Sunday, 22 June 2025
NEWS FEED

ตำรวจไซเบอร์ สนองนโยบายรัฐบาลในการป้องกันปราบปรามภัยออนไลน์ทุกรูปแบบ

พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ โฆษก กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (โฆษก บช.สอท.) ขอเรียนชี้แจงผลการดำเนินการขับเคลื่อนตามนโยบายของรัฐบาล และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ ดังต่อไปนี้

กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดย พล.ต.ท.วรวัฒน์  วัฒน์นครบัญชา ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ได้เร่งรัดขับเคลื่อนตามนโยบายของรัฐบาล โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ซึ่งรับผิดชอบงานป้องกันปราบปรามอาชญากรรม ในการป้องกันปราบปรามการกระทำความผิดอาชญากรรมออนไลน์ในทุกรูปแบบ ร่วมกับหน่วยงานทั้งภาครัฐและภาคเอกชน แก้ไขปัญหาอย่างต่อเนื่อง และจริงจัง ซึ่งที่ผ่านมาได้ส่งผลกระทบต่อชีวิต และทรัพย์สินของประชาชนเป็นวงกว้าง โดยให้มีผลการปฏิบัติเป็นรูปธรรม รวมไปถึงการวางมาตรการการป้องกันสร้างการรับรู้ให้แก่ประชาชนไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ แบ่งออกเป็นหลายมิติที่สำคัญ เช่น

ด้านการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ นับตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.65 จนถึงปัจจุบัน ได้ดำเนินการปราบปรามจับกุมผู้กระทำความผิดอาชญากรรมออนไลน์ในทุกรูปแบบ มีผลงานเป็นที่ประจักษ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการปราบปรามมิจฉาชีพแก๊งคอลเซ็นเตอร์ การรับจ้างการเปิดบัญชีธนาคาร หรือบัญชีม้า การลักลอบใช้อินเทอร์เน็ตข้ามประเทศผิดกฎหมาย และการใช้ซิมโทรศัพท์มือถืออย่างผิดกฎหมาย รวมไปถึงการตรวจยึดเครื่องตรวจยึดเครื่องส่งสัญญาณ IP-PBX, เครื่อง GSM Gateways (Simbox) ภายใต้ยุทธการซิม-สาย-เสา ซึ่งถือได้ว่าเป็นการตัดวงจรความเสียหายก่อนที่มิจฉาชีพจะไปก่อเหตุหลอกลวงประชาชน ส่งผลให้แนวโน้มการถูกหลอกลวงประเภทดังกล่าวลดลงกว่าร้อยละ 25 อย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนี้ยังมีคดีสำคัญอีกหลายคดี เช่น ยุทธการ Shutdown ตัดสายแก๊งคอลเซ็นเตอร์, ยุทธการเด็ดปีกมังกร, ปฏิบัติการ ล้มไม้ค้ำลิดกิ่งก้าน ทลายเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ชาวจีน ตรวจยึดของกลางกว่า 300 ล้านบาท, ยุทธการหักซิมม้า ตรวจยึดของกลางกว่า 21,000 ซิม, ทลายเครือข่ายบุหรี่ไฟฟ้าไทย - มาเลเซีย ตรวจยึดของกลางกว่า 80 ล้านบาท และปฏิบัติการตรวจค้น 13 จุด ทั่วประเทศ ทลายเครือข่ายเว็บไซต์พนันออนไลน์รายใหญ่ SCG9 พบเงินหมุนเวียนกว่า 3,000 ล้านบาท เป็นต้น 

ททท. สำนักงานกระบี่ ร่วมต้อนรับเที่ยวบินจากสายการบิน Flydubai มุ่งให้จังหวัดกระบี่เป็นตลาดที่มีศักยภาพพร้อมรองรับนักท่องเที่ยวคุณภาพจากตะวันออกกลาง

