Monday, 29 April 2024
LITE

28 กรกฎาคม วันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวิชราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ขึ้นทรงราชย์เป็นพระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 10 แห่งราชวงศ์จักรี ภายหลังทรงมีพระราชดำรัสตอบรับคำกราบบังคมทูลเชิญของสภานิติบัญญัติแห่งชาติเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2559

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ทรงเป็นพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชสมภพเมื่อวันจันทร์ที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ.  2495 ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต ได้รับพระราชทานพระนามว่า สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าวชิราลงกรณ

ทรงมีพระเชษฐภคินี คือ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี และพระขนิษฐา 2 พระองค์ คือ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา เจ้าฟ้ามหาจักรีสิรินธร รัฐสีมาคุณากรปิยชาติ สยามบรมราชกุมารี และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี

พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงสถาปนาขึ้นเป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2515 ขณะนั้นทรงเจริญพระชนมายุ 20 พรรษา นับเป็นกระบวนการสืบราชสันตติวงศ์ที่ชัดเจนตามกฎมณเฑียรบาลว่าด้วยการสืบสันตติวงศ์ พ.ศ. 2467

>>การศึกษา
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ทรงเริ่มการศึกษาที่โรงเรียนจิตรลดา แล้วเสด็จพระราชดำเนินไปทรงศึกษาต่อในระดับประถมศึกษาที่โรงเรียนคิงส์มีด แคว้นซัสเซกส์ และศึกษาระดับมัธยมศึกษาที่โรงเรียนมิลฟิลด์ แคว้นซอมเมอร์เซท สหราชอาณาจักร

หลังจากนั้น ทรงศึกษาต่อวิชาทหารที่โรงเรียนคิงส์ นครซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย ทรงสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีสาขาอักษรศาสตร์ ด้านการทหาร จากมหาวิทยาลัยนิวเซาธ์เวลส์ ประเทศออสเตรเลีย

หลังจากทรงสำเร็จการศึกษาได้เสด็จฯ นิวัติประเทศไทย ทรงศึกษาต่อสาขาวิชานิติศาสตร์รุ่นที่ 2 มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช

>>ทรงผนวช
วันที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2521 ทรงผนวชเป็นพระภิกษุในพระพุทธศาสนา ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม โดยมีสมเด็จพระสังฆราช วาสนมหาเถร วัดราชบพิธ เป็นพระราชอุปัธยาจารย์ ถวายพระสมณนามว่า วชิราลงฺกรโณ ประทับ ณ วัดบวรนิเวศวิหาร เมื่อครบ 15 วัน ทรงลาผนวช

>>พระราชกรณียกิจ
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจแทนพระองค์มาโดยตลอด เพื่อแบ่งเบาพระราชกรณียกิจพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทั้งในการพระราชพิธีสำคัญ เพื่อเป็นขวัญกำลังใจแก่เกษตรกรไทย และพระราชพิธีทางศาสนาต่าง ๆ

นอกจากนี้ได้เสด็จติดตามสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถเสด็จพระราชดำเนินไปแปรพระราชฐานประทับแรมตามภูมิภาคต่าง ๆ ของประเทศไทย โดยทรงติดตามความก้าวหน้าด้านการชลประทาน การสร้างเขื่อนต่าง ๆ และพระราชทานแนวพระราชดำริให้กรมชลประทานแก้ปัญหาตามที่ชาวบ้านกราบทูล ส่งให้ราษฎรมีน้ำใช้ในการเกษตรอย่างอุดมสมบูรณ์และช่วยบรรเทาปัญหาอุทกภัยในฤดูฝน

ด้านการแพทย์และสาธารณสุข 
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ทรงตระหนักว่าสุขภาพพลานามัยอันดีของประชาชนเป็นปัจจัยสำคัญของการสร้างสรรค์ทรัพยากรบุคคล จึงทรงสนพระราชหฤทัยในการประกอบพระราชกรณียกิจ เช่น เมื่อรัฐบาลได้น้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช 21 แห่งทั่วประเทศ พระองค์ก็ได้ทรงพระอุตสาหะเสด็จฯ ไปทรงประกอบพิธีเปิดโรงพยาบาลทุกแห่งและทรงเยี่ยมโรงพยาบาลอย่างสม่ำเสมอ รวมทั้งพระราชทานพระราชทรัพย์สนับสนุนให้มีอุปกรณ์การแพทย์ เครื่องมือเครื่องใช้ที่ทันสมัย

ด้านการศึกษา 
ทรงพระกรุณาพระราชทานพระราชทรัพย์ร่วมสนับสนุนให้กรมสามัญศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ ก่อตั้งโรงเรียนมัธยมศึกษาในถิ่นทุรกันดาร 6 แห่ง ทรงรับโรงเรียนไว้ในพระราชูปถัมภ์ พระราชทานวัสดุอุปกรณ์การศึกษาที่ทันสมัย เช่น คอมพิวเตอร์ โทรทัศน์ วีดิทัศน์ และในด้านการอุดมศึกษา พระองค์ได้ทรงพระกรุณาเสด็จฯ แทนพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชไปพระราชทานปริญญาบัตรแก่บัณฑิตของมหาวิทยาลัยต่าง ๆ

ทรงจัดตั้งโครงการทุนการศึกษาพระราชทานด้วยทรงมีพระราชปณิธานในการสร้างโอกาสทางการศึกษาแก่เยาวชนไทย และในปี 2553 มีพระราชดำริให้จัดตั้งมูลนิธิทุนการศึกษาพระราชทาน สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมารขึ้น โดยทรงดำรงตำแหน่งประธานกรรมการ ซึ่งที่ผ่านมานักเรียนทุนพระราชทานทุกรุ่นเข้าศึกษาต่อในระดับปริญญาตรีหรือเทียบเท่า มีอัตราสูงกว่าร้อยละ 97 โดยผู้ได้รับทุนพระราชทานไม่มีภาระผูกพันที่ต้องใช้ทุนคืน และเมื่อจบการศึกษา ทรงเปิดโอกาสให้สมัครเข้าถวายงานเป็นข้าราชบริพารในพระองค์ได้ตามความสมัครใจ

ด้านสังคมสงเคราะห์ 
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูรทรงพระกรุณาห่วงใยการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน โดยเฉพาะเยาวชนที่ด้อยโอกาส ได้เสด็จฯ ไปทรงเยี่ยมชุมชนแออัดของกรุงเทพฯ หลายแห่ง เช่น ชุมชนแออัดพระโขนง เขตคลองเตย เขตยานนาวา พระราชทานพระราชทรัพย์สนับสนุนโครงการของชุมชน เช่น โครงการพัฒนาเด็กเล็กที่ขาดแคลน โครงการปราบปรามยาเสพติด

