Friday, 17 May 2024
NEWSFEED

‘หนุ่ม กรรชัย’ ยัน!! ไม่เคยเรียกเก็บเงินแขกออกรายการ หลังถูกแอบอ้างบ่อย ชี้!! ตนเป็นสื่อ ต้องมีจรรยาบรรณ

(24 ส.ค. 66) สำหรับพิธีกรคนเก่งอย่าง ‘หนุ่ม กรรชัย’ ที่วันนี้จะมาเคลียร์ชัด ๆ ในรายการ มิสเปรียญ 9 ในประเด็นที่คนเม้าท์ว่า เรียกเก็บเงินแขกรับเชิญ พร้อมตอบข้อสงสัยกำลังทำเกินหน้าที่สื่อหรือไม่?

“ถามว่าเคยโดนข่มขู่ไหม มีบ้าง เพราะการทำงานจะมี 2 มุม มีทั้งคนได้ประโยชน์และเสียประโยชน์ ส่วนตัวเชื่อว่ารายการฮาร์ดทอล์คอะไรแบบนี้ ความเป็นกลางมันไม่มีหรอก มันมีแต่ ความเป็นธรรม”

>> กำลังทำเกินหน้าที่สื่อหรือไม่ ?

“เคยมีคนพูดกับพี่เหมือนกัน ช่วงทำรายการแรก ๆ ก็มีสื่อด้วยกันเองบางคนพูดว่า "สื่อไม่ได้มีหน้าที่ไปช่วยเหลือใครแบบนี้ สื่อมีหน้าที่แค่อยู่ตรงกลาง และนำเสนอเท่านั้น" ตอนนั้นเรื่องแพรวา 9 ศพ พี่ยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือ เหยื่อทุกคนขอบคุณพี่หมด ผมอาจไม่ได้มองว่าตัวเองเป็นสื่อ แต่การเป็นสื่อมันต้องมีเรื่องของจริยธรรม จรรยาบรรณ และความเป็นมนุษย์ด้วย ผมแค่ใช้โอกาสในการเป็นสื่อ เพื่อที่จะช่วยเหลือคนอื่นที่ลำบาก มันคือความเป็นมนุษย์”

>> ส่วนเรื่องเรียกเก็บเงินแขกรับเชิญที่มาออกรายการ?

กรรชัย ยืนยันชัดว่า “ไม่เคยเรียกเก็บเงินเลย ให้ตายจริง ๆ ส่วนเรื่องเงิน 3 แสนบาท เป็นเคสทนายความไปเรียกเงินลูกความแล้วบอกจะพามาออกรายการ ซึ่งไม่ได้เกี่ยวกับรายการ รายการมีแต่ให้เงิน แต่ผมก็เคยได้ยินมาเหมือนกันว่า บางพื้นที่ไปพูดกับชาวบ้านประมาณว่า เอามา 3,000-5,000 บาท จะพาไปออกโหนกระแส ถ้าพี่รู้พี่ก็จะโทรไปคุยเลย โดนแอบอ้างบ่อยมาก”

‘มาย-อาโป’ ขึ้นแท่นนักแสดงฮอตระดับโลก สร้างมูลค่าสื่อให้แบรนด์หรูรวมกว่า 159 ลบ.

‘มาย-ภาคภูมิ ร่มไทรทอง’ และ ‘อาโป-ณัฐวิญญ์ วัฒนกิติพัฒน์’ สองนักแสดงสุดฮอต เปิดเส้นทางในวงการบันเทิงนานกว่า 10 ปี จนกลายเป็นนักแสดงแถวหน้า สร้างมูลค่าสื่อให้กับแบรนด์ระดับโลก ได้มากกว่า 159.9 ล้านบาท ผ่านทางรายการ คุยแซ่บshow ช่อง One31

>>ซีรีส์ที่เล่นชื่อว่าคินน์พอร์ชเดอะซีรีส์ ดังทั่วโลก กว่าจะก้าวมาถึงจุดนี้ ทั้งคู่ไม่เคยใฝ่ฝันเลยว่าจะเป็นดารา ตอนวัยเด็กอยากเป็นอะไร?

