มัทฉะ : ชาเขียวพรีเมียมที่กลายเป็นเครื่องมือขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลก
(6 มี.ค. 68) ช่วงนี้กระแสการดื่มมัทฉะ (Matcha) มาแรงจนทำให้เกิดการขาดตลาดและราคาขายบางร้านก็พุ่งสูงขึ้นภายในชั่วข้ามคืน แต่รู้ไหมว่ามัทฉะไม่ใช่แค่เครื่องดื่มชาเขียวทั่วไป แต่เป็นสินค้าที่มีอิทธิพลต่อเศรษฐกิจโลก ตั้งแต่อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม ไปจนถึงตลาดสุขภาพและความงาม มูลค่าตลาดมัทฉะเติบโตอย่างรวดเร็ว สะท้อนให้เห็นถึงแนวโน้มของผู้บริโภคที่ให้ความสำคัญกับสุขภาพและไลฟ์สไตล์ที่ยั่งยืน
ปัจจุบันตลาดมัทฉะทั่วโลกมีมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ โดยคาดการณ์ว่าจะเติบโตที่อัตราเฉลี่ยประมาณ 8-10% ต่อปี หรือมูลค่าตลาดมัทฉะจะทะลุ 5 พันล้านดอลลาร์ในปี 2028 แล้วตลาดนี้ใหญ่ขนาดไหนเดี๋ยวเราไปรู้จักกันค่ะ
ที่มาของมัทฉะมีต้นกำเนิดจาก ประเทศจีน ในสมัยราชวงศ์ถัง ก่อนที่ญี่ปุ่นจะนำไปพัฒนาเป็นพิธีชงชาสไตล์เซน
ประเทศผู้นำในการปลูกญี่ปุ่นยังเป็นผู้นำ และกว่า 80% ของมัทฉะเกรดพรีเมียม ผลิตในญี่ปุ่น โดยจังหวัดอุจิ (Uji) และชิซึโอกะ (Shizuoka) เป็นแหล่งปลูกสำคัญ
ปัจจัยหลักที่ผลักดันการเติบโต
-เทรนด์สุขภาพ มัทฉะมีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ช่วยเผาผลาญไขมัน และเพิ่มพลังงานโดยไม่ทำให้ใจสั่นเหมือนกาแฟ
-การขยายตัวของร้านคาเฟ่ ที่เน้นเครื่องดื่มมัทฉะในเมืองใหญ่ทั่วโลก เช่น นิวยอร์ก ลอนดอน และโตเกียว
-อุตสาหกรรมความงาม แบรนด์เครื่องสำอางนำมัทฉะมาใช้เป็นส่วนผสมหลักในผลิตภัณฑ์ดูแลผิว
มูลค่าตลาดมัทฉะทั่วโลก
เติบโตที่อัตราเฉลี่ยประมาณ 8-10% ต่อปีและคาดว่าจะ แตะ 5 พันล้านดอลลาร์ภายในปี 2028
ประเทศที่บริโภคเยอะที่สุด
1. จีน เป็นผู้นำเข้ามัทฉะรายใหญ่และเริ่มเป็นผู้ผลิตเองในบางพื้นที่
2. ญี่ปุ่น ที่ประเทศต้นกำเนิดของมัทฉะคุณภาพสูง
3. สหรัฐอเมริกา เป็นตลาดมัทฉะที่ใหญ่ที่สุดนอกเอเชีย
4. เกาหลีใต้ ที่เทรนด์เครื่องดื่มและสกินแคร์ทำมาจากมัทฉะ
5. เยอรมนี เป็นประเทศยุโรปที่มีการบริโภคมัทฉะสูง
ยอดสั่งซื้อในไทยปี 2567 เพิ่มขึ้นราว 78% จากปี 66
