Saturday, 17 May 2025
NEWS FEED

'หมอธีระวัฒน์' ฉะแรง!! นักวิชาการรับเงินต่างชาติ ทำทุกอย่างตามที่สั่ง ถอดรหัสพันธุกรรม สร้างไวรัสใหม่ พอระบาดแล้ว ค่อยสร้างวัคซีน-ยา

(19 มี.ค.67) ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา หัวหน้าศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กระบุว่า…

“ถึงเวลาต้องเปิดโปงนักวิชาการโสเภณี รับเงินต่างชาติ ทำทุกอย่าง...ตามที่มันสั่ง เช่น ได้ 3.7 ล้านเหรียญ ตอนแรกได้ 399,743 เหรียญ

ยังมีอีกในห่วงโซ่ธุรกิจข้ามชาติรับใช้ คนให้เงิน หาไวรัส ถอดรหัสพันธุกรรม สร้างไวรัสใหม่ ระบาด แล้วสร้างวัคซีน ยา และยารักษามะเร็งที่สร้างขึ้นแล้วสร้างโรคระบาดใหม่

เป็นคนไทย หรือมาจากนรก?”

สิ้น ‘ดุก คาราบาว’ มือคีย์บอร์ดประจำวง เสียชีวิตลงอย่างเฉียบพลันในวัย 70 ปี

(19 มี.ค. 67) ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่โรงพยาบาลแกลง จ.ระยอง หลังได้รับแจ้งว่า นายลือชัย งามสม หรือ ดุก วงคาราบาว มือคีย์บอร์ด ได้เสียชีวิตลงอย่างเฉียบพลัน ที่ จ.ระยอง นายลือชัย งามสม หรือ ดุก คาราบาว เป็นมือคีย์บอร์ด ของวงคาราบาว ร่วมงานกับวงคาราบาวตั้งแต่อัลบั้มวิชาแพะ ในปี พ.ศ. 2534 จนถึง พ.ศ. 2567

จากการสอบถาม นางสาว พัชมณ สรรพคุณ อายุ 54 ปี น้องสาว เล่าให้ทีมข่าวเราฟังว่า นายลือชัย หรือดุก ได้เล่นคอนเสิร์ตครั้งล่าสุดที่เมื่อวันที่ 9 มีนาคมที่ผ่านมา ที่โรงเรียนตลิ่งชัน จ.สุพรรณบุรี หลังจากนั้นได้พักอยู่บ้านที่ กทม. และวันที่ 17 มีนาคม นายลือชัย หรือดุกได้เดินทางกลับมาพักที่บ้าน ถนนกระเพรา ต.เนินฆ้อ อ.แกลง จ.ระยอง

เมื่อเวลา 18.00 น. ของวันที่ 18 มีนาคม นายลือชัย หรือดุก ได้เข้าห้องน้ำภายในบ้านนานพอสมควร ตนกับญาติๆ จึงได้เปิดห้องน้ำเข้าไปดู เห็นว่า นายลือชัย หรือดุก นั่งอยู่บนชักโครก ในลักษณะนั่งหงายหลังบนชักโครก พบว่า นายลือชัย หรือดุก แย่นิ่งหมดสติไปแล้ว หลังจากนั้นตนและญาติได้นำตัว นายลือชัย หรือดุก รีบส่ง รพ.แกลง แต่ไม่ทัน และได้เสียชีวิตในเวลาต่อมา เวลา 19.36 น.

จากการสอบถาม นางเพชรรัตน์ งามสม อายุ 70 ปี ภรรยา เล่าให้ทีมข่าวเราฟังว่า นายลือชัย หรือดุก ป่วยเป็นโรคหัวใจ และได้ทำบอลลูนมาแล้วก็เป็นปกติ สามียังคงเล่นคอนเสิร์ตอยู่ตลอดคงเหนื่อย แต่เขามีความสุขของเขา แต่พอไม่สบายก็จะไปหาหมอที่ รพ. ไม่ค่อยฝืนเล่นดนตรี ตนมาทราบข่าวในวันที่สามีเสียชีวิต มีน้องสาวของสามีโทรมาบอก

ทั้งนี้ ทางญาติรับศพออกจาก รพ.แกลง เวลา 11.50 น. และเดินทางโดยมูลนิธิป่อเต๊กตึ้ง เพื่อไปบำเพ็ญกุศลศพ ที่ กทม.

‘หน่วยปฏิบัติการฝนหลวง’ เปิดภารกิจลดฝุ่นพิษภาคเหนือ เน้นช่วยพื้นที่การเกษตร-ไฟป่า เรียกฝนตกกลางดึกสำเร็จ

เมื่อวานนี้ (18 มี.ค. 67) หน่วยปฏิบัติการฝนหลวง จ.แพร่ และ จ.เชียงใหม่ มีภารกิจปฏิบัติการฝนหลวงบรรเทาหมอกควันและสถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM10 และ PM2.5) โดยใช้เครื่องบิน CASA จำนวน 2 ลำ เครื่องบิน CN จำนวน 1 ลำ ช่วยเหลือพื้นที่ จ.พะเยา แพร่ น่าน

