Thursday, 2 May 2024
NEWSFEED

‘เบลล์ นันทิตา’ นักร้องสาวเวทีดัง แยกทางสามีชาวญี่ปุ่น-อเมริกัน เผย ไปต่อกันไม่ได้ เตรียมกลับไทย คนบันเทิงแห่ส่งกำลังใจรัวๆ

เมื่อวันที่ 26 ส.ค.66 นักร้องสาวเสียงดี ‘เบลล์ นันทิตา’ ที่โด่งดังจากเวที ‘Thailand’s got Talent’ ซีซัน 1 และมีผลงานเพลงโด่งดัง ‘เสียงที่เปลี่ยน’ หลังวิวาห์กับแฟนหนุ่ม ‘สตีเว่น ฮิโรชิ อิมานูระ’ นักธุรกิจชาวญี่ปุ่น สัญชาติอเมริกัน โดยจดทะเบียนสมรสใช้ชีวิตครอบครัวที่อเมริกากว่า 5 ปี ล่าสุดโพสต์กลางอินสตาแกรมส่วนตัว ประกาศแยกทางสามีแล้วว่า…

“ลดสถานะจากสามีภรรยามาเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน มันก็ดีไปอีกแบบ เมื่อคนเราไปต่อกันไม่ได้เราก็ต้องไปตามของใครของมัน และทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด ขอบคุณทุกๆ ประสบการณ์ที่เกิดขึ้นในชีวิตค่ะ แล้วเจอกันไทยแลนด์” พร้อมแคปชันอิโมจิชูสองนิ้วสู้ๆ

โดยมีคนบันเทิงเข้ามาให้กำลังอย่างอบอุ่น อาทิ บุ๋ม ปนัดดา คอมเมนต์ส่งกำลังใจว่า “กอดๆๆ คนเก่งของแม่ อะไรก็ตามที่หนูมีความสุขคือดีที่สุดลูก”, นุ่น รมิดา ก็ส่งกำลังใจว่า “มาค่ะ ไม่มีอะไรสายที่จะเริ่มใหม่ แต่มากอดกันก่อน” เป็นต้น

‘ชาย’ เปิดใจ ชีวิตครอบครัวกว่าจะลงตัว ต้องแลกมาด้วยน้ำตา เคยโหมงาน 7 วัน ไม่ได้เจอหน้าลูก แต่เพื่อสิ่งที่ดีที่สุดเลยต้องทำ

(26 ส.ค.66) ดังเป็นพลุแตกสุดๆ สำหรับการถ่ายทอดบทบาท LGBTQ บท ‘พ่อเกรซ’ ในละครเนื้อหากินใจเรื่อง มาตาลดา จนทำให้นักแสดงมากฝีมือ ‘ชาย-ชาตโยดม หิรัณยัษฐิติ’ ถูกเป็นที่พูดถึงสนั่นโซเชียล งานนี้ตั้งโต๊ะเคลียร์แบบเจาะลึก ผ่านรายการ โต๊ะหนูแหม่ม เผยเบื้องหลังความสำเร็จฝึกปรือวิทยายุทธ์การแอคติ้ง แอบซุ่มเงียบอ่านบทตีความขณะปฏิบัติกิจในห้องน้ำ พร้อมเปิดใจการบาลานซ์งานกับชีวิตครอบครัว ที่กว่าจะจัดสรรได้ลงตัวต้องแลกมาด้วยคราบน้ำตา

“กระแสงานละครดีมาก คนยังชื่นชมอย่างต่อเนื่อง หายเหนื่อยมาก ที่สุดแล้ว เพราะมันผ่านอะไรมาเยอะมาก กับการที่ได้เป็นตัวละครตัวนี้ พอได้รับฟีดแบ็ก พอได้เจอคนที่ชื่นชม และชื่นชอบตรงนี้แล้วหายเหนื่อย มันมีค่ามหาศาลมากจริงๆ”

ตอนแรกที่ได้เห็นบทแล้วตีความยังไง? “ชายมักจะอ่านบทตอนเข้าห้องน้ำ เป็นเวลาที่เป็นของเราจริงๆ คือได้อ่านแล้วก็แบบว่า นี้มันคืออะไรนี้ มันมหัศจรรย์มาก แล้วชายรู้สึกดีกับมันมาก นั่งคิดอยู่คนเดียวว่าคนอื่นจะรับรู้มั้ยว่ามันมีค่ามากตรงนี้ เหมือนเฝ้ารอดูว่าระหว่างถ่ายทำ มันก็เห็นสิ่งมหัศจรรย์เข้ามาเรื่อยๆ แต่ก็ลุ้นอยู่ตลอดว่าตอนตัดต่อ ออกอากาศคนดูจะชอบไหม เขาจะอินไปกับด้วยหรือเปล่า”

ช่วงหลังๆ รับแต่บท LGBTQ กดดันบทต่อๆ ไปไหม? “ไม่เลยไม่กดดัน ยังรับทุกงาน ลูกยังเล็กอยู่ ทุกวันที่ออกจากบ้านมาทำงานทุกวัน เพราะว่าลูกยังเล็ก เราต้องตั้งใจให้ชีวิตที่ดีที่สุดให้ลูกให้ได้ ชายยังมีความตื่นเต้นกับทุกบทบาทที่เข้ามาตลอดเลย มันมีอะไรที่ยังอยากทำอีกเยอะ อย่างเราอยู่ในวงการมา 20-30 ปี ตอนที่เราได้บทพ่อเกรซ เราก็ตื่นเต้นเพราะไม่เคยทำ น่าจะมีอะไรท้าทายเข้ามาอีก”

