Saturday, 10 May 2025
NEWS FEED

โครงการขับเคลื่อนการพัฒนาบุคลากรด้านงานบริการ และพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือว่าด้วยการบริการจัดหางาน และพัฒนาทักษะการให้บริการด้านขนส่งสาธารณะ

กระทรวงแรงงานร่วมกับ บริษัท ไทย สมายล์บัส จำกัด บริษัท อี สมาร์ท ทรานสปอร์ต จำกัด มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์  KICK OFF โครงการขับเคลื่อนการพัฒนาบุคลากรด้านงานบริการ และพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือว่าด้วยการบริการจัดหางาน และพัฒนาทักษะการให้บริการด้านขนส่งสาธารณะ

วันที่ 23 มีนาคม 2565  ณ กระทรวงแรงงาน ดินแดง นางสาวกุลพรภัสร์ วงศ์มาจารภิญญา ประธานกรรมการบริษัท ไทย สมายล์ บัส จำกัด นาวาโท ปริญญา รักวาทิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อี สมาร์ท ทรานสปอร์ต จำกัด  และนายชัยรัตน์ แสงจันทร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทย สมายล์ บัส จำกัด  เข้าร่วมพิธี KICK OFF เปิดโครงการขับเคลื่อนการพัฒนาบุคลากรด้านงานบริการ  และพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือว่าด้วยการบริการจัดหางาน และพัฒนาทักษะการให้บริการด้านขนส่งสาธารณะ โดยมี นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน คณะผู้บริหาร เจ้าหน้าที่ของกระทรวงแรงงาน พร้อมด้วย ดร.ดาริกา ลัทธพิพัฒน์ อธิการบดี มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ เข้าร่วมงาน 

เตรียมรับมือ 'น้ำเค็มรุกเจ้าพระยา' 28 มี.ค. – 3 เม.ย. นี้ 

นายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า กรมชลประทาน ได้วางแผนบริหารจัดการน้ำเพื่อรับมือสถานการณ์น้ำทะเลหนุนสูงในช่วงวันที่ 28 มีนาคม – 3 เมษายน 2565 โดยกำหนดมาตรการควบคุมความเค็มในแม่น้ำเจ้าพระยา ด้วยการระบายน้ำจาก 4 เขื่อนหลัก (เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์) ให้เหมาะสมสอดคล้องกับการใช้น้ำในกิจกรรมต่าง ๆ และควบคุมคุณภาพน้ำให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม รวมถึงควบคุมการระบายน้ำผ่านอาคารชลประทานที่สำคัญ อาทิ เขื่อนเจ้าพระยา เขื่อนพระรามหก รวมทั้งการระบายน้ำจากคลองพระยาบรรลือผ่านทางสถานีสูบน้ำพระยาบรรลือและสถานีสูบน้ำสิงหนาท 2 ให้สอดคล้องกับระดับการขึ้น-ลงของน้ำทะเล 

 

ส่วนที่แม่น้ำบางปะกง กรมชลประทาน ได้ควบคุมความเค็มโดยการระบายน้ำจากอ่างเก็บน้ำทางตอนบนของลุ่มน้ำบางปะกง-ปราจีนบุรี ประกอบด้วย อ่างเก็บน้ำคลองสียัด อ่างเก็บน้ำขุนด่านปราการชล อ่างเก็บน้ำนฤบดินทรจินดา อ่างเก็บน้ำคลองระบม อ่างเก็บน้ำคลองพระสทึง และอ่างเก็บน้ำคลองพระปรง ให้เป็นไปตามแผนที่วางไว้ และพิจารณาปรับเพิ่มหรือลดการระบายน้ำให้สอดคล้องตามสถานการณ์ 

“ผบ.ทบ.”ต้อนรับ ผบ.กกล.ทบ.สหรัฐฯ ภาคพื้นแปซิฟิก สานสัมพันธ์งานมั่นคง ดำรงการฝึกแลกเปลี่ยน พร้อมขยายกรอบความร่วมมือหลักสูตรทางทหาร  

เมื่อวันที่ 23 มี.ค.ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ให้การต้อนรับ พล.อ.ชาร์ลส์ เอ ฟลินน์ (Gen. Charles A. Flynn) ผู้บัญชาการกองกำลังทางบกสหรัฐฯ ภาคพื้นแปซิฟิก (USARPAC) และคณะ ในโอกาสเยือนราชอาณาจักรไทยอย่างเป็นทางการ และเข้าเยี่ยมคำนับผู้บัญชาการทหารบก โดยกองทัพบกได้จัดทหารกองเกียรติยศให้การต้อนรับ จากนั้นผู้บัญชาการกองกำลังทางบกสหรัฐฯ ภาคพื้นแปซิฟิก เข้าเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์กองทัพบกเฉลิมพระเกียรติ ภายในกองบัญชาการกองทัพบกซึ่งเป็นสถานที่จัดแสดงประวัติศาสตร์ ยุทโธปกรณ์ และวิวัฒนาการด้านต่างๆของกองทัพบกไทย ก่อนเข้าหารือแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในความร่วมมือด้านความมั่นคง ภายใต้การปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโควิด-19 

