Tuesday, 13 May 2025
POLITICS

'กรณ์' บุกใต้ไม่หยุด ปลุกผู้กล้าฟื้นเศรษฐกิจ เตรียมทำนโยบายจังหวัด ดันภูเก็ตเป็น World class city 

จับสัญญาณ “กรณ์” บุกใต้ถี่ เสียงตอบรับดี ภูเก็ต กระบี่ และพังงา ประชาชนเชื่อมั่นทีมงานมืออาชีพ  ฟื้นเศรษฐกิจอันดามันได้ ลั่นพร้อมทำภูเก็ตให้เป็น World class city 

หลังจากรัฐบาลประกาศเปิดประเทศอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 นักท่องเที่ยวเริ่มทยอยเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวกันมากขึ้นในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะจ.ภูเก็ต  นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า พร้อมทีมงาน ได้เดินทางลงจังหวัดภูเก็ต เพื่อพบปะพูดคุยกับผู้ประกอบการและประชาชน  เพื่อเก็บข้อมูลรับทราบปัญหาและความต้องการของชาวภูเก็ต รวมไปถึงสภาพเศรษฐกิจภูเก็ตหลังเปิดเมืองไปแล้ว 2 สัปดาห์ ซึ่งภายหลังการพูดคุย ได้ข้อมูลว่า นักท่องเที่ยวยังเดินทางเข้ามาไม่มากนักแต่มีสัญญาณที่ดีและมองเห็นแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นในช่วงไฮซีซันนี้ ที่ผู้ประกอบการประมาณการว่าในช่วงสิ้นปีนี้จะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาวันละ 1 หมื่นคน จากเดิมที่เข้ามาถึงวันละ 6 หมื่นคน แต่ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี ในการที่จะทำให้เศรษฐกิจของภูเก็ตค่อยๆ ฟื้นตัว

หัวหน้าพรรคกล้า กล่าวว่า การมาภูเก็ตครั้งนี้ถือว่าเป็นความท้าทายมากในการที่จะแก้ปัญหาต่างๆ ของภูเก็ต ในการที่จะผลักดันให้ภูเก็ตเป็นเมืองท่องเที่ยวอันดับหนึ่งของโลก ซึ่งโดยส่วนตัวเชื่อว่าด้วยศักยภาพของภูเก็ตนั้นมีความเป็นไปได้สูง หากมีนโยบายที่ถูกต้องและมีความจริงใจในการขับเคลื่อนนโยบาย แต่สิ่งที่ต้องแก้ไขเร่งด่วนในขณะนี้ คือ การแก้ปัญหาเฉพาะหน้าให้ผู้ประกอบการโรงแรมขนาดเล็กที่ไม่สามารถเปิดให้บริการได้ในขณะนี้ เนื่องจากไม่มีใบอนุญาตโรงแรม ซึ่งหากดูจากเว็บไซต์การจองโรงแรมจะเห็นว่าโรงแรมในภูเก็ตที่เปิดขายห้องพักมีมากกว่า 1 หมื่นแห่ง แต่ที่มีใบอนุญาตถูกต้องนั้นมี 700 กว่าแห่งเท่านั้น ในอนาคตหากมีนักท่องเที่ยวเข้ามาภูเก็ตเพิ่มขึ้น รายได้ที่เกิดขึ้นจะกระจุกตัวไม่กระจายไปยังทุกกลุ่มและผู้ประกอบการ ดังนั้น จะต้องหาแนวทางในการที่จะให้ผู้ประกอบการเหล่านั้นได้เปิดกิจการได้ รวมไปถึงปัญหาการเข้าไม่ถึงแหล่งเงินทุน แม้ว่าที่ผ่านมา รัฐบาลจะมีมาตรการเยียวยาในหลายๆ โครงการ แต่เงินทุนเหล่านั้นเข้าถึงผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวและบริการในภูเก็ตน้อยมาก ส่วนหนึ่งเกิดจากโรงแรมไม่มีใบอนุญาต 

“ในวันที่ 16 พ.ย.นี้ การประชุม ครม.สัญจร ในฝั่งอันดามันอีกครั้งหนึ่งที่ จ.กระบี่ อยากฝากไปถึงรัฐบาลว่า จังหวะนี้เป็นจังหวะสุดท้ายที่รัฐบาลจะทำให้ผู้ประกอบการท่องเที่ยวได้ทำมาหากินในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวปลายปีนี้ รัฐบาลต้องแก้ปัญหานี้ให้ได้ จะต้องมีคำตอบและทางออกในการแก้ปัญหาให้คนในอันดามัน” นายกรณ์ กล่าว 

ผู้สื่อข่าวถามว่า ในช่วงสองเดือนที่ผ่านมาพรรคกล้าลงพื้นที่ จ.ภูเก็ตบ่อยครั้ง แสดงว่ามีความมั่นใจว่าจะสามารถปักธงใน จ.ภูเก็ตได้ หัวหน้าพรรคกล้า กล่าวว่า เหตุผลหลัก ๆ ของการเดินทางมา จ.ภูเก็ตคือ เพื่อแสดงให้เห็นว่าพรรคกล้ามีความตั้งใจและมุ่งมั่นที่จะเสนอตัวเข้ามาเป็นผู้แทนคนภูเก็ต ตามแนวทางทางการทำงานการเมืองที่เราเรียกว่า “แนวทางการปฏิบัตินิยม” ทำงานอย่างสร้างสรรค์ให้กับพี่น้องชาวภูเก็ต ให้พรรคของเราได้เป็นอีกหนึ่งทางเลือก เพราะเรามีความตั้งใจในเชิงคุณภาพ ทั้งนโยบายการทำงานและการคัดเลือกผู้สมัคร ซึ่งเราก็จะส่งผู้สมัครครบทั้ง 3 เขต และจะต้องเป็นผู้สมัครที่ สะท้อนความตั้งใจของพรรคกล้า ที่จะมุ่งพัฒนาคุณภาพชีวิตให้กับคนภูเก็ต