ด้านการต่างประเทศ 
ทรงเสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ไปทรงเยือนมิตรประเทศทั่วทุกทวีป เช่น ประเทศอิตาลี สาธารณรัฐประชาชนจีน ญี่ปุ่น อิหร่าน เนปาล สาธารณรัฐสังคมนิยมประชาธิปไตยศรีลังกา สาธารณรัฐเปรู ออสเตรเลีย สิงคโปร์ นอกจากจะมุ่งเจริญสัมพันธไมตรีแล้ว ยังทรงสนพระราชหฤทัยในการทอดพระเนตรและศึกษากิจการต่างๆ ที่จะทรงนำประโยชน์มาใช้ในการพัฒนาประเทศไทย เช่น เสด็จฯ ไปทรงเยี่ยมชมกิจการทหาร ศิลปวัฒนธรรม อุตสาหกรรมและความเป็นอยู่ของประชาชน

ด้านเกษตรกรรม 
ทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจเพื่อส่งเสริมกิจการด้านเกษตรกรรม เช่น เสด็จฯ แทนพระองค์ในการพระราชพิธีพืชมงคล

ด้านพระศาสนา 
ทรงเสด็จฯ แทนพระองค์ไปปฏิบัติพระราชกรณียกิจทางศาสนาเป็นประจำสม่ำเสมอ เช่น ทรงเปลี่ยนเครื่องทรงพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร ณ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ตามฤดูกาล รวมถึงการเสด็จพระราชดำเนินไปในการพระราชทานถ้วยรางวัล การทดสอบการอัญเชิญพระมหาคัมภีร์อัลกุรอ่านระดับประเทศ

ด้านการกีฬา 
ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจ ทั้งในผู้แทนพระองค์และในส่วนของพระองค์เอง เช่น พระราชทานไฟพระฤกษ์กีฬาเยาวชนแห่งชาติ พระราชทานพระราชวโรกาสให้นักกีฬาไทยเข้าเฝ้าทูลละอองพระบาทรับพระราชทานรางวัลนักกีฬายอดเยี่ยม

ด้านการทหาร 
ทรงสนพระราชหฤทัยในวิทยาการด้านการทหารมาตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ นอกจากทรงรับการศึกษาด้านการทหารจากประเทศออสเตรเลียแล้ว ยังทรงพระวิริยะอุตสาหะเพิ่มพูนความรู้และประสบการณ์อยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะในด้านวิทยาการการบิน ทรงรับราชการทหารมาโดยตลอดตั้งแต่วันที่ 9 ม.ค.2518 และทรงดำรงพระยศทางทหารของ 3 เหล่าทัพ คือ พล.อ. พล.ร.อ. พล.อ.อ. โดยทรงเข้าร่วมปฏิบัติการรบในการต่อต้านการก่อการร้ายในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รวมทั้งการคุ้มกันพื้นที่ในบริเวณรอบค่ายผู้อพยพชาวกัมพูชา ที่เขาล้าน จ.ตราด อีกทั้งยังเสด็จพระราชดำเนินไปในพิธีการด้านทหาร อาทิ งานวันราชวัลลภ

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ทรงเจริญรอยตามเบื้องพระยุคลบาทพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถในการปฏิบัติพระราชกรณียกิจนานัปการด้วยความวิริยะอุตสาหะ มุ่งมั่นตั้งใจอย่างไม่เห็นแก่ความเหน็ดเหนื่อย พระราชกรณียกิจน้อยใหญ่ ทั้งที่ทรงปฏิบัติแทนพระองค์และทรงปฏิบัติในส่วนพระองค์เองล้วนเป็นไปเพื่อประเทศชาติให้มีความเจริญก้าวหน้ามั่นคงและเพื่อประชาชนชาวไทยได้มีความสุข มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืน

‘ณเดชน์’ แฮปปี้!! พร้อมเป็นพ่อบ้านดูแล ‘ญาญ่า’  ส่วนฤกษ์ขออุบไว้ก่อน ยันยืน ไม่ใช่ปีหน้าแน่นอน

(27 ก.ค. 66) ค่าย เมจิค อีฟ วัน เอนเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด จัดพิธีบวงสรวงละคร ‘สืบลับหมอระบาด’ ไปเมื่อช่วงเช้า งานนี้ ‘ณเดชน์ คูกิมิยะ’ ก็เลยอัปเดตเรื่องงานวิวาห์สาว ‘ญาญ่า อุรัสยา เสปอร์บันด์’ ลั่นต้องอุบเป็นความลับเรื่องฤกษ์ แต่ยังไม่ใช่ปีหน้าแน่นอน

“ฤกษ์จริงๆ ก็ได้แล้วแต่ว่าอุบไว้ก่อน ยังดูเรื่องของงาน ณ เวลานั้นด้วย ดูไว้หลายอย่าง ดูไว้หลายเดือนด้วย ดูเก็บไว้ก่อนครับ เผื่อว่าจริงๆ แล้วมันไม่ได้เกิดขึ้นมันก็จะได้ไม่กระทบอะไร ขอเป็นเรื่องที่แค่คุยกับน้องไว้ก่อน ยังอยากให้เป็นความลับอยู่ เราก็ยังไม่ได้เจาะจงฤกษ์ ด้วยงานด้วยอะไรหลายๆ อย่างมันก็ค่อนข้างเยอะ ก็ไม่รู้ว่าเราจะมีเวลาทำมันหรือเปล่า ยังไม่ใช่ปีหน้าครับ ฤกษ์ที่ลงตัวจริงๆ มันก็มีหลายฤกษ์นะครับ แต่จะเมื่อไหร่มากกว่า จริงๆ แล้วใน 1 ปี หรือปีหน้าเอง ก็ค่อนข้างจะมีฤกษ์อยู่หลายวัน เราก็ยังต้องดูอะไรหลายๆ อย่างด้วย”

“เรายังไม่ได้วางแผนเรื่องลดงาน เพราะรับไว้หมดแล้ว ลดไม่ได้นะครับ ตอนนี้ก็ได้แต่ดูไอเดีย ในพินเทอเรส คุยกัน ปรึกษากัน reference ถ้าเรามีปี ถ้าสมมติเป็นอย่างนี้เราจะทำยังไง เราก็วาดฝันอะไรสวยๆ งามๆ ไว้ของเรา สนุกดีครับ ดีที่เราได้แชร์กัน”

>> ญาญ่ามีธีมในฝัน คุยกันก็สนุกดี?

“มีครับ เขาก็ถามผมด้วยว่าผมชอบแบบไหน เราก็ชอบในแบบที่เขาชอบด้วย สนุกดีครับ เราก็คุยเรื่องนี้กันในบางครั้งบางคราว ชวนกันมาคุยเรื่องนี้กันดีกว่า”

>> ฝ่ายหญิงชุดเจ้าสาว 7 ชุดก็พร้อมเปลี่ยนตาม?

