Monday, 28 April 2025
CRIMES

เตือนประชาชน !! ระวังตกเป็นเหยื่อ วายร้ายในคราบนักบุญ แอบอ้างขอรับบริจาคช่วยเหลือผู้ประสบเหตุเพลิงไหม้โรงงานที่ จว.สมุทรปราการ

เมื่อวันที่ 6 ก.ค. พ.ต.อ.ศิริวัฒน์  ดีพอ รอง ผบก.ปอท. ในฐานะ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ  เปิดเผยว่า จากกรณีเกิดเหตุเพลิงไหม้โรงงานย่านกิ่งแก้ว จว.สมุทรปราการ จนเป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่อาสาสมัครกู้ภัย ที่เข้าไปปฏิบัติการในพื้นที่เกิดเหตุจนเสียชีวิตนั้น ปรากฎว่าในสื่อสังคมออนไลน์ มีมิจฉาชีพแอบอ้างขอรับการบริจาคเงินจากประชาชนผู้มีจิตศรัทธา

ขอความช่วยเหลือให้กับครอบครัวของผู้เสียชีวิต ซึ่งการกระทำดังกล่าวถือว่าเป็นภัยสังคม เป็นการฉวยโอกาสก่อเหตุโดยอาศัยความเดือดร้อนของผู้อื่น และจะได้ดำเนินการสืบสวนติดตามจับกุมตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

สำนักงานตำรวจแห่งชาติมีความเป็นห่วงพี่น้องประชาชน โปรดอย่าหลงเชื่อบุคคลแอบอ้างดังกล่าว หากประสงค์จะช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากเหตุการณ์ดังกล่าวในทุกกรณี ขอให้ตรวจสอบข้อมูลให้ดีเสียก่อน โดยเฉพาะข้อมูลการขอรับการบริจาคผ่านสื่อสังคมออนไลน์ เพราะอาจมีการแอบอ้างโดยมิจฉาชีพได้ ถ้าเป็นไปได้ขอให้ตรวจสอบข้อมูลจากหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง หรือจากแหล่งข่าวที่มีความน่าเชื่อถือ

สำหรับผู้ที่กระทำความผิดในการแอบอ้างขอรับบริจาคผ่านสื่อสังคมออนไลน์ จะมีความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343 มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท ฯ และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14 (1) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหาย แก่ประชาชนฯ มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท

สำนักงานตำรวจแห่งชาติขอความร่วมมือมายังพี่น้องประชาชน หากพบเห็นการกระทำผิดกฎหมายดังกล่าว กรุณาแจ้งเบาะแสไปยังสายด่วน 191 และสายด่วนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ 1599 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

ตม.เลย รวบต่างด้าวไม่ยอมกลับประเทศ หนีความลำบาก เสี่ยงแพร่เชื้อโควิด-19

ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เรื่องการควบคุมกำกับดูแลชาวต่างชาติที่เข้ามาพำนักอาศัยหรือเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์  แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. มอบหมายให้ สตม.ดำเนินการตรวจสอบชาวต่างชาติที่มีหมายจับตำรวจสากล หรือมีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน หรือเป็นลักษณะการกระทำผิดเข้าข่ายอาชญากรรมข้ามชาติ ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ

สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดย พล.ต.ท.สมพงษ์  ชิงดวง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ณฐพล แสวงกิจ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.สิทธิชัย โล่กันภัย รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ศิลปคมณ์ เอี่ยมวงศ์ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.กฤษฎา กาญจนอลงกรณ์ ผบก.ตม.4, พ.ต.อ.เอกมนต์ พรชูเกียรติ รอง ผบก.ตม.4, พ.ต.อ.วีรยศ การุณยธร รอง ผบก.ตม.4,พ.ต.อ.ปรีชา กองแก้ว รอง ผบก.ตม.4 และ พ.ต.อ.ชนะพณ สุวรรณศรีนนท์ ผกก.ตม.จว.เลย ร่วมแถลงข่าวการจับกุม ดังนี้

ตม.จว.เลย บูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบตามนโยบายสกัดกั้น ป้องกันบุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง และลักลอบเข้ามาทำงานโดยผิดกฎหมาย เพื่อป้องกันการนำเชื้อไวรัสโควิด–19 เข้ามาแพร่ระบาดในพื้นที่ จ.เลย โดยสามารถจับกุมบุคคลต่างด้าวสัญชาติลาวได้ 7 ราย กระทำผิดฐาน “อยู่ในรายอาณาจักรเกินกว่าที่ได้รับอนุญาต” จำนวน 4 ราย และ “เป็นบุคคลต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต” จำนวน 3 ราย

ตม.จว.เลย ได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ตรวจสอบบุคคลต่างด้าว พบบุคคลต่างด้าวสัญชาติ ลาว จำนวน 7 คน กระทำผิดตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง

 1. MRS.BOUATOUM อายุ 33 ปี อยู่เกิน 226 วัน

 2. MRS.LAE อายุ 33 ปี อยู่เกิน 116 วัน

 3. MR.BOUNYOK อายุ 38 ปี อยู่เกิน 226 วัน

 4. MR.LATH อายุ 37 ปี อยู่เกิน 166 วัน

 5. ท้าวไร่ อายุ 13 ปี หลบหนีเข้าเมือง

 6. MR.BOUN อายุ 19 ปี หลบหนีเข้าเมือง

 7. MRS.MOR อายุ 20 ปี หลบหนีเข้าเมือง

จากการสอบถามบุคคลต่างด้าวแจ้งว่า ตนกับพวกรับจ้างใช้แรงงานอยู่ในจังหวัดในภาคใต้ ต่อมาถูกเลิกจ้าง ตนกับพวก จึงต้องการเดินทางกลับ สปป.ลาว แต่เมื่อมาถึง จ.เลย เห็นว่า เมื่อกลับไปแล้วจะไม่มีงานไม่มีรายได้ จึงลักลอบอยู่ในพื้นที่ จ.เลย และหางานทำ จนกระทั่งถูกเจ้าหน้าที่จับกุม โดยท้าวไร่ อายุ 13 ปี ตรวจไม่พบเอกสารสำคัญประจำตัว โดยรับว่าตนเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรโดยใช้บัตรผ่านแดนชั่วคราวเพื่อมาพักอาศัยอยู่กับ MR.BOUNYOK และ MRS.BOUATOUM บิดามารดา ส่วน MR.BOUN และ MRS.MOR รับว่าพวกตนลักลอบเดินทางข้ามแม่น้ำเหือง ช่วงก่อนสงกรานต์ เพื่อเข้ามาหางานทำ จึงนำตัวส่ง พงส.สภ.เมืองเลย ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