มาย : ตอนเด็กอยากเป็นวิศวโยธา ตอนเด็กผมเคยมีญาติ ญาติพาไปเที่ยว เห็นเขาทำฝาย ผมก็มีความใฝ่ฝันอยากทำฝาย ดูเท่

อาโป : ผมโนไอเดียเลย ไม่รู้เลยว่าจะทำอะไร อยากเป็นอะไร พ่อแม่การศึกษาไม่ได้สูง เขาก็แค่อยากให้ลูกเรียนในสิ่งที่คิดว่ามันมั่นคง เป็นหมอหรืออะไรแบบนี้ เราก็รู้ลึก ๆ ว่ามันไม่น่าเหมาะกับเรา มันก็เลยเคว้ง เหมือนอยู่ในครอบครัวที่เขาคาดหวัง เราก็งงอยู่พักใหญ่ ๆ

>>มาเป็นนักแสดงได้ยังไง?

อาโป : พอดีช่วงที่ค้นหาชีวิต เราบังเอิญเจอผู้จัดการคนเก่า คือพี่เบิ้ม เขาก็พาไปเดินแบบ เดินอยู่สักพัก ตอนนั้นเขาให้ไปแคสที่ช่อง 3 บังเอิญแคสไม่ผ่าน เขาก็เลยบังเอิญไปเจออีกคน คือพี่หนุ่ม กฤษณ์ ตอนนั้นกำลังจะถ่ายสุดแค้นแสนรัก เขาให้ไปแคสเรื่องนั้น ที่เล่นกับพี่เบนซ์ด้วย นั่นคือจุดเริ่มต้นที่ได้เป็นนักแสดง นั่นคือเรื่องแรก แคสกับช่องไม่ผ่าน แต่แคสกับพี่หนุ่ม พี่หนุ่มบอกว่าต้องเป็นบทคู่แฝด แล้วโปดันไปคล้ายกับอีกคนนึง เขาก็เลยให้มาลองดู แล้วส่งไปเรียนการแสดง ซึ่งผ่านมา 10 ปีพอดี พี่เบนซ์ยังสวยเหมือนเดิม (เบนซ์บอกว่าอาโปมีแววอยู่แล้ว เป็นคนขี้สงสัยแล้วก็จะถามเลย เด็กบางคนไม่ได้ถาม บอกมาก็เล่นตามนั้น แต่อาโปเป็นเด็กขี้สงสัย ซึ่งเป็นข้อดีเพราะพอถามแล้วได้ความรู้ กว่าจะจบเขาก็เล่นเก่งเลย

>>หลังเรื่องสุดแค้นก็ได้เล่นอีกหลายเรื่อง แล้วอะไรทำให้ตัดสินใจออกไปใช้ชีวิตใหม่ ก้าวใหม่ของชีวิต?

อาโป : ต้องย้อนกลับไปก่อนว่าตอนนั้นพอเล่นสุดแค้นเสร็จ บังเอิญได้ไปเล่นกับพี่อ๊อฟ พงษ์พัฒน์ เรื่องเลือดมังกร แล้วเล่นกับพี่นก ฉัตรชัย พี่นกเขามีแพชชั่นทางด้านแสดง ทำให้เราฉุกคิดขึ้นมาว่าถ้าเราจะเอาอันนี้เป็นอาชีพ เราต้องทำยังไงกับมันบ้าง ต้องตั้งคำถามยังไง ต้องศึกษายังไงกับการเป็นตัวละคร เลยเป็นจุดเริ่มต้นว่าเราจะเอาดีด้านนี้แล้วนะ เราทำมาเรื่อย ๆ ก็คิดว่าการละครไม่ตอบโจทย์เรา สมมติปีนึงมีพีเรียดนึง มี 3 พาร์ต เขาถ่ายพาร์ตละ 2-3 เรื่อง มันทำให้เราไม่มีเวลาไปใช้ชีวิตอย่างอื่น ตอนนั้นอยู่มา 2-3 ปีแล้ว ช่วงที่ผ่านมาเราถ่ายแต่ละคร ไม่ได้ทำอะไรเลย เราก็คิดว่าเฮ้ย ชีวิตเรามีแค่นี้เองเหรอ เราอยากออกไปเจอโลกบ้าง ได้เรียนรู้มุมอื่นบ้าง อยากไปทำงานที่ทุกคนทำงานอย่างละเอียดอ่อน เราเป็นเด็กช่างสงสัย ก็จะถามตัวเองตลอด ทำไมถึงเป็นอันนี้ไม่ได้ ทำไมถึงได้แค่นี้ นี่คือจุดเปลี่ยนที่ทำให้ตัดสินใจว่าที่นี่ไม่เหมาะกับเรา เราก็เลยย้ายไป ตอนนั้นตัดสินใจออก เก็บของ ขายทุกอย่างทิ้งที่เมืองไทย แล้วไปอยู่ที่นิวยอร์ก