“ก็คงต้องเปลี่ยนตาม จริงๆ แล้วตัวผมเองก็มีอะไรแฟนซีเยอะเหมือนกัน (เสื้อลายดอกของเราจะได้ไปเฉิดฉายในงานแต่งเรา?) ก็อาจจะไม่แน่ คงจะมีงานที่เป็นแบบไทยๆ เรายังไม่ได้วางแผนอะไรเลย เราแค่ลิสต์ไอเดียไว้ อันไหนที่มันมีความเป็นไปได้ อันไหนที่เหมาะสม ไม่ได้เกินความจำเป็นจนเกินไปเราก็จะทำ อะไรที่เราดูแล้วเหนื่อยมากเกินกำลังเราไปก็คงจะตัดออก เราไม่ได้ตามใจน้องทั้งหมด แชร์ๆ กัน จริงๆ แล้วเชื่อว่าการตัดสินใจของเขา ผมเองก็มีความสุขด้วยในสิ่งที่เขารู้สึกว่าเขาชอบ เราไม่รู้สึกอึดอัด ขัดแย้งอะไรด้วย เป็นเรื่องที่ดี” 

>> แฮปปี้ได้ดูแล แม้ต้องเป็นพ่อบ้านเอง?

“ผมโอเคนะครับ ผมแฮปปี้มากที่ได้ดูแลเขา เรื่องทำความสะอาดใดๆ ไม่ยากสำหรับผมเลยครับ ตอนที่มาอยู่กรุงเทพฯ กับคุณพ่อก็ต้องกวาดบ้าน ล้างห้องน้ำ ทำอาหาร ดูแลตัวเอง จริงๆ ตัวเขาก็ทำได้ แต่เขาอยากจะช็อปปิ้งมากกว่า ผมเชื่อในเทสเขาครับ เราเตรียมใจไว้แล้วครับ พูดเล่นครับพูดเล่น ถึงเวลาผมทำได้ทุกอย่างอยู่แล้ว เต็มใจทำครับ”

>> อาจต้องโทรระบายกับ ‘หมาก ปริญ สุภารัตน์’ เพราะต้องเป็นพ่อบ้านเหมือนกัน?

“ก็คงต้องปรึกษากันครับ คงจะแบบโทรระบายอารมณ์ มึง!! กูแบบว่า…ทุกคืนด้วยนะ ระบายอารมณ์กัน แต่ทุกวันนี้ยังไม่มีโทรระบายนะครับ มีแต่คุยกันเรื่องดีๆ”

‘อ้วน รังสิต’ อัดคลิปขอโทษภรรยา หลังหอบลูกหนีกลับเกาหลี เหตุทะเลาะกันแรง แถมตนใช้อารมณ์ตัดสิน สัญญาจะไม่ทำอีก

(27 ก.ค. 66) ทำเอาหลายคนต่างส่งกำลังใจให้กับ ‘อ้วน รังสิต ศิรนานนท์’ หลังเจ้าตัวได้โพสต์โซเชียลรูปภรรยาสาวชาวเกาหลี ‘ปาร์คฮยอนซอน’ หรือ ‘มะม่วง’ พร้อมข้อความว่า ‘Come back please’ และยังได้อัดคลิปลงเพจ Fatmango family โดยใช้แคปชันว่า “มะม่วง ผมขอโทษ เราอย่าเลิกกันเลย” โดยในคลิป อ้วน รังสิต ได้ระบายความในใจไว้ว่า….

“ตอนนี้ก็ได้เผชิญกับ…เรียกว่าเป็นสิ่งที่เศร้าใจ ทุกข์ใจ แล้วก็หนักใจที่สุดในชีวิตเลยก็ว่าได้ครับ คือแต่ละครอบครัวก็มีปัญหาชีวิต มีปัญหาครอบครัวที่แตกต่างกันไป ทุกๆ ครอบครัวก็มีปัญหาแหละ แต่ครอบครัวผมเรียกว่ามันก็มาถึงจุดที่เรียกว่า ทางตันของความรัก ชีวิตครอบครัวเลยก็ว่าได้นะครับ

ตอนนี้ที่บ้านหลังนี้ภรรยากับลูกของผมก็ไม่ได้อยู่แล้วนะครับ เพราะว่าเขาทั้งสองคนบินกลับไปที่เกาหลีแล้วครับ เพราะว่าทุกครั้งที่เรามีปัญหาทะเลาะกัน ตัวผมเองก็เรียกว่าใช้อารมณ์ตัดสินปัญหาก็ว่าได้ หลายครั้งผมก็จะพูดกับเขาว่า ถ้าคุณไม่มีความสุข คุณมีปัญหา ไม่ชอบใจ คุณก็กลับเกาหลีไปเลย

ซึ่งที่ผ่านมาก็มีหลายๆ ครั้งที่ผมพูดแบบนี้ แต่ว่าครั้งนี้เขากลับเกาหลีจริงๆ ซึ่งมันเป็นเรื่องที่จุกอกจริงๆ ว่า เขาทำอย่างนั้นจริงๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่ผมไม่คาดคิดว่าเขาจะทำได้ เขาเพิ่งกลับไปเมื่อคืนนี้เอง ช่วงนั้นผมออกไปข้างนอก ไปหาเพื่อน เขาก็พาลูกบินกลับเกาหลีไปเลย กลับมาที่บ้าน มองไปที่บริเวณบ้าน ก็รู้สึกว่าบ้านหลังนี้เราสร้างขึ้นมาเพื่อภรรยาและลูก ถ้าเขาไม่อยู่แล้วบ้านจะมีความหมายอะไร

ปัญหาที่มันเข้ามาในชีวิต ที่มันสะสมมา มันเป็นแค่เรื่องเล็กน้อยมากเลยที่เราควรที่จะแก้ปัญหาและจัดการกับมันให้ได้ แต่สิ่งที่ทำ ผมกลับใช้อารมณ์ในการตัดสินปัญหามากเกิน จนทำให้กระทบกระเทือนจิตใจทั้งสองฝ่ายแล้วก็ลูกด้วย เราเป็นผู้นำครอบครัวทำไมเรื่องแค่นี้เรากลับเห็นแก่ตัว เรากลับใช้อารมณ์ตัดสินปัญหาทุกอย่าง

ตอนแรกเลยผมคิดว่าทำไมผมต้องยอม ทำไมผมต้องไปคุยกับเขาก่อน แต่หลังจากที่อารมณ์มันดีขึ้น ก็เลยคิดได้ว่ามันไม่ใช่เรื่องที่เราจะต้องใช้ทิฐิในการตัดสินกับปัญหาชีวิตหรือว่าใช้อารมณ์ เพราะว่าการใช้อารมณ์ตัดสินปัญหาอะไรที่จะคอยเหมือนเอาน้ำมันราดเข้าไปในกองไฟ มันก็มีแต่แย่ลง

เพราะฉะนั้นผมก็จะพูดตรงนี้เลยว่าผมจะไม่ทำอีกแล้ว ผมก็สัญญากับทุกคน สัญญากับมะม่วงแล้วก็ลูกของผมว่า ผมจะเป็นคนที่ดีขึ้น เป็นสามีที่ดี เป็นพ่อที่ดี เป็นผู้นำครอบครัวที่ดี เพราะว่าตัวลูกเองก็คงอยากจะมีพ่อ มีแม่ ที่อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากัน แล้วก็รักกัน