เมื่อถามถึงเรื่องครอบครัว ชาย ชาตโยดม ได้เผยต่อว่า “เราเป็นคนติดลูกมาก แต่มันย้อนแย้งนิดนึง คือด้วยความที่เรามีลูกก็อยากจะดูแลเขาให้ดี เราก็ต้องออกไปทำงาน ทำมาหากินอะไรแบบนี้ แต่ในขณะเดียวกันการออกไปข้างนอกเราเลยไม่มีโอกาสได้เห็นเขาเติบโต ได้ใช้เวลาอยู่กับเขา ถ้าช่วงที่ชายจัดแจงเวลาได้ส่วนนึง กลับมาถึงบ้านชายจะพาลูกเข้านอน เคยหนักสุดตอนทำงาน 7 วัน ต่อเนื่องกันเป็นเดือนแล้วไม่เจอลูกน้อยเลย กลายเป็นว่าทำงานไม่ได้เลย ชายไปเจออาจิ๋มผู้จัด ชายไปนั่งร้องไห้กับอาจิ๋มเลย คือตอนนั้นชายไม่ไหวแล้ว เรารับงานเยอะจนไม่มีเวลาอยู่กับเขา อาจิ๋มเลยบอกว่าคนเขาไม่ว่าหรอก ถ้าเราจะเก็บเวลาไว้สักวันนึง เพื่อที่จะได้อยู่กับครอบครัวบ้าง ก็ไม่ผิด แต่ตอนนั้นเรารู้สึกว่าเรารับงานเขามาแล้ว เราก็เลยอยากทำให้เขาเต็มที่ ตอนนี้ก็เลยปรับมาเหลือ 1 วันที่ต้องหยุดให้กับครอบครัว” 

‘แน็ก-เก๋ไก๋ ไลฟ์สดขายของด้วยกันครั้งแรก ยอดคนดูพุ่งเกือบ 5 หมื่น ไม่ธรรมดาของจริง

(26 ส.ค.66) เรียกว่าเป็นคู่รักดารา คู่รักยูทูบเบอร์ สำหรับ ‘แน็ก ชาลี’ กับ ‘เก๋ไก๋ สไลเดอร์’ ภายหลังเปิดตัวหวานกันอย่างเป็นทางการก็ได้การตอบรับจากแฟนคลับจำนวนมาก  

ล่าสุดทั้งสองคนได้ไลฟ์ขายของด้วยกันครั้งแรกในติ๊กต็อกของ ‘แน็ก’ กับ ‘เก๋ไก๋’ โดยมีน้องอาร์เธอร์ร่วมแจม ขายของสารพัดมากมาย พบว่าระหว่างไลฟ์พีกสุดมีคนดูเกือบ 5 หมื่นเลย

ถือว่าเป็นการไลฟ์ที่ประสบความสำเร็จมากๆ สำหรับ คู่รักยูทูบเบอร์ ‘แน็ก-เก๋ไก๋’ แล้วคอมเมนต์ก็น่าเอ็นดูมากๆ เพราะโดนแซวว่าพ่อหนุ่มแน็กเขินตลอดเลย

‘หมาก-คิม’ ควงแขนเข้าพิธีหมั้น ผูกข้อมือตามพิธีของชาวเหนือ พร้อมทำบุญเรือนหอ ท่ามกลางเพื่อนพ้องร่วมเป็นสักขีพยานรัก

(26 ส.ค.66) เรียกว่าใกล้เข้ามาทุกที่แล้ว สำหรับงานวิวาห์สุดยิ่งใหญ่ของคู่รัก ‘หมาก ปริญ สุภารัตน์’ และ ‘คิมเบอร์ลี่ แอน โวลเทมัส’ ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 14 กันยายน ที่ประเทศอิตาลี

ล่าสุด ว่าที่เจ้าบ่าวและเจ้าสาว ได้ควงกันเข้าพิธีผูกข้อไม้ข้อมือตามแบบพิธีของชาวเหนือ ซึ่งเป็นบ้านเกิดของฝ่ายชายพร้อมยังได้จัดพิธีบวงสรวงเข้าบ้านใหม่เอาฤกษ์เอาชัยในการย้ายเข้าบ้านหลังใหม่ หรือเรือนหอของทั้งคู่อีกด้วยท่ามกลางบรรยากาศที่อบอวลไปด้วยความรัก ที่ดูเรียบง่าย แต่สุดโรแมนติก ซึ่งเจ้าบ่าวเจ้าสาวมาในชุดไทยล้านนาเรียบร้อย สวย สง่า สุดๆ โดยมีเพื่อนพ้องคนสนิทมาร่วมยินดีและเป็นสักขีพยานรักในครั้งนี้กันอย่างล้นหลาม

‘แอนนี่ บรู๊ค’ โพสต์ร่ายยาวถึงความรักของ ‘พ่อเลี้ยง’ ที่มีต่อตนเอง แม้วันนี้ไม่อยู่แล้ว แต่เป็นคนที่เปลี่ยนนิยามคำนี้ในใจไปตลอดกาล