“เราตระหนักว่า การเมืองภูเก็ต มีการแข่งขันกันสูง แต่หากถามว่า เรามุ่งมั่นและตั้งใจหรือไม่ที่จะปักธงที่ภูเก็ต ก็ต้องบอกว่าเรามีความตั้งใจระดับสูงสุด และมีความมั่นใจว่าชาวภูเก็ตก็ต้องการการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ชาวภูเก็ตต้องการทางเลือกใหม่ ที่เป็นทางเลือกที่สร้างสรรค์ และเข้าใจถึงทั้งปัญหา ศักยภาพ และโอกาสของตัวจังหวัด พร้อมที่จะทำงานอย่างใกล้ชิดควบคู่กันไปกับภาคประชาชนและธุรกิจของชาวภูเก็ตเอง” หัวหน้าพรรคกล้ากล่าว

นายกรณ์กล่าวต่อไปอีกว่า โดยเจตนารมณ์ของพรรคกล้า เรามองว่า เราเป็นพรรคการเมืองของคนทุกวัย มองว่าพื้นฐานของสังคมไทยสามารถที่จะเรียนรู้จากกันและกันได้ การที่เราจะมาจำกัดตัวเองว่า เป็นพรรคของคนรุ่นเก่า หรือพรรคของคนรุ่นใหม่ มันทำให้เสียโอกาสในการที่คนต่างวัยจะช่วยกันทำงานและเรียนรู้จากกันและกันได้ เพราะฉะนั้นเราไม่ได้จำกัดว่าผู้สมัครของเราจะต้องเป็นคนวัยไหน แต่ขอให้เป็นคนที่มีบุคลิก “น้ำไม่เต็มแก้ว” พร้อมรับฟัง พร้อมเรียนรู้ พร้อมที่จะลองผิดลองถูก และทดลอง ที่สำคัญที่สุดก็คือ เน้นในเรื่องของการลงมือทำ ถือว่าเป็นสเปคของพรรคกล้า

โฆษกรัฐบาลเผย นายกฯ สั่งการเตรียมความพร้อมภาคแรงงาน เดินเครื่องเศรษฐกิจ เดินหน้า Factory Sandbox เฟส2 เปิดทางแรงงาน 3 สัญชาติ ตาม MOU ที่กระทรวงแรงงานเสนอ

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึง แนวนโยบายตามข้อสั่งการของ พลเอกเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่ได้ให้แนวทางหลังรัฐบาลได้ขับเคลื่อนการเปิดประเทศ ซึ่งภาพรวมเป็นไปได้อย่างดี ทั้งนี้ ภาคแรงงานซึ่งเป็น หนึ่งในฟันเฟืองที่สำคัญ ที่จะทำให้ภาคเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมไทยขับเคลื่อนไปได้อย่างสำเร็จ โดย นายกรัฐมนตรี ให้แนวทาง เดินหน้า โครงการ Factory Sandbox ระยะที่ 2 พร้อมเปิดทางให้ แรงงานต่างด้าวเข้ามาทำงานเสริมทัพภาคเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมไทย ตาม MOU ที่กระทรวงแรงงานเสนอให้พิจารณา

นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการให้กระทรวงแรงงานเดินหน้าโครงการ Factory Sandbox ในระยะที่ 2 เน้นการดำเนินการ ตามมาตรการ ตรวจ ควบคุม รักษา ดูแล  โดยขยายกรอบขอบเขตจังหวัด จากเดิมดำเนินการใน 4 จังหวัด เพิ่มเป็น 11 จังหวัด รวมได้แก่ นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรสาคร ชลบุรี ระยอง ปราจีนบุรี พระนครศรีอยุธยา ลพบุรี สระบุรี ฉะเชิงเทรา สมุทรปราการ อีกทั้ง ปรับลดหลักเกณฑ์ขนาดสถานประกอบการ จากเดิม กำหนด 500 คนขึ้นไป เป็น 100 คนขึ้นไป  
 
นายธนกร กล่าวว่า นอกจากนี้ หลังการประชุมหลังประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ครั้งที่ 18/2564 เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2564 กระทรวงแรงงานจะเปิดให้มีการนำเข้าแรงงานตาม MOU ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งคาดว่าหลังวันที่ 30 พฤศจิกายน 2564 นายจ้างสามารถยื่นความต้องการจ้างแรงงานที่กรมการจัดหางานได้เลย โดยแรงงานต่างด้าวที่เดินทางเข้ามายังประเทศไทยต้องเข้ารับการกักตัว และตรวจหาเชื้อโควิด – 19 ตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด -19 สำหรับแรงงานต่างด้าวที่ฉีดวัคซีนครบ 2 เข็มแล้วต้องกักตัว 7 วัน หากฉีด 1 เข็ม หรือยังไม่เคยรับวัคซีน จะต้องกักตัว 14 วัน ระหว่างกักตัวจะมีการตรวจหาเชื้อโควิด ด้วยวิธี RT – PCR 2 ครั้ง

