Sunday, 19 May 2024
NEWS FEED

ไฟเขียว กทม. เก็บซากรถจอดไปขายได้ทันที ชี้!! ไม่ต้องรอเจ้าของ แก้ปัญหากีดขวางจราจร

เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน ที่ผ่านมากรณีปัญหาประเด็นข้อกฎหมายจากนโยบายการกำจัดรถเก่าที่จอดในที่สาธารณะ และกรุงเทพมหานคร มีนโยบายยกออกทันที ก่อนมีข้อสงสัยว่าจำเป็นต้องจอดรอเก็บไว้เพื่อรอเจ้าของเผื่อมาไถ่คืนหรือไม่ ล่าสุด คณะกรรมการกฤษฎีกาชี้แจงแล้ว ยืนยันไม่ต้องเก็บ ขายทิ้งได้เลย เอาเงินมาเก็บแทนได้

นายสกลธี ภัททิยกุล รองผู้ว่าฯ กทม. โพสต์ข้อความเล่ารายละเอียดเรื่องนี้ว่า “ข่าวดีสำหรับคนกรุงเทพฯ ข่าวร้ายของคนมักง่าย วันนี้มายกซากรถเขตวังทองหลาง จำนวน 5 คันรวด บริเวณซอยลาดพร้าว 47, 63, 87 แยก 7, 101 แยก 19 และ 114 ครับ…ข่าวดีคือประเด็นข้อกฎหมายที่สำนักเทศกิจถามไปยังคณะกรรมการกฤษฎีกาว่าจำเป็นต้องเก็บซากรถไว้ 1 ปี เพื่อรอเจ้าของเผื่อจะมาไถ่รถคืนก่อนการขายทอดตลาดหรือไม่?? สรุปคือไม่ต้องละครับ สำนักงานเขตสามารถขายเอาเป็นเงินมาเก็บไว้แทนได้เลย แบบนี้จะง่ายกับทางกรุงเทพมหานครไม่ต้องมีภาระในการหาสถานที่เก็บรักษาและหาคนดูแลครับ และยังจะได้ร่างระเบียบค่าขนย้ายและเก็บรักษาก่อนขายทอดตลาดโดยหักจากที่ขายทอดตลาดได้อีกด้วย…”

กระทรวงการต่างประเทศ ตบหน้า 'รพ.ธรรมศาสตร์' แจงดีล Moderna ล่ม เหตุโปแลนด์ไม่ให้เอาไปขาย

กระทรวงการต่างประเทศ แจงเหตุ ดีลบริจาควัคซีน Moderna จากโปแลนด์ล่ม เพราะรพ.ธรรมศาสตร์ จะขอรับวัคซีน 1 ใน 3 ส่วนอีก 2 ใน 3 ให้เอกชนที่เป็นหุ้นส่วนนำไปจำหน่ายให้ผู้สนใจ เพื่อชดเชยค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น ซึ่งโปแลนด์แจ้งว่าไม่อนุญาตให้นำวัคซีนที่ได้รับบริจาคไปขาย

เมื่อวันที่ 2 พ.ย. 64 ที่ผ่านมา กระทรวงการต่างประเทศ ออกคำชี้แจง หลังโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ อ้างว่ากระทรวงการต่างประเทศ ไม่ทำหนังสือยืนยันตัวตนให้ รพ.ธรรมศาสตร์ในการขอรับบริจาควัคซีน Moderna ซึ่งยังมีอายุใช้งานได้ถึงเดือนเมษายน 2565 จำนวน 1.5 ล้านโดส จากประเทศโปแลนด์ เป็นเหตุให้ต้องยุติการขอรับบริจาคลง โดยระบุว่า…

ตามที่เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564 เฟซบุ๊กโรงพยาบาลสนามธรรมศาสตร์ได้ลงข้อความพาดพิงถึงการที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ขอรับบริจาควัคซีนโมเดอร์นาจากสำนักงานสำรองทางยุทธศาสตร์ของโปแลนด์ จำนวน 1.5 ล้านโดส โดยระบุว่ามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ขอให้กระทรวงการต่างประเทศออกจดหมายยืนยันว่า รัฐบาลไทยยินดีรับบริจาควัคซีนดังกล่าว เนื่องจากหน่วยงานผู้บริจาคประสงค์ให้รัฐบาลไทย โดยหน่วยงานภาครัฐที่มีสถานะเป็นผู้แทนรัฐบาล แจ้งเจตนาจะรับบริจาค แต่กระทรวงการต่างประเทศไม่ออกหนังสือดังกล่าวให้ ทำให้การบริจาควัคซีนดังกล่าวต้องยกเลิกไปนั้น

