Tuesday, 8 July 2025
NEWS FEED

เยอรมนี ขยายสถานการณ์ฉุกเฉิน คุมเข้มโควิด หลังยอดผู้ป่วยพุ่ง หวั่น!! สธ.รับมือไม่อยู่

สถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 ในเยอรมนีเริ่มเลวร้ายลงต่อเนื่อง ทำให้หลายรัฐออกมากระตุ้นพรรคการเมือง ที่กำลังเจรจาจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ ต่อเวลาสถานการณ์ฉุกเฉินออกไปอีก ขณะที่ผู้ป่วยโควิดเริ่มล้นโรงพยาบาลอีกครั้ง เตียงในห้องผู้ป่วยหนักใกล้เต็มความจุ

รัฐมนตรีสาธารณสุข 3 รัฐ จากทั้งหมด 16 รัฐของเยอรมนี คือ รัฐบาเดิน-เวือร์ทเทิมแบร์ค, รัฐเฮสเซน, รัฐบรันเดินบวร์ค เรียกร้องให้พรรคการเมืองที่กำลังเปิดการเจรจาตั้งรัฐบาลชุดใหม่ ขยายอำนาจรัฐในการบังคับใช้มาตรการควบคุมการระบาดของไวรัสโควิด-19 ให้เข้มข้นยิ่งขึ้น เช่น การใช้มาตรการจำกัดพื้นที่ หรือการปิดโรงเรียน ขณะอัตราการติดเชื้อในประเทศระยะ 7 วัน ทำสถิติสูงสุดต่อเนื่อง

โดยเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว มีผู้ติดเชื้อต่อประชากร 100,000 คน เพิ่มขึ้นเป็น 277.4 ซึ่งเป็นข้อมูลจากสถาบัน โรแบร์ท ค็อค หรือ RKI หน่วยงานด้านสาธารณสุขของเยอรมนี ที่เผยแพร่ในวันเสาร์ (13 พฤศจิกายน) ที่ผ่านมา และเพิ่มสูงขึ้นกว่า 500 ในหลายภูมิภาคของประเทศ

มาร์บูร์เกอร์ บันด์ ประธานสมาคมแพทย์ที่ใหญ่ที่สุดของเยอรมนี กล่าวกับสื่อเยอรมนีว่า ห้องฉุกเฉิน หรือไอซียู ที่ผู้ป่วยมากขึ้นจนไม่สามารถรับมือได้ไหว อาจต้องย้ายผู้ป่วยระหว่างภูมิภาค เพื่อไปหาเตียงว่าง ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้านี้

ด้านรัฐบาลกลางและบรรดาผู้นำ 16 รัฐของเยอรมนี เตรียมหารือกันเกี่ยวกับการใช้มาตรการใหม่ในการควบคุมการระบาดของไวรัสในสัปดาห์หน้านี้ แต่ 3 พรรคการเมืองที่กำลังเจรจาต่อรองจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ ตกลงที่จะขยายสถานการณ์ฉุกเฉิน ซึ่งบังคับใช้ตั้งแต่ไวรัสเริ่มต้นระบาด ที่ตามแผน จะสิ้นสุดลงในวันที่ 25 พฤศจิกายนนี้

รัฐมนตรีสาธารณสุขของ 3 รัฐ แย้งว่า รัฐต้องเปิดทางเลือกเพื่อดำเนินการตามนโยบาย ซึ่งบังคับใช้สถานการณ์ฉุกเฉินที่จำเป็น เช่น การห้ามประชาชนออกนอกเคหสถาน หรือเคอร์ฟิว, การจำกัดพื้นที่ หรือปิดโรงเรียน หากสถานการณ์เลวร้ายลง

‘บิ๊กตู่’ เยี่ยมศูนย์พัฒนาประสิทธิภาพสร้างความปลอดภัย พร้อมชมสาธิตช่วยนักท่องเที่ยวประสบภัย “ขอ” ทุกคนรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์  ปลื้มนทท.จองมาไทยแสนกว่าคน ชวนฉีดวัคซีน บอกไม่ต้องกลัว ลั่นพร้อมรับฟังใครทุจริตขอให้บอก ไม่ต้องกลัว 