โดยให้นายจ้าง/สถานประกอบการ รับผิดชอบค่าใช้จ่าย ซึ่งประกอบด้วยค่าสถานที่กักกัน วันละ 500 – 1,000 บาท และค่าตรวจหาเชื้อโควิด2 ครั้ง รวม 2,600 บาท กรณีคนต่างด้าวติดเชื้อฯ นายจ้างหรือบริษัทประกันภัยเป็นผู้รับผิดชอบค่ารักษา ซึ่งวันสุดท้ายของการกักตัวแรงงานต่างด้าวที่ยังรับวัคซีนไม่ครบเกณฑ์ จะได้รับการฉีดวัคซีนโดยกระทรวงแรงงานเป็นผู้จัดหาให้ ในส่วนของเข็มที่ 2 กระทรวงแรงงานจะประสานสาธารณสุขจังหวัดปลายทางเพื่อนัดหมายฉีดวัคซีนให้แก่แรงงานต่างด้าวตามกำหนด โดยนายจ้างจ่ายแค่ค่าบริการทางการแพทย์

“รองโฆษกรัฐบาล” เผย รมว.คมนาคม สั่งติดตามน้ำท่วมใต้ “สั่งติดป้ายเตือน-แนะนำเลี่ยงเส้นทาง-จุดพักรถ-จัดจนท.ดูแลปชช.”เตรียมฟื้นฟูหลังน้ำลด แจง ปิดถนนสายเอเชีย “สี่แยกปฐมพร จ.ชุมพร ทั้งขาขึ้นกทม.-ขาล่องใต้-หยุดเดินรถไฟสถานีสวี-เขาสวนทุเรียน” 

ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จากอิทธิพลของมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือพัดปกคลุมอ่าวไทย ส่งผลให้หลายจังหวัดในภาคใต้มีฝนตกหนัก น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำล้นตลิ่ง เช่น จ.เพชรบุรี ระนอง ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช สงขลา โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย แจ้งให้พื้นที่ 15 จังหวัด ภาคใต้ เฝ้าระวังสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และคลื่นลมแรง ช่วงวันที่ 12-14 พ.ย. นี้

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า ส่วนผลกระทบด้านคมนาคม นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งกรมทางหลวง กรมทางหลวงชนบท การรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.)รายงานผลกระทบจากอุทกภัย การสัญจรของประชาชนในพื้นที่ โดยให้ติดตั้งป้ายเตือน ป้ายแนะนำเส้นทางเลี่ยงบริเวณสายทางที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย จัดเจ้าหน้าที่ติดตามสถานการณ์ เพื่อเข้าช่วยเหลือประชาชน โดยล่าสุดต้องปิดเส้นทางถนนทางหลวงหมายเลข 41 (ถนนเอเชีย 41) ตั้งแต่สี่แยกปฐมพร จนถึง อ.หลังสวน จ.ชุมพร  ทั้งขาขึ้นกรุงเทพฯ และขาล่องใต้ เนื่องจากน้ำท่วมสูงการจราจรไม่สามารถผ่านได้  

ขณะที่การรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.)รายงานว่า ตั้งแต่ช่วงค่ำของวันที่ 12 พ.ย.ประกาศปิดทางในเส้นทางสายใต้ ช่วงระหว่างสถานีสวี - เขาสวนทุเรียน อ.สวี จ.ชุมพร เนื่องจากสถานการณ์น้ำท่วม ส่งผลให้ต้องหยุดเดินรถเพื่อรอการเปิดทางรวม 8 ขบวน นอกจากนั้นสั่งการให้เตรียมการสำหรับการฟื้นฟูสายทางที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัย เพื่อให้หลังน้ำลดแล้วเข้าดำเนินการฟื้นฟู ส่งคืนพื้นผิวจราจร ให้ประชาชนสัญจรตามปกติให้เร็วที่สุด

“นายกฯ”ชวน ปชช.ฉีดวัคซีน สร้างภูมิคุ้มกันหมู่ ตั้งเป้าฉีด100ล้านโดสในเดือนพ.ย.นี้ ย้ำ”อสม.-ท้องถิ่น” ช่วยกลุ่มเปราะบางเข้าถึงระบบฉีดวัคซีน

ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เชิญชวนประชาชนที่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 เข้ารับการฉีดวัคซีน เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ในเกิดขึ้นโดยเร็ว สร้างความแข็งแกร่งในระบบสาธารณสุขรองรับการระบาด ลดความรุนแรงและเสียชีวิตในประชากรกลุ่มเสี่ยง และขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ภาคธุรกิจการท่องเที่ยว และเปิดประเทศตามแผนที่กำหนด