สตม.ขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิดในด้านต่างๆรวมทั้งดำเนินการตรวจสอบชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตราย ต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน อันทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศชาติ หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เลขที่ 507 ซ.สวนพลู แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพมหานคร 10120 หรือที่หมายเลขโทรศัพท์ 1178  หรือที่ www.immigration.go.th

โรงงานระเบิด !! ทำบ้านเรือนเสียหายหลายร้อยหลัง ขณะที่ผู้ว่าสั่งอพยพชาวบ้านรัศมี 5 กิโลเมตร

จากกรณีเมื่อช่วงกลางดึกเมื่อคืนนี้ถังบรรจุเคมีขนาดใหญ่ภายในบริษัท หมิงตี้ เคมีคอล จำกัด ซึ่งตั้งอยู่ภายในซอยกิ่งแก้ว 21 หมู่ 15 ต.บางพลีใหญ่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการได้เกิดรั่วและระเบิดขึ้นทำให้ไฟไหม้ตัวโรงงานส่วนแรงระเบิดทำให้โรงงานในละแวกใกล้เคียงและบ้านเรือนประชาชนร่วมทั้งหมู่บ้านหรูที่อยู่ในรัศมี 1 กิโลเมตร หลายร้อยหลังคาเรือนได้รับความเสียหายกระจกฝ้าเพดานรวมทั้งหลังแตกกระจายล่วงลงมา ส่วนโรงงานใกล้เคียงอาคารและหนังปูนถูกแรงอัดจนถล่มลงมาได้รับความเสียหาย และตั้งแต่เกิดเหตุมาจนถึงขณะนี้ยังไม่สามารถควบคุมเพลิงได้เพลิงยังคงลุกลามเข้าใกล้ถังบรรจุเคมีขนาด 20,000 ลิตรหรือ 30 ตัน ที่อยู่ทางด้านทิศเหนือของโรงงาน เจ้าหน้าที่ดับเพลิงไม่สามารถเข้าฉีดน้ำสกัดได้เนื่องจากมีกลุ่มควันสีดำที่เกิดจากการเผาไหม้เม็ดโฟรมจำนวนมาก เจ้าหน้าที่ได้ระดมน้ำยาโฟรมจำนวนมากเข้าทำการฉีดสกัดแต่ยังไม่เป็นผลเนื่องจากลมมีการเปลี่ยนทิศตลอดเวลา ซึ่งขณะนี้เพลิงยังคงลุกโหมอย่างรุนแรง

หลังเกิดเหตุ นายวันชัย คงเกษม ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการพร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เดินทางเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ และจากการประเมิลสถานการณ์คาดว่าไม่น่าจะปล่อยภัยเนื่องจากเปลวไฟยังลุกโหมอย่างรุนแรงและเข้าประชิดตัวถังบรรจุเคมีขนาดใหญ่ของโรงงาน จึงได้มีการประกาศให้ประชาชนทั้งหมดที่อยู่ในรัศมี 5 กิโลเมตรทำการอพยพ ออกจากพื้นที่ เนื่องจากเกรงหากควบคุมเพลิงยังไม่ได้ถังบรรจุเคมีขนาดใหญ่อาจเกิดการระเบิดได้ชาวบ้านและประชาชนจะได้รับอันตรายจึงได้สั่งอพยพประชาชนทั้งหมดออกจากพื้นที่ในรัศมี 5 กิโลเมตร ทำให้ประชาชนต่างพากันแตกตื่นและเร่งอพยพออกจากบ้านโดยได้รับร่วมมือจากเจ้าหน้าที่อาสาและมูลนิธิต่าง ๆ ที่ระดมกำลังกันมาช่วยกันขนประชาชนออกนอกพื้นที่อย่างเร่งด่วนเพื่อความปล่อยภัย โดยได้มีการจัดเตรียมสถานที่เอาไว้ที่บริเวณลานอเนกประสงข้างที่ทำการ อบต.บางพลีใหญ่ และ ลานดินข้างมูลนิธิร่วมกตัญญู ร่วมทั้งลานด้านหน้าโรงเรียนบางพลีอนุสรณ์ ไว้ลองรับ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างลำเลียงประชาชนออกจากพื้นที่เกิดเหตุ ขณะเดียวกันได้รับรายงานว่ามีการร้องขอเฮลีคอปเตอร์ ที่ใช้ดับไฟป่าลำเลียงน้ำเข้ามาปล่อยน้ำเพื่อดับเพลิง  ส่วนค่าเสียหายคาดว่าหลายร้อยล้าน

ขณะเดียวกันโรงพยาบาลจุฬารัตน์ 9 ซึ่งตั้งอยู่ริมถนนกิ่งแก้ว ห่างจากจุดทีเกิดเหตุประมาณ 500 เมตรได้เร่งย้ายผู้ป่วยออกจากโรงพยาบาลโดยใช้รถของโรงพยาบาลและรถสองแถว กระจายไปตามโรงพยาบาลต่าง ๆ เพื่อความปลอดภัยของผู้ป่วยเนื่องจากโรงพยาบาลอยู่ใกล้จุดที่เกิดเหตุจึงกลายเป็นจุดที่อันตราย