ลองนึกย้อนไปวันที่เรารักกัน เราแต่งงานกัน วันที่สัญญากันว่าจะรักกันแล้วจะอยู่เคียงข้างกันตลอดไป พอเรานึกย้อนกลับไปแล้ว ก็เลยดึงสติได้ว่าสิ่งที่เรากำลังทำอยู่มันไม่ถูก ทำไมเราถึงทำได้แค่นี้ ความอดทนทำไมเรามีแค่นี้ เราจะต้องใช้ความอดทนให้มากกว่านี้ เพื่อประคับประคองให้ครอบครัวเราไปต่อได้ และอยู่กันอย่างมีความสุข ไม่ใช่เพื่อใคร อยากน้อยก็เพื่อลูกของเราเอง

หลังจากนี้ผมจะทำให้ภรรยาแล้วก็ลูก แล้วก็อุทิศชีวิตทั้งหมดเพื่อเขา วันไหนที่มีปัญหากันอีกหรือว่าต้องทะเลาะกัน ก็จะมีคลิปนี้ที่ผมจะมาย้อนดูได้และคอยเตือนตัวเองว่า เราควรจะทำตัวอย่างไร ก็ฝากทุกคนเป็นกำลังใจให้กับผมแล้วก็ครอบครัวของเราด้วยนะครับ

และสำหรับใครที่กำลังมีปัญหาในชีวิตหรือปัญหาครอบครัว ก็ขอให้ทุกคนผ่านพ้นไปให้ได้ อย่าใช้อารมณ์ตัดสินปัญหา แล้วก็รักกันให้มากๆ เพราะว่าไม่มีใครที่ไหนจะรักและหวังดีกับเรามากเท่ากับครอบครัวของเราเอง

หลังจากนี้ผมก็วางแผนจะไปขอโทษและไปง้อเขาที่เกาหลี และให้เขายกโทษ ให้อภัยและกลับมาใช้ชีวิตครอบครัวให้มีความสุขกันเหมือนเดิมนะครับ”

งานนี้มีชาวเน็ตเข้ามาให้กำลังใจ อ้วน รังสิต ให้รีบบินไปเกาหลี ง้อภรรยาให้สำเร็จ

‘มิกค์ ทองระย้า’ ร่วมพิธีถวายพระพรชัยมงคล เทิดพระเกียรติ เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

(27 ก.ค. 66) ‘มิกค์​ ชรินทร์​ ทองระย้า’ นักแสดงและนายแบบลูกครึ่งไทย-เดนมาร์ก ได้โพสต์ภาพพร้อมข้อความถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ผ่านอินสตาแกรมส่วนตัว ‘mik_thongraya’ โดยระบุว่า…

“เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 28 กรกฎาคม 2566 ช่อง 7HD จัดกิจกรรม ‘7HD รวมใจถวายพระพรชัยมงคล พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว’ นำโดย นายพัฒนพงค์ หนูพันธ์ รักษาการกรรมการผู้จัดการ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร นักแสดง ผู้ประกาศข่าว และเจ้าหน้าที่ จากช่อง 7HD ร่วมพิธีถวายพระพรชัยมงคล และลงนามถวายพระพร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว”

‘ปราง กัญญ์ณรัณ’ สวมชุดไทยเที่ยววัดดังในญี่ปุ่น เผย!! “ปลื้มใจ ได้เผยแพร่ผ้าไทยให้ต่างชาติได้ชม”

เรียกได้ว่าขอเป็นซอฟท์พาวเวอร์แบบเบาๆ สำหรับ ‘ปราง กัญญ์ณรัณ วงศ์ขจรไกล’ ที่ล่าสุดเดินทางไปเที่ยวที่ประเทศญี่ปุ่น ที่ก่อนหน้านี้ก็โปรโมตกางเกงมวยไทยใส่เดินกลางชิบุย่าแหล่งสุดฮิตของโตเกียวมาแล้ว

ล่าสุดที่วัดอาซากุสะที่มีชื่อเสียงในญี่ปุ่น และเป็นสถานที่ที่คนไทยมักไปเช่าชุดยูกาตะมาใส่ถ่ายรูปด้วย ครั้งนี้ ‘แม่หญิงจันทร์วาด’ ขอสวนกระแสจัดชุดไทยจิตรลดา ผ้าไหมยกดอกลำพูนสีกลีบบัว ไปใส่ถ่ายรูปหน้าวัดสร้างความแตกต่างและเผยแพร่วัฒนธรรมไทยไปในตัวเสียเลย งานนี้ได้กระแสตอบรับดีมีคนเข้ามาขอถ่ายรูปด้วย ทำเอาเจ้าตัวปลื้มสุดๆ

ทั้งนี้ สาวปราง ได้โพสต์รูปสวมชุดไทย พร้อมเขียนแคปชันในอินสตาแกรมส่วนตัว ‘ladiiprang’
ว่า “ทุกครั้งที่ไปต่างประเทศแล้วได้ใส่ผ้าไทยให้ต่างชาติได้เห็น ปรางภูมิใจมาก รู้สึกรักคนไทย ช่างฝีมือไทยที่ทำของสวย ๆ แบบนี้ และยิ่งดีใจที่มีคนเข้ามาชม ถ่ายรูป และชื่นชอบในผ้าไทย มาโตเกียวครั้งนี้ปรางสวมใส่ชุดผ้าไหมยกดอกลำพูนสีกลีบบัว คู่กับเครื่องประดับผลงาน ครูพิรุณ ศรีเอี่ยมสะอาด ครูช่างศิลปหัตถกรรม ที่เอางานปั้นหุ่นกระบอกมาดีไซน์ลายไทยเป็นตุ้มมาลัยและดอกรัก ปรางเลือกกระเป๋าย่านลิเภาจาก จ.นครศรีธรรมราช ฝีมือคุณนภารัตน์ ทองเสภี ทายาทช่างศิลปหัตถกรรม สัมผัสงานหัตถศิลป์ไทยทรงคุณค่าได้ที่ @sacit_official รู้สึกเหมือนกลับไปเป็นแม่หญิงจันทร์วาดของทุกคนเลย :)”

‘ก้อย อรัชพร’ อัปเดตเรื่องหัวใจ เผย ตอนนี้ยังไม่รีบมีใคร พร้อมบอก ยินดี!! หาก ‘นิกกี้’ มูฟออนมีความรักครั้งใหม่

(27 ก.ค. 66) หัวใจกำลังจะไม่ว่างเเล้วหรือเปล่าสำหรับ ‘นิกกี้ ณฉัตร’ เพราะก่อนหน้านี้เจ้าตัวได้ไปออกรายการ What the fast ทางช่องยูทูบของ ดีเจเพชรจ้า เเละได้อัปเดตเรื่องหัวใจว่า น้องฝึกงานก็น่ารักดีเเต่น้องยังเด็กเพิ่งอายุ 21 คือไม่กล้า เราเป็นคนเxี้ยไง เอางี้เส้นพี่เป็นคนเxี้ย ก็พยายามจะเป็นคนดี เพื่อคนที่เรารัก แต่พอมันหมดแล้ว เรื่องส่งเมสเสจก็ไม่มีฝืนตัวเองอยู่

