Monday, 20 May 2024
เซาท์ไทม์

พังงา - ธารน้ำใจชาวพังงาสู้ภัยโควิด-19 ร่วมบริจาคพัดลม 64 ตัวให้โรงพยาบาลสนาม

วันที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2564 ที่ศาลากลางจังหวัดพังงา พระเทพปัญญาโมลี รองเจ้าคณะภาค 17 พร้อมด้วยน.ส.สาวดี  รักษ์ศิริ สหกรณ์จังหวัดพังงา น.ส.วรนิษฐ์ อภิรัฐจิรวงษ์ พาณิชย์จังหวัดพังงา น.ส.ปรียาภัทร์ พรหมชูแก้ว ผู้จัดการสหกรณ์การเกษตรเพื่อการตลาดลูกค้า ธ.ก.ส.พังงา จำกัด นำพัดลมทั้งขนาดใหญ่และขนาดเล็กรวม 64 ตัวและน้ำดื่ม 25 โหล มอบให้กับนายจำเริญ ทิพญพงศ์ธาดา ผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา

เพื่อนำไปใช้ประโยชน์สำหรับผู้ป่วยติดเชื้อโควิด 19 และเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานในโรงพยาบาลสนาม โรงยิมเนเซี่ยมสนามกีฬากลาง องค์การบริหารส่วนจังหวัดพังงา ซึ่งในวันพรุ่งนี้จะมีการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยที่ไม่แสดงอาการหรือมีอาการเล็กน้อยจากโรงพยาบาลตะกั่วป่าและโรงพยาบาลพังงา มาดูแลรักษาต่อที่โรงพยาบาลสนาม เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดยังพบผู้ป่วยเพิ่มทุกวัน จนทำให้ห้องผู้ป่วยในโรงพยาบาลที่เตรียมไว้ใกล้จะเต็ม และล่าสุดจังหวัดพังงามีผู้ป่วยโควิด-19ระลอกใหม่รวม29 คน


ภาพ/ข่าว  อโนทัย  งานดี

พังงา - เมื่อไหร่จะได้ใช้...ชาวเกาะพระทอง 2 หมู่บ้าน รอใช้ไฟฟ้านานมากว่า2 ปี หลังการไฟฟ้าลากเคเบิลใต้น้ำขึ้นเกาะแต่ขยายเขตปักเสาไม่ได้

ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านบนเกาะพระทอง อ.คุระบุรี ว่าหลังจากการไฟฟ้าภูมิภาคทำโครงการก่อสร้างระบบจำหน่ายด้วยสายเคเบิลใต้น้ำระบบ 33 เควี มายังเกาะพระทอง เพื่อให้ชาวบ้านและหน่วยงานราชการบนเกาะพระทองได้ใช้ประโยชน์ โดยจุดลงฝั่งแผ่นดินใหญ่อยู่ในบริเวณ ท่าเทียบเรือบ้านทุ่งละออง จุดขึ้นอยู่ที่ท่าเทียบเรือบ้านทุ่งดาบ ม.1 ต.เกาะพระทอง ซึ่งโครงการได้แล้วเสร็จเมื่อปลายปี 2561

แต่ปัจจุบันสามารถจ่ายไฟฟ้าให้ชาวบ้านในพื้นที่ ม.1 บ้านทุ่งดาบได้เพียงหมู่บ้านเดียวเท่านั้น ไม่สามารถขยายเขตปักเสาไฟฟ้าไปยัง ม.2 บ้านท่าแป๊ะโย้ยและม.4 บ้านปากจกได้ เนื่องจากติดปัญหาในเรื่องการไม่ได้รับอนุญาตให้ปักเสาไฟฟ้าในเขตป่าต่าง ๆ ได้ ทำให้ชาวบ้าน 2 หมู่บ้านต้องรอไฟฟ้าเก้อมานานกว่า 2 ปี ปัจจุบันต้องใช้ไฟปั่นและไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์  จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการให้ชาวบ้านได้ใช้ไฟฟ้าเสียที อย่าให้รอนานอย่างนี้ ขณะที่อุปกรณ์ต่างๆและเสาไฟฟ้าถูกกองทิ้งอยู่ไว้ข้างทาง คาดว่าอุปกรณ์บางอย่างก็คงเสื่อมลงเรื่อย ๆ

นายอรรถพล มีเพียร นายก อบต.เกาะพระทอง เปิดเผยว่า ปัญหาในการขออนุญาตปักเสาพาดสายที่เกาะพระทองอยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องสรุป อย่างเช่น การทำศึกษาเกี่ยวกับเรื่องป่าสงวนแห่งชาติ และก็ทำรายงานว่าทำได้ไหม ดำเนินการได้รึเปล่า รวมไปถึงป่าอุทยานแห่งชาติ ว่าสามารถดำเนินการปักเสาได้ไหม แล้วอีกตัวนึงก็คือป่าชายเลน ทาง ทสจ.พังงาทำเสร็จไปแล้ว 2 ตัว คือป่าสงวนแห่งชาติ และป่าอุทยานแห่งชาติ ส่วนป่าชายเลน ได้สรุปเสร็จเมื่อวันที่ 9 เมษาที่ผ่านมา เมื่อดำเนินการเรียบร้อยแล้วจะส่งให้ผู้ว่าราชการจังหวัดพังงาลงนามส่งไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการต่อไป