ภาพ /ข่าว  ก๊วก สมุทรปราการ

นิพนธ์ รุดติดตามเหตุไฟไหม้ โรงงานหมิงตี้ เคมีคอล ร่วมถกด่วน “ปภ.-ผู้ว่าฯ ปากน้ำ-ทีมผู้เชี่ยวชาญ” ระดมสรรพกำลังหนุนดับไฟ สั่งฮ.2 ลำบินดับเพลิงทางอากาศ

มูลนิธิร่วมกตัญญู ถนนกิ่งแก้ว จังหวัดสมุทรปราการ นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ลงพื้นที่ด่วนติดตามสถานการณ์กรณีโรงงานกรณีไฟไหม้โรงงานบริษัท หมิงตี้เคมีคอล จำกัด ซึ่งเป็นโรงงานผลิตโฟม และเม็ดพลาสติก ภายในซอยกิ่งแก้ว 21 ถนนกิ่งแก้ว ต.บางพลีใหญ่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการไฟไหม้ว่า ตั้งแต่ช่วงเช้าของวันเดียวกัน

นายนิพนธ์ กล่าวว่า "กระทรวงมหาดไทยได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดตั้งแต่เริ่มเหตุการณ์ โดยได้ประสานกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน โดยเฉพาะในส่วนของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ได้ส่งเครื่องจักรกลสนับสนุนการดับเพลิงไหม้โรงงานพลาสติกกิ่งแก้ว พร้อมด้วยเครื่องจักรกลสาธารณภัยสนับสนุนการดับเพลิงฯ ประกอบด้วย รถหอน้ำ รถกู้ภัยเคลื่อนที่เร็ว รถบรรทุกน้ำช่วยดับเพลิง รถเคลื่อนย้ายผู้ประสบภัยเพื่อขนโฟมดับเพลิง เฮลิคอปเตอร์ จำนวน 2 ลำ ซึ่งจนท.นำเฮลิคอปเตอร์ขึ้นบินโปรยโฟมเพื่อดับเพลิงทางอากาศไปแล้ว 3 รอบ โดยจะวางแผนและประเมินสถานการณ์การขึ้นบินเป็นระยะ ซึ่งนักบินขอปรับแผนเป็นเทโฟม 300 ลิตรผสมน้ำ 3,000 ลิตร โปรยโฟมแบบเต็มพื้นที่ พร้อมสนธิกำลังภาคพื้นดิน สถานการณ์โดยรอบยังมีเพลิงลุกไหม้และมีกลุ่มควันดำหนาแน่น เจ้าหน้าที่ต้องใช้ความระมัดระวังในการเข้าปฏิบัติ เนื่องจากจะต้องทำการบินระดับต่ำ และประเมินเหตุระเบิดซ้ำจากถังสารเคมีที่กระจัดกระจาย ขณะเดียวกันได้สั่งประชาชนที่อยู่ใกล้เคียงโรงงานดังกล่าวในรัศมี 5 กิโลเมต รอพยพด่วน เนื่องจากยังไม่สามารถควบคุมเพลิงได้ และหวั่นไฟลามไปติดถังสารเคมี 20,000 ลิตรที่อยู่ใกล้เคียง"

สำหรับการดูแลพี่น้องประชาชนในพื้นที่เกิดเหตุ ได้สั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการประสานกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ดูแลการเบิกจ่ายงบประมาณการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนให้เป็นไปตามระเบียบการดูแลสถานการณ์ในการเกิดภัยพิบัติต่าง ๆ และขอให้ปฎิบัติตามกลไกลในการดูแลอย่างรวดเร็วที่สุด” นายนิพนธ์ กล่าว

สำหรับความคืบหน้าล่าสุด เมื่อเวลา 16.15 น. กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) แถลงรายงานความคืบหน้าเหตุไฟไหม้โรงงานบริษัท หมิงตี้เคมีคอล จำกัด โดยยืนยัน เจ้าหน้าที่สามารถควบคุมเพลิงไว้ได้แล้ว 1 บ่อ แต่ยังมีอีก 1 บ่อที่จะต้องใช้อากาศยานเข้าไประงับเหตุ ก่อนจะใช้ทีมภาคพื้นดินเข้าตามไป เบื้องต้นหากเป็นไปตามแผน คาดจะสามารถทำให้เพลิงสงบได้ในระยะเวลาไม่นานนี้ ทางเจ้าหน้าที่ได้ใช้โฟมผสมน้ำในการรักษาอุณหภูมิจุดที่เกิดเพลิงไหม้ และระดมทีมกู้ภัยจากหลายหน่วยงาน รวมทั้งผู้เชี่ยวชาญเข้ามาดูอย่างใกล้ชิด

 

ตม.มุกดาหาร สกัดเดือดอดีตแก๊งรถตู้ขนแรงงานเถื่อน ผันตัวขนยานรก ค้นรถพบยาบ้าเกือบ 3 หมื่นเม็ด เตรียมส่งมหาสารคาม

ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เรื่องการควบคุมกำกับดูแลชาวต่างชาติที่เข้ามาพำนักอาศัยหรือเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. มอบหมายให้ สตม.ดำเนินการตรวจสอบชาวต่างชาติที่มีหมายจับตำรวจสากล หรือมีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน หรือเป็นลักษณะการกระทำผิดเข้าข่ายอาชญากรรมข้ามชาติ ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ

สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดย พล.ต.ท.สมพงษ์  ชิงดวง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ณฐพล แสวงกิจ รอง ผบช.สตม.,พล.ต.ต.สิทธิชัย โล่กันภัย รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ศิลปคมณ์ เอี่ยมวงศ์ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.กฤษฎา กาญจนอลงกรณ์ ผบก.ตม.4, พ.ต.อ.เอกมนต์ พรชูเกียรติ รอง ผบก.ตม.4, พ.ต.อ.วีรยศ การุณยธร รอง ผบก.ตม.4,พ.ต.อ.ปรีชา กองแก้ว รอง ผบก.ตม.4 และ พ.ต.อ.นพดล รักชาติ ผกก.ตม.จว.มุกดาหาร ร่วมแถลงข่าวการจับกุม ดังนี้

ตม.จว.มุกดาหาร ได้ทำการสืบสวนจับกุมนายอภิสิทธิ์ อายุ 35 ปี ซึ่งเคยต้องโทษกรณีลักลอบขนคนต่างด้าวสัญชาติลาว จำนวน 9 คน หลบหนีเข้าเมือง ศาลพิพากษาถึงที่สุดให้รับโทษ จำคุก 3 เดือน ปรับ 10,000 บาท โทษจำคุกให้รอลงอาญา 2 ปี ขณะขับรถตู้ขนยายาบ้าจำนวน 29,965 เม็ด มุ่ง จ.มหาสารคาม

ตม.จว.มุกดาหาร ได้ออกตรวจสืบสวนหาข่าวขบวนการลักลอบขนคนต่างด้าวในพื้นที่จังหวัดมุกดาหาร พบรถตู้ โตโยต้า สีบรอนซ์ ขับขี่มาด้วยความเร็ว ซึ่งเป็นคันเดียวกับที่ถูก ตม.จว.นครราชสีมา จับกุมที่ อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา ในความผิดฐาน “ซ่อนเร้นหรือช่วยเหลือด้วยประการใด ๆ เพื่อให้คนต่างด้าวซึ่งรู้ว่าเข้ามาในราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืน พ.ร.บ.คนเข้าเมืองฯ เพื่อให้พ้นจากการจับกุม” พร้อมกับคนลาวอีก 9 คน ศาลพิพากษาถึงที่สุดแล้วนั้น เป็นสมาชิกอยู่ในกลุ่มขบวนการลักลอบขนคนเข้าเมือง โดยได้แวะเข้าไปพักที่ปั๊มน้ำมัน ชุดสืบสวนจึงได้เข้าไปสะกดรอย เฝ้าคอยติดตามรถตู้คันดังกล่าว ต่อมา รถตู้คันดังกล่าวได้เคลื่อนตัวออกจากปั๊มเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนจึงได้ออกติดตามโดยใช้รถยนต์สะกดรอยทั้งหมด 2 คัน ติดตามไป แต่เนื่องจากรถตู้คันดังกล่าวได้ใช้ความเร็วประมาณ 140 กม./ซม. มุ่งหน้า อ.คำชะอี เพื่อเข้ากรุงเทพมหานคร จึงน่าเชื่อว่าจะมีสิ่งของผิดกฎหมายหรือน่าเชื่อว่าได้กระทำผิด จึงได้นำรถตรวจการณ์อัจฉริยะออกติดตาม จนสามารถติดตามจนถึงตัว อ.คำชะอี จึงได้ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.คำชะอี สกัด

และร่วมตรวจสอบ ผลการตรวจสอบพบอุปกรณ์เสพยาเสพติด จึงได้ตรวจค้นพบกล่องพัสดุ ระบุหน้ากล่องว่า “ขวดสเปรย์ TOA จำนวน 2 ขวด” เมื่อเปิดออกมาพบห่อยาเสพติดจำนวน 5 มัด เป็นยาบ้าจำนวน 29,965 เม็ด จากการสอบถาม นายอภิสิทธิ์รับว่า ตนได้รับการติดต่อทาง Facebook ให้ไปรับพัสดุจากร้านอาหารตามสั่งแห่งหนึ่งใน อ.เมือง จ.มุกดาหาร เพื่อนำส่งไปยัง จ.มหาสารคาม จนกระทั่งมาถูกจับกุมในที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้แจ้งข้อกล่าวหาพร้อมนำตัวส่ง พงส.สภ.คำชะอี เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

สตม.ขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิดในด้านต่างๆรวมทั้งดำเนินการตรวจสอบชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตราย ต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน อันทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศชาติ หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เลขที่ 507 ซ.สวนพลู แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพมหานคร 10120 หรือที่หมายเลขโทรศัพท์ 1178  หรือที่ www.immigration.go.th

ตม.หนองคาย บุกทลายร้านคาราโอเกะบังหน้า ค้ากามเด็กสาวลาวอายุต่ำกว่า 18 ปี

ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เรื่องการควบคุมกำกับดูแลชาวต่างชาติที่เข้ามาพำนักอาศัยหรือเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. มอบหมายให้ สตม.ดำเนินการตรวจสอบชาวต่างชาติที่มีหมายจับตำรวจสากล หรือมีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน หรือเป็นลักษณะการกระทำผิดเข้าข่ายอาชญากรรมข้ามชาติ ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ

สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดย พล.ต.ท.สมพงษ์  ชิงดวง ผบช.สตม., พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง รอง ผบช.สตม.,พล.ต.ต.กฤษฎา กาญจนอลงกรณ์ ผบก.ตม.4, พ.ต.อ.เอกมนต์ พรชูเกียรติ รอง ผบก.ตม.4, พ.ต.อ.วีรยศ การุณยธร รอง ผบก.ตม.4, พ.ต.อ.ปรีชา กองแก้ว รอง ผบก.ตม.4 และ พ.ต.อ.ธานินทร์ อินทพรต ผกก.ตม.จว.หนองคาย ร่วมแถลงข่าวการจับกุม ดังนี้