ล่าสุด ‘ก้อย อรัชพร’ ได้ออกมาเปิดว่า กับนิกกี้ตอนนี้คุยกันเรื่องหมาอย่างเดียว มีคุยงานบ้างไม่คุยเรื่องส่วนตัวเลย เห็นข่าวความรักครั้งใหม่ของนิกกี้เพราะมีคนส่งมาให้ดูเราก็บอกว่าอะไรที่เขาเเฮปปี้เราก็โอเค มันเป็นชีวิตเขาตอนนี้เราเหมือนเพื่อนกันเเล้วถ้ามูฟออนมีเเฟนใหม่ก็ยินดีด้วย

ส่วนเรื่องหัวใจของตัวเองตอนนี้ไม่รีบ ไม่ได้คุยกับใครจริงจัง อยากฟังตัวเองเยอะ ๆ ว่าเราต้องการอะไร เพื่อนก็บอกว่าไม่ต้องรีบ ทุกวันเราเหนื่อยงานอยู่เเล้วถ้ามีความรักมันจะต้องเป็นความสบายของเรา สบายใจที่ได้อยู่กับเขา

‘แจ็คสัน หวัง’ แต่งเต็มยศ สวมบทพนักงานเซเว่น เหล่าอากาเซ่เอ็นดู ลุ้น!! อาชีพต่อไปจะเป็นอะไร

(27 ก.ค. 66) หลังจากที่ปรากฏตัวสุดหล่อในงานอีเวนต๋ขายกาแฟ ก่อนจะไปร่วมเก็บขยะจนเกลี้ยงคลอง ล่าสุด ‘แจ็คสัน หวัง’ ทำแฟน ๆ เซอร์ไพรส์เมื่อโผล่ไปเป็นพนักงานในร้านสะดวกซื้อ เซเว่น-อีเลฟเว่น แต่งตัวเต็มยศพร้อมป้ายพนักงานห้อยคอ โดยรับหน้าที่แคชเชียร์ คุยเล่นกับลูกค้า ทำเอาคนแห่ไปใช้บริการกันเพียบ แต่งานนี้โดนแซวหนักเพราะหนุ่มพนักงานสุดหล่อ นั่งรถหรูมาทำงาน แถมยังใส่เครื่องประดับแบรนด์หรูที่ตนเองเป็นพรีเซ็นเตอร์เรียกได้ว่า มาเมืองไทยรอบนี้ แจ็คสัน หวัง กิจกรรมแน่น ทำเอาแฟน ๆ รอดูว่าอาชีพต่อไป magic man คนนี้จะไปเซอร์ไพรส์ทำอะไรต่อ เรียกได้ว่าต้องคอยเกาะติดโซเชียลอัปเดตกันทุกชั่วโมงเลยทีเดียว

'จ้าวลี่อิง' นางเอกดังแดนมังกรเที่ยวเมืองไทย แวะชิม ‘ก๋วยเตี๋ยวเรือ’ พร้อมปรุงรสสุดแซ่บ

ทำเอาแฟนๆ อดยิ้มไม่ได้จริงๆ หลังมีการแชร์ภาพของ ‘จ้าวลี่อิ่ง’ (Zhao Liying) นางเอกซุปตาร์จีน วัย 35 ปี ที่แฟน ๆ จดจำจากซีรีส์ ‘จูเซียน กระบี่เทพสังหาร’ (Noble Aspirations), ‘ฉู่เฉียว จอมใจจารชน’ (Princess Agents), ‘ตำนานหมิงหลัน’ (The Story of Ming Lan) รวมถึง ‘นางโจร’ (Legend of Fei) ที่เธอได้ประชันบทบาทกับ ‘หวังอี้ป๋อ’ (Wang Yibo) พระเอกรุ่นน้อง

ภาพที่ปล่อยออกมาเป็นเซ็ตภาพที่เธอคนนี้ลัดฟ้ากลับมาเยือนเมืองไทยอีกครั้งเพื่อท่องเที่ยวพักผ่อน และหนนี้เจ้าตัวได้แวะชิม ‘ของดีเมืองไทย’ เป็น ‘ก๋วยเตี๋ยวเรือ’ หรือ ‘ก๋วยเตี๋ยวน้ำตก’ แถมเธอยังดูเป็นสายชอบทานของแซ่บ เพราะมีภาพที่เธอตักพริกป่นจากพวกเครื่องปรุงแบบพูนช้อน!!

และก็น่าจะเพราะก๋วยเตี๋ยวเสิร์ฟมาแบบชามเล็กชามน้อยราคาย่อมเยาว์ นางเอกซุปตาร์คนดังก็เลยขอสั่งมาชิมเสียเต็มโต๊ะ ทำเอาแฟน ๆ และชาวเน็ตเห็นแล้วอดยิ้มกันไม่ได้จริง ๆ รวมทั้งพากันคอมเมนต์อวยพรให้ ‘จ้าวลี่อิง’ คนสวยของแฟนๆ ได้พักผ่อนชาร์จพลังระหว่างลัดฟ้ามาเที่ยวเมืองไทยหนนี้อย่างเต็มที่สุด ๆ ไปเลย

ชวนปีนป่าย พิกัด Unseen แห่งใหม่ ในราชบุรี ความท้าทาย ที่สาย Soft Adventure ห้ามพลาด

เขาทะลุมิติ หรือ ถ้ำเขาทะลุ ตั้งอยู่ตำบลรางบัว ด้านข้างแกรนด์แคนยอนราชบุรี ด้านบนของเขาทะลุมิติ นั้นมีลักษณะเป็นถ้ำ ซึ่งเพดานถ้ำทะลุลงมาเป็นช่อง เกิดเป็นซุ้มประตูหินโค้งขนาดใหญ่ 2 โพรง เส้นทางขึ้นจากเชิงเขาถึงปากถ้ำระยะทางประมาณ 200 เมตร เป็นเส้นทางเดินธรรมชาติ มีต้นไม้น้อยใหญ่ปกคลุมตลอดทางเดิน ใช้แรงปีนป่ายไม่ยากนักแค่ 10-15 นาทีก็ถึงแล้ว แนะนำให้สวมรองเท้าผ้าใบหรือรองเท้าที่เหมาะสมกับพื้นหินขรุขระ เพื่อความสะดวกสบายในการเดิน และเพื่อความปลอดภัย ตามทางขึ้นนั้นก็จะมีเชือกผูกไว้ตามทางเป็นแนวยาว เราสามารถเกาะเพื่อทรงตัวในการเดินปีน ตลอดทางขึ้นนั้นหินที่พื้นจะเป็นหินเล็กคลุกผสมหินใหญ่

ที่เขาแห่งนี้ เหมาะแก่นักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบกิจกรรม Soft Adventure เมื่อขึ้นไปถึงด้านบนเขาและมองลอดผ่านกรอบซุ้มประตูหิน สามารถมองเห็นทัศนียภาพของธรรมชาติและวิวเทือกเขาสลับซับซ้อนอยู่ไกล ๆ จนทำให้มีความรู้สึกเหมือนมองทะลุไปอีกมิติ จึงเป็นที่มาของชื่อ 'เขาทะลุมิติ' ซึ่งเป็น 1 ใน 25 แหล่งท่องเที่ยว Unseen New Series  ช่วงเวลาที่แนะนำคือ เวลา 16.00-18.00 น. ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่พระอาทิตย์กำลังจะตกดินเราจะมองเห็นแสงอาทิตย์ส่องมาตรงช่องเขาพอดี จึงทำให้ที่นี่เป็นอีกจุดหนึ่งในการชมพระอาทิตย์ตกที่สวยงามของจังหวัดราชบุรี พื้นที่ด้านบนเขานั้นไม่กว้างใหญ่มากนัก แต่มีมุมถ่ายภาพหลายมุม วิวต้นไม้ทิวเขาสวยมาก ได้ภาพสวยคุ้มค่ากับการเดินทางมาเยือนอย่างแน่นอน