20 มกราคม 2566 การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานกระบี่ ได้กำหนดจัดกิจกรรมต้อนรับเที่ยวบินจากสายการบิน Flydubai ในวันที่ 20 มกราคม 2566 เวลา 10.10 น. (เที่ยวบิน FZ1463) ณ บริเวณอาคารขาเข้าต่างประเทศ ท่าอากาศยานนานาชาติกระบี่ จังหวัดกระบี่ โดยมี นายอะหมาน หมัดอะดัม ผู้อำนวยการ ททท. สำนักงานกระบี่ คุณณรงค์ อรุณภาคมงคล รักษาราชการแทนผู้อำนวยการท่าอากาศยานกระบี่ ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดกระบี่ นายชัยภัทร วสุนธรา ผู้แทนนายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดกระบี่ สมาคมโรงแรมจังหวัดกระบี่ นางสาวมนพันธ์ นำชัยภิญโญพงศ์ ประธานนักธุรกิจรุ่นใหม่ YEC หอการค้าจังหวัดกระบี่ นายสมเกียรติ ขยันการ นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวอ่าวนาง และ นายอิทธิฤทธิ์ กิ่งเล็ก ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการท่องเที่ยว ร่วมให้การต้อนรับเที่ยวบินของสายการบิน Flydubai เที่ยวบิน FZ 1463 ในเส้นทางดูไบ – กระบี่ เวลา 10.10 น. ซึ่งเป็นเที่ยวบิน Regular flight ทำการบินทุกวัน โดยมีผู้โดยสารในเที่ยวบินนี้จำนวน 180 คน 

นายอะหมาน หมัดอะดัม ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานกระบี่ กล่าวว่า เที่ยวบิน FZ 1463 สายการบิน Flydubai Airline บินตรงจากเมืองดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์  เดินทางถึงท่าอากาศยานกระบี่ จังหวัดกระบี่ จำนวน 180 คน นับเป็นการกลับมาเปิดเส้นทางบินอีกครั้งหลังจากที่หยุดทำการบินตั้งแต่วันที่ 28 มีนาคม 2563 อันเนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ถือเป็นโอกาสอันดีในการเชิญชวนและส่งเสริมให้นักท่องเที่ยวจากประเทศสหรัฐอาหรับเอเมิเรตส์ เดินทางมาท่องเที่ยวจังหวัดกระบี่อีกครั้ง พร้อมกันนี้ ททท. สำนักงานกระบี่ได้จัดกิจกรรมต้อนรับเที่ยวบิน FZ 1463 ของสายการบิน Flydubai อาทิ ของที่ระลึก การแสดงทางวัฒนธรรม เพื่อสร้างความประทับใจให้กับนักท่องเที่ยวในการเดินทางมาท่องเที่ยวยังจังหวัดกระบี่ในครั้งนี้ ซึ่งจังหวัดกระบี่มีความพร้อมในการรองรับนักท่องเที่ยวจากกลุ่มตะวันออก กลาง เนื่องจากมีสถานประกอบการกว่า 49 แห่งที่ได้รับมาตรฐานฮาลาล กอปรกับในพื้นที่มีชมรมกระบี่ฮาลาลแอนด์มุสลิม  เฟรนด์ลี่ที่พร้อมจะช่วยเหลือและให้คำแนะนำสถานประกอบการที่ให้บริการนักท่องเที่ยวจากตะวันออกกลางได้

สวนนงนุชพัทยา ต้อนรับเทศกาลตรุษจีน จัดขบวนช้างแสนรู้เชิดสิงโต อวยพรให้นักท่องเที่ยวเพื่อเสริมความเป็นสิริมงคล

วันที่ 20 ม.ค. สวนนงนุชพัทยา อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ได้จัดขบวนแห่ช้างเชิดสิงโต ต้อนรับเทศกาลตรุษจีน ประจำปี 2566 ขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ เพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวไทย ชาวไทยเชื้อสายจีน และนักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่เดินทางเข้ามาเที่ยวชมสวนนงนุชพัทยา มีการจัดขบวนช้างเชิดสิงโต 8 เชือกโดยยังมีเหล่าบรรดานางฟ้า นางสวรรค์ที่มาร่ายรำอำนวยอวยพรจำนวนมากกว่า50 คน ร่วมเฉลิมฉลองกับนักท่องเที่ยวอย่างสนุกสนาน  

