Monday, 12 May 2025
NEWS FEED

'ยาฮู เจแปน' ยก!! 'กรุงเทพฯ' เมืองที่มีการพัฒนาได้ก้าวหน้า เสริมแกร่งความเป็นศูนย์กลางแห่งภูมิภาค ด้วยสาธารณูปโภคดีเยี่ยม

(10 มิ.ย.67) กระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่น เปิดเผยสถิติการสํารวจจํานวนผู้อยู่อาศัยของประชาชนสัญชาติญี่ปุ่นในต่างประเทศ ด้วยการจัดอันดับ 30 เมืองทั่วโลก เมื่อสิ้นสุดวันที่ 1 ตุลาคม 2023 พบว่า กรุงเทพมหานคร ติดอันดับ 2 จาก 30 เมืองทั่วโลก มีจำนวนชาวญี่ปุ่นอาศัยอยู่จำนวน 51,407 คน ที่สำคัญ  นับเป็นเวลา 5 ปีติดต่อกัน หรือนับตั้งแต่ปี 2019 ที่กรุงเทพมหานครได้รับการจัดอันดับให้เป็นเมืองที่มีประชาชนชาวญี่ปุ่นอาศัยในต่างประเทศอันดับ 2 

ยาฮู เจแปน ซึ่งเป็นสื่อออนไลน์ชื่อดังระดับโลกในญี่ปุ่น รายงานว่า กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นเมืองหลวงของประเทศไทยในปัจจุบัน พบว่า มีเส้นทางถนนที่ทันสมัย ตึกสูงระฟ้ามีจำนวนมากขึ้น และห้างสรรพสินค้าต่าง ๆ ที่เพิ่มขึ้นและขยายออกไปมาก ในขณะที่วัดวาอารามในศาสนาพุทธมีอย่างหนาแน่นในเกาะรัตนโกสินทร์ กรุงเทพมหานครในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมายังได้รับการขนานนามว่าเป็นศูนย์กลางของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และไม่เพียงแต่เป็นศูนย์กลางของการเมืองและเศรษฐกิจของประเทศไทยเท่านั้น แต่ยังพัฒนาความเป็นเมืองระหว่างประเทศที่ก้าวหน้าอีกด้วย นอกจากนี้ กรุงเทพมหานครยังมีการพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะ เช่น ทางรถไฟ และรถประจําทาง และสามารถเข้าถึงเมืองได้อย่างดีเยี่ยม รวมถึงสนามบินด้วย

หากพิจารณาเฉพาะในอาเซียน (ตัวเลขในวงเล็บ คือ อันดับรวมจากทั้ง 30 อันดับทั่วโลก) จะพบว่า กรุงเทพมหานครยังเป็นอันดับ 1 เมืองเมืองที่คนญี่ปุ่นอยู่มากที่สุดนอกประเทศญี่ปุ่น อันดับ 2 สิงคโปร์(6) จำนวน 31,366 คน อันดับ 3 โฮจิมินห์ ซิตี้(23) เวียดนาม จำนวน 10,063 คน อันดับ 4 กัวลาลัมเปอร์(24) มาเลเซีย จำนวน 9,889 คน อันดับ 5 กรุงฮานอย(29) เวียดนาม จำนวน 6,547 คน และอันดับ 6 กรุงมะนิลา(30) ฟิลิปปินส์ จำนวน 6,047 คน 

สำหรับอันดับ 1 เมืองที่คนญี่ปุ่นอยู่มากที่สุดนอกประเทศญี่ปุ่น ได้แก่ นครลอสแองเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา จำนวน 64,457 คน นอกจากนี้ ยังได้รับการจัดอันดับเป็นปีที่ 5 ติดต่อกันด้วย ส่วนเมืองสำคัญอื่นๆ ได้แก่ อันดับที่ 4 เซี่ยงไฮ้ จีน 37,315 คน อันดับที่ 10 ฮ่องกง จีน จำนวน 22,930 คน อันดับที่ 15 กรุงโซล เกาหลีใต้ 13,546 คน และอันดับที่ 25 ไทเป ไต้หวัน 9,398 คน 

ทั้งนี้ กระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่า การจัดอันดับเมืองที่ประชาชนชาวญี่ปุ่นอาศัยอยู่ต่างประเทศ ณ วันที่ 1 ตุลาคม 2023 นั้น หมายถึงบุคคลที่มีสัญชาติญี่ปุ่นซึ่งอยู่ต่างประเทศมานานกว่า 3 เดือน

'นักวิชาการ' แซะ!! แอนิเมชัน 2475 ไม่กล้าฉายโรงแบบหนังทอน ด้านคนในวงการเข้ามาชี้แนะ เข้าโรงต้องใช้เงินหลัก 1-2 ล้าน