ภาพ/ข่าว  อโนทัย งานดี

นราธิวาส - ผบ.ฉก.นราธิวาส ติดตามสถานการณ์ ดีเดย์วันสุดท้ายมาเลย์ผลักดันชาวต่างชาติออกจากประเทศ เน้นย้ำมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 อย่างเคร่งครัด

พลตรีไพศาล หนูสังข์ ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 15 / ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส เดินทางลงพื้นที่ เป็นประธานการประชุมติดตามสถานการณ์ ดีเดย์วันสุดท้าย ในการเดินทางกลับเข้ามาของคนไทยจากประเทศมาเลเซีย หลังประเทศมาเลเซียผลักดันชาวต่างชาติออกจากประเทศ  เนื่องมาจากผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโควิด 19 ภายในประเทศมาเลเซีย  โดยมี หัวหน้าส่วนราชการ ทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง ด่านตรวจคนเข้าเมือง และกองกำลังป้องกันชายแดน และส่วนที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมการประชุม ณ กองอำนวยการควบคุมการผ่านแดน ด่านศุลกากรสุไหงโกลก อำเภอสุไหงโกลก จังหวัดนราธิวาส

ทั้งนี้ ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส กล่าวว่า ขณะที่การดูแลแนวชายแดนไทย-มาเลเซีย ฝั่งจังหวัดนราธิวาส ได้กำชับหน่วยทหารในพื้นที เพิ่มมาตรการคุมเข้ม ลาดตระเวนเฝ้าระวังป้องกัน ตามช่องทางธรรมชาติอย่างเต็มที่ เสริมเข้มด่านตรวจจุดตรวจ เส้นทางหลักเส้นทางรอง บูรณาการการปฎิบัติงานร่วมกันทั้ง 3 ฝ่าย ระหว่างเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ และ ฝ่ายปกครอง ตลอดจน อาสาสมัครประจำถิ่น และ ผู้นำท้องที่ ผู้นำท้องถิ่น เครือข่าย อสม. ตรวจสอบ และสกัดผู้ที่แอบลักลอบเข้ามาในประเทศโดยผิดกฎหมาย  พร้อมทั้งเน้นย้ำการปฎิบัติตนของเจ้าหน้าที่ ให้อยู่ภายใต้มาตรการการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา COVID-19  อย่างเคร่งครัด จากนั้นผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส ได้เดินตรวจเยี่ยมความเรียบร้อยภายใน จุดตรวจคัดกรอง พื้นที่ Local Quarantine (LQ) รองรับการข้ามเเดนของคนไทยกลับเข้าประเทศ ด่านศุลกากรสุไหงโกลก พร้อมทั้ง มอบห่วงใย และให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ในการปฏิบัติงานต่อไป


ภาพ/ข่าว  แวดาโอ๊ะ​ หะไร​ จ.นราธิวาส

พังงา - ซ้อมแผนรับตัวผู้ป่วยโควิด-19 เข้าโรงพยาบาลสนาม ผู้ป่วยชุดแรกเข้าพรุ่งนี้ ในพื้นที่ยังพบผู้ป่วยเพิ่มต่อเนื่อง

วันที่ 22 เมษายน 2564 ที่โรงพยาบาลสนามจังหวัดพังงา1 โรงยิมเนเซี่ยม สนามกีฬา อบจ.พังงา นายธนากร ศฤงคารชยธวัช รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดพังงา พร้อมด้วย น.อ.อภิชาติ วรรณอมร รอง ผอ.กอ.รมน.พังงา พญ.ทิพย์รัตน์ ต้นสกุลประเสริฐ ผอ.โรงพยาบาลพังงา ทีมแพทย์-พยาบาลโรงพยาบาลพังงาและเจ้าหน้าที่สาธารณสุขจังหวัดพังงา ร่วมซ้อมแผนการรับตัวผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลสนามแบบเสมือนจริง เพื่อเตรียมรับตัวผู้ป่วยที่ไม่แสดงอาการและมีอาการเล็กน้อยมารักษาตัวต่อที่โรงพยาบาลสนาม

เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดยังพบผู้ป่วยเพิ่มทุกวัน จนห้องผู้ป่วยในโรงพยาบาลที่เตรียมไว้ใกล้จะเต็ม ซึ่งจะมีการย้ายผู้ป่วยชุดแรกจากโรงพยาบาลตะกั่วป่าและโรงพยาบาลพังงาเข้ามาในวันพรุ่งนี้ โดยการซ้อมแผนเป็นไปด้วยความเรียบร้อยตั้งแต่การประสานงานการส่งตัวจากโรงพยาบาลพังงา การรับตัวผู้ป่วยที่ต้องลงจากรถฉุกเฉินด้วยตัวเอง เมื่อผ่านการซักประวัติ เอกซเรย์ปอดเรียบร้อยก็จะได้รับคำแนะนำการใช้ชีวิตในโรงพยาบาลสนาม การประเมินสุขภาพจิต จากนั้นก็รับอุปกรณ์เครื่องใช้เข้าไปในห้องแบบแยกเดี่ยวกั้นมิดชิดเป็นเวลา 14 วัน สำหรับสถานการณ์ผู้ป่วยโควิด-19 ของจังหวัดพังงาล่าสุดในวันนี้ เบื้องต้นมีผู้ป่วยยืนยันเพิ่มอีก 2ราย รวมเป็น 29 ราย โดยผู้ป่วยรายใหม่อยู่ในอำเภอท้ายเหมือง 2 ราย อยู่ใน อ.ตะกั่วป่า

