Friday, 3 May 2024
NEWSFEED

หุ้น ‘YG’ ดิ่ง 9% รุนแรงที่สุดในรอบปี หลัง ‘ลิซ่า’ ปฏิเสธข้อเสนอต่อสัญญา

ขึ้นแท่นเป็นตัวท็อปของวงการเคป็อป และวงการเพลงระดับโลกไปแล้วสำหรับสาวๆ BlackPink ที่ล่าสุดสาวไทยหนึ่งเดียวอย่าง ‘ลิซ่า ลลิษา มโนบาล’ หรือ ‘ลิซ่า BlackPink’ ดูจะเป็นสมาชิกหนึ่งเดียวของวงที่แฟนๆยังคงลุ้นกันแบบตุ้มๆต่อมๆว่าจะต่อสัญญากับค่ายเดิมอย่าง YG Entertainment หรือไม่?

ตามรายงานจาก Star News ระบุว่า ลิซ่า เป็นสมาชิกวงที่ถูกค่ายเพลงต่างๆ จากทั่วโลกพากันยื่นข้อเสนอให้อย่างมากมาย พร้อมกับสัญญาที่จะทำให้เธอได้รับเงินมูลค่าหลายสิบล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งรวมถึงค่ายเพลงจากประเทศไทยด้วย

มีรายงานว่า ทาง YG Entertainment ก็ได้ยื่นเสนอสัญญาให้กับ ลิซ่า ถึง 2 ฉบับด้วยกัน แต่ก็โดนปัดตกหมด

อย่างไรก็ตาม หลังมีรายงานว่า ลิซ่า ปฏิเสธข้อเสนอการต่อสัญญา ส่งผลกระทบให้หุ้น YG Entertainment บริษัทต้นสังกัดศิลปินเคป็อป (K-pop) ร่วงลงเกือบ 9% ในวันนี้ (15 ก.ย.)

ทั้งนี้ ราคาหุ้นของ YG ร่วงลงในรอบ 1 วัน รุนแรงที่สุดนับตั้งแต่เดือน ก.ย. 2565

นอกจากนี้ ในช่วงเวลาดังกล่าวนั้น นิวเซน (Newsen) สื่อของเกาหลีใต้ยังรายงานด้วยว่า YG ได้เปิดเผยว่า บริษัทกำลังอยู่ในระหว่างการเจรจาต่อสัญญากับลิซ่า แต่รายงานจากหนังสือพิมพ์มุนฮวา อิลโบระบุว่า ทั้งสองฝ่ายมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันค่อนข้างมาก

โดยล่าสุด ได้มีการยื่นขอเสนอให้มากถึงเกือบ 40 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณเกือบ 1.4 พันล้านบาท แต่ดูท่าว่าไอดอลสาวจะปฏิเสธไปแล้ว

“มีข่าวลือว่า ลิซ่า ได้ปฏิเสธสัญญาฉบับแรกกับทาง YG Ent. ไปแล้ว และไม่นานมานี้ก็เพิ่งปฏิเสธข้อเสนอสัญญาฉบับที่ 2 ส่วนสัญญา คาดว่ามีจำนวนมากถึง 37.7 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 1.35 พันล้านบาท”

‘โทนี่ จา’ รับบทนักแสดงนำคู่ ‘เจสัน สเตแธม’ ในหนัง ‘Expendables 4 โคตรคนทีมมหากาฬ 4’ 

เป็นอีกหนึ่งความภูมิใจของชาวไทยสำหรับนักแสดงสายบู๊ ‘จาพนม’ หรือ ‘โทนี่ จา’ ที่ล่าสุดโดดรับบทนำคู่ ‘เจสัน สเตแธม’ ใน ‘Expendables4 โคตรคนทีมมหากาฬ4’ บอกเลยว่าฉากต่อสู้เยอะสุด มันส์ที่สุดกว่าเรื่องที่ผ่านมา และสดที่สุดคนไทยได้ดูก่อนอเมริกา

พลาดไม่ได้จริง ๆ สำหรับภาพยนตร์เรื่อง ‘Expendables4 โคตรคนทีมมหากาฬ4’ ภาคล่าสุดของแฟรนไชส์ภาพยนตร์ที่ทำเงินทั่วโลก ไปมากถึง 800 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยภาคนี้ ทีม Expendables กลับมารวมตัวทำภารกิจกันอีกครั้ง โดยใช้ทุนสร้างกว่า $100 ล้านเหรียญสหรัฐ และได้นักแสดงนักบู๊ขวัญใจชาวไทย ‘โทนี่ จา’ หรือ ‘จา พนม’ ร่วมแสดงนำ ซึ่ง จา พนม ประกบคู่ ‘เจสัน สเตแธม’ บู๊เคียงบ่าเคียงไหล่กันอย่างเต็มอิ่มแน่นอน

ซึ่งภาคนี้จะได้เห็นฉากบู๊ที่แตกต่าง โดยมีทีมสตันท์ของ แจ็กกี้ชาน (เฉินหลง) เป็นผู้ออกแบบคิวบู๊ต่าง ๆ  พร้อม จา พนม ร่วมออกแบบการต่อสู้ในรูปแบบ Martial Arts ที่ดุดันตามสไตล์ จา พนม เพิ่มไปอีก ทำให้ได้รับชมฉากต่อสู้ที่เยอะและมันส์ที่สุดกว่าเรื่องที่ผ่าน ๆ มาอีกด้วย

โดย จา พนม ได้เผยถึงการทำงานเรื่องนี้ว่า.... “ในเรื่องนี้เล่นเป็น เดชา เป็นหน่วยรบพิเศษ ตอนนี้ออกจากวงการแล้ว มาเป็นกะลาสี มีเรือประจำตำแหน่งชื่อเรือจินตหรา ในเรื่องเกิดขึ้นที่ประเทศไทย ตอนแรกจะถ่ายทำที่ประเทศไทยด้วย แต่เผอิญมีการปรับเปลี่ยนโน่นนี่นั่นเลยไปถ่ายทำที่ บัลแกเรีย เขาเซ็ตฉากให้เป็นพัทยา ซึ่งออกมาแล้วก็เหมือนประเทศไทยอยู่ ซึ่งเรื่องนี้ถ่ายทำกันในลอนดอน, บัลแกเรีย และกรีซ ครับ ตอนถ่ายทำอากาศหนาวมาก แต่ต้องใส่เสื้อผ้าแบบเมืองร้อน พอคัทปุ๊ปรีบเอาผ้าห่มมาห่มกันเลย”

“ส่วนคาแรคเตอร์เราได้มีการแชร์ประสบการณ์กับผู้กำกับฯ ว่า มันต้องมีแบคกราวน์ด้วยนะตัวละครตัวนี้ คือ เดชา นี่เขาเป็นหน่วยรบพิเศษที่เก่งมาก แต่ไม่อยากไปรบแล้ว เลยออกจากวงการไปบวชมาและเป็นกะลาสี ทางผู้กำกับเขาก็เลยให้ตัวละคร เดชา เป็นบุคคลิกระหว่าง แจ็ค สแปร์โรว์ และ แรมโบ้ ไปเลย”