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า ข้อมูลการฉีดวัคซีนตั้งแต่วันที่ 28 ก.พ.2564 - 11 พ.ย.2564 ฉีดวัคซีนสะสม  83,320,621 โดส เข็มที่ 1 สะสม 44.8 ล้านราย หรือร้อยละ 62.2 เข็มที่ 2 สะสม 35.8 ล้านราย หรือร้อยละ49.7 เข็มที่ 3 สะสม 2.7 ล้านราย หรือร้อยละ 3.8  มี 9 จังหวัดที่ได้รับวัคซีนเข็มที่ 1 ร้อยละ 70 คือเชียงใหม่ กรุงเทพ สมุทรปราการ ชลบุรี ภูเก็ต ปทุมธานี สมุทรสาคร สงขลา ฉะเชิงเทรา ทั้งนี้กระทรวงสาธารณสุข คาดว่าจะฉีดวัคซีนได้ครบจำนวน 100 ล้านโดส ครอบคลุมประชากรร้อยละ 70 ภายในเดือนพ.ย.นี้ โดยรัฐบาลกำหนดเป้าหมายที่จะฉีดเข็มที่ 1 ให้ได้อย่างน้อยร้อยละ 70 ภายในเดือน พ.ย. 2564 ร้อยละ 80 ภายในเดือน ธ.ค. 2564 เข็มที่ 2 อย่างน้อยร้อยละ 70 ภายในเดือน ธ.ค. 2564 ซึ่งปัจจุบันประเทศไทยจัดหาวัคซีนแล้ว จำนวน 128.6 ล้านโดส มากกว่าแผนเดิมที่กำหนดไว้

‘หริรักษ์’ กระชากหน้ากาก ปฏิรูปแบบ 3 นิ้ว เป้าหมายแท้จริง = ล้มล้างสถาบันฯ

รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดีฝ่ายบริหารบุคคล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความเฟซบุ๊กแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับประเด็นคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ว่า...

‘ปฏิรูปไม่เท่ากับล้มล้าง’

‘ถ้าปฏิรูป คือ การล้มล้าง แล้วรัฐประหาร คือ อะไร?’

การปฏิรูป ก็คือ ความเหมาะสม คือ การเปลี่ยนแปลงให้เหมาะสมหรือเพื่อทำให้ดีขึ้น จะค่อยเป็นค่อยไป หรือจะทำอย่างรวดเร็วก็ได้

การล้มล้าง คือ การทำลาย การล้มล้างไม่จำเป็นต้องใช้กำลัง ก็เรียกว่าเป็นการล้มล้างได้

รัฐประหาร คือ การใช้กำลัง หรือบีบบังคับเพื่อยึดอำนาจ ส่วนใหญ่จะหมายถึงยึดอำนาจการปกครองของรัฐบาลที่ครองอำนาจอยู่

ไม่มีใครบอกว่า ‘การปฏิรูป’ เท่ากับ ‘การล้มล้าง’ และไม่ใช่ศาลรัฐธรรมนูญที่ไม่รู้ว่า ปฏิรูปไม่เท่ากับล้มล้าง แต่เป็นพวกที่เคลื่อนไหวกันในขณะนี้ รวมทั้งสาวก และแนวร่วม ที่ออกมาประสานเสียงกันว่า ปฏิรูปไม่เท่ากับล้มล้างนั่นแหละ ที่ไม่รู้ว่าการปฏิรูปแตกต่างกับการล้มล้างอย่างไร

คำพูดที่บอกว่าไม่ใช่เป็นการล้มล้าง ไม่อาจบ่งบอกความจริงได้ แต่การกระทำต่างหากจึงจะบอกได้ เพราะกรรมเป็นเครื่องชี้เจตนา 

ตลอดเวลากว่า 1 ปีที่ผ่านมา ลองมองย้อนกลับไปดูการกระทำและการแสดงออกของกลุ่มคนกลุ่มนี้ว่า พวกเขาทำอะไรกันบ้าง

การแสดงออกในทางเหยียบย่ำ หมิ่นแคลน ข่มขู่ เช่น…

การโจมตีด้วยถ้อยคำหยาบคาย การเผาพระบรมฉายาลักษณ์ สาดสีใส่พระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทั้งของสมเด็จพระพันปีหลวงและพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 มีให้เห็นอย่างต่อเนื่อง 

ใช้กิโยตินเป็นสัญลักษณ์ข่มขู่ ทั้งในการชุมนุม และใน Social Media ทำทุกวิถีทางผ่านสื่อที่เป็นพวกเดียวกันสร้างและเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นลบต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ เพื่อสร้างความเกลียดชังให้เกิดขึ้นในหมู่ประชาชน ทำให้คนเชื่อว่าสถาบันพระมหากษัตริย์ขัดขวางความเจริญของประเทศ 

‘จรัญ ภักดีธนากุล’ ลั่น ไม่หวั่นคำขู่ หลังถูกขู่ทำร้าย ปมเห็นพ้องกับศาลรธน.

'จรัญ-อดีตตุลาการศาลรธน.' เผยเคยถูกขู่ หลังมีความเห็นไปในทางเดียวกับศาลรธน. ลั่นคนทำงานขนาดนี้ ไม่มีใครกลัวหรอก พร้อมตายทุกเมื่อ เชื่อ คำวินิจฉัยล้มล้างการปกครอง เพราะต้องการจะป้องปราม

12 พ.ย. 64 นายจรัญ ภักดีธนากุล ผู้อำนายการหลักสูตรนิติศาสตรมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต อดีตตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ กล่าวตอนหนึ่งระหว่างการบรรยายพิเศษ ให้กับนักศึกษาหลักสูตรการพัฒนาการเมือง และการเลือกตั้งระดับสูงรุ่นที่ 12 ในหัวข้อธรรมาภิบาลกับการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปด้านการเมือง