กระทรวงการต่างประเทศขอชี้แจงดังนี้ว่า มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์แจ้งกระทรวงการต่างประเทศว่า ในการรับบริจาควัคซีนจากโปแลนด์ครั้งนี้มีค่าใช้จ่ายจำนวนมาก มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์จึงจะรับวัคซีนจำนวน 1 ใน 3 ของวัคซีนที่ได้รับบริจาคไว้เอง เพื่อให้บริการประชาชนโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย และจะมอบวัคซีนที่ได้รับบริจาคมาอีก 2 ใน 3 ให้เอกชนที่เป็นหุ้นส่วน เพื่อนำไปจำหน่ายให้ผู้สนใจ เพื่อชดเชยค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น

กระทรวงการต่างประเทศ ได้หารือกระทรวงการต่างประเทศโปแลนด์แล้ว ได้รับแจ้งว่าไม่อนุญาตให้นำวัคซีนที่ได้รับบริจาคไปขาย และฝ่ายไทยต้องได้รับ market authorization จากบริษัทผู้ผลิตหรือตัวแทนจำหน่ายวัคซีนโมเดอร์นาด้วย ซึ่งทั้งสองประเด็นเป็นแนวปฏิบัติโดยทั่วไปของการบริจาควัคซีนและเวชภัณฑ์ระหว่างประเทศ และไม่สามารถเจรจาต่อรองเป็นอื่นได้

"หม่อมเจ้าอุทัยกัญญา” พร้อมด้วยคณะโรงเรียนสอนวิชาชีพและบริการ ปิยะแสงปัญญา อัญเชิญ "ผ้ากฐินพระราชทาน" นำไปถวายฯ วัดขันเงิน พระอารามหลวง

เมื่อวันอาทิตย์ที่ 31 ตุลาคม 2564  เวลา  13.00 น. พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯพระราชทานผ้ากฐิน ให้โรงเรียนสอนวิชาชีพและบริการปิยะแสงปัญญา ตามที่ขอพระราชทานเพื่อน้อมนำไปถวายพระสงฆ์จำพรรษากาลถ้วนไตรมาส ณ  วัดขันเงิน พระอารามหลวง ตำบลวังตะกอ อำเภอหลังสวน จังหวัดชุมพร

ในการนี้ "หม่อมเจ้าอุทัยกัญญา ภาณุพันธุ์ " พระราชปนัดดาในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว  (รัชกาลที่4 ) องค์อุปถัมภ์ โรงเรียนสอนวิชาชีพและบริการปิยะแสงปัญญา ทรงกรุณาเสด็จเป็นองค์ประทาน ถวาย "ผ้ากฐินพระราชทานฯ" พร้อมด้วย คณะผู้บริหาร ครู อาจารย์ โรงเรียนสอนวิชาชีพและบริการปิยะแสงปัญญา น้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ล้นเกล้า ล้นกระหม่อม ในพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่10 ) อย่างหาที่สุดมิได้

 

‘ตำรวจภูธรภาค 5’ กวาดล้างอาชญากรรมทุกรูปแบบ!! พบยาบ้า 20 ล้านเม็ด - ไอซ์ 631 กิโลกรัม - เฮโรอีน พร้อมอาวุธปืนอีก 500 กว่ากระบอก

ตามนโยบายของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ,พลเอกประวิตร  วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง มีความห่วงใยในชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชน จึงได้สั่งการให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ดำเนินการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมทุกรูปแบบที่สร้างความเดือดร้อนให้แก่ ประชาชน และเป็นภัยกับสังคม ไม่ว่าจะเป็นคดีเกี่ยวกับอาวุธปืน ยาเสพติด ,ชีวิต ร่างกายและเพศ และเกี่ยวกับทรัพย์ หรือกระทั่งอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เช่น การหลอกลวงประชาชนโดยใช้ Social Media โดยเฉพาะในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด - 19 นั้น

เพื่อให้การขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาลดังกล่าว ให้บังเกิดผลเป็นรูปธรรม และเป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับการเปิดประเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์  แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ,พล.ต.อ.สุชาติ  ธีระสวัสดิ์ รอง ผบ.ตร.(สส.) ,พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร.(ปป) , พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์  กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร.(มค) จึงได้สั่งการให้ทุก บช. มีการะดมกวาดล้างอาชญากรรมตามเป้าหมายต่างๆ ในห้วงวันที่ 20 -31 ตุลาคม 2564 

วันที่ 2 พฤศจิกายน 2564 เวลา 10:30 น. ณ กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5