เมื่อไม่นานมานี้ นับเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวสุดสตรอง สำหรับนักแสดงสาวอย่าง ‘แอนนี่ บรู๊ค’ โดยล่าสุดได้โพสต์ขอความร่ายยาวถึงคุณพ่อผู้ล่วงลับ ซึ่งทุกอักษรเจ้าตัวเผยว่าได้กลั่นกรองจากใจและความทรงจำที่แสนงดงาม แม้ว่าอีกฝ่ายเป็นแค่พ่อเลี้ยง แต่เรื่องราวดีๆ ระหว่างกันมีมากมายจนอยากนำมาเล่าให้ฟัง

“ตอน 7 ขวบ แอนมีพ่อเลี้ยงค่ะ พ่อเลี้ยงเป็นคนบ้านเดียวกับแม่ ต่างคนต่างมาทำงานที่โรงงานน้ำส้มสายชูและไม่รู้จักกันมาก่อน พ่อบอกแม่ว่าหากอยู่ กทม. แอนจะไม่ได้เรียนหนังสือ 2 ท่านจึงตัดสินใจกลับบ้านนอก ทำกระท่อมมุงหญ้าคา คนบ้านเราใครจะทำบ้านเขาจะไปตัดไม้ไผ่ในป่า แล้วช่วยกันทำบ้าน จักหญ้าคามุงหลังคา 2-3 วันเสร็จได้กระท่อมเล็กๆ 1 หลัง

พอจบป.6 แม่จะส่งแอนเข้า กทม. ทำงานรับจ้าง แต่ครูที่ รร. เข้ามาขอแม่ว่าขอให้ลูกชิงทุนก่อนเพราะเรียนดี ถ้าลูกสอบได้ ขอให้เด็กได้เรียน ได้ต่อมัธยมที่เชียงใหม่ค่ะ รร.เจ้าฟ้าหญิงอุบลรัตน์ (หรือเซนต์ปอลเดอร์ชาร์ตเป็น รร. หญิงล้วนประจำ) ต่อมาแอนได้สอบทุนอีกรอบเข้ามาเรียน กทม. เจอต้มยำกุ้ง เขาไม่จ้างเด็กจบใหม่...สิ่งที่เพื่อนๆ ทำคือแยกย้าย ส่วนแอนเลือกอยู่ต่อในกทม.

นั่งรถเมล์ไปสยามทุกวัน เดินตั้งแต่ 10 โมงเช้ายัน 1 ทุ่ม จึงกลับที่พัก จนวันนึงได้เจอพี่คนสวยพาไปเดินแบบ เข้าโมเดลลิ่ง เงินก้อนแรกจากมอเตอร์โชว์ 10 วัน 45,000 พ่อเอ่ยปากขอ บอกว่าขอบ้านให้แม่นะ แม่ต้องมีบ้าน  เงินก้อนนี้สร้างบ้านหลังเล็กๆ นี้ทันที จักรยานให้พ่อคันนึง เตาเผาถ่านให้พ่อ ทองให้แม่ใส่ หลังสร้างบ้านได้ 6-7 ปี พ่อได้จากไปแบบกะทันหัน ติดเชื้อในกระแสเลือด (คาดว่าดื่มเหล้าต้มผิดกฎหมายทุกวันมันสะสม)

ตั้งแต่มีพ่อเลี้ยงก็ไม่เคยรักพ่อเลย เพราะถูกปลูกฝังจากละครและข่าวว่าพ่อเลี้ยงทำร้ายลูก ไม่ชอบหน้าพ่อ แต่ก็ค่อยๆ คลายเพราะความรักที่พ่อมีให้ ตั้งแต่ 7 ขวบมันมีแต่มากขึ้น พอแม่ตีพ่อจะห้ามเสมอ พ่อเป็นคนไม่พูด พ่อเป็นคนเงียบๆ บุญแอนยังมี ก่อนพ่อเสีย 1 วัน พอแอนรู้ว่าพ่อป่วย เย็นนั้นไม่รู้คิดยังไงโทรหาพ่อ บอกพ่อว่า "หนูรักพ่อนะขอโทษที่เคยแสดงออกไม่ดี พ่อให้อภัยหนูนะ" เสียงปลายสาย คือเสียงสะอื้น พ่อร้องไห้ด้วยความยินดีทั้งๆ ที่ป่วย เลยบอกพ่อว่าพรุ่งนี้เจอกันนะ หนูกำลังไปหาพ่อนะ ตี 5 ของอีกวัน อาโทรมาบอกว่า พ่อเสียแล้วนะ

งานศพพ่อ คนมาล้นไปถึงถนนใหญ่ เราเพิ่งรู้ว่าพ่อเป็นคนที่สร้างคุณงามความดี เป็นที่รักของคนทุกหมู่บ้าน ในงานเก้าอี้ไม่พอเขาก็นั่งพื้นหญ้าเพื่อมางานศพพ่อ คนที่โรงงานปูนที่พ่อไปทำงานต่างบอกว่า พ่อชอบไปคุยให้คนที่โรงงานฟัง ว่าลูกสาวเก่ง ลูกสาวเป็นเด็กดี ลูกสาวเป็นนักเรียนทุน ลูกสาวสร้างบ้านให้ เป็นกลากเกลื้อนหรือไม่สบายนี่หายเพราะลูกสาวนะ พ่อพูดเสมอกับทุกคนว่าแอนคือลูกสาวพ่อ และพ่อรักแอนแค่ไหน

