Thursday, 9 May 2024
NEWSFEED

นักฮวงจุ้ยฯ ชี้ ‘พลังอัปมงคล 3 อสูร’ ต้นเหตุเพลิงไหม้ลามย่านสำเพ็ง

สมศักดิ์ ชาคริตฐากูร นักฮวงจุ้ยวิทยา เจ้าของเพจ FengshuiBizDesigner ได้ตรวจดวงชะตาเหตุเพลิงไหม้อาคารพาณิชย์ 3 ชั้น ย่านสำเพ็ง ด้วยโหราศาสตร์จีนโบราณ โดยระบุว่า...

อาทิตย์ที่ 26 มิถุนายน 2565 เวลา 11.38 น. ได้เกิดเหตุเพลิงไหม้อาคารพาณิชย์ 3 ชั้น ย่านสำเพ็ง ลุกลามไปยังบริเวณข้างเคียง สร้างความหายนะทิ้งไว้ซึ่งความสูญเสียต่อชีวิตและทรัพย์สิน เหลือเพียงไว้ซึ่งซากร่องรอยที่มอดไหม้ไว้ให้ดูต่างหน้าเท่านั้น

เหตุเพลิงไหม้ในครั้งนี้ นอกเหนือจากความประมาทเลินเล่อกับการปล่อยปละละเลย โดยไม่ใส่ใจและไม่ระแวดระวังภัยที่อาจจะเกิดขึ้นตามมาแล้ว ยังสามารถอรรถาธิบายตามกฎแห่งจักรวาลความจริงอันสูงสุดของพลังธรรมชาติที่ควบคุมทุกสิ่งทุกอย่างไว้ “เมื่อสิ่งนั้นมีอยู่ สิ่งนี้จึงเกิด” ตามหลัก “อิทัปปัจจยตา” เป็นเหตุและเป็นผลตามช่วงห้วงเวลาที่เหมาะเจากฏแห่งธรรมชาติย่อม แสดงปรากฏเป็นผลขึ้น 
 

หากเราหลงในศรัทธาที่จอมปลอม เราจะโลภ คาดหวังบางสิ่งบางอย่าง และถ้าไม่ได้อย่างที่หวัง จะไม่นับถือศรัทธา นี่เป็นการศรัทธาแบบธุรกิจ

หากเราหลงในศรัทธาที่จอมปลอม เราจะโลภ คาดหวังบางสิ่งบางอย่าง และถ้าไม่ได้อย่างที่หวัง จะไม่นับถือศรัทธา นี่เป็นการศรัทธาแบบธุรกิจ ซึ่งวันนี้มนุษย์เริ่มแยกไม่ออก ระหว่างศรัทธาที่แท้จริง กับ ศรัทธาแบบธุรกิจ

‘ก๊อต-จิรายุ ตันตระกูล’ นักแสดง นักเขียน และนักคิดมากฝีมือ กล่าวในรายการ ‘เกลา นิสัยอันตราย’ เมื่อวันที่ (28 พ.ค. 2022)

เป็นอีกหนึ่งมุมมองที่น่าคิดตามจาก ‘ก๊อต-จิรายุ ตันตระกูล’ นักแสดง นักเขียน และนักคิดมากฝีมือ ที่ได้มาแชร์แนวคิดในการเรียนรู้ชีวิตด้วยตนเอง ผ่านช่อง KlaoShow ทางยูทูบชาแนล โดยส่วนหนึ่งของบทสัมภาษณ์ได้พูดถึง ‘การแยกแยะในศรัทธา’ ที่ดูเหมือนคนยุคนี้จะเริ่มแยกไม่ออกระหว่าง ‘ศรัทธาแบบนักธุรกิจ’ และ ‘ศรัทธาที่แท้จริง’ เสียแล้ว...

ก๊อต เล่าว่า ศรัทธาอย่างเดียวไม่ทำให้คนมีสติปัญญา เพราะศรัทธาแยกได้ 2 แบบ คือ ‘ศรัทธาแบบนักธุรกิจ’ กับ ‘ศรัทธาที่แท้จริง’

“สมมติ ‘แพนด้า’ เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ แล้วผมอ้างว่าศรัทธาในตัวแพนด้ามาก ผมไหว้แพนด้า หวังให้แพนด้าช่วยให้ถูกรางวัลที่ 1 และเมื่อไรที่ถูก ผมก็จะมาเต้นแก้บนรอบตัวแพนด้า แต่ถ้าไม่ถูก ผมก็จะไม่ไหว้แพนด้านี่เรียก ‘ศรัทธาแบบนักธุรกิจ’ หรือ คุณต้องให้ผมก่อน ผมถึงจะรับถือคุณ แต่ถ้าไม่ให้อะไร ผมจะไหว้ทำไม