การพบปะในวันนี้ ผู้บัญชาการทหารบกได้กล่าวขอบคุณและยินดีที่ พล.อ.ชาร์ลส์ เอ ฟลินน์ ตอบรับคำเชิญและเดินทางมาเยือนกองทัพบกเป็นครั้งแรกตั้งแต่ดำรงตำแหน่ง หลังจากทั้งสองฝ่ายได้เคยหารือกันผ่านระบบออนไลน์เมื่อ ก.ค. 64 พร้อมกับกล่าวถึงความสัมพันธ์อันดีระหว่างราชอาณาจักรไทยและสหรัฐฯ ที่มีมายาวนานกว่า 200 ปี โดยเฉพาะความร่วมมือด้านความมั่นคงและการฝึกแลกเปลี่ยนประสบการณ์ อาทิ การฝึกร่วมผสม Cobra Gold, การฝึกผสม Balance Torch  และ ล่าสุดคือการฝึกผสม “Hanuman Guardian 2022” ซึ่งผู้บัญชาการทหารบกได้กล่าวขอบคุณที่สหรัฐฯให้การสนับสนุน และดูแลกำลังพล ทบ.ไทย ในขณะเข้าร่วมฝึกที่สหรัฐฯ แม้ว่าอยู่ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 การฝึกได้บรรลุเป้าหมายในการพัฒนาขีดความสามารถของกำลังพล ควบคู่กับการแลกเปลี่ยนความรู้ทางวิชาการและเทคโนโลยีทางทหาร

ทั้งสองฝ่ายยังได้พูดคุยถึงการพัฒนาและขยายกรอบความร่วมมือในการฝึกแลกเปลี่ยนทางทหารทั้งในระดับหน่วยและการศึกษาในหลักสูตรต่างๆ อาทิ หลักสูตรทางทหาร Lightning Academy, Air Assault และ Jungle Operation Training รวมทั้งการสนับสนุนการศึกษาตามโครงการ IMET, หลักสูตรวิทยาลัยการทัพบก และเสนาธิการทหารบกสหรัฐฯ ควบคู่กับการจัดประชุมความร่วมมือด้านการแพทย์ การบรรเทาสาธารณภัย การช่วยเหลือประชาชน การฝึกอบรมเพื่อพัฒนาความรู้แก่กำลังพลผ่านการบรรยายพิเศษโดยผู้เชี่ยวชาญจากสหรัฐฯ อาทิ การพัฒนาไซเบอร์และระบบเครือข่ายสารสนเทศ เป็นต้น 

'ไทย' เตรียมแผนปรับโควิดสู่โรคประจำถิ่น เชื่อ มุ่งฟื้นเศรษฐกิจ แม้ยังกังวลผู้ติดเชื้อ

23 มี.ค. 65 สำนักข่าว Voice of America สหรัฐอเมริกา เสนอรายงานพิเศษ Thailand Aiming for Endemic Status as More Travel Restrictions Lifted ว่าด้วยความพยายามของทางการไทย ในการเปลี่ยนสถานะของไวรัสโควิด-19 จากโรคระบาดใหญ่ (Pandemic) เป็นโรคประจำถิ่น (Endemic) ลดความเข้มงวดของมาตรการควบคุมโรคลงเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจโดยเฉพาะการท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง ท่ามกลางความกังวลของผู้คนอีกไม่น้อย

ในช่วงต้นเดือน มี.ค. 2565 กระทรวงสาธารณสุขของไทย ประกาศตั้งเป้าให้โควิด-19 กลายเป็นโรคประจำถิ่นภายในเดือน ก.ค. 2565 ขณะที่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ข้อกำหนดให้ชาวต่างชาติที่จะเดินทางไปประเทศไทยต้องมีผลตรวจคัดกรองไม่ติดเชื้อโควิด-19 ด้วยวิธี RT-PCR ก็ถูกประกาศยกเลิก อย่างไรก็ตาม อนันต์ จงแก้ววัฒนา (Anan Jongkaewwattana) นักไวรัสวิทยา ผู้อำนวยการกลุ่มวิจัยนวัตกรรมสุขภาพสัตว์และการจัดการ ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ ได้เตือนว่า ยังคงต้องระมัดระวังต่อไป

“เราต้องพูดกันให้ชัดว่าโรคประจำถิ่นไม่ได้หมายความว่ามันจะรุนแรงน้อยกว่าสิ่งที่พบระหว่างที่เป็นโรคระบาดใหญ่ สำหรับผม โรคประจำถิ่นหมายความว่าประเทศไทยจะสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ในระดับหนึ่งที่ไม่สร้างความเสียหายให้กับระบบสาธารณสุขของประเทศ” อนันต์ กล่าว

