Sunday, 5 May 2024
NEWS FEED

ตร. เตือน ระวังหลอกให้ ‘รัก โลภ หลง’ ภัยออนไลน์ 3 รูปแบบ ย้ำ! ใครก็ตกเป็นเหยื่อได้

วันที่ 20 ต.ค. 2564 พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ตามที่ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ได้มีนโยบายให้มี สำนักงานตำรวจแห่งชาติ แจ้งเตือนและประชาสัมพันธ์ให้พี่น้องประชาชนรู้เท่าทันถึงอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการสืบสวนจับกุมผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอดนั้น

การสร้างความสัมพันธ์ หลอกลวงเหยื่อในลักษณะฉ้อโกงโดยการแสดงตนเป็นคนอื่นให้เกิดความรัก มีทั้ง หลอกรักออนไลน์ (Romance Scam) , หลอกรักชวนลงทุน(Hybrid Scam) ,การข่มขู่กรรโชกทางเพศ(Sex Tortion) ซึ่งมักใช้วิธีการนำภาพผู้อื่นมาสร้างบัญชีสื่อสังคมออนไลน์ด้วยข้อมูลเท็จ ทำทีเข้ามาสร้างความสัมพันธ์ หลอกล่อด้วยวิธีการต่าง ๆ มากมาย ทำให้ได้ไปซึ่งทรัพย์สินเงินทอง ไปจนถึงความรัก จนเหยื่อยอมมอบทรัพย์สินให้ หรือยอมถ่ายคลิปลับของตนส่งไปให้คนร้าย และท้ายที่สุดคนร้ายก็จะตัดขาดการติดต่อจากผู้เสียหาย หรือนำคลิปลับมาข่มขู่เรียกเอาเงินจากผู้เสียหาย

ซึ่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้มีการแจ้งเตือนประชาชนเกี่ยวกับอาชญากรรมในรูปแบบดังกล่าวและจับกุมผู้กระทำผิดอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด แต่ปรากฏว่ายังมีพี่น้องประชาชนจำนวนมากยังคงตกเป็นเหยื่ออยู่ ไม่ว่าจะเป็น วัยรุ่น วัยทำงาน หรือแม้แต่ผู้สูงอายุ

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงขอมาย้ำเตือนพี่น้องประชาชนให้รู้เท่าทัน ถึงการฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่นผ่านสื่อออนไลน์ ซึ่งมีอยู่ด้วยกัน 3 รูปแบบหลัก ดังนี้

1.) “หลอกให้เกิดความรัก” ใช้ภาพของบุคคลที่หน้าตาดี หล่อ สวย สร้างโปรไฟล์ปลอมให้ดูน่าเชื่อถือ จากนั้นส่งข้อความถึงเป้าหมาย เพื่อสร้างความสัมพันธ์ในเชิงชู้สาว หลอกให้เกิดความรัก ขอทรัพย์สินเป็นของขวัญ หรืออ้างว่าตนเองหรือบุคคลในครอบครัวต้องรับการรักษาที่โรงพยาบาล แต่ไม่มีเงินเพียงพอ จนเหยื่อหลงเชื่อ มอบทรัพย์สินให้เป็นจำนวนมาก

2.) “หลอกให้เกิดความโลภ” ใช้ภาพของบุคคลที่น่าเชื่อถือ สร้างโปรไฟล์ปลอมให้ดูเหมือนเป็นนักลงทุน มีทรัพย์สินจำนวนมาก จากนั้นส่งข้อความถึงเป้าหมาย เพื่อสร้างความสัมพันธ์ในเชิงธุรกิจ หลอกให้เกิดความโลภ อ้างว่ามีช่องทางการลงทุนที่ได้รับผลตอบแทนสูง โดยใช้แอปพลิเคชันหรือเว็บไซต์ลงทุนปลอม หลอกให้เหยื่อสมัครลงทุนที่ไม่มีอยู่จริง หรือได้รับสัมปทานจากรัฐ ซึ่งเป็นข้อมูลเฉพาะคนรู้จักเท่านั้น ไม่เปิดเผยต่อคนภายนอก หรืออ้างว่ามีทรัพย์สินของตนจำนวนมาก ติดอยู่ที่ศุลกากร จำเป็นต้องจ่ายภาษี จึงขอให้ผู้เสียหายชำระเงินภาษีให้ โดยอ้างว่าจะให้ผลตอบแทนจำนวนมาก ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมาไม่มีอยู่จริง จนทำให้เหยื่อหลงเชื่อ มอบทรัพย์สินให้คนร้าย