ที่จ.กระบี่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม พร้อมคณะ เดินทางถึงตำบลไสไทย อำเภอเมืองกระบี่ จังหวัดกระบี่ เพื่อเดินตรวจเยี่ยมศูนย์พัฒนาประสิทธิภาพการให้ความช่วยเหลือและสร้างความปลอดภัย ทางการท่องเที่ยวจ.กระบี่ พร้อมชมการสาธิตเหตุการณ์จำลองการช่วยเหลือนักท่องเที่ยวโดยนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า โครงการดังกล่าวถือเป็นไปตามนโยบายของรัฐบาล เพื่อให้ประเทศปลอดภัยจากภัยพิบัติทั้งภัยธรรมชาติและภัยที่เกิดจากฝีมือมนุษย์ ทั้งนี้ บ้านเมืองเจริญเติบโตขึ้นทุกวันและมีความเสี่ยง การท่องเที่ยวมีมากขึ้น ปัญหาที่เจอในวันนี้มีทั้งทางบกและทางทะเล ในการท่องเที่ยวทุกประเภทว่าจะดำเนินการส่งข่าวแจ้งเหตุกันอย่างไร จึงจะต้องทำงานแบบบูรณาการไม่ใช่ทำงานแบบของใครของมัน จึงต้องให้ความสำคัญในเรื่องเหล่านี้ รวมถึงเรื่องของเรือรั่วและน้ำมันรั่วจะต้องศึกษาปัญหาต่างๆเหล่านี้ ซึ่งมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลอยู่แล้ว

แต่สิ่งสำคัญการทำงานจะต้องบูรณาการของทุกหน่วยงาน เราจะมีความพร้อมเพียงหน่วยงานเดียวไม่ได้ แต่จะต้องดูหน่วยงานที่รับผิดชอบด้านการกู้ภัยช่วยเหลือว่ายังมีหน่วยงานอะไรบ้างทั้งในภาครัฐและภาคเอกชน ซึ่งตนยินดีที่ได้มีการดำเนินการในเรื่องดังกล่าวเหล่านี้ และวันนี้ต่อไปอาจจะเปิดโอกาสให้ภาคเอกชนได้เปิดสถานฝึกดังกล่าวเหล่านี้ขึ้นมาบ้าง เพื่อลดปัญหาในเรื่องงบประมาณของภาคราชการแต่สถานที่ฝึกจะต้องมีใบรับรองครบถ้วนสมบูรณ์ เหมือนกับในต่างประเทศที่มีมาตรฐาน ทั้งนี้ภัยต่างๆที่เกิดขึ้นจะประมาทไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงนี้มีการเปิดประเทศ  เราไม่ต้องการที่จะถอยหลังกลับไปที่เก่าอีกเป็นอันขาด สิ่งเหล่านี้ถือเป็นการเตรียมความพร้อมล่วงหน้า 

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขณะนี้บ้านเมืองเจริญเติบโตไปมากแล้ว และที่ตนประกาศเปิดประเทศตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.ทุกคนทราบดีว่าเป็นการประกาศบนพื้นฐานความเสี่ยงสูงสุดของตน ก็ต้องขอบคุณคนไทยที่เกี่ยวข้อง ทั้งข้าราชการ ท้องถิ่น ทหาร ตำรวจ และประชาชน ที่ร่วมมือจนเกิดวันนี้ขึ้นมาได้ และทราบว่านักท่องเที่ยวแสนกว่าคนจองมาเที่ยวประเทศไทย และคาดว่าจะมีมากกว่านี้ในหลายแสนและหลักล้านในโอกาสต่อไป ตนพูดในการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค และการประชุมอาเซียนที่ผ่านมา เรากำลังเป็นผู้นำในการเปิดประเทศทุกอย่างจะดีหรือไม่ดีอยู่ที่เราทุกคนจะช่วยกันทั้งในเรื่องการฉีดวัคซีน การดูแลรักษาผู้ป่วยเจ็บ และวันนี้วัคซีนก็ไม่ได้ขาดแคลนจะต้องฉีดให้ทั่วถึง แต่ถ้าเลือกกันมากก็จะทำให้เสียโอกาส ขอให้ประสบความสำเร็จในการทำงานทุกคนต้องปลอดภัย ขอให้เอาแบบการฝึกของต่างประเทศมาดูด้วย เพื่อพัฒนาต่อไป มีภาพยนต์ตัวอย่างหลายเรื่อง ถือเป็นสิ่งที่ดีที่เกิดขึ้นในประเทศไทย 

จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ พบปะกับสมาคมกลุ่มแม่บ้าน จ.กระบี่ที่มารอให้การต้อนรับ พร้อมกล่าวย้ำว่าขอให้รักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ พร้อมเชิญชวนให้ทุกคนร้องเพลง”บ้านเกิดเมืองนอน” ของสุนทราภรณ์ร่วมกัน โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า วันนี้มาเยี่ยมประชาชนภาคใต้ฝั่งอันดามัน คิดถึงเสมอมา และดีใจที่ได้เห็นการแต่งกายในชุดท้องถิ่น ประเทศไทยมีความหลากหลายอัตลักษณ์ประเพณีเป็นสิ่งสำคัญ ยืนยันว่าประเทศไทยมีศักยภาพในการท่องเที่ยว และการเปิดประเทศแม้มีความท้าทายสูง ประกาศแล้วต้องทำให้ได้ โดยเราจะต้องทำตัวเป็นเจ้าบ้านที่ดีเตรียมรับความพร้อมกับสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นและแก้ปัญหาให้ทันเวลา ไม่เช่นนั้นทุกอย่างจะกลับไปที่เดิม

วันนี้ดีใจเห็นทั้งคนรุ่นสาว รุ่นเด็ก และเยาวชน พร้อมกันนี้ทราบว่ามีการฉีดวัคซีนเกือบครบ 100% แล้ว ขอให้ฉีดวัคซีนไม่ต้องกลัว เพราะเขาฉีดกันทั้งโลกและWTO มีการรับรองวัคซีนแล้วทุกตัว ฉีดเข็ม1-2 ภูมิขึ้นระดับหนึ่ง และฉีดเข็ม 3 ภูมิขึ้นสูง ซึ่งในปี 2565 ถ้าโควิด-19 ยังอยู่เราก็ฉีดแค่เข็มเดียว เหมือนไข้หวัดใหญ่ ไม่ต้องไปกลัวอะไร ต้องปลอดภัยไว้ก่อน เพื่อไม่ให้มีอาการรุนแรงไม่เสียชีวิต  เมื่อวัคซีนครบเศรษฐกิจจะดีขึ้น สามารถเดินทางไปไหนมาไหนได้สะดวก ถ้าไม่ฉีดวัคซีนคงจะมีมาตรการทางสังคม โดยวันข้างหน้าจะมีพื้นที่สีขาว สีฟ้า จึงขอให้ไปฉีดฉีดวัคซีนกัน ตอนนี้คนฉีดวัคซีนน้อยลงไม่ทราบว่าเพราะอะไร 

ระหว่างนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ได้พูดคุยกับเด็กนักเรียนจากโรงเรียนองค์การบริหารส่วนจังหวัดกระบี่ ว่า ขอให้สงสัยในเรื่องที่เป็นประโยชน์อย่าไปสงสัยในเรื่องที่ไม่เป็นประโยชน์กันมากนัก

วันนี้รัฐบาลส่งเสริมธุรกิจสตรี สนับสนุนเอสเอ็มอี ให้เกิดความเข้มแข็ง รัฐบาลดูแลทุกกลุ่มวันหน้าโตมาจะมาแทนลุง วันนี้ลุงคิดให้ล่วงหน้า บางอย่างต้องใช้เวลาศึกษารับฟังความคิดเห็น ถ้าออกมาไม่ได้ก็ทำอะไรไม่ได้ทั้งหมด เพราะเราเป็นประชาธิปไตยต้องรับฟังประชาพิจารณ์ในสิ่งที่เป็นประโยชน์ อะไรที่เป็นประโยชน์กับพื้นที่ก็ดำเนินการ แต่ถ้าไม่เห็นด้วยอยู่ตลอดมันก็จะไปไม่ได้ อาจารย์ต้องสอนให้เด็กนักเรียนมีกระบวนการในความคิด วิสัยทัศน์และเด็กทุกคนต้องมีกระบวนการคิดในสมองของตนเองและมีวิสัยทัศน์ นายกฯเองก็มีกระบวนการในความคิด ซึ่งต้องมีขั้นตอนนักเรียนต้องเรียนรู้และอ่านหนังสือให้เยอะบ้านเมืองเราไม่ได้ด้อยกว่าใคร คนของเราก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าใคร เพียงแต่ต้องคิดให้เป็นและทำในสิ่งที่เป็นประโยชน์กับบ้านเมือง ต้องเคารพในสถาบันหลักของชาติ ประเทศไทยนั้นคือประเทศไทย 

โควิดหวนคืนยุโรปเต็มตัว แม้ฉีดวัคซีนได้มาก วีกเดียวติดพุ่ง 2 ล้าน ตายเฉียด 3 หมื่น 