พ่อจากไปตอนพ่ออายุได้ 42 เป็นการจากลาที่อย่างน้อยๆ ก็ได้พูดและกล้าพูดคำว่ารัก ครั้งแรกในชีวิต เหมือนพ่อรอฟังแอนอยู่ มันเปลี่ยนนิยามคำว่า ‘พ่อเลี้ยง’ ในใจไปเลย "พ่อเลี้ยง ที่เลี้ยงมาตั้งแต่เล็กจนโต พ่อที่เลี้ยงด้วยคำสุภาพอ่อนโยนเสมอ ปกป้องจากไม้เรียวของแม่ พาไปโรงเรียน พาไปหาหมอ อุ้มขึ้นฆ่าเวลาดูหนังกลางแปลงขากลับบ้าน สอนทักษะชาวทุ่ง การทำมาหากินหาปูหาปลา พาไปสอบชิงทุนในเมือง ป่วยก็อุ้มหาหมอ พ่อเลี้ยงที่แปลว่าเลี้ยงหนูมาจริงๆ ค่ะ  #รักและคิดถึงครบรอบวันจากไปตลอดกาล”

‘อ๋อม อรรคพันธ์’ เคลื่อนไหวล่าสุด หลังป่วยหนักจนต้องพักรักษาตัว ลั่น!! คิดถึงทุกคน แฟนคลับใจฟู อยากให้กลับมารับงานในวงการแล้ว

เมื่อวานนี้ (25 ส.ค.66) จากเรื่องราวที่มีภาพของ ‘อ๋อม อรรคพันธ์’ ได้ไปร้านอาหารหน้าตาดูสดใสขึ้นมาก ทำเอาแฟน ๆ ใจฟูเยอะมาก และล่าสุดแฟนเพจอินสตาแกรม omakapan_officialclub ได้โพสต์ข้อความระบุว่า

“แฟนคลับทุกคนเป็นยังไงบ้างครับ คิดถึงทุกคนครับ ปล.กรุณาอ่านด้วยน้ำเสียงของพระเอกอ๋อมนะ เพราะเป็นสิ่งที่พระเอกอ๋อมฝากมาบอกกับแฟนคลับ แฟนคลับคนใดที่แบบว่ายังลังเลว่าอยากจะบอกความคิดถึง หรืออวยพรใด ๆ หรือจะอัดคลิปอวยพรบอกความคิดถึง คิดอะไรก็บอกมานะ ใด ๆ พระเอกอ๋อมรับรู้ถึงความคิดถึงของทุกคนที่ส่งมา ส่งกันมาได้ถึง 26 สิงหาคมนี้นะ จะรวบรวมให้ได้ชมกันในวันที่ 28 สิงหาคม”

โดยอินสตาแกรมส่วนตัวของ ‘อ๋อม อรรคพันธ์’ ได้เข้ามาตอบกลับว่า “คิดถึงทุกคนครับ” รวมไปถึงแฟนคลับต่างเข้ามาคอมเมนต์กันเพียบ เพราะอยากให้กลับมารับละครอีกครั้งนั่นเอง

‘บอย ปกรณ์’ เผยสาเหตุบวชเงียบ ยัน!! ไม่ได้เตรียมเบียด พร้อมบอก อยากบวชมานานแล้วแต่ยังไม่มีจังหวะเฉยๆ

แฟนคลับร่วมอนุโมทนาบุญใหญ่กับพระเอกหนุ่ม ‘บอย-ปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์’ ที่เข้าอุปสมบททดแทนบุญคุณพ่อแม่ไปก่อนหน้านี้ แต่ก็ยังมีเรื่องที่ทำให้หลายคนสงสัยว่า จู่ๆ ทำไมเจ้าตัวถึงได้บวชเงียบๆ เรียบง่าย หรือมีสาเหตุอะไรที่ทำให้ไม่สบายใจจนต้องไปพึ่งผ้าเหลืองหรือเปล่า

ล่าสุดวันนี้ (25 ส.ค. 66) ได้เจอกับพระเอกหนุ่มที่สึกออกมาได้สักพักใหญ่ ในงานประกาศรางวัล ‘ContentAsia Awards 2023’ เพื่อคัดเลือกผลงานคุณภาพมาตรฐานระดับเอเชียเผยแพร่สู่ตลาดโลก ที่โรงแรม ดิ แอทธินี โฮเทลแบงค็อก (แกรนด์ฮอลล์)

ไปบวชมาเงียบมากๆ?

บอย : “ความจริงแล้วต้องบอกพี่ๆ สื่อว่าเราเกรงใจพี่ๆ ด้วยครับ ที่ไม่ได้ชวนไปเพราะเกรงใจ ผมชวนคนน้อยมากชวนเฉพาะคนใกล้ๆ ตัว ไม่กล้าเชิญใครเลย อันนี้พูดจริงๆ เราเกรงใจทุกๆ คนเลย ไม่ใช่แค่เฉพาะพี่ๆ สื่อ แต่คนที่รู้จักก็จะเชิญเฉพาะคนที่ใกล้ตัวจริงๆ เพราะงานมันเช้าด้วย และเราเป็นคนไม่ค่อยกล้าบอกเรื่องอะไรพวกนี้ เกรงใจ ก็ดีครับ ได้ไปบวชอยู่ 3 อาทิตย์ ก็ใช้คำว่าดีกว่าที่คิดไว้เยอะเลยครับ”

ความตั้งใจคือยังไง?

