Tuesday, 20 May 2025
POLITICS

‘บิ๊กป้อม’ เตรียมประชุม ‘สุดยอดผู้นำ ลุ่มน้ำโขง’ ยึดโยงประโยชน์คนไทย เจริญสัมพันธ์อันดีเพื่อนบ้าน

(2 มี.ค. 66) พล.ท.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผู้ช่วยโฆษกรองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้เป็นประธานการประชุม คณะกรรมการแม่น้ำโขงแห่งชาติไทย ครั้งที่ 1/2566 ณ ห้องประชุมมูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์

ที่ประชุมได้รับทราบ ความคืบหน้ากระบวนการปรึกษาหารือล่วงหน้า ภายใต้ระเบียบปฏิบัติ คณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง เรื่องการแจ้ง การปรึกษาหารือล่วงหน้า และข้อตกลง โครงการไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อน สานะคาม สปป.ลาว ซึ่งฝ่ายไทยยังมีข้อกังวลเกี่ยวกับผลกระทบข้ามพรมแดน โดย พล.อ.ประวิตร ได้กำชับให้คณะอนุกรรมการวิชาการ พิจารณาข้อมูลของโครงการ อย่างรอบคอบ อาทิ ด้านสิ่งแวดล้อม คุณภาพน้ำ ระบบนิเวศ การประมง ทางผ่านปลา และด้านเศรษฐกิจ/สังคม และรับทราบความคืบหน้า การขอรับการสนับสนุนโครงการจัดการประมงข้ามพรมแดน ภายใต้กองทุนสิ่งแวดล้อมโลก (GEF ครั้งที่ 8) รวมทั้งรับทราบความคืบหน้า โครงการจัดตั้งกองทุนแม่โขง (Mekong Fund) เพื่อสนับสนุนวัตถุประสงค์ในการบรรเทาผลกระทบและเยียวยา ผู้ได้รับผลกระทบข้ามพรมแดนจากการดำเนินการบนแม่น้ำโขง สายประธาน รวมทั้ง ด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

กฎหมายปวกเปียก!! ‘ศิริกัญญา’ ชี้ กรณีควบรวม ‘ทรู-ดีแทค’ สำเร็จ สะท้อน 'กฎหมาย-กลไกป้องกันผูกขาด' ล้มเหลว

‘ศิริกัญญา’ ชี้ ควบรวม ‘ทรู-ดีแทค’ สำเร็จ สะท้อนกฎหมาย-กลไกป้องกันผูกขาดล้มเหลว แนะ ฝ่ายการเมืองต้องถือธงนำ ดึงระบบขออนุญาตรวมธุรกิจกลับมา ยกเครื่อง กขค. เรียกร้องความกล้าหาญ-ซื่อตรงหลักการสู้ทุนผูกขาด

(2 มี.ค.66) ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีการควบรวมระหว่างทรูและดีแทคเสร็จสมบูรณ์ และมีการตั้งบริษัทใหม่ ใช้ชื่อว่า ‘ทรู คอร์ปอเรชั่น’ รวมถึงกรณีที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง พิพากษายกฟ้อง คดีที่มีการยื่นฟ้องคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) มีมติรับทราบการรวมธุรกิจของบริษัททรูและบริษัทดีแทค เข้าข่ายกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157

ศิริกัญญา กล่าวว่า ทั้ง 2 กรณี ทำให้ประเทศไทยเหลือผู้ให้บริการด้านโทรคมนาคมเพียง 2 เจ้าอย่างเป็นทางการ และบริษัทใหม่กลายเป็นผู้ให้บริการเบอร์หนึ่งทันที มีส่วนแบ่งตลาดเกิน 50% เรื่องนี้สะท้อนความล้มเหลวของกฎหมายและกลไกการกำกับดูแลการแข่งขันทางการค้าที่เป็นธรรม

ผลกระทบจากการควบรวมที่จะเกิดขึ้น คงไม่จำเป็นต้องพูดซ้ำ เพราะผลการศึกษาจากทั้งสถาบันวิชาการ และผลการศึกษาจากทางสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ยืนยันว่าจะส่งผลต่อค่าโทรศัพท์ที่จะเพิ่มขึ้น 10-200% สุ่มเสี่ยงต่อการฮั้วราคา และคุณภาพการให้บริการอาจจะด้อยลงจากการแข่งขันที่ลดลง และตลาดมือถือจะอยู่ในจุดที่สภาวะการแข่งขันตกต่ำ ยากเกินจะฟื้นฟูให้กลับมาอยู่ในจุดเดิม