“ทางด้านผู้กำกับคิวบู๊ก็มาจาก JC team (แจ๊กกี้ ชาน ทีม) เขาก็มาคุยกันว่า คิวบู๊ โทนี่ จา ต้องเป็นแบบองค์บากนะ แล้วเขาก็เอาอาวุธทั้งหลายมาโชว์ให้ดู พวกปืนผาหน้าไม้ ระเบิด อะไรประมาณนี้ แล้วเขาก็บอกว่า ยูไม่ต้องใช้ เพราะยูมีอาวุธอยู่แล้ว คือ มือเท้าเข่าศอก ยูเอามีดไปเล่มเดียว จะได้โชว์แม่ไม้มวยไทยได้อย่างเต็มที่ และมีการทำเวิร์กช็อปกัน ผู้กำกับคิวบู๊เขาให้ดูไลน์แอ็กชัน ทีนี้เราจะใส่อะไรลงไป ก็อยู่ที่เรา เราก็ใส่ศิลปะการต่อสู้แบบไทยลงไป เป็นการนำเสนอ เป็นการแชร์ไอเดียกัน ของไทยเราก็อัดกันดิบ ๆ ไปเลย ของฝรั่งก็มีมุมกล้อง มีซีจีมาเสริม เพราะตัวละครมีหลายตัว เราก็ต้องแชร์กัน อย่างผมเข้าไลน์กับ เจสัน สเตแธม ทำอย่างไรที่จะให้ทั้งคู่ไปด้วยกันได้ เข้าคู่กันอย่างกลมกลืน”

“สำหรับ Expendables ต้องบอกเลยว่า คุณได้ดูภาคที่ระเบิดภูเขาเผาโลกกันมามากแล้ว มาภาคนี้เขากลับมาถึงจิตวิญญาณแห่งเอเซีย ก็ได้ไปช่วยเขาออกแบบคิวบู๊ เป็นสีสันที่ตลาดต้องการ ไม่ใช่แอ็กชันแบบยิงกันอย่างเดียว เพราะคนยิงกันก็เห็นมาหมดแล้ว สิ่งที่สำคัญต้องหาอะไรที่ทำให้คนเขาตื่นตาตื่นใจ ซึ่งตรงนี้ผมว่า Expendables4 โคตรคนทีมมหากาฬ 4 จัดเต็ม อย่างไรก็ฝากไปดู ไปให้กำลังใจกันด้วยครับ”

‘Expendables 4 โคตรคนทีมมหากาฬ 4’ กำกับภาพยนตร์โดย สก็อตต์ วาก์ (Scott Waugh) ผู้กำกับจาก ซิ่งเต็มสปีดแค้น (Need for Speed), หน่วยพิฆาต ระห่ำกู้โลก ( Act of Valor), Hidden Strike นำแสดงโดย เจสัน สเตแธม, ซิลเวสเตอร์ สตอลโลน, ฟิฟตี้เซนต์, เมแกน ฟอกซ์, ดอล์ฟ ลันด์เกรน, โทนี่ จา (จา พนม), แรนดี้ โคเทอร์, แอนดี้ การ์เซีย และ อิโก อูไวส์  พร้อมนักแสดงชั้นนำจากฮอลลีวู้ดอีกคับคั่ง ที่สำคัญสดใหม่ คนไทยได้ดูก่อนอเมริกา 20 กันยายนนี้ แน่นอน! พร้อมเดือด มันส์ เกินพิกัด ในโรงภาพยนตร์ทั่วประเทศ

‘บ้านตานิด’ ร้านอร่อยชื่อดังริมน้ำเจ้าพระยา กลิ่นอายพื้นบ้าน บรรยากาศดี อาหารเด็ด เดินทางสะดวกทั้งทางเรือ-ทางบก

อยากอร่อยกับเมนูไทยพื้นบ้าน เหมือนที่เคยลิ้มลองในวัยเด็ก สัมผัสบรรยากาศริมน้ำ กลิ่นอายวิถีชีวิตของผู้คนในสมัยก่อนที่อาศัยการคมนาคมทางน้ำเป็นหลัก ให้มาที่ ร้านบ้านตานิด ร้านอาหารไทยชื่อดังแห่งอำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี ซึ่งเดิมคือบ้านพักอาศัยของครอบครัวเจ้าของร้าน อีกทั้งยังเคยเป็นปั๊มน้ำมันเรือทางน้ำ (ปั๊มเชลล์) สมัยที่ยังไม่มีถนนตัดผ่านย่านนี้เลย

การมาร้านบ้านตานิดในปัจจุบันนี้ ยังคงมาได้ทั้งทางเรือส่วนตัวและทางบก จากกรุงเทพฯ ให้ขึ้นทางด่วนขั้นที่ 2 (ศรีรัช) ต่อด้วยทางพิเศษอุดรรัถยาหรือทางด่วนสายบางปะอิน-ปากเกร็ด มาลงที่ทางออก ถนนสาย 346 (บางพูน-รังสิต) เลือกไปทาง ปทุมธานี จากนั้นให้ข้ามแม่น้ำมาตามทางในกูเกิลแมพอีก 10 กม. จนเข้าถนนสาย 4004 หรือถนนเทศบาล 1 (ให้ค้นในกูเกิลแมพว่า ร้านบ้านตานิด) ไปสุดทางที่ริมน้ำตรงตำบลกระแชง อำเภอสามโคก ซึ่งจะมีลานจอดกว้างๆ ให้ถามคนโบกได้เลยว่าร้านบ้านตานิดจอดตรงไหน หรือถ้าอยากเห็นบ้านเรือนและชุมชนใกล้ริมน้ำ สามารถลัดเลาะมาตามถนนเส้นเล็กๆ จากตัวจังหวัดปทุมธานีอีกเส้นทางหนึ่งได้ด้วย

ร้านบ้านตานิดอยู่ในบ้านไม้เก่าแก่ทาสีเขียวที่รักษาสภาพไว้เป็นอย่างดี ส่วนที่นั่งกินข้าวจะอยู่ตรงชานบ้านด้านนอกมีหลังคาคลุมและริมท่าน้ำ ซึ่งจะมีท่าจอดเรือส่วนตัวด้วย โดยก่อนเข้าร้าน ลูกค้าจะต้องถอดรองเท้าและสวมรองเท้าแตะที่จัดไว้ให้เดินเข้าไปอีกที

ก่อนอื่นขอบอกว่ามาร้านบ้านตานิดต้องโทรจองโต๊ะล่วงหน้า เพราะได้รับความนิยมมาก ยิ่งถ้ามาวันสุดสัปดาห์ให้โทรจองก่อนหลายๆ วันเลย