รู้จัก ‘เติร์ก อมรศักดิ์’ TikTokers สายภาษา มีคลังศัพท์ + ความฮา ยอดติดตามทะลุล้าน


สัมภาษณ์พิเศษ : คุณเติร์ก อมรศักดิ์ เดชห้วยไผ่ วิทยากรและที่ปรึกษาด้านการพัฒนาภาษาอังกฤษในระดับองค์กร และเจ้าของเพจภาษาอังกฤษหยาบๆ



เปิดเคล็ดลับ TikTokers ด้านภาษา เบอร์ 1 ของไทย #ภาษาอังกฤษหยาบๆ รู้ศัพท์ กับความฮา ยอดฟอล 1.8 ล้าน

สวัสดีค่ะ ชื่อ เติร์กนะคะ จากเพจภาษาอังกฤษหยาบๆ หรือ รู้จักกันในนาม #พี่เติร์กภาษาอังกฤษหยาบๆ นั่นเอง ตอนนี้เป็น Content Creator เกี่ยวกับภาษาอังกฤษแบบสนุกๆ แบบวีดีโอสั้นใน TikTok และ Instagram และก็มีทำหนังสือบ้าง ทำคอร์ส และก็คลิปตลกสอดแทรกไปพร้อมๆ กัน 

2. ช่อง Turktk นำเสนอคอนเทนต์อะไรบ้าง
เติร์ก: ช่อง Turktk เราก็จะนำเสนอคอนเทนต์ที่หลากหลาย หลักๆ เลย เราจะก็ทำคอนเทนต์สอนภาษาอังกฤษแบบง่ายๆ สนุกๆ มีทั้งคำศัพท์มีทั้งประโยค ศัพท์แสลง อีกทั้งเราก็มีคลิปตลก มุกตลก มีมตลกต่างๆ อีกด้วยค่ะ



3. ทำไมต้อง #ภาษาอังกฤษหยาบๆ ได้ไอเดียมาจากอะไร?
เติร์ก : จริงๆ เลย คือภาษาอังกฤษหยาบๆ เริ่มต้นมาจากที่เราสอนคำแสลงต่างๆ และบวกกับตอนนั้นยังไม่มีช่องภาษาอังกฤษสั้นๆ ในแพลตฟอร์ม TikTok นะคะ คือเราจะชินกับการที่ใครสอนภาษาอังกฤษก็จะทำวีดิโอแบบพิถีพิถันยาวๆ เป็นวีดิโอในเชิงการศึกษา 

แต่เราจะทำเป็นแบบว่า สั้นๆ ลวกๆ เป็นที่มาของคำว่าหยาบๆ ด้วย เพราะมันทำได้ในแอปพลิเคชันเลยคือกดถ่ายปุ๊บพูดๆๆ และก็โพสต์ได้เลยค่ะ มันก็จะแบบว่าหยาบๆ ง่ายๆ รวมถึงบุคลิกภาพของเราที่มีปากแจ๋วพอสมควร (หัวเราะ) เลยผนวกกันเป็น #ภาษาอังกฤษหยาบๆ 

4. คลิปไหนที่ทำให้เราเป็นที่รู้จักมากที่สุด
เติร์ก : ก็น่าจะเป็นคลิปแรกๆ เลยค่ะ เป็นที่มาของภาษาอังกฤษหยาบๆ เนี่ยละค่ะ สอนคำแสลงหรือคำที่แบบ...ชาวต่างชาติหรือฝรั่ง ที่เขาใช้เอาไว้กัด จิก ด่ากัน ก็คือเป็นหยาบๆ แรงๆ นิดนึง ก็จะได้รับกระแสความสนใจเป็นอันมาก แต่เราก็ถ่ายทอดออกมาให้มาดูน่ารัก

อีกคลิปนึง ก็น่าจะเป็นคลิป Drive Thru สั่งกาแฟเป็นภาษาอังกฤษ คลิปนี้ก็ทำให้คนรู้จักมากยิ่งขึ้น เยอะเลย และก็อีกคลิปนึงก็จะ #ก็คนมันรวยอ่าจ้า คลิปนี้ก็จะทำให้คนขยายวงกว้างมากขึ้นก็คือคนที่ชอบอะไรตลกๆ บันเทิงๆ ก็จะรู้จักตัวตนเรามากขึ้น นอกจากสอนภาษาอังกฤษค่ะ ก็รุ่งเลย เป็นล้านวิวภายในไม่ถึง 3 ชั่วโมง จากนั้นเราก็ทำออกมาอีกเรื่อยๆ ก็รุ่งไปเรื่อยเลย โดยไม่ได้คาดคิดว่ามันจะปัง 