ศิริกัญญา กล่าวต่อว่า ปัญหาจึงอยู่ที่กฎหมายที่ กสทช. ใช้ในการกำกับดูแลตลาดที่อ่อนปวกเปียก นำไปสู่ช่องโหว่รูใหญ่ที่ภาคเอกชนมองเห็นลู่ทางที่จะสามารถควบรวมกันได้โดยไม่ต้องขออนุญาตใครทั้งสิ้น และศาลอาญาคดีทุจริตฯ เองก็ใช้บรรทัดฐานเดียวกัน

โดยช่องโหว่รูใหญ่ เริ่มจากการแก้ประกาศ กสทช. เรื่องมาตรการกำกับดูแลการรวมธุรกิจในกิจการโทรคมนาคม เมื่อปี 2561 โดย กสทช. ตัดอำนาจการอนุญาตควบรวมธุรกิจออกไป เหลือไว้แค่การรับทราบและแค่กำหนดมาตรการเยียวยา แม้จะมีประกาศอีกฉบับเพื่อป้องกันการผูกขาดที่ให้อำนาจอนุญาตไว้ แต่ถ้าเอกชนยืนยันว่านี่คือการควบรวม ไม่ใช่การเข้าซื้อธุรกิจโดยผู้ถือใบอนุญาต ก็จะไม่เข้าเกณฑ์ที่ต้องขออนุญาต ซึ่งก็คือกรณีนี้ที่ ทรู คอร์ปอเรชั่น (เดิม) เลือกที่จะไม่เทคโอเวอร์ดีแทค แต่ตั้งบริษัทขึ้นมาใหม่เพื่อซื้อหุ้นต่อจากบริษัททั้ง 2 เพียงเท่านี้ก็หลุดพ้นจากขั้นตอนการขออนุญาต แล้วค่อยเปลี่ยนชื่อบริษัทที่ตั้งใหม่เป็น ‘ทรู คอร์ปอเรชั่น’ อย่างที่ทำไปเมื่อวานนี้ (1 มีนาคม)

“เพื่อเช็กว่าเรื่องนี้ขัดกับสามัญสำนึกแค่ไหน ลองจินตนาการว่าในอนาคต หากทรู และเอไอเอส จะควบรวมธุรกิจกันจนค่ายมือถือเหลือ 1 เจ้า ก็สามารถทำได้ โดยไม่ต้องขออนุญาตใครทั้งสิ้น” ศิริกัญญาระบุ

รองหัวหน้าพรรคก้าวไกลกล่าวต่อว่า แนวทางที่จะขันน็อตปิดรูรั่วช่องโหว่ทางกฎหมาย คือการสังคายนากฎหมายแข่งขันทางการค้าครั้งใหญ่ เพื่อให้ทุกกฎหมายอยู่บนมาตรฐานเดียวกัน เพราะอย่างน้อยในกรณีนี้ ถ้าใช้มาตรฐานเดียวกับ พ.ร.บ.แข่งขันทางการค้า ยังจำเป็นต้องขออนุญาตเพื่อควบรวมกิจการก่อน

‘บิ๊กป้อม’ เคาะ!! 12 มาตรการ รับมือฤดูฝน 66 ย้ำ!! ทุกหน่วยไม่ประมาท ร่วมแก้ปัญหาน้ำทุกมิติ

(2 มี.ค. 66) พล.ท.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผช.โฆษก รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้เป็นประธานการประชุม คณะอนุกรรมการอำนวยการด้านการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ครั้งที่ 1/2566 ณ ห้องประชุม มูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์

ที่ประชุมได้รับทราบ ผลการดำเนินงานโครงการแก้ไขปัญหาอุทกภัย ระยะเร่งด่วนในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาใหญ่ จากเหตุการณ์อุทกภัยในลุ่มน้ำเจ้าพระยาปี65 ส่งผลให้มีพื้นที่ประสบอุทกภัย ราว 2.8 ล้านไร่ ใน 16 จังหวัด ภาคกลาง ซึ่ง สทนช.ได้เสนอโครงการแก้ไขปัญหาอุทกภัย ระยะเร่งด่วนในพื้นที่เจ้าพระยาใหญ่ และขอรับการสนุนงบประมาณประจำปี66 ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักงบประมาณ ก่อนเสนอ ครม. ต่อไป

'ไตรรงค์' สวนเดือด 'จุรินทร์' ปมฉก ส.ส. แฉ!! เหตุผลทำไมอดีต ส.ส.แห่หนี ปชป.