นายจำเริญ ทิพญพงศ์ธาดา ผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา กล่าวว่า เนื่องจากสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 ยังมีเพิ่มขึ้น จึงขอให้หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และทุกหน่วยงานให้ความร่วมมือปฏิบัติตามมาตรการ  DMHTTA สำหรับผู้ที่เดินทางมาจากพื้นที่เสี่ยงโดยเฉพาะพื้นที่สีแดง 18 จังหวัด เมื่อเข้ามาในจังหวัดพังงา ต้องรายงานตัวทันทีกับ อสม., ผู้นำชุมชน, กำนัน, ผู้ใหญ่บ้าน หรือ รพ.สต. ในพื้นที่ และกักตัวอยู่ในบ้าน เป็นระยะเวลา 14 วัน และใช้มาตรการทางกฎหมายกับผู้ที่ไม่ปฏิบัติตามประกาศจังหวัดและตามประกาศของคณะกรรมโรคติดต่อจังหวัดพังงา


ภาพ/ข่าว  อโนทัย งานดี

นราธิวาส - ร.10พระราชทานดอกไม้ และตะกร้าแก่ทหารที่บาดเจ็บจากการปฏิบัติหน้าที่

เวลา 10.00 น. วันที่่ 22 เมษายน 2564 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ นายเจษฎา จิตรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส อัญเชิญดอกไม้และตะกร้าสิ่งของพระราชทานไปมอบให้แก่ อาสาสมัครทหารพรานอัสมิน การิยา สังกัดกองร้อยทหารพรานที่ 4914 ชุดเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 49 ซึ่งได้รับบาดเจ็บจากเหตุคนร้ายลอบขว้างระเบิดใส่ฐานปฏิบัติการชุดคุ้มครองตำบลจะแนะ ซึ่งตั้งอยู่หมู่ที่11 ตำบลจะแนะ อำเภอจะแนะ จังหวัดนราธิวาส เหตุเกิดเมื่อวันที่ 21 เมษายน 2564 ที่ผ่านมา

ซึ่งนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ อำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส เพื่อเป็นขวัญกำลังใจ พร้อมทั้งได้นำกระแสพระราชดำรัสความห่วงใยจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินี กล่าวให้อาสาสมัครทหารพรานอัสมิน ยังความปลื้มปิติแก่ อาสาสมัครทหารพรานอัสมิน ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้


ภาพ/ข่าว  แวดาโอ๊ะ​ หะไร​ จ.นราธิวาส

กระบี่ - ชุด ฉก.ความมั่นคงภายในกระบี่จับหนุ่มบ้านห้วยครามยึดยาบ้า 137 มัด 2 แสนกว่าเม็ด

ที่ห้องประชุมกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดศาลากลางจังหวัดกระบี่ พันตำรวจโท หม่อมหลวง กิติบดี ประวิตร ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ พร้อมด้วยพันเอก สมบัติ สืบท้วม รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดกระบี่ พันตำรวจเอก ศิริศักดิ์ สงพะโยม ผู้กำกับการสืบสวน กองกำกับการตำรวจภูธรจังหวัดกระบี่ และพันตำรวจโท ก้องภพ โพธิ์แสน ผู้บังคับกองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 462 จังหวัดกระบี่ ร่วมแถลงข่าวการจับกุมหนุ่มวัย 30 ปี พ่อค้ายาเสพติดรายใหญ่ของจังหวัด เป็นเครือขายรายสำคัญทางภาคเหนือ พร้อมของกลางยาบ้า 137 มัด 274,000 เม็ด

ด้วยร้อยตำรวจเอก นิพนธ์ หนูชัยแก้ว หัวหน้าชุดปราบปรามยาเสพติด กองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 42 รองหัวหน้าชุดปราบปรามยาเสพติด กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดกระบี่ นำกำลังชุดปราบปรามยาเสพติดกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดกระบี่ จับกุมตัวนายรณกร หรือเบล เกลี้ยงบุตร อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 155 หมู่ที่ 6 บ้านห้วยคราม ตำบลห้วยยูง อำเภอเหนือคลอง จังหวัดกระบี่ ได้ริมถนนสายเหนือคลอ - เขาพนม บริเวณหน้าวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีกระบี่ หมู่ที่ 6 บ้านห้วยคราม ตำบลห้วยยูง อำเภอเหนือคลอง จังหวัดกระบี่ ต่อเนื่องภายในไร่อ้อย หมู่ที่ 3 บ้านใหม่ ตำบลเขาพนม อำเภอเขาพนม จังหวัดกระบี่ และต่อเนื่องที่บ้านพักของนายรณกร ยึดของกลางยาบ้า 137 มัด 274,000 เม็ด สมุดบัญชีรายการลูกค้ายาเสพติด 1 เล่ม โทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง รถจักรยานยนต์เอ็มเอ็กเอส ทะเบียน 1 กค 4842 กระบี่ โดยแจ้งข้อกล่าวหามียาเสพติดให้โทษประเภท 1 ยาบ้าไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและพยายามจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย

โดยร้อยตำรวจเอก นิพนธ์ หนูชัยแก้ว หัวหน้าชุดปราบปรามยาเสพติด กองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 42 รองหัวหน้าชุดปราบปรามยาเสพติดกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดกระบี่ สืบทราบว่านายรณกร เกลี้ยงบุตร เป็นพ่อค้ารายใหญ่ใหญ่ที่ลักลอบค้ายาเสพติดในพื้นที่จังหวัดกระบี่มาช้านาน และเป็นเครือข่ายค้ายาเสพติดรายสำคัญในพื้นที่ทางภาคเหนือ และเป็นเครือข่ายกับผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมไปเมื่อวันที่ 15 เมษายน 2564 ที่ผ่านมา จึงได้วางแผนจับกุมโดยล่อซื้อยาบ้า 20 มัด 4 หมื่นเม็ด ราคา 6 แสนบาท โดยให้นำยาบ้ามาจำหน่ายก่อนแล้วค่อยทยอยส่งเงินให้ จึงนัดส่งยาบ้าที่เกิดเหตุดังกล่าวข้างต้น สามารถจับกุมตัวได้พร้อมด้วยยาบ้าตามที่นัดกันเอาไว้ จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงได้ทำการขยายผลจนตามตรวจยึดยาบ้าได้อีก 117 มัด 234,000 เม็ด รวมยาบ้าที่ยึดได้ 137 มัด 274,000 เม็ด

จากการสอบสวนปากคำในเบื้องต้นของเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นายรณกร เกลี้ยงบุตร ให้การรับสารภาพว่าถูกจับกุมในคดียาเสพติดและพึ่งพ้นโทษมาจากเรือนจำจังหวัดกระบี่มาได้ 1 เดือนเศษ จากนั้นนายวรันธร หรือเค ฝอยทอง อายุ 34 ปี อยู่บ้านเลขที่ 140 / 9 ถนนเมืองเก่า ตำบลกระบี่ใหญ่ อำเภอเมืองกระบี่ และนายสุโกมล หรือโก อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 81 หมู่ที่ 6 บ้านควนออก ตำบลพรุเตียว อำเภอเขาพนม จังหวัดกระบี่ ได้ติดต่อขอให้เข้าร่วมเครือข่ายลักลอบค้ายาเสพติด ซึ่งบุคลทั้งสองมีหมายจับของศาลจังหวัดกระบี่ไม่ต่ำกว่า 5 หมาย โดยหลบหนีอยู่ในฝั่งพม่าด้านท่าขี้เหล็กจังหวัดเชียงราย จากนั้นจึงรับปากและเริ่มค้ายาอีกครั้ง โดยสั่งยาบ้าทางออนไลน์ 2 ครั้งแรกนำยาบ้าเข้ามา 10 – 20 มัด และครั้งนี้เป็นครั้งที่สามนำยาบาเข้ามา 490 มัด 9 แสน 9 หมื่นเม็ด และไปรับยาที่บ้านบางเภา อำเภอทุ่งใหญ่ จังหวัดนครศรีธรรมราช นำส่งขายไปแล้ว 363 มัด จนกระทั้งถูกเจ้าหน้าที่จับกุมตัวได้และยึดยาบ้า 137 มัด หากขายได้ทั้งหมดจะได้เงินไม่ต่ำกว่า 4 ล้านบาท


ภาพ/ข่าว  ณัฏฐพงษ์  ศรีปล้อง รายงาน

นราธิวาส – ผู้ว่าฯนราธิวาส ตรวจเยี่ยมด่านศุลกากรสุไหงโก-ลก ให้กำลังใจเจ้าหน้าที่และคนไทยที่เดินทางกลับประเทศ

หลังมาเลเซียผลักดันแรงงานต่างชาติกลับประเทศ ภายใน 21 เมษายนนี้ ยืนยันจังหวัดนราธิวาสพร้อมรองรับ เน้นย้ำมาตรการคัดกรองโรค COVID19

วันนี้ (21 เม.ย. 64) ที่ด่านศุลกากรสุไหงโก-ลก อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส นายเจษฎา จิตรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ได้ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ประจำด่านศุลกากรสุไหงโก-ลก พร้อมทั้งรับทราบข้อมูลการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ประจำด่าน โดยมีนายรุ่งเรือง ธิมาบุตร นายอำเภอสุไหงโก-ลก นายวัลลภ วุฒาพาณิชย์ นายด่านศุลกากรสุไหงโก-ลก ขนส่งจังหวัดนราธิวาส สาธารณสุขอำเภอสุไหงโก-ลก หัวหน้าส่วนราชการ และหน่วยกำลังในพื้นที่ร่วมต้อนรับ

นายเจษฎา จิตรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ได้พบปะคนไทยที่เดินทางกลับจากประเทศมาเลเซียตั้งแต่ช่วงเช้าโดยได้ขอความร่วมมือให้ผู้ที่เดินทางผ่านด่านให้ข้อมูลแก่เจ้าหน้าที่ถูกต้องและเป็นความจริง เพื่อใช้ในการควบคุมและสอบสวนโรค และยืนยันว่าจังหวัดนราธิวาสพร้อมดูแลคนไทย ซึ่งมีความพร้อมในการรองรับและดำเนินการอย่างรอบคอบเพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบในโอกาสต่อไป

ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า ก่อนหน้านี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในจังหวัดนราธิวาสได้เตรียมความพร้อมด้านมาตรการรับมือคนไทยเดินทางกลับจากประเทศมาเลเซีย โดยมีสิ่งที่ห่วงใยมากที่สุด คือ การสอบสวนโรคหรือการคัดกรองโรคเบื้องต้นของคนไทยที่เดินทางเข้ามาอย่างถูกกฎหมายและผิดกฎหมายผ่านช่องทางธรรมชาติ ซึ่งทั้งสองกลุ่มมีมาตรการตั้งแต่ช่วงการระบาดในรอบแรกที่ได้เตรียมการไว้แล้ว โดยต้องเข้าสู่การสอบสวนโรค กักกันตัว และการส่งตัวกลับภูมิลำเนาด้วยความปลอดภัย

สำหรับผู้ที่ติดเชื้อจะเข้าสู่การรักษาที่โรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ ซึ่งขณะนี้ทางโรงพยาบาลเปิดรับผู้ที่ติดเชื้อในรอบแรก 43 ราย ในรอบเดือนเมษายนตั้งแต่ 1 เมษายนมีตัวเลขผู้ติดเชื้อจำนวน 405 ราย และจำนวน 249 คนเป็นผู้ติดเชื้อในเรือนจำจังหวัดนราธิวาส รวมทั้งมีการจัดตั้งโรงพยาบาลสนามเพื่อดูแลรักษาผู้ป่วย แห่งแรกที่เรือนจำจังหวัดนราธิวาสสำหรับรักษาผู้ต้องขัง แห่งที่ 2 ที่ศูนย์ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมผู้เสพยาเสพติดจังหวัดนราธิวาส และแห่งที่ 3 ที่ศูนย์พักพิงร่วมใจอุ่นไอรัก ซึ่งสามารถรองรับผู้ติดเชื้อที่มีอาการไม่รุนแรง สำหรับคนไทยที่เดินทางเข้ามาในวันนี้จะมีมาตรการโดยให้เจ้าหน้าที่เปิดรับผู้ที่เดินทางผ่านแดนทุกวันตั้งแต่วันนี้จนถึงสิ้นเดือนนี้

ทั้งนี้ ผู้บังคับบัญชาได้ให้คำแนะนำ โดยแม่ทัพภาคที่ 4 ได้ให้ความสำคัญกรณีแรงงานต่างด้าวทุกสัญชาติที่เดินทางเข้ามาในช่วงนี้เช่นเดียวกัน สำหรับแรงงานต่างด้าวทุกสัญชาติที่เข้ามาในช่วงนี้จะต้องถูกดำเนินคดีในการหลบหนีเข้าเมือง ซึ่งต้องใช้เวลาดำเนินการ 7 - 15 วัน หากมีแรงงานต่างด้าวจำนวนมากได้เตรียมสถานที่ไว้ที่ตำบลมูโนะ อำเภอสุไหงโก-ลก ณ สนามกีฬาและหอประชุมใหญ่ และที่อำเภอตากใบ เพื่อรองรับแรงงานต่างด้าว ในด้านข้อมูลผู้ติดเชื้อภายในเรือนจำจังหวัดนราธิวาส วันนี้มีผู้ป่วยรายใหม่เป็นศูนย์โดยผู้ต้องขังจำนวน 2,334 กว่าคน มีผู้ติดเชื้อสะสมในเรือนจำจังหวัดนราธิวาส จำนวน 249 คน


ภาพ/ข่าว  แวดาโอ๊ะ หะไร จ.นราธิวาส

สุราษฎร์ธานี - จับจริง ปรับจริงแล้ว ไม่สวมหน้ากากอนามัย ศาลแขวงสุราษฎร์ธานี พิพากษาปรับ 4,000 บาทผู้ประกอบการ สนับสนุนช่วยจิตอาสา ทำข้าวกล่องและซื้อเครื่องอุปโภค ส่งตามบ้านช่วยผู้กักตัวและกลุ่มหยุดงาน

เมื่อวันที่ 21 เมษายน 2564 ที่ จ.สุราษฎร์ธานี ศาลแขวงสุราษฎร์ธานี ได้ออกประกาศข่าวศาล จับจริง ปรับจริง โดยวันนี้ พนักงานอัยการคดีศาลแขวงสุราษฎร์ธานี ได้ยื่นฟ้องผู้ฝ่าฝืนไม่สวมหน้ากากอนามัย (1 รายในพื้นที่ อ.เมืองสุราษฎร์ธานี) ตามคำสั่งจังหวัดสุราษฎร์ธานี ที่ 2323/2564 เรื่อง ให้ประชาชนในพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี สวมหน้ากากอนามัย หรือหน้ากากผ้าทุกครั้งตลอดเวลาที่ออกนอกเคหสถานหรือสถานที่พำนักของตนในฐานความผิดตามมาตรา 51 แห่งพระราช บัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558โดยศาลมีคำพิพากษาปรับ 4,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่งคงปรับ 2,000 บาท

ส่วนที่อาคารเอนกประสงค์รินทอง วิทยาลัยเทคนิคสุราษฎร์ธานี ได้มีประชาชน ประมาณ 300 คนส่วนใหญ่เป็นกลุ่มผู้ไปเที่ยวสถานบันเทิง 8 แห่งใน อ.เมืองสุราษฎร์ธานีและนักศึกษาที่ไปร่วมงานรับประกาศนียบัตร ได้ทยอยเดินทางไปตรวจหาเชื้อโควิด-19

