Sunday, 19 May 2024
NEWS

ตำรวจไซเบอร์จับเครือข่ายหลอกเทรดหุ้นบริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่ อ้างลงทุนเริ่มต้นแค่ 1 พัน สุดท้ายเหยื่อสูญเงินไปเกือบ 2 ล้าน

เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2566 ที่ กองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1 พล.ต.ต.ชัชปัณฑกานต์ คล้ายคลึง ผบก.สอท.1 แถลงข่าวจับกุมเครือข่ายมิจฉาชีพอ้างตัวมาจากบริษัทยักษ์ใหญ่ชื่อดัง หลอกลวงให้ลงทุนเทรดน้ำมันผลตอบแทนดี ผู้เสียหายหลงเชื่อโอนเงินออกไป จำนวน 39 ครั้ง สูญเงินเกือบ 2 ล้านบาท

พล.ต.ต.ชัชปัณฑกานต์ฯ เปิดเผยว่า ตามสั่งการของ พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. ให้เร่งสืบสวนสอบสวน กรณีมีผู้เสียหายเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อ กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ว่าพบประกาศบน Facebook ให้ชักชวนให้ร่วมลงทุนเทรดน้ำมัน โดยสามารถเริ่มต้นที่เงิน จำนวน 1,000 บาท และจะได้รับผลตอบแทนสูงขึ้นตามจำนวนเงินที่ได้ลงทุนไป

ผู้เสียหายเกิดความสนใจจึงได้ติดต่อโดยการการกดลิงก์เพื่อเพิ่มเพื่อนในแอปพลิเคชัน Line ต่อมาจะมผู้อ้างตัวว่าเป็นฝ่ายบริการและโบรกเกอร์ เข้ามาแนะนำวิธีการลงทุนในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การเปิดพอร์ต วิธีการ และหมายเลขบัญชีธนาคารในการโอนเงินเข้าในพอร์ต มีฝ่ายบัญชีและฝ่ายการเงิน แนะนำวิธีการถอนเงินออกจากระบบ โดยหลังจากที่ผู้เสียหายหลงเชื่อ ได้มีการโอนเงินไปยังบัญชีธนาคารของกลุ่มมิจฉาชีพ จำนวน 6 บัญชี ทั้งหมด 39 ครั้ง รวมเป็นเงิน 1,881,144 บาท ต่อมาไม่สามารถถอนเงินออกจากระบบได้ ผู้เสียหายรู้ตัวว่าถูกหลอก จึงได้มาแจ้งความร้องทุกข์

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.สอท.1 สามารถจับกุมผู้ต้องหา นายณัฐกาญจน์(สงวนนามสกุล) ผู้ต้องหาในขบวนการดังกล่าว ได้ตามหมายจับของศาลอาญาพระโขนงที่ 276/2566 ลงวันที่ 24 พฤษภาคม 2566 ข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยการแสดงตนเป็นคนอื่น , ร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน” โดยทำการจับกุมได้ที่ บ้านพัก ในตำบลลาดทิพรส อำเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์ นำส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดี เบื้องต้นผู้ต้องหายังไม่ขอให้การใดๆ

กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ขอประชาสัมพันธ์มายังพี่น้องประชาชนว่า ในปัจจุบันมิจฉาชีพมีการปลอมแปลงตราสัญลักษณ์รวมถึงภาพผู้บริหารของบริษัทที่มีชื่อเสียงไปใช้ เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ รวมไปถึงมีการแอบอ้างหน่วยงานภาครัฐหรือธนาคารต่างๆ อีกด้วย ขอให้ประชาชนหมั่นสังเกต โดยมีจุดสังเกตว่าอาจจะเป็นมิจฉาชีพ เช่น การันตีผลตอบแทน (ไม่มีการลงทุนใดที่สามารถการันตีผลตอบแทนได้) หรือ ให้ผลตอบแทนที่สูงเกินจริง โดยก่อนลงทุน ควรตรวจสอบรายชื่อผู้ประกอบธุรกิจในตลาดทุนที่ได้รับอนุญาต และตรวจสอบว่าประเภทใบอนุญาตตรงกับบริษัทที่อ้างถึงหรือไม่ หรือหากเป็นการลงทุนควรโอนเงินเข้าบัญชีปลายทางที่เป็นชื่อผู้ประกอบธุรกิจที่ได้รับอนุญาต ไม่ควรจะเป็นบัญชีบุคคลธรรมดา

ทั้งนี้ หากพบการโฆษณาชักชวนลงทุนที่ไม่น่าไว้ใจ สามารถสอบถามได้ที่ ศูนย์บริการประชาชน ก.ล.ต. โทร 1207 กด 2 หรือ สายด่วน ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โทร 1441

ผบ.ตร.สั่ง ผบช.ภ.7 ตรวจสอบรายการยูทูบเบอร์ดัง มีการขออนุญาตถูกต้อง ตามระเบียบกฎหมายหรือไม่

ผบ.ตร.สั่ง ผบช.ภ.7 ตรวจสอบรายการยูทูบเบอร์ดัง มีการขออนุญาตถูกต้อง ตามระเบียบกฎหมายหรือไม่ พร้อมตรวจสอบบุคคลที่ปรากฎในคลิปเป็นตำรวจจริงหรือไม่ หากพบเป็นความผิดให้ดำเนินตามกฎหมาย เตือนแต่งเครื่องแบบตำรวจโดยไม่มีสิทธิ มีโทษจำคุกสูงถึง 5 ปี ส่วนยูทูบเบอร์เป็นผู้ใช้ รับโทษเสมือนตัวการ

วันนี้ (19 มิ.ย.66 ) พล.ต.ท. อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ  กล่าวว่า “จากกรณียูทูบเบอร์ ชื่อดัง เนท MyMateNate จ้างตำรวจ 50 นาย - คอมมานโด ไล่ล่าในห้างฯร้าง ได้โพสต์คลิปภารกิจการเอาตัวรอดคลิปหนึ่ง พร้อมทั้งระบุข้อความว่า "จะรอดไหม?!" จนกลายเป็นกระแสสังคมถึงความเหมาะสมนั้น

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร.ได้รับทราบแล้ว สั่งการด่วนให้ พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบช.ภ.7 และ พล.ต.ต.ไพโรจน์ คุ้มภัย ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี ซึ่งเป็นพื้นที่เกิดเหตุ ถ่ายทำรายการดังกล่าว ลงตรวจสอบข้อเท็จจริง ว่าบุคคลที่ปรากฎในคลิปเป็นข้าราชการตำรวจจริงหรือไม่ ได้มีการขออนุญาตถ่ายทำการแสดงในการแต่งกายตำรวจ ตามระเบียบกฎหมายหรือไม่ รวมทั้งการใช้อาวุธปืน ยุทโธปกรณ์ ยานพาหนะ ถูกต้องหรือไม่ หากพบเป็นความผิดให้ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ ในเบื้องต้นทราบว่า มีข้าราชการตำรวจจริงบางนายที่ร่วมแสดง ส่วนผู้แสดงอื่นๆ กำลังตรวจสอบโดยละเอียดเพิ่มเติม

ในกรณีดังกล่าว หากเป็นข้าราชการตำรวจที่จะทำการแสดงจัดทำสื่อประชาสัมพันธ์  ต้องปฏิบัติตามระเบียบตำรวจไม่เกี่ยวคดีลักษณะที่ 30 การปฏิบัติเกี่ยวกับการให้ข่าวแถลงข่าว การให้สัมภาษณ์ การเผยแพร่ภาพต่อสื่อมวลชน และการจัดทำสื่อประชาสัมพันธ์ ที่ระบุไว้ชัดเจนว่า การขออนุญาตใช้สถานที่ บุคคลากร อุปกรณ์ ยานพาหนะของสำนักงานตำรวจแห่งชาติเข้าร่วมเพื่อประกอบฉากถ่ายทำเผยแพร่ภาพต่อสื่อมวลชน ต้องเสนอบท เนื้อหาตามลำดับชั้น เพื่อให้ผู้บังคับการอนุมัติจึงจะทำการแสดงได้  หากฝ่าฝืนต้องเป็นความผิดทางวินัย