‘ไตรรงค์’ สวน ‘จุรินทร์’ พรรคไหนจ้องตกปลาบ่อเพื่อนคงชั่วน่าดู คุย ร่ำรวยกว่าจุรินทร์ ลั่น ใครจะโดนตกได้ แต่ละคนมีเงินทั้งนั้น บอกคนหนี ปชป. เพราะอุดมการณ์อ่อน แฉแค่เลือก กก.บห.ยังต้องยัดเงิน

(2 มี.ค. 66) ที่พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองหัวหน้าพรรคร่วมไทยสร้างชาติ กล่าวถึงกรณีที่นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ออกมาระบุว่ามีพรรคการเมืองที่จ้องตกปลาในบ่อเพื่อนว่า พรรคที่นายจุรินทร์ พูดถึงคงชั่วจังเลย แต่ตนคิดว่าพรรคประชาธิปัตย์ก็ต้องมีวิธีป้องกันคนของตัวเองไม่ให้ออกด้วย ซึ่งเรื่องนี้มันมี 2 ประเด็นคือ 1.) มีพรรคการเมืองที่พยายามจะไปตกลงกับสมาชิกของพรรคอื่นโดยมีการระบุว่าจะให้เงิน ให้ทอง 2.) มีบางพรรคที่กลัวสมาชิกจะออกก็ยัดเงิน ประมาณว่าอย่าออกนะให้เงินเท่านู้นเท่านี้ ซึ่งแบบนี้เรียกว่าตกปลาในบ่อตัวเอง

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการระบุว่า นายไตรรงค์ ดึงสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์มาอยู่พรรครวมไทยสร้างชาติ นายไตรรงค์ กล่าวว่า คนที่มาจากพรรคประชาธิปัตย์เหมือนตน อยากถามว่าใครจะมาตกตนได้ แค่คันเบ็ดมาก็ถูกเตะก้านคอแล้ว ยังไม่ทันได้ตกเลย

“คนที่ออกมาจากพรรคประชาธิปัตย์ต้องไปถามเขาดูว่าทำไมเขาถึงออก ก็เพราะพรรคประชาธิปัตย์ไม่สามารถรักษาอุดมการณ์เดิมไว้ได้แล้ว ตั้งแต่หม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช เสียชีวิต อุดมการณ์ก็อ่อนมาเรื่อย ๆ ผมสังเกตมาตลอดและคนที่อยู่ก็ไม่รักษาอุดมการณ์ เมื่อก่อนพรรคประชาธิปัตย์เลือกตั้ง เลือกกรรมการบริหารไม่เคยซื้อเสียง แต่ระยะหลังซื้อกันคนละแสน สองแสน และได้ข่าวยัดเงินบางคนไปจนถึงล้านแล้ว คนอย่างผมจะอยู่ได้อย่างไร ถ้าพรรคตกต่ำถึงขนาดนี้” 

‘เพื่อไทย’ ประกาศนโยบาย ‘ฟื้นชีพประมงไทย’ ปลดล็อกประมงพื้นบ้าน-ทวงคืนตำแหน่ง ‘เจ้าสมุทร’

(2 มี.ค. 66) นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วย ปลอดประสพ สุรัสวดี ประธานนโยบายด้านการปฏิรูปโครงสร้างพื้นฐานด้านการจัดการน้ำ พรรคเพื่อไทย มงคล สุขเจริญคณา ประธานสมาคมการประมงแห่งประเทศไทย วิชาญ ศิริชัยเอกวัฒน์ อดีตประธานสมาคมการประมงแห่งประเทศไทย และอดีตนายกสมาคมนอกน่านน้ำไทย และ ไตรฤกษ์ มือสันทัด คณะทำงานนโยบายประมง และผู้ประสงค์ลงสมัครเลือกตั้ง ส.ส.ชุมพร เขต 2 พรรคเพื่อไทย แถลงเปิดนโยบายประมง ในงานเสวนา ‘ประมงไทยจะกลับมาเป็นเจ้าสมุทรอีกครั้ง’

นายแพทย์ชลน่าน กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยได้ให้ความสำคัญกับการประมง จึงเริ่มพูดคุยพบปะผู้ประสบปัญหาโดยตรง จนได้เห็นสภาพปัญหา ซึ่งในมุมของฝ่ายค้านเราทำทุกอย่างเพื่อแก้ปัญหาให้กับพี่น้องชาวประมง ที่เกิดจากกลไก IUU Fishing มาอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่ยื่นเสนอ พ.ร.บ.การประมงฉบับเพื่อไทย เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2565 และเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2566 ที่ผ่านมา สภารับหลักการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ถือเป็นความสำเร็จก้าวแรกที่จะช่วยเหลือพี่น้องประมงไทย

ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา พรรคเพื่อไทยจึงร่วมมือกับสมาคมการประมงแห่งประเทศไทย และตัวแทนจากสมาคมประมงทั้ง 22 จังหวัด รวมทั้งการลงพื้นที่ภูเก็ต พังงา นครศรีธรรมราช มีเสียงสะท้อนของพี่น้องประมงที่ส่งผ่านมายังพรรคเพื่อไทย จึงขอประกาศนโยบาย ด้านประมงทะเลอย่างเป็นทางการ 3 ด้าน ที่จะทำทันทีคือ