องค์การอนามัยโลก แถลงที่นครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ว่า ยุโรปกำลังเผชิญผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มสูงขึ้นอีกครั้ง โดยมีการยืนยันผู้ติดโควิดรายใหม่เกือบ 2 ล้านคนในทวีปยุโรป ตั้งแต่วันที่ 1 ถึง 7 พฤศจิกายน ถือเป็นตัวเลขสูงสุด ตั้งแต่โควิดเริ่มระบาด

นอกจากนั้น ยังมีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีกเกือบ 27,000 คน ในยุโรปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นจำนวนผู้เสียชีวิตที่มากกว่าครึ่งหนึ่งของผู้เสียชีวิตจากโควิดทั่วโลกในช่วง 1 ถึง 7 พฤศจิกายน

ทีโดรส อัดฮานอม กีเบรเยซุส ผู้อำนวยการอนามัยโลก บอกว่า ขณะนี้ บางประเทศในยุโรป กลับมาใช้มาตรการจำกัดอย่างเข้มงวดอีกครั้ง เพื่อควบคุมการระบาดของโควิด และลดแรงกดดันต่อระบบสาธารณสุขในประเทศ

“บิ๊กป้อม” ลงพื้นที่ "จ.ระนองและจ.กระบี่” กำชับหน่วยมั่นคง เข้มสกัดแรงงานทะลักเข้าเมือง พร้อมเร่งขับเคลื่อนจัดที่ดินทำกินและดึงภาคประชาชนร่วมแก้ปัญหา  

พล.อ.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกประจำรองนายกรัฐมนตรีเปิดเผยว่าพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และคณะ ได้เดินทางลงพื้นที่ภาคใต้ ตรวจติดตามความคืบหน้างานสำคัญตามนโยบายของรัฐบาลในพื้นที่ จ.ระนอง และ จ.กระบี่ โดยรับฟังการบรรยายสรุปจากหัวหน้าส่วนราชการต่างๆ ณ ศาลากลาง จ.ระนอง ถึงการปฏิบัติงานในภาพรวม ด้านความมั่นคง สถานการณ์ด้านแรงงาน ยาเสพติดและมาตรการควบคุมป้องกันโรค 

โดย พล.อ.ประวิตร ได้กล่าวชื่นชมกับแนวคิด “ระนองโมเดล” ในความเข้มแข็งของมาตรการป้องกันและควบคุมโรคที่อาศัยการมีส่วนร่วมและความใส่ใจร่วมกันของกลุ่มพลังมวลชนในพื้นที่ ร่วมขับเคลื่อนภายใต้การนำของผู้นำท้องถิ่นระดับหมู่บ้าน ซึ่งสามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้เร็ว  พร้อมย้ำว่า  จ.ระนอง เป็นเส้นทางผ่านยาเสพติดและการลักลอบเข้าเมืองทั้งทางบกและทางทะเล  จึงต้องคุมเข้มเฝ้าระวังและเข้มงวดกวดขัน เน้นงานเชิงรุกกับการลักลอบเข้าเมือง การใช้แรงงานผิดกฎหมาย การค้ามนุษย์และยาเสพติด รวมทั้งการลักลอบนำเข้ายางพาราผิดกฎหมาย ซึ่งกระทบต่อเกษตรกรโดยตรง  

โดยให้บูรณาการทำงานร่วมกันทั้งจุดผ่านแดน จุดผ่อนปรนและช่องทางธรรมชาติอย่างจริงจังและต่อเนื่อง  พร้อมทั้งย้ำการปฏิบัติต่อผู้หลบหนีเข้าเมืองทางทะเล ขอให้เป็นไปตามหลักสากลบนพื้นฐานของกฎหมายและพันธกิจระหว่างประเทศ คำนึงถึงหลักมนุษยธรรม ผลกระทบต่อเด็ก สตรีและคนป่วยเป็นอันดับแรก 

ทั้งนี้รองนายกรัฐมนตรี ยังแสดงความเป็นห่วงการเข้าถึงวัคซีนของประชาชนและแรงงาน โดยขอให้สร้างการรับรู้และกระจายวัคซีนลงไปอย่างทั่วถึง โดยเฉพาะกับกลุ่มเสี่ยงและผู้ใช้แรงงาน  พร้อมย้ำว่า การลักลอบเข้าเมืองและแรงงานผิดกฎหมายยังถือเป็นความเสี่ยงของการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่สำคัญที่ต้องเฝ้าระวังสูงสุดร่วมกันต่อไป ทั้งนี้ขอให้สร้างความรู้ความเข้าใจกับแรงงานข้ามชาติและผู้ประกอบการ ให้การสนับสนุนมาตรการควบคุมโรคที่กำหนดไปพร้อมๆกัน 

 

“จุรินทร์” ดันเปิดด่าน ”ตากใบ-บูเก๊ะตา” นราธิวาสสำเร็จ !!! ศอ.บต.ประกาศดีเดย์ 15 พย. นี้!