ตำรวจภูธรภาค 5 ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย ผบช.ภ.5, พล.ต.ต.บัณฑิต ตุงคะเศรณี ,พล.ต.ต.พฤทธิพงษ์ประยูรศิริ, พล.ต.ต.พิเชษฐ จีระนันตสิน, พล.ต.ต.วีรชน บุญทวี รอง ผบช.ภ.5, พล.ต.ต.วรพงศ์ คำลือ ผบก.สส.ภ.5 และ ผบก.ทุก ภ.จว. ในสังกัด ภ.5 ได้ดำเนินการสนองตอบนโยบายรัฐบาล และสำนักงานตำรวจแห่งชาติดังกล่าว โดยบูรณาการกำลังร่วมกันกับฝ่ายปกครอง หน่วยทหารกองทัพภาคที่ 3 และป.ป.ส.ภาค 5 โดยขอแถลงสรุปผลการปฏิบัติระดมกวาดล้างอาชญากรรมตามเป้าหมายที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติกำหนด ในห้วงวันที่ 20 -31 ตุลาคม 2564 สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ดังนี้

1. ความผิดเกี่ยวกับการพนัน 1,017 ราย ผู้ต้องหา 1,136 คน

2. ความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด 3,567 ราย ผู้ต้องหา 2,681 คน

3. ความผิดเกี่ยวกับการลักลอบหลบหนีเข้าเมือง 770 ราย ผู้ต้องหา 772 คน

4. ความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืน 1,240 ราย ผู้ต้องหา 796 คน

5. ความผิดเกี่ยวกับสถานบริการ 90 ราย ผู้ต้องหา 89 คน

6. จับกุมบุคคลตามหมายจับ 2,081 ราย ผู้ต้องหา 2,057 คน

7. อาชญากรรมทางเทคโนโลยี 288 ราย ผู้ต้องหา 75 คน

รวมทั้งสิ้น 9,053 ราย ผู้ต้องหา 7,606 คน

โดยเฉพาะผลการปฏิบัติที่สำคัญ มีการจับกุมเกี่ยวกับยาเสพติดรายใหญ่ที่ผ่านมา ได้แก่ที่

1.สภ.ฝาง จว.เชียงใหม่ ยาบ้า 100,000 เม็ด (20 ต.ค.64)

2.สภ.แม่สรวย จว.เชียงราย ยาบ้า 310,000 เม็ด ไอซ์ 58 กก. เฮโรอีน 7 กก. (20 ต.ค.64)

3.สภ.เมืองเชียงราย ,แม่สรวย ยาบ้า 1,696,000  เม็ด ไอซ์ 9 กก. (20 ต.ค.64)

4.กก.สส.ภ.5 ร่วมกับ ป.ป.ส. 4,400,000 เม็ด ไอซ์ 288 กก. (20 ต.ค.64) ต้นทางจาก อ.ภูซาง อ.เชียงคำ จว.พะเยา จับกุมได้ที่ จ.อยุธยา

5.สภ.ห้วยไร่ จว.แพร่ ยาบ้า 5,000,000 เม็ด (23 ต.ค.64)

6.สภ.แม่ลาว จว.เชียงราย ยาไอซ์ 235 กก. (29 ต.ค.64)

ซึ่งในวันนี้ ตำรวจภูธรภาค 5 ได้นำมาร่วมแถลงข่าว จำนวน 3 คดี คือ

คดีที่ 1 : ตรวจยึดยาบ้า 7,970,000 เม็ด

วันเดือนปีที่ตรวจยึด : วันที่ 30 ตุลาคม 2564

สถานที่ตรวจยึด : จุดตรวจแพร่ธรรมาราม อ.เด่นชัย จว.แพร่

ของกลาง : ตรวจยึดยาเสพติดประเภทยาบ้า 7,970,000 เม็ด และ รถยนต์ขนส่ง 6 ล้อ จำนวน 1 คัน

ข้อกล่าวหา : มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้าและไอซ์) ไว้ในครอบครอง เพื่อจำหน่าย โดยผิดกฎหมาย