5. มีคลิปไหนที่ทำออกมาแล้วรู้สึกคาดไม่ถึง ทั้งคลิปรุ่ง และคลิปร่วง 
เติร์ก : สำหรับคลิปรุ่งที่คาดไม่ถึงเลยก็น่าจะเป็น #ก็คนมันรวยอ่าจ้า คือไม่คาดคิดจริงๆ เพราะว่าตอนที่ถ่าย คือถ่ายแบบเล่นๆ แบบกดกล้องถ่ายง่ายๆ และก็กดลงเลย คือไม่ได้คิดอะไรเลย (หัวเราะ) 

ส่วนคลิปที่ร่วง ก็เป็นคลิปที่เราจะพยายามคิดเยอะ โปรดักชันเยอะ ซึ่งเราเคยทำคลิปสอนภาษาที่สร้างสถานการณ์จริงจัง มีตัวละคร มีมุมกล้องถ่ายจากกล้องใหญ่ และค่อยมาลง และตัดต่อดีๆ สุดท้ายก็ร่วงเฉยเลยก็มีนะคะ (หัวเราะ)
 

‘ยวน แบลร์’ ลูกชายอดีตนายกฯ อังกฤษ เศรษฐีพันล้านจากการสร้าง ‘Multiverse’

ลูกชายหมายเลขหนึ่งหลายคน ที่กลายเป็นจุดสนใจของสังคมตั้งแต่เด็ก อาจเกิดมามีชีวิตที่ล้มเหลว จากความกดดัน หรือความคาดหวังของคนจำนวนมาก แต่ไม่ใช่ ยวน แบลร์ ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของ โทนี แบลร์ อดีตนายกรัฐมนตรีของอังกฤษ ที่โตขึ้นมาประสบความสำเร็จเป็นมหาเศรษฐี แถมยังได้รับพระราชทานเครื่องราชชั้นเอ็มบีอี จากสมเด็จพระราชินีเอลิซาเบธ ที่ 2 ตั้งแต่อายุยังน้อย

ยวน แบลร์ กลายเป็นข่าวพาดหัวอย่างรวดเร็ว หลังจากที่สร้างสรรค์แพลตฟอร์ม มัลติเวิร์ส เทคโนโลยีการเรียนรู้ออนไลน์ ซึ่งทำให้เขากลายเป็นมหาเศรษฐีภายในเวลาไม่กี่เดือน

ก่อนหน้านี้ ในวัย 16 ยวน เคยเป็นข่าวพาดหัวตอนที่ออกมาขอโทษสังคม เรื่องเมาแล้วขับ ที่ย่านเวสต์เอ็น กรุงลอนดอน แต่ 20 กว่าปีต่อมา กลายเป็นพาดหัวในเรื่องดีๆ ในฐานะอัจฉริยะแห่งยุคมิลเลนเนียน ด้วยแพลตฟอร์มของเขา ทำให้เด็ก ๆ สามารถหางานที่ดี ๆ ทำได้ โดยไม่ต้องเรียนจบระดับมหาวิทยาลัย

มหาเศรษฐีระดับเจ้าของบริษัทและซีอีโอหลายคนดรอปหรือเลิกเรียนหนังสือกลางคัน แต่ไม่ใช่ ยวน ที่มีการศึกษาระดับปริญญาตรีด้านประวัติศาสตร์ยุโรปโบราณจากมหาวิทยาลัยบริสตอล รวมทั้ง ปริญญาโทด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ จากมหาวิทยาลัยเยล

นอกจากนี้ เขายังมีประสบการณ์ฝึกงานที่รัฐสภาของสหรัฐฯ ก่อนจะไปเขาเรียนด้านการเงินของมอร์แกน สแตนลีย์ ในปี 2008 เขาให้สัมภาษณ์ว่า จริง ๆ พอโตแล้วก็ขี้เกียจเรียนหนังสือ แต่ต้องเรียน เพราะเห็นว่า คือหนทางเดียวที่จะมีอาชีพการงานที่ดี

แม้ว่า ยวน แบลร์ จะเติบโตมาบนกองเงินกองทองอยู่แล้ว แต่ความร่ำรวยเป็นเศรษฐีพันล้านของเขา มาจากน้ำพักน้ำแรงของตัวเองโดยแท้ ในการสร้างสรรค์ มัลติเวิร์ส ที่เป็นสตาร์ตอัปการเรียนรู้ ที่ช่วยจับคู่สมาชิกรุ่นเยาว์ของเว็บไซต์เข้ากับงานการในบริษัทชั้นนำ อย่างกูเกิลและบลูมเบิร์ก ฯลฯ

ไอเดียของยวน เกิดขึ้นหลังจากที่เขาเริ่มตระหนักว่า ที่เรียนมาด้านประวัติศาสตร์ยุโรปโบราณจากบริสตอลนั้น ไม่มีประโยชน์อะไรเลย แต่ มัลติเวิร์ส ยังไม่สุกงอม จนกระทั่งเขาได้พบกับ โซฟี อะเดลแมน ที่มอร์แกน สแตนลีย์ และทั้งคู่ก็ได้ร่วมกันก่อตั้งบริษัทชื่อ ไวท์แฮท