บุคคลที่ไม่ใช่ตำรวจ แต่มารับจ้างแต่งกายเป็นตำรวจ หากไม่มีการขออนุญาตโดยถูกต้อง จะมีความผิดตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2565 มาตรา 152 ฐาน แต่งเครื่องแบบตำรวจโดยไม่มีสิทธิ จะมีโทษจำคุกตั้งแต่ 3 เดือน ถึง 5 ปี และความผิด ตาม ป.อาญา มาตรา 146 ผู้ที่ไม่มีสิทธิสวมเครื่องเเบบ หรือประดับเครื่องหมายของเจ้าหน้าที่ตำรวจ หากฝ่าฝืน จะต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับ ไม่เกิน 2,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ส่วนยูทูบเบอร์ ชื่อดัง เนท MyMateNate ผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบการแสดง ในกรณีที่จะต้องมีแสดงแต่งกายเป็นตำรวจหรือแต่งกายคล้ายตำรวจ ที่ประสงค์จะเผยแพร่ต่อสาธารณชน จะต้องแจ้งบทเนื้อหา รายละเอียดเครื่องแบบ เครื่องแต่งกายที่ต้องใช้แสดงให้หัวหน้าสถานีตำรวจ ณ ท้องที่ที่จะถ่ายทำไม่น้อยกว่า 5 วันก่อนทำการถ่ายทำหรือการแสดง

ตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2565 มาตรา 155 ประกอบกฎกระทรวงว่าด้วยหลักเกณฑ์การแจ้งให้หัวหน้าสถานที่ตำรวจท้องที่ทราบฯ ซึ่งหากไม่มีการขออนุญาตโดยถูกต้อง แล้วไปจ้างบุคคลภายนอกที่ไม่ใช่ตำรวจมาแต่งกายเป็นตำรวจโดยไม่มีสิทธิ จะเป็นความผิดฐานเป็นผู้ใช้ และเมื่อมีการกระทำความผิดลง มีการแต่งกายตำรวจโดยไม่มีสิทธิ์ ยูทูบเบอร์ผู้นั้นจะต้องรับโทษเสมือนตัวการ

โฆษก ตร. กล่าวอีกว่า “ฝากถึงยูทูบเบอร์ หรือผู้ที่จะทำการถ่ายทำการแสดง ละคร ภาพยนตร์ หรือการแสดงอื่นๆในทำนองเดียวกัน เพื่อจะใช้เผยแพร่ออกสู่สาธารณชน หากมีการแต่งกายด้วยเครื่องแบบตำรวจ แต่งกายคล้ายตำรวจ หรือต้องใช้อุปกรณ์ ยานพาหนะ ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ต้องดำเนินการขออนุญาตให้ถูกต้องตามระเบียบ กฎหมาย เพราะบางครั้งอาจจะดำเนินการไม่ถูกต้อง ไม่เหมาะสม ทำให้เสื่อมเสียแก่ข้าราชการตำรวจ ทำให้คนหลงเชื่อว่าเป็นข้าราชการตำรวจจริง ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของพี่น้องประชาชนได้ หากฝ่าฝืนจะมีโทษทางอาญา จะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย

ส่วนข้าราชการตำรวจต้องปฏิบัติตามระเบียบ กฎหมาย กฎเกณฑ์ที่กำหนดให้ถูกต้อง มีการขออนุญาตตามลำดับชั้นถึงผู้บังคับการ หากฝ่าฝืนจะมีโทษทางวินัย

ทั้งนี้เพื่อความเหมาะสม สมเกียรติแห่งเกียรติยศ ศักดิ์ศรีของเครื่องแบบตำรวจ ที่จะปรากฎออกสู่สาธารณชน”
 

‘หยก ธนลภย์’ ยัน ขอเรียนต่อที่ ‘เตรียมพัฒน์’ พร้อมเดินหน้าต่อ เรียกร้องสิทธิพื้นฐาน ทรงผม-สีผม-การแต่งกาย

‘หยก ธนลภย์’  ยืนยันจะเรียนที่โรงเรียนเตรียมพัฒน์ เพราะสอบเข้าที่นี่ได้ และได้มอบตัวไปแล้ว โดยหยกชี้แจงเรื่องมอบตัวว่าได้มอบตัวเสร็จสมบูรณ์ไปแล้ว เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2566 โดยได้จ่ายค่าเทอมเรียบร้อยแล้วและได้เรียนมา ประมาณ 1 เดือนแล้วและเดือนหน้าก็กำลังเตรียมตัวจะสอบ แต่ทางโรงเรียนกลับมาบอกว่าให้ออกเพราะไม่ใช่นักเรียน

นอกจากนี้ หยก ยังยืนยันที่จะเดินหน้าเรียกร้องเรื่องทรงผมและสีผม โดยมองว่าทรงผมและสีผมของเราก็ย่อมเป็นสิทธิพื้นฐานทางเนื้อตัวของเรา โดยยกกรณีศึกษาเคสล่าสุด อ้างอิงจากเพจอาณาจักรฟ้าขาว ที่มีเด็กนักเรียน เสียชีวิตจากการที่ถูกครูกดดันเรื่องทรงผม หยกมองว่าเคสนี้ไม่ใช่เคสแรกและก็จะไม่ใช่เคสสุดท้าย ถ้ายังมีกฎระเบียบเรื่องทรงผม และสีผม อยู่ไม่เปลี่ยนแปลง

นอกจากนี้ การแต่งกายก็เป็นสิทธิพื้นฐานของเราเช่นเดียวกัน การแต่งกายนั้นไม่เกี่ยวกับการเรียนหยกยืนยันว่า ถึงจะแต่งชุดไปรเวทก็สามารถเรียนได้ ส่วนเรื่องพิธีกรรมต่างๆที่หยกไม่เข้าร่วมนั้นหยกมองว่าเป็นพิธีกรรมที่สืบทอดอำนาจนิยม อย่างเช่นพิธีไหว้ครูนั้นเราก็จ่ายค่าเรียนค่าเทอมเพื่อให้คุณครูนั้นได้มาสอนเรา การเปลี่ยนแปลงทุกอย่างนั้นจะต้องมีจุดเริ่มต้น ถ้าหากไม่เริ่มวันนี้แล้วเราจะเริ่มวันไหน เมื่อสมัย 10 ปีก่อนก็มีพี่เนติวิทย์ทำ ช่วง 1-3 ปีที่แล้วก็มีกลุ่มนักเรียนเลวทำ มันไม่ใช่หยกที่เป็นจุดเริ่มต้นเพราะจุดเริ่มต้นนั้นมีมาตั้งนานแล้ว

‘ดร.หิมาลัย’ โพสต์เฟซบุ๊ก แสดงความคิดเห็น ‘เป็นห่วง’ เรื่องเว็บพนันออนไลน์ และการจ่ายสินบน

ดร.หิมาลัย ผิวพรรณ ผู้ประสานงานพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ได้โพสต์เฟซบุ๊กด้วยความเป็นห่วง ในประเด็นที่สังคมกำลังให้ความสนใจ เรื่องเว็บพนันออนไลน์และการจ่ายสินบน โดยได้ให้ความเห็นไว้ว่า ...

น่าเป็นห่วง...ผมอ่านข่าวผู้การชลบุรีเรียกรับเงินสินบนจากผู้ต้องหาคดีการพนันออนไลน์ กว่า 140 ล้าน เพื่อแลกกับการช่วยเหลือทางคดี ขณะนี้ผู้คนส่วนใหญ่ให้ความสนใจมองไปที่มุมด้านของตำรวจที่เรียกรับเงินจากผู้ต้องหาในคดีการพนันออนไลน์แต่เพียงด้านเดียว ซึ่งแน่นอนตำรวจที่ทำอย่างนั้นก็ต้องรับผิดไปตามกฎหมาย แต่ก็ไม่อยากให้ลืมกลุ่มผู้เสียหายในคดีที่ตำรวจเรียกเงินนั้น ว่าเป็นผู้ต้องหาในคดีการพนันออนไลน์ ซึ่งน่าเป็นห่วงว่าถ้าตำรวจชุดที่ทำคดีมีการเรียกเงินจริงตามข่าว

