Tuesday, 13 May 2025
NEWS FEED

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จัดพิธีเปิดโครงการ “สมาร์ทเซฟตี้โซน 4.0” ผ่านระบบ Virtual Event

วันอังคารที่ 21 กันยายน 2564 เวลา 15.00 – 16.30 น. พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข  ผบ.ตร. เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการสมาร์ทเซฟตี้โซน 4.0 (Smart Safety Zone 4.0) พร้อมกับ พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รอง ผบ.ตร. , พล.ต.อ.มนู  เมฆหมอก รอง ผบ.ตร. , พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. , พล.ต.อ.ปิยะ  อุทาโย รอง ผบ.ตร. , พล.ต.ท.สุทิน  ทรัพย์พ่วง ผู้ช่วย ผบ.ตร. , พล.ต.ท.ปรีชา  เจริญสหายานนท์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. , พล.ต.ท.สุรเชษฐ์  หักพาล ที่ปรึกษา (สบ 9) ตร. , พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์  สัจจพันธุ์ ผบช.สยศ.ตร. และเครือข่ายภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาชน ผ่านระบบออนไลน์ (Virtual Event) และปิดท้ายด้วย การสัมภาษณ์พิเศษของ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ร่วมกับ ดร.พัชรินทร์ ซำศิริพงษ์ สส.เขต 2 กทม. , ดร.ภาสกร  ประถมบุตร รอง ผอ.สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (DEPA) , และ นายดนัย เอกมหาสวัสดิ์ นักจัดรายการโทรทัศน์ ในหัวข้อ “เปลี่ยนที่เปลี่ยวให้เป็นที่ปลอด(อาชญากรรม) ตามแนวทาง Smart City”

โครงการสมาร์ทเซฟตี้โซน 4.0 ขับเคลื่อนบนพื้นฐานของยุทธศาสตร์ชาติ ด้านความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน และตัวชี้วัดสากล “WORLD INTERNAL SECURITY and POLICE INDEX : WISPI” เป็นการใช้การป้องกันอาชญากรรมเชิงรุกนำการปราบปราม ในการนี้ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ได้มอบหมาย ให้ พล.ต.อ.มนู  เมฆหมอก รอง ผบ.ตร, พล.ต.อ.ปิยะ อุทาโย รอง ผบ.ตร.,พล.ต.ท.ไกรบุญ ทรวดทรง ผู้ช่วย ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ที่ปรึกษา (สบ. 9) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นคณะทำงานขับเคลื่อนโครงการสมาร์ทเซฟตี้โซน 4.0        

ซึ่งได้คัดเลือกสถานีตำรวจนำร่องทั่วประเทศจำนวน 15 สถานี ประกอบด้วย สน.ลุมพินี , สน.ห้วยขวาง , สน.ภาษีเจริญ , สภ.ปากเกร็ด , สภ.เมืองสมุทรปราการ , สภ.เมืองพัทยา , สภ.เมืองระยอง , สภ.เมืองปราจีนบุรี , สภ.ปากช่อง , สภ.เมืองอุดรธานี , สภ.เมืองเชียงใหม่ , สภ.เมืองพิษณุโลก , สภ.เมืองราชบุรี , สภ.เมืองภูเก็ต และ สภ.หาดใหญ่ โดยคัดเลือกพื้นที่ที่เป็นแลนด์มาร์ค แหล่งเศรษฐกิจ และพื้นที่ที่ประชาชนมีความหวาดกลัวภัยอาชญากรรมมาสร้างเป็นพื้นที่ปลอดภัย และสร้างความเชื่อมั่น อุ่นใจ ปลอดภัย ในชุมชน

ทั้งนี้ คณะทำงานได้นำผลสำรวจพีเพิลโพล (People Poll) และข้อเสนอแนะจากประชาชน มาพัฒนาการดำเนินโครงการ เพื่อสามารถปรับปรุงการทำงานของตำรวจให้ตรงกับสภาพปัญหา และความต้องการของประชาชนอย่างแท้จริง โดยมีองค์ประกอบที่สำคัญ ดังนี้

