Tuesday, 20 May 2025
POLITICS

‘ไทยสร้างไทย’ ตามรอย ‘ชัยวุฒิ’ หนุน!! บุหรี่ไฟฟ้าถูกกม.ตามกระแสโลก

วันนี้สังคมมุมหนึ่งมีการคัดค้านต้านบุหรี่ไฟฟ้าถูกกฎหมาย แต่สังคมอีกมุมหนึ่งก็มองว่าควรผลักดันให้ถูกให้ควร เพราะมวลสารแห่งสาระสำคัญ มีผลประโยชน์ต่อองค์กรรวมมากกว่าผลเสีย

จากรายงานเรื่อง E-cigarettes: an evidence update จัดทำโดยกระทรวงสาธารณสุขอังกฤษ ระบุว่าผลิตภัณฑ์บุหรี่ไฟฟ้ามีอันตรายน้อยกว่าบุหรี่ทั่วไป ส่งผลกระทบด้านสุขภาพน้อยกว่าบุหรี่ทั่วไปร้อยละ 95 พร้อมทั้งสนับสนุนให้ผู้ที่ต้องการเลิกบุหรี่ ใช้บุหรี่ไฟฟ้าเนื่องจากมีหลักฐานผู้เลิกบุหรี่ได้ในกลุ่มผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้าในอัตราที่สูง

นั่นคือผลดีในเชิงของสุขภาพที่ถูกนำมาตีแผ่ แม้จะมีข้อมูลอีกฟากฝั่งที่มักมองว่า บุหรี่ไฟฟ้า ก็ยังเป็นควันภัยที่ยากเกินจะยอมรับ และแฝงด้วยโทษในเชิงวิทยาศาสตร์มากกว่าบุหรี่มวนทั่วไปเสียอีก

กระแสอันร้อนแรงระหว่างกลุ่มสนับสนุนบุหรี่ไฟฟ้าถูกกฎหมาย และผู้ต่อต้านแรงขึ้น นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) เดินหน้าหนุนดึงบุหรี่ไฟฟ้าเข้าระบบให้เป็นสินค้าที่มีกฎหมายควบคุม เพราะมองผลระยะยาวในเชิงที่สามารถลดอันตรายให้กับนักสูบที่ไม่สามารถเลิกบุหรี่ได้ ช่วยเกษตรกรผู้ปลูกยาสูบมีช่องทางรายได้ใหม่จากการป้อนผลผลิตให้โรงงานผลิตบุหรี่ไฟฟ้า อีกทั้งปิดช่องภาษีรั่วไหลจากการลักลอบนำเข้า

“เรื่องนี้ยังอยู่ระหว่างศึกษาข้อกฎหมายเพื่อดึงบุหรี่ไฟฟ้าเข้ามาอยู่ในระบบให้ถูกต้องตามกฎหมาย โดยกำลังดูว่ามีประเด็นติดขัดเรื่องอะไรบ้าง เนื่องจากมองว่าหากทำให้เป็นสิ่งที่ถูกกฎหมายได้จะสามารถลดอันตรายให้กับผู้สูบ เพราะบางคนไม่สามารถเลิกบุหรี่ได้ แม้จะมีการรณรงค์ให้คนเลิกสูบบุหรี่มาอย่างต่อเนื่อง แต่ปัจจุบันยังมีจำนวนผู้สูบบุหรี่อีกเกือบ10 ล้านคน” นายชัยวุฒิกล่าว

รัฐมนตรีดีอีเอส กล่าวอีกว่า “ตอนนี้ผมจะรวบรวมข้อมูล นำไปประสานผู้เกี่ยวข้องต่อไป เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลและทบทวนแนวคิด หาแนวทางขับเคลื่อนเพื่อทำให้บุหรี่ไฟฟ้าเป็นเรื่องถูกกฎหมาย เพราะปัจจุบันทั้ง อย.สหรัฐฯ อังกฤษ และญี่ปุ่น ยอมรับให้ใช้แล้ว ดังนั้นเราต้องไปศึกษาต่อไปว่าข้อติดขัดอยู่ที่ภาคส่วนใด อย่างเช่น ในเรื่องใบอนุญาตให้ใช้ การขาย การผลิต เพราะจากที่ศึกษาเบื้องต้นในแง่กฎหมายน่าจะใช้ พ.ร.บ.ยาสูบฯ ควบคุมให้เข้ามาอยู่ในระบบได้อยู่แล้ว คงต้องมีการจัดตั้งคณะทำงานขึ้นมาทำงานเรื่องนี้โดยเฉพาะ”

สำหรับเหตุผลที่สนับสนุนบุหรี่ไฟฟ้าถูกกฎหมาย เพราะเครื่องยาสูบที่เป็นไฟฟ้าถือเป็นเทคโนโลยีใหม่ ปัจจุบัน 67 ประเทศทั่วโลกมีการยอมรับบุหรี่ไฟฟ้าแล้ว โดยเฉพาะประเทศใหญ่ๆ เช่น สหรัฐอเมริกา, จีน แม้แต่มาเลเซีย เพราะถือว่าเป็นยาสูบที่มีความอันตรายน้อยกว่าบุหรี่จริง โดยบุหรี่ไฟฟ้าจะมีสารพิษน้อยกว่า ขณะที่ในประเทศไทยยังไม่เป็นที่ยอมรับ

“หลายประเทศยอมรับว่า หากเรามีบุหรี่ไฟฟ้าจะสามารถลดอันตรายต่อสุขภาพของประชาชนได้มากกว่า เรื่องนี้ผมขอศึกษาข้อกฎหมายก่อน นอกจากนี้ ปัจจุบันทราบว่าโรงงานยาสูบและผู้ปลูกยาสูบเองก็มีรายได้ลดลง เนื่องจากคนนิยมไปสูบบุหรี่นำเข้า หรือบุหรี่ที่ลักลอบนำเข้ามา ดังนั้น ถ้าเราสามารถเอายาสูบที่ปลูกในประเทศมาผลิตบุหรี่ไฟฟ้าได้ จะสามารถแก้ปัญหาให้กับโรงงานยาสูบและเกษตรกรได้ รวมทั้งส่งออกได้ด้วย” นายชัยวุฒิกล่าว

พร้อมทั้งย้ำว่า การดึงสินค้าในกลุ่มบุหรี่ไฟฟ้าเข้ามาอยู่ในระบบ เป็นสินค้าที่อยู่ภายใต้กฎหมายนั้น อยู่ที่ว่าประเทศไทยและผู้กำหนดนโยบายที่เกี่ยวข้อง จะสามารถปรับตัวตามเทคโนโลยีได้มากน้อยแค่ไหน เพราะปัจจุบันสินค้านี้มีขายกันใต้ดินและทางออนไลน์ 