แล้วในคดีการพนันนั้นจะมีการสอบสวนสืบสวนอย่างจริงจังแค่ไหน คงต้องมีการแตะเบรคแน่ๆ และตามที่ปรากฏเป็นข่าวผู้เสียหายในคดีตำรวจเรียกเงิน หรือผู้ต้องหาในคดีการพนัน มีความสามารถสั่งให้คนเอาเงินมาให้ในคืนเดียวกว่า 60-70 ล้านบาท กลุ่มคนที่เอาเงินมาให้เอาเงินมาจากไหน เกี่ยวกับเงินการพนันออนไลน์หรือไม่ ก็ควรต้องไปตรวจสอบ

จากที่พวกเราได้รับรู้ข่าวพวกการพนันออนไลน์ที่ได้เงินมาจากการทำบ่อนออนไลน์จำนวนมาก จนสามารถใช้เงินเบิกทางไปสู่ตำแหน่งหน้าที่ราชการ หรือสร้างภาพทางสังคม ทำให้ผมเห็นถึงความน่ากลัวของการใช้เงินของพวกนี้แล้วครับว่า จะใช้เงินซื้ออะไรอีก…
 

ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารเรือร่วมประชุมองค์กรร่วมไทย-มาเลเซีย ครั้งที่ 142 และ Annual General Meeting ครั้งที่ 31 ณ ประเทศมาเลเซีย เพื่อความร่วมมือในการบริหารจัดการพลังงานในพื้นที่พัฒนาร่วมอย่างยั่งยืน

วันที่ 17 มิ.ย. 66 พล.ร.อ.สุวิน แจ้งยอดสุข ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารเรือ ในฐานะสมาชิกองค์กรร่วมไทย-มาเลเซีย (MTJA:Malaysia-Thai Joint Authority Members) เข้าร่วมการประชุมองค์กรร่วมไทย-มาเลเซีย ครั้งที่ 142 และ Annual General Meeting ครั้งที่ 31 โดยมี YBHG. TAN SRI DR. RAHAMAT BIVI BINTI YUSOFF ประธานร่วมฝ่ายมาเลเซีย เป็นประธานการประชุม พร้อมด้วย ดร.คุรุจิต นาครทรรพ ประธานร่วมฝ่ายไทย และสมาชิกองค์กรร่วมฯ จากทั้งสองประเทศเข้าร่วมการประชุม ณ โรงแรม Shangri La Rasa Sayang Resort & Spa ปีนัง ประเทศมาเลเซีย โดยที่ประชุมมีการรายงานความก้าวหน้าการดำเนินการด้านต่างๆ ของไตรมาสที่ 1 ประจำปี 2023 ประกอบด้วย การพัฒนาและผลิตปิโตรเลียม , การเงิน , การจัดซื้อจัดจ้าง และการดำเนินการด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยสิ่งแวดล้อม รวมทั้งพิจารณาเรื่องสำคัญอื่นๆ ของ MTJA ซึ่งมีผลการดำเนินการเป็นไปตามแผนงาน

นับว่าเป็นบทบาทหนึ่งของกองทัพเรือซึ่งเป็นหน่วยงานหลักในการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลในเวทีระหว่างประเทศ เพื่อให้เกิดการแสวงประโยชน์ทรัพยากรใต้พื้นท้องทะเลโดยเฉพาะพลังงานปิโตเลียมในพื้นที่พัฒนาร่วม (JDA:Joint Development Area) ที่เท่าเทียมกันของทั้งสองประเทศอย่างยั่งยืน

ทหารเรือบุกจับเรือบรรทุกน้ำมันหนีภาษี เกือบ 3 แสนลิตร ใกล้เกาะสีชัง ศรีราชา

เมื่อวันที่ 17 มิ.ย. 66 เวลา 20.30 น. กองทัพเรือ โดย ทัพเรือภาคที่ 1 (ทรภ.1) บูรณาการร่วมกับศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลภาค 1 (ศรชล.ภาค 1) และหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันตรวจสอบและจับกุมเรือบรรทุกน้ำมันกลางทะเล 2 ลำ พบน้ำมันดีเซลไม่ผ่านการเสียภาษี จำนวน 290,000 ลิตร 

ล่าสุด เมื่อเวลา 16.30 น. ของวันที่ 18 มิ.ย.66 ที่ ท่าเรือกลางอ่าว กองบัญชาการกองเรือยุทธการ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี พลเรือตรี อนุพงษ์ ทะประสพ รองผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 ได้เดินทางมาแถลงข่าวร่วมกับหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง 

โดยได้เปิดเผยว่า จากการปฏิบัติด้านการข่าวของ ทรภ.1/ศรชล.ภาค 1 นำไปสู่การมอบหมายภารกิจให้ เรือ ต.115 เข้าดำเนินการตรวจสอบเรือบรรทุกน้ำมันต้องสงสัย ที่มีลักษณะพฤติกรรมหลบเลี่ยงภาษี ชื่อ เรือ MMM 8 มีไต๋เรือ พร้อมลูกเรือ รวม 6 นาย พบน้ำมันดีเซล จำนวน 230,000 ลิตร และเรือ NPK แสนสุข 33 มีไต๋เรือ พร้อมลูกเรือ รวม 7 นาย น้ำมันดีเซล จำนวน 60,000 ลิตร รวม 290,000 ลิตร ที่บริเวณ เกาะสีชัง อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี 

ก่อนที่ เรือ ต.115 จะได้ดำเนินการควบคุมเรือบรรทุกน้ำมันดีเซลหลบเลี่ยงภาษีดังกล่าว มายังท่าเรือกลางอ่าว กองบัญชาการกองเรือยุทธการ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี เพื่อตรวจสอบและดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป 

ทั้งนี้ การปฏิบัติดังกล่าว เป็นไปตามนโยบายของผู้บัญชาการทหารเรือ/รองผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ที่ให้ดำเนินการปราบปรามการกระทำผิดกฎหมายในทะเลอย่างจริงจัง

นิราช ทิพย์ศรี /นันทพล  ทิพย์ศรี  อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี

‘ดร.หิมาลัย’ โพสต์เฟซบุ๊ก แสดงความคิดเห็น ‘เป็นห่วง’ เรื่องเว็บพนันออนไลน์ และการจ่ายสินบน

ดร.หิมาลัย ผิวพรรณ ผู้ประสานงานพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ได้โพสต์เฟซบุ๊กด้วยความเป็นห่วง ในประเด็นที่สังคมกำลังให้ความสนใจ เรื่องเว็บพนันออนไลน์และการจ่ายสินบน โดยได้ให้ความเห็นไว้ว่า ...

น่าเป็นห่วง...ผมอ่านข่าวผู้การชลบุรีเรียกรับเงินสินบนจากผู้ต้องหาคดีการพนันออนไลน์ กว่า 140 ล้าน เพื่อแลกกับการช่วยเหลือทางคดี ขณะนี้ผู้คนส่วนใหญ่ให้ความสนใจมองไปที่มุมด้านของตำรวจที่เรียกรับเงินจากผู้ต้องหาในคดีการพนันออนไลน์แต่เพียงด้านเดียว ซึ่งแน่นอนตำรวจที่ทำอย่างนั้นก็ต้องรับผิดไปตามกฎหมาย แต่ก็ไม่อยากให้ลืมกลุ่มผู้เสียหายในคดีที่ตำรวจเรียกเงินนั้น ว่าเป็นผู้ต้องหาในคดีการพนันออนไลน์ ซึ่งน่าเป็นห่วงว่าถ้าตำรวจชุดที่ทำคดีมีการเรียกเงินจริงตามข่าว แล้วในคดีการพนันนั้นจะมีการสอบสวนสืบสวนอย่างจริงจังแค่ไหน คงต้องมีการแตะเบรคแน่ๆ และตามที่ปรากฏเป็นข่าวผู้เสียหายในคดีตำรวจเรียกเงิน หรือผู้ต้องหาในคดีการพนัน มีความสามารถสั่งให้คนเอาเงินมาให้ในคืนเดียวกว่า 60-70 ล้านบาท กลุ่มคนที่เอาเงินมาให้เอาเงินมาจากไหน เกี่ยวกับเงินการพนันออนไลน์หรือไม่ ก็ควรต้องไปตรวจสอบ จากที่พวกเราได้รับรู้ข่าวพวกการพนันออนไลน์ที่ได้เงินมาจากการทำบ่อนออนไลน์จำนวนมาก จนสามารถใช้เงินเบิกทางไปสู่ตำแหน่งหน้าที่ราชการ หรือสร้างภาพทางสังคม ทำให้ผมเห็นถึงความน่ากลัวของการใช้เงินของพวกนี้แล้วครับว่า จะใช้เงินซื้ออะไรอีก…

‘ซ้งกี้ วีร่า’ โพสต์ความประทับใจใน ‘ชุดนักเรียน’ ย้ำ การอยู่ในกฎระเบียบ ทำให้เข้าใจ การอยู่ร่วมกันในสังคม

ผู้ใช้เฟซบุ๊ก ‘ซ้งกี้ วีร่า’ ได้โพสต์ข้อความบรรยายความรู้สึกประทับใจ ในการสวมใส่ชุดนักเรียน โดยได้ระบุว่า ...