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ให้สัมภาษณ์ที่สนามบินดอนเมืองก่อนเดินทางไปตรวจราชการที่จังหวัดพังงาและเข้าร่วมการประชุม ครม.สัญจร ที่จังหวัดกระบี่ในวันที่ 15-16 พย.นี้ถึงเรื่องการผลักดันการค้าชายแดนไทยมาเลย์ว่า 

สำหรับด่านชายแดนไทย-มาเลย์มีด้วยกันรวม 9 ด่านใน 4 จังหวัด ได้แก่ สงขลา 3 ด่าน นราธิวาส 3 ด่าน สตูล 2 ด่าน และยะลา 1 ด่าน และปิดอยู่ 2 ด่านเพราะสถานการณ์โควิด ซึ่งภายหลังจากที่ตนได้เดินทางไปประชุมร่วมกับ ศอ.บต.และเอกชนของจังหวัดชายแดนภาคใต้ เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2564นั้น ตนได้มอบหมายให้ทูตพาณิชย์ไทย ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศไทย เร่งเจรจาขอเปิดด่านทั้ง 2 ด่านกับรัฐบาลมาเลเซียเพื่อโดยเร็วที่สุดทั้งนี้เพื่อให้การค้าชายแดนระหว่างสองประเทศสามารถเดินหน้าต่อไปได้ โดยล่าสุด เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2564 ประเทศมาเลเซียได้มีหนังสือตอบยืนยันอย่างเป็นทางการมาแล้วว่าไม่ขัดข้องที่จะเปิดด่านทั้ง 2 ด่าน 

ประกอบด้วย (1) ด่านเป็งกาลันกูโบ (Pengkalan Kubor) ตรงข้ามด่านตากใบ และ(2) ด่านบูกิตบุหงา (Bukit Bunga) ตรงข้ามกับ ด่านบูเก๊ะตา จังหวัดนราธิวาส ทั้งนี้ตั้งแต่วันที่ 15 พฤศจิกายน 2564 เป็นต้นไปตามที่ฝ่ายไทยเสนอ 

กัมพูชาเปิดแดน ฉีดวัคซีนครบโดสไม่ต้องกักตัว ดีเดย์ เริ่ม 15 พ.ย. เป็นต้นไป

15 พ.ย. 64 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า สมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ได้ออกแถลงการณ์ว่า ตั้งแต่วันจันทร์ที่ 15 พ.ย. เป็นต้นไป กัมพูชาจะยกเลิกมาตรการกักตัวนักเดินทางที่ได้รับการฉีดวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ครบสองโดส และมีผลการตรวจเชื้อในช่วงเวลา 72 ชั่วโมงก่อนออกเดินทางไม่พบการติดเชื้อไวรัส จะสามารถเดินทางในกัมพูชาได้ทั่วประเทศโดยไม่ต้องถูกกักตัวนาน 14 วันเมื่อมาถึง เป็นการยุติมาตรการกักกันของกัมพูชาที่ใช้มานานกว่า 18 เดือน

เที่ยวด้วยกันมั้ย!! ‘มูลนิธิอินเตอร์ลิ้งค์’ ชวนสัมผัสความงาม ณ อ.ตะพานหิน จ.พิจิตร ในโครงการ “INTERLINK รักษ์บ้านเกิด”

เพราะความรัก จะนำทางเรากลับบ้าน!! มูลนิธิ อินเตอร์ลิ้งค์ให้ใจ จัดโครงการ “INTERLINK รักษ์บ้านเกิด” 

INTERLINK ชวนทุกคนไปสัมผัสความงดงาม ของ อ.ตะพานหิน จ.พิจิตร ที่ ๆ เรา ชาว INTERLINK เรียกกันว่า“บ้าน”

???? คลิกรับชมได้เลย : https://bit.ly/30pbKW4

'พล.อ.ประวิตร'  ลงพื้นที่ สกลนคร  ตรวจติดตาม แก้ปัญหาน้ำ ระยะสั้น/ระยะยาว  สั่งเร่งพัฒนา"บึงหนองหาร" หล่อเลี้ยงชาวสกลนคร  กำชับ สนทช./จังหวัด  แก้น้ำท่วมซ้ำซาก ลดผลกระทบ ปชช. ให้รวดเร็ว