รัฐบาลอินโดฯ บินด่วนเจรจา Merck ตั้งโรงงานผลิตยา Molnupiravir

สื่อท้องถิ่นอินโดนีเซียรายงานว่ารัฐบาลอินโดนีเซียกำลังเจรจากับบริษัท Merck ของสหรัฐอเมริกา ผู้ผลิต Molnupiravir (โมลนูพิราเวียร์) ยารักษาโควิด-19 เกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการตั้งโรงงานผลิตยาดังกล่าวในอินโดนีเซีย

ลูฮัต บินซาร์ ปันด์ไจตัน (Luhut Binsar Pandjaitan) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการลงทุนของอินโดนีเซีย เผยว่า วันนี้ (20 ต.ค.) ตนพร้อมด้วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเดินทางไปยังสหรัฐอเมริกาเพื่อเจรจากับบริษัทผู้ผลิตยาในประเด็นดังกล่าว

พร้อมเสริมว่า อินโดนีเซียต้องการเป็นมากกว่าผู้ซื้อ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะมีการลงทุนและตั้งโรงงานผลิตยา Molnupiravir ในอินโดนีเซียในอนาคต

8 ผู้บริหารสายการบินจีน โดนสั่งยืนตากลมหนาว หลังปล่อย ‘แอร์ฯ สาว’ หนาวสั่น เพราะไม่ปรับยูนิฟอร์มให้ทันฤดู

เฟซบุ๊กเพจ ‘ไทยคำ-จีนคำ’ ได้โพสต์เรื่องราวจากกรณีศึกษาขององค์กรสายการบินในจีนที่มองข้ามความสำคัญของสวัสดิภาพพนักงาน ว่า...

ปล่อยพนักงานผู้ใต้บังคับบัญชาตกทุกข์ได้ยาก ผู้บริหารระดับสูงต้องรับผิดชอบ

เมื่อกลางดึกคืนวันที่ 9 ต.ค.ที่ผ่านมา ผู้โดยสารของสายการบิน ‘ไห่หนาน’ (ไหหลำ) 海航 ได้ลงเครื่องที่กรุงปักกิ่ง ซึ่งระหว่างนั่งรถกลับบ้าน เหลือบมองไปข้างทาง พบเห็น ‘แอร์โฮสเตส’ ของสายการบินที่ตนเพิ่งโดยสารมา ‘ยืนหนาวตัวสั่นอยู่’ ท่าทางน่าสงสารเป็นอย่างยิ่ง (อุณหภูมิในเวลานั้นอยู่ราวๆ 0 องศาเซลเซียส)

ผู้โดยสารปรารถนาดี ต้องการให้สายการบินระดับชาติยกระดับการดูแลพนักงาน จึงได้ทำเรื่องร้องเรียนไปยังผู้บริหารระดับสูง เรียกร้องให้ช่วยจัดการสวัสดิภาพของผู้ใต้บังคับบัญชา ไม่ควรปล่อยให้ใครต้องมายืนตากลม เจอกับความหนาวเหน็บเช่นนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งแอร์โฮสเตสสาว ที่ร่างกายบอบบาง 

เรื่องถูกส่งต่อไปถึง ‘บิ๊กของบริษัท’ อย่างรวดเร็ว และได้รีบสั่งการลงมาให้ดำเนินการเปลี่ยนชุดยูนิฟอร์มของสายการบินเข้าสู่ฤดูหนาวในทันที

หน้าหนาวปีนี้มาเร็วกว่าที่คิด สายการบินหลายแห่งเปลี่ยนยูนิฟอร์มเป็นชุดสำหรับป้องกันความหนาวกันหมดแล้ว

แต่สายการบินไห่หนานยังติดระบบระเบียบภายใน ทำให้การดำเนินงานล่าช้า และเกิดภาพแอร์สาวยืนตัวสั่น จนถูกผู้โดยสายนำเรื่องมาฟ้อง ถือว่าขายหน้าอย่างยิ่ง

14 ข้อ ที่ต้องร้อง อ๋อ!! เมื่อพูดถึงการท่องเที่ยวไทย

ดร.เสรี วงษ์มณฑา ผู้ร่วมก่อตั้งสถาบันทิศทางไทย บรรณาธิการบริหาร เพื่อวางกลยุทธ์สื่อสาร ศบค. ได้โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุถึง 14 ความโดดเด่นของประเทศไทย ดังนี้ว่า... 