เล่าเรื่องจริงของตนเองสมัยเรียนนิดนึง 
ตอนผมม.1(ปี40) พ่อถูกโกง ล้มละลาย ไม่มีเงินใช้ ก่อนล้ม ผมมีชุดนักเรียนใหม่ๆ โคร่งๆเพื่อให้ใช้ได้นานที่สุดอยู่ 2 ชุด ใส่สลับ ซักผึ่งอยู่เกือบเทอม จนอ.ที่ปรึกษา อ.เสริมศรี เปลี่ยนบางยาง เขาไม่รู้สังเกตุเห็นอะไร สงสัยเสื้อมันเลอะมีรอย เขาเลยเรียกเข้าไปคุย
 “อึ้งเอ้ย มีชุดนักเรียนกี่ชุด ครูมีของรุ่นพี่ๆเขาบริจาคไว้ ชุดไหนเธอใส่ได้ เธอเอาไปนะ … รองเท้าก็มีเอาไปด้วย” 

ตั้งแต่นั้นมา ผมก็ไม่ได้ซื้อชุดนักเรียนอิกเลย ใส่เก่าๆมาเรื่อย สิ่งที่ผมโดนล้อประจำคือ เสื้อเหลือง รองเท้าขาด แต่ผมไม่ได้รู้สึกอะไร เพราะผมรู้ว่ามันไม่จำเป็น บ้านจน ก็ทนเอา แม่ผมสอนมาทั้งเรื่องเสื้อผ้าหน้าผม ถ้าโรงเรียนเขามีระเบียบยังไง เราไหว เราก็ทำตาม เพราะ “อั๊วส่งลื้อไปเปงนักเรียง ในโรงเรียนที่ดีที่สุดแล้ว ลื้อก็แค่เรียนก็พอ ผมก็ตัดให้ตามระเบียบ ชุดก็แต่งให้เรียบร้อย ครูเห็น ใครเห็นก็รักลื้อ”

จนขึ้น ม.4 แม่ซื้อให้ใหม่ 2 ชุด และก็ยังเอาตัวเก่าๆที่ยังไหวมาปักเสมาเพิ่ม ใช้ไป ไม่คิดอะไร แต่พอม.4 นี่สิ เริ่มมีเรียนพิเศษละ ผมก็ชุดไปรเวทไปเรียนปกติ แต่สิ่งที่ผมเจอคือเพื่อนๆถามว่า “ซ้ง มึงไม่มีเสื้อผ้าใส่หรอ เห็นใส่ซ้ำๆ เดิมๆ เก่าๆ” เราแม่งทั้งเจ็บทั้งอาย ด้วยวัยตอนนั้น รู้อยู่แล้วครับขอป๊าม้าซื้อใหม่ ไม่ได้แน่นอน แว่นที่ใส่ยังรับต่อจากพี่ๆเลย5555 

ผมเริ่มเลยครับ รับจ้างทุกออย่าง ขายน้ำเต้าหู้ ส่งปาท่องโก๋ รับหิ้วสินค้า รับซื้อของ อดอาหารกลางวัน เพื่อ? ใช่ครับ เก็บเงินซื้อยีนสักสองตัว เสื้อสัก 3-4 ตัว เพื่อใส่สลับไปเรียนพิเศษ ไม่ให้เพื่อนแซว ส่วนวันธรรมดาถ้ามีเรียน ผมจะแต่งแต่ชุดนักเรียนไปครับ ไม่เปลี่ยนชุด เหม็นก็ช่างมัน 5555
มานึกย้อน ไอ้ชุดพวกนั้น แม่งไม่มีผลต่อการเรียนเลยครับ แต่สิ่งที่ผมคิดเสมอคือ
1. ผมภูมิใจในชุดสถาบันการศึกษาและทรงผมที่แสนจะรักษาความสะอาดง่ายของผม
2. เมื่ออยู่ในชุดนักเรียนผมเท่ากับเพื่อนที่รวยมากๆหลายๆคน แม้มันจะเก่า มันก็เท่ากันครับ
3. การอยู่ในกฎระเบียบของสถาบัน มันทำให้ผมและพวกผม เข้าใจการอยู่ร่วมในสังคมที่มีกติกาครับ
ผมไม่ทราบว่าโรงเรียนอื่นสอนหรือบังคับอะไรบ้าง แต่โรงเรียนผมสอนให้พวกผมเคารพกติกาสังคม เรียนรู้การมีอิสระมากมายภายใต้กรอบระเบียบ เพื่อความสงบสุขในการใช้ชีวิต ครับ
สวนกุหลาบฯ

รักเพื่อน เคารพพี่ ดูแลน้อง เคารพครู กตัญญูพ่อแม่ สนองคุณแผ่นดินครับ

 

‘ดร.วินัย’ เล่าถึงความรู้สึก เป็นตัวแทนคนไทย  ไปเข้าร่วมฮัจญฺกษัตริย์ และได้บรรยายให้ชาวมุสลิมทั่วโลก  

รศ.ดร.วินัย ดะห์ลัน นักวิชาการ กรรมการในคณะกรรมการสภาการศึกษา และกรรมการในคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านสังคม ได้โพสต์เฟซบุ๊ก เล่าถึงความรู้สึกดีใจที่จะได้ไปเข้าร่วมฮัจญฺกษัตริย์  นอกจากนี้ ดร.วินัย ก็ยังได้รับเกียรติเป็นองค์บรรยายในการประชุมวิชาการ Grand Hajj Symposium 1444 AH อีกด้วย ซึ่งถือว่าเป็นตัวแทนของคนไทยไปทำหน้าที่ในฐานะผู้แทนทางวิชาการจากประเทศไทย ไปให้ข้อมูลด้านวิทยาศาสตร์ฮาลาลแก่นักวิชาการที่มาจากทั่วโลกทั้งประเทศมุสลิมและมิใช่มุสลิม 

รู้จัก ‘บุ้ง เนติพร’ นักเคลื่อนไหวทางการเมือง ‘กลุ่มทะลุวัง’ เติบโตในครอบครัวของนักกฎหมาย แต่สุดท้ายต้องเข้าไปอยู่ใน ‘คุก’

‘บุ้ง เนติพร’ นักกิจกรรมและนักเคลื่อนไหวทางการเมือง  สมาชิกกลุ่มทะลุวัง วัย 27 ปี ผู้ที่ทำหน้าที่เป็น “ผู้ปกครอง” ของหยก เริ่มเป็นที่รู้จักของสังคมเมื่อตอนที่ได้ทำ 
“โพลสติกเกอร์สำรวจความคิดเห็น” เกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยมักจะหยิบยกคำถามที่ไม่เหมาะสม ไม่บังควรเช่น คำถามเกี่ยวกับขบวนเสด็จ หรือคำถามเกี่ยวกับงบประมาณสถาบันฯ มาเป็นตั้งโพลสอบถามในที่สาธารณะ โดยเคยทำโพลถามว่า "ขบวนเสด็จสร้างความเดือดร้อนหรือไม่?" และไปส่งโพลไปที่วังสระปทุมเมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2565

ในวัยเด็กนั้น บุ้งเติบโตขึ้นมาในครอบครัวของนักกฎหมาย มีพ่อเป็นผู้พิพากษา พี่สาวเป็นทนายความ มี “ศาล” เป็นสนามเด็กเล่น ตัวบุ้งเอง ก่อนหน้านี้ก็เคยถูกคาดหวังว่าให้เรียนกฎหมายเหมือนกับพ่อและพี่สาว เพื่อจะได้เข้าไปนั่งทำงานในศาล แต่ภาพฝันของทางครอบครัวคงจะไม่มีวันเป็นความจริง เพราะปัจจุบันเขาเลือกเส้นทางชีวิตที่ตรงกันข้าม
เขาเลือกที่จะเป็นแกนนำของกลุ่มทะลุวัง และเคลื่อนไหวเพื่อทำลายสถาบันอันเป็นที่รักยิ่งของคนไทยทั้งชาติ   