แพลตฟอร์มดังกล่าว เป็นสิ่งที่ตรงข้ามกับที่ โทนี พ่อของเขาเคยประกาศเป็นนโยบายของอังกฤษ เรื่องการสนับสนุนให้เด็กทุกคนมีโอกาสได้เข้าเรียนในมหาวิทยาลัย โดยในปี 1999 ที่โทนี แบลร์ เป็นนายกรัฐมนตรี เขาทำได้อย่างที่พูดเพียง 50% เท่านั้น เป้าหมายของเขาสำเร็จในปี 2019 ซึ่งเป็นเวลาหลังจากที่เขาลงจากตำแหน่งไปนานถึง 12 ปี

‘เด็กอัสสัมชัญ’ คว้าแชมป์โลกสร้างดาวเทียมจำลองจิ๋ว ในงาน Annual CANSAT Competition 2022

ภาคภูมิใจเด็กไทยเก่งไม่แพ้ใคร คณะนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาโรงเรียนอัสสัมชัญ กรุงเทพมหานครได้รับรางวัลชนะเลิศ คว้าแชมป์โลกจากการแข่งขันโครงการ Annual Cansat Competition 2022 สร้างดาวเทียมจำลองจิ๋ว ณ สถาบันโพลีเทคนิค และมหาวิทยาลัยรัฐเวอร์จิเนีย รัฐเวอร์จิเนีย สหรัฐอเมริกา

ล่าสุด เมื่อวันที่ (19 มิ.ย. 65) ผู้อำนวยการโรงเรียนอัสสัมชัญ ในฐานะนายกสมาพันธ์สมาคมศิษย์เก่าคณะเซนต์คาเบรียลแห่งประเทศไทย พร้อมคณะครู ตัวแทนคณะกรรมการสมาคมอัสสัมชัญ รวมทั้งผู้ปกครองเดินทางไปรับทีม Descendere ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จ.สมุทรปราการ ส่วนทีม Gravity ได้อันดับ 7 จะบินกลับมาประเทศไทยในวันอังคารที่จะถึงนี้

ทาง American Astronautical Society (AAS) ได้จัดการแข่งขันออกแบบและสร้างในหัวข้อที่เกี่ยวข้องกับอวกาศสำหรับนักเรียนประจำปี โดยโครงการ Annual Cansat Competition 2022 เป็นการแข่งขันสร้างดาวเทียมจำลองระดับนานาชาติที่มีขนาดเล็กจิ๋วเท่ากระป๋องเครื่องดื่มหรือที่เรียกว่า ‘Cansat’ ตามภารกิจที่ได้รับมอบหมายตั้งแต่วันที่ (9 - 12 มิถุนายน 2565)

ภารกิจในปี 2022 นี้ คือ การติดตั้ง Tethered Payload หรือ อุปกรณ์ที่จะดีดตัวออกมาจากภาชนะทรงกระบอก (CANSAT) พร้อมเชือกยาว 10 เมตร ไปกับจรวดที่บินขึ้นสู่ท้องฟ้าไปที่ระดับความสูง 700 เมตร จากพื้นโลก ด้วยความเร็วเสียง (346 เมตรต่อวินาที) การติดตั้งระบบให้สามารถปล่อยเชือกความยาวขนาดนี้ไว้ใน CANSAT ที่มีพื้นที่ที่จำกัดมาก ๆ

โดยมีทีมตัวแทนจากประเทศต่าง ๆ จากทั้งสิ้น 23 ทีม เข้ารอบชิงชนะเลิศ จาก 11 ประเทศทั่วโลก เพื่อคัดเลือกหาผู้ชนะเลิศซึ่งนักเรียนโรงเรียนอัสสัมชัญได้รับรางวัลชนะเลิศจากการแข่งขัน Thailand Cansat Rocket Competition 2022 ซึ่งจัดโดยสทป. และองค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (อพวช.) และ สทป. ได้สนับสนุนบุคลากร เครื่องมือและอุปกรณ์ทดสอบที่มีอยู่ในการทดสอบจำลองสภาพแวดล้อม (Environmental Test) ตามกติกาการแข่งขันรวมถึงทดสอบการทำงานของดาวเทียมขนาดเล็ก (Cansat)

Whoscall ออกแคมเปญตัดจบแก๊งคอลเซ็นเตอร์! ไม่ต้องรู้มุก คนไทยก็ ‘รู้ทัน’ตั้งแต่เห็นเบอร์