1. สำรวจกล้อง CCTV ในพื้นที่ ปรับมุมกล้อง และบูรณาการการใช้งานกล้องร่วมกันพร้อมติดตั้งเพิ่มเติม

2. นำนวัตกรรมสมัยใหม่มาใช้เพื่อประสิทธิภาพในการป้องกันอาชญากรรม เช่น มีการติดตั้งกล้อง AI ตรวจจับใบหน้า และกล้อง AI ตรวจจับป้ายทะเบียนรถยนต์ เป็นต้น

3. ติดตั้งเสาสัญญาณ SOS เพื่อประชาชนสามารถแจ้งเหตุด่วนได้ทันที

4. จัดทำห้องปฏิบัติการ CCOC โดยเชื่อมสัญญาณจากกล้องของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หน่วยงานราชการ และเอกชนมายังห้องปฏิบัติการและนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้ร่วมกับเจ้าหน้าที่ประจำศูนย์เพื่อคอยควบคุมสั่งการได้ตลอด 24 ชั่วโมง

5. ใช้แอพพลิเคชั่นต่าง ๆ เพื่อความรวดเร็วในการสื่อสาร เช่น POLICE 4.0 , POLICE I LERT U , Line OA , แจ้งความออนไลน์ รวมถึงการสร้าง Cyber Village เป็นต้น

 

'จเรตำรวจแห่งชาติ' แจ้งผิดวินัยร้ายแรง ผกก.โจ้ และพวกรวม 7 คน มีทั้งให้ออกและไล่ออกจากราชการ ยันไม่มีการช่วยเหลือกันแน่นอน 

จเรตำรวจแห่งชาติ แจ้งผิดวินัยร้ายแรงผกก.โจ้กับพวก 6 คน ในคุกคลองเปรม ให้เวลาแย้ง 15 วัน ขอ 60 วัน ส่งเรื่องให้กับ ผบ.ตร.พิจารณาโทษ ซึ่งมีทั้งให้ออกและไล่ออกจากราชการ ยันไม่มีการช่วยเหลือกันแน่นอน 

วันที่ 21 ก.ย. ที่ห้องประชุมชั้น 2 สำนักงานจเรตำรวจ พล.ต.ท.สราวุฒิ การพานิช รองจเรตำรวจแห่งชาติ ในฐานะหัวหน้าคณะกรรมการตรวจสอบวินัยร้ายแรง พร้อมคณะกรรมการฯ ร่วมกันประชุมหาข้อสรุปการแจ้งความเอาผิดวินัยร้ายแรงกับ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล หรืออดีตผู้กำกับโจ้ และพวกรวม 7 นาย ผู้ต้องหาในคดีซ้อมทรมานใช้ถุงพลาสติกสีดำครอบศีรษะนายจิระพงศ์ ธนะพัฒน์ ผู้ต้องหาคดียาเสพติดในพื้นที่ จ.นครสวรรค์ จนเสียชีวิต เมื่อวันที่ 5 ส.ค.ที่ผ่านมา 
 

ปลัดกระทรวงกลาโหม เยี่ยมอำลากองทัพเรือ ในโอกาสเกษียณอายุราชการ

พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ ปลัดกระทรวงกลาโหม เดินทางไปเยี่ยมอำลากองทัพเรือ เนื่องในโอกาสเกษียณอายุราชการ บนเรือหลวงตากสิน ซึ่งจอดเทียบภายในท่าเทียบเรือแหลมเทียน ฐานทัพเรือสัตหีบ จังหวัดชลบุรี โดยมี พล.ร.อ.ชาติชาย ศรีวรขาน ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) และนายทหารชั้นผู้ใหญ่ของกองทัพเรือ ให้การต้อนรับ พร้อมทั้งจัดให้มีพิธีเพื่อเป็นเกียรติแก่ปลัดกระทรวงกลาโหม