>>มายเข้าวงการได้ยังไง?
มาย : พอเรียนวารสารเราก็เปิดใจว่าจริงๆ ต้องหาอะไรทำ ระหว่างเรียน เราจะได้เรียนรู้หน้างานด้วยนอกจากวิชาการ การไปคุยกับคนต่าง ๆ ก็ได้มายด์เซตว่าเราควรเปิดใจกับทุกอย่างที่เข้ามา เพราะโลกกว้างมาก ก็เริ่มไปเป็นดีเจคลื่นวิทยุคลื่นนึงตอน 18 เราก็คุยหมดเลย ช่างแต่งหน้าวันนั้นก็ยังแต่งหน้าวันนี้ คนแรกกับปัจจุบันก็เป็นคนเดียวกัน เราก็รู้สึกว่าวงการบันเทิงมีหลากหลาย พอมีอะไรมาก็ไปแคส บวกกับความใจดีของเรามั้ง เวลาใครบอกไปทำนี่ให้หน่อยสิ เราก็ไปทำ โดยเราไม่ได้คาดหวังว่าจะดังหรือได้เงิน เพราะเราทำโดยไม่ได้ต้องการเรื่องตรงนั้นสักเท่าไหร่ เหมือนคินน์พอร์ชเหมือนกัน เราก็แค่ไปช่วยเขา เพราะเขาบอกว่าบทนี้มาจากบุคลิกเราบางอย่าง เพราะนักเขียนรู้จักเรา ก่อนรู้จักนักเขียนก็เป็นโปรดิวเซอร์รายการ เขาก็ชวนเราไปออกรายการเขา แล้วเขาก็เห็นแค่นั้นเอง เราก็ไปสิ แต่ไม่มีใครรู้จักพี่นะ ไปได้มั้ย ก็ไปช่วยกัน หลังจากนั้นสองเดือนเขาก็ติดต่อมาอีก ว่ามีนิยายที่เขาเขียน เขาอยากทำเป็นซีรีส์ เขาเขียนจากตัวมายประมาณใหญ่ ๆ เลยแหละ ลองไปแคสให้ดู แต่ก็ไม่แน่ใจว่าจะเล่นหรือเปล่านะ เพราะไม่รู้แอ็กติ้งได้ดีขนาดไหน ก็ลองดู แล้วก็ลุย มาถึงตอนนี้

>>อาโปไปทำอะไรอยู่อเมริกา?

อาโป : เราอยากเปลี่ยนมุมมองใหม่ทั้งหมด ตอนเล่นละครมา ก็จะมีระบบที่เขาบอกว่าคุณต้องวางตัวแบบนี้ คุณต้องเป็นแบบนี้ ตอนนั้นรู้สึกว่าไม่ จริง ๆ เราคือมนุษย์ เราควรทรีตทุกคนเท่ากัน เราควรใช้ชีวิตปกติได้สิ เราก็เลยตั้งใจไปที่นั่น แล้วขาดการติดต่อกับคนฝั่งนี้ เมื่อก่อนเรามีผู้จัดการ แต่ ณ วันนี้เราต้องดีลทุกอย่างด้วยตัวเอง เวลาเราอยากได้อะไร มันเลยเหมือนต้องคิดเป็นระบบมากขึ้น พอไปปั๊บก็คิดว่าถ้าวันนึงเราประสบอุบัติเหตุ เราเป็นนักแสดงไม่ได้ เราทำอะไรได้บ้าง ณ วันนั้นฉุกคิดมาว่าเราทำอะไรไม่เป็นเลยนี่หว่า เราเป็นนักแสดงได้อย่างเดียว เราก็เริ่มค้นหาว่าเราเป็นอะไรได้บ้าง เราเลยไปลองถูพื้น เป็นแคชเชียร์ เป็นบาร์เทนเดอร์ ก็คิดว่าเป็นชีวิตอีกแบบนึง นี่คือมนุษย์จริง ๆ เพราะเรื่องภาพลักษณ์ที่เรามี เรื่องหน้าตาที่อื่นเขาไม่รู้จักเรา เขาไม่แคร์เราเลย เขาทรีตเราเป็นมนุษย์คนนึง ทำให้เราได้เรียนรู้ว่าจริง ๆ มนุษย์คืออะไร ซึ่งสิ่งนั้นแหละทำให้เราอยากลองไปแคสเป็นนักแสดงที่นั่น ต่อให้เวิร์กหรือไม่เวิร์กอย่างน้อยเราได้ลองทำ บังเอิญโควิดเข้า เสน่ห์นิวยอร์กคือคนพลุกพล่าน พอทุกคนหยุดแล้วหายหมดเลย เราก็เฮ้ย เสน่ห์หายไป เราไปทำอย่างอื่นดีกว่า ก็คิดว่ากลับมาที่เมืองไทยดีกว่า บังเอิญตอนนั้นมีคินน์พอร์ชเปิดให้แคส เราก็เลยไปแคส แล้วบังเอิญได้เล่น จนทุกวันนี้