1. จะยกเลิก พ.ร.ก.ประมง พ.ศ.2558 ที่เป็นผลพวงรัฐประหารโดยทันที และจะบังคับใช้ พ.ร.ก.หรือ พ.ร.บ.ประมงฉบับใหม่ ที่ร่วมเขียนโดยพี่น้องชาวประมงและสมาคมการประมงแห่งประเทศไทย

2. จะเร่งเจรจาข้อตกลง IUU Fishing ใหม่ โดยตรงกับสหภาพยุโรป(EU) เพื่อแก้ไขและปรับปรุงข้อตกลงโดยเคารพบทบัญญัติของกฎหมายทะเลและแผนปฏิบัติการของ FAOอย่างเคร่งครัด เป็นธรรมและโปร่งใส

3. จะปลดล็อกประมงพื้นบ้านขนาดเล็ก ไม่ต้องขออนุญาต ไม่ต้องมีค่าใช้จ่ายในการขึ้นทะเบียนใด ๆ ให้พี่น้องได้ทำมาหากินอย่างเท่าเทียม

ทั้งนี้ การประมงไทยต้องพัฒนา มีทิศทางที่ชัดเจน มีเทคโนโลยีเพื่อเพิ่มศักยภาพ สร้างชาวประมงรุ่นใหม่ และมีนโยบายต่างประเทศเพื่อเพิ่มการส่งออกผลผลิตอาหารทะเล ไปพร้อมกับการฟื้นฟูทรัพยากรประมงทะเลไทยให้กลับมาอุดมสมบูรณ์อย่างสูงสุด ให้ชาวประมงทุกประเภทได้เข้าถึงอย่างเสมอภาค และจะต้องอนุรักษ์วัฒนธรรมการประมงแบบดั้งเดิมให้อยู่คู่คนไทยอย่างยั่งยืน

‘บิ๊กตู่’ เยือนอุดรฯ พบปะข้าราชการท้องถิ่น จับตา!! ประกาศขึ้นเงินเดือนก่อนการเลือกตั้ง

(2 มี.ค. 66) ที่ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 (บน. 6) ดอนเมือง กทม. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เดินทางลงพื้นที่ตรวจราชการ จ.อุดรธานี และหนองบัวลำภู พร้อมพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว. มหาดไทย นายธนกร วังบุญคงชนะ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เดินทางไปยังท่าอากาศยานทหาร กองบิน 23 ต.หมากแข้ง อ.เมืองอุดรธานี จ.อุดรธานี

ที่จุดแรกเวลา 09.57 น. ที่หอประชุมมหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี (ศูนย์สามพร้าว) ตำบลสามพร้าว อำเภอเมืองอุดรธานี จังหวัดอุดรธานี นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการสัมมนา ‘บทบาทท้องถิ่นไทยกับการกระจายอำนาจเพื่อการไปต่ออย่างยั่งยืน’ พร้อมกล่าวปาฐกถา ‘ท้องถิ่นต้องไปต่อ’ และทำพิธีเปิดโครงการสัมมนา ‘บทบาทท้องถิ่นไทยกับการกระจายอำนาจเพื่อการไปต่ออย่างยั่งยืน’ โดยทันทีที่นายกฯ มาถึงประชาชนให้กำลังใจ “ลุงตู่สู้ๆ” โดยนายกฯ ได้ตอบกลับไป “ก็ขอให้ช่วยกันสู้เช่นเดียวกันขอให้สู้เพื่อประเทศชาติ”

ผู้สื่อข่าวรายงานสำหรับบรรยากาศการรักษาความปลอดภัยเป็นไปอย่างเข้มงวด มีการตั้งด่านจุดตรวจสกัดและตรวจค้นบุคคนที่จะเข้ามา 2 ด่านโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจคอยตรวจสอบและสแกนเพื่อป้องกันไม่ให้มีกลุ่มคนเสื้อแดงอุดรฯ เข้ามาเคลื่อนไหวหรือต่อต้านพล.อ.ประยุทธ์ นอกจากนี้ในส่วนของกระทรวงมหาดไทยได้ตั้งศูนย์ดำรงธรรมเพื่อรับเรื่องร้องเรียนไว้ด้านหน้า ก่อนถึงหอประชุมมหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี (ศูนย์สามพร้าว) ประมาณ 3 กิโลเมตร โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจเปิดเผยว่าในทางการข่าวขณะนี้ยังไม่มีการเคลื่อนไหวของกลุ่มแดงอุดรฯ มีแต่กลุ่มประชาชนที่เดือดร้อนที่เดินทางมายื่นเรื่องและจดหมายร้องเรียน ซึ่งกระทรวงมหาดไทยได้ตั้งศูนย์ดำรงธรรมให้รองผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้รับหนังสือ โดยกลุ่มแรกเป็นกลุ่มเหมืองโปรแตสประมาณ 20 คนที่จะเข้ามาร้องเรียน