บุ้ง ถูกตั้งข้อหาประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และได้เข้ารายงานตัวที่ สน.ปทุมวันเมื่อ 10 มีนาคม 2565 ศาลได้มีคำสั่งให้ประกันตัวด้วยหลักทรัพย์รายละ 200,000 บาท พร้อมคำสั่งติดกำไล EM ศาลยังกำหนดเงื่อนไขการปล่อยตัวชั่วคราวคือ
1) ห้ามทำกิจกรรมหรือการกระทำใดที่อาจเสื่อมเสียต่อสถาบันพระมหากษัตริย์
2) ห้ามโพสต์เชิญชวน ปลุกปั่น ยั่วยุ ชักจูงประชาชนให้เข้าร่วมชุมนุมในสื่อโซเชียลมีเดีย หรือร่วมชุมนุมที่อาจก่อความวุ่นวายในบ้านเมือง
3) ห้ามเดินทางออกนอกราชอาณาจักร โดยไม่ได้รับอนุญาตจากศาล

แต่บุ้งก็ยังไม่หยุดกิจกรรมเคลื่อนไหวทางการเมือง ต่อมาศาลจึงมีคำสั่งให้ ควบคุมตัว บุ้ง 
ไปที่เรือนจำทัณฑสถานหญิงกลาง ก่อนจะได้รับการปล่อยตัวในเวลาต่อมา รวมระยะเวลาที่บุ้งต้องใช้ชีวิตในสถานที่แห่งนั้นเป็นเวลาทั้งสิ้น 94 วัน

‘ต้น ตระการ’ นักแสดงรุ่นใหญ่  โพสต์ภาพลูกชาย 2 คน จูงมือกันเข้าประตูโรงเรียน

18 มิ.ย. 2566 – ต้น-ตระการ พันธุมเลิศรุจี  นักแสดงรุ่นใหญ่ โพสต์ภาพลูกชาย 2 คน ผ่านอินสตาแกรม ton.trakarn พร้อมคำบรรยายว่า พี่น้องจูงมือกันเข้าทางประตูโรงเรียน ไม่ต้องปีนรั้ว
หน้าที่…หน้าที่ของเขาคือเรียนหนังสือ หน้าที่ของเราคือ หาค่าเทอมให้เขา
สิทธิ์…(ยังไม่ให้) เพราะยังไม่รู้เท่าทันโลก ภูมิคุ้มกันต่อโลกยังแข็งแกร่งพอ ..รอวันคืนสิทธิ์นั้นให้คุณอยู่เหมือนกัน
…ประชาธิปไตยพอมั้ย…

‘มาร์ค พิทบูล’ อัดคลิปเดือด ซัดปมดราม่า  ชี้ ‘ชุดนักเรียน’ มันคือความเท่าเทียม ไม่ใช่การกดขี่ 

ยังคงเป็นประเด็นดราม่าที่ถูกพูดถึงอย่างมากในโลกออนไลน์ กรณีดราม่าเรียกร้องสิทธิเสรีภาพ โดยการแต่งตัวไปรเวทและย้อมสีผมไปเรียน ซึ่งมีหลายฝ่ายออกมาเคลื่อนไหวมีทั้งเห็นด้วย และ ไม่เห็นด้วย ล่าสุด "มาร์ค พิทบูล" ได้ออกมาโพสต์คลิปวีดีโอ ผ่าน TikTok @pitbullmark เกี่ยวกับประเด็นดังกล่าวโดยระบุว่า 

การมีชุดนักเรียนมันเป็นยังไง มันจะตายหรือไง ชุดนักเรียนมันคือความเท่าเทียม ไม่ใช่การกดขี่ ทุกคนใส่ชุดเหมือนกัน ถ้าให้ต่างคนต่างใส่ เด็ก ๆ ก็จะเกิดการแข่งขัน บ้านรวย บ้านจน

ย้ำว่า กฎระเบียบบางอย่างเพื่อความปลอดภัยของตัวนักเรียนเอง "เด็กเปรต" พร้อมยกตัวอย่างว่า ถ้าใส่ชุดนักเรียนไปไหนมาไหน ปลอดภัยแน่นอน เพราะเป็นสิ่งที่ทำให้ผู้ใหญ่เห็น และช่วยคุ้มครอง

และพูดถึงการใช้เสรีภาพเกินขอบเขต ถ้าโดนครูตี ใช้ความรุนแรง ก็พร้อมที่จะปกป้อง คุณทำมาหากินเองเมื่อไหร่ จะมีใครไปยุ่งกับคุณ 

แพทย์ไทย ใช้ ‘โมเลกุลมณีแดง’ รักษาผู้ป่วยสมองตาย ให้รับรู้และตอบสนองได้ พ้นจากสภาวะสมองเสียหาย 

คนไทยจำนวนมากคงได้รู้จัก ‘โมเลกุลมณีแดง’ ซึ่งเป็นโมเลกุลที่มีชื่อภาษาอังกฤษว่า ‘REDGEM’ อันย่อมาจาก REjuvenating DNA by GEnomic Stability Molecule ซึ่ง ศาสตราจารย์ ดร.นายแพทย์อภิวัฒน์ มุทิรางกูร ภาควิชากายวิภาคศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และคณะ เป็นผู้คิดค้นและพัฒนา โดย ‘โมเลกุลมณีแดง’ มีคุณสมบัติในการย้อนวัยที่ DNA เป็นกลไกสำคัญที่จะใช้แก้ปัญหาสุขภาพในสังคมสูงวัยได้ และยังมีศักยภาพในการเพิ่มรายได้ให้กับประเทศไทยด้วย”

ศ.ดร.นพ.อภิวัฒน์ ผู้เชี่ยวชาญด้านอณูพันธุศาสตร์และสภาวะเหนือพันธุกรรม ได้ค้นพบกลไกต้นน้ำของความชรา โดยพบว่า DNA ของคนหนุ่มสาวจะได้รับการป้องกันจากการมี DNA gap ซึ่งมีลักษณะเหมือนกับรอยแยกบนรางรถไฟที่ทำหน้าที่ป้องกันไม่ให้รางรถไฟบิดเบี้ยวจากความร้อน ในขณะที่คนชราหรือเซลล์ชราจะมี DNA gap ลดลง DNA gap จึงเป็นที่มาของการพัฒนา ‘โมเลกุลมณีแดง’ หรือ REDGEM ซึ่งมีบทบาทในการสร้าง DNA gap เพื่อช่วยในการปกป้อง DNA และทำหน้าที่ป้องกันความแก่ชราใน DNA

หลังจากที่ได้มีการทดลองใช้มณีแดงศึกษาในสัตว์ทดลอง หนู หมู ลิงแสม และกระต่าย รวมแล้วหลายร้อยตัว คณะวิจัยก็พบว่า ‘โมเลกุลมณีแดง’ มีความปลอดภัยสูงจึงน่าที่จะเป็นความหวังในการรักษาคนไข้สมองตาย ในการทดลองครั้งหนึ่งมีการทำให้สมองส่วนทำการเคลื่อนไหวในหนูตาย และพบว่า หนูไม่สามารถขยับตัวได้ แต่เมื่อให้ ‘โมเลกุลมณีแดง’ ปรากฏว่า หนูมีอาการดีขึ้นเรื่อย ๆ จนหายเป็นปกติในเวลา 14 วัน จากการศึกษา ‘โมเลกุลมณีแดง’ ทำให้ทราบเป็นความรู้ใหม่ว่า ‘โมเลกุลมณีแดง’ สามารถเพิ่มจำนวนเซลล์สมอง (ในสมองที่ถูกทำลาย) และยังทำให้เซลล์สมองที่เสียการทำงานสามารถฟื้นกลับคืนมาจนทำงานได้เป็นปกติ