พฤติการณ์แห่งคดี: ด้วยเมื่อ วันที่ 30 ต.ค.2564 เวลา 10:00 น. ผู้ขับขี่รถยนต์บรรทุก หมายเลขทะเบียน 72-4852 นครปฐม ได้รับการติดต่อจากเพื่อนกลุ่มขับรถรับจ้างให้ไปรับงานที่ห้องพัก ต.ร่องฟอง อ.เมืองแพร่ จว.แพร่ เพื่อนำส่งปลายทางที่เขตมีนบุรีกรุงเทพฯ ซึ่งผู้ติดต่อแจ้งว่าเป็นสุ่มไก่ เมื่อถึงจุดขึ้นของมีผู้ชาย 2 คน ยกของขึ้นรถบรรทุก เป็นลังไม้และสุ่มไก่ ผู้ขับขี่ฯ จะช่วยยกของขึ้นรถ ชายทั้งสอง บอกว่าไม่ต้องช่วย และไม่ต้องเปิดลังดูเพราะข้างในเป็นยาสำหรับไก่ชน ในระหว่างที่รอผู้ชายทั้งสองยกของขึ้นรถบรรทุก ผู้ขับขี่ฯ ก็เดินไปทำธุระส่วนตัวที่ปั้ม เมื่อกลับมาถึงรถบรรทุกชายทั้งสองก็แจ้งว่าเรียบร้อยแล้ว จากนั้นนายรุ่งเพชรฯ ก็คลุมผ้าใบท้ายรถและขับรถบรรทุกออกจากจุดขึ้นของมุ่งหน้าทาง อ.เด่นชัย - อุตรดิตถ์ เมื่อมาถึงปั๊มน้ำมัน ที่ อ.เด่นชัย ผู้ขับขี่ฯ จึงหยุดรถ แล้วเปิดดูลังไม้ที่บรรทุกมาให้หายสงสัยว่าเป็นสิ่งของผิดกฎหมายหรือไม่ เปิดดูพบด้านในลังไม้มีถุงสีดำบรรจุก้อนสี่เหลี่ยมห่อด้วยกระดาษสีเหลืองประทับตรา 999 และโทรศัพท์แจ้ง สภ.เด่นชัย ช่วยตรวจสอบ เจ้าหน้าที่ตำรวจฯ ตรวจสอบเบื้องต้นพบเป็นยาบ้า จำนวน 54 ถุง สรุปยาบ้าจำนวน 7,970,000 เม็ด ขณะนี้ อยู่ระหว่างสืบสวนข้อเท็จจริง เพื่อติดตามหาผู้กระทำผิด และผู้ร่วมขบวนการมาดำเนินคดี ตามกฎหมายต่อไป

คดีที่2 : สภ.เวียงมอก จว.ลำปาง จับกุมยาบ้า 599,600 เม็ด, ไอซ์ 41 กิโลกรัม

วันเดือนปีที่จับกุม : วันที่ 30 ตุลาคม 2564

สถานที่จับกุม : ด่านตรวจสะเลียมหวาน ต.เวียงมอก อ.เถิน จว.ลำปาง

ผู้ต้องหา : นายศักดิ์สิทธิ์ อำพันทอง อายุ 47 ปี ภูมิลำเนาอยู่ ต.สมเด็จ อ.สมเด็จ จว.กาฬสินธุ์

ของกลาง : ยาบ้า 599,600 เม็ด,ไอซ์ 41 กิโลกรัม,รถยนต์ (ซีอาร์วี) จำนวน 1 คัน

พฤติการณ์แห่งคดี : เมื่อวันที่ 30 ต.ค.64 เวลา 06:10 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เวียงมอก ได้ตั้งด่านตรวจยาเสพติด ต่อมาได้มี นายศักดิ์สิทธิ์ อำพันทอง ขับรถยนต์หมายเลขทะเบียน กง 5906 กาญจนบุรี จึงได้ทำการตรวจค้น ผลการ ตรวจค้นพบยาบ้า ลักษณะกลมแบน ประทับอักษร WY จำนวนประมาณ 599,600 เม็ด และไอซ์จำนวน 41 ห่อ น้ำหนัก 41 กก. ซุกซ่อนอยู่บริเวณด้านหลังรถยนต์ ซึ่ง ผตห.รับว่าของกลางทั้งหมดรับมาจาก อ.เชียงดาว จว.เชียงใหม่ เพื่อส่งไปให้เป้าหมายที่กรุงเทพมหานคร ขณะนี้อยู่ระหว่างการสืบสวนขยายผล เพื่อติดตามหา ผู้ร่วมขบวนการมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

คดีที่3 สภ.เกาะช้าง จว.เชียงราย ร่วมกับ กองกำลังผาเมือง ตรวจยึดยาบ้า 320,000 เม็ด