>>เหมือนเส้นทางชีวิตต้องมาทางนี้ เขาดังมากจริง ๆ คินน์พอร์ชเดอะซีรีส์ โด่งดังถึงขนาดไปเล่นคอนเสิร์ตเวิลด์ทัวร์?
อาโป : ไปหลายเมือง มีไทเป สิงคโปร์ เกาหลี ฮ่องกง ฟิลิปปินส์

>>เวลามีตติ้งแฟนคลับจะเป็นแบบนึง แต่นี่คอนเสิร์ตยิ่งใหญ่อลังการ รู้สึกยังไงบ้างที่วันนั้นพี่เขาชวนเรา เราลองดู อีกคนโควิดกลับมาเมืองไทย จนความสำเร็จเวอร์วังขนาดนี้ รู้สึกยังไงบ้าง?

มาย : จริง ๆ ผมมีความสุขมาก เพราะคลิกสุดท้ายที่เราเลือกว่ามาทำบันเทิงเต็มตัวดีกว่า ให้เวลาโดยทิ้งงานอื่นไปเลย คือเราอยากสร้างความสุขให้คน ส่งต่อความสุขให้คนผ่านงานบันเทิง เราชอบกีตาร์ เราชอบร้องเพลง แอ็กติ้งได้บ้าง มาผนวกรวมกัน พอไปคอนเสิร์ตเราได้เจอคนหลากหลายประเทศ หลากหลายเมือง หลากหลายโลเกชั่น เราเห็นแววตาของความสุข เสียงกรีดร้องที่ไพเราะต่าง ๆ นานา มันเป็นเอเนอร์จี้ที่เรามีความสุขจากงานที่พวกเราทำ นั่นคือทำให้ผมโอเคมาก ๆ กับเป้าหมายในวงการบันเทิง

อาโป : โปภูมิใจมาก ในฐานะนักแสดง สิ่งที่เราทำ คือเราเป็นตัวแทนในการเล่าประสบการณ์ชีวิตตัวละคร ให้คนดูได้กำลังใจ ได้เรียนรู้ชีวิต แต่พอเราได้ทำคอนเสิร์ต เราส่งไปปั๊บเราเห็นเลยว่าเขามีความสุข มันเลยเป็นอีกเวย์ที่เรารู้สึกว่ามันเจ๋ง เราแค่เต็มที่แล้วเขาก็มีความสุขขึ้นมาโดยเราไม่ได้ทำอะไรมากเลย ทำให้รู้ว่าหลาย ๆ ที่ในโลก สิ่งเชื่อมกันคือความสุข

>>การสร้างมูลค่าทางสื่อ 160 ล้าน ไปทำอะไรมา?
มาย : จริง ๆ เราสองคนเป็น House Ambassador ของดิออร์ ของประเทศไทย ไปร่วมงานที่ฝรั่งเศส
อาโป : พลังของแฟน ๆ ทั่วโลกเขาซัปพอร์ตกันลงโซเชียล มันเลยทำให้ยอดสื่อไปถึงขนาดนั้น ก็ขอบคุณแฟน ๆ มาก ๆ

>>หนึ่งโพสต์ ทำให้ยอดซื้อสินค้าพุ่งทะยานเพิ่มมากขึ้น สองคนรวมกัน 160 ล้านถือว่าเยอะมาก ๆ ล่าสุดมายเป็นอะไร?
มาย : เฟรนด์ ออฟ เกอร์แลง ต้องขอบคุณแบรนด์ด้วย ผมเป็นในพาร์ตของน้ำหอม เดือนที่แล้วไปฝรั่งเศสมา ไปดูของเกอร์แลง ทั้งเกอร์แลง ทั้งดิออร์ การทำงานเขาเจ๋งมากในทุกส่วนจริง ๆ แล้วโปรดักส์เขาดีมาก ๆ

‘แอร์ ภัณฑิลา’ คลอด ‘น้องฑิลาร์’ แล้ว พร้อมอวดความน่ารัก เหล่าคนบันเทิง-แฟนคลับ แห่คอมเมนต์ร่วมแสดงความยินดี

เมื่อวันที่ 23 ส.ค. 66 พิธีกรสาวร่างเล็ก ‘แอร์-ภัณฑิลา ฟูกลิ่น’ คลอด ‘น้องฑิลาร์’ ลูกสาวคนแรก เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