ทั้งนี้ แผนการปฏิบัติการฝนหลวงในช่วงนี้ จะเน้นช่วยเหลือพื้นที่การเกษตรและพื้นที่ประสบปัญหาหมอกควันไฟป่าและฝุ่นละอองขนาดเล็ก และเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุนให้กับเขื่อนสิริกิติ์ จ.อุตรดิตถ์ และอ่างเก็บน้ำขนาดกลางจำนวน 14 แห่งในพื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง และมีนโยบายถึงการบรรเทาปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็กในพื้นที่ภาคเหนือ โดยใช้เทคนิคการดัดแปรสภาพอากาศด้วยการโปรยน้ำแข็งแห้ง เพื่อเพิ่มการดูดซับฝุ่นละอองของเมฆให้มากขึ้น

ผลปรากฏว่า วันนี้ (19 มี.ค.67) ฝนที่ตรวจวัดได้จากเรดาร์ บริเวณ จ.พะเยา ในช่วงกลางคืน ในตัวเมืองพะเยาบางแห่งมีฝนตกปานกลาง ถึงหนัก โดยจากการปฏิบัติการฝนหลวง พบมีกลุ่มฝนที่เกิดจากการปฏิบัติการฝนหลวงที่ตกหนักมากที่สุดบริเวณ อ.สอง จ.แพร่ โดยวัดได้จากเรดาร์ มากกว่า 50 มิลลิเมตร ยอดสูงมากกว่า 30,000 ฟุต เส้นผ่านศูนย์กลางกลุ่มฝนมากสุดประมาณ 16 กิโลเมตร และมีอาสาสมัครฝนหลวงส่งภาพฝนตกบริเวณ หมู่ 6 ต.บ้านหนุน อ.สอง จ.แพร่ เพื่อยืนยันฝนตก 

‘ดร.เอ้’ ติง ‘นายกฯ’ ไปเชียงใหม่ แต่ไร้วิสัยทัศน์แก้ฝุ่น PM2.5 แนะ 3 ข้อ ‘ขจัดผลประโยชน์ทับซ้อน-กระจายอำนาจ-ใช้เทคโนโลยี’

(19 มี.ค. 67) นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ดูแล กทม. โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว เรื่องปัญหาฝุ่น PM 2.5 ที่เชียงใหม่ แก้ได้ด้วยภาวะผู้นำโดยวิพากษ์วิจารณ์การลงพื้นที่ของนายกรัฐมนตรีที่ผ่านมาว่า นายกฯ ลงพื้นที่เชียงใหม่ แต่ไม่รับฟังปัญหาของชาวบ้าน และนักวิชาการ ไม่แสดงวิสัยทัศน์ในการแก้ปัญหาอย่างจริงจัง ทั้งที่นายกฯ มีอำนาจหน้าที่ มีพลัง แก้ไขวิกฤติฝุ่นพิษได้

นายสุชัชวีร์ กล่าวต่อว่า มั่นใจว่าบทบาทของนายกฯ สามารถแก้ปัญหาทุกข์เรื้อรัง ของชาวเชียงใหม่ และจังหวัดใกล้เคียงได้ หากท่าน เอาจริงเอาจัง กับ 3 เรื่องนี้ 

1.จัดการกับผลประโยชน์ทับซ้อน เพราะการเผา เป็นปัญหาผลประโยชน์ทับซ้อนของราชการกันเอง ทั้งระหว่างหน่วยงาน ที่ต่างฝ่ายต้องการงบประมาณลงหน่วยงานของตนให้มากที่สุด และปัญหาผลประโยชน์ของเอกชน มีหลายคนได้ผลประโยชน์จากการที่ป่าหรือไร่ถูกเผา นายกรัฐมนตรีมีอำนาจสูงสุด ถ้าแก้เรื่อง ประโยชน์ทับซ้อน ได้การเผาจะลดลง ฝุ่นก็ลดลง

2.กระจายอำนาจ และงบประมาณการแก้ปัญหาระยะสั้น เพื่อบรรเทาทุกข์ อาจถึงเวลาที่ต้องแก้ปัญหาด้วย เงิน เพราะการให้เงินโบนัสหมู่บ้านไม่เผา โดยกระจายอำนาจหน้าที่ให้ผู้ว่าราชการจังหวัด ดำเนินการได้กับหมู่บ้านที่ไม่เผา เราอาจไม่ถูกใจเรื่องแจกเงิน แต่คุ้มค่ากว่าความเสียหายทางเศรษฐกิจและทางสุขภาพที่เกิดจากฝุ่นพิษ PM 2.5 อีกทั้งยังประหยัดงบประมาณในการดับไฟ และรักษาชีวิตเจ้าหน้าที่ที่ต้องเสี่ยงกับการเข้าไปดับไฟ 

และ 3. ต้องใช้เทคโนโลยีแก้ปัญหา เพราะเทคโนโลยีดาวเทียม ไม่โกหก เพราะภาพถ่ายจากดาวเทียมธีออส-2 ที่โคจรต่ำ ผ่านประเทศไทย 4 รอบต่อวัน จะรู้ทันที ใครเผา และที่ดินใคร สามารถใช้เป็นหลักฐาน เพื่อดำเนินการใด ๆ ได้อย่างเป็นธรรม ของดีมี ต้องใช้

“วิกฤตฝุ่น PM2.5 เป็นวิกฤตชาติที่รอไม่ได้อีกต่อไป อย่าปล่อยให้เป็นแบบไฟไหม้ฟาง คือ มาดู แล้วจากไป” นายสุชัชวีร์ ระบุ

'พระองค์หริภา' ตามแนวพระราชดำริในการช่วยเหลือราษฎร ประทานภาพถ่ายคู่กระเป๋าเสื่อกก ประชาสัมพันธ์สานโอกาสแก่ชุมชน

(19 มี.ค.67) เพจกองทุนพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสิริภาจุฑาภรณ์ ได้โพสต์ข้อความว่า...

พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสิริภาจุฑาภรณ์ หรือ 'พระองค์หริภา' โปรดประทานภาพถ่ายคู่กับกระเป๋าเสื่อกก รุ่น Ombre Bucket ทั้งนี้เพื่อประชาสัมพันธ์ให้กับโครงการภัทรพัฒน์ มูลนิธิชัยพัฒนา (โดยวางจำหน่าย) ชั้น 7 โซน Living ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล แอด เซ็นทรัลเวิลด์ กรุงเทพฯ และ ชั้น 7 เซ็นทรัลชิดลม

โดยสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พระราชทานพระราชดำริให้โครงการภัทรพัฒน์ มูลนิธิชัยพัฒนา ส่งเสริมอาชีพหัตถกรรมเสื่อกก ของกลุ่มเกษตรกรผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวหอมมะลิ 105 พระราชทาน 'เพื่อนช่วยเพื่อน' จังหวัดสุรินทร์ ซึ่งกลุ่มได้ทอเสื่อกกเป็นอาชีพเสริมหลังจากการทำนา เพื่อหารายได้ให้แก่ครอบครัว โดยวางขายในชุมชนตนเอง

โครงการภัทรพัฒน์ มูลนิธิชัยพัฒนา ได้ร่วมกับ ภาควิชาศิลปอุตสาหกรรม คณะสถาปัตยกรรม ศิลปะและการออกแบบ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง และบริษัท แทงโก้ เลเธอร์ จำกัด พัฒนาเรื่องการออกแบบเสื่อกก ทั้งลวดลายและผลิตภัณฑ์ ให้มีความทันสมัยมากยิ่งขึ้น และยังช่วยสนับสนุนเรื่องช่องทางการจำหน่าย 

ทั้งนี้ ได้รับความร่วมมือจากบริษัท กลุ่ม เซ็นทรัลกรุ๊ป จำกัด ช่วยสนับสนุนผลิตภัณฑ์แปรรูปเสื่อกกภายใต้ตราสินค้า 'ภัทรพัฒน์' ของมูลนิธิชัยพัฒนา โดยนำกระเป๋าเสื่อกก ที่ออกแบบเป็นพิเศษนำไปวางจำหน่าย ณ ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล เพื่อสานต่อภูมิปัญญาและสร้างรายได้สู่ชุมชนอย่างยั่งยืน เพื่อสืบสานพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราชบรมนาถบพิตร ผู้ทรงก่อตั้งมูลนิธิชัยพัฒนา

สำหรับ 'ภัทรพัฒน์' เป็นชื่อพระราชทาน จากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เพื่อใช้เป็นตราผลิตภัณฑ์ จากโครงการของมูลนิธิชัยพัฒนา รวมทั้งผลิตภัณฑ์ของชุมชนที่มีคุณภาพตรงตามมาตรฐาน เพื่อช่วยส่งเสริมในด้านการตลาดให้กว้างขวางออกไป

ผลิตภัณฑ์ของภัทรพัฒน์ มีความหลากหลาย และแสดงถึงการพัฒนาตามแนวพระราชดำริ ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์แปรรูป และงานหัตถกรรม ความแตกต่างของผลิตภัณฑ์อยู่ที่เรื่องราว และแนวทางการพัฒนา เพื่อให้ราษฎรที่เป็นผู้ผลิต ได้เกิดความภาคภูมิใจและผู้ที่ซื้อผลิตภัณฑ์เกิดความพอใจ ควบคู่กันไปด้วย ทั้งนี้ เพื่อเป็นไปตามแนวพระราชดำริในการช่วยเหลือราษฎร ให้มีความกินดีอยู่ดี เป็น 'ชัยชนะแห่งการพัฒนา' อย่างแท้จริง

ลือสะพัด”อลงกรณ์จะย้ายพรรคไปเพื่อไทยหลังพบชัชชาติ” เจ้าตัวแจงสร้างมิติใหม่ ”การเมืองไร้รอยต่อ“

นายอลงกรณ์ พลบุตร อดีต รัฐมนตรีและอดีต ส.ส.6สมัย พรรคประชาธิปัตย์โพสต์ในเฟสบุ๊คส่วนตัวกรณีมีคำถามเรื่องการย้ายพรรคไปเพื่อไทยหลังจากมีข่าวไปพบหารือนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาโดยนายอลงกรณ์เขียนชี้แจงเรื่องนี้เกี่ยวกับ“การเมืองที่ไร้รอยต่อ”ไว้อย่างน่าสนใจดังต่อไปนี้

“การเมืองที่ไร้รอยต่อ“ Seamless politics กรณีมีข่าว”อลงกรณ์-ชัชชาติ“ผนึกความร่วมมือ“กทม.-จีน”ด้านพลังงานสะอาดและยานยนต์ไฟฟัาโดยฝ่ายหนึ่งนำโดยนายอลงกรณ์ พลบุตร (พรรคประชาธิปัตย์)กับอีกฝ่ายหนึ่งนำโดยนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (พรรคเพื่อไทย) ทำให้เพื่อนๆและสื่อมวลชนหลายคนสอบถามด้วยความกังขาว่าคุยกันรู้เรื่องหรือ??? บางคนตีความไปว่าผมจะย้ายพรรคไปเพื่อไทยใช่ไหม??? ผมถามกลับไปว่า ทำไมถึงคิดเช่นนั้นก่อนจะถามต่อไปว่า เข้าใจคำว่า “การเมืองที่ไร้รอยต่อ”(seamless politics)ไหม???  ย้อนถามแบบนี้ก็งงกันสิครับ