บอย : “ความตั้งใจสำหรับผมเอง เราเกิดมาเป็นลูกผู้ชาย เป็นคนไทย ครั้งหนึ่งเราก็ต้องบวชทดแทนบุญคุณพ่อแม่ ก็เรียกว่าเป็นจุดประสงค์หลักเลยที่ตั้งใจบวช ซึ่งผมตั้งใจมากสำหรับผมและครอบครัว แต่ความจริงก็คือต้องบวชมานานแล้ว แต่ยังหาจังหวะไม่ได้ ก็เพิ่งจะมีจังหวะนี้ที่ละครจบ จริงๆ ต้องบวชตั้งแต่ช่วงโควิดแล้ว เพราะตอนนั้นรอเรื่องสายลับลิปกลอสปิดนี่แหละ

ผมก็บอกกับทางช่องแล้วว่าหลังจากเรื่องนี้ผมขออนุญาตไปบวชก่อน แล้วก็มาเจอเรื่องโควิด ละครหยุดถ่าย มันก็ดีเลย์ไปอีก 1-2 ปี ก็เลยมาเป็นช่วงนี้ที่จังหวะพอดี ซึ่งก็ยากเหมือนกัน เพราะการเคลียร์งานนู่นนี่ ช่วง 3 อาทิตย์ที่หายไปมันไม่ยากหรอก แต่หลังจากที่ต้องรอผมยาวก็ยากตรงนี้ เพราะมันมีทั้งงานละครด้วย งานถ่ายโฆษณาอะไรก็ตามที่มันต้องใช้ทรงผม ก็ต้องวางแผนให้ดีครับ”

บอย ปกรณ์ ยังกล่าวต่ออีกว่า “ความจริงผมรู้อยู่แล้วว่าอยากจะบวชให้แม่ เป็นสิ่งที่เราอยากทำอยู่แล้ว แต่หาจังหวะไม่ได้เลย เวลาถามเพื่อน เห็นหมาก (ปริญ) บวช เห็นเกรท (วรินทร) บวช ก็ยังถามว่าเคลียร์ยังไงเนี่ย เขาบอกก็เคลียร์ยากกว่าจะลงตัว จนถึงจุดที่เราพยายามจะเคลียร์ ความจริงผมบอกแม่ตั้งแต่ช่วงถ่ายเรื่องลิปกลอสจบประมาณสัก 2-3 ปีที่แล้ว

แม่ก็บอกว่า เออดีๆ บวชสักที เพราะตอนนั้นภัทรบวชไปแล้ว แต่หน่องยัง แต่ความจริงไม่ได้เกี่ยวกับที่หน่องบวชนะเพราะผมเองก็อยากบวชอยู่แล้ว ก็พยายามหาช่วงที่สามารถทำได้ ก็มาได้จังหวะตรงนี้ แม่เขาก็ดีใจอยู่แล้วครับ ก็เรียกว่าอิ่มบุญอิ่มใจ”

แม่บอกยังไงบ้าง หลังจากได้เห็นผ้าเหลืองของเรา?

บอย : “ผมก็สัมผัสได้ว่าแม่เขาดีใจแหละ มันคงเป็นความรู้สึกอิ่มเอมใจ ปลื้มปลิ่ม ก็ไม่ได้มีอะไรมาก อาจจะแค่โมเมนต์ที่ผมขอขมาแม่ บอกว่าถ้าผมเคยทำอะไรให้แม่ไม่สบายใจ แม่ก็บอกว่าเหมือนกัน คุณแม่ก็มีน้ำตาไหล แต่ผมเข้มแข็ง(ยิ้ม) ผมไม่เหมือนหน่องกับภัทรที่ไม่เข้มแข็ง(หัวเราะ) จริงๆ ก็ตั้งใจทำให้แม่กับคุณพ่อนั่นแหละ รู้สึกว่าเป็นหน้าที่ของลูกชายครับ”

บอกว่าดีกว่าที่คิด?

บอย : “ใช่ๆ คือถ้าพูดตรงๆ ก่อนที่จะมาบวชเราก็เป็นคนที่มีคำถามในหัวตลอด ว่าปกติแล้วทำไมคนเราที่มีชีวิตอยู่ทางโลกถึงมาบวช แล้วไปอยู่ทางธรรมนานๆ เป็นปี ที่ไม่ใช่มาบวชเหมือนผมช่วง 1 เดือน หรือคนที่เป็นพระวันๆ หนึ่งทำอะไรบ้าง นอกจากสวดมนต์ แต่พอได้มาอยู่ตรงนี้ก็ได้มาเจอพระพี่เลี้ยงที่เขาเป็นสายเคร่งมากๆ ดีมากๆ เลย

ผมก็ได้ซึมซับอะไรจากหลวงพี่ท่านนี้เยอะเลย ได้เห็นเลยว่าวันนึงพระมีอะไรทำเยอะเลยนะ มากกว่าแค่ทำวัตร สวดมนต์เช้า-เย็น มีงานเอกสารที่ผมเห็นว่าหลวงพี่ยุ่งมาก ต้องทำโน่นทำนี่หลายอย่าง มีเอกสารทางวัดที่ต้องไปติดต่อโน่นนี่ งานทางวัดมีเยอะมาก”