โดย สาวแอร์ ได้เผยโฉมให้เห็นกันเป็นครั้งแรกผ่านไอจีส่วนด้วย ระบุว่า…

“𝐃𝐀𝐘𝟏 : เบบี๋ ฑิลาร์ รายงานตัวค้าาาา…🐰💖
#bunnytila🐰 #babytila🍼
#อ่อแอร์เอง #bunnyaire”

ในภาพจะเห็นคุณแม่มือใหม่ นอนอยู่บนเตียง พร้อมกับลูกสาวสุดน่ารักน่าชัง และมีสามี ‘ไอซ์-รัชชสิทธิ์ มั่นคงธนทรัพย์’ นักธุรกิจหนุ่มอยู่คอยเฝ้าให้กำลังใจไม่ห่าง

หลังจากโพสต์ไปไม่นาน มีดารา นักแสดง และแฟนคลับเข้ามาให้กำลังใจจำนวนมาก เช่น

- โยชิ รินรดา เข้ามาคอมเมนต์ว่า “ยินดีด้วยนะค้า”
- ปุ้มปุ้ย พรรณทิพา เข้ามาแสดงความคิดเห็นว่า “ยินดีด้วยน้าาาค้า”
- ดิว อริสรา เข้ามาแสดงความคิดเห็นว่า “On the rainy afternoon Tequila came to the world! มีคนแถวนี้พูด Soooooo Cute!”
- คิมเบอร์ลี่ นางเอกดัง เข้ามาแสดงความคิดเห็นว่า “Congratulations naka sisss” เป็นต้น

‘ท็อป พิพัฒน์-นุ่น ศิรพันธ์’ ครบรอบแต่งงาน 8 ปี คู่รักตัวอย่างที่ขาเตียงมั่นคง แม้ไม่มีลูกด้วยกัน

(24 ส.ค.66) แต่งงานใช้ชีวิตคู่มา 8 ปีแล้ว ยังไม่มีทายาท สำหรับคู่สามีภรรยา ‘ท็อป พิพัฒน์’ และ ‘นุ่น ศิรพันธ์’ แต่ก็หมั่นเติมความหวานให้กันตลอด

ล่าสุด เมื่อวานนี้ (23 ส.ค.) เป็นวันครบรอบแต่งงาน 8 ปีของทั้งคู่ งานนี้ ‘นุ่น’ ได้ย้อนวันวานตอนที่เข้าพิธีแต่งงานกับคุณสามี ด้วยการลงรูปตอนที่ทั้งคู่กำลังรดน้ำต้นไม้แทนซีนตัดเค้กแต่งงาน พร้อมเขียนความในใจว่า

“ปลูกความรักมาแล้ว 8 ปี...บทสนทนาเลยจะได้ประมาณนี้

ศิร : กู๋ท็อป ดูรูปงานแต่งเราตอนนั้นซิ ตอนนี้เขามาไกลมากเลย ตัวแน่นไปหมด
กู๋ท็อป : เอาที่ตัวเองมีความสุข เขาอยู่ด้วยทั้งนั้น
ศิร : งั้นเขาขอเพิ่มอีก 10 โลได้ไหม
กู๋ท็อป : อันนี้ก็เกินไปเธอ

Happy Anniversary @toppipat รู้จักกันมา 16 ปี เราก็ยิ้มๆ แซวๆ กัดๆ กันไปจนแก่เลยนะเธอ #ecowedding”

‘เบิร์ด ธงไชย’ ได้รับเลือกเป็น ‘ศิลปินแห่งชาติ’ สาขาศิลปะการแสดง ประจำปี 2565

(23 ส.ค.66) นับเป็นเรื่องยินดีอย่างยิ่ง หลังกรมส่งเสริมวัฒนธรรม แถลงข่าวประกาศผลการคัดเลือกศิลปินแห่งชาติ พุทธศักราช 2565 ผ่านเพจ ‘กรมส่งเสริมวัฒนธรรม’ ซึ่งมีบุคคลที่ได้รับการยกย่องเชิดชูเกียรติ จำนวน 12 คน

โดยหนึ่งในนั้นมีรายชื่อซูเปอร์สตาร์เมืองไทย ‘เบิร์ด ธงไชย แมคอินไตย์’ ได้รับการยกย่องเป็นศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (ดนตรีไทยสากล-ขับร้อง)