ประเทศไทยยังคงต่อสู้กับสถานการณ์ที่พบผู้ติดเชื้อจำนวนมาก จากเชื้อกลายพันธุ์สายโอมิครอน เช่น ในวันที่ 18 มี.ค. 2565 ที่พบผู้ติดเชื้อ 27,071 คน ทำสถิติติดเชื้อรายงานสูงที่สุด แต่อีกด้านหนึ่ง ประเทศไทยมีอัตราการฉีดวัคซีนโควิด-19 ค่อนข้างสูง นับตั้งแต่เริ่มการฉีดวัคซีนในปี 2564 ประเทศไทยฉีดวัคซีนไปแล้ว 127 ล้านเข็ม ซึ่งนับตั้งแต่เข็มที่ 1 เข็มที่ 2 และเข็มกระตุ้น (เข็มที่ 3 หรือ 4)

แกรี โบเวอร์แมน (Gary Bowerman) นักวิเคราะห์การท่องเที่ยวของทวีปเอเชีย ที่อาศัยอยู่ในกรุงกัวลาลัมเปอร์ของมาเลเซีย กล่าวว่า ประเทศไทยต้องระมัดระวังในการตั้งเป้าหมายในอนาคต เนื่องจากโควิด-19 นั้นคาดเดาไม่ได้ แม้เดือน ก.ค. 2565 คือการกำหนดเป้าหมาย แต่ก็ทราบกันดีตลอด 2 ปีที่ผ่านมา ว่าการกำหนดเส้นตายที่ยากและรวดเร็วนั้นเต็มไปด้วยความเสี่ยง

“สถานะโรคประจำถิ่น เป็นเรื่องเล็กน้อยในการสื่อสารกับสาธารณชนเพื่อพยายามเปลี่ยนวิธีคิดภายในประเทศ เป็นการปลุกเร้าอารมณ์ครั้งสำคัญ สถานการณ์ที่ประเทศประสบอยู่คือการปิดตัวอย่างสมบูรณ์ยาวนานถึง 2 ปี และตอนนี้ได้เปิดแล้ว เป็นการเปลี่ยนแปลงความคิดครั้งใหญ่ แม้มันไม่ได้อยู่ที่แต่ละประเทศจะบอกว่าเป็นโรคประจำถิ่น แต่เป็นองค์การอนามัยโลก (WHO) แต่ผมก็เข้าใจได้ว่าทำไมรัฐบาลถึงทำแบบนั้น” โบเวอร์แมน กล่าว

รายงานข่าวกล่าวต่อไปว่า ประเทศไทยพยายามหาทางเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ นับตั้งแต่เดือน ต.ค. 2564 เป็นต้นมา ด้วยโครงการ Test&Go ที่ตัดขั้นตอนการกักตัวออกไป แต่โครงการต้องถูกหยุดไว้ชั่วคราวในเดือน ธ.ค. 2564 จากการเริ่มตรวจพบไวรัสโควิด-19 สายโอมิครอน อันเป็นเชื้อกลายพันธุ์ชนิดใหม่ในเวลานั้น ก่อนที่ต้นปี 2565 จะกลับมาดำเนินโครงการต่ออีกครั้ง และได้ต้อนรับนักท่องเที่ยวแล้วหลายแสนคน ถึงกระนั้นก็ยังต้องเผชิญความท้าทายอีกเรื่องหนึ่ง คือสงครามรัสเซีย-ยูเครน ทำให้ชาวรัสเซียที่เป็นอีกกลุ่มซึ่งนิยมไปเที่ยวประเทศไทยลดจำนวนลง

ลูกสาว 'วัฒน์ วรรลยางกูร' โอดเป็นลูกพ่อใช้ชีวิตยาก แขวะ เพราะประเทศนี้ที่ทำให้คนอย่างพ่ออยู่ไม่ได้

วจนา วรรลยางกูร บุตรสาว นายวัฒน์ วรรลยางกูร โพสต์ร่ายยาวถึงผู้เป็นพ่อที่เพิ่งจากไปหลังป่วยหนัก โอดประเทศไทยทำคนอย่างพ่ออยู่ไม่ได้ เป็นลูกพ่อใช้ชีวิตไม่มีอะไรง่าย แต่ที่ผ่านมาได้เพราะมีกันและกัน

จากกรณี วจนา วรรลยางกูร หรือ เตย ลูกสาวของ วัฒน์ วรรลยางกูร กวีและนักเขียนเจ้าของรางวัลศรีบูรพา ซึ่งปัจจุบันลี้ภัยอยู่ที่ฝรั่งเศส เนื่องจากถูกดำเนินคดีด้วยกฎหมายอาญา มาตรา 112 โพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊ก ระบุว่า คุณพ่อวัฒน์ วรรลยางกูร จากไปแล้วราวช่วงสามทุ่มครึ่งตามเวลาในฝรั่งเศสหลังจากป่วยหนัก

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 22 มี.ค. น.ส.วจนา วรรลยางกูร ได้ออกมาโพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊ก “Toei Wajana” ถึงนายวัฒน์ วรรลยางกูร ผู้เป็นพ่อ โดยได้ระบุข้อความว่า

“เป็นลูกพ่อแม่งชีวิตโคตรยาก ไม่มีอะไรง่ายเลย มันไม่ได้ยากเพราะพ่อหรอก มันยากเพราะประเทศนี้แหละที่ทำให้คนอย่างพ่ออยู่ไม่ได้