“และอีกมุมหนึ่งก็ได้มาตอบคำถามของตัวเอง ว่าทำไมเขาถึงละทางโลกแล้วมาอยู่ทางธรรม ก็ได้คำตอบว่าคนเรามีความชอบที่ไม่เหมือนกัน อย่างเราอาจจะชื่นชอบศิลปินเกาหลี เพราะผมนั่งสนทนากับหลวงพี่เลยครับ ว่าทำไมหลวงพี่มาเป็นพระ สำหรับเราไอดอลคือวงเกาหลี แต่สำหรับหลวงพี่ไอดอลคือพระพุทธเจ้าครับ ท่านชอบตั้งแต่เด็กๆ ท่านศึกษานู่นนี่ ท่านบอกว่าตอนที่ท่านไปอินเดียครั้งแรก ได้ไปยืนอยู่ที่ประสูตรพระพุทธเจ้าครั้งแรก ท่านปลื้มปลิ่มน้ำตาไหล เราก็เลยคิดได้ว่าคนเรามีความชอบ มีความมุ่งมั่นแต่ละทางไม่เหมือนกัน

ผมโชคดีที่ได้เจอพระพี่เลี้ยงที่ดีมากๆ ท่านให้ความรู้เราหลายอย่าง ทำให้ผมรู้สึกที่ผมบอกว่าดีกว่าที่คิด อย่างตอนแรกสิ่งที่ผมคิดว่าผมบวชทดแทนบุญคุณให้คุณพ่อคุณแม่ ผมก็ทำวัตรสวดมนต์เช้า-เย็น นั่งปฏิบัติธรรม สงบนิ่ง ครบ21 วันผมก็สึก

แต่ปรากฎว่าพอผมได้มาเป็นพระจริงๆ ผมได้มาเรียนรู้หลายอย่าง ได้มาทำในสิ่งที่ผมไม่เคยใกล้เลย ผมได้เห็นประโยชน์ของการสวดมนต์ จากที่ตอนแรกคิดว่าคนเราทำไมต้องสวดมนต์ สวดมนต์ทำไม(หัวเราะ) ผมไม่ได้ลบหลู่นะแต่มันเกิดคำถามว่าทำไมคนเราถึงชอบสวดมนต์

แต่พอมาเป็นพระถึงรู้ว่าสวดมนต์มันดีอย่างนี้นี่เอง ทำให้เราจิตใจจดจ่อมุ่งมั่นอยู่กับบทสวด ทำให้จิตใจโล่ง พอสวดเสร็จทำให้เราจิตใจสบายด้วย ยิ่งเราทำงานตรงนี้ งานเราเป็นงานที่ค่อนข้างมีสิ่งเร้าต่างๆ มากมาย เราก็ได้ไปอยู่ในอีกทางหนึ่งที่สุดโต่งคือเงียบสงบไปเลย ก็ดี”

หลังจากสึกมาที่เปลี่ยนเลยคืออะไร?

บอย :  “ที่ผมรู้สึกเลยคือผมใกล้วัดมากขึ้นแน่นอน ตั้งแต่ที่ผมสึกมา ทุกๆ วันพระผมก็ไปที่วัด เมื่อเช้าผมก็ไป คือพระพี่เลี้ยงของผมทุกๆ วันท่านปกติจะบิณฑบาตรอยู่ตรงประตูน้ำ แต่ทุกวันพระท่านจะต้องเดินไปบิณฑบาตรอีกที่หนึ่งแถวๆเพลินจิต ซึ่งตอนที่ผมเป็นพระผมเคยตามหลวงพี่ไป โหไกล ผมก็เลยตั้งใจว่าหลังจากนี้ทุกๆ วันพระ ถ้าไม่ใช่ผมหรือหน่องหรือคนที่บ้าน เพราะตอนหน่องบวชก็เป็นหลวงพี่รูปนี้ที่ดูแลเหมือนกัน ก็จะมาขับรถให้หลวงพี่ไปที่เพลินจิต ไปบิณฑบาตรตรงนู้น ท่านจะได้ไม่ต้องเดินไกล เหนื่อยมาก”

มีความรู้สึกว่าอยากอยู่ต่อไหม ตอนที่จะสึก?

บอย : “คือผมพูดด้วยความสัจจริง ผมอาจจะยังไม่มีความคิดถึงขั้นว่าอยากจะต่ออีกสักหน่อย เพราะว่าตอนนั้นผมรู้แค่ว่าผมมีภารกิจที่จะต้องทำต่อ คือมันมีเวลาที่ผมล็อกมาพอดีแล้ว สึกเสร็จต้องทำเลย แต่สิ่งหนึ่งที่ยืนยันว่าผมรู้สึกดีกับการบวชครั้งนี้มากๆ ก็คือวันที่ใกล้สึก 2-3 วันผมรู้สึกใจหาย ว่าเดี๋ยวอีก 3 วันเราจะไม่ได้อยู่ในสถานภาพแบบนี้แล้วแต่โดยรวมก็ดีครับ เพราะฉะนั้นแล้วใครที่กำลังลังเลหรือหาเวลาที่จะบวชอยู่ ผมแนะนำเลยครับ บวชเลย ดีครับ”

บวชใกล้ๆ กับเจมส์ บังเอิญหรือตั้งใจ?

บอย : “บังเอิญครับ แต่ตอนที่ผมเป็นพระและไปร่วมงานอุปสมบทเจมส์ อันนั้นผมตั้งใจ คือพอคุยกับเจมส์ว่าเดี๋ยวผมจะบวช เจมส์ก็บอกว่าจะบวชเหมือนกัน ก็บอกว่าดีเลย งั้นเดี๋ยววันที่มึงเป็นพระ กูจะไปทั้งที่เป็นพระนี่แหละ (ยิ้ม) ไปขลิบผมให้ เป็นสิริมงคล (ยิ้ม) คุยกันตั้งแต่ก่อนบวชครับ”

พอบวชแล้ว คนถามเยอะจะเบียดเลยหรือเปล่า?