เมื่อปลัดกระทรวงกลาโหมเดินทางขึ้นเรือหลวงตากสิน ผู้บัญชาการทหารเรือ  ได้เรียนเชิญปลัดกระทรวงกลาโหมขึ้นแท่นรับความเคารพ โดยมี เรือหลวงปิ่นเกล้ายิงสลุต  เพื่อเป็นเกียรติ จำนวน 19 นัด จากนั้นปลัดกระทรวงกลาโหม ได้ลงจากเรือ ไปยังเรือ ต.114  เพื่อตรวจพลสวนสนามทางเรือ เมื่อเสร็จสิ้นการตรวจพลสวนสนามทางเรือแล้ว ผู้บัญชาการทหารเรือ ได้เรียนเชิญปลัดกระทรวงกลาโหม กลับขึ้นยังเรือหลวงตากสิน ในการนี้ ผู้บัญชาการทหารเรือได้กล่าวสดุดีและมอบของที่ระลึกแด่ปลัดกระทรวงกลาโหม จากนั้น ปลัดกระทรวงกลาโหม ได้กล่าวอำลาชีวิตราชการ และเดินทางกลับ

สำหรับใจความสำคัญที่ปลัดกระทรวงกลาโหม ได้กล่าวอำลาชีวิตราชการ มีใจความว่า " กองทัพเรือ หรือ ราชนาวี ไทย เป็นหน่วยงานความมั่นคง ที่มีเกียรติประวัติ และ ได้กอรปคุณูปการ ให้กับประเทศชาติมาอย่างเอนกอนันต์ เป็นหลักประกันความมั่นคงของชาติ  ทั้งทางทะเล ลำน้ำ และ พื้นที่ชายฝั่งของประเทศด้วยแสนยานุภาพและประสิทธิภาพ ความพร้อมรบของกองทัพเรือมาเป็นระยะเวลาอันยาวนาน  ขอให้รักษาเกียรติยศและเกียรติศักดิ์นี้ ด้วยความรัก ความสามัคคี ความมีระเบียบวินัย เข้มแข็ง เสียสละ ด้วยสติรู้ตัว ด้วยปัญญารู้คิด สุจริตจริงใจ คิดถึงประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน เป็นประการสำคัญ ตลอดไป" 

“ประวิตร” นั่งหัวโต๊ะ คกก.นโยบายกีฬาฯ ไฟเขียว แผนพัฒนาฯฉบับที่ 7 (ปี 65-70)เน้นให้เยาวชนออกกำลังกาย- ส่งเสริมนักกีฬา สู่ความเป็นเลิศ ย้ำ ใช้วิทยาศาสตร์การกีฬา พัฒนานักกีฬา

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายการกีฬาแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2564 มีนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา เข้าร่วมประชุม  ผ่านระบบ

โดยที่ประชุมเห็นชอบ ร่างแผนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ ฉบับที่ 7 (พ.ศ 2565- 2570) วัตถุประสงค์ เพื่อให้ประชาชนทุกกลุ่ม เด็กเยาวชน และประชาชน ออกกำลังกายและเล่นกีฬาอย่างสม่ำเสมอ นักกีฬาทีมชาติ ประสบความสำเร็จในการแข่งขันกีฬาระดับนานาชาติ บุคลากรด้านการกีฬาทั่วประเทศได้รับการรับรองมาตรฐานเพิ่มขึ้น และอุตสาหกรรมการกีฬามีการเติบโต อย่างต่อเนื่อง และสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ ของประเทศ  นอกจากนั้นรับทราบความคืบหน้าการดำเนินงาน ติดตามยุทธศาสตร์และการกำหนดทิศทาง เป้าหมาย แผนงาน รวมถึงศูนย์วิทยาศาสตร์การกีฬา ของมหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ  

‘เอไอเอส’ จับมือ ‘ไทยพาณิชย์’ ประกาศลงนามสัญญาร่วมทุนเพื่อจัดตั้งบริษัท ‘เอไอเอสซีบี เพื่อให้บริการทางการเงิน เตรียมให้บริการด้านการเงินดิจิทัล เพิ่มโอกาสให้คนไทยเข้าถึงบริการทางการเงิน