หลากสายแปลกที่โทรเข้ามาแทบจะครบเวลาหลังอาหาร 3 มื้อของคุณ ๆ ท่าน ๆ ผ่านเบอร์แปลกของบรรดามิจฉาชีพใต้เงาที่เราเรียกว่า ‘แก๊งคอลเซ็นเตอร์’ นั้น มักสร้างความวิตกกังวลสำหรับคนที่ ‘ไม่รู้ทัน’ 


พอรับไปพลัน ก็จะเจอเนื้อหาที่ทำให้ต้องแอบหวั่น ว่าฉันไปทำอะไรผิดไว้ ต้องจ่ายค่าบริการอะไร ต้องเสียค่าปรับหรอ ทำไมต้องจ่าย จ่าย และ จ่าย 

ฟังดูเหมือนเรื่อง ‘ขำ’ แต่บทนำที่ทำให้ขำแห้ง คือ ดันมีคนไทยที่ ‘หลงเชื่อ’ และถูกหลอกไปแล้วกว่า 6.4 ล้านครั้ง คิดเป็นเงินสูญเสีย ก็เบาะ ๆ แค่ 1,600 ล้านบาทเองในปีที่ผ่านมา 

แน่นอนว่า แม้ทุกวันนี้ ข่าว ‘แก๊งคอลเซ็นเตอร์’ จะเริ่มปล่อยออกมาให้คน ‘รู้ทัน’ กันมากขึ้น เพราะมันมีสไตล์ที่หลากหลายออกมาไม่เว้นแต่ละวัน ภายใต้มุกใหม่ ๆ ที่ตามทันบ้าง ตามไม่ทันบ้าง แต่หลายคนเริ่มจับทางได้!!

แต่คำถาม คือ เราเริ่มชินจริง ๆ ใช่ไหม? 
ใช่!! เราเริ่มชิน 
แต่…เราก็เริ่ม ‘รำคาญ’
และเมื่อเราเริ่มรำคาญ เราก็อยากหาทางออก!!

เพราะถึงแม้จะเริ่มมีคนรู้ทัน แต่สายแปลก ๆ จากบรรดา ‘แก๊งคอลเซ็นเตอร์’ ที่หลุดเข้ามา แบบหน้าด้าน ๆ ทั้งวี่ทั้งวัน มันไม่ใช่เรื่องที่เราจะไป ‘รู้ทัน’ ได้ง่าย ๆ สุดท้ายก็ต้องเผลอไปรับให้รำคาญใจทุกทีไป เพราะหากมีสายสำคัญจริง ๆ โทรเข้ามา แล้วเราเลือกไม่รับเลย เดี๋ยวจะงานงอก!! 

จากปัญหา ที่ไม่ใช่เฉพาะแค่การหลอกลวงเพื่อปลดทรัพย์ แต่กลับพ่วงไปด้วยความน่ารำคาญของสายแปลกจาก ‘แก๊งคอลเซ็นเตอร์’ ก็ไป ‘ปะทุ’ จนเกิดเป็น ‘ไอเดีย’ ให้ผู้เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ อย่าง Whoscall ต้องออกโรงมาแอกติ้งแบบจริงจัง!!

 



โดย Whoscall เป็นแอปพลิเคชันมือถือระบุสายโทรเข้าที่ไม่รู้จัก เป็นแอปที่ใช้งานง่าย เหมาะกับทุกเพศทุกวัย แถมยังดาวน์โหลดได้ฟรีที่ : https://whoscallthailand.onelink.me/1Ffj/prGetApp นั้น มีความตั้งใจที่จะช่วยคนไทย ให้เอาชนะแก๊งคอลเซ็นเตอร์และมิจฉาชีพได้ตั้งแต่เห็นเบอร์ 

เพศไหนก็คน!! เข้าใจ 'LGBTQIA' ให้มากขึ้น ผ่านมุมมองของ 'บุ๊ค-ธีรชยา'

สัมภาษณ์พิเศษ : “บุ๊ค-ธีรชยา พิมพ์กิติเดช” อดีตรองอันดับ 1 Miss Tiffany's Universe 2018

พอได้หรือยัง กับความ (ไม่) เท่าเทียม
เพศไหน “ก็คนเหมือนกัน” 

สวัสดีค่ะ บุ๊คนะคะ ธีรชยา พิมพ์กิติเดช ตอนนี้เป็น Senior Writer อยู่ที่ นิตยสาร Vogue Beauty Thailand 