เมื่อวานนี้ (9 มิ.ย. 67) เฟซบุ๊ก ‘สุรพศ ทวีศักดิ์’ นักวิชาการด้านปรัชญา คอลัมนิสต์ผู้ใช้นามแฝงว่า ‘นักปรัชญาชายขอบ’ โพสต์ข้อความพาดพิงถึงภาพยนตร์เรื่อง ‘2475 Dawn of Revolution’ หลังจากภาพยนตร์เรื่อง ‘Breaking The Cycle’ ซึ่งเป็นภาพยนตร์เกี่ยวกับนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และพรรคอนาคตใหม่ เข้าโรงไม่นาน ระบุว่า…

"ทำไม 2475 Dawn of Revolution ไม่กล้าฉายในโรงภาพยนตร์เหมือน Breaking The Cycle เรื่องแรกกลัวคนไม่ยืน? เรื่องหลังคนนั่งแน่ๆ"

ปรากฏว่ามีผู้ใช้นามว่า ‘ศุภวัฒน์ หงษา’ นักเขียนบท ผู้กำกับละครเวที ซีรีส์ ภาพยนตร์ โฆษณา โพสต์ข้อความระบุว่า…

"การนำหนังเข้าฉายโรงฯ (โรงภาพยนตร์) ต้องใช้เงิน 1-2 ล้านบาท เป็นประกันว่าทางโรงฯ จะไม่ขาดทุนในกรณีหนังไม่มีคนดูครับ ไม่ใช่ทำหนังเสร็จแล้วเอาเข้าโรงฉายแบ่งเงินกับโรงฯ ได้เลย ซึ่งตรงนี้ชัดเจนว่าทีม 2475 เขาทำงานแบบออร์แกนิกไม่มีทุนใหญ่หนุนหลัง มีเพียงงบผลิตแบบกระท่อนกระแท่น ไม่มีงบโปรโมตหรืองบที่จะนำหนังเข้าโรง ตรงกันข้าม Breaking the Cycle ได้โรงฯ จำนวนมากก็เพราะมีทุนมากไปจ่าย ทำให้โรงหนังมั่นใจว่ายังไงฉายแล้วเขาก็ไม่เจ๊ง (เพราะได้ตังค์แล้ว) ซึ่งยิ่งพอส่องดูผู้ชมในแต่ละรอบในโรงต่าง ๆ ก็พบว่ายังมีจำนวนน้อยมาก ๆ ประมาณ 2-5 คนต่อรอบ ก็ยิ่งชัดเจนว่าหนังได้โรงจำนวนมากเพราะมีการจ่ายเงินครับผม"

เมื่อมีกลุ่มผู้สนับสนุนนายสุรพศถามว่า "ได้ตามข่าวจริง ๆ รึเปล่าเนี่ย" นายศุภวัฒน์ ตอบว่า "ตามสิครับ ทราบดีว่าค่ายไหนจัดจำหน่าย แล้วมันผิดจากที่ผมอธิบายยังไงว่าหนังมีทุนในการนำเข้าโรง ต่างจากแอนิเมชัน 2475 ที่ไม่มี ซึ่งเป็นคำตอบต่อสิ่งที่คุณสุรพศตั้งคำถามนี่ครับ"

เมื่อมีกลุ่มผู้สนับสนุนนายสุรพศถามว่า "1. ไม่น่าจะจริงตามที่บอกนะ บริษัทที่ทำอนิเมะดูมีทุนอยู่นะครับ มีการเตรียมการและมีการวางแผน 2. เรื่องรับรองว่าไม่เจ๊งเพราะเอาเงินมาอุดก่อน อันนี้ก็ดูจะไม่จริง เพราะตอนแรกเขาตกลงฉายไม่กี่โรงครับ จนเมื่อวันก่อนเพิ่งจะเพิ่มเป็นทั่วประเทศ จนเอาหนังไปฉายไม่ทัน ดรามาไปดูแต่ไม่มีหนังดู (เกิดปัญหาเทคนิค)"

นายศุภวัฒน์ตอบว่า "1. จริงสิครับ ทุกวันนี้เงินก็ยังไม่คุ้มทุน ยังต้องมีการผลิตออกมาเป็นหนังสือขายเพื่อให้ได้ทุนคืน

2. ระบบเอาหนังเข้าโรงไทยเป็นแบบนี้อยู่แล้วครับ จะมาไม่จริงอะไร ในกรณีที่คุณไม่ใช่ค่ายใหญ่ที่การันตีว่าจะมีคนดูอย่าง GDH การจะเอาหนังเข้าโรงต้องมีเงินให้โรงก่อน 1-2 ล้านบาท เพื่อให้โรงยอมฉายให้ ซึ่งถ้าฉายแล้วจู่ ๆ วันแรกได้สักสิบล้านบาทขึ้นไป โรงจะพิจารณาเพิ่มโรง เพิ่มรอบเอง (เพราะเขาอยากได้ส่วนแบ่งเพิ่ม) แต่ถ้าวันแรกไม่ปัง ดูทรงไม่ทำเงิน ไม่คุ้มจะเอาเวลาฉายไปเสี่ยงเขาก็จะค่อย ๆ ทยอยลดรอบลง (เรียกกันว่า 4 วันอันตราย พฤหัสบดี-อาทิตย์) แต่ถ้ามีปรากฏการณ์วันแรกได้เงินไม่เยอะ แล้วจู่ ๆ โรงเพิ่มรอบให้เยอะ ๆ ก็มีเหตุผลเดียวครับ คือเจ้าของหนังจ่ายเงินเพิ่มให้โรง ยิ่งมากโรงเท่าไรก็แพงขึ้นเท่านั้น ซึ่งแน่นอนว่าน้อง ผกก.สองคนจ่ายไม่ได้แน่ ค่ายที่จัดจำหน่ายก็ไม่ได้แมสมีเงินมากขนาดนั้น ก็พิจารณาเอาเองครับว่าเงินมาจากไหน