‘เอไอเอส’ จับมือ ‘ไทยพาณิชย์’ ประกาศลงนามสัญญาร่วมทุนเพื่อจัดตั้งบริษัท ‘เอไอเอสซีบี’ ครั้งแรกในไทยที่ผู้นำในสองอุตสาหกรรมหลักของประเทศ Telco และ ธนาคาร ร่วมทุนกันเพื่อให้บริการทางการเงิน เตรียมให้บริการด้านการเงินดิจิทัล เพิ่มโอกาสให้คนไทยเข้าถึงบริการทางการเงิน

บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (ADVANC) หรือ เอไอเอส เปิดเผยว่า บริษัทได้ลงนามในสัญญาร่วมทุนกับธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) ในการร่วมกันจัดตั้งบริษัทร่วมทุนภายใต้ชื่อ บริษัท เอไอเอสซีบี จำกัด (AISCB) โดยจะมีทุนจดทะเบียน 600,000,000 บาท เอไอเอสและ SCB จะถือหุ้นในสัดส่วน 50:50 มีวัตถุประสงค์หลักในการประกอบธุรกิจให้บริการสินเชื่อผ่านดิจิทัลแพลตฟอร์ม (Digital Lending) เพื่อสร้างการเข้าถึงบริการทางการเงินที่สะดวกมากยิ่งขึ้น ก่อนขยายสู่บริการทางการเงินอื่นๆ ต่อไป นับเป็นก้าวสำคัญในการผนึกกำลังสร้างฐานธุรกิจแห่งการเติบโตในรูปแบบใหม่ให้กับทั้งสององค์กรชั้นนำระดับประเทศ

รู้จัก 'น้ำพริกนิตยา' ของดีชื่อดังย่าน 'บางลำพู' ที่อาจทำขายไม่ทัน หลังกลายเป็นเหยื่อทางการเมืองรายล่าสุด

จากกรณีที่ น.ส.ลักขณา ปันวิชัย หรือ แขก คำผกา นักเขียนและพิธีกรชื่อดัง ไปถ่ายทำรายการพร้อมกับ น.ส.จรรยา วงศ์สุรวัฒน์ หรือโรซี่ พี่สาวของ จอห์น-วิญญู วงศ์สุรวัฒน์ ที่ร้านน้ำพริกนิตยา ถนนจักรพงษ์ ย่านบางลำพู แต่นางนิตยา ลักษณวิสิษฐ์ เจ้าของร้านออกมาขอโทษที่ไม่อนุญาตให้ถ่ายทำ โดยให้เหตุผลว่าขอดูเนื้อหารายการก่อนแล้วค่อยมาสัมภาษณ์

ทำให้แขก คำผกา ไม่พอใจ กล่าวหาว่า ร้านนี้ไม่ต้อนรับคนเสื้อแดง ไม่ต้อนรับคนรักประชาธิปไตย จนทัวร์ลงถล่มร้าน มีผู้สนับสนุนกลุ่มคนเสื้อแดงต่างออกมาบอยคอต กล่าวหาว่าไม่แยกแยะเรื่องการเมือง ไปด้อยค่าว่าเป็นสลิ่ม เหม็นกลิ่นกะทิบูด และสาปแช่งให้ร้านตกอับ ขายไม่ได้ แต่ก็มีฝ่ายสนับสนุนการเมืองอีกขั้วหนึ่งหนึ่งพร้อมอุดหนุน และสนับสนุน

กลายเป็นสมรภูมิการเมืองเผ็ดร้อนยิ่งกว่าน้ำพริกที่ขึ้นชื่อเสียอีก

ร้านน้ำพริกนิตยา คนที่อยู่ย่านบางลำพูจะรู้จักกันดี เพราะเปิดขายมาอย่างยาวนาน ไม่ใช่เพียงแค่น้ำพริกสารพัดชนิดเท่านั้น แต่ยังมีอาหารปรุงสำเร็จ นอกจากนี้ยังเปิดให้บรรดาพ่อค้าแม่ค้าฝากขายอาหาร ขนม ของฝาก และเครื่องดื่ม แทบจะเรียกได้ว่าเป็นซูเปอร์มาร์เก็ตของกินขนาดย่อมๆ เพียงแต่ว่าที่นี่เป็นร้านแบบซื้อกลับบ้านเท่านั้น