เจ้าของร้านนั้นคือเพื่อนของพี่รอบิ้นรุ่นพี่ของปิ่นโตเถาเล็กเองชื่อว่า พี่มด ซึ่งนำบ้านพักอาศัยของครอบครัวมาทำเป็นร้านอาหาร แต่ก่อนนั้นนอกจากจะเป็นปั๊มน้ำมันเรือแล้ว ยังเป็นร้านขายเครื่องอุปโภคบริโภครวมถึงสินค้าต่างๆ เช่นน้ำมันยาง ชัน ปูนขาวอีกด้วย พอมีการตัดถนนจึงเลิกกิจการเปลี่ยนเป็นบ้านอยู่อาศัยอย่างเดียว

จากนั้นคุณแม่พี่มดก็หันมาทำพริกแกงขายโดยใช้ชื่อว่า บ้านพริกแกง ที่ร้านนี้จึงเก่งเรื่องแกงต่างๆ เพราะทำพริกแกงเอง ใช้วิธีการบดและตำด้วยมือ

จนกระทั่ง พ.ศ. 2559 พี่มดกับน้องสาวจึงได้ดัดแปลงบ้านเป็นที่พักเล็กๆ สำหรับคนที่จะมาเรียนศิลปะ ขายอาหารเฉพาะคนที่จองมาเท่านั้น เป็นเมนูซึ่งพี่มดชอบกินเองที่บ้านอยู่แล้ว พอมีเพื่อนฝูงลูกค้าบอกต่อเยอะจึงหันมาทำร้านอาหารเป็นหลัก (แทบไม่ได้ทำเรื่องห้องพักแล้ว) นำชื่อวาณิชย์ของคุณพ่อมาตั้งเป็นชื่อร้านบ้านตานิด

ผมชอบของกินร้านนี้มาก เพราะเป็นอาหารไทยพื้นบ้านที่คนกรุงเทพฯรุ่นผมคุ้นเคยเป็นอย่างดี เมนูห้ามพลาดมีมากมาย อย่างเช่น ต้มกะทิสายบัวปลาสลิด (240 บาท+) พี่มดบอกว่าเป็นคนไม่ชอบกินปลาทู จึงใส่ปลาสลิดแทน เคล็ดลับความเค็มหอมมาจากการใช้ปลาเค็มแทนกะปิ เมนูนี้ต้องรีบกินตอนร้อนๆ จะอร่อยมาก

ถ้าชอบรสเผ็ดหน่อยให้สั่ง แกงส้มชะอมไหลบัวกุ้งสด (260-320 บาท+) พริกแกงทำเองรสเข้มข้นครบทุกรสเหมือนที่กินตอนเด็กจริงๆ พี่มดจะต้มกุ้งแล้วนำไปบดใส่ในน้ำแกงจนน้ำข้นคลั่ก โดยเลือกใช้กะปิบังดาษจากเมืองตรังหอมอร่อย

อีกเมนูที่สุดยอดมากๆ คือ ผัดสามเหม็น (240-280 บาท+) ผัดวุ้นเส้นใส่ชะอม สะตอ และกระเทียมดอง กลิ่นหอมฟุ้งเป็นพิเศษเพราะมีเคล็ดลับคือจะซอยเครื่องกระเทียม หอมและพริกสดเมื่อลูกค้าสั่งเท่านั้นทุกๆ จาน

ของไม่เผ็ดต้อง พะโล้ไข่เค็ม (220-280 บาท+) อร่อยไม่ซ้ำใคร ใส่เครื่องสามเกลอ (รากผักชี กระเทียม พริกไทย) เยอะๆ และมีอบเชยกับเครื่องยาจีนด้วย ทำรสหวานนำ แต่จะได้ความเค็มอร่อยลงตัวจากไข่เค็มมาผสมกัน ซึ่งต้องซื้อจากเจ้าประจำในตลาด อ.ต.ก.เท่านั้น (ไม่เค็มเกินไป) นำมาต้มค้างคืน

ส่วนผัดผักที่ห้ามพลาดคือ ผักบุ้งไทยผัดกะปิกุ้งกรอบ (220 บาท+) กุ้งทะเลสดกรอบสมชื่อ พี่มดซื้อจากเจ้าประจำที่ตลาดสามโคก ซื้อเช้าขายบ่าย ซื้อบ่ายขายเย็น และผัดผักบุ้งไทยได้รสชาติถึงใจ เนื่องจากพอผัดเสร็จจะหยอดน้ำพริกกะปิเพิ่มความหอมเข้มอีก 1 ช้อนลงไป

ส่วนถ้าเป็นเครื่องจิ้มต่างๆ ให้สั่ง หลนปลากุเลาหอม (260-340 บาท+) ซึ่งพี่มดทำแบบโบราณใส่ข้าวหมากเพิ่มความหอม โดยจะใช้ทั้งปลากุเลาให้ความหอมและปลาอินทรีให้ความเค็ม นอกจากนี้ ก็มี น้ำพริกกะปิกุ้งสด (280-380 บาท+) อีกเมนูโบราณที่ใส่น้ำพริกกะปิก็คือแกงรัญจวนเนื้อ (260-320 บาท+) ใส่เนื้อน่องลายตุ๋นและแตงโมอ่อนด้วย ไม่กินเนื้อก็มีแกงรัญจวนหมูอีกอย่าง

ของไม่เผ็ดมีหลากหลาย เมนูยอดนิยมคือหมูกรอบคั่วพริกเกลือ (280-380 บาท+) ใส่พริกไทยอ่อน คั่วถึงเครื่องพริกขี้หนูหอมๆ อีกทั้ง ปลาเนื้ออ่อนทอดราดกระเทียม (380-480 บาท+) ตัวเล็กๆ ทอดราดน้ำปลาผสมน้ำตาล ซึ่งกระเทียมที่ร้านจะเจียวเอง เวลากินให้จิ้มน้ำจิ้มซีฟู้ด เนื้อย่างจิ้มแจ่ว (240-320 บาท+) ใส่มะขามเปียก สันคอหมูย่าง (240-320 บาท+) และ หนำเลี้ยบหมูสับคั่วพริกแห้ง (220-280 บาท+) มีแม้กระทั่ง กุ้งแม่น้ำเผา (สอบถามขนาดและราคาได้เลย) ส่วนเครื่องดื่มถ้ามาวันเสาร์-อาทิตย์ให้สั่ง น้ำมะยงชิดปั่น กระท้อนปั่น และ มะม่วงปั่น (145 บาท+ ทุกอย่าง)

ลืมบอกไปว่าที่ร้านบ้านตานิด ถ้ามาวันธรรมดาจะคิดค่าบริการเพิ่ม 5% แต่ถ้ามาวันเสาร์-อาทิตย์ และวันนักขัตฤกษ์จะคิดค่าบริการ 10%

ขอย้ำว่าเนื่องจากร้านบ้านตานิดคือร้านดังที่ได้รับความนิยมมาก ก่อนไปหลายๆ วันต้องโทรไปจองโต๊ะไว้ล่วงหน้าดีที่สุด มิฉะนั้นอาจจะต้องรอโต๊ะนานเป็นชั่วโมง ร้านบ้าน

ตานิดเปิดบริการตามช่วงมื้ออาหาร กลางวัน 11 โมงครึ่งถึงบ่าย 3 โมง ส่วนมื้อเย็นเปิดตอน 5 โมงเย็นถึง 2 ทุ่ม หยุดทุกวันอังคาร โทรจองโต๊ะได้ที่ 08-1835-0660

'เอกชัย' เห็นด้วยกับ 'ยุ้ย ญาติเยอะ' ชี้!! เพลงดังก็แค่เพลง อย่า ปสด.