ทั้งนี้ในช่วงท้าย ของการบรรยาย มีนักศึกษา ถามถึงความเห็นต่อคำพิพากษาของศาลรัฐธรรมนูญ กรณีการล้มล้างการปกครอง นายจรัญ ได้กล่าวว่า คำวินิจฉัยของศาลดังกล่าวเชื่อว่า ต้องการจะออกมาเตือน ป้องปรามว่าการกระทำของกลุ่มที่ออกมาเคลื่อนไหวไม่มีขอบเขตผิดกฎหมายและมีความผิดระดับร้ายแรงเพราะหากถือตามรัฐธรรมนูญมาตรา 49 ถือว่าร้ายแรงมากจึงเหมือนอยากจะให้ถอยกันให้หมด

‘ชัยวุฒิ’ เผยรู้ตัวมือแฮกเว็บศาลรธน. รับกู้คืนยาก ยันไม่มีข้อมูลเสียหาย

เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) กล่าวถึงกรณีที่เว็บไซต์ศาลรัฐธรรมนูญถูกแฮกเกอร์โจมตี ว่า ล่าสุดได้ระงับการเข้าถึงเว็บไซต์ศาลรัฐธรรมนูญแล้ว จากการตรวจสอบพบว่า ยังไม่มีข้อมูลที่ได้รับความเสียหาย เป็นเพียงการดิสเครดิต ทั้งนี้พบว่า ศาลฯ จ้างบริษัทเอกชนรายหนึ่งเข้ามาดูแล คาดว่าบริษัทนี้คงไม่มีมาตรการป้องกันที่เพียงพอ จึงมีช่องให้แฮกเกอร์ยึดเว็บไซต์ สันนิษฐานว่า ข้อมูลชื่อผู้ใช้ (ยูสเซอร์เนม) และรหัสผ่าน (พาสเวิร์ด) อาจหลุดจากแอดมิน หรือแฮกเกอร์ภายนอกอาจลองเจาะระบบ ซึ่งอยู่ในระหว่างการสืบสวน

ส่วนที่หลายฝ่ายเชื่อมโยงว่า เกี่ยวข้องกับที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัย #ม็อบ10สิงหา ว่าเข้าข่ายล้มล้างการปกครอง นายชัยวุฒิ กล่าวว่า รู้อยู่แล้วว่ากลุ่มไหนที่พยายามแฮกเข้ามา เป็นการเตรียมการไว้ล่วงหน้าก่อนวันที่ 10 พฤศจิกายน ที่ศาลจะมีคำวินิจฉัย เบื้องต้นกระทรวงดิจิทัลจะร่วมมือกับสำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (สกมช.) และกองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) เพื่อสืบหาผู้กระทำผิด โดยสามารถตรวจสอบหาคนแฮกได้โดยดูจากระบบตรวจสอบการบุกรุก แต่อาจไม่ง่ายอย่างที่คิด และต้องใช้เวลา ส่วนการกอบกู้คงยาก เพราะเว็บไซต์ถูกขโมยเอายูสเซอร์เนมและพาสเวิร์ดไป

‘ก้าวไกล’ โวยกลุ่มเซาะกร่อนบ่อนทำลายพรรค ยันชงแก้ ม.112 ไม่ล้มล้างการปกครอง

อย่าหวั่นเสียงขู่ของพวกตกยุค ‘ก้าวไกล’ ยืนยัน ข้อเสนอแก้มาตรา 112 ของพรรคไม่ล้มล้างการปกครอง ‘โรม’ จี้ ‘ประธานชวน’ เร่งบรรจุวาระเพื่อใช้สภาเป็นทางออก

รังสิมันต์ โรม ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ และรองเลขาธิการพรรคก้าวไกล ระบุว่า นับตั้งแต่วันที่ศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำวินิจฉัยประเด็นว่า ข้อเรียกร้องปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ของประชาชนผู้ชุมนุมถือเป็นการล้มล้างการปกครองฯ เป็นต้นมา เห็นได้ว่าเริ่มมีบางคนบางกลุ่มพยายามนำมาเป็นข้ออ้างในการเซาะกร่อนบ่อนทำลายพรรคก้าวไกล ราวกับเป็นขั้นตอนต่อไปของแผนการที่ได้ตระเตรียมมาเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นบางคนบางกลุ่มจากนอกสภาที่อ้างเหตุที่ ส.ส. ของพรรคไปประกันตัวให้ผู้ชุมนุมบ้าง หรือที่พรรคพยายามยื่นเสนอแก้มาตรา 112 ต่อสภา ซึ่งเรื่องเหล่านี้ เราก็ได้ยืนยันแล้วว่าเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยสุจริตในฐานะผู้แทนประชาชน ที่จะต้องช่วยเหลือประชาชนที่เดือดร้อน และผลักดันสิ่งที่ประชาชนเรียกร้องให้เกิดผล

ศบค.รับทราบ ศบค.ส่วนหน้า บูรณาการ ลดติดเชื้อ จชต. ด้าน "นายกฯ” ขอบคุณทุกฝ่าย  ช่วยทำงาน

ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธินโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19 )หรือศบค.แถลงผลประชุมศบค.ชุดใหญ่ ว่า ที่ประชุมรับทราบการรายงานผลดำเนินการของศบค.ส่วนหน้า ตามที่พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ ผอ.ศูนย์บูรณาการแก้ไขสถานการณ์โควิด-19 ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศบค.ส่วนหน้า)รายงานความคืบหน้าการทำงาน เป็นไปได้ด้วยดี จากการพบกับผู้นำศาสนาพุทธ มุสลิม เพื่อบูรณาการการป้องกันการแพร่ระบาดพบว่าแนวโน้มการติดเชื้อดีขึ้น

ซึ่งเป็นผลจากการที่ทุกภาคส่วนในพื้นที่ร่วมมือกันทำงานอย่างดี โดยนายกฯขอบคุณประชาชนทุกศาสนาที่ร่วมมือกัน และพบว่าการฉีดวัคซีนในช่วงเดือนต.ค.มีมากขึ้น จนถึงเดือนพ.ย.ที่การฉีดเข็มหนึ่งเป็นสีเขียวมากขึ้น ดังนั้นการฉีดในเข็ม2ขอให้ประชาชนไปรับการฉีดวัคซีนให้เต็มที่ เพราะวัคซีนเป็นทางรอดและทางเลือกไม่ให้ป่วย หรือเสียชีวิต และยังลดการใช้ทรัพยากรของกระทรวงสาธารณสุข 

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า เส้นกราฟการติดเชื้อเป็นที่น่าพอใจ เป็นผลจากการร่วมใจสู้ภัยโควิดของคนใต้ เป็นภาพที่น่าประทับใจ ให้เห็นว่าเราอยู่บนแผ่นเดียวกัน ต้องการคุณภาพชีวิตที่ดีเหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นใครชาติไหนภาษาไหน หรือคนของเราไปอยู่ต่างประเทศเราอยากให้เขาดูแลอย่างไร เราก็ต้องดูแลคนในประเทศของเรา ให้ได้รับการดูแลเป็นอย่างดี เช่นเดียวกับคนต่างด้าว ที่จะเข้ามาก็ต้องได้รับการดูแลอย่างเท่าเทียม

“อนุทิน” ย้ำ ศบค.พยายามผ่อนคลายให้มากที่สุด วอน อย่าด้อยค่าวัคซีนทุกชนิด ยืนยันช่วยชีวิตประชาชนได้ ระบุ ปม ผ่อน นักท่องเที่ยวเข้าประเทศ ตรวจ  ATKแทนRT-PCR รอชัดเจน หลัง 16 ธค.

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ถึงการหารือกับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม หลังการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ว่าไม่มีอะไรเป็นพิเศษ เป็นเพียงการสรุปที่นายกฯสั่งการในศบค.ว่าจะปฏิบัติอย่างไรให้รวดเร็ว 
    
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่มีการเสนอให้ยกเลิกการตรวจโดยRT-PCR ให้กับนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้าประเทศไทย และใช้วิธีการตรวจATK แทน เพื่อลดระยะเวลาการรอผล นายอนุทิน กล่าวว่า ขณะนี้เบื้องต้นเรื่องการใช้ATK ต้องรอให้พ้น วันที่ 16 ธันวาคมไปก่อน ทุกอย่างเราพยายามผ่อนคลายเพื่อให้เกิดความสะดวกมากที่สุด แต่เราก็ไม่ละเลย ความปลอดภัยของประชาชนที่จะได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาด 

เมื่อถามถึงการผ่อนคลายมาตรการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ที่มีการเลื่อนไปเป็นปีหน้า นายอนุทิน กล่าวว่า เราประเมินและอยากให้ทุกอย่างราบรื่นไปถึงสิ้นปี ต้องคอยดูความเป็นไป เพราะเราเพิ่งเปิดประเทศมา 10 กว่าวันก็ต้องไม่ประมาท ตรงไหนผ่อนคลายได้ก็ทำอยู่แล้ว ส่วนการขายแอลกฮอล์ในพื้นที่สีฟ้า เรามีมาตรการอยู่แล้ว ส่วนที่มีนักท่องเที่ยวอยากให้มีการขายแอลกอฮอล์ในโรงแรมด้วยนั้น นายอนุทิน กล่าวว่า ตอนนี้ก็ผ่อนคลายไปมากแล้ว เราก็ต้องให้เจ้าหน้าที่ได้ปรับตัวและสร้างความพร้อม เราต้องการเป็นผู้ให้บริการไม่ใช่ผู้ควบคุม เป็นผู้สนับสนุนให้ทุกอย่างมันไปได้

ผู้สื่อข่าวถามถึงการเดินทางไปร่วมประชุมกับองค์การอนามัยโลกที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งยังไม่อนุญาตให้ผู้ที่ฉีดซิโนแวค 2 เข็มเข้าประเทศ ทำให้มีกระแสในโซเชียลว่าประเทศสวิตเซอร์แลนด์ด้อยค่าซิโนแวก  นายอนุทิน กล่าวว่า ก็ว่ากันไปเรื่อย ตอนนี้บางประเทศเขาก็ยังไม่ได้รับซิโนแวก เขาก็ทยอยรับ ซึ่งเราจะต้องไปประชุมในอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้า ก็คิดว่าเขาอาจจะยังไม่รับ ดังนั้นเราก็ต้องฉีดแอสตร้าเซนเนก้าให้ครบ 2 เข็มเพื่อให้เป็นไปตามเกณฑ์ที่ไปประเทศสวิตเซอร์แลนด์แล้วไม่ต้องกักตัว สามารถทำงานได้เลย ก็เท่านี้เองไม่มีอะไร