ดังนั้นถ้าไม่ปรับตัวตามเทคโนโลยีก็จะเกิดปัญหาภายในประเทศ และเสียหายในอนาคตได้ ทั้งในเรื่องการลักลอบจำหน่าย การสูญเสียรายได้จากภาษี การสูญเสียโอกาสและกระทบต่อรายได้ของเกษตรกรผู้ปลูกยาสูบชาวไทยและการลดผลกระทบต่อสุขภาพของนักสูบชาวไทยที่ไม่สามารถเลิกบุหรี่ได้

ในขณะที่นโยบายการสนับสนุนให้บุหรี่ไฟฟ้าถูกกฎหมายโดยรัฐมนตรีดีอีเอสเริ่มกระจายเป็นข่าวใหญ่ ด้าน นายเจตุบัญชา อำรุงจิตชัย รองโฆษกพรรคไทยสร้างไทย ก็ดูเหมือนจะหยิบยกกรณีบุหรี่ไฟฟ้าถูกกฎหมาย ออกมาร่วมตีแผ่ด้วยเช่นกัน 

“แม้จะมีการระบุเรื่องการห้ามจำหน่ายและนำเข้าก็ตาม แต่ในทางปฏิบัติจะพบว่าเมื่อเดินไปตามแหล่งท่องเที่ยวก็ยังคงมีวางขายกันอย่างเปิดเผย และปฏิเสธไม่ได้ว่าเรื่องนี้มีตำรวจเรียกรับผลประโยชน์กับพ่อค้าแม่ค้าแลกกับการ มองข้ามในเรื่องเหล่านี้ ถ้าผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ยังนิ่งเฉย ไม่ยอมปรับแก้กฎหมายให้สามารถขายได้ ประเทศจะสูญเสียรายได้แทนที่จะเก็บภาษีเกี่ยวกับธุรกิจนี้ได้ถูกต้อง กลับการเป็นการจ่ายใต้โต๊ะให้คนไม่กี่คนที่มีอำนาจจับกุม สุดท้ายเงินก็กลายเป็นส่วยใต้โต๊ะที่ไม่จบสิ้นอยู่ดี”

‘กรณ์’ กรีดกลับ ‘ชวน’ ปมกล่าวหา ส.ส.ย้ายพรรคคบไม่ได้ แจงเหตุออกเพราะปชป.เปลี่ยนไป หาใช่ต้องการเงิน - ตำแหน่ง

นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า โพสต์เฟซบุ๊กถึงกรณีที่นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ได้ให้สัมภาษณ์ถึง ส.ส.ที่ย้ายพรรค ว่าเป็นพวกที่เอาเปรียบ - คบไม่ได้ โดยนายกรณ์ระบุข้อความว่า

เขียนตอบท่านชวน ด้วยความเคารพ

ผมออกมาจากประชาธิปัตย์ 3 ปี ผมไม่เคยพูดให้ร้ายพรรคเลยแม้แต่ครั้งเดียว ผมออกเพราะอยากไปทำงานตามที่ตั้งใจ และสำหรับผมประชาธิปัตย์เปลี่ยนไป ไม่เหมือนเดิม

การลาออกของคนประชาธิปัตย์มีเหตุผลต่างกัน ผมพูดแทนเขาไม่ได้ แต่ในส่วนของผมนั้น ไม่ใช่ด้วยเหตุผลที่ท่านชวนกล่าวถึงในคลิป https://youtu.be/s0GpJaj7lUw ไม่ว่าจะเรื่องเงินหรือตำแหน่ง ยิ่งประชาธิปัตย์ยุคนี้แล้วเรื่องเงินยิ่งไม่เป็นปัญหา ส่วนตำแหน่งก็มีมากมายเพราะเป็นพรรคฝ่ายรัฐบาล

ผมสัมภาษณ์หลายครั้งว่า ผมได้เคยทำงานให้บ้านเมืองในตำแหน่งรัฐมนตรีคลังมาแล้ว ซึ่งสำหรับผมถือเป็นการทำงานที่ตรงต่อความฝันทางการเมือง ในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจผมได้ทำงานอย่างเต็มที่ภายใต้นายกรัฐมนตรี และรองนายกฯเศรษฐกิจ (คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และคุณกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ) ที่ให้การสนับสนุนเป็นอย่างดี ดังนั้นความฝันทางการเมืองของผมวันนี้ไม่ใช่เรื่องตำแหน่ง แต่คือโอกาสสร้างพรรคที่ตรงกับอุดมการณ์ของผม และการส่งเสริมนักการเมืองรุ่นใหม่ให้มีโอกาสได้ทำงาน

ถอนหงอกรุ่นใหญ่!! 'ชัยชนะ' อัด'ไตรรงค์' ปมเงินล็อบบี้ เพื่อนั่ง ‘กก.บห.’ ลั่น! “ให้ร้ายบ้านเก่าเพื่อเอาใจบ้านใหม่”

'ชัยชนะ' ซัด 'ไตรรงค์' ตบะแตกเข้าทำนอง 'ให้ร้ายบ้านเก่าเพื่อเอาใจบ้านใหม่' ชี้ต้องยอมออกหน้า ปมเงินล็อบบี้ 500,000 บาท เพื่อตำแหน่ง กก.บห. แทนเจ้าของเรื่อง เพราะอาศัยความมีหลักการและเครดิตที่สูง ชี้คนที่เกี่ยวข้องต้องออกมาชี้แจง ยันอุดมการณ์ ปชป. ยังเข้มแข็งอยู่ตลอดไป แต่บางคนเท่านั้นที่อ่อนไหวไม่มั่นคงกับอุดมการณ์ของพรรคฯ

2 มี.ค. 2566 - นายชัยชนะ เดชเดโช ส.ส.นครศรีธรรมราช และรองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ระบุถึงอดีตที่ผ่านมามีคนในปชป. เสนอเงิน 500,000 บาท ให้แก่ น.ส.วชิราภรณ์ กาญจนะ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรครวมไทยสร้างชาติ เพื่อให้ช่วยล็อบบี้คนในกลุ่มของ น.ส.วชิราภรณ์ โหวตเป็นดำรงกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ ว่า นึกไม่ถึงนายไตรรงค์ ที่เคยถูกยกย่องว่าเป็นนักการเมืองคุณภาพคนหนึ่งในวงการการเมือง จะทำตัวเข้าทำนอง 'ให้ร้ายบ้านเก่าเพื่อเอาใจบ้านใหม่' เพราะที่ผ่านมา หลังจากนายไตรรงค์ ได้ย้ายไปสังกัด รทสช. แล้ว ก็ไม่ได้มีการพูดถึงพรรคประชาธิปัตย์แต่อย่างใด แต่เมื่อนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ระบุว่า มีพรรคการเมืองที่ไม่ได้เติบโตด้วยตนเอง แต่อาศัยตกปลาในบ่อเพื่อน ปรากฏว่า นายไตรรงค์ ออกอาการตบะแตก และแสดงพฤติกรรมไม่ต่างจากบางคนที่ออกจากพรรคประชาธิปัตย์ และไปสังกัดพรรคใหม่ คือการวาดภาพให้พรรคเดิมออกมาเลวร้าย เพื่อหวังให้ประชาชนสงสาร และตัดสินใจเลือกกลับเข้าไปทำหน้าที่ในสภาผู้แทนราษฎรอีกครั้ง