หลังจากกรณี 'เพลงคนจนมีสิทธิ์ไหมคะ' ที่ในเนื้อหามีคำไม่เหมาะสม จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ และกลายเป็นดรามาเลือกฝั่ง แบ่งคนเห็นด้วยกับไม่เห็นด้วยออกมาอย่างชัดเจนนั้น

ล่าสุด เอกชัย ศรีวิชัย เป็นอีกคนที่ออกมาเห็นด้วยกับ ความคิดเห็นของยุ้ย ญาติเยอะ เรื่องเพลงดัง คนจนมีสิทธิ์ไหมคะ ที่เอามาแปลงเนื้อ มีคำหยาบชัดเจน โดย ยุ้ย มีการแสดงความเห็นไว้ ว่า...

"เพลงมันก็แค่เพลงค่ะ หยาบคายยังไง มันก็แค่เพลง ก็เป็นกระแสแค่นั้น งงอะไร กลัวลูกหลานฟังไม่ได้ นี่เปิดให้ลูกฟังเลยค่ะ แล้วอธิบายสอนลูกไปด้วย ว่าอย่าร้องตามลูกไม่ใช่อะไรเดี๋ยวติดปาก ยายเขาร้องไว้นานแล้ว สมัยก่อนสมัยนี้ ก็บอกไปว่ามันคืออะไร แต่ให้พูดไม่ได้ ก็สอนไปซิมีหน้าที่พ่อแม่มัวมองโลกสวย ไม่มองโลกจริง ๆ ระวังลูกไม่มีภูมิ เจอเพลงแค่นี้ ปสด."

‘นนกุล’ ยิ้มรับกระแสจิ้น ‘แอฟ ทักษอร’ ลั่น!! เป็นพี่สาวที่สนิทที่สุด ส่วนโอกาสพัฒนาเป็นเรื่องอนาคต ถ้าเป็นคู่จริงเมื่อไหร่จะมาอัปเดต

(14 ก.ย.66) หลังจากที่ถูกจับตามองเรื่องความสัมพันธ์มาพักใหญ่ สำหรับ ‘นนกุล ชานน’ กับนางเอกสาวรุ่นพี่ ‘แอฟ ทักษอร’ ว่าเป็นเพียงคู่จิ้นหรือคู่จริงที่กำลังพัฒนาความสัมพันธ์กันอยู่ จะใช่หนึ่งเดียวในใจที่สาวแอฟเคยได้ให้สัมภาษณ์ถึงอยู่บ่อยครั้งแต่ยังไม่มีการเปิดตัวหรือไม่ ล่าสุด ‘นนกุล’ ก็ได้ให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องนี้อีกครั้งว่า 

>> แฟนๆ รอดูซีรีส์เรากับพี่แอฟ?
“ผมยังไม่รู้ออนแอร์เมื่อไหร่ คิดว่าพฤศจิกายน–ธันวาคมนี้ น่าจะได้ดูกันครับ แฟนๆ ก็ถามถึงเยอะ เป็นกระแสใหญ่ๆ มาสองรอบแล้ว เหมือนได้ยินมาว่าทางประเทศจีนอยากออนพร้อมกับประเทศไทย ก็เลยน่าจะเป็นการทำงานประสานงานกันทั้งสองฝ่ายด้วยครับ ผมก็อยากดูเหมือนกันครับ”

>> คิดว่าทำไมแฟนๆ ถึงอยากดูซีรีส์ของเรากับพี่แอฟ?
“เพราะว่ากระแสที่มันเกิดขึ้น แล้วก็เนื้อเรื่องที่มันน่าสนใจ ประกอบกับรีเมกจากซีรีส์ที่โด่งดังมากๆ ในประเทศจีน ก็เลยคิดว่าเป็นเหตุผลที่ทำให้หลายๆ คนติดตามกัน ก็ถ่ายมาเกินปีนึงแล้ว ถ่ายเสร็จประมาณสิงหาคมปีที่แล้ว”

>> ถ้าละครออนแอร์กระแสความจิ้นจะเพิ่มไหม?
“ก็เป็นไปได้ครับ (ยิ้ม) (ในเรื่องมีความกุ๊กกิ๊ก?) มีอยู่แล้วครับ เนื่องจากเป็นซีรีส์แนวโรแมนติกคอมเมดี้ จะมีความน่ารักไม่เครียดมาก”

>> ถามถึงคอมเมนต์ ‘อื้อหือ’ ที่เข้าไปคอมเมนต์ไอจีพี่แอฟ?
“ก็ชมพี่เขาครับ เขาสวยมากๆ”

>> พิมพ์สั้นๆ แค่นั้น?
“(หัวเราะ) ก็อยากพิมพ์ต่อครับ แต่ว่าเราเคยชมพี่เขาไปแล้ว นี่ก็เปลี่ยนคำไปเรื่อยๆ เปลี่ยนวิธีชมไปเรื่อยๆ ครับ (พี่แอฟเข้ามาคอมเมนต์ตอบ?) ก็ได้ เดี๋ยวคราวหน้าผมคอมเมนต์ตรงๆ เลย สวย สวยมากเลยครับ”

>> แฟนๆ จิ้นรู้สึกยังไง?
“ดีใจอยู่แล้วครับ ผมมองว่ายิ่งเราจะมีซีรีส์ด้วยกันด้วย ก็ยิ่งเป็นผลดีกับการที่มีแฟนๆ รอติดตามกระแสจิ้น”

>> คนเชียร์ให้คู่จิ้นเป็นคู่จริง?
“ถ้าในอนาคตมันพัฒนายังไง เดี๋ยวเป็นเรื่องของอนาคตครับ คำตอบดารามาก แต่มันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ แหละ”

>> ตอนนี้พัฒนาไหม?
“ก็เป็นพี่ที่สนิทมากๆ คนนึงครับ (ที่สุดครับ?) ที่สุดครับ”

>> โอกาสพัฒนามีเยอะ?
“อะไรๆ มันก็เกิดขึ้นได้ครับ”

>> อยากพัฒนาไปเรื่อยๆ ถ้ามีโอกาส?
“มันไม่ใช่เรื่องของผมคนเดียว ถ้าเกิดในอนาคตมันเกิดอะไรขึ้นก็เป็นเรื่องของอนาคตครับ เป็นเรื่องที่เราไม่สามารถกำหนดได้อยู่แล้วครับ”

>> เห็นไหมกระแสเชียร์แรง?
“ใช่ครับ หวังว่าทุกคนจะรอติดตามนะครับ”

>> คนเชียร์เป็นคู่จริง?
“อ๋อ (หัวเราะ) (ดูเขิน?) เขินๆ ครับ พี่เขาเป็นคนสวย น่ารักอยู่แล้ว การที่มีคนจับคู่เรากับพี่เขามันก็เป็นสิ่งที่ดีครับ”