โดยกิจกรรมดังกล่าว จัดเพื่อเป็นกระตุ้นการท่องเที่ยวแบบไทยเที่ยวไทยและต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่เดินทางเข้ามาเที่ยวชมสวนนงนุชพัทยา โดยสร้างบรรยากาศความสนุกสนานกับช้างแสนรู้ของสวนนงนุชพัทยา  ท่ามกลางนักท่องเที่ยวจำนวนมาก ซึ่งกิจกรรมจะจัดขึ้นระหว่าง วันที่ 20 ม.ค.-  22 ม.ค. 66  เพื่อให้นักท่องเที่ยวทั่วไปได้ชมและถ่ายรูปเป็นที่ระลึกและเสริมความเป็นสิริมงคลในช่วงเทศกาลตรุษจีน

‘ป๋าเทพ’ ประกาศขายที่ 13 ไร่ 13 ล้าน ไร่ผืนงาม บรรยากาศร่มรื่นลมเย็นตลอดปี

ไม่นานมานี้ เพจเฟซบุ๊ก ‘ขนมเปี๊ยะขั้นเทพ’ ของ ป๋าเทพ โพธิ์งาม ได้โพสต์ข้อความระบุว่า…

ขายด่วน!! ไร่ป๋าเทพ 13 ไร่กว่า จ.ราชบุรี อ.บ้านโป่ง ต.เขาขลุง ที่สวย บรรยากาศร่มรื่น ต้นไม้เยอะที่สุดในแถบนี้พร้อมสิ่งปลูกสร้าง ที่สูงจากถนน น้ำไม่ท่วม พร้อมกิจการสวนอาหารไร่ป่าเทพ 13 ไร่กว่า ที่ป๋าตั้งใจสรรสร้างมายาวนานด้วยมือและใจของป๋าเอง ที่สวย บรรยากาศร่มรื่น มีลมเย็นสบายตลอดทั้งปีครับ ต้นไม้เยอะที่สุดในแถบนี้ ป๋าปลูกเองเกือบทุกต้น พร้อมสิ่งปลูกสร้าง ราคา 13 ล้านบาท 🏞 สนใจติดต่อ Inbox ขนมเปี๊ยะขั้นเทพ หรือ ติดต่อเบอร์โทร 085-3954415/ 094-4161555 ครับ #ไร่ป๋าเทพ #เทพโพธิ์งาม

‘เม พรีมายา’ โพสต์ไม่กล้าเอาชีวิตมาเสี่ยงทำสิ่งไม่ดี ยัน!! ทุกงานที่ทำ ‘เพราะความรัก’ ไม่ใช่หน้าที่

(20 ม.ค.66) จากเพจ ‘Phitnari Tantiwit’ ได้โพสต์ข้อความหลังได้ประกันตัวจากกรณีถูกตั้งข้อหานำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ระบุว่า... 

วันนี้เมไม่ได้ยืนหยัดกับการสู้ชีวิตมากมายขนาดนี้แค่เพื่อตัวเองหรอกนะคะ แต่เมเห็นความรักและความหวังอีกมากมายที่ฝากไว้กับผู้หญิงคนนี้ ไม่มีเหตุผลอะไรเลยจริง ๆ ค่ะ ที่จะไม่ต่อสู้ เดินหน้าเพื่อพวกเราทุกคน เราทำกันมาได้ขนาดนี้ ทุกคนสู้ ตั้งใจ ทุ่มเทมามากมายจนมันทำให้เมยอมแพ้และอ่อนแอไม่ได้เลยเหมือนกัน 

เมขอขอบคุณทุกคนที่รักกันจริง ๆ การกระทำของพวกเรา(เพื่อนพี่น้อง คนใกล้คนไกล คนที่รักและหวังดี)ต่างก็เป็นกำลังใจให้กันและกันมาเสมอ มันคอยตะโกนออกมาจนเมสัมผัสได้ทุกช่องทาง ‘บอสเมสู้ ๆ’ เมรู้และเมก็เชื่อว่าคนอื่นก็รับรู้ได้ที่เมก็คอยส่งกำลังใจและหวังดีให้พวกเรามาโดยตลอดเช่นกัน