กรณีที่นายไตรรงค์ กล่าวอ้างว่า ในการเลือกกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ มีการใช้เงินให้ได้ดำรงตำแหน่งฯ โดยกล่าวอ้างคำบอกเล่าของ น.ส.วชิราภรณ์ กาญจนะ บุตรสาวของนายชุมพล กาญจนะ ว่าอยู่ๆ มีคนเอาเงินมาให้ 500,000 บาท บอกให้ช่วยเจรจากับคนในกลุ่มอีก 3 คน เพื่อให้ยกมือสนับสนุนนั้น ตนสงสัยว่า ทำไมนายไตรรงค์ ถึงเพิ่งออกมาพูด ทั้งๆ ที่เวลาล่วงเลยมานานแล้ว ดังนั้น ตนขอชี้แจงว่า ยืนยันไม่มีใครเสนอให้เงินบุตรสาวนายชุมพล กาญจนะ ถึง 500,000 บาท ซึ่งหากไตรรงค์และ น.ส.วชิราภรณ์ มีข้อเท็จจริงก็ขอให้ยืนยันมา

ที่ผ่านๆมา นายไตรรงค์ ก็เป็นคนพูดจามีหลักการ และหลายๆคน ก็ยกย่องว่าเป็นนักการเมืองน้ำดี แต่ในช่วงหลายวันที่ผ่านมานี้ นายไตรรงค์ อาจจะพูดจาแบบไม่ทันได้ยั้งคิด จึงทำให้เกิดผลกระทบลามไปจนถึงพรรคที่ท่านสังกัดอยู่ในเวลานี้ รวมทั้งหากไม่มีหลักฐานตามที่กล่าวอ้างแล้ว นายไตรรงค์ก็ทราบดีว่า คนที่ถูกพาดพิงก็มีสิทธิที่จะปกป้องตัวเองตามกฎหมายเช่นเดียวกัน

"ที่ผ่านมา ผมก็ทราบว่า บางคนที่ออกจากพรรคประชาธิปัตย์ไป ก็พยายามสร้างภาพให้ประชาชนดูว่า ที่ออกจากพรรคประชาธิปัตย์ไป เพราะตัวเองถูกรังแกบ้าง ไม่ได้รับโอกาสบ้าง รวมทั้งแกล้งทำเป็นหลงลืมเพื่อจะได้พูดจาตอบโต้พรรคที่เคยจากมาได้อย่างเต็มที่ ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์เองก็ได้แก้ปัญหาโดยการเปิดตัวคนใหม่ ให้มาเป็นผู้สมัครของพรรคฯ อย่างต่อเนื่อง เปรียบเสมือนการเพาะพันธุ์ปลาตัวใหม่ โดยเสริมวัคซีนเพื่อป้องกันไม่ให้ใครมาจับปลาในบ่อไปได้อีก รวมทั้งพยายามที่จะไม่โต้ตอบกับคนที่พูดจาในลักษณะนี้

กล้าพูดได้เต็มปาก! ‘เศรษฐา’ เลี่ยงตอบ “เก่งอย่างไร ให้มองที่ผลงาน” ย้ำ! “ตนเป็นคนตั้งใจ-พยายาม-ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค”

นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาเพื่อไทย ได้ตอบคำถาม ว่าถ้าหากคนที่เป็นนายกฯ ได้ตั้งคำถามถึงความเก่งของตน จะตอบว่าอย่างไร โดย นายเศรษฐา ได้ตอบคำถามนี้ว่า ไม่สามารถตอบคำถามนี้ได้ ให้คนมองดูที่ผลงานของตนแทน 

ตนได้เข้ามาทำบทบาทในฐานะนักการเมืองได้ไม่นาน ยังไม่ได้ทำอะไรมากมายนัก ทำให้ยังไม่มีผลงาน แต่ขอให้จับตามองต่อไปว่าจะมีผลงานอะไรบ้าง

โบกมือลา ‘ธีราภา’ ลาออก กรรมการบริหาร ‘เพื่อไทย’ เหลือคณะกรรมการบริหารพรรค 13 คน

(2 มี.ค.66) - เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศนายทะเบียนพรรคการเมืองเรื่อง การเปลี่ยนแปลงกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย

ตามที่นายทะเบียนพรรคการเมืองได้มีประกาศนายทะเบียนพรรคการเมือง ลงวันที่๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๖๕ เรื่อง การเปลี่ยนแปลงกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย มีคณะกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย จํานวน ๑๔ คน นั้น

บัดนี้ หัวหน้าพรรคเพื่อไทยได้แจ้งการเปลี่ยนแปลงต่อนายทะเบียนพรรคการเมือง ตามมาตรา ๓๘ แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. ๒๕๖๐ กรณี นางสาวธีราภา ไพโรหกุลลาออกจากตําแหน่งกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย ตามหนังสือลาออกลงวันที่ ๒ ธันวาคม ๒๕๖๕ โดยพรรคเพื่อไทยได้รับทราบการลาออกดังกล่าวในวันเดียวกัน ทําให้ความเป็นกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทยสิ้นสุดลงเฉพาะตัว ตามข้อบังคับพรรคเพื่อไทย พ.ศ. ๒๕๖๑ ข้อ ๕๒ (๒)

เสริมแกร่งแรงงานไทย!! ‘สุชาติ’ บินลัดฟ้า เจรจารัฐมนตรีออสเตรเลีย เพิ่มขีดจำกัดแรงงานไทย เพื่อขยายสู่ตลาดโลก

‘สุชาติ’ เจรจา 2 รัฐมนตรี เล็งเปิดตลาดแรงงานสาขาใหม่ในออสเตรเลีย

วันที่ 2 มีนาคม นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน พร้อมด้วย นายสุรชัย ชัยตระกูลทอง ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงแรงงาน นายบุญชอบ สุทธมนัสวงษ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน นางสาวอาจารีย์ ศรีรัตนบัลล์ เอกอัครราชทูต ณ กรุงแคนเบอร์รา และผู้บริหารระดับสูงกระทรวงแรงงาน เข้าพบ ฯพณฯ เบรนดัน โอคอนเนอร์ รัฐมนตรีด้านทักษะและการฝึกอบรม กระทรวงการจ้างงานและแรงงานสัมพันธ์ ประเทศออสเตรเลีย และ ฯพณฯ แอนดริว ไจลส์ (Hon Andrew Giles) รัฐมนตรีด้านการตรวจคนเข้าเมือง สถานะพลเมือง และกิจการพหุวัฒนธรรม ประเทศออสเตรเลีย เพื่อหารือประเด็น ความต้องการแรงงานไทยในภาคอุตสาหกรรม และภาคบริการอื่นๆ เพื่อขยายตลาดแรงงานไทยในออสเตรเลีย ณ นครเมลเบิร์น