วันเดือนปีที่ตรวจยึด : วันที่ 30 ตุลาคม 2564

สถานที่ตรวจยึด : ช่องทางธรรมชาติบ้านป่าซาง ม.6 ต.เกาะช้าง อ.แม่สาย จว.เชียงราย

ของกลาง : ตรวจยึดยาเสพติดประเภทยาบ้า 320,000 เม็ด

พฤติการณ์แห่งคดี : ในห้วงวันที่ 30 ต.ค.2564 เวลา 14:00 น. จนท.กกล.ผาเมือง ได้ตรวจพบกลุ่มคนประมาณ 4 คน แบกถุงพลาสติกสีดำเดินมาจากประเทศเมียนม่า เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัว ขอทำการตรวจค้นกลุ่มคนดังกล่าว จึงได้ทิ้งถุงพลาสติกสีดำไว้แล้วได้วิ่งหลบหนีกลับไปยังประเทศเมียนม่า ชป.ขอกำลังสนับสนุน เข้าปิดล้อมสถานที่เกิดเหตุตรวจสอบบริเวณพื้นที่โดยรอบ พบเป็นวัตถุมีลักษณะเป็นกล่อง ห่อหุ้มด้วยถุงพลาสติกสีดำจำนวน 2 กล่อง บรรจุยาบ้ากล่องละประมาณ 160,000 เม็ด รวมเป็นยาบ้าทั้งหมด จำนวนประมาณ 320,000 เม็ด ขณะนี้อยู่ระหว่างสืบสวน ขยายผลเพื่อติดตามหาผู้กระทำผิด และ ผู้ร่วมขบวนการมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

รวมของกลางทั้งหมด ยาบ้า 19,896,000 เม็ด , ไอซ์ 631 กิโลกรัม และ เฮโรอีน 7 กิโลกรัม

 

อย. สหรัฐเผย! ตัวเลขวัยรุ่นใช้ ‘บุหรี่ไฟฟ้า’ ในอเมริกาลดลง 2 ปีต่อเนื่อง

ผลสำรวจการใช้บุหรี่ไฟฟ้าในวัยรุ่นของสหรัฐอเมริกา พบการใช้ลดลงในช่วงปี 2563-2564 ถึง 42% และช่วงปี 2562-2563 ลดลง 29% ทำให้อัตราลดลงถึง 60% ภายใน 2 ปี สวนทางกับข้อมูลของกลุ่มรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ที่อ้างข้อมูลเยาวชนใช้บุหรี่ไฟฟ้า 27.5% ของปี 2562 โดยไม่ให้ข้อมูลที่ครบถ้วนทั้งหมด เชื่อไทยจะป้องกันเด็กใช้บุหรี่ไฟฟ้าได้ ถ้านำเอามาควบคุมให้เหมาะสม

นายมาริษ กรัณยวัฒน์ ตัวแทนเครือข่ายผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้า “กลุ่มลาขาดควันยาสูบ” และแอดมินเพจ “บุหรี่ไฟฟ้าคืออะไร” ซึ่งมีผู้ติดตามกว่า 100,000 คน เปิดเผยว่า “กรมควบคุมโรค และองค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกาเพิ่งเปิดเผยตัวเลขการสำรวจระดับชาติเรื่องการบริโภคยาสูบในเยาวชนอเมริกัน ปรากฏว่าจำนวนวัยรุ่นที่ใช้บุหรี่ไฟฟ้าลดลงอย่างมากติดต่อกันเป็นที่สอง โดยในปี 2564 นี้ มีรายงานว่ามีนักเรียนชั้นมัธยมใช้บุหรี่ไฟฟ้า 11.3 % ลดลงจากปีก่อนที่ 19.6% และลดลงอย่างมากเมื่อเทียบกับปี 2562 ซึ่งเคยสูงถึง 27.5% ขณะที่วัยรุ่นที่ใช้บุหรี่ไฟฟ้าทุกวันมี 3.1% ตรงข้ามกับข้อมูลของกลุ่มรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ที่อ้างแต่ข้อมูลปี 2562 ที่ 27.5% เพื่อทำให้ผู้กำหนดนโยบายและสังคมไทยเข้าใจผิดว่าบุหรี่ไฟฟ้าทำให้วัยรุ่นในอเมริกานิยมใช้มากเพื่อที่จะได้แบนบุหรี่ไฟฟ้าต่อไป”

“แม้ว่าการสำรวจจะทำแบบออนไลน์เพราะโรงเรียนปิดช่วงโควิดซึ่งอาจมีผลต่อการสำรวจ แต่ผมมองว่าที่เป็นสัญญาณที่ดีเป็นแนวโน้มที่ดีที่แสดงว่าเมื่อรัฐบาลอเมริกาหันมาจริงจังกับปัญหานี้ก็สามารถควบคุมได้ โดยไม่ไปตัดสิทธิผู้ใหญ่ที่ต้องการเข้าถึงทางเลือกที่อันตรายน้อยกว่า เช่นบุหรี่ไฟฟ้า แม้ว่าเขาจะกังวลเรื่องเด็กและเยาวชนแต่ก็ไม่ได้แบนบุหรี่ไฟฟ้าเหมือนไทย แต่เขาเลือกแก้ปัญหาโดยการออกมาตรการควบคุมอย่างเข้มงวดขึ้น มีการแจ้งเตือน ควบคุมการใช้และการจำหน่าย รวมถึงควบคุมการโฆษณาและการออกรสชาติที่อาจจะดึงดูดเยาวชน เช่น รสลูกกวาดและขนม หลังจากนั้นก็พบว่าการใช้บุหรี่ไฟฟ้าของเด็กและเยาวชนลดลง แต่ของไทยวันนี้บุหรี่ไฟฟ้ายังผิดกฎหมาย คุมอะไรไม่ได้เลย เด็กสั่งออนไลน์ได้ของมาส่งถึงบ้านโดยไม่ต้องตรวจบัตรประชาชน”

