกรรมพิธีมอบรางวัลการประกวด VDO CLIP ภายใต้หัวข้อ "รู้คิด รู้ทัน ยับยั้ง Fake News" ร่วมด้วย  รองศาสตราจารย์ ดร.ดวงพร ภู่ผะกา รักษาราชการแทนอธิการบดี ม.ราชภัฏราชนครินทร์  คณบดี คณาจารย์ นักศึกษา ผู้บริหารห้างโรบินสันฉะเชิงเทรา และแขกผู้มีเกียรติ เข้าร่วมภายในงาน
       สำหรับโครงการรู้ทัน เข้าถึงเข้าใจ ภัย Fake News ในการประกวด VDO CLIP ภายใต้หัวข้อ "รู้คิด รู้ทันยับยั้ง Fake News" ชิงโล่เกียรติยศจากสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ร่วมกับ สาขาวิชานิเทศศาสตร์ คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฎราชนครินทร์ในครั้งนี้ เนื่องด้วยปัจจุบัน Fake News หรือ ข่าวปลอม ได้ถูกแพร่กระจายบนสื่อดิจิทัล ซึ่งถือว่าเป็นอาชญากรรมบนโลกออนไลน์ที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน นักเรียน เยาวชน นักศึกษา รวมถึงผู้สูงวัย โดยเฉพาะกลุ่มเยาวชน ที่ถือได้ว่าอยู่ในกลุ่มของผู้ใช้ social media มากที่สุดเราจึงจำเป็นต้องสร้างองค์ความรู้และสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ผู้ใช้สื่อ social ให้ห่างไกลจากภัย  Fake News และอาชญากรรมบนโลกออนไลน์  ซึ่งเริ่มดำเนินกิจกรรมตั้งแต่เดือนมีนาคม 2565 โดยมีรูปแบบกิจกรรมใน รูปแบบออนไลน์ และออฟไลน์ อาทิ การจัดรายการสตรีมสด "ถกเรื่องเล่า จากคนเล่าเรื่อง" การลงพื้นที่กิจกรรมรณรงค์รู้ทันภัย Fake News วัย Baby Boom และการจัดโครงการประกวด VDOCLIP "รู้คิด รู้ทัน ยับยั้ง Fake News" โดยมีกลุ่มเป้าหมายเป็นเยาวชน นักเรียน นักศึกษาและประชาชนทั่วไป โดยมีวัตถุประสงค์ของโครงการ  เพื่อให้เด็กนักเรียน/นักศึกษา ประชาชนทั่วไปได้เข้าถึงความรู้ด้านการรู้เท่าทันสื่อ / เพื่อสร้างสรรค์ผลงานด้านการผลิตสื่อในการรู้เท่าทันสื่อ / เพื่อสร้างเครือข่ายและการมีส่วนร่วม การทำงานด้านการรู้เท่าทันสื่อ

ผบ.ตร.ชื่นชม จราจรบุคคโล กวาดเศษหินป้องกันอุบัติเหตุ หน่วยเตรียมเสนอชื่อรับรางวัลจราจรดีเด่นพบประวัติเคยนำส่งผู้ป่วยวูบกลางถนนส่งรพ. 

    จากรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กท่านหนึ่ง เผยแพร่ภาพจากกล้องหน้ารถ ระบุข้อความ “เมื่อเช้าขับรถมาทำงาน จอดติดไฟแดงแยกมไหสวรรค์ เห็นน้าตำรวจแกออกมากวาดหินที่หล่นบนพื้นถนน แกคงกลัวรถมอเตอร์ไซค์จะลื่นล้ม น่ารักมากๆเลยครับ #ทำดีต้องขอชื่นชมครับ  #ตำรวจดีๆมีเยอะครับ”จนมีผู้มาแชร์และแสดงความชื่นชมตำรวจนายนี้จำนวนมากนั้น
     ล่าสุด 14 ต.ค.2565 พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง โฆษก ตร. เปิดเผย ตรวจสอบแล้วตำรวจจราจรในคลิปคือ ร.ต.อ.พูนศักดิ์ สัมพันธ์กาญจน์ รอง สว.จร.สน.บุคคโล ปฎิบัติเหน้าที่ร้อยเวรจราจร ได้ออกตรวจสภาพการจราจร เมื่อมาถึงแยกมไหสวรรย์ พบกองกรวดทราย ซี่งไหลมากับน้ำฝนที่ตกหนักในคืนที่ผ่านมา เมื่อน้ำแห้งแล้วก็กลายเป็นก้อนกรวดทรายกองอยู่บริเวณกลางถนนแยกมไหสวรรย์ เกรงจะเกิดอุบัติเหตุกับผู้ใช้รถใช้ถนน จึงได้นำไม้กวาดมากวาดออก จนมีประชาชนถ่ายคลิปไว้ แล้วนำไปโพสจนมีผู้เข้ามาชื่นชมจำนวนมาก ขอบคุณแทนผู้ใช้รถถนนทุกคนด้วย 
   


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top