1.) Love is Love คิดอย่างไรกับคำนี้? 
บุ๊ค : สำหรับตัวบุ๊คแล้วจริง ๆ วลีนี้ หรือประโยคนี้มันเกิดขึ้นช่วง Movement ของกลุ่ม LGBTQIA แต่จริง ๆ มันก็คือนิยายความรักของทุกคนเลยนะ ไม่ได้จำกัดแค่เฉพาะกลุ่มบุคคลหลากหลายทางเพศเท่านั้น รักมันก็คือรักนั่นแหละ ไม่จำเป็นต้องจำกัดหรือไปนิยายแบบเจาะจงว่าคนนี้จะต้องคู่กับคนนี้ ก.ไก่ ต้องคู่กับ ข.ไข่ หรือเพศชายจะต้องคู่กับเพศหญิง แค่เรารู้สึกดีกับใคร เราก็สามารถอยู่กับเขาอย่างมีความสุขได้ ทำอะไรได้ แค่ต้องอยู่ในความถูกต้องของกฎหมาย เพราะคำว่า Love is Love มันก็แค่นี้จริง ๆ 
 
2.) เรื่องที่สังคมมักจะเข้าใจผิด ๆ เกี่ยวกับ “LGBTQIA+” คืออะไร? 
บุ๊ค : จริง ๆ แล้ว บุ๊คคิดว่าสังคมชอบคิดว่า กลุ่ม LGBTQIA เนี่ย ชอบเรียกร้องเป็นแบบ Sensitive ต้องการสิทธิพิเศษแต่จริง ๆ แล้วเปล่าเลย เราแค่เรียกร้องในสิ่งที่เราควรได้รับ โดยที่แทบไม่ต้องออกมาเรียกร้องด้วยซ้ำ เพราะมันเป็นเรื่องขั้นพื้นฐานเลย และส่วนเรื่องของคาแรคเตอร์ บุคลิกลักษณะนิสัย ที่มันอาจจะมีภาพจำจากสังคมว่า “เหมารวม” อะไรแบบเนี่ยว่าเราจะต้องเป็นแบบวี้ดว้ายเสียงดังอะไรแบบนี้ คนก็อาจจะเข้าใจผิดอยู่ในกลุ่มบางกลุ่มเนอะ จริง ๆ บุ๊คคิดว่าไม่ว่าเป็นใคร ก็สามารถมีทั้ง Extrovert หรือ Introvert อยู่เหมือนกัน 

3.) จากการที่ ครม.เห็นชอบ ร่าง พ.ร.บ.คู่ชีวิต แต่ก็มีกระแส พ.ร.บ.ชีวิตคู่ ไม่เท่ากับ พ.ร.บ. สมรสเท่าเทียม มีความเห็นอย่างไรบ้าง? 
บุ๊ค : จริง ๆ ตอนนี้มันก็ไม่เท่ากันจริง ๆ เราเองก็เห็นหลายสื่อหลายสำนักเลยเนี่ย ที่เขาตีแผ่ออกมาให้ได้ดูเลยว่า อะไรที่เราได้ อะไรที่เราไม่ได้จริง ๆ ตรงนี้เนี่ย บุ๊คมองว่ามันเป็นก้าวแรกมากกว่า หลังจากที่เรามีการเรียกร้องกันมาเนิ่นนานมาก เลยอยากให้มีการเปลี่ยนแปลง หรือ แก้ไข อย่างน้อย ๆ ตรงนี้มันก็คือก้าวแรกที่เราได้รับชัยชนะ ถึงแม้อาจจะไม่ได้ชัยชนะแบบ 100% ถือว่าเป็นก้าวแรกที่จะมีการก้าวต่อไปเรื่อย ๆ จะไม่ใช่ก้าวแรกและก้าวสุดท้ายอย่างแน่นอน เราเองก็ยังต้องช่วยกันเรียกร้อง ช่วยกันอธิบายให้อีกหลากกลุ่มคนหรือคนที่มีอำนาจได้เข้าใจ ว่าอะไรที่เรายังขาดอยู่ 

ครบ 32 ทีม ลุยฟุตบอลโลก 2022

ฟุตบอลโลก 2022 รอบสุดท้าย ได้ 32 ทีมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลัง ‘คอสตาริกา’ หลังเฉือนชนะ นิวซีแลนด์ 1-0 กลายเป็นทีมสุดท้ายที่ได้ไปเล่นฟุตบอลโลก 2022 ในช่วงปลายปีนี้ที่ประเทศกาตาร์ ไปดูกันว่าทั้ง 32 ทีมในครั้งนี้มีใครบ้าง

สรุปรอบแบ่งกลุ่มฟุตบอลโลก 2022 ที่ประเทศกาตาร์

กลุ่ม เอ : กาตาร์ (เจ้าภาพ), เอกวาดอร์, เซเนกัล และเนเธอร์แลนด์

กลุ่ม บี : อังกฤษ, อิหร่าน, สหรัฐอเมริกา และเวลส์

กลุ่มซี : อาร์เจนติน่า, ซาอุดีอาระเบีย, เม็กซิโก และโปแลนด์

กลุ่มดี : ฝรั่งเศส, ออสเตรเลีย, เดนมาร์ก และตูนิเซีย

เปิดมุมมอง ‘โป้ง พงศ์ชเนศ’ นักวาด NFT Art ผู้ออกแบบภาพศิลป์ ในโปรเจกต์ Legends of Asians