ผมอธิบายสั้นๆว่า “การเมืองที่ไร้รอยต่อ” หมายถึงวัฒนธรรมทางการเมืองที่พรรคการเมืองหรือนักการเมืองที่อยู่คนละพรรคทำงานร่วมมือกันได้ เพื่อประโยชน์ของส่วนรวม โดยก้าวความความแตกต่างทางการเมืองหรือการแข่งขันทางการเมือง ผมเชื่อว่าท่านผู้ว่าชัชชาติก็มีแนวความคิดความเชื่อเช่นเดียวกับผมในเรื่องการเมืองที่ไร้รอยต่อ ท่านให้เกียรติและแสดงออกอย่างกระตือรือร้นในระหว่างการประชุมหารือ และแสวงหาความร่วมมือที่เป็นไปได้ในทุกมิติ โดยปราศจากร่องรอยการแบ่งพรรค แบ่งฝ่าย ยิ่งกว่านั้นเรายังได้พูดถึงความร่วมมือในการยกระดับการศึกษาด้วยเทคโนโลยีใหม่ๆเช่น เยเนอเรทีฟ เอไอ(Generative AI-ปัญญาประดิษฐ์) ในระบบ AI Classroom และความร่วมมือในโครงการกรุงเทพสีเขียว 2030( Green Bangkok 2030)เพื่อ ยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนและคุณภาพของเมืองหลวงของประเทศ เป็นต้น

ความร่วมมือระหว่างท่านผู้ว่าชัชชาติและผมคือหนึ่งในตัวอย่างของการเมืองที่ไร้รอยต่อ แต่ในขณะเดียวกันก็ได้สร้างความกันขาให้กับเพื่อนๆ และสื่อมวลชน ผมเข้าใจดีว่า การเมืองบ้านเรา เคยชินกับวัฒนธรรมทางการเมืองที่มุ่งต่อสู้แข่งขันแบ่งพรรคแบ่งฝ่ายหมายเอาชนะคะคานกัน ทั้งก่อนและหลังเลือกตั้ง แต่สำหรับผมคิดว่า เหรียญมีสองด้านเสมอ ด้านหนึ่งคือการแข่งขันอีกด้านหนึ่งคือความร่วมมือ การเมืองจึงไม่ได้มีแค่เรื่องการแข่งขันหรือการต่อสู้ทางการเมืองเท่านั้น แต่การเมืองสามารถร่วมมือกันได้ในเรื่องที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนและประเทศชาติและนี่คือวิถีของการเมืองสร้างสรรค์ที่ผมยึดถือเชื่อมั่นมาโดยตลอดและอยากเห็นวัฒนธรรมทางการเมืองไทยแบบนี้เป็นรากฐานใหม่ของการเมืองไทย สรุปคือไม่มีการย้ายพรรคครับ”

"Seamless politics" is a concept that refers to a political environment or system where different political parties or entities work together smoothly and effectively without experiencing significant disagreements, conflicts, or disruptions. In a seamless politics scenario, there is a high level of cooperation, collaboration, and communication among different stakeholders in the political arena. This leads to more efficient governance, better decision-making processes, and potentially improved outcomes for society as a whole.

เชียงใหม่-ผบช.ภ.5 มอบประกาศเกียรติคุณ ให้กับข้าราชการตำรวจ

เมื่อวันที่ 23 ก.พ.67 เวลา 09.30 น. พลตำรวจโทกฤตธาพล ยี่สาคร ผบช.ภ.5 เป็นประธานในพิธีมอบประกาศเกียรติคุณ ให้กับข้าราชการตำรวจในสังกัด ณ ห้องประชุมอาคารสโมสรคุ้มแก้ว - ขวัญดาว ตำรวจภูธรภาค 5 อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่  