เสียใจแน่ เสียใจมาก แต่มันมากกว่านั้น พ่อเป็นชีวิตของเตย เตยเป็นลูกสาวพ่อมาทั้งชีวิตและจะเป็นไปตลอดกาล

ตั้งแต่พ่อป่วยหนักรอบนี้มีภาพเหตุการณ์หนึ่งที่จู่ๆ ก็เข้ามาฉายวนซ้ำไม่หยุด ช่วงตอนเตยอยู่ประถม วันนั้นแม่ไม่อยู่ พ่อเลยต้องเป็นคนไปรับที่โรงเรียน พ่อขี่มอเตอร์ไซค์คันเก่าสีเปลือกมังคุดเหลือแต่โครง รีบมารับเตยตั้งแต่โรงเรียนยังไม่เลิก หอบเสื่อม้วน หิ้วกระติกน้ำแข็งแขวนแฮนด์รถมา วันนั้นอากาศร้อนมากบ้านเราไม่มีแอร์ พ่อรีบมารับลูกหน้าโรงเรียนแล้วมุ่งหน้าขึ้นไปต้นน้ำตก เปิดเบียร์พาลูกไปเล่นน้ำให้หายร้อน ลงน้ำกันสองพ่อลูกแป๊บเดียวฟ้าก็มืด ตุเลงรถอีแก่ฝ่าความมืดลงเขากลับบ้านก่อนแม่จะถึงบ้าน คล้ายภารกิจลับสองพ่อลูก

พ่อคนเดียวกันนี้ที่หัดให้ลูกว่ายน้ำด้วยการยกลูกชูขึ้นสองแขน แล้วโยนลงแม่น้ำช่วงไม่ลึกนัก พร้อมมีแม่ยืนกรี๊ดตกใจอยู่ริมฝั่ง

พ่อคนเดียวกันนี้ที่ยอมขัดใจแม่แล้วตามใจเตย ถ้าเตยตื่นไปวิ่งตอนเช้ากับพ่อแล้วบอกว่าอยากได้อะไร

พ่อคนเดียวกันนี้ที่ชอบโทร.หาตอนเตยเรียนมหาวิทยาลัย เพื่อให้กูเกิลหาว่าเพลงนี้ใครแต่ง-ปีอะไร เพื่อเอาไปเขียนคอลัมน์

พ่อคนเดียวกันนี้ที่ชอบใช้ให้พิมพ์ต้นฉบับตั้งแต่เด็กจนโต แถมยังชอบชวนคุยเรื่องการเมืองเป็นกิจวัตร

พ่อคนเดียวกันนี้ที่ถามถึงเรื่องงานลูกบ่อยกว่าถามว่า ชีวิตเป็นยังไงบ้าง เพราะหวังอยากเห็นลูกไปได้ไกลในเส้นทางของตัวเอง

พ่อคนเดียวกันนี้ที่ลูกต้องพาหนีตายระหว่างลี้ภัย

พ่อที่โคตรดื้อ แล้วทำให้เราใจอ่อนจนต้องช่วยไปซะทุกเรื่อง

เตยนึกภาพชีวิตที่ไม่มีพ่อไม่ออก ชีวิตพวกเรามันไม่เคยง่ายอยู่แล้ว แต่เราผ่านมันมาได้เพราะมีกัน

อย่างน้อยพ่อก็ได้ไปอยู่กับแม่แล้วนะ

ลูกสาวของพ่อ”


ที่มา : https://www.facebook.com/photo/?fbid=10159207818274892&set=a.373694244891

'เจ้าหนี้' เป็นปลื้ม..เมื่อเจอ ‘ลูกหนี้’ สุดยอดวินัย แจงยิบยอด 6 แสนกว่า ผ่านไป 1 ปี ปลดหนี้ได้ 4 แสน

เฟซบุ๊ก Paweena Rungrod โพสต์ภาพและข้อความ ถึงลูกหนี้รายหนึ่ง ที่มีวินัยในการคืนอย่างมากระบุว่า

"กูกราบใจลูกหนี้เลย กูขอให้เขาเจริญ ๆ ๆ ทุกคนล้วนมีปัญหาชีวิต แต่อย่าเอามาเบียดเบียนกันก็พอ เราเองก็มีหนี้ หนี้คือแรงผลักดัน"

โดยภาพดังกล่าวเป็นการเผยให้เห็นยอดหนี้ 649,000 บาท ซึ่งลูกหนี้มีการทยอยคืนเรื่อย ๆ ตลอดระยะเวลาประมาณ 1 ปี 

ขณะที่ ยอดเงินที่คืนส่วนใหญ่คืนเป็นเงินงวดละ 1,000 บาท บางงวดก็หลักร้อย และมีบางงวดที่เป็นหลักแสน และหลักหมื่น ทำให้ยอดล่าสุดเหลืออยู่ราว 200,000 บาท

ซึ่งโพสต์ดังกล่าวมีคนแชร์จำนวนมาก


ที่มา : https://www.facebook.com/photo/?fbid=4748626358593788&set=a.101734056616398