ตม.จว.หนองคาย ร่วมกับหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่จับกุมนายสงกรานต์ อายุ 49 ปี เจ้าของร้านคาราโอเกะ พร้อมคนต่างด้าวสัญชาติลาว จำนวน 3 ราย ที่ห้องพักรีสอร์ท ใน อ.โพนพิสัย จ.หนองคาย ในความผิดฐาน “เป็นผู้แสวงหาประโยชน์โดยมิชอบจากบุคคลและเด็ก โดยแสวงหาประโยชน์จากการค้าประเวณี, เป็นธุระจัดหาหรือชักพาไปซึ่งเด็กที่มีอายุกว่า 15 แต่ยังไม่เกิน 18 ปี เพื่อให้บุคคลนั้นกระทำการค้าประเวณี, เป็นผู้ดูแลหรือจัดการค้าประเวณีหรือสถานการค้าประเวณี และเป็นผู้สนองความใคร่ของผู้อื่น เป็นธุระจัดหาหรือพาไปเพื่อการอนาจารซึ่งหญิง” พร้อมแจ้งข้อกล่าวหาให้หญิงต่างด้าวสัญชาติลาว ทราบว่า “เป็นคนเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต และเป็นคนต่างด้าวทำงานโดยไม่มีใบอนุญาต”

ตม.จว.หนองคาย ได้ทำการสืบสวนคนต่างด้าวที่ลักลอบเข้ามาในราชอาณาจักร เพื่อหาปลายทางการลักลอบว่ามีเป้าหมายไปยังที่ใด ทำงานประเภทใด จนทราบว่า กลุ่มคนต่างด้าวสัญชาติลาวบางส่วน มักจะลักลอบเข้ามาทำงานขายบริการ ณ ร้านคาราโอเกะแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ จ.หนองคาย ซึ่งมีการลักลอบรับคนต่างด้าวสัญชาติลาวเข้าทำงานโดยผิดกฎหมายและพบว่ามีการลักลอบค้าประเวณีแอบแฝง ซึ่งทางร้านได้ลักลอบเปิดให้นักท่องเที่ยวขาประจำมาใช้บริการกินดื่มและซื้อบริการทางเพศ โดยใช้วิธีปิดไฟภายในร้าน เพื่ออำพรางเจ้าหน้าที่ให้หลงเชื่อว่าร้านดังกล่าวไม่ได้เปิดบริการ ซึ่งจากการสืบสวนพบว่ามีการนำเอาหญิงชาวลาวอายุต่ำกว่า 18 ปี ให้บริการอยู่ภายในร้านด้วย

ซึ่งทางเจ้าของร้านจะให้เด็กหญิงภายในร้าน ชักชวนลูกค้าที่มานั่งดื่มเสนอขายบริการทางเพศคิดค่าบริการครั้งละ 1,500-2,000 บาท โดยเจ้าของร้านจะคอยควบคุมและสั่งให้เด็กมาบริการแขก และหากมีการขายบริการทางเพศเจ้าของร้านจะได้ส่วนแบ่งจากการขายบริการ ครั้งละ 300 บาท เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมวางแผนให้สายลับเข้าไปใช้บริการในร้านดังกล่าว โดยได้ให้สายลับพรางตัวเข้าไปใช้บริการ โดยต่อมาหญิงชาวลาวได้ชักชวนสายลับเพื่อให้ซื้อบริการทางเพศกับหญิงบริการภายในร้านคาราโอเกะดังกล่าว พร้อมกันนี้เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม ได้แบ่งกำลังออกเป็น 2 ชุด เพื่อเฝ้าสังเกตการณ์บริเวณร้านคาราโอเกะ และบริเวณหน้ารีสอร์ท ที่จะมีการพาหญิงสาวไปเข้าพักเพื่อค้าบริการทางเพศ ต่อมา ทางร้านได้ส่งหญิงชาวลาวคือ ด.ญ.ดาว อายุ 15 ปี ไปให้บริการทางเพศกับสายลับที่รีสอร์ท เมื่อสายลับพา ด.ญ.ดาว เข้าพักที่รีสอร์ทแล้ว เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้แสดงตัวเข้าจับกุม

จากการสอบถามทราบว่า ด.ญ.ดาว ลักลอบเดินทางเข้ามาในประเทศไทยพร้อมพี่สาว ทางช่องทางธรรมชาติ เมื่อประมาณเดือน มี.ค.64 จากนั้นได้มารับจ้างทำงานที่ร้านดังกล่าวเรื่อยมาพร้อมทั้งมีการขายบริการทางเพศให้กับนักท่องเที่ยวจริง โดยจะคิดเงินค่าบริการครั้งละ 1,500 บาท เมื่อเสร็จภารกิจจะนำเงินจำนวน 300 บาท มาให้กับเจ้าของร้านเพื่อเป็นส่วนแบ่ง เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงเข้าจับกุมนายสงกรานต์ พร้อมแจ้งข้อกล่าวหาในความผิดฐานค้ามนุษย์ พร้อมนำตัวส่ง พงส.สภ.โพนพิสัย ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

สตม.ขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิดในด้านต่าง ๆรวมทั้งดำเนินการตรวจสอบชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตราย ต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน อันทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศชาติ หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เลขที่ 507 ซ.สวนพลู แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพมหานคร 10120 หรือที่หมายเลขโทรศัพท์ 1178 หรือ www.immigration.go.th

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เตือนภัยการล่วงละเมิดทางเพศผ่านสื่อสังคมออนไลน์

พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงกรณีการกระทำความผิดเกี่ยวกับการล่วงละเมิดทางเพศผ่านสื่อสังคมออนไลน์ที่กำลังแพร่ระบาด ว่าในปัจจุบันที่ทุกคนสามารถเข้าถึงสื่อสังคมออนไลน์ได้ง่ายขึ้น นอกจากจะเกิดประโยชน์อย่างมหาศาลแล้ว ในทางกลับกันก็มีเหล่ามิจฉาชีพ ใช้สื่อสังคมออนไลน์ในการกระทำความผิด และเกิดขึ้นมากในแอพพลิเคชั่นหาคู่ ซึ่งเหยื่อมักจะเป็นเด็กและเยาวชน ที่อาจจะรู้เท่าไม่ถึงการณ์ โดยรูปแบบของการกระทำความผิดมักจะเป็นการสร้างโปรไฟล์ปลอมขึ้นมาให้เป็นบุคคลที่หน้าตาดี ฐานะดี และเข้ามาพูดคุยกับเหยื่อผ่านสื่อสังคมออนไลน์ จากนั้นจะล่อลวงโดยบอกว่าจะมอบเงินหรือสิ่งของให้  แลกกับการถ่ายภาพหรือวิดีโอเปลือย หรือในบางรายถึงขั้นล่อลวงไปมีเพศสัมพันธ์และแอบถ่ายไว้ จากนั้นก็จะนำภาพหรือวิดิโอมาข่มขู่ ให้เหยื่อส่งเงินมาให้หรือให้ส่งภาพมาเพิ่ม ไม่เช่นนั้นจะปล่อยลงสื่อสังคมออนไลน์ และเหล่ามิจฉาชีพก็จะนำภาพหรือวิดีโอดังกล่าวไปหาประโยชน์ เช่น การนำไปขายต่อ การสร้างกลุ่มให้คนเข้ามาดูโดยเก็บค่าเข้ากลุ่ม เป็นต้น

การกระทำดังกล่าวเข้าข่ายความผิดฐานรีดเอาทรัพย์ มีโทษจำคุก 1-10 ปี ปรับตั้งแต่ 20,000-200,000 บาท, ความผิดฐานทำ ผลิต มีไว้ หรือเผยแพร่สื่อลามกอนาจารเด็กด้วยวิธีใดๆ มีโทษจำคุก 3-10 ปี ปรับตั้งแต่ 30,000-200,000 บาท, ความผิดฐานนำเข้าสู่ระบบซึ่งข้อมูลใดๆ ที่มีลักษณะลามก มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท ตาม พ.ร.บ.การกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2560 มาตรา 14(4) และความผิดฐานขู่เข็ญ ชักจูง ส่งเสริม ให้เด็กประพฤติตนไม่สมควร  มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน ปรับไม่เกิน 30,000 บาท ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก พ.ศ.2546 มาตรา 26 หรือกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้เห็นความสำคัญและตระหนักถึงพิษภัยของ การล่วงละเมิดทางเพศบนอินเตอร์เน็ต จึงมีนโยบายให้กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.), กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์(บก.ปคม.), กองกำกับการสวัสดิภาพเด็กและสตรี(กก.ดส.), คณะทำงานปราบปรามการล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็กทางอินเตอร์เน็ต(TICAC) ที่จัดตั้งขึ้นเมื่อปี  พ.ศ.2558 รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เฝ้าระวัง สืบสวน ปราบปรามผู้กระทำความผิดและขยายผลไปถึงผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกคนอย่างจริงจังต่อเนื่อง และต้องมีผลการปฏิบัติที่เป็นรูปธรรม รวมถึงเร่งสร้างการรับรู้ให้กับพี่น้องประชาชนทราบถึงพิษภัยและรูปแบบการกระทำความผิด เพื่อเป็นการจำกัดความเสียหายและตัดโอกาสในการกระทำความผิดที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต

รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงขอฝากประชาสัมพันธ์แนวทางการป้องกันหลีกเลี่ยงโดย ผู้ปกครองต้องปลูกฝังค่านิยมที่ถูกต้องในการใช้สื่อสังคมออนไลน์ให้กับบุตรหลาน คอยแนะนำและสังเกตพฤติกรรมการใช้สื่อสังคมออนไลน์  อย่างใกล้ชิด อย่าพูดคุยกับคนแปลกหน้าและอย่าให้ข้อมูลส่วนตัว รวมถึงภาพส่วนตัวกับใครในสื่อสังคมออนไลน์ นอกจากนี้หากพบเบาะแสการกระทำความผิด สามารถแจ้งไปยัง Call Center สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หมายเลขโทรศัพท์ 191 หรือ 1599  ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

'สำนักงานตำรวจแห่งชาติ'​ ร่วม 'คณะกรรมการอาหารและยา'​ ทลายแหล่งยาลดความอ้วน ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ กว่า 50,000 แคปซูล

ด้วยสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้มีคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ 556/2563ลง 29 ตุลาคม 2563 แต่งตั้งชุดคณะทำงานปราบปรามผลิตภัณฑ์และการบริการ ด้านสุขภาพที่ผิดกฎหมายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยมอบหมายให้ พลตำรวจโท เพิ่มพูน ชิดชอบ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นหัวหน้าคณะทำงาน เพื่อดำเนินการปราบปรามการ การกระทำผิดกฎหมายด้านผลิตภัณฑ์ การโฆษณา และการบริการสุขภาพอย่างเข้มงวด จริงจัง และต่อเนื่อง ในทุกพื้นที่ เพื่อขจัดปัญหาที่เป็นภัยต่อสุขภาพของประชาชน ให้เกิดผลเป็นรูปธรรม

ทั้งนี้​ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พลตำรวจโท เพิ่มพูน ชิดชอบ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจ แห่งชาติ/หัวหน้าคณะทำงาน พร้อมด้วย พลตำรวจตรี ณัฐศักดิ์ เชาวนาศัย ผู้บังคับการปราบปราม การกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค/เลขานุการ,​ พันตำรวจเอก ทรงโปรด สิริสุขะ รองผู้บังคับการตรวจคนเข้าเมือง 3/หัวหน้าส่วนปฏิบัติการฯ,​ พันตำรวจเอก ชนันนัทธ์ สารถวัลย์แพศย์ รองผู้บังคับการปราบปราม การกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค และ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา​ กระทรวงสาธารณสุขได้รับเรื่องร้องเรียนการขายยาลดน้ำหนัก ทางสื่อสังคมออนไลน์ 