"รายชื่อผู้รับใบประกาศเกียรติคุณ กรณีจับกุมคดียาเสพติดรายสำคัญ

คดี ไอซ์ 323 กก. สภ.แม่ฟ้าหลวง ชร.      
1 พ.ต.อ. ธวัชวงศ์ ชูกิจคุณ ผกก.สส.3 บก.สส.ภ.5 
2 พ.ต.อ. เกียรติศักดิ์ จิตรประสาร ผกก.สภ.แม่จัน จว.เชียงราย 
3 พ.ต.ท. ศุภกรณ์ชัย เดชายิ้มสวัสดิ์ รอง ผกก.สส.สภ.แม่จัน จว.เชียงราย
4 พ.ต.ท. เอกชัย คิดจักร รอง ผกก.สส.1 บก.สส.ภ.5 
5 พ.ต.ท. อนันต์ คำมี สว.กก.สส.3 บก.สส.ภ.5 
6 พ.ต.ต. สุวิชา  สิทธิวงค์ สว.สส.สภ.แม่จัน จว.เชียงราย 
7 พ.ต.ต. วิทย์วศิน นิธิกุลกาญน์ สว.กก.สส.3 บก.สส.ภ.5 
8 พ.ต.ต. พิชิตพงศ์ ทะนันชัย สว.กก.สส.ภ.จว.เชียงราย 
9 พ.ต.ต. สำเริง สิทธิวรปัญญา สว.สส.สภ.เวียงชัย จว.เชียงราย 
10 พ.ต.ต. ผดุง ท้ายเรือคำ สว.สส.สภ.แม่เมาะ จว.ลำปาง 
11 ร.ต.อ. วชิรพัตช์  วรรณสอน รอง สว.สส.สภ.แม่จัน จว.เชียงราย 
12 ร.ต.อ. วีระพงษ์ ลินลาจม รอง สว.กก.สส.1 บก.สส.ภ.5
13 ร.ต.อ. เปา บุรี รอง สว.กก.ปพ.บก.สส.ภ.5
14 ร.ต.ท. ประภาส สมบัติ รอง สว.(สส.) กก.สส.3 บก.สส.ภ.5  
15 ร.ต.ท. ศุภชัย ปานโชติ รอง สว.(ป.) สภ.แม่จัน จว.เชียงราย  
16 ร.ต.ต. วรวุฒิ  อิ่นคำ รอง สว.(ป.) สภ.แม่จัน จว.เชียงราย
17 ด.ต. อนันต์ เทพฟองคำ ผบ.หมู่(สส.) กก.สส.1 บก.สส.ภ.5  
18 จ.ส.ต. สุชัย เสริมตระกูล ผบ.หมู่(ป.) กก.ปพ.บก.สส.ภ.5 
19 ส.ต.อ. ธนพงษ์ ไชยชนะ ผบ.หมู่(สส.) กก.สส.3 บก.สส.ภ.5 
20 ส.ต.อ. วันเฉลิม เรืองฤทธิ์ ผบ.หมู่(ป.) กก.ปพ.บก.สส.ภ.5 
21 ส.ต.ท. ภูริณัฐ พันธ์งามเครือ ผบ.หมู่(ป.) กก.ปพ.บก.สส.ภ.5 
22 ส.ต.ท. นเรนทร์ฤทธิ์ ภูสีดิน ผบ.หมู่(ป.) กก.ปพ.บก.สส.ภ.5 
23 ส.ต.ท. นรินศักดิ์ คำอ้าย ผบ.หมู่(ป.) กก.ปพ.บก.สส.ภ.5 

คดี ยาบ้า 1,000,000 เม็ด สภ.ห้วยไร่ พร.      
1 พ.ต.อ. ธวัชวงศ์ ชูกิจคุณ ผกก.สส.3 บก.สส.ภ.5 
2 พ.ต.ท. ปิยะศักดิ์ ศรีเรือน รอง ผกก.สส.สภ.ไชยปราการ จว.เชียงใหม่ 
3 พ.ต.ท. ชุมพล พิณไชย รอง ผกก.สส.สภ.บ่อเกลือ จว.น่าน 
4 พ.ต.ท. สัณหณัฐ อุทกัง สว.อก.สภ.สะเมิง จว.เชียงใหม่ 
5 พ.ต.ท. สันต์ชัย หินทราย สว.กก.สส.ภ.จว.พะเยา  
6 ร.ต.อ. อรรถพล บุญทวี รอง สว.กก.สส.3 บก.สส.ภ.5  
7 ร.ต.อ. อธิป พูลสวัสดิ์  รอง สว.กก.สส.3 บก.สส.ภ.5  
8 ส.ต.อ. ปรัษฐา สุวรรณกุล ผบ.หมู่(ป.) กก.ปพ.บก.สส.ภ.5 
9 ส.ต.ท. พิชญะ อินทร์บัว ผบ.หมู่(สส.) กก.สส.2 บก.สส.ภ.5 

คดี ยาบ้า 20,282 เม็ด สภ.ดอยหล่อ ชม.      
1 พ.ต.ต. วีระชน กัญญาโภค สว.กก.สส.ภ.จว.เชียงใหม่  
2 ร.ต.ท. นิรันดร์ หมอเก่ง รอง สว.(สส.) สภ.สะเมิง จว.เชียงใหม่ 
3 ด.ต. มานิตย์ เศวตวีรภัทร์ ผบ.หมู่(ป.) กก.สส.ภ.จว.เชียงใหม่ 
4 ด.ต. วิรัตน์ โยรภัตร ผบ.หมู่(ป.) กก.สส.ภ.จว.เชียงใหม่ 
5 ด.ต. เอนก เนตรพงศ์ ผบ.หมู่(จร.) กลุ่มงานจราจร ภ.จว.เชียงใหม่ 
6 จ.ส.ต. อภินันท์ ต้นหนองดู่ ผบ.หมู่(ป.) กก.สส.ภ.จว.เชียงใหม่ 
7 จ.ส.ต. รัชชานนท์ คำอินทร์ ผบ.หมู่(ป.) กก.สส.ภ.จว.เชียงใหม่ 
8 ส.ต.อ. นัฐพล ปัญญา  ผบ.หมู่(สส.) กก.สส.ภ.จว.เชียงใหม่  
9 ส.ต.อ. วัชระ ลาภเกิด ผบ.หมู่(จร.) กลุ่มงานจราจร ภ.จว.เชียงใหม่ 
10 ส.ต.อ. รัชชานนท์ เศวตวีรภัทร์ ผบ.หมู่(ป.) กก.สส.ภ.จว.เชียงใหม่
11 ส.ต.อ. เมธารินทร์ เรือนแก้ว ผบ.หมู่(ป.) กก.สส.ภ.จว.เชียงใหม่
  