ที่มาที่ไปของน้ำพริกนิตยา เกิดขึ้นเมื่อปี 2507 นางนิตยาและครอบครัวค้นคว้าสูตรเครื่องแกงไทย ใช้เวลานานนับปีคัดสรรวัตถุดิบต่างๆ ผสมผสาน จนได้เครื่องแกงที่มีรสชาติกลมกล่อมเป็นเอกลักษณ์ โดยเริ่มจากการผลิตในครัวเรือน กระทั่งขยับขยายกลายเป็นอุตสาหกรรมครอบครัว และมีโรงงานเป็นของตัวเองย่านลาดหลุมแก้ว จ.ปทุมธานี

สำหรับน้ำพริกนิตยา มีให้เลือกหลายแบบ ทั้งน้ำพริกแกงเผ็ด น้ำพริกแกงเขียวหวาน น้ำพริกแกงคั่ว น้ำพริกผัดพริกขิง น้ำพริกแกงป่า น้ำพริกแกงส้ม น้ำพริกแกงเหลือง น้ำพริกแกงฉู่ฉี่ น้ำพริกแกงพะแนง น้ำพริกแกงไตปลา น้ำพริกแกงเผ็ดเป็ดย่าง (ผัดเผ็ดหมูป่า) น้ำพริกแกงกะหรี่ น้ำพริกแกงฮังเล น้ำพริกแกงสะเต๊ะ น้ำพริกแกงขี้เมา น้ำพริกแกงมัสมั่น และน้ำพริกเผา

'น้ำพริกนิตยา'​ ขออภัย​ 'แขก คำผกา'​ ไม่สะดวกให้ถ่ายทำรายการ แต่โดนพิธีกรสาวโวยลั่น ร้านนี้ไม่รับเสื้อแดง

แขก คำผกา ไปถ่ายรายการยูทูปร้านน้ำพริกดังย่านบางลำพู ป้าเจ้าของร้านปฏิเสธ บอกขอดูเนื้อหารายการก่อน แถมยังใจดีถามอยากกินอะไรจะให้ เจ้าตัววีนใส่ดีลมาเป็นเดือน รู้ว่าเป็นเสื้อแดงเลยไม่ให้ถ่าย ทำเอาทัวร์ลงร้าน ด้อยค่าเป็นสลิ่ม สาปแช่งให้ร้านตกอับ ขายไม่ได้

ในโลกโซเชียลฯ ได้วิจารณ์กรณีที่ น.ส.ลักขณา ปันวิชัย หรือ แขก คำผกา นักเขียนและพิธีกรชื่อดัง ไปถ่ายทำรายการพร้อมกับ น.ส.จรรยา วงศ์สุรวัฒน์ หรือโรซี่ พี่สาวของ จอห์น วิญญู วงศ์สุรวัฒน์ แล้วถูกร้านน้ำพริกแห่งหนึ่งบนถนนจักรพงษ์ ย่านบางลำพู เขตพระนคร กรุงเทพฯ ปฏิเสธ โดยได้เผยแพร่ในรายการโค้ชแขก (Coach Khaek) ตอนที่ 66 ทางช่องออนไลน์ของสโปกดาร์ค (SpokeDark)

โดยเจ้าของร้านซึ่งเป็นผู้สูงอายุรายหนึ่งกล่าวว่า “พอดีอย่างนี้นะคะ คุณป้าต้องขอโทษด้วย คุณป้าไม่เคยดูรายการของหนู เพราะฉะนั้นคุณป้าต้องขอดูรายการก่อนที่หนูจะถ่ายออกไป วันนี้ป้าไม่สะดวก ป้าต้องขอโทษอย่างรุนแรงเลย เพราะว่าป้าไม่รู้ เพราะว่าป้าไม่เคยมีโอกาสที่จะได้เข้าไปดู คุณป้ากว่าจะกลับบ้านทุ่มหนึ่ง แล้วคุณป้าไม่ได้ดู อย่างไรก็ตามป้าขอดูรายการหนูก่อน แล้วค่อยมาสัมภาษณ์”