โดยผู้ร้องเรียนแจ้งว่ายาลดน้ำหนักขายกันเกลื่อน การแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น หลังจากมีผู้บริโภคเข้ามาร้องเรียนกับเจ้าหน้าที่ เพื่อเป็นการคุ้มครองผู้บริโภค จึงสั่งการให้ พันตำรวจโท เอกรัตน์ ทัศเจริญ รองผู้กำกับการป้องกันและปราบปราม สถานีตำรวจภูธรหนองเสือ จังหวัดปทุมธานี /รองหัวหน้าส่วนปฏิบัติการฯ พันตำรวจตรีอนันต์ บัวแก้ว สารวัตร กองกำกับการ1กองบังคับการปราบปราม การกระทำความผิดเกียวกับการคุ้มครองผู้บริโภค ร้อยตำรวจณฐนน อิ่มกลาง รองสารวัตรกองกำกับการ 4 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค และร้อยตำรวจเอก วรัณธรณ์ ภิราษร รองสารวัตรกองกำกับการ กองบังคับการ 1​ ปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค พร้อมเจ้าหน้าที่ ทำการสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน และขออนุมัติหมายค้นจากศาล 

จนเมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2564 เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดดังกล่าวพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา นำโดย นางสาวปาวีณา ศิริดำรงค์ เภสัชกรชำนาญการพิเศษ และนายเสริมรัฐ ไชยคุณ เภสัชกรชำนาญการ ได้ร่วมกันนำหมายค้นจากศาลจังหวัดชลบุรี ที่ ค.132/2564 ลง 1 กรกฎาคม 2564 เพื่อทำการตรวจค้นบ้านเลขที่ 50/2 หมู่ที่ 3 ตำบลบ้านเก่า อำเภอพานทอง จังหวัดชลบุรี พบ นางสาวเอ (นามสมมุติ เป็นผู้พักอาศัยบ้านหลังดังกล่าวและเป็นผู้นำตรวจค้น

ผลการตรวจค้น ตรวจยึด... 
1.​ ยาแผนปัจจุบันเป็นจำนวนกว่า 50,000 แคปซูล
2.​ วิตามิน B จำนวนกว่า 1,000 แคปซูล
3.​ ยาชุด สำหรับลดความอ้วน จำนวนหนึ่ง

ทั้งนี้จากการสอบสวนเบื้องตัน สงสัยว่าเข้าข่ายการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติ พ.ศ.2510 มาตรา 12 ผู้ฝ่าฝืนมีโทษตามมาตรา 101 จำคุกไม่เกินห้าปี และปรับไม่เกิน หนึ่งหมื่นบาท และ ขายยาที่มิได้ขึ้นทะเบียนตำรับยา อันเป็นความผิดตาม มาตรา 32(4) ฝ่าฝืนโทษตาม มาตรา 122 จำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินห้าพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ฝากความห่วงใยมายังผู้บริโภค อย่าหลงเชื่อผู้โฆษณาการขายยาลดน้ำหนักผ่านสื่อสังคมออนไลน์ อาจจะเกิดอันตรายต่อสุขภาพได้ ซึ่งตามหลักกฎหมายแล้ว ถือเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง เนื่องจากเป็นการขายยานอกสถานที่ ที่ได้รับอนุญาต ยกเว้น ยาสามัญประจำบ้านที่สามารถขายได้โดยไม่ต้องมีใบอนุญาต จึงขอประชาสัมพันธ์ และ ขอความร่วมมือมายังพี่น้องประชาชน​ หากพบเห็นหรือมีเบาะแสการกระทำความผิด สามารถแจ้ง ข้อมูลหรือเบาะแสได้ทางสายด่วน 1135, ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ บก.ปคบ., เพจเฟซบุ๊ก​ 'กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค'​ และ​ www.cppd.go.th หรือ สแกน QR CODE

กองบัญชาการตำรวจนครบาลรายงานผลการจับกุม “191 รวบชาวต่างชาติค้ายาอีรายใหญ่ย่านบางขุนเทียน”

ตามนโยบายของรัฐบาลให้เจ้าหน้าที่ของภาครัฐปราบปรามการแพร่ระบาดของยาเสพติดและสิ่งผิดกฎหมายเนื่องจากการแพร่ระบาดของยาเสพติดซึ่งเป็นภัยคุกคามและอาชญากรรมต่างๆที่เกิดขึ้นในสังคมปัจจุบันได้สร้างผลกระทบต่อประชาชน และสร้างความเสียหายให้แก่ประเทศชาติ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์  แจ้งยอดสุข ผบ.ตร., พล.ต.อ.มนู เมฆหมอก รอง ผบ.ตร. ได้มอบนโยบายให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ เร่งรัดติดตามจับกุมขบวนการค้ายาเสพติดอย่างจริงจัง

กองบัญชาการตำรวจนครบาล ภายใต้การอำนวยการ พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น., พล.ต.ต.สำราญ นวลมา รอง ผบช.น. เป็นผู้ควบคุมสั่งการ กองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ กองบัญชาการตำรวจนครบาล  โดย พล.ต.ต.สมบูรณ์ เทียนขาว ผบก.สปพ., พ.ต.อ.ประสงค์ อานมณี, พ.ต.อ.สุรเชษฐ์ บัณฑิตย์, พ.ต.อ.วรวิทย์ ญาณจินดา, พ.ต.อ.ศุภวัช ปานแดง รอง ผบก.สปพ., พ.ต.อ.ปิยรัช สุภารัตน์ ผกก.สายตรวจ บก.สปพ., พ.ต.ท.อัครพล โทยะ, พ.ต.ท.วสันต์ ธวัชชัยวิรุตษ์, พ.ต.ท.คงศักดิ์ ศรีโหร, พ.ต.ท.สุทธิเดช โอฬาริ รอง ผกก.สายตรวจ บก.สปพ., พ.ต.ท.อัษฎาวุธ ขวัญเมือง สว.งานสายตรวจ 3 กก.สายตรวจ บก.สปพ.