และนับเป็นข่าวที่ดียิ่งของมวลมนุษยชาติ เพราะในขณะนี้ได้มีการทดลองใช้ ‘โมเลกุลมณีแดง’ ในมนุษย์แล้ว หลังจากผ่านการทดลองใช้ ‘โมเลกุลมณีแดง’ ในสัตว์ทดลองแล้วหลายร้อยตัวอย่างปลอดภัย โดยได้ใช้ ‘โมเลกุลมณีแดง’ ในการทดลองรักษา ‘น้องการ์ตูน’ นส.ดวงกมล ไชยสายัณห์ ผู้ป่วยหญิง อายุ 28 ปี 11 เดือน ซึ่งเมื่อวันที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2565 ‘น้องการ์ตูน’ มีอาการหัวใจหยุดเต้น หรือสภาวะที่หัวใจทำงานผิดปกติ จนไม่มีการบีบตัวหรือหยุดเต้นทันที โดยไม่มีอาการเตือนล่วงหน้า (Sudden cardiac arrest) จนทำให้เกิดอาการสมองตาย หรืออาการบาดเจ็บของสมองอันเป็นพิษจากการขาดออกซิเจนในสมองอย่างสมบูรณ์ (Anoxic brain damages are caused by a complete lack of oxygen to the brain)

‘น้องการ์ตูน’ จึงกลายเป็นผู้ป่วยสมองตาย ซึ่งในช่วงแรก ๆ อยู่ได้ด้วยเครื่องช่วยหายใจ และรับอาหารทางสายยาง โดยรักษาตัวอยู่ในห้อง ICU ในโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งนับแต่บัดนั้นเป็นต้นมา กระทั่งโรงพยาบาลที่ ‘น้องการ์ตูน’ พักรักษาตัวอยู่พิจารณาแล้วเห็นว่า ‘น้องการ์ตูน’ คงไม่สามารถรักษาให้ดีขึ้นหรือเป็นปกติได้แล้ว จึงเสนอให้ครอบครัวพา ‘น้องการ์ตูน’ กลับไปรักษาตัวที่บ้านจังหวัดขอนแก่น แต่ครอบครัวของ ‘น้องการ์ตูน’ ไม่ยอมละทิ้งความหวังใด ๆ โดยเฉพาะคุณแม่ของ ‘น้องการ์ตูน’ ผู้เป็นข้าราชการเกษียณของกรมอนามัย เคยเป็นพยาบาลมาก่อน และจบปริญญาโทด้านเวชศาสตร์การกีฬาจากคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แม้จะเข้าใจสถานการณ์ของ ‘น้องการ์ตูน’ เป็นอย่างดี แต่ก็ไม่ได้รู้สึกสิ้นหวังอย่างใด คงพยายามค้นหาวิธีการรักษาที่จะช่วยให้บุตรสาวอาการดีขึ้นกว่าสภาพที่เป็นอยู่

เมื่อคุณแม่ของ ‘น้องการ์ตูน’ ทราบถึงเรื่องราวเกี่ยวกับ ‘โมเลกุลมณีแดง’ ซึ่งน่าจะเป็นความหวังเดียวในการรักษาฟื้นฟู ‘น้องการ์ตูน’ ให้ดีขึ้นจากสภาพที่เป็นอยู่ จึงได้ติดต่อ ศ.พญ.อารีรัตน์ สุพุทธิธาดา ภาควิชาเวชศาสตร์ฟื้นฟู ซึ่งท่านเคยเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาของคุณแม่ของ ‘น้องการ์ตูน’ ในขณะที่เป็นนิสิตปริญญาโท และท่านได้กรุณาประสานติดต่อ ศ.ดร.นพ.อภิวัฒน์ หัวหน้าคณะผู้วิจัยฯ ‘โมเลกุลมณีแดง’ จึงมีการพูดคุยหารือกัน และครอบครัวของ ‘น้องการ์ตูน’ โดยคุณพ่อและคุณแม่ได้ร้องขอ และแสดงความสมัครใจที่จะให้ ‘น้องการ์ตูน’ ได้รับการทดลองรักษาด้วย ‘โมเลกุลมณีแดง’ ซึ่งในปัจจุบัน คณะผู้วิจัยฯ ศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทาง อณูพันธุศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และสภากาชาดไทยได้ทดลองทำการผลิตร่วมกัน โดยการทดลองรักษาด้วย ‘โมเลกุลมณีแดง’ ครั้งนี้ถือเป็นกระบวนการทางการแพทย์เพื่อรักษาผู้ป่วยสิ้นหวังด้วยหลักเมตตาธรรม หรือการรักษาด้วยหลักเมตตาธรรม (Compassionate treatment) ตามปฏิญญาเฮลซิงกิ ค.ศ. 2013 ของแพทยสมาคมโลก (WMA Declaration of Helsinki 2013) เป็นครั้งแรกของประเทศไทย

หลังจากที่ ‘น้องการ์ตูน’ นอนพักรักษาตัวในห้อง ICU ซึ่งแพทย์ได้ทำการรักษาตามอาการนาน 8 เดือนแล้ว แต่น้องก็ไม่มีอาการรับรู้ใด ๆ ทั้งสิ้น ซึ่งทางการแพทย์จัดว่า น้องอยู่ในสภาวะสมองเสียหายจนอยู่ใน ‘สภาพผัก’ (Anoxic brain injury vegetative state) และทำได้เพียงลืมตาเมื่อตอบสนองต่อการจับตัวแรง ๆ ของคุณพ่อและคุณแม่เท่านั้น อาการของน้องก่อนได้รับ‘โมเลกุลมณีแดง’ คือ
1. น้องต้องใช้เครื่องช่วยหายใจหลังจากมีอาการ ประมาณ 4 สัปดาห์จึงสามารถหายใจเองได้ และได้ถอดเครื่องช่วยหายใจออก ต่อมาอีกสัปดาห์น้องมีอาการไม่หายใจ แต่หัวใจยังทำงานจึงใช้เครื่องช่วยหายใจอีกครั้งเป็นเวลา 2 สัปดาห์ แล้วน้องก็สามารถหายใจเองได้อีก แล้วจึงไม่ได้ใช้เครื่องช่วยหายใจตั้งแต่นั้นอีก
2. น้องไม่รู้สึกตัว ไม่มีการตอบสนองต่อเสียงเรียก
3. สีหน้าและใบหน้าของน้องเรียบเฉย ไม่มีการแสดงอารมณ์และความรู้สึกใด ๆ
4. น้องสามารถลืมตาขวาได้ดี เมื่อถูกกระตุ้นด้วยความรู้สึกเจ็บ (Pain) ตาซ้ายลืมได้น้อยมาก บางครั้งหลับตาซ้าย บางวันตาซ้ายแดงและมีอาการบวมบ้างเล็กน้อย ตาของน้องจะมองตรงและนิ่ง ไม่มองตามเสียง ดวงตาไม่มีแววตา ไม่สามารถมองตามเสียงพูด
5. น้องไม่สามารถเอียงคอไปซ้าย-ขวาได้ นาน ๆ ครั้งจะพยายามยกคอ มีอาการตัวเกร็งและงอ ขางอเมื่อถูกกระตุ้น เช่นขณะดูดเสมหะ (Suction) หรือไอ
6. ปลายมือของน้องมีสีม่วงคล้ำ (Cyanosis) มือแบออก ไม่มีการกำมือ มือมักจะมีอาการเย็นข้างใดข้างหนึ่ง ขวาบ้าง ซ้ายบ้าง จับเท้าดูบางครั้งเย็นทั้ง 2 ข้าง และเท้าไม่สามารถขยับได้เลย

การตรวจร่างกายก่อนให้ ‘โมเลกุลมณีแดง’ เมื่อวันที่ 15/5/2566 อาการของ ‘น้องการ์ตูน’ คือ แขนและขาเกร็ง มือและเท้าเขียว หนังตาซ้ายตก (Ptosis) ลืมตาขวาเมื่อถูกกระตุ้นด้วยความรู้สึกเจ็บ (Pain) แต่ไม่สบตา น้องสามารถขยับตัวได้อย่างช้า ๆ เกร็งงอตัว หันซ้ายได้ช้ามาก