ปล.หนังทุกเรื่องที่ไม่การันตีรายได้ต้องทำแบบนี้หมดนะครับ ไม่มีโรงหนังไหนในไทยรับหนังมาฉายไปก่อนแล้วลุ้นว่าจะได้ตังค์มั้ยครับ ทุกเรื่องต้องจ่ายเงินก่อนหมด ยกเว้นหนังแมสอย่าง GDH หรือหนังมีฐานผู้ชมแบบ พชร์ อานนท์"

ด้านเฟซบุ๊ก ‘2475 Dawn of Revolution’ โพสต์ข้อความระบุว่า "เนื่องจากพวกเราเป็นมือใหม่มากครับ และมีทีมงานน้อย ส่วนใหญ่เป็นคนทำงานทั้งนั้น ไม่มีคอนเน็กชันกับโรงภาพยนตร์ ไม่มีทีมการตลาดเอางานไปขาย สปอนเซอร์ยังไม่มีเลยครับ เลยไม่รู้ว่าต้องทำยังไงบ้าง ดังนั้น ถ้ามีคนช่วยผลักดันก็จะดีมากครับ คงต้องฝากไปถึงผู้บริหาร SF Cinema Major Group ตอนนี้ยอดวิวยูทูบแค่ 1.1 ล้านเท่านั้นครับ ยังเหลือคนอีก 65 ล้าน ที่ยังไม่ได้ดู และเวอร์ชันล่าสุด ปรับปรุงจากในยูทูบ และได้เรตติ้ง ‘ทั่วไป’ แล้วนะครับ”

สำนักงานตำรวจแห่งชาติเปิดอบรมเชิงปฎิบัติการภายใต้”โครงการระบบบริการข้อมูลดิจิทัล (One Police)

วันนี้ 10 มิ.ย.67 เวลา 09.00 โรงแรม ทีเค พาเลซ โฮเทล แอนด์ คอนเวนชั่น (TK Palace Hotel and Convention). ถนนแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่,กรุงเทพมหานคร

ท่าน พล.ต.ท.สิทธิชัย โล่กันภัย ผบช.สยศ.ตร.มอบหมายให้ พล.ต.ต.เอกภพ อินทวิวัฒน์ ผบก.ผอ.เดินทางเป็นประธานในพิธีเปิดอบรมเชิงปฎิบัติการภายใต้”โครงการระบบบริการข้อมูลดิจิทัล (One Police) พร้อมคณะผู้บริหารตัวแทนจากบริษัทไพร์ม โซลูชั่น แอนด์ เซอร์วิส จำกัดผู้ร่วมพัฒนาและดำเนินโครงการ โดยการอบรมจัดขึ้นในวันที่10-11 มิ.ย.2567 โรงแรมTK Palace ห้อง ลาเวนเดอร์ 2-3  

โดยการอบรมในครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของ”โครงการระบบบริการข้อมูลดิจิทัล (One Police)”ที่จัดขึ้นโดยสำนักงานยุทธศาตร์ตำรวจ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อบูรณาการข้อมูลต่างๆให้อยู่ในรูปแบบดิจิทัลที่ทันสมัย และง่ายต่อกระบวนการทำงานตลอดจนการบริหารความเสี่ยงด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและข้อมูลให้ปลอดภัยห่างไกลอาชญากรรมดิจิทัล การอบรมในวันที่10-11 มิ.ย.2567นั้นเป็นการอบรมเจ้าหน้าที่ตำรวจในระดับรองผู้บังคับการ,ผู้กำกับการและรองผู้กำกับการโดยแบ่งออกเป็น3หลักสูตร ดังนี้ หลักสูตรที่1 อบรมการใช้ประโยชน์จากการรายงานดิจิทัลเพื่อสนับสนุนการตัดสินใจสำหรับผู้บริหาร,หลักสูตรที่2 การใช้งานซอฟต์แวร์สำหรับการแสดงผลข้อมูลและจัดทำรายงาน(Analytics Software and Dashboard),หลักสูตรที่3 การใช้งานและดูแลระบบสำหรับผุ้ดูแลระบบ(Aamin) 