ร่วมกันแถลงผลการปฏิบัติดังนี้ ร่วมกันจับกุมMr.Paschal Nwaeny  อายุ 38 ปี สัญชาติไนจีเรียสถานที่จับกุม บริเวณหน้าอาคาร 39 หมู่บ้านเอื้ออาทร 2 แขวงท่าข้าม เขตบางขุนเทียนกรุงเทพมหานคร ต่อเนื่อง ห้องเลขที่ 11 ชั้น 2 อาคาร 39 หมู่บ้านเอื้ออาทร 2 แขวงท่าข้าม เขตบางขุนเทียน กรุงเทพมหานคร

พร้อมด้วยของกลาง

1. ยาเสพติดให้โทษประเภท1 (ยาอี) จำนวนประมาณ 7,140 เม็ด

2. โทรศัพท์มือถือ จำนวน 2 เครื่อง

3. รถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นอัลติส ทีเทา ทะเบียน 7กถ - 625  กทม.

โดยแจ้งข้อกล่าวหา

“มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาอี) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย” พฤติการณ์การจับกุมก่อนการจับกุมเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สปพ. ชุดจับกุม ได้รับแจ้งจากสายลับว่ามีกลุ่มเครือข่ายยาเสพติดชาวต่างชาติรายใหญ่ ในพื้นที่บริเวณบางขุนเทียน ใช้รถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นอัลติส สีเทา ทะเบียน 7กถ - 625  กรุงเทพมหานคร ในการลักลอบจำหน่ายยาเสพติดให้กับลูกค้า โดยเครือข่ายกลุ่มนี้ จะเช่าบ้านในหมู่บ้านเอื้ออาทร 2  แขวงท่าข้าม เขตบางขุนเทียน กรุงเทพฯ ในการเก็บซุกซ่อนยาเสพติด

เพื่ออำพรางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สืบสวนจนทราบว่าเครือข่ายกลุ่มนี้ใด้เช่าห้องเลขที่ 11 ชั้น 2 อาคาร 39 หมู่บ้านเอื้ออาทร 2 แขวงท่าข้าม เขตบางขุนเทียน กรุงเทพมหานคร เพื่อใช้เป็นที่เก็บซุกซ่อนยาเสพติด จึงได้เฝ้าติดตามพฤติกรรม จนสามารถจับกุมผู้ต้องหาพร้อมของกลาง และนำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางทั้งหมดนำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย และได้ทำการสืบสวนขยายผลถึงผู้ร่วมขบวนการลักลอบค้ายาเสพติด และผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องต่อไป

ผบ.ทรภ. 3 เข้าร่วมประชุมและร่วมกิจกรรม กับคณะนายกรัฐมนตรี ในโอกาสเดินทางมาตรวจราชการ PHUKET SANDBOX ในพื้นที่ภูเก็ต

เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2564 เป็นวันที่จังหวัดภูเก็ต เริ่มเปิดรับนักท่องเที่ยวเข้ามาพำนักอยู่ในพื้นที่ ตามโครงการ Phuket Sandbox อย่างเป็นทางการ โดยในวันนี้ พลเรือโท เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 3  ได้เข้าร่วมการประชุมและร่วมกิจกรรมต่าง ๆ กับนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี ในโอกาสเดินทางมาตรวจราชการในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ประกอบด้วย 

เป็นประธานในพิธี เปิดโครงการส่งเสริมเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว “HUG THAIS HUG PHUKET” จัดโดยหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย จังหวัดภูเก็ต และหอการค้า จังหวัดภูเก็ต ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล ภูเก็ต

นายกรัฐมนตรี ตรวจเยี่ยมการคัดกรองนักท่องเที่ยว เข้า-ออก จังหวัดภูเก็ต ณ ด่านตรวจภูเก็ต (ด่านท่าฉัตรไชย ซึ่งเป็นหน่วยตรวจสอบผู้เดินทางเข้าออกจังหวัดภูเก็ตทางบก) เป็นประธาน การประชุมติดตาม โครงการ Phuket Sandbox ณ โรงแรมรอยัล ภูเก็ต ซิตี้ โดยได้มอบนโยบายและข้อสั่งการเพื่อความสำเร็จอย่างยั่งยืนของโครงการ ซึ่งทุกภาคส่วนต้องร่วมมือร่วมใจกันปฏิบัติตามนโยบายที่รัฐบาลกำหนดอย่างเคร่งครัด

นายกรัฐมนตรีตรวจเยี่ยมความพร้อมการอำนวยความสะดวกนักท่องเที่ยว เยี่ยมชมการฟื้นคืนสภาพของชายหาด และการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยได้ทำกิจกรรมปลูกต้นจิกทะเล และปล่อยเต่าทะเลคืนสู่ธรรมชาติ ณ อุทยานแห่งชาติสิรินาถ

นายกรัฐมนตรี ต้อนรับนักท่องเที่ยว สายการบินที่เดินทางเข้าประเทศไทย ณ อาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ ท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต

นับว่าโครงการ Phuket Sandbox นี้ เป็นสิ่งที่ท้าทายชาวภูเก็ตเป็นอย่างมาก ซึ่งหากโครงการนี้สำเร็จ จะขยายไปสู่เมืองอื่น ๆ ในประเทศไทยได้ต่อไป เพื่อให้ประเทศของเราสามารถเดินไปข้างหน้าได้ตามภารกิจ 120 วัน เปิดประเทศให้ได้ที่รัฐบาลได้ตั้งเป้าหมายไว้


ภาพ/ข่าว ทัพเรือภาคที่3 / นิราช / นันทพล ทิพย์ศรี รายงาน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top