สัมภาษณ์พิเศษ : คุณโป้ง นาวาโท พงศ์ชเนศ ธิติคุณพงศ์ ผู้ออกแบบภาพ Art โปรเจกต์ Legends of Asians 

NFT Art  ไม่ใช่แค่ “วาดเก่ง” ต้องสร้าง Community ให้เป็น ถึงจะมีมูลค่า

สวัสดีครับ ผม นาวาโท พงศ์ชเนศ ธิติคุณพงศ์ ชื่อเล่น “โป้ง” ปัจจุบันอาชีพรับราชการทหารเรือ เวลาว่างก็จะรับวาดรูปเป็นอาชีพเสริม ปัจจุบันเป็น Co-founder ใน NFT Project Legends of Asians และก็วาดรูปแนวสะท้อนการเมืองให้กับเพจ THE STATES TIMES 

1.เสน่ห์ของการวาดรูป คืออะไร?

โป้ง : สำหรับผมแล้ว เสน่ห์ของการวาดรูป คือ เราได้ถ่ายทอดจินตนาการของเรา ออกมาเป็นรูปภาพ ซึ่งเราสามารถถ่ายทอดเรื่องราวต่างๆ ผ่านรูปภาพแทนที่จะเป็นตัวหนังสือในจินตนาการของเรา บางทีเราคิดได้แต่เราอาจจะทำจริงไม่ได้ แต่เราสามารถถ่ายทอดออกมาเป็นรูปภาพได้นะครับ อย่างเช่น คำพูดที่เราได้ยินกันบ่อยๆ ว่าหนึ่งรูปภาพร้อยคำบรรยาย ประมาณนี้ครับ 

2. สไตล์การวาดรูป ของคุณโป้ง สไตล์อะไร?

โป้ง : ตัวผมเองรู้สึกว่าการวาดรูปของผมเป็นการวาดแบบไม่มีสไตล์เลย ก็คือถ้าเราชอบการ์ตูนเรื่องอะไร ลายเส้นของเราเนี่ย ก็จะเป็นคล้ายคลึงกับการ์ตูนเรื่องนั้นๆ ยกตัวอย่างตอนที่ผมยังเป็นเด็ก ซึ่งผมชอบดูเรื่อง ดราก้อนบอล z มากๆ ตอนนั้นนะครับ ลายเส้นที่วาดออกแบบก็จะไปคล้ายกับ อาจารย์ โทริยามะ อะไรประมาณนี้ 

และคิดว่าตัวเองคล้ายๆ กับตัวละครนึงในเรื่องนารูโตะ ก็คือทาเคชิ ด้วยตัวนี้จะมีฉายาว่า นินจา ก็อบปี้ จะสามารถก็อบปี้วิชานินจา ของคนอื่นได้คิดว่าตัวเองเป็นแบบนั้นหรือถ้าให้อธิบายง่ายๆ ก็คือผมวาดภาพตามความต้องการของผู้ว่าจ้าง นั่นเองครับ คนที่จ้างชอบสไตล์แบบไหน เขาก็จะให้ตัวอย่างมา เราก็มีหน้าที่วาดในสไตล์นั้นๆ 

3.Legends of Asians คืออะไร? ทำไมถึงได้มาออกแบบโปรเจกต์นี้?

โป้ง : โปรเจกต์ Legends of Asians เป็น NFT โปรเจกต์ โฟกัสไปที่ Awareness ของการที่คนอาเซียนถูกบูลลี่ ซึ่งเป็นแนวคิดเริ่มต้นของผู้ก่อจัดโปรเจกต์นี้ก็คือ คุณแบงค์ โดยปัจจุบันได้มีการต่อยอดแนวความคิดนี้ ให้เป็นโปรเจกต์ที่แสดงถึงเสน่ห์ของเอเซียนนะครับ ความหลากหลายทางด้านศิลปะ วัฒนธรรม ประเพณี และก็ความเชื่อ เป็นการมุ่งเน้นให้คนเอเซียนมีความภูมิใจในตัวเองและก็เป็นการสร้างความเข้าใจซึ่งกันและกันผ่านงานศิลปะ NFT 