“บิ๊กตู่” บี้จัดงานลอยกระทงต้องเน้นปลอดภัย-ปลอดโควิด

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม สั่งการให้หน่วยงานที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ดูแลและเตรียมความพร้อม การจัดงานลอยกระทง ในวันที่ 19 พ.ย. 2564 ในทุกพื้นที่ให้มีความปลอดภัยและเรียบร้อยโดยยึดตามมาตรการการป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 COVID-Free Setting /Universal Prevention และ DMHTT ขณะที่ จังหวัดสุโขทัย Kick off ลงทะเบียนออนไลน์ล่วงหน้า ก่อนเข้าชมงานประเพณีลอยกระทงเผาเทียน เล่นไฟ วิถีใหม่ ประจำปี 2564 ระหว่างวันที่ 8-16 พ.ย. นี้รับตั๋วอิเลคทรอนิคส์ (E-Ticket) ก่อนเข้าชมงานประเพณีลอยกระทง จัดขึ้นระหว่าง18-20 พ.ย. นี้ ณ บริเวณอุทยาน ประวัติศาสตร์สุโขทัย

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีฝากกำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ ตำรวจ เจ้าพนักงานปกครอง กำหนดมาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างเคร่งครัด เช่น ห้ามปล่อยโคมลอย งดเล่นดอกไม้เพลิง พลุ ประทัด รวมถึงรณรงค์ลอยกระทงปลอดเหล้า ด้านการจราจร สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการจราจรทั้งทางน้ำและทางบก ตรวจสอบความเรียบร้อยของยานพาหนะที่จะใช้รับ-ส่งประชาชนในช่วงประเพณีลอยกระทง โดยให้กรมเจ้าท่าตรวจความพร้อมของท่าเทียบเรือในแม่น้ำเจ้าพระยา ที่คาดว่าจะเป็นท่าเรือหลักๆที่ประชาชนจะมาร่วมกิจกรรมลอยกระทงเป็นจำนวนมาก ได้แก่ ท่าเรือสะพานพุทธ ท่าเรือสี่พระยา ท่าเรือเอเชียทีค และท่าเรือไอคอนสยาม ซึ่งกรมเจ้าท่าจะจัดกำลังเจ้าหน้าที่รักษาการณ์ในคืนลอยกระทง ส่วนกลาง จำนวน 196 คน เรือรักษาการณ์ 88 ลำ ส่วนภูมิภาค จำนวน 753 คน เรือรักษาการณ์ 78 ลำ พร้อมออกประกาศควบคุมการเดินเรือ และเตือนให้ใช้ความระมัดระวังในการเดินเรือในช่วงเทศกาลลอยกระทงแล้ว

 

'ชาญวิทย์' เชื่อการเปลี่ยนแปลงใหญ่มาถึงแล้ว ชี้! หากยังแข็งขืน เลี่ยง ‘ปฏิวัตินองเลือด’ ยาก

จากกรณีที่คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญชี้ขาด กรณีการกระทำของนายภานุพงษ์ จาดนอก, นางสาวปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล และนายอานนท์ นำภา ใช้สิทธิหรือเสรีภาพล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขด้วยคะแนน 8 ต่อ 1

ศ.พิเศษ ดร.ชาญวิทย์ เกษตรศิริ อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความในเพจเฟซบุ๊กชื่อ Charnvit Kasetsiri ระบุว่า ปฏิรูป หรือปฏิวัติ Reform or Revolution My respect to those who fight for Democracy and the People of Thailand ด้วยจิตคารวะต่อนักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย และเพื่อราษฎรไทย

(ก)
ผมเศร้าใจและละอายใจ
ที่ทั้งตัวบุคคลและทั้งสถาบัน
กับทั้งเครือข่ายของรัฐข้าราชการทหาร/ตำรวจ/ตุลาการ
ที่กุมอำนาจรัฐไทยอยู่ในขณะนี้
กระทำการทั้งปราบปราม ทำร้ายและทำลายชีวิตคนรุ่นใหม่ ๆ
อย่างไร้มนุษยธรรม

มีทั้งจับกุมคุมขัง (คุก) กระทำการดำเนินคดีความ
โดยไม่ยึดถือตามหลักการของนิติธรรม และหรือนิติรัฐ

ผมเศร้าใจและละอายใจ
ที่บุคคลและหรือตัวแทนของสถาบันเหล่านี้
ส่วนใหญ่ก็เรียนจบไปจากมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศไทยเรา

ผมทั้งละอายใจ และขายหน้า
ที่บุคคลที่ได้รับการศึกษาสูงเช่นนี้
สามารถจะกระทำการที่ต่ำช้า
และขัดต่อจิตวิญญาณประชาธิปไตย
ขัดกับหลักการทางวิชาการนิติศาสตร์ และรัฐศาสตร์ได้ถึงเพียงนี้

(ข)
ผมเชื่อว่าจากการศึกษาประวัติศาสตร์สมัยใหม่ของการดำรงอยู่
และ/หรือการล่มสลายของสถาบันกษัตริย์ทั่วโลก