>> มีคุยกระแสจิ้นกับพี่แอฟไหม?
“มีครับ มีคุยกับพี่แอฟอยู่เรื่อยๆ อยู่แล้วครับ พี่เขาก็แฮปปี้ครับ สุดท้ายมันเป็นไปในเชิงบวกก็เป็นเรื่องที่ดีอยู่แล้วครับ”

>> กระแสบวกเยอะ?
“จริงๆ มีทั้งลบทั้งบวก แต่ว่าเราพร้อมรับฟังทุกคอมเมนต์”

>> เป็นไปได้ไหม คู่จริง?
“ก็ถ้าเป็นคู่จริงเมื่อไหร่ เดี๋ยวเรามาอัปเดตกันก็ได้ครับ (ยิ้ม)”

'ไทด์' นำทีมร่วมกตัญญู ฝ่าเส้นทางวิบาก 4 ชม. ขึ้นดอยสบเมย เพื่อช่วยเหลือชาวเขา ที่ถูกน้ำป่าซัด ตัดเส้นทางเข้าออกหมู่บ้าน

(14 ก.ย. 66) นายเอกพันธ์ บรรลือฤทธิ์ หัวหน้าอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู นายโบ๊ท วิบูลย์นันท์ รองหัวหน้าอาสาสมัคร พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่และอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู นำรถออฟโรด ลำเลียงเครื่องอุปโภค-บริโภค และผ้าห่ม กว่า 200 ชุด เดินทางจากสำนักงานใหญ่มูลนิธิร่วมกตัญญู จังหวัดสมุทรปราการ พากันลุยขึ้นดอยไปที่ โรงเรียนบ้านแม่ตอละ ต.แม่สามแลบ อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน  เมื่อวานนี้ (13 ก.ย.)

เพื่อนำเครื่องอุปโภค-บริโภค และผ้าห่มไป มอบแจกจ่ายให้กับชาวเขาเผ่ากะเหรี่ยงโป ในชุมชนบ้านแม่ตอละ และโรงเรียนบ้านแม่ตอละรวมกว่า 140 ชุด แต่กว่าที่เจ้าหน้าที่จะเดินทางไปถึงที่ชุมชนแห่งนี้ ซึ่งอยู่บนดอยสูงของแม่ฮ่องสอน ทำให้การเดินทางค่อนข้างยากลำบาก บางจุดถึงออฟโรดของเจ้าหน้าที่ร่วมกตัญญู ถึงกับลื่นดินโคลนจนตกร่องถนน

ท่ามกลางสายฝนที่ตกลงมาตลอดเส้นทาง การเดินทางใช้ระยะเวลาราว 4 ชั่วโมงกับระยะทางเพียงแค่ 70 กิโลเมตร จากตัวอำเภอสบเมย ซึ่งการเข้าไปช่วยเหลือชาวบ้านและเด็กๆ ในพื้นที่ของมูลนิธิร่วมกตัญญูครั้งนี้ สร้างความดีใจต่อพวกเขาเป็นอย่างมาก

นอกจากจะมอบถุงยังชีพ ผ้าห่มแล้ว คุณไทด์ เอกพันธ์ ยังควักเงินสดส่วนตัว มอบค่าขนมให้กับเด็กๆ คนละ 100 บาท จำนวน 77 คน คุณครูจำนวน 11 คน คนละ 500 บาท เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจ นอกจากนั้นระหว่างทาง ทางคณะยังแวะไปยังโรงเรียนเลโคะ มอบเงินให้กับเด็กๆ จำนวน 59 คน พร้อมกับขนม จากนั้นเข้าไปมอบถุงยังชีพให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดนที่ค่าย ตชด 337 จำนวน 30 ชุด

ครูทราย หนึ่งในคุณครูของโรงเรียนแห่งนี้ ให้สัมภาษณ์ว่า ต้องขอบคุณสำหรับมูลนิธิร่วมกตัญญู ที่เห็นถึงความเดือดร้อนของเด็กๆ และชาวเขาในชุมชนและเดินทางมาช่วยเหลือในครั้งนี้ ซึ่งนอกจากจะได้กำลังใจจากคนต่างถิ่นแล้ว สิ่งของที่ได้รับมอบในครั้งนี้จะสามารถทำให้นักเรียน และชาวเขากะเหรี่ยงนี้มีข้าวสารอาหารแห้งไว้บริโภคในครอบครัวได้อีกหลายวัน

ด้าน นายเอกพันธ์และนายโบ๊ท กล่าวว่า หลังจากที่ชุมชนและโรงเรียนแห่งนี้ได้รับผลกระทบจากวาตภัยในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา อีกทั้งในพื้นที่ยังคงได้รับผลกระทบจากพายุฝนตกต่อเนื่อง จนทำให้การเดินทางเข้าออกของหมู่บ้านถูกตัดขาด ถนนสายหลักที่จะเข้าออกชุมชนแห่งนี้ถูกน้ำกัดเซาะ และมีดินสไลด์ขวางเส้นทาง

บางจุดถนนเละจนรถธรรมดาไม่สามารถเข้าออกหมู่บ้านได้ ต้องใช้รถโฟรวีลหรือรถออฟโรดยกสูงเท่านั้น ทำให้ชาวเขาจำนวนมากทั้งคนแก่และเด็กนักเรียนขาดแคลนอาหารในการดำรงชีพ จึงร้องขอความช่วยเหลือมูลนิธิร่วมกตัญญูเข้ามา ทางประธานมูลนิธิร่วมกตัญญู

โดย ดร.รัตนา สมสกุลรุ่งเรือง คุณสมศักดิ์ ปาลวัฒน์ ผู้จัดการมูลนิธิร่วมกตัญญู คุณบิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ ผู้จัดการฝ่ายกิจกรรมพิเศษ ได้สั่งแพคถุงยังชีพและระดมทีมกู้ภัยออฟโรดของอาสาสมัครและมูลนิธิร่วมกตัญญู ลำเลียงสิ่งของขึ้นมาช่วยเหลือชาวบ้านในครั้งนี้

ถึงแม้ว่าการเดินทางจะมหาโหดตลอดเส้นทางขึ้นเขานั้น แต่พอมาถึงได้เห็นรอยยิ้มของเด็กๆ และคนในชุมชน พวกเราก็หายเหนื่อยและรู้สึกดีใจที่เข้ามาช่วยเหลือ ซึ่งชุมชนและโรงเรียนแห่งนี้ พอเข้ามสัมผัสแล้วจะยิ่งน่าเห็นใจเป็นอย่างมาก

นอกจากจะอยู่ในถิ่นธุระกันดารแล้ว ยังไม่มีไฟฟ้าใช้ มีเพียงแผงโซล่าเซลไม่กี่แผง ซึ่งก็ไม่เพียงพอต่อการผลิตไฟ ทำให้เด็กๆ ยังขาดสื่อการเรียนการสอนที่ทันสมัยอีกมาก จึงฝากเป็นสะพานบุญไปยังทุกภาคส่วน ที่อยากเข้ามาช่วยเหลือ ลองนึกถึงโรงเรียนแห่งนี้