เมทำงานตรงนี้ เมื่อก่อนมันก็คงทำเพราะคำว่า ‘หน้าที่’ จนตอนนี้มันกลายเป็นความรักความหวังดี พลังที่ยิ่งใหญ่ที่พร้อมจะทำทุกอย่างด้วยหัวใจ และทุ่มให้สุดกำลังใจและกายที่มี เพื่อทุกคนในครอบครัวพรีมายาจริง ๆ ยิ่งทุกคนรัก ยิ่งทุกคนเชื่อใจเมมากเท่าไหร่ มันยิ่งทวีคูณพลังของเมที่จะไม่ทำให้คนที่รักเมเสียใจและมันทำให้เมรักทุกคนมากขึ้นทุกวัน

ปัญหาอุปสรรค ตลอดการทำงาน ทำให้เมได้เรียนรู้ปรับตัวแก้ไข ที่จะเป็นเมเวอร์ชั่นที่ดีขึ้นในทุกๆ วันเสมอ จากเด็กคนนึงอายุ 22-23 หาเงินใช้เลี้ยงตัวเองได้ จนสามารถแบ่งเบาภาระครอบครัว และภูมิใจที่สุดในชีวิตคือเราสามารถเป็นส่วนนึงที่จะส่งต่อสิ่งดีๆ ให้โอกาสกับคนในสังคมอีกเยอะแยะมายมาย รู้ตัวอีกทีก็วุ่นๆ กับการสร้างตัวมานี่ไม่กี่วันก็จะอายุ 30แล้วนะ เวลา7ปีที่ผ่านมา ได้อะไรมาเยอะแยะมากมาย แต่ที่เสียไปก็เป็นอะไรที่ย้อนเอาคืนมาไม่ได้เหมือนกัน มันแลกมาด้วยทุกอย่าง ไม่มีอะไรง่ายเลยจริง ๆ

เมมีวันนี้ได้ มาจากความเข้าใจเสมอที่ว่าอุปสรรคเป็นส่วนนึงของความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ ขนาดของอุปสรรคมาพร้อมกับขนาดของธุรกิจ เมเข้าใจทุกอย่างที่เกิดขึ้นโดยไม่เคยตั้งคำถามว่าทำไม? เพราะทุกอย่างมันเข้าใจได้จริงๆ ทำงานเยอะโอกาสล้มเหลวโอกาสผิดพลาด โอกาสสำเร็จก็เยอะมากเท่านั้น ทำงานแล้วเจอปัญหา ไม่ว่าจะใหญ่จะเล็ก มันก็เกิดขึ้นได้เสมอค่ะ อย่างเช่นครั้งนี้ก็เช่นกัน

‘แอดหมู’ ยุติบทบาทมือไลฟ์คู่กาย ‘ชัชชาติ’ ย้ำ ไม่มีปัญหากับใคร แค่จะไปทำงานที่ชอบ

ผู้ใช้บัญชีติ๊กต๊อก jar Hom โพสต์คลิป ‘แอดมินหมู’ หรือ  นายวิทยา ดอกกลาง มือไลฟ์คู่กาย ‘ชัชชาติ สิทธิพันธุ์’ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ตั้งแต่ครั้งลงพื้นที่หาเสียงผู้ว่าฯกทม. เปิดใจยุติบทบาทแอดมิน ให้กับทางผู้ว่าฯชัชชาติ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

โดยระบุว่า ขณะนี้ ตนเองได้ยุติบทบาท แอดมินเพจอาจารย์ชัชชาติ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และหลังจากนี้จะทำงานในเส้นทางของตนเองต่อ ขณะที่งานของกทม. ก็ยังจะไม่ทิ้ง หากมีโปรเจ็คอะไรที่สามารถเข้าไปช่วยได้ ก็จะยังร่วมมือได้เหมือนเดิม แม้ว่าจะไม่ได้ทำหน้าที่แอดมินช่วยไลฟ์สดแล้วก็ตาม แต่หากอาจารย์ชัชชาติหรือทีมงาน ต้องการให้ช่วยทำโปรเจ็คอะไรก็ยินทำช่วยเสมอ โดยในช่วงนี้ก็มี ส.ก. บางท่านให้เข้าไปช่วยทำบ้างแล้ว