ไม่ว่าจะในเอเชีย หรือยุโรป เช่น ในสหราชอาณาจักร (อังกฤษ)
หรือในฝรั่งเศส รัสเซีย เยอรมนี ออสเตรีย/ฮังการี อิตาลี
และแม้แต่จักรวรรดิออตโตมัน
กับในจีน และในญี่ปุ่นนั้น

มีข้อสรุปเพียงสั้น ๆ อยู่ที่ว่า
หากมี “การปฏิรูป” ก็อยู่รอด

แต่หากขัดขืนดำเนินไปแบบเดิม ๆ
หรือ แบบทั้งรุนแรง ทั้งร้ายแรง
ก็จะหลีกเลี่ยง “การปฏิวัติ” ที่นองเลือดไปไม่ได้

"บิ๊กตู่" ย้ำที่ประชุมศบค.ชุดใหญ่ เราจะกลับไปอยู่ที่เดิมไม่ได้อีกแล้ว คาดสิ้นเดือนพ.ย. ฉีดวัคซีนครบ 100 ล้านโดส เตรียมพิจารณาสถิติ เปรียบเทียบยี่ห้อวัคซีนกับภูมิต้านทาน ย้ำที่ประชุมศบค.ชุดใหญ่ เราจะกลับไปอยู่ที่เดิมไม่ได้อีกแล้ว คาดสิ้นเดือนพ.ย. 

ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. โดยพล.อ.ประยุทธ์ กล่าวในช่วงต้นการประชุมว่า วันนี้มีหลายเรื่องที่จะต้องพิจารณา และมีหลายเรื่องที่ดำเนินการผ่านมาแล้วประสบความสำเร็จ จากการผลักดันของทุกภาคส่วน แต่อย่างไรก็ตามตนได้ประกาศในที่ประชุมเอเปค

เมื่อวันที่ 11 พ.ย.แล้วว่า ตราบใดที่โรคโควิด-19 ยังอยู่ เราจะต้องอยู่กับมันให้ได้ ภายใต้มาตรการครอบจักรวาล และมาตรการ DMHTT  และการดำเนินกิจการต่างๆจะต้องมีการอนุมัติคัดกรองเฝ้าระวัง เพราะเราจะย้อนกลับไปอยู่ที่เดิมไม่ได้อีกแล้ว พร้อมย้ำทุกคนจะต้องระมัดระวังเป็นที่สุด 

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ส่วนเรื่องของการฉีดวัคซีน ก็มีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ต้องขอบคุณหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ทำได้ตามเป้าหมาย ซึ่งตนได้แจ้งในที่ประชุมเอเปคแล้วว่าสามารถฉีดวัคซีนไปแล้ว 83 ล้านโดส และคาดการณ์ว่าในสิ้นเดือนนี้จะสามารถฉีดวัคซีนได้ 100 ล้านโดส และมีวัคซีนสำหรับปีหน้าแล้วด้วย อย่างไรก็ตาม จะมีการหารือเรื่องยี่ห้อของวัคซีนอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งต้องหาข้อมูลทางสถิติ เพื่อพิจารณาว่ายี่ห้อใดมีภูมิต้านทานมากน้อยเท่าไหร่ 

ปฏิรูป เป็นแค่ 'คำ' แต่ 'การกระทำ' สำคัญกว่า

ข้อความจาก ‘ศรีสุวรรณ จรรยา’ เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญ ฝากถึงกลุ่มที่มีพฤติกรรม ‘ล้มล้าง’ แต่อ้าง ‘ปฏิรูป’

‘บิ๊กตู่’ ปลุกใจ นักศึกษา ‘วปอ.64’ ขอให้มีความกล้าหาญที่จะยืนในโรงหนัง

นายกรัฐมนตรี ฝากนักศึกษา ‘วปอ.64’ ขอให้มีความกล้าหาญที่จะยืนในโรงหนัง ห่วงคนอยากยืนแต่ไม่กล้ายืนเพราะกลัวถูกบูลลี่

เมื่อวันที่ 11 พ.ย. 64 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้เดินทางไปเป็นประธานในพิธีเปิดการศึกษาหลักสูตรการป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) รุ่นที่ 64 มีผู้เข้ารับการศึกษา จำนวน 288 คน และนักศึกษาจากมิตรประเทศ

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวกับนักศึกษาวปอ.64 ตอนหนึ่งว่า ฝาก เรื่องการยืน ในโรงชมภาพยนตร์ด้วย เป็นห่วง คนที่อยากยืน แต่ไม่กล้ายืน เพราะกลัวถูกบูลลี่ จึงอยากขอทุกคนมีความกล้าหาญที่จะยืน ขอทุกคนคงเข้าใจนะ ไม่ได้บังคับกัน

"เราเป็นครอบครัวเดียวกัน ที่ยั่งยืน ด้วยหลักเกณฑ์ หลักการของประเทศ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และประชาชน"

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์กล่าวบรรยายเรื่อง “บทบาทของภาครัฐ เอกชน และการเมืองในการรักษาความมั่นคงแห่งชาติ” โดยย้ำไทยที่มีพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่มีความแข็งแกร่ง อาหารและทรัพยากรธรรมชาติมีความอุดมสมบูรณ์ ภาคอุตสาหกรรมและบริการที่มีความสามารถในการแข่งขันทัดเทียมนานาประเทศ รัฐบาลเตรียมความพร้อมประเทศ ในการรองรับการพัฒนาอย่างก้าวหน้าของประเทศและประชาคมโลก


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top