‘บิณฑ์’ รุดช่วย ‘ป้าเขียด นภาพร’ ดาราอาวุโส เผยชีวิตลำบาก หลังป่วยเส้นเลือดสมอง จนพูดไม่ได้

‘ป้าเขียด นภาพร’ ดาราอาวุโส หน้ามืดแล้วล้ม เส้นเลือดสมองส่วนหน้าตีบ พูดไม่ได้ ไม่มีแม้เงินซื้อแพมเพิส รอตรวจก้อนเนื้อในรังไข่ ‘บิณฑ์’ รุดช่วย มอบเงินให้ 2 หมื่น

หลังจากที่ล้มป่วยจนไม่สามารถเล่นละครได้อีก มีรายได้เพียงวันละ 100-200 บาทจากการขายของชำที่ปราจีนบุรี ล่าสุดเพจ ‘บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์’ ได้เผยเรื่องราวของ ‘ป้าเขียด นภาพร หงสกุล’ นักแสดงอาวุโสเจ้าบทบาทที่ตอนนี้กลายเป็นคนพูดไม่ได้ จากอาการหน้ามืดแล้วล้มเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นผลจากเส้นเลือดสมองส่วนหน้าตีบ โดยบิณฑ์เผยว่าตอนนี้ป้าเขียดไม่มีแม้เงินซื้อแพมเพิส พร้อมมอบเงินช่วยเหลือ 2 หมื่น

“สร้างรอยยิ้ม สร้างความสุขมาหลาย 10 ปี แต่วันนี้ ป้าคนนี้มีความทุกข์ใครช่วยป้าได้”

สวัสดีครับเพื่อนๆ วันนี้ผมอยากพูดถึงผู้หญิงคนหนึ่งที่อยู่ในวงการบันเทิงมา 40 กว่าปี เธอสร้างรอยยิ้ม สร้างความสนุกสนานในทุกบทบาทที่เธอได้รับเล่น ผมพูดถึง ป้าเขียด หรือ ป้านภาพร หงสกุล อายุ 76 ปี ป้าป่วยเมื่อต้นปี 2562 นอนห้อง ICU อยู่ 14 วัน ติดเชื้อในกระแสเลือด จากนั้นอาการก็ดีขึ้นเรื่อยๆ แต่เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา เกิดอาการหน้ามืดแล้วล้ม คุณหมอตรวจพบว่าเส้นเลือดสมองส่วนหน้าตีบ

ทำให้ตอนนี้ป้าเขียดไม่สามารถพูดได้ แต่ฟังรู้เรื่อง ป้าเขียดอยู่กับลูกชาย อายุ 57 ปี ที่คอยดูแลป้าเขียด ลูกชายบอกว่า ตอนนี้เงินที่ได้จากการถ่ายหนังถ่ายละครที่แม่เก็บไว้หมดแล้ว ลูกชายเปิดร้านขายของชำเล็กๆ น้อยๆ เพื่อประทังชีพ ทุกวันนี้ลำบากมากแม้แต่เงินจะซื้อแพมเพิสมาให้แม่ยังไม่มีเลย ทุกวันนี้ รายได้จากการขายของ วันละ 100-200 บาท บางวันก็ไม่ได้เลย สงสารแม่ที่พูดไม่ได้ เขียนก็ไม่ได้เลยไม่รู้ว่าต้องการอะไร

ตอนแรกที่ผมเข้าไปหาป้าเขียดจำผมไม่ได้ แต่พอผมเปิดมาสก์ออก ป้าเขียดยิ้มและจำได้ทันทีอยากจะพูดอยากจะบอกว่าจำได้แต่ป้าพูดไม่แล้ว ชีวิตที่เคยสร้างความสุขให้ใครต่อหลายคน วันนี้ป้าเขียดต้องมีสภาพเป็นแบบนี้ แล้วยังไม่รู้เลยว่าวันนี้หมอเอาก้อนเนื้อในรังไข่ไปตรวจไม่รู้จะเป็นมะเร็งอีกรึเปล่า ขอให้ป้าเขียดอย่าเป็นอะไรมากไปกว่านี้เลยนะครับ ขอให้ป้าเขียดกลับมาพูดได้เหมือนเดิมและกลับมาเล่นละครให้พวกเราชมอีกนะป้าเขียด

ช่วยเป็นกำลังใจให้ป้าเขียดด้วยนะครับเพื่อนๆ ผมช่วยป้าเขียด 20,000 บาท ถ้าเพื่อนๆ หรือคนในวงการบันเทิงอยากช่วยเหลือก็โอนเข้า บัญชีลูกชายได้เลยครับ..ชื่อ บัญชี นาย สมคิด หงสกุล ธนาคาร กรุงไทย เลขที่ บัญชี 9 8 3 3 0 1 3 2 3 6 ออมทรัพย์

การช่วยเหลือครั้งนี้สำคัญที่สุดครับ ป้าเขียดจะกลับมาพูดได้หรือไม่ได้อยู่ที่การรักษาอย่างต่อเนื่อง เงินเป็นสิ่งที่สำคัญป้าต้องมีเงินเป็นค่ารักษา ป้าต้องมีกำลังใจจากพวกเราครับ

กราบขอบพระคุณสำหรับทุกๆกำลังใจครับ..”