นายสุชาติ กล่าวว่า ในวันนี้ตนพร้อมด้วยคณะผู้บริหารระดับสูงกระทรวงแรงงาน ได้เข้าเยี่ยมคารวะและหารือร่วมกับรัฐมนตรีด้านทักษะและการฝึกอบรม กระทรวงการจ้างงานและแรงงานสัมพันธ์ รวมถึงรัฐมนตรีด้านการตรวจคนเข้าเมือง สถานะพลเมือง และกิจการพหุวัฒนธรรม ของออสเตรเลีย ประเด็นความร่วมมือในการจัดส่งแรงงาน ไทยเข้ามาทำงานในออสเตรเลียเพิ่มขึ้นรวมถึงส่งเสริมให้ออสเตรเลียเปิดตลาดสำหรับแรงงานจากไทยในภาคอุตสาหกรรมและภาคบริการมากขึ้น ซึ่งในส่วนของกระทรวงแรงงานมีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ที่เป็นหน่วยงานฝึกอบรมและทดสอบมาตรฐานฝีมือให้แก่แรงงานเพื่อเตรียมความพร้อมตั้งแต่ต้นทางก่อนไปทำงาน ไม่ว่าจะเป็นการจัดให้เรียนภาษาอังกฤษ การอบรมเกี่ยวกับวัฒนธรรม ความเป็นอยู่และการใช้ชีวิตในต่างแดนให้แก่แรงงานก่อนเดินทางไปทำงาน ด้วยความมุ่งมั่นที่จะยกระดับคุณภาพแรงงานไทยเพื่อไปทำงานต่างประเทศ เนื่องจากประเทศไทยมีความพร้อมที่จะจัดส่งแรงงานภาคเกษตร ภาคการบริการ ภาคอุตสาหกรรมและภาคก่อสร้าง ที่มีศักยภาพสูง สามารถที่จะตอบสนองความต้องการแรงงานในออสเตรเลียได้

สะเทือนแลนด์สไลด์!! อดีต ส.ส.เพื่อไทย เปิดใจเหตุย้ายพรรคร่วมงาน 'ลุงป้อม' เชื่อ!! เป็นผู้นำเชื่อมทุกฝ่ายก้าวข้ามความขัดแย้ง

(2 มี.ค. 66) นายบัลลังก์ อรรณนพพร ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ขอนแก่น พรรคพลังประชารัฐ และอดีต ส.ส.ขอนแก่น พรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงการตัดสินใจย้ายออกจากพรรคเพื่อไทยมาร่วมงานกับพรรคพลังประชารัฐว่า เหตุผลที่ตนตัดสินใจมาร่วมงานกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เนื่องจากนโยบายของพรรค ที่เข้าถึงประชาชน อย่างเช่น บัตรประชารัฐ ที่จะนำเงิน 700 บาทต่อเดือนสู่ประชาชนที่กำลังเดือดร้อนจากค่าครองชีพที่ปรับตัวสูงขึ้น รวมถึงไปนโยบายการปฏิรูประบบที่ดิน คืนที่ทำกินให้ประชาชน โดย เร่งรัดออกเอกสารสิทธิ์ที่ดินทุกประเภท เปลี่ยน ส.ป.ก. เป็นโฉนด ก็เป็นประโยชน์อย่างมากกับชาวอีสาน เพราะส่วนใหญ่มักจะถือครองที่ดิน ส.ป.ก. และอีกนโยบายหลักที่สำคัญมาก ๆ คือ การก้าวข้าวความขัดแย้ง

นายบัลลังก์ กล่าวว่า การบริหารประเทศของพรรคพลังประชารัฐ ภายใต้การนำของพล.อ.ประวิตร ถือว่าได้แก้ปัญหาความเดือดร้อนด้านปากท้องของประชาชนซึ่งตนในฐานะ ส.ส.เขต ทำงานกับชาวบ้านอย่างใกล้ชิดเชื่อว่า นโยบายของพรรคพลังประชารัฐในการเลือกตั้งครั้งนี้จะสามารถเข้าถึงประชาชนได้แน่นอน

"ผมจะนำนโยบายไปประชาสัมพันธ์ในพื้นที่จังหวัดขอนแก่น ให้ประชาชนทุกคนเข้าใจในนโยบายของพรรค ในพื้นที่ภาคอีสาน ต้องยอมรับความการประชาสัมพันธ์นโยบายของพรรคการเมืองอื่น ที่ไม่ใช่พรรคเพื่อไทย ยังไม่สามารถเข้าถึงชาวอีสานได้ ผมก็จะเป็นตัวกลางประสานงานกับชาวบ้าน เพื่อทำความเข้าใจกัน หรือภาษาชาวบ้านเรียกว่า"จับเข่าคุยกัน"นายบัลลังก์ กล่าว

อย่าเกลียดทหาร!! ‘บิ๊กตู่’ ลง ‘หนองบัวลำภู’ ยัน!! ไม่ได้มาหาเสียง  อ้อน!! อย่าเกลียดทหาร มีปัญหาพวกเขาช่วยเสมอ

(2 มี.ค.66) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เดินทางถึงองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) อุทัยสวรรค์ อำเภอนากลาง จังหวัดหนองบัวลำภู เพื่อตรวจติดตามการดำเนินงานตามมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดจังหวัดหนองบัวลำภู ในระยะเร่งด่วน 3 เดือน (หนองบัวลำภูต้นแบบสีขาวปลอดยาเสพติด) 

ต่อมานายกฯ ร่วมเป็นสักขีพยานในโอกาส ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองบัวลำภูมอบหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ในเขตปฏิรูปที่ดิน (สปก. 4-31 ก.) สำหรับใช้ก่อสร้างศูนย์พัฒนาเด็กเล็กองค์การบริหารส่วนตำบลอุทัยสวรรค์แห่งใหม่ ให้แก่นายกองค์การบริหารส่วนตำบลอุทัยสวรรค์ 