ทั้งนี้ ‘เบิร์ด ธงไชย’ ได้ออกมาเผยความรู้สึกผ่านเฟซบุ๊กว่า “พี่เบิร์ดขอขอบคุณ สำหรับการได้รับเกียรติยกย่องเป็นศิลปินแห่งชาติ พุทธศักราช ๒๕๖๕ สาขาศิลปะการแสดง (ดนตรีไทยสากล-ขับร้อง) รางวัลนี้ส่วนหนึ่งเกิดขึ้นได้เพราะแฟนเพลง ที่สนับสนุนผลงานของพี่เบิร์ดมาตลอดด้วยครับ พี่เบิร์ดขอบคุณมาก ๆ ครับ”

‘ลิซ่า BLACKPINK’ สวมชุดแบรนด์ไทยขึ้นคอนเสิร์ต เฉิดฉายที่ซานฟรานฯ อวดโฉมความปังไม่แพ้ชาติใดในโลก

(23 ส.ค.66) เรียกว่าดีไซเนอร์ไทยก็ปังไม่แพ้ชาติใด เพราะล่าสุดแบรนด์ KANAPOT ของ ‘คณาพจน์ อุ่นศร’ ดีไซเนอร์มากความสามารถชาวไทย กลายเป็นไวรัลดัง

หลังดีไซน์ชุดสีขาวสุดแซ่บ ที่ ‘ลิซ่า ลลิษา มโนบาล’ สมาชิกชาวไทยเกิร์ลกรุ๊ปวง ‘BLACKPINK’ สวมขึ้นโชว์โซโล่ในเพลง MONEY บนเวทีคอนเสิร์ต BORN PINK WORLD TOUR ที่ Oracle Park นครซานฟรานซิสโก สหรัฐอเมริกา ในค่ำคืนที่ผ่านมา (22 ส.ค.66)

โดยความพิเศษอยู่ที่ผสมผสานดีไซน์สปอร์ตเข้ากับความแหลมของเลื่อม และขนนกให้ได้ลุคที่ลงตัว และสะท้อนความเป็นลิซ่าได้ออกมาอย่างสมบูรณ์แบบที่สุด ท่ามกลางเสียงชื่นชมล้นหลาม

‘หมอริท เรืองฤทธิ์’ อวดภาพขณะทำวิจัยเรียนต่อปริญญาเอก แต่ชาวเน็ตโฟกัสผิดจุด แห่แซว!! เห็นแล้วอยากไปช่วยรีดเสื้อ

(23 ส.ค.66) สำหรับ ‘หมอริท เรืองฤทธิ์ ศิริพานิช’ ที่ตอนนี้ได้ผันตัวเองไปเปิดคลินิกด้านความงาม  6 สาขา เข้าสู่หลักล้านไปเเล้ว เเละตอนนี้ ‘หมอริท’ กำลังซุ่มเรียนต่อในระดับปริญญาเอกอีกด้วย

โดยล่าสุด ‘หมอริท’ โพสต์ภาพตัวเองที่อยู่ในห้องแล็บ พร้อมแคปชันระบุว่า “จนได้…เปิดตัวด้วย animal study Officially, I’m now a Ph.D. candidate.” บอกเลยว่าเก่งรอบด้านจริง ๆ

ทั้งนี้ ก็ยังไม่วายโดนชาวเน็ตแซวชุดที่หมอริทได้สวมใส่ รวมถึงคนที่เข้ามาให้กำลังใจอย่างมากมาย อาทิ “เตารีดในมือสั่นมากกกกก”, “อยากไปช่วยรีดเสื้อ”, “ซักแล้วเข้าเครื่องอบผ้า สะบัดนิดหน่อยก็เรียบแล้วครับ (ถ้าขี้เกียจรีดผ้า)”, “เก่งเกินนนน”, “สู้ ๆ นะคะ พี่หมอริท เป็นกำลังใจให้ค่ะ” เป็นต้น

พระเอกสุดฮอต ‘เข้ม หัสวีร์’ จัดแฟนมีตติ้งริมทะเลพัทยา ปลื้มใจ!! แฟนคลับมอบ ‘ปีกเงิน’ เป็นของขวัญวันเกิด

เรียกว่าเป็นปีแรกที่พระเอกสุดฮอตแห่งช่อง 7HD ‘เข้ม-หัสวีร์ ภัคพงษ์ไพศาล’ จัดแฟนมีต ชวนเหล่าแฟนคลับไปสนุกใกล้ชิดกันที่ต่างจังหวัด ประเดิมปักหมุดที่ริมทะเลพัทยา ในชื่อ ‘KEM HUSSAWEE FAN PARTY 2023’ ซึ่งงานนี้มีครอบครัว รวมถึงเพื่อนซี้ ยูโร ยศวรรธน์ และ เบน-สันติราษฎร์ กุลนพเกียรติ มาร่วมเป็นแขกเซอร์ไพรส์พิเศษอีกด้วย