รมว.แรงงาน สั่งกรมการจัดหางานขยายผลต้นตอนายหน้าเถื่อนหลอกหญิงไทย ค้ากามดูไบ

รมว.แรงงาน สั่งการศูนย์ประสานการปราบปรามผู้เป็นภัยต่อคนหางาน กรมการจัดหางาน เร่งตรวจสอบขยายผลกรณีนายหน้าเถื่อนหลอกหญิงไทยอ้างบินทำงานนวดดูไบ ฝั่งกกจ.รับลูกแข็งขัน ใช้มาตรการป้องกัน ป้องปราม และปราบปราม

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า จากกรณีหญิงไทยที่ร้องขอความช่วยเหลือทางโซเชียลมีเดียว่าถูกหลอกให้มาขายบริการที่เมืองดูไบ จนภายหลังได้เข้าช่วยเหลือกลับประเทศไทยอย่างปลอดภัยแล้วนั้น ล่าสุดได้สั่งการศูนย์ประสานการปราบปรามผู้เป็นภัยต่อคนหางาน กรมการจัดหางาน ให้เร่งขยายผลไปที่ต้นตอกระบวนการ สายนายหน้าเถื่อนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยขอเตือนไปยังผู้มีพฤติการณ์เป็นสาย นายหน้าเถื่อนว่า การหลอกลวงผู้อื่นว่าสามารถหางาน หรือส่งไปฝึกงานในต่างประเทศได้ โดยการหลอกลวงดังว่านั้นได้ไปซึ่งเงินหรือทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดจากผู้ถูกหลอกลวง ต้องระวางโทษจำคุก 3-10 ปี หรือปรับตั้งแต่ 60,000 – 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และการโฆษณาการจัดหางานโดยไม่ได้รับอนุญาตจากกรมการจัดหางาน มีความผิด ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตาม พรบ.จัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ.2528 และที่แก้ไขเพิ่มเติม

“ผมขอฝากความห่วงใยถึงคนหางานทุกท่าน ขออย่าหลงเชื่อคำชักชวนให้เดินไปทำงานต่างประเทศอย่างผิดกฎหมาย หรือโฆษณาเกินจริงดังกล่าว หากมีการชักชวนให้หลีกเลี่ยงขั้นตอนตามกฎหมาย เช่น ใช้วีซ่าท่องเที่ยวเพื่อทำงาน หรือเดินทางไปทำงานต่างประเทศโดยไม่ผ่านด่านตรวจคนหางาน ณ ท่าอากาศยาน ให้สงสัยได้เลยว่าท่านกำลังโดนหลอก ซึ่งจะทำให้ท่านเสียเงินในการถูกหลอกลวงไปทำงาน เกิดอันตรายต่อชีวิต รวมทั้งถูกดำเนินคดีตามกฎหมายอีกด้วย ในเรื่องนี้ท่านนายกรัฐมนตรี พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ รองนายกรัฐมนตรี  พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ ซึ่งกำกับดูแลกระทรวงแรงงาน ได้ย้ำมาโดยตลอดถึงความสำคัญของการเคารพและปฏิบัติตามกฎหมาย ทุกประเทศมีกฎหมายของตัวเอง ไปทำงานประเทศเขาต้องเคารพกติกาของเขา ไปทำงานประเทศใดก็ต้องเคารพกติกาประเทศนั้น ” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานกล่าว 

ด้านนายไพโรจน์ โชติกเสถียร อธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าวว่า การคุ้มครอง ดูแล และช่วยเหลือคนหางานที่ทำงานทั้งในและต่างประเทศให้ได้รับการปฏิบัติตามกฎหมาย