จากนั้นก่อนนายกฯ กล่าวพบปะประชาชน โดยเหมือนเช่นเคยมีการฉายวีดีทัศน์ผลงานรัฐบาลที่ผ่านมา โดยนายกฯ กล่าวว่า วันนี้มาเยือนอีกครั้งนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อเดือนตุลาคม 2565 เป็นความสูญเสีย สะเทือนใจของคนไทยทุกคน เราได้ประจักษ์แล้วว่ายาเสพติดเป็นต้นตอสำคัญในเรื่องความรุนแรง นอกจากสุขภาพแล้ว และครั้งที่แล้วที่เกิดเหตุการณ์เกิดขึ้น ขอให้ทุกคนนึกถึงพระเมตตาพระมหามงคลของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ที่มอบขวัญกำลังใจให้ทุกคนวันนี้สถานการณ์ผ่านมาแล้ว 3 เดือน ตนได้สั่งการชัดเจนให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตช.)และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องศึกษาบูรณาการจะทำอย่างไร ช่วยแก้ปัญหา รวมถึงทำอย่างไรให้เกิดการประสานงานบูรณาการกันไปสู่เป้าหมาย เป็นจังหวัดที่ปลอดยาเสพติด มันจะเป็นแม่แบบต้นแบบต่อไป ซึ่งทุกคนทราบดีอยู่แล้วว่าวันนี้ปัญหายาเสพติดเรามีมากพอสมควร ทั้งนี้เกิดจากปริมาณมากขึ้น ความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ อะไรหลายอย่างทั้งกดดันและอยากลองไม่มีความสุข ไม่สบายใจ ความขัดแย้งอะไรก็แล้วแต่ เมื่อไม่มีความสุข ก็หาทางออก ไม่รู้อะไรก็ต้องลองเสพยา 

“พอเสร็จก็ติดอย่างที่เรียกว่าดีมานด์ คือความต้องการเกิดขึ้น ย่อมมีซัพพลายแหล่งผลิต แหล่งจำหน่ายก็เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการจำหน่ายวันนี้ เราได้มีการจับกุมดำเนินคดีจำนวนมาก ตนได้กำชับทุกหน่วยงาน โดยเฉพาะแนวชายแดน จับได้หลายสิบล้าน จะเห็นว่ายังมีความต้องการสูงในประเทศไทย ทำอย่างไรจะลดปริมาณความต้องการนี้ให้ได้ ต้องนึกถึงยาจะมาถึงเรามาอย่างไรสกปรกหรือไม่ ต้องสร้างการรับรู้ว่าสิ่งเหล่านี้โสโครก หลายอย่างเกิดเหตุการณ์ เราคาดไม่ถึงหรืออาจจะระวังน้อยเกินไป” นายกฯ กล่าว

นายกฯ กล่าวว่า วันนี้รัฐบาลมุ่งเน้น 3 ระดับด้วยกันคือการป้องปราม ป้องกันและปราบปราม อันสุดท้ายคือการบำบัดฟื้นฟู สิ่งสำคัญต้องแยกเป้าหมายให้เจอเป้าหมายสีเขียว สีส้ม และสีแดงจะต้องมีมาตรการเฉพาะจะทำอย่างไรหลายอย่างใช้หน่วยงานตามกฎหมายและใช้สังคมชุมชนช่วยกันดูแล การบำบัด ต้องช่วยกันดู ช่วยกันแจ้ง มีหลายช่องทาง แต่ถ้าแจ้งแล้วไม่มีใครมาดูมาแก้ไขให้แจ้งมาที่นายกรัฐมนตรี ฉะนั้นการใช้งบประมาณจึงมีความสำคัญรัฐบาลมุ่งเน้นการใช้จ่ายงบประมาณอย่างคุ้มค่าและประหยัด มีหลายอย่างที่จะต้องทำงบประมาณที่ใช้ตรงนี้ นายกรัฐมนตรีคิดตรงนี้ เพราะทุกคนคือชีวิต คือ คนไทย มีลูกหลาน พ่อ แม่ ปู่ ย่าตา ยายทุกคน ต้องรักครอบครัว อย่าลืมสังคมไทยครอบครัวไทยสังคมอันอบอุ่นใกล้ชิด ทั้งนี้ วันนี้เรามีความขัดแย้ง มีปัญหา มีอุปสรรคมากมาย แม้เราพยายามแก้ไขมาเรื่อยๆ เป็นระยะ แต่ทุกอย่างก็เกิด ขึ้นใหม่ๆ บางเรื่องไม่เคยเกิดก็เกิด ฉะนั้นนี่คือโลกในปัจจุบันโลกแห่งการเปลี่ยนแปลง โลกแห่งการใช้เทคโนโลยี ดิจิทัล โลกโซเชียล

นายกฯ กล่าวต่อว่า สารตั้งต้นยาเสพติดกำลังไล่อยู่ว่ามาตรงไหน ต้องลงโทษทั้งหมด ซึ่งมีกลวิธีหลายอย่าง สิ่งสำคัญคือเจ้าหน้าที่ทุกคน ถ้าเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ตนลงโทษเด็ดขาด ถ้าทำดีสนับสนุนต่อไป ต้องเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ เจ้าหน้าที่ของประชาชนเป็นที่พึ่งของประชาชนในทุกโอกาสไม่ใช่นายกฯ พูดโครมครามก็ยังมีอยู่ ตนไม่ได้พูดถึงท่าน แต่พูดถึงคนเลว สังคมโลกเรามีทั้งคนดี คนเลวคนชั่ว ทำอย่างไรจะมีคนดีให้มากที่สุด มีคนชั่วให้น้อยที่สุด หรือไม่มีเลย เพราะอย่างนั้นเราถึงต้องร่วมมือกันทำต่อในเรื่องเหล่านี้ให้ได้ หลายเรื่องที่เราเผชิญปัญหา นอกจากยาเสพติดคือเรื่องการทุจริต พนันออนไลน์ การถูกหลอกลวงอะไรก็แล้วแต่ฉะนั้นอย่าไปเปิดมากโทรศัพท์ เล่นเกมนู่นนี่นั่นแล้วก็เสร็จเรียบร้อย ถ้ามีเบอร์โทรศัพท์ไม่รู้จัก ไม่ต้องรับ ไม่มีการลงทุนใดๆ ที่ทำให้มีรายได้สูงเป็นร้อยเท่า พันเท่า ไม่มีจริงๆ

ทั้งนี้ อย่าไปเชื่อในโลกออนไลน์เรื่องนี้เหมือนกันให้แจ้งมาจะได้ทำลายกระบวนการเครือข่าย เพราะเป็นอันตรายของประเทศไทย เราต้องสร้างการเรียนรู้ของเราให้มากยิ่งขึ้น ให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลง ทันกับคนชั่วพวกนี้เรื่องการทุจริตถ้าเราต่างคนต่างนิ่งเฉย ไม่คิด ของใครของมัน ไม่มีทางที่ประเทศใสสะอาด ตนพยายามทำด้วยตัวตนเองอยู่แล้ว ไม่ทุจริต เพราะตนเป็นผู้นำรัฐบาลฉะนั้นอยากให้ทุกคนช่วยกัน ทำตามแล้วสิ่งที่ท่านต้องการ ขาดเหลือรัฐบาล และตนรับจะต้องดูแลสิ่งที่รัฐบาล เพื่อพัฒนาประเทศ