ขณะเดียวกัน รายงานการสำรวจในประเทศอังกฤษที่จัดทำโดยมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ของอังกฤษ (ASH UK) ที่ระบุว่า ในปี 2564 11.2% เยาวชนอายุระหว่าง 11-17 ปีเคยลองบุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งลดลงจาก 13.9% ในปี 2563 รายงานของ ASH UK ยังย้ำด้วยว่าเด็กส่วนหนึ่งโดยเฉพาะกลุ่มที่เคยลองสูบบุหรี่ อาจจะเคยลองใช้บุหรี่ไฟฟ้า แต่การใช้บุหรี่ไฟฟ้าเป็นประจำยังคงต่ำอยู่มาก อย่างไรก็ตาม ยังจำเป็นต้องมีการติดตามและควบคุมให้เหมาะสม


 

ก้าวสำคัญ!! พัฒนาโลจิสติกส์ฮาลาล สู่ ฮับฮาลาลโลก

นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะประธานคณะกรรมการส่งเสริมสินค้าและผลิตผลการเกษตรมาตรฐาน “ฮาลาล” เป็นประธานในการเปิดงานการลงนามบันทึกข้อตกลงร่วมกันระหว่างสถาบันฮาลาลมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์และโรงเรียนธุรกิจการขนส่งและการค้าระหว่างประเทศ (ITBS) เมื่อ​ 1 พ.ย.64​ โดยมี พล.ต.ต สุรินทร์ ปาลาเร่ เลขาธิการคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย รศ.ดร.อิสมาแอ อำลี ประธานฝ่ายกิจการฮาลาล คณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย, รศ.ดร.จุฑามาส ศตวุข รองอธิการบดีฝ่ายวิชาการมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์, นายสุวิทย์ รัตนจินดา ประธานสมาพันธ์ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ไทยและประธานโรงเรียนธุรกิจการขนส่งการค้าระหว่างประเทศ​ (ITBS), ผศ.ดร.อัสมัน แตอาลี ผู้อำนวยการสถาบันฮาลาลมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ และทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องผ่านระบบ Facebook Live เพื่อประชาสัมพันธ์และเสริมสร้างความร่วมมือด้านองค์ความรู้ความเข้าใจด้านฮาลาลอย่างต่อเนื่อง แก่บุคลากรในสถานประกอบการ รองรับการพัฒนาด้านอุตสาหกรรมอาหาร ฮาลาลของประเทศไทยที่จะเติบโตในอนาคต

เผยผลสอบ! เรือดำน้ำสหรัฐฯ ชน 'วัตถุปริศนา' ที่แท้ปะทะ 'ภูเขาใต้ทะเล' ในทะเลจีนใต้

เรือดำน้ำนิวเคลียร์ลำหนึ่งของกองทัพเรือสหรัฐฯ ที่ได้รับความเสียหายรุนแรงในอุบัติเหตุขณะกำลังดำอยู่ในทะเลจีนใต้เมื่อเดือนที่แล้ว เป็นผลจากการชนเข้ากับภูเขาใต้ทะเลที่ไม่อยู่ในแผนภูมิ จากคำชี้แจงของกองทัพเรืออเมริกาในวันจันทร์ (1 พ.ย.)

กองเรือที่ 7 แห่งกองทัพเรือสหรัฐฯ ซึ่งปฏิบัติการในแปซิฟิกตะวันตก เปิดเผยว่าการสืบสวนได้ข้อสรุปว่าเรือดำน้ำยูเอสเอส คอนเนคทิคัต ชนเข้ากับรูปทรงทางธรณีวิทยาหนึ่ง ไม่ใช่เรือ เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม

"การสืบสวนได้ข้อสรุปว่าเรือดำน้ำยูเอสเอส คอนเนคทิคัต เกยภูเขาใต้ทะเลที่ไม่อยู่ในแผนภูมิลูกหนึ่ง ระหว่างปฏิบัติการในน่านน้ำสากลในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก" โฆษกกองเรือที่ 7 แห่งกองทัพเรือสหรัฐฯ ระบุในถ้อยแถลงที่เผยแพร่ทางอีเมล

