นายเทพไท เสนพงศ์ อดีตส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ว่า จากการที่นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้แถลงข่าวว่า ตนรู้สึกเสียใจอย่างสุดซึ้ง และต้องขอถือโอกาสนี้ กราบขอโทษกับทุกสิ่งที่เกิดขึ้น ในฐานะหัวหน้าพรรคขอเรียนว่า ตนมีส่วนสำคัญในการนำนายปริญญ์ พานิชภักดิ์ อดีตรองหัวหน้าพรรคฯ เข้าพรรค แม้ว่ากระบวนการจะต้องผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการบริหารพรรค และการดำรงตำแหน่งรองหัวหน้าพรรค จะต้องผ่านการลงคะแนนให้ความเห็นชอบจากที่ประชุมใหญ่ก็ตาม หรือแม้แต่กรณีที่เราไม่อาจจะทราบการณ์ล่วงหน้าว่า จะเกิดอะไรขึ้นอย่างไร แต่เมื่อเกิดเหตุขึ้นมา ในฐานะหัวหน้าพรรค ก็หนีไม่พ้นที่จะต้องรับผิดชอบ ต้องร่วมกับคณะกรรมการบริหารพรรค แก้ปัญหาที่เกิดขึ้นให้ดีที่สุด
ผมคิดว่าคำพูดของนายจุรินทร์ที่ยอมรับว่า มีส่วนสำคัญในการนำนายปริญญ์ เข้าเป็นรองหัวหน้าพรรค ทำให้สังคมอยากรู้ว่า มีส่วนสำคัญอย่างไร จึงขออนุญาตอธิบายตามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ดังนี้ 1.นายปริญญ์ เป็นบุคคลภายนอก ซึ่งเพิ่งเข้ามาสมัครเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ การเข้าสู่ตำแหน่งคณะกรรมการบริหารพรรค ต้องมีคุณสมบัติตามข้อบังคับพรรค ข้อ 31 ระบุว่า สมาชิกผู้มีคุณสมบัติที่จะได้รับเลือกตั้ง เป็นคณะกรรมการบริหารพรรค จะต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 20 ปีบริบูรณ์ และเป็นสมาชิกติดต่อกันไม่น้อยกว่า 5 ปีนับถึงวันเลือกตั้ง
เว้นแต่สมาชิกที่มีคุณสมบัติข้อใดข้อหนึ่งดังต่อไปนี้ (1)เป็นหรือเคยเป็นกรรมการบริหารพรรค (2)เป็นหรือเคยเป็นคณะกรรมการสาขาพรรค (3)เป็นหรือเคยเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในนามพรรค(4)เป็นหรือเคยเป็นรัฐมนตรีในนามพรรค (5)เป็นหรือเคยเป็นสมาชิกสภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่น ที่พรรคส่งลงสมัครรับเลือกตั้ง และ(6)สมาชิกที่ประชุมใหญ่ มีมติด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่าสามในสี่ของที่ประชุมใหญ่ มีมติให้ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นคณะกรรมการบริหารพรรค
ถ้าพิจารณาตามข้อบังคับพรรค นายปริญญ์ ขาดคุณสมบัติการเข้าเป็นรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ จึงทำให้นายจุรินทร์ ในฐานะหัวหน้าพรรค ได้ใช้สิทธิ์เสนอตามข้อ31(6) ขอให้ที่ประชุมใหญ่ มีมติยกเว้นคุณสมบัติ เพื่อให้นายปริญญ์ มีคุณสมบัติเป็นรองหัวหน้าพรรคได้ จึงเป็นความรับผิดชอบโดยตรงของนายจุรินทร์ ที่เป็นผู้เสนอชื่อนายปริญญ์ ให้ที่ประชุมใหญ่รับรองเข้าเป็นรองหัวหน้าพรรคตามภารกิจ ซึ่งที่ประชุมใหญ่ได้ให้การรับรอง เปรียบเสมือนการล็อกสเปกตำแหน่งรองหัวหน้าพรรค จากโควต้าของหัวหน้าพรรค
2.เมื่อมีกระแสข่าวว่านายจุรินทร์ จะเสนอชื่อนายปริญญ์ ขึ้นเป็นรองหัวหน้าพรรค ทำให้มีสมาชิกพรรคจำนวนหนึ่ง ที่ทราบประวัติของนายปริญญ์มาก่อน ได้เข้าให้ข้อมูลและท้วงติงเกี่ยวกับประวัตินายปริญญ์ต่อนายจุรินทร์ แต่เมื่อนายจุรินทร์ยืนยันที่จะใช้สิทธิ์เสนอชื่อ นายปริญญ์เป็นรองหัวหน้าพรรค ก็เป็นสิทธิ์ของผู้ดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรค ที่สามารถกระทำได้ และ3.การเสนอชื่อนายปริญญ์ ขึ้นเป็นรองหัวหน้าพรรค เพื่อทำภารกิจเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจทันสมัย ต้องการให้เข้ามาแทนที่บทบาทของนายกรณ์ จาติกวณิชย์ อดีตหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ สมัยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นหัวหน้าพรรค เพราะนายกรณ์ เป็นคู่แข่งขันในตำแหน่งหัวหน้าพรรคกับนายจุรินทร์