“ขอบคุณที่อุตส่าห์มารับในวันนี้ ตั้งแต่เช้าพูดมากท้องขึ้นแล้ว เป็นนายกฯ พูดเยอะ ไม่พูดก็ไม่ได้ปัญหายาเสพติดมีความซับซ้อนบางทีมีใต้โต๊ะ ใต้อะไรอีกเยอะแยะ เขาเรียกว่าซับซ้อน ฉะนั้นวันนี้เราต้องแก้ไขปัญหาภายในประเทศของเรา สิ่งที่คาดหวังตอนนี้คือความร่วมมือ ร่วมใจในชุมชน ในหมู่บ้าน รักลูก อย่ารักในทางที่ผิด ผมให้เวลาไปแล้ว 3 เดือน เหลืออีก 1 เดือนจะต้องทำเป็นรูปธรรมให้เห็น ผมชอบพูดคำว่านะจ๊ะ เพราะมันรู้สึกใกล้ชิดกันดี ผมก็เป็นคนแบบนี้แหละ วันนี้ต้องทำต่อให้สำเร็จ ความสำเร็จวัดผมด้วยคนเหล่านี้ ต้องไม่มีในสังคม แต่ถ้าทำแล้วไม่สำเร็จ ก็อย่าทำ กลับบ้านดีกว่าเสียเวลา อย่างไรก็ตาม ขอให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกัน และปราบปรามยาเสพติด(ป.ป.ส.)ดูแลในเรื่องของงบประมาณปราบปรามยาเสพติดด้วย” นายกฯ กล่าว

นายกฯ กล่าวอีกว่า อย่าให้ใครมาทำลายสถาบันครอบครัว โดยเด็ดขาด ใครจะทำลายไม่ได้ ตนยอมไม่ได้ สังคมไทย สังคมพ่อแม่ ถ้าทำลายประเทศไทยจะไม่เหลืออะไรทั้งสิ้น เราจะอยู่แบบไร้กฎเกณฑ์กติกากันไม่ได้รามีชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์นี่คือแกนนำของประเทศไทย ที่มีมายาวนานกว่าจะเป็นหนองบัวลำภูวันนี้ รู้หรือไม่ว่ามีอะไรเกิดขึ้นมาในบ้านเรา กว่าจะสร้างพื้นแผ่นดินดีขึ้นมาแม้จะลำบากร้อน แต่เราก็ต้องมีที่ยืนเรื่องที่ดินทำกิน ทั้งนี้ รัฐบาลจะดูแลให้วันนี้ได้ทำทยอยมาหลายจังหวัด ซึ่งปัญหามีความซับซ้อนเยอะมากแต่ขอให้เข้าใจว่าทำไมต้องทำอย่างนั้น อย่างนี้ เราต้องรู้จักว่าถ้าจะพัฒนาตัวเองเพื่อประเทศ ตนทำหน้าที่ของรัฐบาล ทุกรัฐบาลต้องทำหน้าที่สร้างความเท่าเทียมในทุกโอกาสให้กับทุกคน ตนต้องทำหน้าที่ของตนในฐานะที่เป็นนายกรัฐมนตรีต้องรับผิดชอบในการทำงานทุกอย่าง เพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์สำเร็จวันข้างหน้าจะได้มีคนมาทำต่อทำให้ดีก็แล้วกัน ใครจะมา จะไปก็ไม่รู้เหมือนกัน เดี๋ยวเขาหาว่ามาหาเสียงอีก ตนไม่ได้มาหาเสียงอันนี้เป็นเรื่องของท่าน

อ้อนแล้วนะ!! ‘ลุงตู่’ ลงพื้นที่เมืองอุดรฯ ใกล้ชิดประชาชน หยอดลูกอ้อน!! "ถ้าไม่รักลุงตู่ แล้วจะไปรักแมวที่ไหน"

(2 มี.ค. 66) ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี (ศูนย์สามพร้าว) ต.สามพร้าว อ.เมืองอุดรธานี ภายหลังเปิดโครงการสัมมนา บทบาทท้องถิ่นไทย  พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้พบปะประชาชนชาวอุดรธานี ที่มาให้กำลังใจ พร้อมชูป้ายขอบคุณโครงการรัฐบาล ที่สร้างอาชีพ สร้างรายได้ เกษตรกร เช่น ‘ชาวอีสานรักลุงตู่’ ลุงตู่ซื่อสัตย์จริงใจไร้โกง ‘โคตรรักลุงตู่ ‘ใครด่าลุงกูด่ากลับ’ โดยเมื่อมาถึงได้ร่วมร้องเพลงรักกันไว้เถิด ร่วมกับชาวบ้านอย่างอารมณ์ดี

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวขอบคุณชาวอุดรธานีว่า วันนี้มาตรวจราชการ ถือโอกาสมาพบปะชาวอุดร ฯ หลายเรื่องที่ขึ้นป้ายอยู่ ก็รับทราบ เป็นเรื่องที่รัฐบาล จะนำกลับไปพิจารณาดูแล

“วันนี้ยินดีที่ได้พบกันอีก บางคนเคยพบกันหลายครั้งแล้ว บางคนอาจจะยังไม่เคยเจอกัน ก็จะได้เจอวันนี้ เจอตัวตนนายกรัฐมนตรี”

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวกับชาวบ้านว่า พวกเราอย่าเรียกตัวเองว่ารากหญ้าเราคือรากแก้วของแผ่นดิน คือรากแก้วของบ้านเมือง บ้านทุกหลังต้องมีโครงสร้างพื้นฐานมาจากเสาข้างล่าง จนมาเป็นคาน ถ้าข้างล่างไม่เข้มแข็ง ไม่แข็งแรงบ้านทั้งหลังก็จะทรุด ตนต้องการทำบ้านทั้งหลัง ให้เข้มแข็งขึ้นกว่าเดิม ต้องใช้เวลาพอสมควร ต้องทำต่อไปให้ถึงจุดหมายปลายทางของเรา ให้ได้ให้ทุกคนมีความสุข มีรายได้ที่เพียงพอ สอดคล้องกับโลกยุคปัจจุบัน ยุคเทคโนโลยีดิจิทัล มันมีทั้งข้อดีข้อเสีย มีทั้งวิกฤติและโอกาส แต่ถ้าพวกเรารักกันแบบนี้ วิกฤติจะหมดไป สิ่งที่รัฐบาลทำวันนี้หลายเรื่อง อยากให้พวกเราไปศึกษา หลายเรื่องไปดูเราได้ประโยชน์อะไรจากสิ่งที่รัฐบาลทำ วันนี้เราทำทั้งโครงสร้างพื้นฐาน รถไฟ รถไฟฟ้า รถไฟรางคู่

อุ๊งอิ๊งยืนหนึ่ง!! ‘อีสานโพล’ เผย คนอีสานเทใจให้ ‘อุ๊งอิ๊ง’  เชียร์นั่งตำแหน่งนายกฯ คนที่ 30