'รัฐบาล' เชิญชวนผู้ประกอบการเข้าร่วม 'SHA และ SHA Plus+'  หนุนท่องเที่ยววิถี New Normal ยกระดับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย สร้างมาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขอนามัย รองรับการเปิดประเทศ

นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากการเปิดประเทศในวันที่  1 พ.ย.ที่ผ่านมา คาดการณ์ว่าจะมีนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกเดินทางมาท่องเที่ยวยังประเทศไทยเป็นจำนวนมาก ทำให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทยต้องปรับตัวเพื่อรับกับการท่องเที่ยววิถี New Normal ที่จะเกิดขึ้น ข้อมูลภาพรวมล่าสุดของสถานประกอบการทั่วประเทศที่ผ่านมาตรฐาน  SHA มี จำนวน 18,722 ราย และ SHA Plus+ มีจำนวน 4,396 ราย ( ณ วันที่ 29 ตุลาคม 2564)  จึงขอเชิญชวนผู้ประกอบการที่ยังไม่ได้เข้าร่วมโครงการฯ ให้สมัครเข้าร่วมได้ที่  www.thailandsha.com

ทั้งนี้ ผู้ประกอบการที่ลงทะเบียน SHA Plus+ จะต้องผ่านเกณฑ์ SHA และต้องมีพนักงานในสถานประกอบการได้รับวัคซีนครบ 2 เข็ม ไม่น้อยกว่า 70% ของพนักงานทั้งหมด และพนักงานต้อนรับ (Frontline) ที่ต้องพบเจอนักท่องเที่ยวต้องฉีดครบ 100% ร่วมกันยกระดับมาตรฐานการบริการในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวแบบ New Normal ที่สร้างความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยวและผู้ให้บริการก็มีความปลอดภัยด้วย

นางสาวรัชดา กล่าวว่า โครงการยกระดับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยมาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขอนามัย  (Amazing Thailand Safety & Health Administration (SHA)) เป็นโครงการความร่วมมือของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กับกรมควบคุมโรค กรมอนามัย กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข ฯลฯ โดยนำมาตรการความปลอดภัยด้านสาธารณสุขผนวกกับมาตรฐานการให้บริการที่มีคุณภาพของสถานประกอบการ เพื่อสร้างความมั่นใจแก่นักท่องเที่ยวว่าทุกคนจะได้รับประสบการณ์ที่ดี มีความสุข และความปลอดภัยด้านสุขอนามัยจากสินค้าและบริการประเทศไทย 

ภายใต้โครงการฯ จะมีสัญลักษณ์ SHA ที่แสดงให้เห็นว่าผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวได้ดำเนินการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงทั้งทางด้านสินค้าและบริการรวมทั้งด้านสุขอนามัย ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส Covid-19 โดยมีมาตรการทางสาธารณสุขเป็นหัวใจหลัก อาทิ การตรวจวัดอุณหภูมิร่างกาย การบันทึกประวัติผู้ให้บริการและผู้รับบริการหรือนักท่องเที่ยว การสวมใส่หน้ากากอนามัยและถุงมือตลอดเวลา การจัดให้มีสถานที่ล้างมือและจุดบริการแอลกอฮอลล์ การมีระบบจัดการขยะ และของเสียที่ถูกสุขอนามัย การเว้นระยะห่างระหว่างบุคคลอย่างน้อย 1 เมตร การกำหนดแนวเส้นการใช้บริการอย่างชัดเจน และเพิ่มความถี่ในการทำความสะอาด ส่วนสัญลักษณ์ SHA Plus+ คือมาตรฐาน SHA ดั้งเดิม ที่เพิ่มเงื่อนไขเข้าไปว่า พนักงานต้องได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันเชื้อโควิด-19 แล้วไม่ต่ำกว่า 70% ของทั้งองค์กร และ 100% กับพนักงานหน้าด่าน (Frontline) ที่ต้องพบเจอแขกทุกวัน

“โดยกิจการที่สามารถขอรับมาตรฐาน SHA และ SHA Plus+ ได้ มี 10 หมวด ได้แก่ 1. ภัตตาคาร/ร้านอาหาร 2. โรงแรม/ที่พัก และสถานที่จัดประชุม 3. นันทนาการและสถานที่ท่องเที่ยว 4. ยานพาหนะ 5. บริษัทนำเที่ยว 6. สุขภาพและความงาม 7. ห้างสรรพสินค้าและศูนย์การค้า 8. กีฬาเพื่อการท่องเที่ยว 9. โรงละคร โรงมหรสพและการจัดกิจกรรม และ 10. ร้านค้าของที่ระลึกและร้านค้าอื่นๆ” นางวาวรัชดา กล่าว

 