พล.ต.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผช.โฆษกประจำรอง นรม. เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รอง นรม./ผอ.กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ และคณะ ได้เดินทางไปปฏิบัติราชการ เพื่อติดตามสถานการณ์น้ำในพื้นที่จ.สกลนคร โดยมี นางจุรีรัตน์ เทพอาสน์  ผวจ.สกลนคร ให้การต้อนรับ

พล.อ.ประวิตร และคณะ ได้เดินทางถึง ห้องประชุม ภูริทัตโต  อาคารโรงพยาบาลศูนย์สกลนคร เพื่อรับฟังการบรรยายสรุปภาพรวมการบริหารจัดการน้ำ และแผนหลักการพัฒนา/ฟื้นฟู บึงหนองหาร จาก สทนช. ทั้งนี้หนองหาร นับเป็นบึงน้ำจืดธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีพื้นที่ประมาณ 77,016 ไร่ เป็นต้นน้ำของลำน้ำก่ำ ไหลลงสู่แม่น้ำโขง  ประชาชนในพื้นที่โดยรอบหนองหาร ประกอบอาชีพทำการเกษตรเป็นส่วนใหญ่  มีอิทธิพลต่อการดำรงชีวิตของประชาชน ในพื้นที่ 33 ตำบลในเขตจ.สกลนคร และจ.นครพนม  ราษฎรได้ใช้ประโยชน์รวม 80,750 ครัวเรือน  

พล.อ.ประวิตรและคณะ ได้รับทราบความคืบหน้า การดำเนินงานที่สำคัญ ได้แก่การบริหารจัดการทรัพยากรประมงและนิเวศสิ่งแวดล้อม จากกรมประมง ,การบริหารจัดการน้ำในหนองหาร การชะลอ   หน่วง กักเก็บน้ำ จากกรมชลประทาน ,การบรรเทาอุทกภัย การปรับภูมิทัศน์ แนวเขตการท่องเที่ยว โดยกรมโยธาธิการและผังเมือง  รวมทั้งการกำหนดแนวเขตหนองหาร โดยกรมที่ดิน ซึ่งปัจจุบันได้มีการสำรวจรังวัดปักหลักเขตแล้วได้ระยะโดยรอบ 81.25 ก.ม. มีเนื้อที่ 76,322-0-38 ไร่และรับทราบ การจัดการน้ำเสียเทศบาลสกลนคร และชุมชนรอบหนองหาร จาก ก.ทรัพย์ฯ ประกอบด้วย งานหลัก 4 ด้าน ได้แก่ 1)การบำบัดและฟื้นฟูคุณภาพน้ำ,2)การเฝ้าระวังคุณภาพน้ำ,3)การสร้างจิตสำนึก และการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนและ 4)การวิจัยและนวัตกรรม โดยได้ร่วมกับ ม.เกษตร วิทยาเขตเฉลิมพระเกียรติ จ.สกลนคร ในการดำเนินงาน

พล.อ.ประวิตร ได้กล่าวมอบนโยบาย โดยกำชับให้ สทนช. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด เร่งรัดโครงการทั้งระยะสั้น จาก10 มาตรการรับมือฤดูฝน ซึ่งมีการกักเก็บน้ำไว้ใช้ในฤดูแล้ง และโครงการระยะยาวที่รัฐบาลกำหนดในแผนแม่บทฯ 20 ปี เพื่อแก้ปัญหา อย่างยั่งยืน พร้อมเน้นย้ำให้จังหวัด ,กรมชลประทาน และกรมประมง ร่วมมือกันบริหารจัดการหนองหาร ในการรับมือน้ำท่วม และใช้น้ำที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน อย่างทั่วถึง  เร่งขับเคลื่อนปรับปรุง ฟื้นฟู หนองหารให้ได้จริงจังตามแผนงาน เพื่อหล่อเลี้ยงประชาชนในพื้นที่จ.สกลนคร รวมทั้งจังหวัดใกล้เคียง และพัฒนากลับมาเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของจังหวัด อีกครั้งหนึ่ง ควบคู่กับการประชาสัมพันธ์ สร้างการรับรู้ อย่างต่อเนื่อง  

ป.ป.ส. ผนึกกำลัง UNODC จัดประชุมเชิงวิชาการ “กาสิโนและองค์กรอาชญากรรม รับมือปัญหาการฟอกเงินและการลักลอบค้ายาเสพติดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้”

นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (เลขาธิการ ป.ป.ส.) มอบหมายให้ นายอภิกิต ฉ.โรจน์ประเสริฐ   ผู้อำนวยการสำนักการต่างประเทศ สำนักงาน ป.ป.ส. เป็นผู้แทนเข้าร่วมการประชุมผู้เชี่ยวชาญว่าด้วยกาสิโนและองค์กรอาชญากรรมในประเทศเพื่อนบ้าน ระหว่างวันที่ 11 – 12 พฤศจิกายน 2564 จัดโดยสำนักงานยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (United Nations Office on Drugs and Crime: UNODC)

ร่วมกับ สำนักงาน ป.ป.ส. เพื่อหารือเกี่ยวกับนโยบายที่เหมาะสมในการควบคุมกาสิโนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และนำเสนอผลงานทางวิชาการ การหาความเชื่อมโยงของผู้กระทำผิดกับเครือข่ายองค์กรอาชญากรรมที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกาสิโน โดยมีนายเจเรมี ดักลาส (Mr. Jeremy Douglas) ผู้แทน UNODC ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และแปซิฟิก นักวิชาการจากสถาบันการศึกษา และเจ้าหน้าที่ ป.ป.ส. เข้าร่วมประชุม ณ เทวมันตร์ทรารีสอร์ต จ.กาญจนบุรี

นายเจเรมี ผู้แทน UNODC ให้การต้อนรับผู้เข้าร่วมการประชุมฯ และกล่าวถึงความสำคัญของอุตสาหกรรมกาสิโน ที่มีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้นในพื้นที่ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้  เขตชายแดนรอยต่อ เขตปกครองพิเศษ และเขตเศรษฐกิจพิเศษ พร้อมกล่าวชื่นชมความสำเร็จของประเทศไทยในการปรับปรุงร่างประมวลกฎหมายยาเสพติด และการแสดงบทบาทความเป็นผู้นำดำเนินมาตรการต่อต้านการฟอกเงินของเครือข่ายยาเสพติด

นายอภิกิต ผู้อำนวยการสำนักการต่างประเทศ  กล่าวเปิดการประชุมว่า เลขาธิการ ป.ป.ส. ได้เน้นย้ำและเล็งเห็นถึงความสำคัญ กำชับให้เฝ้าระวังการขยายตัวของกาสิโนถูกกฎหมายในประเทศเพื่อนบ้าน และกาสิโนออนไลน์  ซึ่งเป็นพื้นที่เสี่ยงต่อการเป็นแหล่งฟอกเงินขององค์กรอาชญากรรมและการสะสมเงินทุนที่ผิดกฎหมายของเครือข่ายยาเสพติด ที่จะส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศและความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชน ซึ่งสอดคล้องตามนโยบายด้านยาเสพติดของนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ที่เน้นย้ำความร่วมมือกับต่างประเทศและการบังคับกฎหมาย

โดยการประชุมประกอบด้วยการบรรยายในหัวข้อเรื่อง 

1.องค์กรอาชญากรรมข้ามชาติในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และกาสิโน โดย นายอินชิค ซิม นักวิจัยด้านยาเสพติดของ UNODC พบว่าธุรกิจกาสิโนมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น รวมถึงการขยายตัวของการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลผ่านบล็อกเชนและการพนันออนไลน์ โดยเฉพาะ “จังเก็ต” (junket = ทัวร์เล่นกาสิโน) ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ซึ่งมีความเสี่ยงสูงมากที่จะถูกใช้เป็นแหล่งฟอกเงิน  ยังไม่มีมาตรการที่มีประสิทธิภาพมาควบคุมดูแล และความยากลำบากของเจ้าหน้าที่ในการจัดการกาสิโนที่ตั้งอยู่ในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ และเขตการค้าเสรี 

2. กลุ่มชาติพันธุ์และนโยบายทุนจีน โดย ผศ.ดร.ฐิติวุฒิ บุญยวงศ์วิวัชร มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

3. งานวิจัยกรณีศึกษากาสิโนคิงส์โรมัน ในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ โดย ดร.ณัฐกรณ์ วิทิตานนท์ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่

4. ข้อมูลเกี่ยวกับกาสิโนในเขตปกครองพิเศษเมียนมา กาสิโนบริเวณชายแดนไทย-เมียนมา ไทย-สปป.ลาว และ ไทย-กัมพูชา โดยเฉพาะข้อมูลกลุ่มนักลงทุนในกาสิโน กลุ่มอิทธิพล และกองกำลังชนกลุ่มน้อย โดย ผู้แทนจาก สำนักงาน ป.ป.ส. 