บอย : “ไม่ได้บวชเพื่อเบียดครับ บวชเพราะอยากบวชเฉยๆ ความจริงก็มีคนถามเยอะแหละ บวชแล้วเบียดเลยหรือเปล่าเนี่ย ก็คือบวชเฉยๆ ครับ ไม่ได้เกี่ยวข้องกัน (ยิ้ม) คือถ้าเรื่องนั้น (แต่งงาน) ผมว่ามันต้องเป็นความพร้อมของทุกๆฝ่าย ลองถามน้องดูครับ (หัวเราะ) แต่ถ้าพูดถึงตัวผม ถ้าเรื่องหน้าที่การงาน ครอบครัว วัย มันก็เกินมานานแล้วแหละที่เหลือผมว่ามันเป็นเรื่องของการสั่งสมเวลาเกี่ยวกับการคบกัน การเรียนรู้กัน และความพร้อมทั้งหมดของทุกๆ ฝ่ายครับ”

ไม่ใช่เร็วๆ นี้แน่ๆ?

บอย : “ก็ไม่สามารถบอกได้ (ยิ้ม) ซึ่งถ้าน้องพร้อม แล้วเราพร้อมเลยไหม อันนี้ก็เป็นสิ่งที่ต้องคุยกัน คือก็อย่างที่บอกว่าเรื่องอายุ เรื่องอะไรต่างๆ เอาง่ายๆ ถ้าผมไม่ได้มาทำงานเป็นดารา ผมคงแต่งงานมีลูกไปนานแล้ว ตั้งแต่เรียนจบเลย เพราะโดยส่วนตัวผมมีความคิดอยากมีครอบครัวมาตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย อยากมีลูก และส่วนใหญ่เพื่อนๆ ที่ทำงานเภสัชฯ เขาก็แต่งงาน ทยอยแต่ง มีลูกกันไปหมดแล้ว แต่เพื่อนๆ รอบตัวอย่างคนในวงการ เกรท วรินทร หนักกว่าผมอีก ยังไม่เปิดตัว หมายถึงยังไม่มีไง ก็เลยยังไม่เปิดตัว (ยิ้ม)”

อ้าวเขามีแฟนแล้วเหรอ?

บอย : “คือเขายังไม่มีให้เปิดตัว ผมใช้คำว่าผมไม่รู้ดีกว่า ไม่รู้ว่าเขามีหรือไม่มี แต่ที่รู้ๆ คือผมไม่เห็นเขาเปิดตัวครับ(ยิ้ม) เพราะฉะนั้นผมก็ขอความกรุณาพี่ๆ ทุกคนอย่าไปบอกคุณเกรทว่าผมบอกว่าเขามี แต่เขาไม่เปิดตัว อ้าว! ไลฟ์สดเหรอ คุณเกรท ผมบอกพี่ๆ ทุกคนว่าผมไม่รู้ว่าคุณมีหรือไม่มี คุณก็เลยไม่ได้เปิดตัว คือหลังๆ ก็ไม่ค่อยคุยกันเรื่องนี้ ผมว่ามันคงกลัวผมโป๊ะแหละ คงกลัวผมหลุดมั้ง เปล่าหรอก ไม่ๆ ที่ผมรู้คือตอนนี้ไม่มี เอาที่ผมรู้แล้วกัน คือก็คุยกันว่าเป็นยังไงบ้าง แต่เขาก็บอกว่าตอนนี้ยังไม่มีครับ”

วันเกิดที่ผ่านมาเป็นยังไงบ้าง?

บอย : “วันเกิดที่ผ่านมาก็ปกติเหมือนทุกปี สำหรับผมแล้ววันเกิดก็ไม่ได้มีอะไรมาก ผมต้องการแค่ครอบครัว หรือพอมีแฟนก็คือเฟย์ ก็วันนึงกินข้าวกับที่บ้าน อีกวันนึงก็กินข้าวกับแฟนแค่นั้นครับ เฟย์ก็ให้เสื้อแจ็คเก็ตครับ น่ารักเชียว(ยิ้ม) เขาก็ไปสรรหามาเอง เขาบอกว่าซื้อให้ผมยากมาก ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม เหมือนกับเขาไม่รู้ว่าผมอยากได้อะไร แต่พอได้มาก็ชอบ ถูกใจ (ยิ้ม) แต่ยังไม่ได้ใส่เลย แต่ลองแล้วพอดี (ยิ้ม) ยังไม่มีโอกาสได้ใส่ครับ ดีครับ ก็เป็นวันเกิดที่แฮปปี้ครับ”

ตอนนี้งานเยอะขนาดไหน สึกออกมา?