และจากกรณี เมื่อวันที่ 10 ก.พ.67 เวลาประมาณ 01.00 น. ข้าราชการตำรวจชุดจับกุมของ   ภ.จว.เชียงใหม่ และ ภ.5 ได้ร่วมกันจับกุม น.ส.แววดาวหรือดาว ไม่มีนามสกุล สัญชาติเมียนมาร์ ผู้ต้องหาซึ่งก่อเหตุบุกรุกเข้าไปในห้องนอนและใช้อาวุธมีดทำร้ายร่างกาย นายจ้างได้รับบาดเจ็บสาหัสและลักเอาทรัพย์สินของผู้เสียหายหลบหนีไป ต่อมาวันที่ 11 ก.พ.67 เวลา 19.30 น. ชุดจับกุมของ สภ.ช้างเผือก จว.เชียงใหม่ และ กก.สส.1 บก.สส.ภ.5 ได้ใช้ความรู้ความสามารถและเทคโนโลยีในการติดตามจนสามารถจับกุมตัวผู้กระทำผิดได้ด้วยความรวดเร็ว จึงเห็นสมควรมอบประกาศเกียรติคุณยกย่องชมเชยการปฏิบัติหน้าที่ติดตามจับกุมผู้ต้องหาด้วยความรวดเร็ว ดังมีบัญชีรายชื่อต่อไปนี้

ข้าราชการตำรวจชุดจับกุม สภ.ช้างเผือก จว.เชียงใหม่
1.  พ.ต.ท.พีระพล ขวาของ สว.สส.สภ.ช้างเผือก จว.เชียงใหม่
2.  ร.ต.อ.นพดล  ตุ่นคำ รอง สว.(ป.)สภ.ช้างเผือก จว.เชียงใหม่
3.  ร.ต.ท.ยอดไทย วงค์กาวิน รอง สว.(ป.)สภ.ช้างเผือก จว.เชียงใหม่
4.  ด.ต.กอบเกียรติ ทารักษ์ ผบ.หมู่(ป.)สภ.ช้างเผือก จว.เชียงใหม่
5.  ด.ต.วิเชียร  สรอยศักดิ์ ผบ.หมู่(ป.)สภ.ช้างเผือก  จว.เชียงใหม่
6.  ด.ต.หนึ่งธนา ยาท้วม ผบ.หมู่(ป.)สภ.ช้างเผือก จว.เชียงใหม่
7.  จ.ส.ต.ชิตพล นวลแก้ว ผบ.หมู่(สส.)สภ.ช้างเผือก จว.เชียงใหม่
8.  ส.ต.อ.สัจจวัชร เหล่ายานะ ผบ.หมู่(สส.)สภ.ช้างเผือก จว.เชียงใหม่

บัญชีรายชื่อข้าราชการตำรวจชุดจับกุม บก.สส.ภ.5

1.  พ.ต.ต.สหัส จินะผ่อง  สวป.สภ.แม่กา จว.พะเยา
2.  ด.ต.กันธกฤตย์ วรพักตร์ ผบ.หมู่(สส.)กก.สส.1 บก.สส.ภ.5
3.  ส.ต.อ.เอกภาพ ศรีพลาย ผบ.หมู่(ป.)กก.ปพ.บก.สส.ภ.5
4.  ส.ต.ต.ศักดิ์ศิวา วรรณแดงงาม ผบ.หมู่ กองร้อยควบคุมฝูงชน กก.ปพ.บก.สส.ภ.5

วิภาดา/เชียงใหม่

4 ผู้บัญชาการทหารเรือ ประชุมมูลนิธิ พระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 5

วันนี้ 18 มีนาคม 2567 มีการประชุม คณะกรรมการมูลนิธิ พระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 5 ณป้อมพระจุลจอมเกล้า ที่ห้องวุฒิชัยเฉลิมลาภ ชั้นที่ 1 อาคารราชนาวิกสภา โดยมี พลเรือเอกทวีศักดิ์ โสมาภา อดีตผู้บัญชาการทหารเรือ เป็นประธาน พลเรือเอกกำธร พุ่มหิรัญ อดีตผู้บัญชาการทหารเรือ พลเรือเอกสมประสงค์ นิลสมัย อดีตผู้บัญชาการทหารเรือ และพลเรือเอกอะดุง พันธุ์เอี่ยม ผู้บัญชาการทหารเรือ เข้าร่วมประชุม 

โดยมีศาสตราจารย์พิเศษ ดร.สุรเกียรติ เสถียรไทย อดีตรองนายกรัฐมนตรี นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เข้าร่วมประชุม มีวาระการประชุม ที่สำคัญ ได้แก่ การพิจารณาแผนการดำเนินงาน ประจำปี 2567 ตลอดจนแนวทาง การมอบทุนการศึกษา ประจำปี 2567
นิราช/นันทพล ทิพย์ศรี รายงาน 0909535645

'ดร.สุวินัย' เลคเชอร์ความเชื่อเรื่อง 'สมมติเทพ' ของ 'พุทธ-พราหมณ์' ผู้ประกอบแต่คุณงามความดี ภายใต้ทศพิธราชธรรม

(18 มี.ค. 67) รองศาสตราจารย์ ดร.สุวินัย ภรณวลัย อดีตอาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้โพสต์ข้อความในหัวข้อ 'สมมติเทพ' ระบุว่า...