ด้าน พล.ต.ต.เอกภพ อินทวิวัฒน์ ผบก.ผอ. กล่าวว่า โครงการนี้มีความคิดริเริ่มตั้งแต่ ท่าน พล.ต.อ.สุวัจน์ แจ้งยอดสุขอดีตผบ.ตร.ซึ่งในขณะนั้นท่านอยากให้มีแพลตฟอร์มที่ปลอดภัยและสามารถบริหารข้อมูลต่างๆภายใต้หน่วยงานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ จึงทำให้เกิดโครงการ(One Police)ขึ้น โดยหลักๆโครงการนี้จะเป็นการรวมข้อมูลของกองบัญชาการหรือกองบังคับการที่คิดว่าข้อมูลนั้นต้องการความปลอดภัยและสามารถต่อยอดการปฎิบัติหน้าที่คดีต่างๆได้ต่อไป  โดยคาดหวังที่จะพัฒนาเป็นBIG DATA ที่คอยสนับสนุนข้อมูลในการปฎิบัติหน้าที่ต่างๆ  ควบคู่กับการพัฒนาซอฟต์แวร์ให้ทันสมัยและเท่าทันเทคโนโลยีในปัจจุบันอีกด้วย

มุกดาหาร - ชุดเฉพาะกิจทหารพรานที่ 2105 สกัดจับ ตรวจยึดรถยนต์3คันคาเรือแพ ขณะเตรียมส่งลาว ที่ริมฝั่งแม่น้ำโขงท่าเรือบ้านนามหาราช อ.ดอนตาล จ.มุกดาหาร

เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2567 เวลา 01.00 น. พ.อ.อินทราวุธ ทองคำ ผู้บังคับการหน่วยเฉพาะกิจทหารพรานที่ 21 (ผบ.ฉก.ทพ.21) ได้รับแจ้งว่าจะมีขบวนการลักลอบนำรถยนต์ส่งข้ามแม่น้ำโขงออกไปยัง สปป.ลาว ในพื้นที่ อ.ดอนตาล จ.มุกดาหาร จึงได้สั่งการให้ ร.ท.วัชรสรณ์ เชื้อไพบูลย์ ผบ.ร้อย.ทพ. 2105 กรม ทพ.21 นำกำลังพลออกทำการลาดตะเวนเฝ้าตรวจริมตลิ่งแม่น้ำโขง เมื่อไปถึงพื้นที่บ้านนามหาราช ม.10 ต.ดอนตาล อ.ดอนตาล จ.มุกดาหาร

พบขบวนการลักลอบนำรถยนต์ส่งออกข้ามชาติกำลังนำรถยนต์ลงเรือยนต์เตรียมขับลำเลียงข้ามไปยังฝั่ง สปป.ลาว  ชุดลาดตระเวนจึงแสดงตัวเข้าตรวจสอบ แต่เมื่อกลุ่มขบวนการดังกล่าวพบเห็นเจ้าหน้าที่ก็ได้พากันกระโดดลงแม่น้ำโขงว่ายน้ำหลบหนีไป ชุดลาดตระเวน จึงได้เข้าตรวจสอบในบริเวณดังกล่าว พบรถยนต์จำนวน 3 คัน และเรือเหล็กพร้อมเครื่องยนต์จำนวน 2 ลำ ประกอบด้วย รถยนต์ยี่ห้อ ISUZU รุ่น D-max สีขาว ทะเบียน ผก 4415 จันทบุรี  รถยนต์ ยี่ห้อ ISUZU รุ่น D-max สีเทา ทะเบียน 4 ขผ 7252 กรุงเทพมหานคร ส่วนคันที่ 3 ตกลงไปในแม่น้ำโขงเจ้าหน้าที่ต้องใช้ลวดสลิงลากขึ้นมาจากแม่น้ำโขงเป็นรถยนต์ยี่ห้อ ISUZU รุ่น D-max สีขาว ทะเบียน งจ 5382 สงขลา และเรือเหล็กพร้อมเครื่องยนต์ จำนวน 2 ลำ จึงได้ตรวจยึดไว้เป็นของกลางทั้งหมด แล้วนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.ดอนตาล ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ภาพ/ข่าว​ เดวิท​ โชคชัย​ มุกดาหาร​ ​รายงาน​    092-5259777​

'สตรีทอาร์ต คิง ภูมิพล’ เนรมิตภาพ ‘ในหลวง ร.9’ บนผนังอาคาร รพ.สุราษฎร์ฯ มอบให้ชาวบ้านได้รำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ เป็นจังหวัดที่ 23 จาก 77

เมื่อวานนี้ (9 มิ.ย.67) รายงานข่าวแจ้งว่า สภาอุตสาหกรรมจังหวัดสุราษฎร์ธานี ร่วมกับทีมงานสตรีทอาร์ต คิง ภูมิพล โดยมูลนิธิสานต่อที่พ่อทำ นำโดย นายชวัส จำปาแสน หรือครูอะไหล่ จัดโครงการจิตอาสาวาดภาพพระบรมสาทิสลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร (รัชกาลที่ ๙) เป็นจังหวัดที่ 23 จากเป้าหมาย 77 จังหวัด โดยได้สถานที่ผนังอาคารฉุกเฉิน อาคารสูง 6 ชั้น โรงพยาบาลสุราษฎร์ธานี ต.มะขามเตี้ย อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี เพื่อมอบให้ชาวสุราษฎร์ฯ ได้รำลึกในพระมหากรุณาธิคุณและน้อมนำคำสอนของในหลวง รัชกาลที่ ๙ มาปฏิบัติ