‘ช่อง 8’ ผุดโปรเจกต์รายการเรียลลิตี้ ‘นางร้าย Thailand’ ปั้นนางร้ายหน้าใหม่สู่วงการบันเทิง ชิงเงินรางวัล 5 แสนบาท

(13 ก.ย. 66) เปิดตัวอย่างเป็นทางการกับโปรเจกต์ ‘นางร้าย Thailand (Devil Angel Thailand)’ รายการเรียลลิตี้แรกในประเทศไทยที่มีการประกวดนางร้าย พร้อมค้นหาสุดยอดนางร้ายคนแรกของประเทศ เพื่อชิงเงินรางวัลรวมมูลค่ากว่า 5 แสนบาท ภายใต้แนวคิดของผู้บริหารหญิงแกร่ง คุณนงลักษณ์ งามโรจน์ หัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหารสถานีโทรทัศน์ช่อง 8 พร้อมดึงตัวพ่อพิธีกรมากความสามารถ อั๋น ภูวนาท คุนผลิน กับ เหล่า 3 Queen Master ตัวแม่นางร้าย เบนซ์ ปุณยาพร พูลพิพัฒน์, โม อมีนา พินิจ และ แก้มบุ๋ม ปรียาดา สิทธาไชย เสริมความเข้มข้นขึ้นด้วยนักแสดงมากฝีมือ พลอย เฌอมาลย์ บุญยศักดิ์ และผู้กำกับคนดัง มะเดี่ยว ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล มาเป็นคณะกรรมการรอบตัดสิน ร่วมพิสูจน์ว่าใครจะสามารถสร้างพลังอินเนอร์ของนางร้าย เพื่อประดับวงการบันเทิงของไทย ต่อยอดเล่นละคร ซีรีส์สู่ระดับสายตาในอีกหลายประเทศ

คุณนงลักษณ์ งามโรจน์ กล่าวว่า “ช่อง 8 ภายใต้บริษัท RS Group ได้ต่อยอดแผนกลยุทธ์ทางธุรกิจ Unlock Value โดยปรับแผนตามความแข็งแรงของคอนเทนต์ทางการเติบโตของโซเชียลมีเดีย และความชำนาญของบุคลากร อาทิ ละคร, ซีรีส์, รายการมวย, รายการบันเทิงและวาไรตี้ โดยมีเป้าหมายรายได้ที่คาดหวังรวม 1,600 ล้านในปีนี้ และต่อยอดเป็น Annual Content และ Event ในปีต่อๆ ไป โดยนางร้าย Thailand (Devil Angel Thailand) เป็นหนึ่งในโปรเจกต์ที่ทางช่อง 8 มุ่งหวังจะสร้างรายได้ให้เติบโต ปีนี้เป็นจังหวะที่เหมาะสมในการพัฒนาโปรเจกต์ การที่จะปั้นนางร้าย ไม่เคยมีที่ไหนทำมาก่อน ถือเป็นการเปิดโอกาสให้นางร้ายได้มีจุดโดดเด่นกว่าที่เคยเป็นมา สังเกตได้ว่าการรับชมละครหรือภาพยนตร์ จะขาดนางร้ายไม่ได้เลย ซึ่งนางร้ายก็มีคุณค่าไม่น้อยไปกว่านางเอก เพียงแต่ไม่มีใครกล้าจัดการประกวดและเปิดโอกาสให้นางร้ายเท่านั้นเอง”

“ในส่วนของรายการ น่าจะถูกใจผู้ชมทางด้านโซเชียลที่ชื่นชอบความเรียล และเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของเหล่านางร้ายอย่างตรงไปตรงมาโดยไม่มีกรอบจำกัด ทั้งทักษะการแสดง การสื่ออารมณ์ การใช้ภาษากาย และการโชว์ความเซ็กซี่ของนางร้ายผ่านมิชชั่นที่เข้มข้น และท้ายที่สุดเราจะปั้นให้เกิดนางร้ายไทยแลนด์คนใหม่ของวงการบันเทิง และอีกหนึ่งความพิเศษทางช่อง 8 ได้เปิดโอกาสให้กับทุกคนที่มีความหลากหลายทางเพศได้ยื่นใบสมัคร เรามั่นใจว่าผู้ชมจะให้การตอบรับแน่นอน เพราะประเทศไทย ถือว่าเป็นประเทศที่เปิดรับความหลากหลายทางเพศในทุกระดับต้นๆ ของโลก จึงไม่แปลกที่ช่อง 8 จะสนับสนุนเรื่องความเท่าเทียม”

Queen Master เบนซ์ ปุณยาพร กล่าวว่า “ในความเป็นมืออาชีพจากประสบการณ์ 20 กว่าปี ที่เคยเป็นทั้งนางเอก และนางร้าย ถือเป็นประสบการณ์ที่เบนซ์สะสมมานานและนานกว่าคนอื่นๆ ทำให้เบนซ์เชื่อว่าตัวเองมีศักยภาพมากพอที่เป็นตัวท็อป Queen Master ที่ทีมอื่นจะสู้ไม่ได้ อย่าลืมว่าเบนซ์มีประสบการณ์ทั้ง 2 ด้าน แสดงว่าประสบการณ์การเป็นควีนเหนือคนอื่น 2 เท่า ที่จะมาสอนแก่นแท้การแสดงให้น้องๆ เบนซ์สามารถนำเทคนิคอินเนอร์ของนางเอก และเทคนิคที่นางร้ายจะต้องมี มาเป็นซูเปอร์นางร้ายไทยแลนด์ให้เข้มข้นกว่า Queen master อีก 2 คน เพื่อศักดิ์ศรี และน้องในทีม เบนซ์จะต้องเป็นผู้ชนะในรายการนี้เท่านั้น หากมาสอนแค่ผิวเผิน ถ้าไม่เด่นจริงก็ต้องออกจากรายการนี้ไป”

Queen Master โม อมีนา กล่าวว่า “ตอนแรกไม่มั่นใจ แต่ก็มานั่งคิดว่า เล่นละครมา 21 ปี ได้รับบทร้ายมาตลอด นี่แหละเข้ากับเราที่สุด คือโอกาสสำคัญที่เราจะได้ปั้นคนจากประสบการณ์ตรงของเรา ความเข้มข้นของรายการจะอยู่ที่การฟาดฟัน งัดกลยุทธ์ ปกปิดกลเม็ดออกมาแข่งกัน ทุกอย่างคือเกมที่เราจะต้องแข่งขันกัน รายการนี้เรียลมากๆ ไม่มีรู้เขารู้เรานะ เราก็ไม่รู้ว่าฝั่งตรงข้ามจะเล่น และพลิกเกมอะไร เพราะฉะนั้นแต่ละทีมก็จะมีเกณฑ์มาตรฐานของตัวเอง สิ่งที่เราเน้นและโดดเด่นก็คือ ทีมโมร้ายตั้งแต่อินเนอร์ ส่งพลังจากดวงตา อยากเล่นร้ายแต่ตาเป็นนางเอกก็ไม่ได้ เราเน้นร้ายแบบธรรมชาติ อย่าร้ายแบบประดิษฐ์ เพราะเมื่อไหร่ที่เราร้ายแบบประดิษฐ์ไปเล่นละครเวทีได้เลย”