ทั้งนี้ ได้พบผู้ป่วยยืนยันรายใหม่ 41 ราย ส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มคลัสเตอร์สถานบันเทิงที่พบจากการตรวจหาเชิงรุกในกลุ่มเสี่ยงสูงด้วยรถตรวจหาเชื้อชีววิทยาพระราชทาน จำนวน 326 ราย ส่งผลให้มีผู้ป่วยยืนยันสะสม 273 ราย รักษาหายแล้ว 8 ราย เหลือยังรักษาที่โรงพยาบาล 265 ราย โดยล่าสุด สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้มีประกาศด่วนให้ผู้สัมผัสใกล้ชิดในครัวเรือน ที่อยู่บ้านเดียวกับผู้ป่วยโควิด-19 ทุกคนและบุคคลที่มีประวัติใกล้ชิดกับผู้ป่วยโควิด-19 ให้ไปรับการตรวจหาเชื้อโดยรถพระราชทานเคลื่อนที่ ที่วิทยาลัยเทคนิคสุราษฎร์ธานี ภายในวันที่ 22 เมษายนนี้

นายแพทย์ศักดิ์ชัย ตั้งจิตวิทยา ผู้อำนวยการโรงพยายาลสุราษฎร์ธานี ในฐานะผู้อำนวยการโรงพยาบาลสนามสุราษฎร์ธานี กล่าวว่า ขณะนี้ได้คัดกรองผู้ป่วยในกลุ่มที่ไม่มีอาการไปพักตัวเพื่อควบคุมโรคในโรงพยาบาลสนามท่าโรงช้าง อ.พุนพิน 96 ราย และโรงพยาบาลสนามราชภัฏสุราษฎร์ธานี 40 ราย รวม 136 ราย และภายใน 2 สัปดาห์นี้ถ้าสามารถค้นหาผู้ป่วย และนำตัวไปควบคุมโรคได้ สถานการณ์แพร่ระบาดคลัสเตอร์สถานบันเทิงจะลดลง ซึ่งได้เตรียมโรงพยาบาลสนามไว้ 400 เตียง จะเพียงพอต่อการองรับผู้ป่วย

วันเดียวกัน จิตอาสากลุ่มไลน์ช่วยโควิด-19 สฎ.นำโดย น.ส.อภิชญาฎา เพชรรัตน์ และคณะที่นำเงินส่วนตัวและที่มีผู้ร่วมสมทบจัดทำอาหารกล่อง และข้าวสาร อาหารแห้ง พร้อมสิ่งของอุปโภคไปส่งตามบ้าน 2 กลุ่ม ผู้กักตัวเอง 14วันที่ได้รับผลกระทบโควิด -19 และกลุ่มผู้ได้รับความเดือดร้อนไม่สามารถประกอบอาชีพได้กว่า 50 รายแล้ว ซึ่งมีเอกชนผู้ประกอบการร่วมนำวัตถุดิบปรุงอาหารและสิ่งของมาร่วมสมทบ ล่าสุด ศปก.ป้องกันปราบปรามการโจรกรรมสินค้าทางน้ำและป้องกันปราบปรามยาเสพติดตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานี นำโดย พ.ต.อ.นิพล ชาตรี ผกก.สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี ได้ร่วมมอบเครื่องบริโภค อาหารแห้ง จำพวก ข้าวสาร ไข่ไก่ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป น้ำมัน ปลากระป๋อง


ภาพ/ข่าว สรเดช ส้มเกลี้ยง สุราษฎร์ธานี

ยะลา - ผบ ฉก ยะลา กำชับกำลังพลป้องกันชายแดนพร้อมรับคนไทยถูกทางการมาเลเซียผลักดันสกัดช่องทางธรรมชาติหวั่นเชื้อแพร่ในพื้นที่

ผบ ฉก ยะลา กำชับกำลังพลป้องกันชายแดนที่ 4 พร้อมรับคนไทยถูกทางการมาเลเซียผลักดันกำชับขุดจรยุทธ์สกัดการหลบหนีทางช่องทางธรรมชาติที่ไม่ผ่านการคัดกรองหวั่นเชื้อแพร่ในพื้นที่ หลังจากคนไทยถูกทางการมาเลเซียผลักดันเดินทางกลับเป็นวันสุดท้าย ผ่านด่านพรมแดนเบตง จำนวน 49 คน โดยเจ้าหน้าที่สาธารณสุขได้มีการคัดกรองอย่างละเอียดทุกคน

เมื่อวันที่ 21เม.ย.64 บรรยากาศที่ด่านพรมแดนเบตง  อำเภอเบตง จังหวัดยะลา โดยในวันนี้มีแรงงานไทยที่ไปทำงานและอาศัยอยู่ในประเทศมาเลเซียกรณีวีซ่าหมดอายุและลักลอบอยู่แบบผิดกฎหมาย ซึ่งทางการมาเลเซียได้ผลักดันกลับเป็นวันสุดท้ายต่างทยอยเดินทางกลับผ่านทางด่านพรมแดนเบตงจำนวน49 คน ที่ทางการมาเลเซียผลักดันกลับมาจากมาตรการป้องกันโควิด-19 ของมาเลเซีย โดยมีเจ้าหน้าที่ สาธารณสุขอำเภอและกรมควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ คัดกรองคนไทยกลุ่มนี้อย่างละเอียดทุกคน ตามมาตรการป้องกันโควิด-19