การเดินทางมาท่องเที่ยวที่ ถ้ำเขาทะลุนั้นง่ายมาก ที่แห่งนี้อยู่ไม่ไกลจาก กทม. ใช้เวลาเดินทางเพียง 2 ชั่วโมง สามารถใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 3087 (ราชบุรี-สวนผึ้ง) ระยะทางประมาณ 20 กิโลเมตร จะถึงปากบึง ให้เลี้ยวขวาใช้ถนนสายบ้านบึง ขับรถมาอีกสักพักก็ถึงแล้ว

ข้อมูลเพิ่มเติม
ที่ตั้ง : ตำบล รางบัว อำเภอ จอมบึง จังหวัด ราชบุรี 
พิกัด : https://goo.gl/maps/vhqDHtshSUoVjsjFA
เลาเปิด - ปิด : 8.00 - 18.00 น.
สอบถามข้อมูล องค์การบริหารส่วนตำบลรางบัว โทร. 0 3273 9046

27 กรกฎาคม พ.ศ. 2554 วันสิ้นพระชนม์ สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี

27 กรกฎาคม 2554 สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี พระราชธิดาพระองค์เดียวในรัชกาลที่ 6 สิ้นพระชนม์ ณ โรงพยาบาลศิริราช รวมพระชันษา 85 ปี

สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี เป็นพระราชธิดาพระองค์เดียวในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว พระมหาธีรราชเจ้า รัชกาลที่ 6 กับพระนางเจ้าสุวัทนา พระวรราชเทวี พระมารดา ทรงพระประสูติเมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2468 ณ พระที่นั่งเทพพิลาส ในหมู่พระมหามณเฑียร ก่อนพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว จะเสด็จสวรรคตเพียงวันเดียว

โดยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระประชวรหนักด้วยโรคพระอันตะ มีพระอาการรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่องท่ามกลางความกังวลของเหล่าพสกนิกร แต่ถึงแม้พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวจะประชวร ท่านทรงรอฟังข่าวพระประสูติการอย่างใกล้ชิด และเมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2468 เวลาประมาณบ่ายโมง พระนางเจ้าสุวัทนาฯ มีพระประสูติการเจ้าฟ้าหญิง ซึ่งเมื่อพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทราบข่าว มีพระราชดำรัสว่า "ก็ดีเหมือนกัน" จากนั้นเมื่อเจ้าพระยารามราฆพได้นำสมเด็จพระเจ้าลูกเธอพระองค์น้อยไปเฝ้าฯ ในวันที่ 25 พฤศจิกายน พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทอดพระเนตร ทรงพยายามยกพระหัตถ์ขึ้นสัมผัสพระราชธิดา แต่ก็ทรงอ่อนพระกำลังมากจนไม่สามารถจะทรงยกพระหัตถ์ได้ 

เจ้าพระยารามราฆพจึงเชิญพระหัตถ์ขึ้นสัมผัสพระราชธิดา เมื่อจะเชิญเสด็จพระราชกุมารีกลับ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวก็ทรงโบกพระหัตถ์แสดงพระราชประสงค์จะทอดพระเนตรพระราชธิดาอีกครั้ง จึงเสด็จสมเด็จพระเจ้าลูกเธอมาเฝ้าฯ เป็นครั้งที่สอง และเป็นครั้งสุดท้ายแห่งพระชนมชีพจนกลางดึกคืนนั้นเองก็เสด็จสวรรคต

เมื่อทรงพระเยาว์ สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา เริ่มทรงพระอักษร เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2473 โดยพระอาจารย์จากโรงเรียนราชินี เช่น หม่อมเจ้าหญิงพิจิตรจิราภา เทวกุล อาจารย์ใหญ่โรงเรียนราชินีและโรงเรียนราชินีบน พร้อมด้วยครูพิศ ภูมิรัตน อาจารย์ใหญ่โรงเรียนราชินีเป็นผู้ถวายพระอักษร ณ พระตำหนักสวนหงส์ พระราชวังดุสิต 

จากนั้น ได้เสด็จไปทรงศึกษา ณ โรงเรียนราชินี (หมายเลขประจำพระองค์ 1847) แล้วจึงทรงศึกษาตามหลักสูตรของกระทรวงศึกษาธิการกับท่านผู้หญิงศรีนาถ สุริยะ อาจารย์จากโรงเรียนวัฒนาวิทยาลัย ณ ตำหนักสวนรื่นฤดี ถนนราชสีมา เมื่อสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอฯ ทรงเจริญพระชนมายุขึ้น มีพระอนามัยไม่สมบูรณ์นัก พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงมีพระราชดำริให้นำสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอฯ ไปประทับรักษาพระองค์ ณ ประเทศอังกฤษ ในปี พ.ศ. 2480 ซึ่งในขณะนั้นพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 ทรงเสด็จไปประทับอยู่ก่อนแล้ว

ทั้งนี้ ทั้งสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา และพระชนนี ได้ทรงย้ายที่ประทับหลายแห่งตามลำดับ คือ ตำหนักแฟร์ฮิลล์ เมืองแคมเบอร์เลย์ มณฑลเซอร์เรย์, ตำหนักหลุยส์เครสเซนต์ เมืองไบรตัน มณฑลซัสเซค และตำหนักไดก์โรด (บ้านรื่นฤดี) เมืองไบรตัน มณฑลซัสเซค และประสบความยากลำบากอย่างหนัก เนื่องจากปัญหาเศรษฐกิจที่ฝืดเคืองในช่วงภาวะสงครามจึงทรงประหยัดค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ซึ่งรวมไปถึงการทำงานบ้านเองเพื่อลดค่าใช้จ่ายในการจ้างข้าหลวงชาวต่างประเทศ

ในขณะที่สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา ทรงประทับอยู่ที่ประเทศอังกฤษนั้น ได้ทรงศึกษาวิชาภาษาอังกฤษ, ภาษาฝรั่งเศส และเปียโนกับพระอาจารย์ชาวต่างประเทศ และได้เสด็จไปทรงศึกษาในโรงเรียนประจำสตรีชื่อโรงเรียนเซเครดฮาร์ต แคว้นเวลส์