อีสานโพลเผยคนอีสาน ต้องการเลือก ‘อุ๊งอิ๊ง’ เป็นนายกฯ ขณะที่ ‘ลุงตู่’ มาอันดับ 4  ‘ลุงป้อม’ มาอันดับ 6  และต้องการให้ทุกพรรคดำเนินการตาม 5 นโยบายหลักเพื่อให้เกิดการแก้ปัญหาที่ตรงจุด หลังพบทุกพรรคอัดแคมเปญหาเสียงคึกคักแต่ก็ยังไม่โดนใจ 

(2 มี.ค. 66) ผศ.ดร.สุทิน เวียนวิวัฒน์ หัวหน้าโครงการสำรวจอีสานโพล ศูนย์วิจัยธุรกิจและเศรษฐกิจอีสาน หรือ ECBER  คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้เปิดเผยผลสำรวจเรื่องนโยบายเศรษฐกิจที่ใช่ของคนอีสาน จากการลงพื้นที่สำรวจกลุ่มตัวอย่างในพื้นที่ 20 จังหวัดภาคอีสาน โดยพบว่าผลสำรวจพบว่า 5 นโยบายเศรษฐกิจเด่น ที่คนอีสานให้ความสำคัญช่วงหาเสียงเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง คือ นโยบายขึ้นค่าแรงและเงินเดือนขั้นต่ำ,นโยบายแก้หนี้,พักหนี้,เติมทุน นโยบายบำนาญหรือเบี้ยผู้สูงอายุ นโยบายเพิ่มเงินบัตรประชารัฐ,คนละครึ่ง และนโยบายการลดค่าน้ำมัน,ค่าแก๊ส,ค่าไฟ,หนุนโซล่าเซลล์    

รศ. ดร.สุทิน เวียนวิวัฒน์ หัวหน้าโครงการอีสานโพล กล่าวว่า การสำรวจนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อสำรวจความคิดเห็นของคนอีสานเกี่ยวกับนโยบายหาเสียงด้านเศรษฐกิจที่คนอีสานให้ความสำคัญ และความนิยมของพรรคการเมือง   จากกลุ่มตัวอย่างอายุ 18 ปีขึ้นไป 1,200 รายในเขตพื้นที่ภาคอีสาน 20 จังหวัด โดยเริ่มจากคำถามที่ว่าท่านให้ความสำคัญกับนโยบายหาเสียงด้านเศรษฐกิจในประเด็นใดมากที่สุด ซึ่งส่งผลต่อการเลือก ส.ส. หรือสนับสนุนพรรคการเมือง (เลือกได้เพียงข้อเดียว) และสอบถามต่อว่า นโยบายเศรษฐกิจที่ท่านให้ความสำคัญ ของพรรคการเมืองใด จะเป็นประโยชน์ต่อครอบครัวท่านมากที่สุด และทำการประมวลผลว่านโยบายใดถูกให้ความสำคัญมากที่สุดและนโยบายของแต่ละพรรคการเมืองใดสามารถดึงฐานเสียงหรือสร้างการตอบรับได้มากน้อยเพียงใด   

‘เฮียชู’ ดูไว้!! ‘อนุทิน’ โพสต์เหน็บ ‘ชูวิทย์’ นี่คือวิธีแสดงความรักคน ‘ภูมิใจไทย’

(2 มี.ค.66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย โพสต์เฟซบุ๊ก ‘Anutin Charnvirakul’ เป็นภาพของนายเนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่กำลังยกเท้าในลักษณะเตะหยอกล้อกับนายอนุทิน ขณะที่อีกภาพ นายอนุทิน กำลังใช้เท้าเตะหยอกล้อ นายยศวัฒน์ มาไพศาลสิน ส.ส.กาญจนบุรี พรรคภูมิใจไทย พร้อมระบุว่า…

“วิธีการแสดงออกถึงความรักกันของคนในพรรคภูมิใจไทย”

เข้าตัวทุกอย่าง!! ‘สมคิด’ ไล่ส่ง ‘บิ๊กตู่’ เอาเวลาไปหาเสียง ซัด!! วิจารณ์พรรคอื่น แต่เข้าตัวเองทุกดอก

(2 มี.ค.66) นายสมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์กรณีท่าทีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมที่มีต่อการเปิดตัวนายเศรษฐา ทวีสิน ในฐานะประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ว่าการพูดทำนองนี้ของ พล.อ.ประยุทธ์ แสดงว่ายังไม่เข้าใจบริบทของประเทศนี้ ประเทศที่บริหารโดยทหารก็เป็นแบบนี้แหละ ในทางกลับกันหากนักบริหารในภาคเอกชน ซึ่งเขาบอกโลกกว้างกว่า เขาก็สามารถที่จะทำงานได้มากกว่า ฉะนั้น พล.อ.ประยุทธ์ต้องเข้าใจให้ถูกต้องว่าใครก็ตามที่เขาเสนอตัวจะเข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรี คนที่จะตัดสินคือประชาชนไม่ใช่ พล.อ.ประยุทธ์มาตัดสิน เรื่องนี้ต้องเปิดใจกว้างๆ ไว้ เขาเข้ามาตามกระบวนการ พล.อ.ประยุทธ์แรกๆ ก็ไม่ได้เข้ามาตามกระบวนการ ฉะนั้น ต้องเคารพในกระบวนการเราต้องเคารพเขา ส่วนท่านจะวิจารณ์อย่างไร ทุกอย่างก็เข้าตัวท่าน

ทำงานไม่คุ้มภาษี!! ‘ตรีชฎา’ จี้ กกต. ตรวจสอบ ‘บิ๊กตู่’  หลังลาราชการไปร่วมงาน รทสช.

(2 มี.ค.66) น.ส.ตรีชฎา ศรีธาดา รองโฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า ขณะนี้ปี่กลองของการเลือกตั้งดังขึ้นเรื่อยๆ ทุกพรรคการเมืองต่างเร่งหาเสียง นำเสนอนโยบายสู่พี่น้องประชาชน แต่รัฐบาลที่นำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยังไม่ยอมยุบสภา กอดอำนาจเอาไว้และยังทำงานไม่คุ้มค่ากับภาษีของพี่น้องประชาชน กลับลาราชการมาร่วมพิธีทำบุญใหญ่ ณ ที่ทำการพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ลาราชการมาสวมเสื้อแจ๊กเก็ตให้ผู้จะลงสมัครรับเลือกตั้งในนามพรรครวมไทยสร้างชาติ โดยที่ยังได้ทั้งเงินเดือน และสวัสดิการเพรียบพร้อมที่มากกว่าผู้สมัครอื่นๆ