‘นักอนุรักษ์’ สิ้นหวังนโยบายประมง ‘ก้าวไกล’ ชี้ มองแต่มิติ ศก. ไร้แนวทางแก้วิกฤตทรัพยากรทะเล

นายบรรจง นะแส ที่ปรึกษาสมาคมรักษ์ทะเลไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า

ตื่นเช้ามานั่งอ่านนโยบายประมงของพรรคก้าวไกล บอกตรง ๆ รู้สึกผิดหวังมากๆ…

มองแต่มิติทางเศรษฐกิจไม่ได้สนใจต้นตอของปัญหาวิกฤติทรัพยากรทะเลแม้แต่นิดเดียว เตรียมสนับสนุนประมงพาณิชย์แบบเต็ม ๆ ประมงพื้นบ้านไม่ได้อยู่ในสายตาของเขาเลย…

เอาง่าย ๆ ปัญหาของการทำประมงที่ทำลายพันธุ์สัตว์น้ำเศรษฐกิจวัยอ่อนอวนลาก/เรือปั่นไฟท่านไม่แตะ วันนี้อยากให้ท่านดู 'เรือปั่นไฟ' ที่ผมเรียกว่าสวยสังหาร

‘ก้าวไกล’ เชื่อ รบ. ดันสายสีส้มเข้า ครม. 14 มี.ค. ชี้ เป็นช่วงจังหวะเหมาะลักไก่ ทิ้งทวนก่อนยุบสภา

‘ก้าวไกล’ อ่านเกม รัฐบาลเตรียมดันสายสีส้มผ่าน ครม. ทิ้งทวน 14 มี.ค. ก่อนยุบสภา หนุนประชาชนทุกคนช่วยกันสนใจเพราะเป็นเรื่องใหญ่จริง

สุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล ให้ความเห็นต่อกรณีการทุจริตตั้งเกณฑ์การประมูลกีดกันคู่แข่งประเคนรถไฟฟ้าสายสีส้มให้เอกชนรายเดียว โดยสุรเชษฐ์ กล่าวว่ารู้สึกดีใจที่คุณชูวิทย์ กมลวิศิษฐ์ และประชาชนทุกคนสนใจ เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ใหญ่จริง เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ของรถไฟฟ้าสายสำคัญที่พาดยาวตั้งแต่กรุงเทพฝั่งตะวันออกถึงตะวันตก มีเดิมพันเป็นผลประโยชน์ที่เป็นส่วนต่างอย่างน้อย 68,613 ล้านบาท

'สมชัย' ได้เวลาสางแค้น 'ราเมศ' ชี้ MV พรรคปชป. น่าจะเข้าข่ายผิดระเบียบหาเสียง

‘สมชัย’ ได้เวลาเอาคืน หลังก่อนหน้านี้ ‘ราเมศ’ ติงเป็นอดีต กกต.ที่แย่ที่สุด งัดระเบียบการหาเสียงข้อ 18 ย้อน MV พรรคประชาธิปัตย์ น่าจะเข้าข่ายผิดระเบียบการหาเสียงของ กกต.

จากกรณี นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะเลขานุการประธานรัฐสภา ซัด นายสมชัย ศรีสุทธิยากร เป็นอดีต กกต.ที่แย่ที่สุด พร้อมไล่ไปเรียนหลักรัฐธรรมนูญใหม่หลังพาดพิงนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา สั่งหยุดถกพระราชกำหนดอุ้มหาย

เมื่อวันที่ 1 มี.ค. 66 นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โพสต์เฟซบุ๊กว่า มีผู้สมัครของพรรคประชาธิปัตย์ท่านหนึ่งกล่าวว่า ผมเป็นอดีต กกต.ที่แย่ที่สุด ไม่รู้เรื่องราว กฎหมายใด ๆ แล้วชอบออกมาแสดงความคิดเห็น ให้กลับอ่านกฎหมายเยอะ ๆ

ผมน้อมรับคำแนะนำ เลยกลับไปอ่านกฎหมายให้มากขึ้น พอไปอ่านระเบียบการเลือกตั้ง ของ กกต. ก็เลยพบว่า MV ของพรรคประชาธิปัตย์ น่าจะเข้าข่ายผิดระเบียบการหาเสียงของ กกต.