‘น้องการ์ตูน’ ได้รับ ‘โมเลกุลมณีแดง’ โดสแรกเมื่อ 15 พ.ค. 2566 โดสที่ 2 เมื่อ 23 พ.ค. โดสที่ 3 เมื่อ 30 พ.ค. และโดสที่ 4 เมื่อ 7 มิ.ย. 2566 ต่อไปนี้เป็นการสรุปอาการของ ‘น้องการ์ตูน’ หลังจากที่ได้รับ ‘โมเลกุลมณีแดง’ 4 โดสแรกของน้องในเวลา 30 วัน โดยคุณแม่ของน้องดังนี้ :
1. ดวงตา น้องสามารถลืมตาเปิดได้มากขึ้นจนตาข้างขวาสามารถลืมตาได้โตเป็นปกติ ส่วนตาข้างซ้ายซึ่งเคยลืมตาเปิดแทบไม่ได้เลยก็สามารถลืมตาได้มากกว่าครึ่งของการลืมตาปกติ และอาการแดงของตาที่น้องเคยมีก็หายแล้ว และจากที่ดวงตาเคยไร้แววตาก็สามารถมองเห็นแววตาได้
2. น้ำตา เดิมช่วง 8 เดือนน้องไม่มีน้ำตาไหลออกมาเลย หลังจากได้รับยาแล้ว เมื่อแฟน เพื่อน มาเยี่ยม หรือเมื่อคุณแม่บอกให้หายเร็ว ๆ มีน้ำตาไหลออกมา 1 ถึง 2 หยด และช่วงสัปดาห์ที่ 4 ขณะคุณแม่พูดคุยเรื่องในอดีต น้องก็มีน้ำตาไหลออกมาต่อเนื่อง นานประมาน 15 ถึง 20 นาที พร้อมทั้งบีบมือแรงมากขึ้น
3. การตื่น น้องตื่นได้เร็วขึ้น เมื่อคุณแม่เรียกในขณะที่หลับอยู่ น้องสามารถตอบสนองต่อเสียงเรียก หรือพอคุณแม่แตะตัวเบาๆ ก็ลืมตาและขยับปากแสดงถึงอาการรับรู้ของน้อง
4. การรับรู้ จากการที่น้องพยายามมองตามเสียงพูดของบรรดาผู้ที่มาเยี่ยม และมีการเอียงคอหันตามเสียงพูด แสดงว่า น้องสามารถรับรู้เสียงและภาพได้
5. สีผิว สีผิวของน้องทั้งใบหน้าและแขน เปลี่ยนจากช่วง 8 เดือนที่ผ่านมา จากที่ผิวเคยมีสีคล้ำเป็นขาวใสขึ้น เป็นสัญญาณที่ดีที่แสดงถึงระบบไหลเวียนของเลือดดีขึ้น (เกิดขึ้นตั้งแต่วันแรกที่น้องได้รับยา)
6. การเอียงคอ น้องสามารถเอียงคอได้ตามเสียงของเพื่ิอน ๆ ที่มาเยี่ยมเรียก โดยที่เพื่อน ๆ ยืนอยู่ทั้งด้านซ้ายและขวา น้องพยายามหันตามเสียงเพื่อนทางด้านซ้ายพร้อมกับมองตา เมื่อเพื่อนที่อยู่ทางด้านขวาพูดก็จะหันมาทางด้านขวาและมองตาแต่น้องยังทำได้ไม่ทุกครั้ง
7. มือ ปลายมือทั้ง 2 ข้างของน้องจากที่คุณแม่จับแล้วรู้สึกเย็น (ช่วง 8 เดือนที่ผ่านมา) กลายเป็นอุ่นขึ้นเช่นเดียวกับเท้าทั้ง 2 ข้าง ปลายมือและเล็บมือที่เคยมีสีม่วงคล้ำเปลี่ยนเป็นสีขมพู แสดงให้เห็นว่า ระบบไหลเวียนของหลอดเลือดส่วนปลายดีขึ้น(เปลี่ยนเป็นสีชมพูและอุ่นขึ้นตั้งแต่วันแรกที่น้องได้รับยา)
8. การบีบมือและกำมือ ในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมา มือของน้องขยับไม่ได้เลยโดยมือแบออกตลอด จากที่ไม่สามารถกำมือได้หลังจากรับยาแล้ว น้องก็สามารถกำมือและแบมือได้ และสามารถบีบมือแรงจนคุณแม่รู้สึกได้อย่างชัดเจน
9. การเหยียดขาและขยับเท้า ในช่วง 8 เดือนก่อนรับยา น้องไม่สามารถเหยียดขาและขยับเท้าได้เลย หลังจากรับยาแล้ว น้องสามารถเหยียดขาและขยับเท้าได้บ้าง
10. การยกศีรษะ ยกตัว และยกแขน ในช่วง 8 เดือนที่น้องยังไม่ได้รับยา ยังไม่สามารถทำอาการเหล่านี้ได้เลย แต่หลังจากได้รับยาแล้ว ตั้งแต่สัปดาห์ที่ 2 ถึง 3 เมื่อคุณแม่กระตุ้นโดยการทำกายภาพบริหารแขนให้ น้องสามารถยกศีรษะ ยกตัว และยกศีรษะและเอียงศีรษะด้วยตัวเองได้มากขึ้น

ความสำเร็จของ “โมเลกุลมณีแดง” ในการรักษา‘น้องการ์ตูน’ ผู้ป่วยสมองเสียหายถาวร จนถือได้ว่า พ้นจากสภาวะสมองเสียหายจนอยู่ใน ‘สภาพผัก’ (Anoxic brain injury vegetative state) แล้ว นับเป็นความก้าวหน้าที่ยิ่งใหญ่ของมนุษยชาติ หรือความสำเร็จแห่งมนุษยชาติ ด้วยเป็นการรักษาอาการของโรคในลักษณะได้ผลเป็นครั้งแรกของโลกเลยก็ว่าได้ นับเป็นความภาคภูมิใจอย่างยิ่งที่นวัตกรรมที่มีคุณค่ายิ่งเกิดจากฝีมือของคณะนักวิจัยและนักวิทยาศาสตร์ของไทย และ ‘โมเลกุลมณีแดง’ จะเป็นกลไกสำคัญในอันที่จะใช้ในการแก้ปัญหาสุขภาพในสังคมสูงวัย ตลอดจนศักยภาพเชิงวิทยาศาสตร์การแพทย์ของ ‘โมเลกุลมณีแดง’ จะสามารถสร้างความมั่นคงด้านสุขภาพให้สังคมไทย และเพิ่มรายได้จากการให้บริการทางการแพทย์และสุขภาพกับประเทศไทยอีกด้วย

เตรียมเข้า โรงเรียนนายเรือสหรัฐอเมริกา ตั้งใจจะนำความรู้ที่ได้ มาประยุกต์ใช้กับกองทัพเรือ

นางสาววาสนา นาน่วม ผู้สื่อข่าวสายทหาร ผู้เขียนหนังสือชุดลับ ลวง พราง และผู้ดำเนินรายการวิทยุ “ลับ ลวง พราง” ทางโมเดิร์นเรดิโอ เอฟเอ็ม 100.5 เมกะเฮิร์ตซ์  ได้โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊ก เกี่ยวกับ ‘น้องพีร์’ นักเรียนนายเรือ ยศกร บุราณ ที่สอบชิงทุนการศึกษาได้ และ มีกำหนดการจะเดินทางไปศึกษาต่อยังประเทศสหรัฐอเมริกาในวันที่ 18 มิถุนายน 2566นี้ โดยมีใจความว่า ...