โดยมีการวัดไข้ วัดอุณหภูมิร่าง หากมีอุณหภูมิสูงกว่า 37 องศา ทางเจ้าหน้าที่ ก็จะส่งตัวไปยังโรงพยาบาลทันที และได้แยกแรงงานไทยแต่ละพื้นที่ ซึ่งอาศัยอยู่ใน 5 จังหวัด ภาคใต้ ทั้งสตูล สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส ให้ทางจังหวัดนั้นมารับตัวกลับไปกักตัวตามภูมิลำเนาของตนเองที่อาศัยอยู่

โดยในส่วนของ อ.เบตงให้กักตัวอยู่ที่ศูนย์ กักตัวอำเภอเบตง เป็นเวลา 14 วัน หากรายใดมีอาการผิดปกติก็จะถูกส่งตัวไปรักษายังโรงพยาบาลทันทีและทำการตรวจหาเชื้อเพาะเชื้อโควิด – 19 นอกจากนี้ทางอำเภอเบตงได้เตรียมชุดปฏิบัติการ รวมทั้งสถานที่ Local Quarantine ในการรองรับผู้ที่เดินทางกลับจากประเทศมาเลเซีย เพิ่มขี้นด้วย อย่างไรก็ตามขอความร่วมมือจากประชาชนในพื้นที่ช่วยกันสอดส่องดูแล หากพบเห็นว่ามีบุคคลต่างด้าว หลบหนีเข้ามากก็ให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือ อสม. ประจำหมู่บ้านเข้าตรวจสอบ ในเบื้องต้น

ขณะที่ พันเอก อายุพันธ์ กรรณสูต ผู้บังคับชุดป้องกันชายแดน  เดินทางมาตรวจเยี่ยมให้กำลังใจ ชป.จรยุทธ์ โดยได้เน้นย้ำในการเฝ้าตรวจควบคุมบุคคลหลบหนีข้ามแดนโดยผิดกฎหมาย เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ตามแนวชายแดน  ตามมาตรการป้องกันเชื้อไวรัสโคโรน่า COVID19 และได้สั่งการเพิ่มมาตรการในการเฝ้าระวัง และสกัดกั้นการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายตามแนวชายแดนไทย – มาเลเซียรวมทั้ง เพิ่มมาตรการในการลาดตระเวน อย่างเข้มข้นทุกตารางนิ้ว สกัดกั้นทุกช่องทางตลอดแนวชายแดนไทย-มาเลเซีย และชุดปฏิบัติการจรยุทธ์ตามแนวชายแดน พร้อมทั้งเข้มงวดควบคุมพื้นที่  โดยมีตำรวจตระเวนชายแดนชุดเฝ้าตรวจชายแดนที่ 4405 และ 4406 บูรณาการคนและเครื่องมือร่วมกันในการบังคับใช้กฎหมายตามแนวชายแดนอย่างเข้มงวด รวมทั้งการเสริมกำลังตามแนวชายแดน  โดยเฉพาะช่องทางที่มีชุมชนหรือหมู่บ้านอาศัยอยู่ใกล้แนวชายแดน

โดยให้มี การจัดตั้งจุดตรวจ จุดสกัด และการจัดตั้งแหล่งข่าว เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการสกัดกั้นการลักลอบการหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย พร้อมทั้งชี้แจง สร้างความเข้าใจให้กับประชาชนตระหนักถึงความสำคัญในเรื่องการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า COVID -19 รวมทั้งขอความร่วมมือจากกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ประชาชนในพื้นที่ เป็นหูเป็นตา ช่วยกันสกัดกั้นการกระทำผิดตามแนวชายแดน ตัดต้นตอของขบวนการ ก่อนเน้นย้ำเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานทุกฝ่ายเฝ้าระวังป้องกันตนเอง ให้มีความปลอดภัยจากการติดเชื้อไวรัสโคโรน่า COVID-19 ด้วย พันเอก อายุพันธ์ กรรณสูต ผู้บังคับชุดป้องกันชายแดน กล่าว


ภาพ/ข่าว  ธานินทร์  โพธิทัพพะ / ปื๊ด เบตง

นราธิวาส – โจรใต้ป่วนไม่เลิก ขว้างไปป์บอมบ์ใส่ฐาน 2 จุด 2 อำเภอ ทำเกิดความเสียหาย

เมื่อเวลา 12.10 น. วันที่ 21 เม.ย. 64 ร.ต.อ.พัลลภ ทองสลับล้วน รองสารวัตรสอบสวน สภ.บาเจาะ จ.นราธิวาส รับแจ้งมีเหตุคนร้ายขว้างระเบิดใส่ฐานหน่วยปฏิบัติการพิเศษที่ 13 อ.บาเจาะ ซึ่งตั้งอยู่ ม.2 ต.บาเจาะ ส่งผลทำให้เรือนนอนของเจ้าหน้าที่ได้รับความเสียหาย จึงพร้อมด้วย พ.ต.อ.ดุลยมาน แยนา ผกก.สภ.บาเจาะ เจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิด หน่วยปฏิบัติการพิเศษ กองกำกับการตำรวจภูธร จ.นราธิวาส เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน จ.นราธิวาส พร้อมด้วยกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวนหนึ่ง รุดเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ

พบที่บริเวณเรือนนอนของเจ้าหน้าที่ ซึ่งอยู่ข้างกำแพงด้านซ้ายมือของฐาน ถูกอนุภาพของระเบิดได้รับความเสียหายที่บริเวณหลังคา ช่วงกันสาดของห้องพัก โดยมีกระเบื้องหลังคาแตกเสียหาย 2 แผ่น จนตกลงมาในกองที่หน้าเรือนนอน และมีรถยนต์กระบะยี่ห้ออีซูซุ 4 ประตู สีเทาดำ ทะเบียน งข 343 สงขลา ของเจ้าหน้าที่ซึ่งจอดอยู่บริเวณหน้าเรือนนอนถูกสะเก็ดระเบิดได้รับความเสียหายเล็กน้อยที่บริเวณฝากระโปรงหน้า เจ้าหน้าที่จึงได้เก็บรวบรวมหลักฐานในที่เกิดเหตุ

จากการสอบสวนทราบว่า ในขณะที่เจ้าหน้าที่กำลังแยกย้ายกันอาศัยอยู่ภายในฐาน ได้มีคนร้าย จำนวน 1 คน แฝงตัวเดินย่องมาตามถนนข้างกำแพงด้านซ้ายมือของฐาน แล้วใช้ระเบิดแสวงเครื่องแบบไปป์บอมบ์ ขว้างข้ามตาข่ายข้างกำแพงไปตกที่บริเวณหลังคาซึ่งเป็นกันสาดด้านหน้าของเรือนนอน จนเกิดระเบิดขึ้นเสียงดังสนั่นหวั่นไหว เจ้าหน้าที่ที่เดินอยู่บริเวณใกล้ข้างกำแพงใกล้เรือนนอน จึงใช้อาวุธปืนประจำกายยิงขู่ขึ้นฟ้า เนื่องจากเกรงจะถูกบ้านของชาวบ้าน แล้วคนร้ายได้รีบวิ่งหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว

ส่วนเหตุการณ์ที่ 2 เกิดขึ้นในเวลาไล่เลี่ยกันที่อ.จะแนะ โดย ร.ต.อ.อดิพงศ์ พรหมหนู รองสารวัตรสอบสวน สภ.จะแนะ รับแจ้งมีเหตุคนร้ายขว้างระเบิดใส่ฐานปฏิบัติการชุดคุ้มครองตำบลจะแนะ ซึ่งตั้งอยู่บ้านละหาร ม.11 ต.จะแนะ แต่ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ จึงพร้อมด้วย พ.ต.อ.อดุลย์ เง๊าะ ผกก.สภ.จะแนะ และกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจทหารจำนวนหนึ่ง รุดเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบจุดเกิดเหตุเป็นคูน้ำบริเวณหน้าฐาน มีร่องรอยระเบิดแสวงเครื่องแบบไปป์บอมบ์ ที่คนร้ายขว้างใส่ตก จนผิวดินกระเด็นขึ้นมากองริมถนน โดยมีเศษซากชิ้นส่วนของระเบิดตกกระจายเกลื่อน เจ้าหน้าที่จึงได้เก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บ คือ อส.ทพ.อัสมิน การียา สังกัดเจ้าหน้าที่ทหารพราน กรมทหารพรานที่ 49 ถูกสะเก็ดระเบิดได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยที่บริเวณขาซ้าย เพื่อนทหารกำลังปฐมพยาบาลบอยู่ภายในฐาน

จากการสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุได้มีคนร้าย จำนวน 2 คน ขี่และซ้อนท้ายรถ จยย.เป็นพาหนะ เมื่อผ่านบริเวณหน้าฐานคนขับได้ชะลอความเร็ว ให้คนร้ายที่นั่งซ้อนท้ายขว้างระเบิดไปป์บอมบ์ใส่ฐาน แต่โชคดีระเบิดไปติดตาข่ายที่เจ้าหน้าที่ได้ขึงไว้บริเวณหน้าฐาน ทำให้ระเบิดได้ตกลงไปในคูน้ำจนเกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว ทำให้สะเก็ดระเบิดกระเด็นไปถูกขาของ อส.ทพ.อัสมิน ที่กำลังเดินอยู่ในฐานใกล้จุดเกิดเหตุ จนได้รับบาดเจ็บดังกล่าว แล้วคนร้ายได้รีบขี่รถ จยย.หลบหนีไป โดยที่ อส.ทพ.อัสมิน ไม่กล้าใช้อาวุธปืนประจำกายยิงใส่ เนื่องจากเวลาดังกล่าวชาวบ้านได้ขี่รถ จยย.และรถยนต์ผ่านไปมา

ด้าน พล.ต.ต.นรินทร์ บูสะมัญ ผบก.ภ.จว.นราธิวาส กล่าวว่า ทั้ง 2 เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เชื่อว่าเป็นฝีมือการกระทำของกลุ่มผู้ไม่หวังดี ที่ได้มีการนัดแนะเวลาก่อเหตุในช่วงไล่เลี่ยกัน เพื่อสร้างสถานการณ์ความวุ่นวายให้เกิดขึ้นในพื้นที่


ภาพ/ข่าว  แวดาโอ๊ะ หะไร จ.นราธิวาส


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top