สถาบันกษัตริย์ในภูมิภาคนี้ ผูกพันกับพระวิษณุนารายณ์ (มหาเทพผู้ปกป้อง) และบูชาพระวิษณุนารายณ์

ในตำนาน พระวิษณุนารายณ์ อวตารลงมาเป็นพระรามเพื่อปราบอธรรมใน 'รามเกียรติ์' ซึ่งเป็นวรรณคดีประจำชาติ...พระรามเป็นกษัตริย์

พระวิษณุนารายณ์ยังอวตารลงมาเป็น พระกฤษณะเพื่อปราบอธรรม ใน 'มหาภารตะยุทธ' ...ซึ่งเป็นวรรณคดีประจำชาติของอินเดีย...พระกฤษณะก็เป็นกษัตริย์

'สมมติเทพ' คือคติความเชื่อเรื่องกษัตริย์ทรงเป็นเทพลงมาจุติเกิดเป็นมนุษย์ เพื่อประกอบคุณความดี (ทศพิธราชธรรม) และสะสมบารมี เมื่อเสด็จสวรรคตก็กลับขึ้นสรวงสวรรค์

เมืองไทยได้รับคติพราหมณ์นี้มาจากขอม โดยที่ขอมก็รับมาจากอินเดียใต้อีกทอดหนึ่ง คติความเชื่อนี้แยกไม่ออกจากโลกทัศน์แบบไตรภูมิ ซึ่งเป็นโลกทัศน์ของพุทธศาสนาด้วย

ในพระไตรปิฎกคำว่า 'เทพ' มี 3 อย่างคือ...

(1) อุบัติเทพ : เทพโดยกำเนิด ได้แก่เทวดาที่อยู่ในสวรรค์
(2) สมมติเทพ : เทพโดยสมมติ คือบุคคลที่เป็นเทวดาเดินดินโดยการยอมรับหรือตกลงร่วมกันของมนุษย์ในเชิงสถาบัน ได้แก่ พระมหากษัตริย์ (ถ้าในประเทศญี่ปุ่น คือพระจักรพรรดิที่ถือเป็นสมมติเทพของญี่ปุ่น)
(3) วิสุทธิเทพ : เทพโดยความบริสุทธิ์ของจิต ได้แก่ พระอรหันต์

จะเห็นได้ว่าสถาบันพระมหากษัตริย์ตั้งอยู่บนคติและรากฐานความเชื่อแต่โบราณของสองศาสนาผสมผสานกัน คือ พราหมณ์ กับ พุทธ

โดยที่พราหมณ์จะเชื่อว่าพระมหากษัตริย์ทรงเป็นสมมติเทพ เป็นอวตารปางหนึ่งที่ลงมาดับทุกข์เข็ญให้ประชาชนของพระองค์ ส่วนพุทธก็จะเชื่อว่าพระมหากษัตริย์เป็นพระโพธิสัตว์ ทรงมีภาระบำเพ็ญบารมีเพื่อจะได้เข้าสู่พุทธภูมิในกาลข้างหน้า

พระครูสมุห์ วิษุวัตร วรกิจจฺโจ 
เจ้าอาวาสวัดฝายหิน 

“เขาเป็นสมมติเทพ ชาวบ้านในประเทศไทยเคารพนับถือแต่ไหนแต่ไรมา อาตมาเสียดาย ติดตามข่าวทำไมถึงไป คิดถึงขั้นนั้น แล้วถ้าโยมไม่คิด บริวารเขาคิด"

'กฟผ.' ชวนคนไทยประหยัดไฟด้วยอุปกรณ์ประหยัดไฟฟ้าเบอร์ 5 ห้าดาว ช่วยเซฟเงินในกระเป๋า เซฟสิ่งแวดล้อม และเซฟพลังงาน

(18 มี.ค. 67) นายประเสริฐ สินสุขประเสริฐ ปลัดกระทรวงพลังงาน เป็นประธานรณรงค์ประหยัดพลังงาน ประหยัดไฟใน ‘ฤดูเซฟ’ โดยมีนายวัฒนพงษ์ คุโรวาท อธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน นายเทพรัตน์ เทพพิทักษ์ ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) พร้อมด้วยผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์เบอร์ 5 ดาราศิลปินดัง แน็ก-ชาลี ไตรรัตน์ และวงพาราด็อกซ์ ร่วมสร้างสีสันในงาน ณ ลานกิจกรรมบริเวณลิฟต์แก้ว ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ กรุงเทพฯ

นายประเสริฐ สินสุขประเสริฐ ปลัดกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า กระทรวงพลังงานมีหน้าที่ผลักดันและจัดหาพลังงานให้เพียงพอต่อความต้องการของประเทศ ส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานและการใช้พลังงานสะอาด ตลอดจนนำพาประเทศไทยมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี พ.ศ. 2593 ผ่านนโยบายต่าง ๆ โดยในช่วงหน้าร้อนนี้ กระทรวงพลังงานได้เชิญชวนให้คนไทยทุกคนร่วมกันประหยัดพลังงาน ผ่านเคล็ดไม่ลับ 5 ป. ได้แก่ 1) ‘ปิด’ ไฟที่ไม่จำเป็น 2) ‘ปรับ’ แอร์อุณหภูมิ 26 องศาเซลเซียส 3) ‘ปลด’ ปลั๊กเมื่อเลิกใช้ 4) ‘เปลี่ยน’ มาใช้ฉลากเบอร์ 5 แบบใหม่ และหลอดไฟ LED รวมถึง 5) ‘ปลูก’ ต้นไม้บริเวณบ้าน 