“นายกฯ” ชวนคนไทย ร่วมเป็นเจ้าภาพประชุมเอเปค ปี 2565 ดัน สร้างพันธมิตรทางเศรษฐกิจ-พลิกฟื้นประเทศจากโควิดไปสู่อนาคต ในหัวข้อ “เปิดกว้าง สร้างสัมพันธ์ เชื่อมโยงกัน สู่สมดุล” หรือ “Open. Connect. Balance.”นำร่องประชุมแรก 1-3 ธ.ค.นี้ ที่ภูเก็ต

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวถ้อยแถลงถึงประชาชนไทย เพื่อประกาศการเป็นเจ้าภาพเอเปคปี 2565 ว่า ไทยได้รับมอบการดำรงตำแหน่งเจ้าภาพเอเปคในปี 2565 และจะปฏิบัติหน้าที่ตลอด 1 ปี ต่อจากนี้ ถือเป็นโอกาสสำคัญอย่างยิ่งที่ไทยจะเปิดตัว และขับเคลื่อนการฟื้นประเทศจากโควิดไปสู่อนาคต และแสดงความพร้อมในการต้อนรับชาวต่างชาติ ตั้งแต่ระดับผู้นำ นักธุรกิจระดับสูง สื่อชั้นนำ และผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องอื่นๆที่จะเดินทางมาประเทศไทยตลอดปีหน้า เอเปคเป็นเวทีส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจที่ไทยเป็นผู้ร่วมก่อตั้ง ประกอบด้วยเขตเศรษฐกิจชั้นนำถึง 21 เขตเศรษฐกิจ มีจีดีพีรวมกันทั้งสิ้นกว่า 53 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 1,700 ล้านล้านบาท และมีมูลค่าการค้ารวมกันเกือบครึ่งหนึ่งของการค้าโลก

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ไทยได้ประโยชน์จากการมีพันธมิตรทางเศรษฐกิจที่เข้มแข็ง ได้ร่วมผลักดันแนวคิดใหม่ ที่ช่วยพัฒนาประเทศให้เติบโตอย่างครอบคลุมและยั่งยืน โดยเฉพาะการส่งเสริมเทคโนโลยีดิจิทัลและนวัตกรรม การเข้าถึงแหล่งเงินทุนของเอสเอ็ม อี( SMEs )การสนับสนุนบทบาทสตรีในระบบเศรษฐกิจ รวมถึงการส่งเสริมการท่องเที่ยวแบบยั่งยืน การเป็นเจ้าภาพเอเปคจึงถือเป็นเกียรติ และสะท้อนความเชื่อมั่นที่สมาชิกเอเปคมีต่อไทย โดยภาคส่วนต่างๆได้ร่วมกันเตรียมการอย่างใกล้ชิด ตั้งแต่ภาคธุรกิจ นักวิชาการ ชุมชน จนถึงคนรุ่นใหม่ เพื่อร่วมสกัดแนวคิดและวางเป้าหมายที่จะเป็นประโยชน์สูงสุดต่อคนไทย

ในการเป็นเจ้าภาพครั้งนี้ไทยจะขับเคลื่อนให้เอเปคพลิกวิกฤตเป็นโอกาสในการเปลี่ยนผ่านไปสู่โลกยุคหลังโควิดที่ยั่งยืนและสมดุล และทุกคนมีส่วนร่วม ผ่านแนวคิดเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว หรือ BCG Economy จึงกำหนดหัวข้อหลักของการประชุมเอเปคปี 2565 คือ “เปิดกว้าง สร้างสัมพันธ์ เชื่อมโยงกัน สู่สมดุล” หรือ “Open. Connect. Balance.”มีประเด็นสำคัญ 3 ด้าน คือ 1. การส่งเสริมการเจริญเติบโตที่ยั่งยืนและครอบคลุม 2. การอำนวยความสะดวกการค้าและการลงทุน และ 3. การฟื้นฟูความเชื่อมโยง โดยเฉพาะการเดินทาง และท่องเที่ยว เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจจากผลกระทบของโควิด ทั้งนี้การประชุมแรกของเอเปค 2565 จะจัดขึ้นที่จังหวัดภูเก็ต ระหว่างวันที่ 1-3 ธ.ค.นี้ และจะมีการประชุมอื่น ๆ กว่าร้อยการประชุมในภูมิภาคต่าง ๆ ของประเทศตลอดปีหน้า ซึ่งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในทุกพื้นที่


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top