ที่มา : https://www.facebook.com/Bhin.fanclub/posts/518228212998220

‘เสธ.นิด’ ฟันธง สงครามรัสเซียยูเครน จบในอีก 3 วีค ชี้ถึงเวลาที่ ‘ปูติน’ ต้องปิดเกม ก่อนกำลังทหารล้า

พลอากาศโทวัชระ ฤทธาคนี หรือ เสธ.นิด อดีตนายทหารนักบินกองทัพอากาศ โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊ก Vachara Riddhagni ถึงความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน ว่า สงครามรัสเซียยูเครน 2022 นั้น คือสงครามตัวแทน Proxy War ยุคข้อมูลข่าวสาร หรือยุคดิจิตอล เมื่อสหรัฐฯ ใช้ยูเครนเป็นกลไก “ดูดซับอำนาจการรบของรัสเซียในทุกมิติสงครามให้ลดลง เช่นสงครามร้อน สงครามเศรษฐกิจการเงิน สงครามจิตวิทยามวลชน สงครามข้อมูลข่าวสาร เป็นต้น” 

แต่ผมคิดว่าสหรัฐฯ เข้าใจผิดเพราะประธานาธิบดีปูตินได้ทำกรณีศึกษาและหาหนทางปฏิบัติ Appreciation ของ “ทุกตัวละครอย่างดีเยี่ยม เช่น ไบเดน บอริส จอห์นสันหรือ มาครอง คิดอย่างไร มีแผนร่วมอย่างไร” 

โดยการสร้างสมมติฐานเชิงวิเคราะห์ลักษณะ If -Then หรือ “ถ้าเป็นอย่างนี้จะเป็นยังไงแล้วอะไรจะเกิดขึ้นบ้าง” 

สถานการณ์การรบยังคงเป็นการปิดล้อมเมือง ตัดเส้นทางคมนาคม ตัดเส้นทางขนอาวุธส่งให้กองทัพยูเครน ฝ่ายกองทัพยูเครนก็เหลือพื้นที่ดำเนินกลยุทธ์น้อยลงไปทุกที่ “ในที่สุดจะอ่อนกำลังลงไปเรื่อยๆ และจะยอมแพ้ในที่สุด 

ส่วนอาวุธที่ยึดได้มานั้น ในที่สุดจะตกเป็นบำเหน็จสงครามให้กองทัพ DPR และ LPR ในอนาคตโดยรัสเซียไม่ต้องสนับสนุน

ดังนั้นช่วงนี้เป็นช่วงที่วิกฤติของพลเมืองในหลายๆ เมืองรวมทั้งในกรุงเคียฟที่ฝ่ายทหารยูเครนไม่ยอมให้ “ประชาชนอพยพออกไป เพราะต้องการใช้ประชาชนเป็นตัวประกันในเรื่องการส่งเสบียงอาหารน้ำและเวชภัณฑ์รวมทั้งยาต่างๆ” 

ข่าวนี้เป็นข่าวจากฝ่ายรัสเซียเราจึงฟังหูไว้หูแต่ “ความจริงจะปรากฏเองในอนาคต” แต่มันเป็น “หนทางปฏิบัตการหนึ่งที่ทำให้กองทัพรัสเซียปฏิบัติลำบาก็มากขึ้น” 

ผมพยากรณ์ว่า “สงครามรัสเซียยูเครน 2022 จะยุติลงใน 3 สัปดาห์หรือบวก/ลบข้างหน้านี้เพราะ

1.) สงครามถึงจุดที่กองทัพรัสเซียต้องตัดสินใจขั้นเด็ดขาดด้วยกำลังรบในขณะนี้ มิฉะนั้นทหารจะเริ่มล้าลงหากจะเปลี่ยนกำลังใหม่นั้นจะเสียเวลาอีกในการสับเปลี่ยนกำลังและเป็นการทำให้ฝ่ายยูเครนได้ปรับกำลังรบเช่นกันและจะได้มีกำลังทหารรับจ้างเพิ่มขึ้น (ประเทศตะวันตกระดมทุนจ้างทหารรับจ้างให้)

ช่วงนี้มีการยุทธ์ที่ เมืองท่า มาริอูลโปลซึ่งกองทัพรัสเซียคงจะยึดได้ในวันี้พรุ่งนี้ “การขนส่งทางทะเลด้วยเรือสินค้าชาตินาโต้ซึ่งรัสเซียทำลายไม่ได้ หากทำลายก็จะเป็นกับดักรัสเซียให้เผชิญหน้ากับนาโต้โดยตรงซึ่งกลายเป็นความชอบธรรมในการสงครามของนาโต้สนับสนุนฝ่ายกองทัพยูเครน แต่ถ้าท่าเรือที่เมือง มาริอูลโปถูกยึดได้ การขนส่งทางทะเลก็จะยุติลง”