Queen Master แก้มบุ๋ม ปรียาดา กล่าวว่า “สำหรับการมาเป็น Queen Master เราจริงจังมาก ทุ่มเทมากไปเรียนการแสดงเพิ่มเอง เพราะประสบการณ์เรา ถ้าเราหยิบเอาตรงนั้นมาสอน บางคนอาจจะไม่เข้าใจ ประสบการณ์กับการบอกเล่ามันต่างกัน อย่างเราเองมองว่า เป็นนางร้ายที่มีคาแรคเตอร์ คนสามารถจดจำในตัวของเราได้ การเลือกเด็กเข้ามาในทีม เราจะมองหาคนที่มีความพยายามหรือเป็นน้ำที่ไม่เต็มแก้ว สำหรับการแข่งขันครั้งนี้ การเป็นตัวเองสำคัญที่สุด เพราะจะสร้างการจดจำได้ดีที่สุด และไม่เหมือนใคร เพราะหากเราไปเหมือนคนอื่นมาก เราจะดูไม่น่าจดจำ ถือว่าเวทีนี้ได้เปิดโอกาสแบบไม่จำกัดจะต้องเป็นหญิงแท้เท่านั้น เพราะ LGBTQ+ ก็สามารถประกวดได้ ดีใจที่รายการเปิดโอกาสให้กับคนมากมาย ได้มาทำตามความฝัน”

คุณนงลักษณ์ งามโรจน์ กล่าวปิดท้าย “การแข่งขันพร้อมความสนุกในรายการ นางร้าย Thailand (Devil Angel Thailand) จะเริ่มต้นคัดเลือกผู้เข้าแข่งขันจากใบสมัคร 500 กว่าคน ผ่านการคัดเลือก 150 คนให้เหลือ 30 คน เพื่อที่จะไปคัดเลือกในรอบ 20 คน จากนั้น Queen Master ทั้ง 3 เป็นผู้คัดเลือกเด็กเข้าทีมละ 4 คน โดย Queen Master เบนซ์ จะยกหน้ากากสีแดง Queen Master โม จะยกหน้ากากสีดำ และ Queen Master แก้มบุ๋ม จะยกหน้ากากสีทอง ซึ่งแต่ละคนจะมีโอกาสเลือกผู้เข้าแข่งขันเข้าสู่ทีมตัวเองได้ทีมละ 4 คนเท่านั้น หากว่าควีนมาสเตอร์ ยกหน้ากากมากกว่า 1 ท่าน สิทธิ์ในการเลือกจะไปอยู่ที่ผู้เข้าแข่งขันทันที”

“และผู้เข้าแข่งขันจะเดินไปหยิบหน้ากากสีประจำตัวของควีนมาสเตอร์ที่ตัวเองอยากอยู่ด้วย แต่เพื่อให้การคัดเลือกเข้มข้นขึ้นไปอีก ควีนทั้ง 3 ท่านของเราจะได้สิทธิ์ในการขอเปลี่ยนลูกทีมได้ 1 ครั้ง โดยตัดใจนําลูกทีมที่เลือกไว้แล้ว มาแลกกันได้ และหลังจากนั้นจะเข้าสู่การแข่งขันแบบเต็มรูปแบบ จากการผ่านภารกิจสุดเข้มข้น และผู้ชนะในรายการ นางร้าย Thailand (Devil Angel Thailand) จะเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ให้กับสถานีโทรทัศน์ช่อง 8 พร้อมทั้งเป็นนักแสดงในสังกัดของทางช่องทันที”

รายการนางร้าย Thailand (Devil Angel Thailand) มีจำนวนทั้งหมด 12 อีพี เริ่มออกอากาศตอนแรกวันศุกร์ที่ 15 กันยายน 2566 เวลา 22.15 น. เป็นต้นไป และจะออกอากาศทุกวันศุกร์ โดยรอบ Final ถ่ายทอดสดจะจัดขึ้นในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2566 สุดท้ายใครจะได้เป็น 1 เดียว นางร้ายไทยแลนด์ คนแรกของประเทศไทย พร้อมชิงเงินรางวัลมูลค่ากว่า 5 แสนบาท ติดตามได้ทางช่อง 8 กดเลข 27 และสามารถรับชมผ่านเพจเฟซบุ๊ก นางร้ายไทยแลนด์ https://www.facebook.com/devilangelthailand และทุกแพลตฟอร์มออนไลน์ของช่อง 8

‘นาวิน ต้าร์’ สุดดีใจ!! ‘ไฮโซน้ำหวาน’ คลอด ‘น้องไมกี้’ แล้ว แถมเห่อลูกชายหนักจนเมียแอบแซว “พ่อดีใจเหมือนคลอดเอง”

(13 ก.ย. 66) เป็นคุณพ่อลูกสามมาครบทั้งลูกสาวลูกชายแล้ว ‘นาวิน ต้าร์’ โพสต์ภาพแรกสุดดีใจ หลังจาก ‘ไฮโซน้ำหวาน พัสวี’ ภรรยา คลอดลูกคนที่ 3 เป็นผู้ชาย เมื่อวันที่ 12 ก.ย. ที่ผ่านมา พร้อมแคปชันต้อนรับลูกชาย โดยตั้งชื่อเล่นแสนน่ารักด้วยว่า…

“สวัสดีครับผม ชื่อ ‘ดช.ไมกี้ ภาวิน เยาวพลกุล’ ครับ welcome to the world my son.” ท่ามกลางเพื่อนๆ คนบันเทิง แฟนคลับร่วมยินดีจำนวนมาก

ขณะที่ ไฮโซน้ำหวานก็โพสต์ภาพต้อนรับลูกชาย พร้อมทั้งแคปชันแซวสามีด้วยว่า “ครอบครัวเราเพิ่มเจ้าหนูน้อยมาอีกคนแล้วนะคะวันนี้ ยินดีต้อนรับนะครับ ไมกี้น้อยของพ่อกับแม่ #navintarfamily #navintar #mybaby #newbornbaby #แม่ลูก3 พ่อดีใจเหมือนคลอดเองเลย”

‘แพรรี่ ไพรวัลย์’ สุดปลื้มถูกเซอร์ไพรส์ด้วย ‘Hermes’ ถามกูรู ‘รุ่นนี้รุ่นอะไร’ ไม่ต้องบอกราคายกเป็นคุณค่าทางใจ