ในวันนี้ได้มีกำลังพลจากมณฑลทหารบกที่ 45 ค่ายวิภาวดีรังสิต มาช่วยสนับสนุนการเตรียมสถานที่ ช่วยจัดการพื้นผิวผนัง รวมทั้งติดตั้งกระเช้ากอนโดลา จากบริษัท โมเดิร์นคิท เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด นอกจากนี้ ยังมีรถเครนจาก บริษัท ดี.เร้นท์ แอนด์ เซอร์วิส จำกัด มาร่วมสนับสนุนอีกด้วย โดยภาพวาดสตรีทอาร์ต คิง ภูมิพล จังหวัดที่ 23 ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากสภาอุตสาหกรรมจังหวัดสุราษฎร์ธานี ทั้งนี้ ทีมงานสตรีทอาร์ต คิง ภูมิพล จะลงพื้นที่ในวันพุธที่ 12 มิ.ย. โดยเป็นการวาดภาพพระบรมสาทิสลักษณ์บนผนังทั้งหมด 3 ด้าน โดยมีกำหนดส่งมอบในวันที่ 26 มิ.ย. 2567

สำหรับโครงการสตรีทอาร์ตคิงภูมิพล คือ โครงการจิตอาสาวาดภาพพระบรมสาทิสลักษณ์ ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ควบคู่กับการเผยแพร่พระราชดำรัส เพื่อมอบให้คนไทยและทั่วโลกได้รำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ และน้อมนำคำสอนของพระองค์ท่านไปใช้สานต่อในชีวิตตนเองและส่วนรวม ให้ครบทั้ง 77 จังหวัดทั่วประเทศไทย ที่ผ่านมาได้ทำมาแล้ว 22 จังหวัด จำนวน 24 ผลงาน นอกจากนี้ มูลนิธิฯ ยังมีโครงการกิจกรรมสานต่อที่พ่อทำ นำปัญญาสู่เด็กเยาวชน, กิจกรรม คนละก้าว ซ่อมสร้างวัด โรงเรียน โรงพยาบาล สำหรับผู้สนใจสามารถบริจาคได้ที่ ชื่อบัญชี มูลนิธิสานต่อที่พ่อทำ ธนาคารกสิกรไทย เลขที่บัญชี 176-1-37719-8 หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก Street Art King Bhumibol และ Line Official : @followroyalfather

‘น้องเลโอ’ นักกีฬาไอซ์ฮอกกี้ ประสบอุบัติเหตุ ต้องการเลือดกรุ๊ป ‘A Rh negative’ เร่งด่วน

‘น้องเลโอ’ นริศพล ไชยจรูญโชติ นักกีฬาฮอกกี้น้ำแข็ง วัย 11 ขวบ สังกัดทีม แบงคอก ซุส ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ขณะนี้อยู่ห้อง ICU ต้องการกรุ๊ปเลือด A rh negative ด่วน

ล่าสุด (10 มิ.ย.67) ผู้ใช้เฟซบุ๊ก ‘Nattaporn Chaijaroonchot’ ได้โพสต์ข้อความระบุว่า 

“มีใครมีกรุ๊ปเลือด A rh negative บ้างคะ ขอให้ติดต่อ ที่ 081-8743371 ต้องการด่วนนะคะ เพราะเป็น กรุ๊ปพิเศษค่ะ ทาง รพ. กลัวมีไม่พอและค่อนข้างหายากค่ะ รบกวนด้วยนะคะ หรือ ติดต่อที่หนู 085-1629038 ค่ะ ต้องไปบริจาค ที่ สภากาดชาติไทยให้เด็กชาย นริศพล ไชยจรูญโชติค่ะ ตอนนี้น้องกำลังไป ที่ รพ.จุฬา นะคะ”

ชาวเน็ตแห่แชร์ ‘กอล์ฟ ฟักกลิ้งฮีโร่’ พูดถึงอาชีพ ‘แม่บ้าน-รายได้’ ชี้!! เป็นทัศนคติที่ดีมาก รับภาระแทนสามี ‘ทุกเรื่อง’

(9 มิ.ย.67) กำลังเป็นประเด็นในโลกออนไลน์ ภายหลังนักร้องหนุ่มชื่อดัง ‘หนุ่ม กะลา’ ได้แจ้งทำการยื่นฟ้อง ‘จูน เพ็ญชุลี’ ภรรยา ในนามบริษัท กล่าวหาว่า ภรรยายักยอกเงินของบริษัทจำนวนเงินกว่า 66 ล้านบาท จนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก

ล่าสุดทำเอาชาวเน็ตหลายคนต่างพากันแชร์โพสต์ข้อความของนักร้องหนุ่ม ‘กอล์ฟ ฟักกลิ้ง ฮีโร่’ เมื่อหลายปีก่อน ที่พูดถึงเรื่องรายได้ครอบครัว พร้อมทั้งชื่นชมทัศนคติดีมาก

โดย ‘กอล์ฟ ฟักกลิ้ง ฮีโร่’ ระบุว่า 

เมียผมไม่ได้ไม่มีรายได้ งานของเธอคืองานของผม งานของผมคืองานของเธอ เราเพียงแต่แบ่งหน้าที่กันทำงาน ผมเพียงแต่เป็นคนไปรับเงินมาในชื่อของผม แต่ผมจะไม่สามารถทำงานนั้น ๆ เต็มที่ได้เลยถ้าไม่มีอีกส่วนคอยดูแลที่บ้าน ลูก และชีวิตส่วนพักใจของผมทั้งหมด

งานของเธอไม่มีวันหยุด ไม่มีเวลาพักแน่นอน และน่าเบื่อยิ่งกว่างานออฟฟิศ โอกาสเจริญเติบโตในงานนี้คือเห็นทุกอย่างในบ้านเรียบร้อย เห็นลูกเติบโต แข็งแรง และมีโบนัสคือของที่เธออยากได้เพียงแค่นั้น

สามี ภรรยาคือร่างกายเดียวกัน วิ่งอาจเมื่อยที่ขา แต่ใจดวงเดียวในร่างกายกลับเต้นแรง กินอาจอิ่มที่ท้อง แต่ใจดวงเดียวในร่างกายกลับมีความสุข

ในวันที่ผมหาเงินมาได้ มันจึงเป็นเงินของเรา เพราะงานที่ทำนั้นคืองานของเรา การที่เธอทำอาชีพแม่บ้านไม่ได้หมายความว่าเธออยู่บ้านเฉย ๆ แต่มันคืออาชีพที่เธอรับภาระอีกส่วนแทนสามีอยู่ และวันนี้ในหัวใจผมมีทีมเวิร์กที่ดีจริง ๆ

‘มาดามแป้ง’ เยี่ยมช้างศึก เพื่อให้กำลังใจ ก่อนดวลสิงคโปร์

(9 มิ.ย.67) ‘มาดามแป้ง’ นวลพรรณ ล่ำซำ นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ เดินทางกลับจากยุโรป หลังเสร็จสิ้นภารกิจส่วนตัว เป็นที่เรียบร้อย วันที่ 8 มิถุนายน ที่ผ่านมา ก่อนที่ช่วงเที่ยงวันนี้ จะเข้ามาให้กำลังใจ ทีมชาติไทย ทันที พร้อมรับประทานอาหารเที่ยงร่วมกัน ก่อนเปิดบ้านพบกับ สิงคโปร์ ในศึกฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบ 2 นัดที่ 6

ทัพช้างศึก เพิ่งบุกไปเสมอกับ จีน 1-1 ทำให้ยังอยู่ในเส้นทางลุ้นเข้ารอบ คัดบอลโลก รอบ 3 หรือ รอบ 18 ทีมสุดท้าย ก่อนเปิดบ้านพบกับ สิงคโปร์ ภายใต้เงื่อนไขต้องชนะเท่านั้น และ ลุ้นให้ จีน บุกไปแพ้ เกาหลีใต้ สถานเดียว พร้อมประตูได้เสียที่ ทีมชาติไทย ต้องดีกว่า

มาดามแป้ง นายกสมาคมฯ กล่าวว่า “ช่วงเดินทางไป ยุโรป แป้ง ก็มีโอกาสพูดคุยกับทีมโค้ชอิชิอิ รวมถึง น้อง ๆ ทุกคนอยู่ตลอด และ ได้ดูเกมที่เราบุกไปเสมอ จีน 1-1 ซึ่งแม้ว่าจะเสียดายที่เราไม่ชนะ จากโอกาสที่มี แต่ 1 แต้มที่ได้ ก็สำคัญมาก และ ทุกคนก็แสดงให้เห็นแล้วว่าสู้เต็มที่ ท่ามกลางบรรยากาศที่กดดันจากแฟนบอลจีน“

"แป้ง เพิ่งกลับมาถึงไทย เมื่อช่วงเย็นวานนี้ และ อยากเข้ามาให้กำลังใจ มาเติมเต็มพลังใจให้น้อง ๆ ทุกคน จะเห็นว่าบรรยากาศ และ สปิริตในทีมตอนนี้ ดีมาก สัมผัสได้ถึงความเชื่อมั่นของทุกคน ว่าเรายังมีโอกาสเข้ารอบ และ วันนี้ มื้อค่ำ แป้ง ก็ถือโอกาสเลี้ยงอาหารพิเศษทุกคนหลังซ้อมที่โรงแรม หวังว่าจะทำให้ทุกคนมีความสุข และ กิน อิ่ม หลับ นอนเต็มที่ ก่อนเกมสำคัญที่คนไทยทุกคนรอคอย“ มาดามแป้ง กล่าวปิดท้าย