ส่วน ทำไมถึงได้มาออกแบบโปรเจกต์นี้ ก็คือ สาเหตุที่ได้มาทำเนื่องจากคุณแบงค์ได้เปิดคอร์สเรียนออนไลน์ ซึ่งเป็นคอร์สเรียนเกี่ยวกับการทำ SVG , POD , KPD ขายในเว็บไซต์ออนไลน์ชั้นนำของต่างประเทศยกตัวอย่างเช่น Amazon , Etsy , Redbubble เป็นต้น ซึ่งผมเองก็เป็นหนึ่งในนักเรียนของคุณแบงค์ และก็ตอนนั้นคุณแบงค์ก็มีความคิดที่จะทำโปรเจกต์ NFT จึงประกาศหาคนวาดการ์ตูน สไตล์ มังงะ ซึ่งผมเองในตอนนั้นก็ไม่ลังเลเลยที่จะอาสาเข้ามาทำ ก็เลยได้เข้ามาทำงานนี้ครับ 

'งานวิจัย' ชี้!! พื้นที่ต้นกำเนิดการเลี้ยงไก่แห่งแรกของโลก พิกัด 'บ้านโนนวัด' ประเทศไทย ราว 3,500 ปีก่อน

ปัจจุบัน ไก่และผลิตภัณฑ์จากไก่ถือเป็นอาหารที่มีสำคัญต่อประชากรโลก และมีการเลี้ยงไก่กันแพร่หลายทั่วโลก โดยเริ่มต้นจากการนำไก่ป่ามาเลี้ยง ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ได้มีการถกเถียงถึงแหล่งกำเนิดพื้นที่การเลี้ยงไก่มาเป็นเวลานาน ทั้งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อินเดีย และจีนเหนือ ซึ่งได้มีการเสนอว่าเป็นแหล่งกำเนิด โดยเริ่มต้นในช่วงราว 4,000 ปี - 10,500 ปีก่อน 

อย่างไรก็ตาม สถาบันวิทยาศาสตร์แห่งชาติสหรัฐอเมริกา (PNAS) ได้ตีพิมพ์งานวิจัย 'The biocultural origins and dispersal of domestic chickens' (6 มิถุนายน 2565) โดยเผยข้อมูลว่าพื้นที่ที่เลี้ยง 'ไก่บ้าน' เป็นที่แรกของโลกอยู่ที่บ้านโนนวัด จังหวัดนครราชสีมา (เท่าที่พบหลักฐาน ณ ตอนนี้)

งานวิจัยของ PNAS ได้เผยหลักฐานถึงจุดแหล่งกำเนิดการเลี้ยงไก่บ้าน โดยได้ทำการวิเคราะห์ซากไก่ในพื้นที่โบราณ 600 แห่ง 89 ประเทศ ซึ่งกระดูกไก่ชิ้นแรกที่เป็นไก่บ้านไม่ใช่ไก่ป่า พบที่บ้านโนนวัด จังหวัดนครราชสีมา ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย โดยมีอายุระหว่าง 1,650-1,250 ปีก่อนคริสต์ศักราช ตรงกับยุคหินใหม่ หรือเมื่อราว 3,500 ปีก่อน ในยุคสัมฤทธิ์ 

ก่อนหน้านี้มีการศึกษาจุดกำเนิดของไก่ในช่วงก่อนหน้า โดยอ้างว่า มีการค้นพบกระดูกสัตว์ปีกคล้ายไก่เก่าแก่ในหลายพื้นที่ อาทิ การค้นพบกระดูกสัตว์ปีกที่คาดว่าอาจเป็นไก่ ในประเทศจีน อายุประมาณ 6,000 ปีก่อนคริสต์ศักราช แต่ภายหลังก็พิสูจน์แล้วว่าเป็นไก่ฟ้า (Pheasants) หรือแม้แต่การค้นพบกระดูกสัตว์ปีกที่ฮารัปปาในลุ่มแม่น้ำสินธุ อายุประมาณ 4,000 ปีก่อนคริสต์ศักราช แต่เมื่อนำมาจำแนกทางพันธุกรรมแล้วมีความคล้ายคลึงกับสายพันธุ์ไก่ป่า ตระกูลไก่ป่าแดง (Red forestflow) มากกว่าจะเป็นสายพันธุ์ไก่บ้านแบบในปัจจุบัน

หากแต่ผลการวิจัยชิ้นนี้ของ PNAS ที่บ้านโนนวัด ซึ่งระบุว่าเป็นต้นกำเนิดของการเลี้ยงไก่บ้านนั้น พบว่า มนุษย์ในสมัยก่อนได้ฝังกระดูกไก่ ซึ่งอยู่ในวงศ์ Gallus (สายพันธุ์เดียวกับไก่บ้านในปัจจุบัน) จำนวนมาก รวมกับสัตว์เลี้ยงอื่น ๆ เช่น หมู สุนัข และวัว ในฐานะสิ่งของฝังไปพร้อมกับผู้ตายในยุคนั้น ลักษณะดังกล่าวเป็นหลักฐานที่หนักแน่นชี้ว่า สัตว์ปีกเหล่านี้เป็น 'ไก่เลี้ยง' ไม่ใช่ 'ไก่ป่า'


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top