“การกระทำของพล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งอยู่ในฐานะผู้ถูกเสนอชื่อให้เป็นนายกรัฐมนตรีจากพรรครวมไทยสร้างชาติ และมีตำแหน่งในคณะรัฐมนตรีที่สังกัดพรรคการเมือง ถือเป็นการเอาเปรียบพรรคการเมืองอื่นหรือเอื้อประโยชน์ต่อพรรคการเมืองใด พรรคการเมืองหนึ่งในช่วงเวลาใกล้การเลือกตั้งหรือไม่ แม้การลาเป็นสิทธิที่สามารถกระทำได้ แต่ในฐานะของคนเป็นนายกรัฐมนตรี ย่อมถูกคาดหวังถึงความผิดชอบ ความมีวุฒิภาวะความเป็นผู้นำ และมารยาททางการเมืองที่คนเป็นนักการเมืองพึงมี จึงขอเรียกร้องให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตรวจสอบด้วย การกระทำของพล.อ.ประยุทธ์ เอื้อต่อการหาคะแนนเสียง หรือการกระทำใดๆ ก็ตามที่จะทำให้นายกฯ รองนายกฯ และรัฐมนตรี ได้เปรียบคู่แข่ง ซึ่งไม่ได้เป็นรัฐบาลหรือไม่ และหากยุบสภา การหาเสียงของบุคคลเหล่านี้จะต้องไม่ขัดต่อระเบียบ กกต. อันจะทำให้เกิดความไม่เท่าเทียมกับพรรคอื่นๆในการเลือกตั้งด้วย”

ก้าวไกลไว้อาลัย!! อาลัย ‘ทนายเคน’ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.แพร่ ก้าวไกล เสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุรถชน ขณะกลับจากหาเสียง

‘ทนายเคน’ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.แพร่ ก้าวไกล เสียชีวิตแล้วหลังถูกรถชนอาการสาหัส ‘พิธา’ แสดงความอาลัย ด้าน ‘สารวัตรเพียว’ ขอตำรวจเร่งติดตามตัวคนร้าย ยกกรณีเป็นบรรทัดฐานการทำงานของตำรวจ ต้องรัดกุม-เป็นธรรมต่อประชาชนทุกคน

(2 มี.ค.66) พรรคก้าวไกล ร่วมแสดงความเสียใจหลัง ‘ทนายเคน’ ติรานนท์ เวียงธรรม ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.แพร่ พรรคก้าวไกล ประสบอุบัติเหตุหลังกลับจากการลงพื้นที่หาเสียงเมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2566 และเสียชีวิตในช่วงเช้าของวันนี้ โดยตลอดระยะเวลาที่ทนายเคนเข้ารับการรักษา มี ส.ส. พรรคก้าวไกลหลายรายเดินทางไปเยี่ยมและติดตามตรวจสอบความคืบหน้าของคดี

พันตำรวจตรีชวลิต เลาหอุดมพันธ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ได้เดินทางไปยังจังหวัดแพร่เพื่อเข้าเยี่ยมทนายเคนและตรวจสอบที่เกิดเหตุเมื่อวานนี้ (1 มีนาคม) ก่อนให้สัมภาษณ์ว่า เพิ่งทราบข่าวในช่วงเช้าวันนี้ ว่าทนายเคนได้จากไปอย่างสงบ รู้สึกเสียใจ เพราะทนายเคนเป็นคนที่ขยันลงพื้นที่และตั้งใจทำงานมาก เป็นทนายความอาสาประจำจังหวัดแพร่ จนได้รับฉายา ‘ทนายคนจน’ ซึ่งบริเวณที่เกิดเหตุ ข้างกองเลือดยังมีโปสเตอร์แผ่นพับนโยบายของพรรคก้าวไกลตกอยู่ด้วยซ้ำ จึงต้องขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวของทนายเคนอีกครั้ง

สำหรับประเด็นของคดีนั้น พ.ต.ต. ชวลิตกล่าวว่า ตนได้เดินทางไปยังจุดเกิดเหตุและดูร่องรอยบนรถจักรยานยนต์ที่ทนายเคนขับขี่ ร่วมกับตำรวจสถานีตำรวจภูธรสูงเม่นและตำรวจพิสูจน์หลักฐานจังหวัดแพร่ พบว่าสถานที่เกิดเหตุเป็นถนนเลนเดียว เกิดเหตุในเวลากลางคืน พยานได้เล่าเหตุการณ์ให้ตนฟังว่า พยานขับขี่รถจักรยานยนต์นำหน้ารถจักรยานยนต์ของทนายเคน หลังจากเดินสายหาเสียง ระหว่างนั้นเกิดเหตุมีรถยนต์กระบะเปิดไฟสูงสวนมาด้วยความเร็ว ทำให้จักรยานยนต์คันอื่นๆ ต้องหลบออกนอกถนน กะทันหัน แต่จักรยานยนต์ของทนายเคนหลบไม่ทัน ทำให้เกิดการเฉี่ยวชนและล้มลงไป จนได้รับบาดเจ็บสาหัสและเสียชีวิตในเวลาต่อมา

“ที่รถจักรยานยนต์ของทนายเคน จะเห็นว่ามีรอยสีรถคันอื่นติดอยู่บริเวณโช้คด้านขวา ประกอบกับการดูกล้องวงจรปิดในช่วงกลางคืน แม้จะไม่ชัดมากแต่ก็เห็นแสงไฟของรถยนต์คันที่สวนมา ลักษณะพฤติการณ์ก็สอดคล้องกับคำให้การของพยาน ดังนั้นคดีนี้มีคู่กรณีอย่างแน่นอน ไม่ใช่การล้มเอง และประเด็นที่ตำรวจต้องติดตามต่อคือ รถยนต์คันดังกล่าวมาจากที่ใด ใครเป็นผู้ขับขี่ เป็นประเด็นที่ต้องติดตามต่อให้ได้ เพราะยังไม่ได้ตัดประเด็นความจงใจของผู้ก่อเหตุออกไป” พ.ต.ต. ชวลิตกล่าว

อบต.เฮ!! นายกฯ เมินถูกมองหาเสียง หลังขึ้นค่าตอบแทน อบต. ชี้!! เป็นการทำงานปกติของรัฐบาล

(2 มี.ค.66) ที่หอประชุมมหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ภายหลังประกาศขึ้นค่าตอบแทน อบต. ในงานสัมมนา อบต.ทั่วประเทศ ว่า เขาได้รับการพิจารณาจากทางกระทรวงมหาดไทยมาแล้ว เมื่อถามว่า หากประกาศในราชกิจจานุเบกษาจะมีผลสิ้นเดือน มี.ค.เลยหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ก็มีผล ซึ่งเป็นการใช้งบของ อบต.เขา

เมื่อถามว่า แต่ละ อบต. จะไม่ได้เท่ากันใช่หรือไม่ต้องขึ้นอยู่กับรายได้ของแต่ละแห่งนั้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า อันนี้เดี๋ยวเขากำลังพิจารณาอยู่ ซึ่งรายละเอียดตนไม่ทราบ รู้แต่เพียงหลักการ เมื่อถามอีกว่า การขึ้นค่าตอบแทน อบต.จะถูกมองว่าเป็นการหาเสียงหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า "คุณมองยังไง ก็ไปอย่างนั้น แล้วแต่คุณจะมอง แต่มันเป็นเรื่องการทำงานปกติของรัฐบาล"


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top