เมื่อวันที่ 11 กันยายน 66 ‘แพรรี่ ไพรวัลย์ วรรณบุตร’ ได้โพสต์คลิปแสดงความดีใจและปลื้มใจหนักมาก หลังจากได้ของขวัญถุงใหญ่จากเจ้าของแบรนด์ ‘SYN FIBER’ เป็นกระเป๋าแบรนด์เนมสุดหรู ‘Hermes’ โดยเจ้าตัวได้ไปร่วมกิจกรรมและเล่นเกมในการไลฟ์สดโปรโมทแบรนด์สินค้า โดยระบุว่า พี่เจ้าของแบรนด์  ‘SYN FIBER’ ได้เซอร์ไพรส์ตนเอง ด้วยการให้หลับตาแล้วบอกมีของจะให้ ซึ่งในใจคิดว่าคงเป็นของขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ แบบตุ๊กตาหมีที่อยู่ในกระเช้าหรือกล่องไฟเบอร์ แต่ที่ไหนได้ กลับเป็นกระเป๋า Hermes ซึ่งถือว่าเป็นเซอร์ไพรส์ที่ใหญ่มาก

โดยแพรรี่ ยังแอบถามกูรูกระเป๋าแบรนด์เนมด้วยว่า ไม่รู้ว่ากระเป๋ารุ่นนี้เป็นรุ่นอะไร เพราะตนเองไม่เคยมีแบรนด์นี้มาก่อน ใบนี้นับเป็นใบแรก จึงรู้สึกตื่นเต้นและดีใจมาก อยากรู้เพียงว่ารุ่นอะไร ไม่อยากรู้ราคา เพราะมั่นใจว่าราคาน่าจะสูงอยู่แล้ว แต่ที่สำคัญคือรู้สึกซาบซึ้งมาก เพราะไม่เคยมีใครเอ็นดูและมอบของขวัญที่มีมูลค่ามากขนาดนี้ ที่นำคลิปมาโพสต์ครั้งนี้ เพื่ออยากจะขอบคุณพี่เจ้าของแบรนด์ ‘SYN FIBER’ เป็นอย่างสูง 

“แม้ว่าจะเป็นของที่มีราคาค่อนข้างสูง แต่โดยส่วนตัวแล้ว ไม่ได้มองที่มูลค่าตรงนั้น แต่มองในแง่คุณค่าทางจิตใจและความเอ็นดูที่ได้รับมากกว่า”

‘ป๋อ ณัฐวุฒิ’ กราบขอโทษ ‘เดือนเพ็ญ’ ชีวิตนี้ไม่เคยคิดเหยียดพี่น้องหมอลำ ยืนยัน!! ไม่ได้เจาะจงเพลงใด เพียงแค่ห่วงคำหยาบใน ‘เพลงทั่วไป’ เท่านั้น

(12 ก.ย. 66) สเตตัสพระเอกดัง ‘ป๋อ ณัฐวุฒิ สกิดใจ’ ถูกตีความไปเรื่อยๆ หลังเจ้าตัวระบุถึงความไม่เข้าใจที่เพลงไทยเอ่ยถึง อวัยวะเพศหญิงและชาย เต็มปากเต็มคำ พร้อมมองว่าหยาบโลน ไม่รับผิดชอบ กังวลว่าเด็กๆ วัยที่ยังไม่พร้อมมาเปิดคลิปดูแล้วร้องเอาสนุกบ้าง กระทั่งแวดวงวิชาการออกมาแสดงทรรศนะต่อจากมุมมองพระเอกดัง

ล่าสุด ‘ป๋อ ณัฐวุฒิ’ เคลื่อนไหวอีกครั้งเมื่อช่วงดึก (11 ก.ย.) โดยระบุ ‘ลบโพสต์แล้ว’ พร้อมถามหาความรับผิดชอบจากสื่อมวลชนที่ทำให้เกิดความเสียหาย ความดังนี้

“ผมลบโพสต์แล้วนะครับ…เหตุผลเดียวเลย คือ ผมไม่อยากเป็นต้นเหตุของความขัดแย้งใดๆ ทั้งสิ้น สิ่งที่ผมอยากจะพูดมี 2 เรื่องนะครับ

1.) ผมชื่นชมและเคารพพี่น้องเพลงหมอลำมาตลอดครับ สาบานได้เลย ชีวิตนี้ผมไม่เคยคิดดูถูกเหยียดหยามพี่น้องหมอลำ และเรื่องชนชั้นใดๆ แม้แต่นิดเดียว (ถ้าอ่านในเนื้อหาที่ผมเขียน ผมพูดถึงเพลงทั่วไปครับ ผมไม่ได้พูดอะไรเลยเจาะจงเกี่ยวกับเพลงหมอลำเลย)

2.) พี่ๆ สื่อมวลชนทั้งหลายครับ การที่พี่เอารูปผมและบทความของผมในพื้นที่ส่วนตัวของผม ไปต่อยอดรายงานข่าว โดยมีการตัดต่อรูปผมคู่กับ พี่เดือนเพ็ญ เด่นดวง นักร้องหมอลำ…แล้วทำให้ตอนนี้สังคมเข้าใจผมผิดทั้งหมด เกิดความขัดแย้ง ทำให้เนื้อหาที่ผมจะสื่อบิดเบือนจากเจตนาของผมไปมาก…ผมอยากจะถามว่า…พี่จะรับผิดชอบต่อการกระทำครั้งนี้กับผมยังไงครับ

ถ้าอ่านบทความของผมดีๆ ผมพูดในบริบทของเพลงทั่วไป ผมพูดในฐานะพ่อคนหนึ่งที่กังวลใจ ตกใจ กังวลต่อคำที่ใช้ในเพลงที่ไม่สมควรมีคำหยาบ (อวัยวะเพศ) มาอยู่ในเพลง…ในบทบาทของความเป็นพ่อ ผมก็เลยอยากจะฝากแง่คิดไปถึงคนที่มีส่วนรับผิดชอบในการคัดกรองเนื้อหาต่างๆ ให้อยู่ในจุดที่เหมาะสม เพื่อให้เด็กได้เติบโตมาในสังคมที่ดีงาม

ผมต้องกราบขอโทษพี่น้องหมอลำและคุณเดือนเพ็ญ เด่นดวง กับเรื่องเข้าใจผิดในครั้งนี้ด้วยนะครับ ผมทราบมาตั้งแต่แรกแล้วว่าคลิปมันนานมาแล้ว แล้วผมไม่ได้พูดเจาะจงถึงเพลงเพลงนี้เลย ผมพูดถึงเพลงทั่วไปในปัจจุบัน ผมหวังว่าพี่ๆ จะเข้าใจและให้อภัยผมในเหตุการณ์ครั้งนี้ด้วยนะครับ

ผมต้องตกเป็นจุดสนใจของการนำเสนอข่าวของสื่อมวลชนหลายสำนัก มีการเอารูปและข้อความจากพื้นที่ส่วนตัวของผมไปขยายความโดยไม่ได้รับอนุญาตแล้วทำให้เรื่องบานปลาย กลายเป็นความเข้าใจผิดครั้งใหญ่ขนาดนี้…ผมหวังว่าพี่ๆ สื่อจะรับผิดชอบกับการกระทำในครั้งนี้ต่อผมด้วยนะครับ ขอบคุณมากครับ”


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top