“We prep for school” เปิดเทอมอย่างปลอดภัย! จากใจพี่ ๆ ทหารเรือ จัดกิจกรรมจิตอาสา BIG CLEANING ต้อนรับเปิดการเรียนการสอนแบบ On - Site

ทัพเรือภาคที่ 1 ร่วมกับ นาย นาวิน มัตนาวี ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านอำเภอ และคณะอาจารย์ ร่วมกันต้อนรับน้อง ๆ สำหรับการเปิดเทอมวันแรก เมื่อ 1 พ.ย. 2564 ซึ่งทางโรงเรียนบ้านอำเภอ ตำบลนาจอมเทียน อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี ได้ผ่านมาตรการ COVID - Free Setting ในสถานศึกษา จังหวัดชลบุรี และรับอนุญาตจากศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 จังหวัดชลบุรี ให้สามารถเปิดการเรียนการสอนแบบ On - Site ได้ ตั้งแต่ 1 พ.ย. 2564

การต้อนรับน้อง ๆ สำหรับการเปิดเทอมวันแรกในวันนี้ เป็นไปตามนโยบายการบูรณาการเชิงรุกของทัพเรือภาคที่ 1 เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกแก่ผู้ปกครองและนักเรียน อีกทั้งยังเป็นการติดตามความพร้อมในการเปิดเทอมวันแรก หลังจากที่ทัพเรือภาคที่ 1 ได้จัดกิจกรรมจิตอาสา BIG CLEANING โดยได้ร่วมกัน ทำความสะอาด พัฒนาพื้นที่ และฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อไวัสโควิด-19

หลังจากนั้น ในเวลา 10.30 น. นาวาเอก เกียรติกูล สุวรรณ รองเสนาธิการ ทัพเรือภาคที่ 1 ร่วมประชุมหารือรับฟังแนวทางในการเปิดสถานศึกษาตามมาตรการ COVID - Free Setting ในสถานศึกษา จังหวัดชลบุรี ณ โรงเรียนบ้านสัตหีบ อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี โดยมี นางกาญจนา เทวศรัญยดิษฐ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านสัตหีบ และคณะอาจารย์ ให้การต้อนรับ 

โรงเรียนบ้านสัตหีบ อยู่ระหว่างการขออนุญาตจากศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 จังหวัดชลบุรี จึงทำให้ยังไม่สามารถ เปิดการเรียนการสอนแบบ On - Site ได้  โดยคาดว่าจะสามารถเปิดการเรียนการสอนแบบ On -Site ได้ประมาณช่วงกลางเดือนพฤศจิกายนเป็นต้นไป

ทั้งนี้ เมื่อทางโรงเรียนบ้านสัตหีบมีความพร้อมที่จะเปิดการเรียนการสอนแบบ On - Site แล้วนั้น ทัพเรือภาคที่ 1 จะให้การสนับสนุนกำลังพลในการ การฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อไวรัสโควิด-19 และการทำความสะอาดโรงเรียน เพื่อสนับสนุนการเปิดการเรียนการสอนแบบ On - Site ต่อไป ซึ่งเป็นไปตามนโยบาย ของ พลเรือเอก สมประสงค์ นิลสมัย  ผู้บัญชาการทหารเรือ ที่ให้หน่วยต่าง ๆ ของทัพเรือร่วมสนับสนุนรัฐบาลในเรื่องการเปิดโรงเรียน

 

 

‘อินเตอร์ลิ้งค์ฯ’ เดินหน้า!! นำโดย ‘คุณสมบัติ’ ประธาน บมจ. จัดงานสัมมนา “FTTx – PON (Passive Optical Network) System พลิกบทบาทสำคัญในอนาคต

คุณสมบัติ อนันตรัมพร ประธาน บมจ. อินเตอร์ลิ้งค์ฯ จัดงานสัมมนา “FTTx – PON (Passive Optical Network) System ผ่านระบบ Zoom

พร้อมนำทีมวิทยากรชั้นนำมาอัพเดทเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการเชื่อมต่อด้วยระบบสายสัญญาณ เพื่อตอบโจทย์การติดตั้งระบบ Fiber Optic สำหรับอาคารสำนักงาน อาคารสูง คอนโดมิเนียม โรงแรม อพาร์ทเม้น หอพัก Smart Office และ Smart Home ที่จะมีบทบาทสำคัญในอนาคต

เพื่อให้กลุ่มลูกค้าเห็นภาพจริงและไปประยุกต์ใช้ได้ โดยได้รับการตอบรับอย่างดีจากลูกค้าทั่วประเทศกว่า 400 คน

???? LIVE จากสนง.ใหญ่ อินเตอร์ลิ้งค์ กรุงเทพฯ


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top