2.) ฤดูกาลกำลังจะเปลี่ยนเป็น “ฤดูใบไม้ผลิ เริ่มฤดูกาลเพาะปลูก” ฤดูกาลที่ผู้คนต้องการความผาสุก

3.) เมื่อเข้าฤดูร้อนนั้นทำให้การปฏิสังขรณ์อาคารบ้านเรือนที่พังเพราะภัยสงครามกระทำได้ง่ายขึ้นเพราะการขนส่งสะดวกขึ้น คนงานใช้เวลากลางแจ้งได้อย่างมีประสิทธิภาพ

4.) ฝ่ายประธานาธิบดีปูตินต้อง “มุ่งเน้น (Focus)ทำสงครามเศรษฐกิจการเงิน สงครามจิตวิทยามวลชนและสงครามข้อมูลข่าวสาร” 

5.) จะเป็นเวลาที่ชาว DPR และ LPR จะจัดการบ้านเมืองให้เป็นปึกแผ่น เชิง การเมือง การปกครอง เศรษฐกิจการเงินและระเบียบสังคมใหม่


ที่มา : https://www.facebook.com/1010126969/posts/10224777539958410/

‘บาริสตา’ ช็อก!! หลังเจอลูกค้าสั่ง ‘นมชมพู ไม่เอาหวาน’ ชาวเน็ตแขวะช่วย!! แบบนี้ต้องเท ‘อุทัยทิพย์’ ลงไปแทน

บาริสตาถึงกับต้องโพสต์โอด หลังเจอลูกค้าสั่ง นมเย็นไม่หวานเลย เผยทำไม่ได้เพราะส่วนผสมทุกตัวในเครื่องดื่มดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็นนมข้น หรือน้ำแดงเฮลส์บลูบอย หวานเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว

เมื่อวันที่ 21 มี.ค. เฟซบุ๊ก "เอ็ม เอฟฟ." หรือบาริสตาที่ร้านแห่งหนึ่ง ได้โพสต์ลงกลุ่ม "ชมรมลาเต้อาร์ต 100 ลิตร" เผยภาพบิลออเดอร์หนึ่งจากลูกค้าที่สั่ง “นมชมพู ไม่หวานเลย” พร้อมระบุแคปชัน “แล้วฉันนั้นทำอะไรได้บ้างงงง #ช็อกตั้งแต่คนรับออเดอร์ยันบาริสตา #วิญญาณหลุดลอยไป”

ทั้งนี้ หลังจากโพสต์เรื่องราวดังกล่าวออกไป ได้มีชาวเน็ตมาแสดงความคิดเห็นกันเป็นจำนวนมาก ส่วนใหญ่พูดว่าต่อให้เก่งขนาดไหนก็ชงไม่ได้ เพราะว่าด้วยส่วนผสมที่ต้องใช้น้ำแดงเฮลส์บลูบอย และ นมข้น ทำให้นมเย็นนั้นหวานอยู่แล้ว ขณะที่ชาวเน็ตบางส่วนพูดติดตลกว่าให้เทน้ำยี่ห้อ อุทัยทิพย์ ลงไปแทน หรือนำสีผสมอาหารเข้าไปแทนที่เพื่อให้เครื่องดื่มออกมามีสีชมพูตามที่ลูกค้าต้องการ โดยปัจจุบันมีผู้แชร์ภาพดังกล่าวออกไปแล้วกว่า 2,000 ครั้ง


ที่มา : https://mgronline.com/onlinesection/detail/9650000027953

https://www.facebook.com/groups/374905523915263/permalink/739090250830120/

'บิ๊กแจ๊ส'​ ขอบคุณ กกต. ให้ความยุติธรรมต่อชาวปทุมธานี​ ลั่น!! จะทำให้ปทุมติดเป็น 1 ใน 5 เมืองน่าอยู่ให้ได้

(22 มี.ค.65)​ ที่มูลนิธิมงคล-จงกลธูปกระจ่าง ต.เชียงรากใหญ่ อ.สามโคก จ.ปทุมธานี ได้มีข้าราชการ และเครือข่ายคนรักปทุมธานีเดินทางมาให้กำลัง พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายก อบจ.ปทุมธานี หลังมติ กกต.ยกคำร้อง ปมหาเสียงนายก อบจ.ปทุมธานี รอดใบแดง

พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง กล่าวว่า ต้องขอขอบคุณ กกต.ที่ให้ความยุติธรรมต่อตนเองและพี่น้องชาวปทุมธานีทุกๆ​ คน ก็อย่างเป็นที่ทราบกันทั่วๆ​ ไป การลงมาเล่นแข่งขันกันการเมือง ก็ยอมต้องมีผู้แพ้และผู้ชนะ ซึ่งในเมื่อเราชนะก็ต้องมีการร้องเรียนกันต่างๆ​ นานา ก็เป็นเรื่องปกติ ซึ่งตนเองเองพึ่งทราบอาจจะยังไม่เป็นทางการว่าผลการประชุมของคณะกรรมการ กกต. ที่ตนโดนร้องเรียนซึ่งมีกระแสข่าวมาตลอดว่าจะต้องโดนใบแดง 