โดยฉลากประหยัดไฟฟ้าเบอร์ 5 เป็นส่วนหนึ่งของการจัดการด้านการใช้ไฟฟ้า หรือ Demand Side Management (DSM) ที่ กฟผ. ดำเนินการ และเป็นส่วนสำคัญที่สร้างการมีส่วนร่วมจากภาคส่วนต่าง ๆ ให้เกิดการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ ปัจจุบันผลิตภัณฑ์ฉลากเบอร์ 5 แบบใหม่ห้าดาว ได้รับการพัฒนาประสิทธิภาพด้านพลังงาน และรักษ์สิ่งแวดล้อมมากขึ้น เพื่อตอบโจทย์การประหยัดค่าใช้จ่ายให้กับประชาชน เปลี่ยนฤดูร้อนให้เป็นฤดูเซฟ เซฟทั้งเงินในกระเป๋า เซฟสิ่งแวดล้อม และเซฟพลังงานในภาพรวมของประเทศ

นายเทพรัตน์ เทพพิทักษ์ ผู้ว่าการ กฟผ. กว่าว่า ฤดูร้อนของทุกปีประเทศไทยจะมีความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุด (Peak) การรณรงค์ให้ประชาชนตระหนักถึงความสำคัญของการประหยัดพลังงานจึงเป็นประโยชน์ต่อประชาชน และช่วยให้ประเทศประหยัดพลังงาน ทั้งนี้ ฉลากประหยัดไฟฟ้าเบอร์ 5 ของ กฟผ. เป็นสัญลักษณ์ของการประหยัดพลังงานที่ได้รับการยอมรับมายาวนานกว่า 30 ปี ในวันนี้ กฟผ. ได้ทำการปรับปรุงรูปแบบฉลากเบอร์ 5 โฉมใหม่ ให้สอดคล้องกับแนวโน้มการบริโภคสินค้าและบริการของคนรุ่นใหม่ ที่เลือกใช้สินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น พร้อมทั้งปรับภาพลักษณ์ของฉลากให้เหมาะสมกับยุคเทคโนโลยีดิจิทัล โดย 1) เพิ่มค่าประสิทธิภาพสูงสุดจาก 3 ดาว เป็น 5 ดาว 2) เพิ่มข้อมูลด้านการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 3) ใช้กระบวนการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และ 4) เพิ่ม QR Code บนฉลาก เพื่อให้ผู้บริโภคเข้าถึงข้อมูลผลิตภัณฑ์ได้อย่างสะดวก

สำหรับการปรับดีไซน์ฉลากเบอร์ 5 แบบใหม่ นับเป็นการพลิกโฉมครั้งใหญ่ โดยได้รณรงค์ผ่านเพลงดัง ‘ฤดูร้อน’ ของวงพาราด็อกซ์ ที่ได้นำมาดัดแปลงเนื้อร้องเป็น ‘ฤดูเซฟ’ สร้างการจดจำ โดยฉลากประหยัดไฟฟ้าเบอร์ 5 แบบใหม่ เริ่มใช้งานแล้วตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2567 ที่ผ่านมา ปัจจุบันมี 24 ผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการทดสอบค่าประสิทธิภาพการใช้พลังงานและติดฉลาก ในอนาคตมีแผนติดฉลากให้กับแผงโซลาร์เซลล์ และอินเวอร์เตอร์ที่ใช้กับแผงโซลาร์เซลล์ด้วย

นอกจากนี้ ยังมีการรณรงค์ประหยัดพลังงานอื่น ๆ อีก เช่น กิจกรรมเสนอไอเดียประหยัดไฟดับร้อนสุดสร้างสรรค์ของ กฟผ. ‘เล่นปุ๊บ แจกปั๊บ ดับร้อน ในฤดูเซฟ’ ลุ้นรับเครื่องใช้ไฟฟ้าเบอร์ 5 ได้ตลอดเดือนเมษายน 2567 ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Facebook : กฟผ. การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย

ด้าน แน็ก-ชาลี ไตรรัตน์ ได้เล่าถึงการเข้ามามีส่วนร่วมเป็นพรีเซนเตอร์ในแคมเปญนี้ว่า เนื่องจากเป็นคนชอบอยู่บ้าน อุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าเกือบทั้งบ้านจึงต้องมีฉลากเบอร์ 5 เพื่อการประหยัดพลังงานไฟฟ้า อยากให้ทุกคนตระหนักถึงการใช้ไฟฟ้าอย่างรู้คุณค่า ซึ่งการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ติดฉลากเบอร์ 5 รูปแบบใหม่ จะทำให้ประสิทธิภาพของการประหยัดไฟพลังงานดีขึ้นอย่างแน่นอน

ในขณะที่วงพาราด็อกซ์ กล่าวว่า ฉลากเบอร์ 5 ไม่ได้มีแค่อุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า แต่ยังมีผลิตภัณฑ์อื่น ๆ เช่น ข้าวกล้อง เสื้อผ้า และผ้าม่าน ที่ได้รับการติดฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 เช่นกัน ขอฝากถึงคนไทยทุกคน หากซื้อผลิตภัณฑ์หรือเครื่องใช้ไฟฟ้า ให้มองหาฉลากเบอร์ 5 แบบใหม่ห้าดาว เป็นอันดับแรก เพราะนอกจากจะช่วยชาติประหยัดพลังงานแล้ว ยังช่วยประหยัดเงินในกระเป๋าด้วย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top