‘อนุทิน’ ลงนามร่วมมือ ‘สหราชอาณาจักร’ พัฒนาจีโนมิกส์ มุ่งเป้าวิจัยโรควินิจฉัยยาก - มะเร็ง - โรคติดเชื้อ

‘อนุทิน’ เป็นผู้แทนประเทศไทยลงนามความร่วมมือกับสหราชอาณาจักรพัฒนาด้านจีโนมิกส์ พุ่งเป้าวิจัยกลุ่มโรควินิจฉัยยาก มะเร็ง โรคติดเชื้อ สนับสนุนการให้บริการและส่งเสริมเป้าหมายศูนย์กลางทางการแพทย์ของไทย

(20 ม.ค. 66) น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 19 ม.ค. 66 ตามเวลาท้องถิ่น กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข เป็นผู้แทนประเทศไทยในการลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ระหว่างสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) ประเทศไทยและกระทรวงสาธารณสุขและการดูแลทางสังคม แห่งสหราชอาณาจักรบริเตนใหญ่และไอร์แลนด์เหนือว่าด้วยความร่วมมือด้านจีโนมิกส์ ซึ่งในการนี้ Lord Nick Markham CBE รมช.สาธารณสุขและการดูแลทางสังคม ได้เป็นผู้แทนลงนามในฝ่ายของสหราชอาณาจักร

ทั้งนี้ การลงนามได้มีขึ้นที่กระทรวงสาธารณสุขและการดูแลสังคม สหราชอาณาจักร โดยมีผู้บริหารจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของทั้ง 2 ประเทศเข้าร่วม ฝ่ายไทยมีผู้เข้าร่วม อาทิ นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นายธานี ทองภักดี เอกอัครราชทูต ณ กรุงลอนดอน นพ.ณรงค์ อภิกุลวณิช รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) และ นพ.นพพร ชื่นกลิ่น ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส) ทางด้านสหราชอาณาจักรมีผู้เข้าร่วม อาทิ ผู้แทนจากกระทรวงสาธารณสุขและการดูแลทางสังคม, National health services (NHS), Genomics England, National health services (NHS), UK Health Security agency, และหน่วยงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง

นายอนุทิน กล่าวว่า MOU ฉบับนี้เป็นจุดเริ่มต้นสำคัญสำหรับความร่วมมือด้านจีโนมิกส์ทางการแพทย์ระหว่างไทยและสหราชอาณาจักร ซึ่งภายใต้ความร่วมมือจะมุ่งให้ความสำคัญกับการวิจัยโรคหายาก มะเร็ง เภสัชพันธุศาสตร์ โรคไม่ติดต่อ และโรคติดเชื้อ

'ส.ว.สมชาย' แจ้งข่าวดีคอหวย เก็บสลากเกินราคาทุกใบไว้ แล้วใช้เป็นหลักฐานแจ้งความ ได้รับเงินรางวัลใบละ 1 พัน

'ส.ว.สมชาย'แจ้งข่าวดีคอหวย สลากกินแบ่งเกินราคา 80 บาท ทุกใบมีค่าอย่าทิ้ง นำเป็นหลักฐานแจ้งความดำเนินคดีที่สถานีตำรวจทุกท้องที่ทั่วประเทศ ผู้แจ้งจะได้รับเงินรางวัลใบละ1พันบาท

(20 ม.ค. 66) นายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก ระบุว่า

#ข่าวดีข่าวด่วน
#สลากเกินราคาทุกใบมีค่าอย่าทิ้ง
#รางวัลนำจับเกินราคาใบละ1พันบาท
#แจ้งความดำเนินคดีมีรางวัล

แจ้งให้ผู้ที่ผิดหวังจากซื้อสลากเกินราคา 80 บาท จากทุกแพลตฟอร์มหวยเถื่อนออนไลน์ที่ขายเกินราคาว่า ท่านถูกรางวัลทุกคนแล้วครับ