สำหรับ ทีมชาติไทย จะลงสนามทำการแข่งขันฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบ 2 กลุ่ม ซี นัดที่ 6 พบกับทีมชาติสิงคโปร์ ที่ สนามราชมังคลากีฬาสถาน ในวันอังคารที่ 11 มิถุนายน 2567 เวลา 19.30 น. ถ่ายทอดสดทาง ไทยรัฐ HD32

ผู้ช่วย ผบ.ตร.ลงพื้นที่ตรวจสังเกตการณ์สถานที่เลือก สว.ระดับอำเภอ 3 จุด พบการปฏิบัติหน้าที่เป็นไปด้วยความเรียบร้อย เตรียมประเมินการเลือก สว.ทั่วประเทศ เพื่อเตรียมพร้อมดูแลการเลือก สว.ระดับจังหวัด ต่อไป 

วันนี้ (9 มิถุนายน 2567) เวลา 09.00 น. พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ลงพื้นที่ตรวจสังเกตการณ์การรักษาความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อยของหน่วยเลือกสมาชิกวุฒิสภา หรือ สว. ระดับอำเภอ ในสถานที่เลือก สว. พื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ซึ่งในวันนี้เป็นวันเลือก สว. ระดับอำเภอ โดยดำเนินการพร้อมกันทั่วประเทศ

พล.ต.ท.กรไชยฯ ลงพื้นที่สถานที่เลือก สว. อำเภอเมืองนนทบุรี ณ อาคารสำนักงานเทศบาลนนทบุรี ศูนย์ราชการจังหวัดนนทบุรี ชั้น 5 ซึ่งหน่วยนี้มีผู้สมัครรับเลือก สว.จำนวนมาก ใน จ.นนทบุรี มีผู้สมัครรับเลือก 608 คน  จากนั้นเดินทางไปยังสถานที่เลือก สว. อำเภอธัญบุรี จ.ปทุมธานี ณ หอประชุมอาคาร 100 ปี เมืองธัญบุรี เทศบาลนครรังสิต ถ.รังสิต - นครนายก (คลอง 2) ต.ประชาธิปัตย์ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี ซึ่งเป็นหน่วยเลือกในปริมณฑลที่มีผู้สมัครจำนวนมากเช่นกัน จุดสุดท้ายได้ไปตรวจเยี่ยมที่สถานที่เลือก สว. เขตบางกะปิ ณ บริเวณโดม โรงเรียนบ้านบางกะปิ เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นอีกหน่วยที่มีผู้สมัครจำนวนมาก

พล.ต.ท.กรไชยฯ เปิดเผยว่า ทั้ง 3 สถานที่จัดการเลือก สว. ที่ลงไปตรวจสอบสังเกตการณ์เป็นหน่วยที่มีผู้สมัครจำนวนมาก พบว่าการดำเนินการเป็นไปด้วยความเรียบร้อย สำหรับภาพรวมการเลือก สว.ระดับอำเภอ ทั้งประเทศ มีจำนวน 928 หน่วย มองว่าไม่น่ามีปัญหา เนื่องจากไม่มีประชาชนจำนวนมากเข้าใช้สิทธิ์เลือกตั้งเหมือนกับการเลือกตั้งทั่วไป มีการกั้นพื้นที่และห้ามนำอุปกรณ์สื่อสารเข้าไปในพื้นที่จัดการเลือก สว.อย่างเข้มงวด  โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจประจำทุกสถานที่จัดการเลือก สว.ระดับอำเภอ ทั่วประเทศ ซึ่งใช้กำลังตำรวจทั้งหมดกว่า 17,000 นาย ในภารกิจรักษาความปลอดภัย ความสงบเรียบร้อย และการเคลื่อนย้ายบัตร จากนี้หลังเสร็จสิ้นการเลือก สว.ระดับอำเภอ ในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ จะเป็นภารกิจการส่งบัตรเลือก สว. ระดับอำเภอ ไปยังสถานที่เก็บบัตรที่ กกต.กำหนด โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจร่วมดูแลความปลอดภัยการขนส่งหีบบัตรตลอดขั้นตอน 

นอกจากนี้ ศูนย์อำนวยการรักษาความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อยการจัดการเลือกสมาชิกวุฒิสภา ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะตรวจสอบเรื่องการข่าวอย่างต่อเนื่อง และจะรับฟังรายงานผลจากทั่วประเทศ เพื่อนำมาประเมินและปรับแผนในการเลือก สว.ระดับจังหวัดและระดับประเทศต่อไป เน้นย้ำว่ามีการจับตาเรื่องการทุจริตกฎหมายเลือกตั้งอย่างเข้มงวด มีการจัดเตรียมพนักงานสอบสวน ร่วมกับผู้เชี่ยวชาญทางกฎหมายที่ กกต.จัดไว้รองรับ หากพบการทุจริตและมีพยานหลักฐานชัดเจนก็จะดำเนินการตามกฎหมาย เพื่อให้การเลือก สว.ทุกระดับ เกิดความบริสุทธิ์ยุติธรรม