"แม้แต่วันนี้เป็นวันที่ กกต.นัดลงมติตั้งแต่เช้าก็มีข่าวออกมาแล้วว่าวันนี้โดนใบแดงแน่ ก็เฉยๆ นะ เมื่อวันนี้มีมติออกมา หากเป็นจริงตามที่เป็นข่าว กกต.ทั้ง 7 ท่าน ลงมติ 7​ ต่อ 0 ยกคำร้องว่าตนไม่ผิด ตนบริสุทธิ์ใจ ก็ต้องกราบขอบพระคุณท่าน กกต.ทั้ง 7 ท่าน ที่ให้ความเป็นธรรมและตัดสินด้วยตามเนื้อผ้าจริงๆ เนื่องจากตนไม่มีการไปวิ่งเต้นเสียเงินเสียทอง แต่ตัวเลขที่ออกมาบอกว่ามีเงินตั้ง 200 ล้าน ทำให้พี่น้องประชาชนหวั่นไหว และต่อจากนี้ไปก็ขอให้ยืนยันกับพี่น้องชาวปทุมธานี อบจ.จะเดินหน้าพัฒนาจังหวัดปทุมธานีให้ยั่นยืน ไม่มีหยุดชะงักต่อไปแล้ว ฝากทุกท่านเพื่อนข้าราชการใน อบจ.ที่รู้สึกหวั่นไหว มีการปล่อยข่าวเป็นระยะว่าต้องโดนใบแดง ขอให้หันกลับมาตั้งหน้าตั้งตาทำงานเพื่อพี่น้องประชาชนชาวปทุมธานี ช่วยกันพัฒนาปทุมธานีต่อไป"

พล.ต.ท.คำรณวิทย์​ กล่าวอีกว่า​ หลังจากนี้ตนจะพานายกเทศมนตรี นายก อบต. ทั้งหมดของจังหวัดปทุมธานีเกือบ 70 ท่าน ไปสัมมนาร่วมกับ สจ. ทั้ง 36 ท่าน เพื่อให้การเมืองในจังหวัดปทุมธานีทุกระดับต้องเป็นไปในแนวทางเดียวกัน ไม่ใช่ สส.ไปทาง สจ.ไปทาง อบจ.ไปทาง มัวแต่ทะเลาะเบาะแว้งกัน อย่างไงก็ไม่เจริญ เพราะฉะนั้นต่อจากนี้เราจะเดินหน้าไปด้วยกันให้การเมือง ในปทุมธานีเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน มีความสามัคคีกันทุกระดับ เพื่อพัฒนาปทุมธานีให้ขึ้นมาเป็นเมืองน่าอยู่ที่ 1 ใน 5 ให้ได้ และต่อไปจะมีโครงการต่างๆ อีก หากทุกฝ่ายร่วมมือกันจะทำปทุมธานีให้เป็นเมืองท่องเที่ยว พี่น้องต้องมาท่องเที่ยวในปทุมธานี เศรษฐกิจปทุมธานีต้องดี จะไม่ทำให้พี่น้องชาวปทุมธานีผิดหวังโดยเด็จขาด ที่ได้เลือกตนมาด้วยคะแนนเสียงเกือบ 250,000 คะแนน และวันนี้ กกต.ก็ชี้ขาดไปแล้ว ความชอบธรรมมันจบไปแล้ว ต่อจากนี้เราจะสำนึกอย่างไรที่จะขอบคุณพี่น้องประชาชน ขอบคุณบ้านเกิดเมืองนอน ที่ต้องพัฒนาให้ดียิ่งขึ้นไปอีกให้พี่น้องอยู่ดีมีสุข เนื่องจากช่วงนี้ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ได้ขยับขึ้นมา ขอให้พี่น้องชาวปทุมธานีช่วยกันระมัดระวัง ผมไม่อยากให้ช่วงเทศกาลสงกรานต์เราต้องหยุดชะงัก อยากให้สงกรานต์ที่เป็นประเพณีแห่งเทศกาลของพี่น้องชาวมอญ คนต้องหลั่งไหลเข้ามาจังหวัดปทุมธานี ทาง อบจ.ได้เตรียมแผนที่จะจัดงานไว้แล้วเช่นมีการจัดการแข่งขันชกมวยไทยไฟต์ ที่ปทุมธานี ในวันที่ 17 เมษายน 2565 จะเดินหน้าจัดไทยไฟต์ให้ได้ ให้พี่น้องชาวปทุมธานีได้มาดูไทยไฟต์ฟรี และถ่ายทอดไปทั่วโลกทั่วประเทศ ให้พี่น้องทุกจังหวัดต้องรู้จักปทุมธานี ซึ่งทาง ร.ต.อ.ดร.ตรีลุพธ์ ธูปกระจ่าง นายกเทศมนตรีนครรังสิต ได้วางมาตรการป้องกันโควิด-19 รวมถึงได้ขออนุญาตทางจังหวัดเรียบร้อย 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top