ระเบียบการหาเสียงข้อ 18 บอกว่า ห้ามผู้สมัคร ที่เป็นนักร้อง ใช้ความสามารถทางวิชาชีพของตนเพื่อเอื้อประโยชน์หาเสียงให้แก่ผู้สมัครอื่นหรือพรรคการเมือง แต่ยกเว้นให้กรณีไม่มีอุปกรณ์การแสดง

พลังประชารัฐไม่น้อยหน้า ‘บิ๊กป้อม’ เมินเพื่อไทย เปิดตัว ‘เศรษฐา’ นั่งปธ. ที่ปรึกษา ลั่น! "ใครมาก็ช่างเถอะนะ เรามีของเรา"

เมื่อเวลา 16.45 น.วันที่ 1 มีนาคม 2566 ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค ให้สัมภาษณ์หลังเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ ถึงความมั่นใจหลังเปิดตัวผู้สมัครของพรรค ในขณะที่พรรคการเมืองอื่นก็เปิดตัว สามารถเอาชนะได้หรือไม่ ว่า "ก็ต้องถามพรรคอื่นด้วย ถามทุกพรรค"

เมินใส่แม้โดนสกัดขา  ‘ศุภชัย’ โต้ ‘ชูวิทย์’ เอาข้อมูลเก่า-เท็จ ดิสเครดิต ‘ภูมิใจไทย’ ท้าให้ตรวจสอบ พร้อมเดินหน้าต่อไม่ขอขัดแย้งใคร

ไร้ปี่ไร้ขลุ่ย! ‘ศุภชัย’ โต้ ‘ชูวิทย์’ เอาข้อมูลเก่า-เท็จมาเจาะยาง ‘ภูมิใจไทย’ ขอสังคมตัดสินปม ‘รับงาน’ พรรคใหญ่มาตัดคะแนนนิยมหรือไม่ ยันมุ่งนโยบาย ไม่ขัดแย้งใคร 

1 มีนาคม 2566 นายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส. บัญชีรายชื่อ นายทะเบียนพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงข้อพาดพิงของนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ที่ออกมาโจมตีพรรคภูมิใจไทยเรื่องเงินทอนรถไฟฟ้าสายสีส้มและนโยบายกัญชาเสรีว่า ทั้ง 2 เรื่องเป็นเรื่องเก่าที่พรรคเคยชี้แจงสร้างความกระจ่างทั้งในเวทีสภาและนอกสภามาแล้วหลายครั้ง ไม่ได้มีอะไรตื่นเต้นอย่างที่พยายามประโคมข่าวกัน โดยเฉพาะกรณีเรื่องรถไฟสายสีส้ม ตนได้อ่านข้อมูลเก่าของเอกชนที่เคยร้องเรียนไว้ทั้งหมด ไม่ได้มีเรื่องเงินทอนแต่อย่างใด พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า เหตุใดนายชูวิทย์ถึงเพิ่งมาสนใจและพยายามกระพือเรื่องเก่าที่พรรคเคยชี้แจงไปแล้วหลายครั้งให้เป็นประเด็นอีก

เพื่อให้ประเทศเดินหน้า!! ‘บิ๊กป้อม’ เผย!! แม้มี ‘สำนึกอนุรักษ์นิยม’  แต่เข้าใจใน ‘ประชาธิปไตยเสรีนิยม’ 

(1 มี.ค.66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เพจเฟซบุ๊ก ‘พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ’ ของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ได้โพสต์จดหมายเปิดใจฉบับที่ 4 ซึ่งเป็นฉบับที่มีเนื้อหาต่อจากจดหมายเปิดใจ ‘ทำไมต้องก้าวข้ามความขัดแย้ง’ ที่ถูกเผยแพร่เมื่อวันที่ 27 ก.พ.ที่ผ่านมา โดยมีเนื้อหาที่เล่าถึงสภาพแวดล้อมในวัยเด็กของ พล.อ.ประวิตร และประวัติการรับราชการทหาร ตั้งแต่สำเร็จการศึกษาโรงเรียนนายร้อยโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า (จปร.) จนเติบโตจากกองทัพภาคที่ 1 ในสังกัดกรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์ (ร.21 รอ.) หรือคนส่วนใหญ่รู้จักในนาม ‘ทหารเสือราชินี’

พล.อ.ประวิตร ระบุว่า ชีวิตถูกหล่อหลอมขึ้นมาด้วยความเป็น ‘ทหารอาชีพ’ จาก ‘ทหารชั้นผู้น้อย’ ค่อยๆ เติบโตมาจนเป็น ‘ผู้บัญชาการกองทัพ’ และด้วยการปลูกฝังจากสังคมแวดล้อม ระบบการศึกษา และหน้าที่การงาน ทำให้ตนมีความจงรักภักดีที่มีต่อ ‘ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์’ เป็นสภาวะที่ฝังลึกอยู่ในจิตวิญญาณ