เวที 'มิสแกรนด์ ไทยแลนด์' ประกาศชัด!! ไม่รับผู้สมัครที่เคยผ่าน เวทีมิสยูนิเวิร์ส ไทยแลนด์

เมื่อวันที่ (19 ม.ค. 66) มีรายงานว่าเพจ 'Miss Grand Thailand' ได้ประกาศเงื่อนไขการรับผู้สมัครผู้เข้าประกวด Miss Grand Thailand ทั้ง 77 จังหวัด โดยมีรายละเอียดว่า...

ตามที่ บริษัท มิสแกรนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ( มหาชน) ผู้จัดการประกวด Miss Grand Thailand ได้กำหนดเงื่อนไขรับสมัครผู้เข้าประกวดมิสแกรนด์ประจำจังหวัด เรื่องคุณสมบัติของผู้เข้าประกวด ตามที่ระบุในสัญญาแล้วนั้น

บัดนี้ กองประกวด Miss Grand Thailand ขอแจ้งเงื่อนไขเพิ่มเพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายและบริบทเวทีการประกวด Miss Grand Thailand

โดยไม่อนุญาตให้ท่านรับสมัครผู้เข้าประกวดที่ผ่านการประกวดจากเวที มิสยูนิเวิร์ส ไทยแลนด์ ตั้งแต่ปี 2022 เป็นต้นไป และ นางสาวไทย ตั้งแต่ปี 2023 เป็นต้นไป รวมไปถึงผู้เข้าประกวดนางสาวไทยในระดับจังหวัด 77 จังหวัด ถึงแม้ไม่ได้ตำแหน่งก็ตาม

‘ศักดิ์สยาม’ เป็นประธานเปิดบริการรถไฟทางไกล ดีเดย์วันนี้ 52 ขบวน ขึ้นลงที่ ‘สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์’

‘ศักดิ์สยาม’ เป็นประธานพิธีเปิดให้บริการขบวนรถไฟทางไกล และปล่อยขบวนรถไฟเที่ยวปฐมฤกษ์ เส้นทางสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ - ที่หยุดรถมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (ศูนย์รังสิต)

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธานพิธีเปิดให้บริการขบวนรถไฟทางไกล และปล่อยขบวนรถไฟเที่ยวปฐมฤกษ์ เส้นทางสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ - ที่หยุดรถมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (ศูนย์รังสิต) โดยมีนายวิรัช พิมพะนิตย์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นางสุขสมรวย วันทนียกุล เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นายชยธรรม์ พรหมศร ปลัดกระทรวงคมนาคม พร้อมด้วยนายพิศักดิ์ จิตวิริยะวศิน รองปลัดกระทรวงคมนาคม นายสรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ รองปลัดกระทรวงคมนาคม นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก รักษาราชการแทนรองปลัดกระทรวงคมนาคม ประธานกรรมการรถไฟแห่งประเทศไทย นายพิเชฐ คุณาธรรมรักษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางราง นายนิรุฒ มณีพันธ์  ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย รองศาสตราจารย์เกศินี วิฑูรชาติ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ผู้บริหารระดับสูงกระทรวงคมนาคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมพิธี ในวันที่ 19 มกราคม 2566 ณ สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ กรุงเทพฯ

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า ตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีของรัฐบาล ภายใต้การนำของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่มุ่งเน้นการสร้างความสามารถในการแข่งขันด้านโครงสร้างพื้นฐานทางกายภาพในด้านโครงข่ายคมนาคม เพื่อการเชื่อมโยงอย่างไร้รอยต่อ โดยกระทรวงคมนาคม ได้แปรนโยบายดังกล่าวไปสู่การปฏิบัติ ผ่านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านระบบราง เพื่อยกระดับคุณภาพการให้บริการให้มีมาตรฐานทัดเทียมในระดับนานาชาติ  