เป็นภารกิจของศูนย์ประสานการปราบปรามผู้เป็นภัยต่อคนหางาน กรมการจัดหางาน โดยผลการดำเนินคดีตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2563 – 7 กันยายน 2564 มีการดำเนินคดีสาย นายหน้าเถื่อนแล้ว 93 ราย หลอกลวงคนหางานทั้งสิ้น 195 คน คิดเป็นมูลค่าความเสียหาย จำนวน 17,500,365 บาท ซึ่งประเทศที่พบคนหางานถูกหลอกลวงไปทำงานมากที่สุด ได้แก่ แคนาดา ญี่ปุ่น สาธารณรัฐเกาหลี (เกาหลีใต้) สวีเดน และออสเตรเลีย ตามลำดับ

กรมการจัดหางานมีมาตรการป้องกัน ป้องปราม และปราบปรามการหลอกลวงไปทำงานต่างประเทศ ดังนี้
1.ด้านการป้องกัน โดยให้ความรู้แก่ผู้นำชุมชน ประชาชนและคนหางานทั่วไป เพื่อให้เกิดความรู้ความเข้าใจในเรื่องขั้นตอนการเดินทางไปทำงานต่างประเทศอย่างถูกต้อง ประกาศคำเตือน รูปแบบ หรือกลวิธีการหลอกลวงคนหางานของสาย/นายหน้า ผ่านสื่อต่างๆ หรือหอกระจายข่าวประจำหมู่บ้าน รวมทั้งเปิดให้ประชาชนสามารถแจ้งเบาะแส หรือร้องเรียนได้ทางสายด่วน กระทรวงแรงงาน 1506 กด 2 กรมการจัดหางาน

2.ด้านการป้องปราม มอบหมายเจ้าหน้าที่เฝ้าระวัง ตรวจสอบและติดตามเครือข่ายสังคมออนไลน์ของบุคคลที่โฆษณาชักชวนและรับสมัครคนหางานไปทำงานต่างประเทศผ่านทางโซเชียลมีเดีย รวมทั้งโพสต์ข้อความตอบโต้เพื่อสกัดกั้นการโฆษณาชักชวนดังกล่าว เพื่อมิให้คนหางานตกเป็นเหยื่อของกลุ่มมิจฉาชีพ นอกจากนี้ยังประสานความร่วมมือระหว่างผู้นำชุมชน อาสาสมัคร ให้มีส่วนร่วมในการสอดส่อง ดูแล และแจ้งข่าวให้หน่วยงานราชการทราบ และตรวจสอบการเดินทางไปทำงานต่างประเทศของคนหางาน ณ ด่านตรวจคนหางานเพื่อป้องกันการลักลอบไปทำงานอย่างผิดกฎหมาย หรือถูกชักชวนไปทำงานอย่างผิดกฎหมายอย่างเข้มงวด 

3.ด้านการปราบปราม ทำหน้าที่ร้องทุกข์กล่าวโทษเพื่อดำเนินคดีกับบริษัทจัดหางานบุคคล หรือกลุ่มบุคคลที่กระทำการผ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ. 2528 และที่แก้ไขเพิ่มเติม  และประสานการติดตามการออกหมายจับจากพนักงานสอบสวนเพื่อติดตามจับกุมตัวผู้กระทำผิด

ชาวแฟลตดินแดงเกือบ 8,000 ครัวเรือน ปลื้ม! ‘รมว.เฮ้ง’ ห่วงใย มอบข้าวสารบรรเทาความเดือดร้อน