อย่างไรก็ตาม ตลอดระยะเวลากว่า 20 ปี ที่พระองค์ประทับ ณ ประเทศอังกฤษ พระองค์และพระชนนีมีพระกรุณาต่อชาวไทยในประเทศอังกฤษ โดยทรงโปรดให้เข้าเฝ้า และจัดประทานเลี้ยงให้อยู่เสมอ และพระราชทานพระกรุณาแก่กิจการต่าง ๆ ของชาวไทยอยู่เป็นประจำ ทรงร่วมงานของสามัคคีสมาคม ในพระบรมราชูปถัมภ์ ซึ่งเป็นสมาคมนักเรียนไทยในสหราชอาณาจักร เป็นประจำ

นอกจากนี้ในระหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง พระองค์ยังทรงอุทิศพระองค์ช่วยเหลือกิจการสภากาชาดอังกฤษ ประทานแก่ทหารและผู้ประสบภัยสงครามด้วยการเสด็จไปทรงบำเพ็ญประโยชน์ ทั้งม้วนผ้าพันแผล จัดยา และเวชภัณฑ์ ทางสภากาชาดอังกฤษจึงได้ถวายเกียรติบัตรประกาศพระกรุณา และในขณะที่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวยังมีพระชนมชีพหลังการสละราชสมบัติแล้ว พระองค์และพระชนนีได้เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทอยู่เสมอ

ต่อมาเมื่อปี พ.ศ. 2502 สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา ได้เสด็จนิวัตประเทศไทยเป็นการถาวร ได้ทรงแบ่งเบาพระราชภาระของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยเฉพาะในด้านสังคมสงเคราะห์ โดยเสด็จออกเยี่ยมราษฎรตามหัวเมืองทั้งใกล้ไกล พร้อมพระราชทานพระอนุเคราะห์แก่ผู้ยากไร้อยู่เสมอ ครั้นสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอในรัชกาลปัจจุบัน ทรงเจริญพระวัยขึ้นกระทั่งทรงสามารถแบ่งเบาพระราชกรณียกิจได้ ประกอบกับพระองค์มีพระชนมายุสูงขึ้น จึงได้เสด็จออกทรงเยี่ยมราษฎรในถิ่นทุรกันดารน้อยลง เมื่อพระองค์มีพระชันษาสูงขึ้น พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริภาจุฑาภรณ์ พระธิดาในสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ได้เข้าเฝ้าและได้ปฏิบัติพระราชกรณียกิจแทนพระองค์อยู่เนือง ๆ

จนกระทั่ง สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา มีพระชันษาที่มากขึ้น ทำให้สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอฯ ประชวรด้วยอาการตามพระชันษา คณะแพทย์จากโรงพยาบาลศิริราชจึงได้เฝ้าระวังพระอาการอย่างใกล้ชิด ในเวลาต่อมา สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอฯ ทรงเริ่มมีพระอาการเส้นพระโลหิตอุดตัน ทำให้ทรงขยับพระวรกายด้านซ้ายยากขึ้น คณะแพทย์จึงได้ถวายพระโอสถ และมีนางพยาบาลถวายการดูแล อย่างไรก็ตาม แม้ว่าพระองค์จะทรงรับสั่งได้น้อยลง แต่ก็ทรงเข้าพระทัยทุกอย่างเป็นอย่างดีด้วยการพยักพระพักตร์ 

สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี ทรงเข้าประทับรักษาตัวในโรงพยาบาลศิริราช ตั้งแต่วันที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2554 โดยมีคณะแพทย์ถวายการรักษาอย่างสุดความสามารถ แต่อาการพระประชวรได้ทรุดลงตามลำดับ ก่อนที่สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี จะได้สิ้นพระชนม์ เมื่อเวลา 16 นาฬิกา 33 นาที ของวันที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2554 สิริรวมพระชันษา 85 ปี

เปิดภาพล่าสุด ‘สุชาติ แคปเจอร์’ เน็ตไอดอลในตำนาน  ที่ปังไม่หยุด!! ขึ้นเขียงอัปความอึ๋มของหน้าอก 200 ซีซี

(26 ก.ค. 66) ยังจำกันได้ไหม? ‘สุชาติ แคปเจอร์’ หรือ ‘สุชาติ จันทร์แก้ว’ ชื่อเล่นเธอเรียกตัวเองว่า ญาญ่า หนูน้อยตัวเล็กที่เรียกว่าสร้างสีสันและกลายเป็นไวรัลที่แชร์กันจนยอดเข้าชมคลิปถล่มทลายหลายล้านวิว จนได้เป็นเน็ตไอดอลคนดังในโลกโซเชียล

ล่าสุด สุชาติ แคปเจอร์ ก็ขอขึ้นเขียงทำศัลยกรรมอีกครั้ง แต่ว่าครั้งนี้ไม่ใช่จมูกเหมือนเดิม แต่เป็นการเติมเต็มความเป็นสาวด้วยการเสริมหน้าอก พร้อมกับเผยหลังทำศัลยกรรมเสริมหน้าอกว่า ทำขนาด 200 ซีซี เนื่องจากคุณหมอบอกว่าทำขนาดนี้พอดีแล้ว เนื่องจากเป็นคนตัวเล็กนั่นเอง เรียกว่า อย่าหยุดสวยจริง ๆ

'ชาวบ้าน' ลูบถูต้นลิ้นจี่ เชื่อ!! มีนางไม้อาศัยอยู่  เจอะเลขเด็ด 2 ตัว '11' ส่วน 3 ตัว '528-229'

(26 ก.ค. 66) ชาวบ้านนักเสี่ยงโชคทั้งในและนอกพื้นที่ ต่างพากันนำดอกไม้ธูปเทียน แป้ง เพื่อมาเซ่นไหว้ขอโชคต้นลิ้นจี่ใบหน้าคน มีลักษณะหน้าคนโผล่กลางลำต้น อายุกว่า 50 ปี ขนาด 2 คนโอบ สูงประมาณ 20 เมตร ภายบริเวณ ศูนย์ประสานงานสภาเกษตรกร ตำบลท่าวังทอง อำเภอเมือง จังหวัดพะเยา

หลังจุดธูปและใช้แป้งมาลูบๆ ถูๆ ได้ทั้งเลข 2 ตัว และ 3 ตัว สำหรับเลขสองตัว ได้เลข 11 และเลขสามตัว ได้เลข 528 และเลขธูป 229 จึงนำโทรศัพท์มา ถ่ายเพื่อเก็บไว้ ไปเสี่ยงโชค ซื้อลอตเตอรี่งวดที่จะถึงนี้

จากการสังเกต ต้นลิ้นจี่ บริเวณหน้าศูนย์ประสานงาน สภาเกษตร จังหวัดพะเยา พบว่ามีรูปคล้ายใบหน้าคน ได้โผล่ออกมากลางลำต้น คล้ายใบหน้าผู้หญิงมีทั้ง ศีรษะ ดวงตา แก้ม จมูก ปาก คาง และลำคอ ครบทุกส่วน มองคล้าย คนยืนก้มหน้า

สร้างความตกตะลึงให้กับผู้ที่ผ่านไปมาที่พบเห็น ซึ่งเชื่อกันว่า ต้นลิ้นจี่ดังกล่าวน่าจะมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์หรือนางไม้อาศัยอยู่ หลังจากที่ชาวบ้านได้ทราบข่าว ต่างพากันนำดอกไม้ธูปเทียนและแป้งเข้ามาเซ่นไหว้ ขอโชคลาภกันอย่างไม่ขาดสาย