‘สุวัจน์’ รุดพิสูจน์โครงกระดูกคนโบราณ  เพื่อชี้!! โคราชเป็นชุมชนนานถึง 2,000 ปี

(9 มิ.ย.67) นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ประธานพรรคชาติพัฒนา พร้อมด้วย นายแพทย์วรรณ ชาญนุกูล สส.ระบบบัญชีรายชื่อพรรคชาติพัฒนา นายประเสริฐ บุญชัยสุข นายกเทศมนตรีนครราชสีมา รศ.ดร. อดิศร เนาวนนท์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา ผศ. ดร.ประเทือง จินตสกุล ผู้อำนวยการอุทยานธรณีโคราช ได้เดินทางมาที่จุดบริเวณขุดพบโครงกระดูกมนุษย์ อายุ 2,000 ปี ซึ่งอยู่บริเวณพื้นที่ปรับภูมิทัศน์ คูเมืองด้านตะวันออก ถ.อัษฎางค์ ตัด ถ.พลล้าน เขตเทศบาลนคร (ทน.) นครราชสีมา (เดิมเป็นอาคารสำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 11 นครราชสีมา (สคพ.11 นม.)

นายสุวัจน์ กล่าวว่าสืบเนื่องจากทางท่านนายกเทศมนตรีนครราชสีมา อยู่ระหว่างการปรับปรุงภูมิทัศน์ของคูเมือง เพื่อให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวให้กับนักท่องเที่ยว และเป็นแหล่งสันทนาการให้กับพี่น้องประชาชนชาวโคราช จึงได้ร่วมมือกับกรมศิลปากรในการเข้ามาบูรณะทางคูเมืองเก่าและกําแพงเมืองต่างๆ ก็ได้มีการขุดดินฐานราก ปรากฏว่ามาเจอโครงกระดูก พร้อมกับอุปกรณ์ต่างๆ ที่อยู่กับโครงกระดูก อาทิ เครื่องปั้นดินเผา เศษกระเบื้อง กระดูกสัตว์ หรือเครืองเหล็ก อะไรต่างๆ ซึ่งเนื้อของถ้วย ชาม ทางเจ้าหน้าที่กรมศิลปกร บอกว่าอายุประมาณ 2,000 ปี ถือเป็นถ้วย ชาม ยุคพิมายดำ และสิ่งต่างๆ เหล่านี้ สามารถที่จะสะท้อนถึงความเก่าแก่ของชุมชน

ล่าสุดวันนี้ พบโครงกระดูกที่ 3 อยู่ใกล้กับโครงกระดูกที่ 1 ซึ่งเป็นเพศชาย สูง 173 ซม.โครงกระดูกที่ 3 เจ้าหน้าที่กรมศิลป์ วิเคราะห์ว่าเป็นเพศหญิง เพราะพบเครื่องประดับเป็นต่างหูทองคำ พบแหวนทองที่นิ้ว พบสร้อยหิน อายุประมาณ 2,000 ปี แต่เมืองโคราช 556 ปี แต่การที่มีการค้นพบทั้งโครงกระดูกทั้งอุปกรณ์เครื่องใช้ต่างๆ ที่บ่งบอกถึงความเก่าแก่มากกว่านี้ ก็อาจจะต้องมีการศึกษาค้นคว้ามากกว่านี้ แสดงว่าที่นี้เดิมที่มีชุมชน มีประชาชนที่อยู่เป็นพื้นฐานของบริเวณเหล่านี้ ก่อนที่จะมาสร้างเมืองโคราช อาจจะอยู่กันมาเป็นพันปีแล้วก็ได้ ซึ่งเป็นเรื่องที่กรมศิลป์กับทางเทศบาลฯ และมหาลัยราชภัฏนครราชสีมา ซึ่งทําเรื่องฟอสซิล ทําเรื่องอุทยานธรณีโลก จะต้องช่วยกันมาวิเคราะห์ในเรื่องของรายละเอียดต่างๆ ประวัติศาสตร์ต่างๆ ว่าเจอแหล่งโบราณอย่างนี้ เจอกระดูกโบราณ เจออุปกรณ์เครื่องใช้ต่างๆ สามารถที่จะพัฒนาอะไรที่เป็นสิ่งที่จะเรียนรู้ ถึงอดีตก่อนที่จะเกิดเมืองโคราชในบริเวณเหล่านี้ได้อย่างไร หรือ มีบางคนเสนอว่าควรจะมีเป็นมิวเซียมที่จะบ่งบอกถึงประวัติของชุมชนที่จะสืบสานถึงประวัติศาสตร์ของคนโคราช

เพราะฉะนั้น ท่านนายกเทศมนตรีฯ กรมศิลปากร และมหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา โดยอาจารย์ประเทือง จะได้ร่วมกันในการที่จะมาศึกษาต่อถึงแนวทางการดําเนินการที่จะศึกษาและเป็นแนวทางในการพัฒนาต่อไป 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top