นักเรียน นายเรือAnnapolisคนใหม่
เตรียมไปเรียน United States Naval Academy/USNA
โรงเรียนนายเรือสหรัฐอเมริกา
‘น้องพีร์’ นักเรียนนายเรือ ยศกร บุราณ 

พลเรือตรี รังสรรค์ แตงฉิม รองผู้บัญชาการโรงเรียนนายเรือ. ให้โอวาท และแสดงความยินดีแก่นักเรียนนายเรือ ยศกร บุราณ นักเรียนนายเรือชั้นปีที่ 1 ซึ่งจะเดินทางไปศึกษา หลักสูตรโรงเรียนนายเรือสหรัฐฯ (United States Naval Academy/USNA.) สาขา Electrical Engineering/Computer Science  ที่ เมืองแอนนาโปลิส มลรัฐแมรี่แลนด์ ประเทศสหรัฐอเมริกา 
ซึ่งนักเรียนนายเรือยศกร จะการเดินทางไปศึกษาต่อ ที่โรงเรียนนายเรือสหรัฐฯ เป็นเวลา 4 ปี ตั้งแต่ 17 มิถุนายน 2566 - 30 พฤษภาคม 2570  

กองทัพเรือ ได้เคยส่งนักเรียนนายเรือไปเรียนที่โรงเรียนนายเรือประเทศสหรัฐฯ ครั้งแรกปี พ.ศ.2498 โดยส่งไปเข้าโรงเรียนนายเรือเป็นหลัก ถ้าเข้าไม่ได้ก็จะเปลี่ยนไปเข้าที่โรงเรียนยามฝั่ง 
หากเข้าทั้ง 2 โรงเรียนไม่ได้ จะให้เข้ามหาวิทยาลัย การเข้าเรียนต้องผ่านการคัดเลือกเข้มข้น  ผู้ที่กองทัพเรือส่งไปเรียนที่สหรัฐฯ ในช่วงแรกส่วนใหญ่ไปเข้าเรียนระดับมหาวิทยาลัย มีช่วงที่ส่งไปต่อเนื่องคือระหว่างปี พ.ศ.2522-2537 จนมีนักเรียนนายเรือ เสรี ฉ่ำชื่น (ปัจจุบัน ยศ นาวาเอก) นักเรียนเตรียมทหารรุ่น 28 เป็นผู้ที่สอบคัดเลือกได้เข้ารับศึกษาในโรงเรียนนายเรือสหรัฐฯ ได้เป็นครั้งแรก เมื่อปี พ.ศ.2532 แต่เนื่องจากการคัดเลือกเข้มข้น นักเรียนนายเรือไทย จึงได้รับการคัดเลือกให้เข้าเรียนได้บ้างไม่ได้บ้าง  กองทัพเรือจึงงดส่งนักเรียนนายเรือไปสหรัฐฯ ระยะหนึ่ง และมาเริ่มส่งอีกครั้งเมื่อปี พ.ศ.2553 จนถึงปัจจุบัน

โดยที่ผ่านมากองทัพเรือไทยมีผู้สำเร็จการศึกษาจากประเทศสหรัฐฯ ระดับต่างๆ ประมาณ 20 นาย (ทั้ง ที่ แอนนาโปลิส coastguard และ มหาวิทยาลัย ไม่รวมระดับปริญญาโท)  และมีนักเรียนนายเรือไทยที่สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนนายเรือสหรัฐจำนวน16 นาย โดยเมื่อวันที่ 26  พฤษภาคม 2566  ที่ผ่านมานักเรียนนายเรือ สุรศักดิ์  บรรดาศักดิ์ เป็นนักเรียนนายเรือไทยที่สำเร็จการศึกษาคนล่าสุด
นักเรียนนายเรือยศกรฯ หรือน้องพีร์ เป็นนักเรียนเตรียมทหารรุ่นที่ 63  นักเรียนนายเรือรุ่นที่ 120 จบการศึกษาชั้นมัธยมโรงเรียนชัยภูมิภักดีชุมพล  เป็นคนจังหวัดชัยภูมิ บิดารับราชการตำรวจ และมารดาทำงานเป็นพยาบาล มีพี่น้อง 2 คน  น้องพีร์เป็นคนที่ 1 ในขณะศึกษาโรงเรียนเตรียมทหารผลการเรียนเกรดเฉลี่ยสะสม 3.95 มีความสามารถพิเศษด้านดนตรีสากล ตำแหน่งสำคัญในขณะเป็นนักเรียนเตรียมทหาร หัวหน้าตอน15 ชั้นปีที่ 2 และหัวหน้านักเรียนนายเรือชั้นปีที่1 นักเรียนนายเรือรุ่นที่120  
แรงบันดาลใจของน้องพีร์ในการเข้ามาเป็นนักเรียนนายเรือนั้น เกิดจากเคยมีโอกาสได้ดูสารคดีเกี่ยวกับทหารเรือ ได้เห็น

การทำงานของทหารเรืออย่างเป็นระบบ จึงเป็นจุดประกายเล็กๆ ที่ทำให้น้องพีร์มีความสนใจในทางนี้
โดยมีครอบครัวคอยช่วยสนับสนุนอยู่ตลอด  ในการสอบคัดเลือกเข้าไปเรียนในโรงเรียนนายเรือสหรัฐอเมริกานั้น การแข่งขันค่อนข้างสูงมาก เมื่อเทียบกับจำนวนคนที่สมัครกับจำนวนที่รับเข้าเรียน ดังนั้นการที่ได้เป็น 1 ในหลายๆ คนที่ถูกรับเลือก

น้องพีร์มีความรู้สึกยินดีและถือเป็นความสำเร็จอย่างหนึ่งตามตั้งใจทำ โดยมีแรงบันดาลใจในการสอบทุนครั้งนี้ จากที่น้องพีร์มีความสนใจในวัฒนธรรมและความเป็นอยู่ การใช้ชีวิตของแต่ละประเทศเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสในการสอบทุนนั้น จึงทำให้น้องพีร์มีความตั้งใจไว้แล้วที่จะไปศึกษาต่อที่ต่างประเทศ 

และอีกส่วนหนึ่งมีแรงบันดาลใจมาจากพี่นักเรียนนายเรือด้วยกันเอง อาทิ รุ่นพี่นักเรียนนายเรือปุญรพีฯ ที่ขณะนี้กำลังศึกษาอยู่ที่โรงเรียนนายเรือสหรัฐอเมริกา ที่คอยให้คำแนะนำและการสนับสนุนกับน้องพีร์ และน้องพีร์เชื่อว่าการศึกษาเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยในการพัฒนาในสิ่งต่างๆ การที่ได้มีโอกาสเป็นบุคคลหนึ่งที่ได้จะได้รับองค์ความรู้จากทางต่างประเทศ ทั้งความรู้ด้านเทคโนโลยีและด้านอื่นๆ เพื่อจะนำองค์ความรู้เหล่านี้มาประยุกต์ใช้กับกองทัพเรือ ในการการพัฒนากองทัพไปให้ได้มากที่สุด
ทั้งนี้ นักเรียนนายเรือ ยศกรฯ มีกำหนดการเดินทางไปยังประเทศสหรัฐอเมริกาในวันที่ 18 มิถุนายน 2566

‘อภิชาติ ดำดี’ ชี้ประเด็นเรื่อง ‘ชุดนักเรียน’ กำหนดไว้เพื่อให้ ‘อยู่ร่วมกัน’ ได้ในสังคมเดียวกัน

เมื่อวานนี้ (16 มิ.ย.) นายอภิชาติ ดำดี อาจารย์นักพูด นักจัดรายการชาวไทย และอดีตสมาชิกวุฒิสภา จังหวัดกระบี่ ได้โพสต์ข้อความ ลงในเฟซบุ๊กส่วนตัว เกี่ยวกับประเด็น เรื่องชุดนักเรียน โดยมีใจความว่า ...

จ า ก ใ จ แ ม่
๐ ขอตังค์แม่ไปโรงเรียนเพียรศึกษา
แต่ละบาทกว่าแม่หาเอามาได้
ต้องอาบเหงื่อต่างน้ำทำเท่าใด
สู้สุดใจเพื่อให้ลูกปลูกปัญญา
๐ หิ้วปิ่นโตกับกระเป๋าใบเก่านั้น
มื้อกลางวันประหยัดไว้ไม่ซื้อหา
กับข้าวไม่เลิศล้ำธรรมดา
ตามประสาแม่ทำให้พอได้กิน
๐ ชุดนักเรียนนั้นเล่าเออเธอกับฉัน
ใส่เหมือนกันเก่าใหม่ไม่หยามหมิ่น
สวมเครื่องแบบฝึกไว้ให้เคยชิน
เมื่อขาดวิ่นแม่ซ่อมให้ไม่รีบซื้อ
๐ ลูกเอ๋ย...ไม่ได้ใส่ชุดไปรเวท
ก็ทำเกรดขึ้นได้มิใช่หรือ
เราก็มีหนึ่งสมองและสองมือ
เร่งฝึกปรือสร้างวินัยให้ชีวา
๐ ไม่มีชุดมากมายอย่างใครเขา
ชุดนักเรียนของเราก็เข้าท่า
ถ้ามานะหมั่นเพียรเรียนวิชา
ก็ก้าวหน้าแม้ชุดเราเก่ากว่าใคร...
อภิชาติ ดำดี 
16 มิ.ย. 2566

 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top