กระทรวงคมนาคม โดยการรถไฟแห่งประเทศไทย ได้ดำเนินการก่อสร้างสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ ศูนย์กลางการขนส่งระบบรางที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ เพื่อเป็นศูนย์กลางเชื่อมต่อการเดินทางทางรางทุกเส้นทาง โดยระยะแรกได้เปิดให้บริการเชิงพาณิชย์รถไฟชานเมืองสายสีแดง (บางซื่อ - ตลิ่งชัน และ บางซื่อ - รังสิต) อย่างเต็มรูปแบบเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2564 ซึ่งมีจำนวนผู้โดยสารใช้บริการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ เพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของการดำเนินการก่อสร้างสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ ซึ่งเป็นศูนย์กลางการขนส่งระบบรางที่สามารถเชื่อมโยงทุกจุดหมายทั่วประเทศ และเพื่ออำนวยความสะดวกการเดินทางแก่ประชาชน ตั้งแต่วันที่ 19 มกราคม 2566 เป็นต้นไป ขบวนรถไฟทางไกลจะเปิดให้บริการ ณ สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ เพื่อลดภาระความแออัดการให้บริการของสถานีกรุงเทพหรือหัวลำโพง และลดปัญหาการจราจรติดขัดในพื้นที่ชั้นในของกรุงเทพมหานครบริเวณจุดตัดทางรถไฟ รวมทั้งลดปัญหามลภาวะทางสิ่งแวดล้อม PM 2.5 และเพิ่มประสิทธิภาพการเดินรถไฟให้มีความตรงต่อเวลามากยิ่งขึ้น ซึ่งในลำดับแรกจะดำเนินการเปิดให้บริการขบวนรถไฟทางไกล ณ บริเวณประตู 4 ชั้น 2 จำนวน 8 ชานชาลา รวม 52 ขบวน แบ่งเป็น รถไฟสายเหนือ 14 ขบวน รถไฟสายใต้ 20 ขบวน และรถไฟสายตะวันออกเฉียงเหนือ 18 ขบวน โดยในวันนี้ (19 มกราคม 2566) มีขบวนรถไฟเข้า-ออก สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ จำนวน 27  ขบวน แบ่งเป็น สายเหนือและตะวันออกเฉียงเหนือ ขาออก จำนวน 10 ขบวน ขาเข้า จำนวน 7 ขบวน และรถไฟสายใต้ ขาเข้า จำนวน 1 ขบวน ขาออก จำนวน 9 ขบวน 

ทั้งนี้ การรถไฟแห่งประเทศไทย คาดการณ์ว่า ภายหลังการเปิดให้บริการขบวนรถไฟทางไกล จะส่งผลให้มีผู้ใช้บริการสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์เพิ่มขึ้นอีก 10,000 คนต่อวัน ซึ่งกระทรวงคมนาคมมีมาตรการรองรับและมีความพร้อมในการให้บริการแก่ผู้โดยสารรถไฟทางไกล ณ สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ ทั้งป้ายบอกทาง จุดพักคอยผู้โดยสาร รวมทั้งสิ่งอำนวยความสะดวก โดยการรถไฟแห่งประเทศไทย ร่วมกับ องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) จัดรถโดยสารปรับอากาศให้บริการเส้นทางระหว่างสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์และสถานีหัวลำโพง โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ซึ่งมีความถี่ทุก ๆ 30 นาที หรือตามจำนวนเที่ยวที่ขบวนรถไฟมาถึงสถานี และการเชื่อมต่อกับระบบขนส่งมวลชนอื่น ๆ ได้แก่ รถไฟชานเมืองสายสีแดง รถไฟฟ้ามหานครสายเฉลิมรัชมงคล ซึ่งในอนาคตจะมีการเชื่อมต่อการเดินทางทางอากาศผ่านระบบรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน โดยการดำเนินงานในครั้งนี้ จะเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้พี่ประชาชนได้รับความสะดวก สบาย ปลอดภัย ตรงต่อเวลา ในราคาที่เหมาะสมและเป็นธรรม รวมทั้งเป็นการพัฒนาระบบการคมนาคมขนส่งทางรางของประเทศในระยะยาว 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top