โดยหนุ่มเข้มเผยว่า “สำหรับมีตติ้งในครั้งนี้ จริง ๆ เราตั้งใจไว้ว่าอยากให้ทุกคนได้มาพักผ่อนกันครับ ซึ่งแฟน ๆ ที่ติดตามเข้ม มางานเข้มตลอด 5-6 ปี ที่ผ่านมา เข้มอยากให้ได้มาเจอกัน อยากให้ทุกคนได้สนุก ได้ปล่อยจอยเต็มที่ เลยจัดเป็นกิจกรรม 2 วัน 1 คืน มีคอนเสิร์ตริมทะเล เข้มเตรียมวงมาเล่น รวมถึงมีเซอร์ไพรส์จากครอบครัวของผม ยูโร และ พี่เบน มาร่วมแจมกันด้วย บรรยากาศคืออบอุ่นมากครับ แฟน ๆ ได้ร่วมพูดคุยกัน ได้ทานอาหารร่วมกัน มีกิจกรรมถ่ายรูปร่วมกัน และยังได้ไปทำบุญด้วยกันที่มูลนิธิสว่างบริบูรณ์ธรรมสถานด้วยครับ”

พระเอกหนุ่มกล่าวอีกว่า “ผมอยากขอบคุณทุกคนนะครับ ที่มาสนุกด้วยกัน และได้มาร่วมทำบุญในโอกาสวันคล้ายวันเกิดของผม ปีนี้เป็นปีที่ผมมีความสุขมาก ๆ เป็นการร้องไห้ที่มีความสุขมากจริง ๆ ทุกคนเป็นเด็กผม ทุกคนมาด้วยความรัก หลาย ๆ คนไม่เคยเป็นแฟนคลับใครมาก่อน เพิ่งจะมาเป็นกับผม สิ่งที่ผมอยากให้เกิดหลังจากนี้ คือ ให้ทุกคนมีความสุขในทุก ๆ วัน สุขภาพแข็งแรง เพื่อมาเจอผมในปีต่อ ๆ ไป ขอบคุณมาก ๆ ครับ”

นอกจากความรักที่แฟนคลับมอบให้แล้ว ยังมีเซอร์ไพรส์มอบปีกเงิน ช่อดอกไม้ และเค้กให้อีกด้วย ยิ่งทำให้ เข้ม รู้สึกอิ่มเอมใจ พร้อมตั้งใจทำงาน สร้างสรรค์ผลงานดี ๆ ส่งมอบความสุขให้ผู้ชมเหมือนเช่นที่ผ่านมา

‘เป้ย’ ประกาศปิดอู่ ให้สามีทำหมันเรียบร้อย ลั่น!! เศรษฐกิจแบบนี้ มีแค่ 2 คนก็พอแล้ว

(23 ส.ค.66) แต่งงานสร้างครอบครัวมาด้วยกันกว่า 11 ปีแล้ว สำหรับคู่ของคุณแม่คนสวย ‘เป้ย ปานวาด’ และสามี ‘ป๊อบ นิธิ’ จนตอนนี้มีพยานรักด้วยกัน 2 คน พี่โปรด และน้องปาลิน ทำให้บ้านหลังนี้กลายเป็นอีกครอบครัวที่สมบูรณ์จนหลายคนอิจฉา

เรื่องความหวาน ความสวีทสามี ‘เป้ย’ บอกว่า ก่อนแต่งเป็นอย่างไร หลังแต่งทุกวันนี้ก็ยังเป็นแบบนั้น กอดรัดฟัดเหวี่ยง แกล้งหยอกล้อมุ้งมิ้งกันเป็นประจำ ไม่มีมุมหวานกินข้าวใต้แสงเทียน ทั้งคู่ชอบทานปิ้ง ๆ ย่าง ๆ ว่างก็ไปดูหนัง ซึ่งไลฟ์สไตล์ส่วนใหญ่ค่อนข้างตรงกัน

ส่วนเรื่องลูกคนที่ 3 เป้ยตอบชัดเจนแล้วว่าปิดอู่ ไม่มีลูกอีกแล้ว เพราะตอนนี้สามีก็ทำหมันเรียบร้อย เป้ยมองว่า 2 คนกำลังดี สำหรับเศรษฐกิจแบบนี้ เวลาไปไหนมาไหนก็ไม่เหนื่อยจนเกินไป ก่อนแต่งงานเป้ยบอกว่าคิดจะมีลูกคนเดียวด้วยซ้ำ แต่สุดท้ายก็ขอมีชายคนหญิงคนก็พอแล้ว