1.) ประเทศไทยติด Top 10 ที่นักท่องเที่ยวนิยมมาเที่ยว

2.) เรามีวัฒนธรรมที่โดดเด่นเป็นที่ 7 ของโลก ที่ 2 ของ Asia และที่ 1 ของ ASEAN

3.) เราเป็น Paradise of Street Food และเป็น Kitchen of the World

4.) เราเป็น Paradise of Gaycation (Gay+Vacation)

5.) เราเป็น International Hub of Health Tourism ด้วยโรงพยาบาล Wellness Spa Resorts, Day Spa

6.) พระบรมมหาราชวังเขาเราติด Top 10 ของวังที่มีคนเข้าชมมากที่สุด

'ภูเก็ต' ฟุ้งควบคุมการระบาดได้ดี พบยอดสะสมแซนด์บ็อกซ์ติดเชื้อแค่ 0.3%

20 ต.ค. 64 - นพ.กู้ศักดิ์ กู้เกียรติกูล นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า สถานการณ์โรคโควิด-19 ของประเทศดีขึ้น ผู้ป่วยลดลง แต่ในภาคใต้มีผู้ป่วยเพิ่มขึ้น อยู่ในช่วงขาขึ้นโดยเฉพาะ 4 จังหวัดภาคใต้ตอนล่าง ส่วนจังหวัดภูเก็ตผู้ป่วยลดลง จากเดิมเดือน ก.ย. 64 เฉลี่ยวันละ 250-260 ราย ขณะนี้ตัวเลขลดลงอยู่ที่ 130 ราย ข้อมูล ณ วันที่ 19 ต.ค. 64 มีผู้ป่วยรายใหม่ 132 คน ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ 6 คน ซึ่งผู้ป่วยภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์สะสม 163 คน จากจำนวนที่เข้ามากว่า 50,000 คน คิดเป็น 0.3% ถือว่าน้อยมาก

ภาพรวมสถานการณ์โควิด-19 จังหวัดภูเก็ต มีแนวโน้มดีขึ้น ศักยภาพการดูแลเตียงสามารถรองรับผู้ป่วยที่มีอาการได้ มีจำนวนเตียงที่รองรับผู้ป่วยสีเหลืองสีแดงได้มากขึ้น เตียงว่าง 40% ส่วน ศูนย์ CI ในชุมชน ได้ทยอยปิดตัวไปหลายแห่ง เนื่องจากผู้ป่วยลดลงชัดเจน ตอนนี้มีเฉพาะผู้ป่วยที่มีอาการเล็กน้อย ที่ต้องอยู่โรงพยาบาล และผู้ป่วยติดเชื้อที่ไม่มีอาการอยู่ใน Home Isolate ยังมีต้องดูแล ภาพรวมติดเชื้อน้อยลง ต้องขอบคุณภาคประชาชนที่ร่วมกันฉีดวัคซีน มีมาตรการป้องกันตนเอง ทางสาธารณสุขใช้ทีม CCRT ลงตรวจเชิงรุก ฉีดวัคซีนควบคู่ไปด้วย ซึ่งภูเก็ตมีการฉีดวัคซีนเป็นจังหวัดต้นๆ ข้อมูลการฉีดเข็มแรก 82% เข็มสอง 77% เข็มสาม 45% การฉีดเข็มสามจะช่วยป้องกันเชื้อเดลตาได้

อินเตอร์ลิ้งค์ฯ เข้มข้นกว่าเดิม!! “คุณสมบัติ” ประธาน บมจ. พลิกโฉมการแข่งขัน Cabling & Networking Contest ปีที่ 9 ชิงถ้วยพระราชทาน และเงินรางวัลรวมกว่า 400,000 บาท

“คุณสมบัติ อนันตรัมพร” ประธาน บมจ. อินเตอร์ลิ้งค์ฯ จัดงาน Cabling & Networking Contest #9 การแข่งขันสุดยอดทักษะสายสัญญาณและเน็ตเวิร์ค ปีที่ 9

ซึ่งครั้งนี้เป็นปีแรก ที่พลิกโฉมการแข่งขันมาในรูปแบบ Fully Online ผ่านระบบ Zoom โดยมี ‘คุณอำพล พงศ์สุวรรณ’ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลาให้เกียรติกล่าวเปิดงาน

 

Walk in เข็มแรก!! เทศบาลแพรกษา สมุทรปราการ เปิด Walk in ฉีดวัคซีน 1,000 คน หนุ่มชาวอังกฤษ เผย! ขอบคุณคนไทย