พล.อ.ประวิตร ระบุต่อว่า บ้านของตนเป็นแหล่งรวมการใช้ชีวิตของพี่น้องเพื่อนฝูงมาตั้งแต่สมัยยังเรียนหนังสือ จนกระทั่งทำงานรับใช้ราชการ เป็นที่พบปะ หารือ ช่วยเหลือเกื้อกูล มีอะไรก็แบ่งกันกิน แบ่งกันใช้ ปรึกษาแลกเปลี่ยนความคิดกัน ชีวิตที่ดำเนินไปเช่นนี้ทำให้รับรู้ว่า ผู้มีความรู้ความสามารถเหล่านี้ มีไม่น้อยเลยที่มีเจตนาดี และมีจิตใจที่พร้อมจะเสียสละมาทำงานเพื่อประเทศชาติ หากรัฐสภาและรัฐบาลได้คนมีความรู้ความสามารถเหล่านี้เข้ามาร่วมงาน จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการนำพาประเทศพัฒนาสู่ความเจริญรุ่งเรือง แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกับความเป็นไปของประเทศคือ โอกาสที่คนเหล่านี้จะได้เข้ามาร่วมทำงานให้กับประเทศนั้นมีน้อยมาก หรือแทบไม่มีหนทางเลย ระบอบประชาธิปไตยของประเทศเรา กลายเป็นอุปสรรคใหญ่ที่ปิดกั้นพวกเขา 

การแข่งขันทางการเมืองที่มุ่งเอาชนะคะคานสูงยิ่ง ทำให้ทุกคนที่คิดจะเข้ามาเสี่ยงกับการเป็นเป้าถูกโจมตี ทำลายล้าง ความคิดที่จะเสียสละมาทำงานเพื่อชาติกลายเป็นเปิดทางให้ตัวเองถูกทำลาย และแม้จะมีบางคนที่กล้าพอจะเข้ามา ทว่าวัฒนธรรมการเลือกตั้ง ไม่เอื้อให้คนมีความสามารถเหล่านี้ได้รับชัยชนะ เนื่องจากไม่มีความสามารถในการหาคะแนนเท่ากับ ‘ผู้มีอาชีพนักการเมือง’ ที่มีความเชี่ยวชาญในการหาวิธีได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งมากกว่า คนมีความรู้ ความสามารถ และมีเจตนาดีต่อการพัฒนาประเทศเหล่านี้ แทบไม่เหลือโอกาสที่จะเข้ามาทำงานให้ประเทศในระบบที่อำนาจต้องผ่านการเลือกตั้ง ตามที่ฝ่าย ‘ประชาธิปไตยเสรีนิยม’ มุ่งมั่น กำหนด

ไม่ยุ่งกับจิ๊กโก๋!! ‘เสี่ยหนู’ เมิน ‘ชูวิทย์’ ดิสเครดิต-ขู่เผารังหนู มั่นใจ พรรคมีผลงานชัดเจน เชื่อ ปชช.รับรู้

(1 มี.ค. 66) ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ให้สัมภาษณ์ถึงการลงพื้นที่รณรงค์เลือกตั้งเพื่อชิงเก้าอี้ในกรุงเทพมหานคร ว่า เราไม่ได้บอกว่าจะไปชิงเก้าอี้กับใคร แต่เราต้องสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชนว่าพรรค ภท.สามารถทำนโยบายได้สำเร็จ และเป็นประโยชน์กับประชาชน ถ้าประชาชนเห็นแล้วพวกท่านก็จะเลือกตนและพรรค ภท.

เมื่อถามถึงการลงพื้นที่กรุงเทพมหานคร เดิมที พรรค ภท.เกิดประหม่ามาก ตอนนี้มีความมั่นใจขึ้นบ้างหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า เวลาเราเจอคนเยอะ ๆ เราก็ประหม่าทุกครั้ง แต่การทำงานของเราในช่วงนี้ต้องรณรงค์หาเสียง ตนในฐานะหัวหน้าพรรค จึงมอบนโยบายให้ปลัดกระทรวงสาธารณสุขแล้ว แต่ถ้ามีกรณีเร่งด่วนก็พร้อมทำงานเต็มที่