‘ก้อย รัชวิน’ อุ้มท้องนอนเฝ้า ‘ตูน’ ไม่ห่าง หลังผ่าตัด จนฝ่ายชายลั่น สงสารภรรยา อยากให้กลับไปพักบ้าง

(23 ส.ค.66) เป็นอีกรักที่สวยงาม สำหรับคู่ของ ‘ตูน อาทิวราห์’ หรือ ‘ตูน บอดี้สแลม’ และ ‘ก้อย รัชวิน’ ที่ล่าสุดคนเป็นภรรยาได้ออกมาเขียนแชร์เรื่องราวความรักของทั้งคู่พร้อมอัปเดตอาการ หลังสามีพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลจากการผ่าตัดหมอนรองกระดูกกดทับเส้นประสาท ก็ทำให้ก้อยที่มานอนเฝ้าคนรักอดคิดถึงวันเก่า ๆ ไม่ได้ โดยเธอเล่าว่า

“เป็นครั้งที่ 3 ในชีวิตที่ได้มานอนเฝ้าคนรัก”

“จุดเริ่มต้นของการเป็นแฟนกันก็ที่โรงพยาบาลนี่แหละ ตอนนั้นกำลังศึกษาดูใจกันมา 6 เดือน แต่ยังไม่เป็นแฟนกัน จนพี่ตูนประสบอุบัติเหตุที่กระดูกต้นคอระหว่างเล่นคอนเสิร์ต แล้วก้อยไปนอนเฝ้าแบบนี้เลย พอเค้าลืมตามาเห็นก้อย นางก็เลยขอเป็นแฟนจ้าาา ฮิ้วววววว (เล่าไปก็เขินเหมือนกันนะ) จากวันนั้นจนวันนี้ก็เกือบ 13 ปีแล้ว และเราก็เลยนับวันที่ 1 กันยาของทุกปี เป็นวันครบรอบของเรา (ซึ่งใกล้จะถึงแว้ว) หลังจากนั้นพอแต่งงานได้เดือนเดียว ไปฮันนีมูนกัน พี่ตูนก็เข้าโรงพยาบาลอีก คราวนี้มีเรื่องเส้นประสาทเข้ามาบวกกับเรื่องหมอนรองกระดูกเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ตอนนั้นพี่ตูนไม่ได้ตัดสินใจผ่า แต่ใช้วิธีกายภาพเอา ซึ่งอาการก็ดีขึ้นเรื่อย ๆ แต่ก็ยังไม่หาย 100%...”

“จนมาครั้งนี้ ก้อยคิดว่ามันคงถึงเวลาแล้ว พี่ตูนจึงตัดสินใจที่จะเข้ารับการผ่าตัด เพื่อรักษามันให้กลับมาใช้งานได้อย่างดีที่สุด แน่นอนว่าการตัดสินใจครั้งนี้ไม่ง่ายเลย เราใช้เวลาปรึกษากับคุณหมออยู่เป็นเดือน ๆ พี่ตูนต้องบินไปบินมาเพื่อมาพบคุณหมอที่โรงพยาบาล จนได้คำตอบที่ชัดเจนที่สุด และก้อยก็เชื่อว่าทุกอย่างจะต้องผ่านไปด้วยดี เพราะได้เจอคุณหมอที่เก่งมาก ๆ พี่ตูนจะต้องกลับมาแข็งแรง มีพลัง ซึ่งผ่านมา 3 วัน หลังจากผ่าตัด อาการพี่ตูนก็ฟื้นตัวเร็วขึ้นมาก ๆ เย้…และการนอนเฝ้าพี่ตูนครั้งนี้ต่างจากทุกครั้ง เพราะมีเจ้าตัวเล็กในท้อง 5 เดือนมานอนเป็นเพื่อนด้วย หลังจากที่ก้อยนอนเฝ้าพี่ตูนมา 2 คืน วันนี้คุณพ่อบอกว่า “กลับไปนอนกอดลูกเถอะ พ่อพอช่วยเหลือตัวเองได้แล้ว พ่อสงสารหนูไม่ได้นอน…” แม่แค่อยากบอกพ่อว่า แม่เต็มใจและยินดีที่สุด ขอแค่พ่อหายดี ยิ้มได้ กลับมาแข็งแรงเพื่อลูกน้อยของเราและคนที่รอฟังเพลงของพ่อ ๆ…แค่นี้แม่ก็ดีใจแล้ว”


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top