บอย : “พอสึกมาก็ยุ่งๆ อยู่นะครับ แต่ละครยังไม่มี เพราะคงรอเรื่องให้ผมยาวด้วย แต่สตูดิโอผมก็ใกล้เปิดแล้ว คือที่ผมเคยเปิดเป็นสตูดิโอคุณแม่ เป็นบ้านสำหรับถ่ายทำละคร และตอนนี้เปิดอีกสตูฯ อีกแห่งหนึ่งใกล้ๆ กัน เป็นสตูฯสำหรับคนที่จะมาใช้ถ่ายภาพนิ่ง อยู่ใกล้ๆ กันครับ เร็วๆ นี้จะเปิดใช้บริการแล้วครับ (ยิ้ม)”

‘แม่หญิงลี’ ประกาศขายเพจ VEEN หลังไม่มีคนจ้างงาน ด้าน ‘แพรรี่’ เผย เสียดายแทน อยากให้ลองคิดดูใหม่

โซเชียลฯ แห่ให้กำลังใจหลังพบ ประกาศขายเพจ VEEN ของ ‘แม่หญิงลี’ และ ‘อีทิพย์’ เผยเหตุผลไม่มีคนจ้างงาน ด้าน ‘แพรรี่’ เผยเสียดายอยากให้ลองคิดใหม่ ล่าสุด ในเพจ VEEN ไม่พบโพสต์การขายเพจของ VEEN แล้ว

(25 ส.ค. 66) เพจ ‘ไพรวัลย์ วรรณบุตร’ หรือ ‘แพรรี่ ไพรวัลย์’ อดีตพระเทศน์ชื่อดัง ได้โพสต์ภาพ ของเพจ VEEN เพจชื่อดังที่เขียนประกาศขายเพจเอาไว้ว่า…

“ประกาศขายเพจ VEEN สนใจทักมาค่ะ”

โดยระบุข้อความว่า “เมืองทิพย์จะสิ้นแล้วจริงๆ หรอ เสียดายแทนมากๆ เลยนะคะ อันนี้พูดแบบจริงใจ ในฐานะของคนที่ติดตามมาตลอด ลองทบทวนดูใหม่ไหมคะ จับมือกันสร้างคอนเทนต์ ขายขำ ขายความน่ารัก ขายความเป็นคนบ้านๆ ขายความเป็นเมืองทิพย์ และขายของจริงๆ เพื่อสร้างรายได้ไปพร้อมๆ กัน สร้างเสียงหัวเราะสร้างความสุขให้กับแฟนคลับที่ติดตาม ลองคิดใหม่ให้ดีๆ ไหมคะ”

ล่าสุด เมื่อเข้าไปในเพจ VEEN ไม่พบโพสต์การขายเพจของ VEEN แล้ว

อย่างไรก็ตาม เพจ ‘VEEN’ นั่นมียอดผู้ติดตามสูงถึง 1.4 ล้านคน พบว่า 1 ในผู้ก่อตั้ง VEEN โดยแม่หญิงลี ได้ออกมาเผยเหตุผลโดยระบุข้อความว่า “ขายเพจวีนแล้วนะคะทุกคน เพราะพี่ไม่มีงานเลยค่ะ”

ซึ่งพบว่าเพจ VEEN ดังมาจากที่ ‘แม่หญิงลี’ เน็ตไอดอลชื่อดัง หรือ ‘บุหงาวลัย คงขวัญ’ ชื่อเล่น ‘ชาติ’ นับถือศาสนาพุทธ เป็นชาวอำเภอ แม่ลาน จังหวัดปัตตานี และผู้ช่วยชื่อ ‘เป้-เมญ่า ลินดา’ หรือแฟนคลับรู้จักกันในชื่อ ‘อีทิพย์’ เป็นชาวปัตตานีเช่นกัน และคอนเทนต์ที่ทำให้เป็นที่จดจำคือ การเกาะกระแสละครเรื่องเพลิงพระนาง ที่มี ‘อั้ม พัชราภา ไชยเชื้อ’ แสดงนำ

โดยแม่หญิงลีเรียกตนเองว่า “พระมหาเทวีเจ้า” จนโด่งดังมีผู้ติดตามมากมาย จนมีประโยคดัง อาทิ “เจ๊อย่าวีน” และ “กูจะบ้าตายรายวัน”

‘ก้อย รัชวิน’ แชะภาพคู่ ‘ตูน บอดี้สแลม’ ในชุดคนไข้เป็นที่ระลึก สุดดีใจ!! สามีได้กลับบ้านแล้ว หลังผ่าตัดกระดูกต้นคอผ่านไปด้วยดี

(25 ส.ค. 66) เรียกว่าเป็นโมเมนต์น่ารักของคู่สามี ภรรยาคนบันเทิงที่เห็นแล้วต้องอมยิ้มตามไปด้วย สำหรับ ‘ก้อย รัชวิน วงศ์วิริยะ’ กับ ‘ตูน อาทิวราห์ คงมาลัย’ หรือ ‘ตูน บอดี้สแลม’ ที่ขณะนี้คุณพ่อตูนต้องเข้ารับการผ่าตัดกระดูกต้นคอ ส่งผลให้ว่าที่คุณแม่ ‘ก้อย รัชวิน’ ต้องมาคอยดูแลเฝ้าให้กำลังใจอย่างใกล้ชิด

ล่าสุดเจ้าตัวก็ได้เผยภาพน่ารักๆผ่านอินสตราแกรมส่วนตัวสวมชุดคนไข้ พร้อมแคปชันบอกว่าวันนี้คุณสามีจะได้กลับบ้านแล้วว่า…

“แม่ไม่ได้ป่วยยยย แค่มานอนเฝ้าพ่อๆ แล้วลืมหยิบชุดนอนมาจ่ะ555555555🥹🤣 ขอถ่ายรูปเป็นที่ระทึกหน่อย วันนี้จะได้กลับบ้านไปนอนกอดกัน 4 คนแย้วว เย้ๆ #กำลังใจของพ่อๆ #KTTalay”


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top