ที่บริเวณอาคาร ชั้น 1 ศูนย์ฉีดวัคซีนเทศบาลตำบลแพรกษา อ.เมือง จ.สมุทรปราการ ดร.ยงยุทธ สุวรรณบุตร สส.สมุทรปราการ เขต 2 พรรคพลังประชารัฐ พร้อมด้วยนางอรัญญา สุวรรณบุตร นายกเทศมนตรีตำบลแพรกษา นำคณะผู้บริหาร หัวหน้าส่วนราชการ และสมาชิกสภาเทศบาลตำบลแพรกษา เดินตรวจเยี่ยมประชาชนพร้อมทั้งให้กำลังใจบุคลากรทางการแพทย์และคณะเจ้าหน้าที่ที่คอยให้บริการประชาชนที่เดินทางมารับการฉีดวัคซีนโควิด-19 เข็มแรก แบบ Walk in จำนวน 1,000 คน ณ ศูนย์ฉีดวัคซีนเทศบาลตำบลแพรกษา

โดยในวันนี้ มีประชาชนจำนวนมากทั้งคนไทยและชาวต่างชาติให้ความสนใจ ต่างเดินทางมารอรับบริการฉีดวัคซีน โควิด-19 เข็มแรก แบบ Walk in หลังจากที่เทศบาลตำบลแพรกษาได้เปิดให้ประชาชนทุกกลุ่ม สามารถเดินทางมาขอรับการฉีดวัคซีนได้ทันทีโดยไม่ต้องลงทะเบียนก่อน 

จากการสอบถามนาย ปีเตอร์ แอนดรู คาโล อายุ 67 ปี ชาวอังกฤษ เปิดเผยว่า สาเหตุที่เดินทางมาฉีดวัคซีน แบบ Walk in ในวันนี้เพราะช่วงก่อนหน้านั้นตนเองได้ลงทะเบียนจองวัคซีนไปก่อนแล้ว แต่เนื่องจากสถานการณ์ในปัจจุบันยังมีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 อย่างต่อเนื่อง ตนจึงมองว่าวัคซีนชนิดไหนได้ก่อนก็ควรฉีดป้องกันไว้ก่อน และหลังจากที่ทราบว่าเทศบาลตำบลแพรกษาแห่งนี้จะเปิดให้ประชาชนที่สนใจรับการฉีดวัคซีนโควิด-19 แบบ Walk in จึงทำให้เดินทางมาฉีดวัคซีนในวันนี้ และยังมีความสะดวกสบายไม่แออัด อีกทั้งมีเจ้าหน้าที่โดยเทศบาลตำบลแพรกษามาเป็นจิตอาสาคอยดูแลช่วยเหลือผู้สูงอายุอีกด้วย

 

ครม.สัญจร กระบี่นำร่องเปิดประเทศ 8-9 พ.ย.เลื่อนก่อน หลีกทางประชุมร่วมรัฐสภา พิจารณา พ.ร.บ.ปฏิรูปประเทศ “บิ๊กตู่” สั่ง ส.ส.ทุกพรรคเข้าร่วมประชุม

ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาล ว่า ภายหลัง คณะรัฐมนตรี (ครม.) รับทราบการจัดประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ (ครม.สัญจร) ในวันที่ 8-9 พ.ย.ที่จ.กระบี่ เพื่อติดตามความก้าวหน้าการดำเนินงานในพื้นที่นำร่องการท่องเที่ยว รองรับการเปิดประเทศอย่างปลอดภัย เมื่อวันอังคารที่ 19 ต.ค.ที่ผ่านมา ล่าสุด มีรายงานว่า การประชุม ครม.สัญจรดังกล่าวต้องเลื่อนออกไป โดยอาจจะจัดประชุมระหว่างวันที่ 15-16 พ.ย.หรือ พิจารณาความเหมาะสมอีกครั้ง เนื่องจากในช่วงวันที่ 8-9 พ.ย.