“เรื่องการเมืองปล่อยผมไปตามยถากรรม” นายอนุทินกล่าว

เมื่อถามถึงพื้นที่ที่พรรค ภท.จะเจาะเป็นพิเศษ นายอนุทินกล่าวว่า เรานำเสนอนโยบายผ่านผู้แทนราษฎร งานด้านการเมืองสำคัญหมด เพราะประชาชนอยู่ทุกอำเภอ ทุกที่มีโอกาสหมด พรรค ภท.เราเปิดตัวเมื่อสิบปีที่แล้ว ก็มีสมาชิกเข้ามาเพิ่ม และตนเชื่อว่างานของตนใน สธ. ก็สร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชนได้

เมื่อถามถึงนโยบายที่จะเปิดตัวเพิ่ม นายอนุทินกล่าวว่า เราเปิดไปหมดแล้วตั้งแต่ 3 เดือนก่อน ไม่มีเพิ่มมากกว่านี้แล้ว เท่าที่มีอยู่ก็ขอให้ได้ทำอย่างเต็มที่ ในการทำประโยชน์ให้ประชาชนและบ้านเมือง

ถามย้ำว่า มีความมั่นใจว่านโยบายตอนนี้จะทำให้ได้เป็นรัฐบาล นายอนุทินกล่าวว่า น่าจะโอเค

‘บิ๊กป้อม’ เพิ่มงบสนับสนุนนักกีฬา-นักกีฬาพิการ ย้ำ!! ใช้วิทยาศาสตร์เพิ่มศักยภาพ สู้ศึกซีเกมส์ 2023

(1 มี.ค. 66) พล.ท.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผช.โฆษก รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้เป็นประธานการประชุม คณะกรรมการบริหารกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ ครั้งที่ 2/2566 ณ ห้องประชุม มูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์

ที่ประชุมได้รับทราบ รายงานผลการให้การสนับสนุนของกองทุน ประจำปี 2566 เพื่อส่งเสริมการพัฒนากีฬาของไทยในภาพรวม วงเงิน 4,070 ล้านบาทเศษ ซึ่งเป็นไปตามหลักเกณฑ์และวัตถุประสงค์ ของกองทุน

จากนั้น ได้ร่วมกันพิจารณาเห็นชอบ ให้การสนับสนุนเงินรางวัลนักกีฬา และนักกีฬาคนพิการ ตามหลักเกณฑ์กองทุน โดยสมาคมกีฬาแห่งประเทศไทย ส่งนักกีฬาเข้าร่วมการแข่งขันรายการระดับนานาชาติ และประสบความสำเร็จ โดยสนับสนุนเงินรางวัลจากกองทุนฯ จำนวน 13 รายการ จาก 11 สมาคมกีฬา รวมเป็นเงิน 46,645,000 บาท และเห็นชอบให้การสนับสนุนงบเพิ่มเติมแก่ กกท. เป็นค่าใช้จ่ายสำหรับนักกีฬาและเจ้าหน้าที่ในการเดินทางเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 32 และกีฬาอาเซี่ยนพาราเกมส์ ครั้งที่ 12 ณ กรุงพนมเปญ ราชอาณาจักรกัมพูชา

‘บิ๊กตู่' ย้อนสื่อ 'เศรษฐา' เป็นใคร? ลั่น!! ประเทศชาติไม่ใช่ธุรกิจ ของครอบครัวใดครอบครัวหนึ่ง

(1 มี.ค. 66) ที่พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และรมว.กลาโหม ในฐานะประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรค ให้สัมภาษณ์ภายหลังร่วมกิจกรรมเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร รสทช.ว่า เป็นบรรยากาศแห่งมิตรไมตรี และในฐานะประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรค ได้มีโอกาสพบปะสมาชิกหลายคนหลายภาคและเป็นครั้งที่ 2 ที่ได้มาสวมเสื้อให้ ถือเป็นเกียรติให้กันและกัน ตนมีความเชื่อมั่นในบรรดาสมาชิกของพรรคที่มีหลากหลาย หลายกลุ่ม หลายวัย เพราะเราต้องการเดินหน้าทำงานให้คนทุกช่วงวัย รวมถึงกลุ่มเปราะบาง กลุ่มที่มีปัญหาต่าง ๆ เราต้องทำให้ทุกคนได้ประโยชน์สูงสุดจากการทำงานในอนาคต ขอขอบคุณบรรดาสมาชิก ส.ส.และขอบคุณหัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรค กรรมการบริหารพรรค และผู้ใหญ่ทุกคนที่ทำให้มีวันนี้ ซึ่งเป็นวันที่ตนมีความสุข

ผู้สื่อข่าวถามว่า พรรคมีความพร้อมในการเลือกตั้งแค่ไหน พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า หัวหน้าพรรค และเลขาธิการพรรคบอกแล้วว่ามีความพร้อม ทันเวลาอย่างแน่นอน ทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมาย และ กกต.พรรครวมไทยสร้างชาติส่งให้ครบ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top