เมื่อวันที่ 21 กันยายน 2564 นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน มอบหมายให้ นายสุรชัย ชัยตระกูลทอง ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงแรงงาน ลงพื้นที่มอบข้าวสารขนาดถุงละ 5 กิโลกรัม ครัวเรือนละ 1 ถุง ให้แก่ชาวบ้านชุมชนดินแดงที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 จำนวน 7,700 ครัวเรือน ในพื้นที่แฟลตดินแดง 3 จุด โดยมี นายสุเทพ ชิตยวงษ์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นางเธียรรัตน์ นะวะมะวัฒน์ โฆษกกระทรวงแรงงาน (ฝ่ายการเมือง) เข้าร่วมในครั้งนี้ด้วย จุดแรกที่โครงการฟื้นฟูเมืองดินแดงระยะที่ 1 (ดินแดงแปลงจี) หลังมัสยิดมูฮายีรีน นายสมัย แสงชาติ ประธานคณะกรรมการชุมชนโครงการฟื้นฟูเมืองดินแดงระยะที่ 1 (ดินแดงแปลงจี) เป็นผู้รับมอบ จุดที่สอง ที่บริเวณสนามอาคาร 8 ชั้น แยกประชาสงเคราะห์ ตรงข้ามโรงเรียนพิบูลประชาสรรค์ นางศิริเพ็ญ สาปณ ประธานชุมชนดินแดง 1 เป็นผู้รับมอบ และจุดที่สาม ที่บริเวณลานกีฬา 51 ซอยประชาสงเคราะห์ 11 ใกล้ตลาดเคหะชุมชนดินแดง 2 โดยมี นายวิชาญ เขียวแก้ว ประธานคณะกรรมการเคหะชุมชนดินแดง 2 เป็นผู้รับมอบ

โดย นายสุรชัย กล่าวว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งกำกับดูแลกระทรวงแรงงาน มีความห่วงใยพี่น้องผู้ใช้แรงงานและประชาชนทั่วไปที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 โดยเฉพาะผู้สูงอายุ เด็กเล็ก ผู้ป่วยติดเตียง และชาวแฟลตดินแดงที่ไม่มีรายได้เนื่องจากผลกระทบโควิด จึงได้มอบหมายให้กระทรวงแรงงาน ในวันนี้ท่านรัฐมนตรีสุชาติ ชมกลิ่น ได้มอบหมายให้ผมลงพื้นที่มอบข้าวสารขนาดถุงละ 5 กิโลกรัม ครอบครัวละ 1 ถุง รวมทั้งสิ้น 7,700 ครัวเรือน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ชาวบ้านชุมชนดินแดงที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในครอบครัว

 

ว่าที่ผู้สมัครสก. ก้าวไกล ล้ำยุค เปิดตัวเว็บไซต์ ‘กรุงเทพก้าวไกล’ รายงานพิกัดน้ำท่วม เน้นปชช.มีส่วนร่วม ย้ำชัด กทม.ก้าวใหม่ ด้วยก้าวไกล ทันสมัย ยกระดับชีวิตคนเมือง แก้ไขปัญหาน้ำท่วมคนกรุง 

นิธิกร บุญยกุลเจริญ (ปาล์ม) ว่าที่ผู้สมัครสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) เขตบางบอน พรรคก้าวไกล โพสผ่านแฟนเพจเฟซบุ๊กส่วนตัว เปิดตัวเว็บเบราว์เซอร์แพลตฟอร์มรูปแบบใหม่ ในการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่กรุงเทพมหานคร โดยใช้ชื่อว่า ‘กรุงเทพก้าวไกล’ 

นิธิกร กล่าวว่า ในช่วงฤดูกาลที่มีฝนตกอย่างต่อเนื่อง ปัญหาที่คนกรุงของเราต้องเจออยู่บ่อยครั้ง ก็คือการเกิด ‘น้ำท่วม’ ในหลายพื้นที่ โดยทีมกรุงเทพก้าวไกลคิดว่าน่าจะดี หากเราสามารถรวบรวมข้อมูลพิกัดการเกิดน้ำท่วม และประชาชนมีส่วนร่วมได้ ซึ่งประชาชนทุกท่านสามารถรายงานข้อมูล ผ่านเว็บไซต์ https://bkkflood.moveforwardparty.org/ ที่พวกเราทีมกรุงเทพก้าวไกล ร่วมกันพัฒนาขึ้นมาเองแบบเฉพาะกิจ ไม่กี่วันที่ผ่านมา และถ้าข้อมูลเหล่านี้รวมกันมากขึ้น เราก็จะสามารถหาแนวทางการแก้ไขต่อไปได้ ทั้งแบบภาพเล็กในแต่ละพื้นที่ และภาพใหญ่ที่จะต้องมีการจัดการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบอีกด้วย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top