ศบค.ชุดเล็ก เข้ม แนวทาง-ปัจจัย-รูปแบบ การเปิดประเทศ ย้ำ คุณสมบัติส่วนบุคคล วอน หยุดยาว 4 วัน ประชาชน เน้น "มาตรการป้องกันสูงสุดแบบครอบจักรวาล"

ที่ศบค. ทำเนียบรัฐบาล พญ.สุมนี วัชรสินธุ์ ผู้ช่วยรองโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) แถลงข่าวสถานการณ์ประจำวัน ตอนหนึ่ง ว่า ที่ประชุมศบค.ชุดเล็ก ได้ประชุมเรื่องการเปิดประเทศ เพื่อที่จะปรึกษาวางแผนแนวทางการเปิดประเทศจากหน่วยงานต่างๆ โดยได้ข้อสรุปเบื้องต้น ดังนี้ ขอพิจารณาหลักในการเปิดประเทศประกอบด้วย 3 ปัจจัยสำคัญ คือ 1.ปัจจัยมาตรการทางสาธารณสุข 2. ปัจจัยที่เกี่ยวเนื่องกับภาคเศรษฐกิจ โดยแยกแยกเป็น 2 เรื่อง คือเรื่องแรกการท่องเที่ยว เรื่องสองคือการมาทำธุรกิจในประเทศไทย 3. ปัจจัยพิจารณาในเรื่องของประเทศนั้นจะต้องมี ความสอดคล้องมาตรการ ระหว่างประเทศให้เข้ากับประเทศไทยได้ เช่น การเข้าออกประเทศ 

พญ.สุมนี กล่าวว่า ข้อพิจารณาหลักทั้ง 3 ข้อ จะเป็นหลักในการพิจารณาเปิดประเทศและรูปแบบในการพิจารณาเข้าประเทศนั้นแบ่งเป็น 3 รูปแบบใหญ่ คือ 1. การเข้ามาในสถานที่กับการที่รัฐกำหนดให้ เหมือนที่เคยกำหนดมาแต่เดิมอยู่แล้ว ซึ่งไม่ว่าจะเป็นคนไทยหรือชาวต่างชาติที่ได้รับวัคซีนไม่ครบ แล้วเข้ามาในประเทศเราก็ต้องเข้าสู่มาตรการกักกัน ไม่ว่าจะเป็น 7,10,14 วัน ก็แล้วแต่กรณี 2.แบบแซนด์บ็อกซ์ หรือแบบพื้นที่นำร่องท่องเที่ยว เพิ่งจะเกิดขึ้นในระยะที่หนึ่ง ใน 17 จังหวัดด้วย 3. แบบไม่กักตัว ซึ่งแบบที่ 2 และ 3 นั้น จะต้องมีเงื่อนไขคือต้องได้รับวัคซีนครบทั้งสองเข็มเป็นหลัก 

พญ.สุมนี กล่าวว่า ส่วนคุณสมบัติของผู้ที่จะเดินทางเข้าประเทศไทย ที่เคยมีการชี้แจง ไว้แล้วจะต้องเป็นผู้ที่นอกจากฉีดวัคซีนครบแล้ว ต้องได้รับการตรวจ RT-PCR จากประเทศต้นทาง ว่าไม่ได้รับเชื้อ 72 ชั่วโมง ควรมีการทำประกันสุขภาพอย่างน้อย 50,000 เหรียญสหรัฐ อีกครั้งเมื่อมาถึงประเทศไทยแล้วจะต้องมีการตรวจ RT-PCR ซ้ำ ในวันแรกที่มาถึงทันที และเมื่อผลการตรวจเป็นลบจึงจะเดินทางต่อไปได้ 

“จุรินทร์” ออนทัวร์ 20-21 ต.ค. ลงพื้นที่ สตูล-พัทลุง-ตรัง โปรโมตอี-คอมเมิร์ซ พร้อมพบผู้นำศาสนา-ประชุมส.ส.ใต้ 

ที่ท่าอากาศยานนานาชาติหาดใหญ่ จ.สงขลา  นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ถึงการทำกิจกรรม “จุรินทร์ ออนทัวร์” ลงพื้นที่จ.สตูล พัทลุง และตรัง ระหว่างวันที่ 20-21 ต.ค.2564  ว่า สำหรับการลงพื้นที่ดังกล่าวจะเริ่มต้นภารกิจที่จ.สตูล โดยจะเปิดการอบรมการค้าขายทางออนไลน์หรืออี-คอมเมิร์ซ ซึ่งถือเป็นเรื่องสำคัญ  เนื่องจากภาคการเกษตร โอท็อป สตาร์ทอัพ และภาคประชาสังคมมีความต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมในเรื่องนี้ ซึ่งจะนำไปสู่การค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ  จากนั้นตนจะพบผู้นำศาสนาแล้วจะได้เดินทางไปยังจ.พัทลุง เพื่อร่วมประชุมกับ ส.ส.ภาคใต้ของพรรคประชาธิปัตย์ต่อไป


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top