‘ลิซ่า’ พาเพลง ‘MONEY’ สร้างสถิติใหม่ในฝรั่งเศส ได้รับการรับรองระดับ ‘Gold’ ยอดสตรีมทะลุ 15 ล้านครั้ง

‘ลิซ่า’ ฝากชื่อเอาไว้ในประวัติศาสตร์วงการบันเทิงอีกครั้ง ด้วยการเป็นศิลปินเดี่ยว K-Pop ‘คนแรก’ ที่ได้รับการรับรองยอดขายระดับ ‘แผ่นเสียงทองคำ’ ในประเทศฝรั่งเศส

การการันตียอดขายระดับ ‘Gold’ ในฝรั่งเศสมาจากเพลง ‘MONEY’ ที่ติดอันดับชาร์ตมาอย่างยาวนาน ปัจจุบันมียอดสตรีมในฝรั่งเศสมากถึง 15 ล้านครั้ง รวมการสตรีม การดาวน์โหลด และการขายจริงในประเทศ

นอกจากนั้น ‘MONEY’ ยังประสบความสำเร็จในการเป็นเพลงที่มียอดสตรีมมากที่สุดโดยศิลปินเคป็อปหญิงบน Spotify แซงหน้าเพลงฮิตอย่าง ‘HOW YOU LIKE THAT’ ของกลุ่ม BLACKPINK ของเธอเอง

แม้จะมีผลงานเดี่ยวเพียงแค่ 2 เพลง แต่ ลิซ่า ก็สามารถกวาดรางวัลต่าง ๆ ได้อย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Chodong Record Award จาก Hanteo Music Awards และ โปรดิวเซอร์ยอดเยี่ยมแห่งปี จาก Mnet Asian Music Awards นอกจากนั้นซิงเกิลอัลบั้แแรก Lalisa ยังสร้างสถิติโลก เป็นอัลบั้มแรกของศิลปินเดี่ยวจาก เคป๊อปที่มียอดสตรีมถึง 1 พันล้านครั้งบน Spotify

คู่กรณี ‘เอ๊ะ จิรากร’ เบี้ยวนัดขึ้นศาล คดีทำร้ายร่างกายกลางเวทีคอนเสิร์ต

สืบเนื่องจากกรณีก่อนหน้านี้ นักร้องหนุ่มชื่อดัง ‘เอ๊ะ จิรากร’ ถูกชายรายหนึ่ง บุกขึ้นไปทำร้ายร่างกายบนเวที ขณะที่กำลังทำการแสดงอยู่ ต่อมาวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2566 เจ้าตัวได้เดินทางเข้าแจ้งความ เพื่อดำเนินคดี กับผู้กระทำผิดทันที

และเมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม เวลา 09.00 น. ‘เอ๊ะ จิรากร’ พร้อมด้วยทนายความ และตัวแทนจากบริษัท มิวซิกมูฟ จำกัด ได้เดินทางมายังศาลจังหวัดธัญบุรี ตามกำหนดนัดไต่สวนมูลฟ้องในคดีอาญา ซึ่ง เอ๊ะ เป็นโจทก์ยื่นฟ้องชายคนดังกล่าว

ปรากฏว่าเมื่อได้รับหมายแล้ว ชายคนดังกล่าวไม่มาศาล โดยทนายความจำเลยได้ยื่นคำร้องขอเลื่อนคดี เหตุจากทนายเพิ่งได้รับแต่งตั้งเป็นทนายความในคดีนี้ และติดว่าความที่ศาลอื่น เป็นเหตุให้ไม่สามารถมาตามนัดของศาลนี้ได้ ทั้งนี้ศาลนัดไต่สวนมูลฟ้องอีกครั้งในวันที่ 4 กันยายน 2566

โดยหลังจากที่ ‘เอ๊ะ จิรากร’ ได้เข้าแจ้งความเพื่อดำเนินคดีกับผู้กระทำผิด เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ ได้ออกหมายเรียกผู้กระทำความผิดไปแล้ว 2 ครั้ง แต่ผู้กระทำผิดไม่มาพบเจ้าหน้าที่ตำรวจตามหมายแต่อย่างใด

นอกจากนี้ทางบริษัท ยังเป็นโจทก์ยื่นฟ้องชายคนดังกล่าว เป็นคดีแพ่งอีกคดีหนึ่ง เพื่อปกป้องชื่อเสียง และทวงคืนศักดิ์ศรีให้กับบริษัทและศิลปิน

‘ก็อตจิ-กอล์ฟ’ ประกาศปิดตำนานรายการเทยเที่ยวไทย ขอบคุณแฟนๆ ที่ติดตามตลอดระยะเวลา 12 ปี

เชื่อว่าหลาย ๆ คนต้องเติบโตมาพร้อมกับ 4 เทยตัวแม่อย่าง ป๋อมแป๋ม, กอล์ฟ, ก๊อตจิ และเจนนี่ ปาหนัน จากรายการ ‘เทยเที่ยวไทย’ อย่างแน่นอน รายการท่องเที่ยว แฝงความตลกขบขัน ซึ่งเดินทางมาอย่างต่อเนื่องตลอดระยะเวลา 12 ปี

ล่าสุด (26 ก.ค. 66) ‘ก๊อตจิ ทัชชกร’ หนึ่งในพิธีกร รายการเทยเที่ยวไทย ได้ทวีตข้อความผ่านทวิตเตอร์ @godji_godji พร้อมแนบลิงก์ตัวอย่างรายการ เทยเที่ยวไทย ที่จะออกกอากาศในวันอาทิตย์ที่ 30 ก.ค.66 นี้ ระบุข้อความว่า…

“เทยเที่ยวไทย สัปดาห์นี้ปิดซีซั่นแล้วนะคะ 🙂 ซีซั่นที่ยาวนานมาถึงเกือบ 12 ปี ขอบคุณทุกคนจากใจจริง ขอบคุณจริง ๆ ค่ะ จนกว่าจะพบกันใหม่นะคะ :)”

ต่อมา ‘กอล์ฟ กิตติพัทธ์’ อีกหนึ่งพิธีกรร่วมในรายการ ได้ทวีตข้อความผ่านทวิตเตอร์ @gorfern เป็นการตอกย้ำถึงการปิดซีซันแสนยาวนานของเทยเที่ยวไทย ที่กำลังจะจะถึงนี้ว่า…

“ทุก ๆ การเดินทางย่อมมีปลายทางด้วยกันทั้งนั้น…เทยเที่ยวไทย”

สำหรับรายการเทยเที่ยวไทย ในตอนสุดท้าย ทั้ง 4 เทยและทีมงานทั้งหมด จะพาทุกคนกลับไปเที่ยวพัทยา จุดเริ่มต้นของรายการในตอนที่ 1 จะออกอากาศในวันที่ 30 กรกฎาคม 2566 เวลา 22.00 น. ทางช่อง GMM25 และรีรันทางยูทูปช่อง เทยเที่ยวไทย & friends


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top