Monday, 12 May 2025
THE STATES TIMES TEAM

"สถานประกอบการ" ส่งเสริมการจ้างงานคนพิการจังหวัดปราจีนบุรี…เปิด “โครงการจ้างงานคนพิการ มาตรา 35” เพื่อส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ

"นางสาวจิรฐา คงทน" ประธานชมรมผู้ปกครองบุคคลออทิสติกจังหวัดปราจีนบุรี กล่าวรายงานแก่ "นายอุดม ตระกูลษา" นายกองค์การบริหารส่วนตำบลดงขี้เหล็ก จ.ปราจีนบุรี ประธานในพิธีเปิด “โครงการจ้างงานคนพิการ มาตรา 35” (ร้าน ซัก อบ รีด) ว่าตามที่พระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ พ.ศ.2550 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2556 ใน มาตรา 33 เพื่อประโยชน์ในการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการให้ นายจ้างหรือ เจ้าของสถานประกอบการ และหน่วยงานของรัฐรับคนพิการเข้าทํางานตามลักษณะของงานในอัตราส่วนที่เหมาะสมกับผู้ปฏิบัติงานในสถานประกอบการ หรือหน่วยงานของรัฐ

ทั้งนี้ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานออกกฎกระทรวงกําหนดจํานวนที่นายจ้าง หรือเจ้าของสถานประกอบการ และหน่วยงานของรัฐจะต้องรับคนพิการเข้าทํางาน "กฎกระทรวงแรงงาน” จึงกำหนดให้นายจ้างหรือเจ้าของสถานประกอบการซึ่งมีลูกจ้างตั้งแต่หนึ่งร้อยคนขึ้นไป รับคนพิการที่สามารถทํางานได้ไม่ว่าจะอยู่ในตําแหน่งใดในอัตราส่วนลูกจ้างที่มิใช่คนพิการทุกหนึ่ง ร้อยคนต่อคนพิการหนึ่งคน เศษของหนึ่งร้อยคนถ้าเกินห้าสิบคนต้องรับคนพิการเพิ่มอีกหนึ่งคน การนับจํานวนลูกจ้างให้นับทุกวันที่ 1 ตุลาคม ของแต่ละปีและกรณีนายจ้างหรือ เจ้าของสถานประกอบการผู้ใดมีหน่วยงานหรือสํานักงานสาขาในจังหวัดเดียวกันให้นับรวมลูกจ้างของ หน่วยงานหรือสํานักงานสาขาทุกแห่งในจังหวัดนั้นเข้าด้วยกัน

นอกจากนี้ พระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ พ.ศ. 2550 ในมาตรา 35 กรณีที่หน่วยงานของรัฐไม่ประสงค์จะรับคนพิการเข้าทํางานตามมาตรา 33 หรือนายจ้าง หรือเจ้าของสถานประกอบการไม่รับคนพิการเข้าทํางานตามมาตรา 33 และไม่ประสงค์จะส่งเงินเข้ากองทุนตามมาตรา 34 หน่วยงานของรัฐ นายจ้างหรือเจ้าของสถานประกอบการนั้น อาจให้สัมปทานจัดสถานที่จําหน่ายสินค้าหรือบริการ / จัดจ้างเหมาช่วงงาน / ฝึกงาน / หรือให้การช่วยเหลืออื่นใด แก่คนพิการหรือผู้ดูแลคนพิการแทนก็ได้ ทั้งนี้ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่คณะกรรมการกําหนดในระเบียบ

ในการนี้ บริษัท เวสเทิร์น ดิจิตอล สตอเรจ เทคโนโลยีส์ (ประเทศไทย) จำกัด เล็งเห็นถึงความสำคัญในการส่งเสริมให้คนพิการมีงานทำ เพื่อสร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างรายให้แก่คนพิการ และครอบครัวคนพิการ อีกทั้งยังให้การสนับสนุนทุนประกอบอาชีพอิสระเพื่อให้คนพิการได้มีอาชีพ และมีงานทำใกล้บ้าน สามารถพึ่งพาตนเองอย่างมีเกียรติศักดิ์ศรีทัดเทียมคนทั่วไป โดยคนพิการได้รับสิทธิประโยชน์ตามที่กฎหมายกำหนดอย่างครบถ้วน และมุ่งหวังว่าการมีรายได้ที่สม่ำเสมอจากการเข้าถึงโอกาสงานและอาชีพนี้จะเป็นปัจจัยหลักที่ส่งผลโดยตรงช่วยให้สุขภาวะในทุกมิติของคนพิการดีขึ้น และสังคมได้เห็นถึงศักยภาพโดยประจักษ์ของคนพิการในฐานะพลเมืองเข้มแข็ง ที่สามารถทำประโยชน์และเป็นกำลังสำคัญให้กับชุมชนที่ตนอาศัยอยู่ได้ในภายภาคหน้าอย่างมีความสุข

จึงเป็นที่มาของ “โครงการจ้างงานคนพิการ มาตรา 35”  ซึ่งทางบริษัทฯให้การสนับสนุนคนพิการจำนวน 2 คน คือ นางสาวกันตา  วิฑูรอนันต์  และ นายเศกษดา  ทรัพย์อุดม เพื่อประกอบอาชีพ “ร้าน ซัก อบ รีด” เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 228,490 บาท

 

ตม.1 รวบฝรั่งหัวใส!! หลบ BLACKLIST เข้าไทย สุดท้ายไม่พ้นมือ ตม.

ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีเรื่องการควบคุมกำกับดูแลชาวต่างชาติที่เข้ามาพำนักอาศัยหรือเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์  แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. มอบหมายให้ สตม.ดำเนินการตรวจสอบชาวต่างชาติที่มีหมายจับตำรวจสากล หรือมีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน หรือเป็นลักษณะการกระทำผิดเข้าข่ายอาชญากรรมข้ามชาติ ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ

สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดย พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ ผบช.สตม., พล.ต.ต.อาชยน  ไกรทอง รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ปิติ นิธินนทเศรษฐ์ ผบก.ตม.1,พ.ต.อ.ณรงค์เวทย์ โอนสูงเนิน รอง ผบก.ตม.1, พ.ต.อ.ระพีพัฒน์ อุตสาหะ ผกก.สส.บก.ตม.1 ร่วมแถลงข่าวการจับกุมคดีที่น่าสนใจ ดังนี้

เจ้าหน้าที่ กก.สส.บก.ตม.1  ได้รับข้อมูลจากการสืบทราบว่า มีคนต่างด้าวสัญชาติอังกฤษ ชื่อ Mr.James   ซึ่งเคยถูกจับกุมดำเนินคดีและถูกบันทึกรายชื่อเป็นบุคคลต้องห้ามเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรไว้ แต่ต่อมาได้สัญชาติอิสราเอลและใช้หนังสือเดินทางของประเทศอิสราเอล เดินทางเข้ามาและพักอาศัยอยู่ในประเทศไทย 

เมื่อเจ้าหน้าที่ได้รับทราบ จึงได้ทำการตรวจสอบข้อมูลจากระบบสารสนเทศ ตรวจคนเข้าเมือง โดยละเอียดจนพบว่า Mr.James  สัญชาติอังกฤษ ดังกล่าวถือหนังสือเดินทางเลขที่ 51XXXXXXX เกิดวันที่ 25 ก.ค.2520 สถานที่เกิด LONDON มีข้อมูลในบัญชีบุคคลต้องห้ามและเฝ้าดู เนื่องจากเคยถูกจับดำเนินคดีในข้อหา “มีอาวุธไม่มีเครื่องหมายทะเบียนและเครื่องกระสุนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตพกพาอาวุธไปในเมืองฯ” มีคำพิพากษาศาลถึงที่สุด จำคุก 9 เดือน และถูกผลักดันออกนอกประเทศ เมื่อ 3 เม.ย.2558 จริง ซึ่งจากการนำข้อมูลของ Mr.James  สัญชาติอังกฤษ มาตรวจสอบในระบบสารสนเทศ สตม. แล้วพบว่าตรงกับข้อมูลของชายชาวต่างชาติ สัญชาติอิสราเอล อีกรายหนึ่ง มีข้อมูลชื่อ นามสกุล วันเดือนปีเกิด สถานที่เกิด และใบหน้า คล้ายและเหมือนกับ Mr.James  สัญชาติอังกฤษ แตกต่างกันเพียงสัญชาติและเลขที่หนังสือเดินทางเท่านั้น

ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า Mr.James  สัญชาติอิสราเอล ถือหนังสือเดินทางเลขที่ 21XXXXXX เกิด 25 ก.ค.2520 สถานที่เกิด LONDON  เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรครั้งแรก เมื่อ 23 ต.ค.2558 ครั้งสุดท้าย เมื่อ 5 ม.ค.2563 และยื่นขออยู่ต่อครั้งสุดท้ายได้รับอนุญาตให้อยู่ต่อในราชอาณาจักรถึง 21 ก.ย.2565 ซึ่งจากการตรวจสอบข้อมูลพบว่า ข้อมูล ชื่อ ชื่อกลาง นามสกุล วันเดือนปีเกิด และสถานที่เกิดตรงกัน ต่างกันเพียงสัญชาติของคนต่างด้าวเท่านั้น ตรงตามกับข้อมูลที่สืบทราบมาจริง เจ้าหน้าที่ กก.สส.บก.ตม.1 จึงได้ประสาน กก.3 บก.สส.สตม.เพื่อขอข้อมูลลายพิมพ์นิ้วมือของ Mr.James  สัญชาติอังกฤษ จากฐานข้อมูลในระบบฯ เมื่อครั้งถูกส่งกลับผลักดันออกนอกราชอาณาจักรไป เมื่อวันที่ 3 เม.ย.2558 เพื่อส่งให้ ศท.ตม. ดำเนินการตรวจเปรียบเทียบเพื่อยืนยันกับลายพิมพ์นิ้วมือและใบหน้าของ Mr.James สัญชาติอิสราเอล จากระบบ Biometrics ในวันที่เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรครั้งล่าสุด ว่าบุคคลทั้งสองเป็นบุคคลคนเดียวกันหรือไม่ ซึ่งผลการตรวจสอบลายพิมพ์นิ้วมือและใบหน้ายืนยันว่าบุคคลทั้งสองเป็นบุคคลคนเดียวกัน จากนั้นเจ้าหน้าที่ฯจึงได้เสนอเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรของ Mr.Jame  สัญชาติอิสราเอล และเมื่อผู้บังคับบัญชาอนุมัติ เจ้าหน้าที่ฯจึงได้ทำการควบคุมตัวคนต่างด้าวส่ง กก.3 บก.สส.เพื่อดำเนินการส่งกลับผลักดันต่อไป

 

ตม.จว.ตาก ตรวจเข้มตลอด 24 ชม.!! รวบหนุ่มจีนและหนุ่มไทย ขนคนจีนหลบหนีเข้าเมือง 4 ราย

ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เรื่องการควบคุมกำกับดูแลชาวต่างชาติที่เข้ามาพำนักอาศัยหรือเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร.และ พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. มอบหมายให้ สตม. ดำเนินการตรวจสอบชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ หรือกลุ่มคนร้ายข้ามชาติที่เข้ามาแฝงตัวอยู่ก่อเหตุกับคนไทยหรือชาวต่างชาติ โดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทำความผิด

สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดย พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ ผบช.สตม., พล.ต.ต.อาชยน  ไกรทอง รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ศุภณัฎฐ์ เจริญเรืองสกุล ผบก.ตม.5 , พ.ต.อ.เอกกร บุษบาบดินทร์ รอง ผบก.ตม.5 , พ.ต.อ.แมน รัตนประทีป รอง ผบก.ตม.5 , พ.ต.อ.สัมพันธ์ เหลืองสัจจกุล ผกก.ตม.จว.ตาก และ พ.ต.ท.สุชาติ เพ็ญภู่ รอง ผกก.ตม.จว.ตาก ร่วมแถลงข่าว ดังนี้

 1. เจ้าหน้าที่ ตม.จว.ตาก ได้ร่วมกันปฏิบัติหน้าที่อยู่บริเวณจุดตรวจบ้านห้วยหินฝน ต.แม่ปะ อ.แม่สอด จว.ตาก เมื่อถึงเวลาเกิดเหตุพบรถยนต์คล้ายคนต่างด้าวสัญชาติจีนเป็นผู้ขับขี่ เดินทางจาก อ.แม่สอด มุ่งหน้าไปยัง จว.ตาก จากการตรวจสอบผู้ขับขี่ คือ MR.LIฯ อายุ 51 ปี สัญชาติจีน

ผู้ถูกจับที่ 1 และทำการตรวจสอบภายในรถยนต์พบบุคคลต่างด้าวสัญชาติจีน 2 คน คือ MR.JENGฯ อายุ 19 ปี สัญชาติจีน

ผู้ถูกจับที่ 2 และ MR.WANGฯ อายุ 43 ปี สัญชาติจีน ผู้ถูกจับที่ 3 จึงขอตรวจสอบเอกสารการเดินทาง จากการตรวจสอบบุคคลต่างด้าวสัญชาติจีน ทั้ง 3 ราย ปรากฏว่าผู้ถูกจับที่ 1 MR.LIฯ มีเอกสารการเดินทางและวีซ่าถูกต้อง ส่วนต่างด้าวสัญชาติจีนอีก 2 ราย ไม่มีเอกสารหนังสือเดินทางหรือเอกสารที่ใช้แทนหนังสือเดินทางมาแสดง รับว่าตนทำงานอยู่ฝั่งเมียวดี ประเทศเมียนมา ลักลอบเดินทางเข้าประเทศไทยทางช่องทางธรรมชาติ จากการสอบถามคนขับรถให้การว่า ตนได้รับการว่าจ้างจากหญิงนายหน้าไม่ทราบชื่อให้มารับผู้ต้องหาหน้าเทศบาลนครแม่สอด เพื่อนำไปส่งในพื้นที่ กทม. โดยได้รับการว่าจ้างเป็นจำนวนเงิน 7,000 บาท แต่มาถูกเจ้าหน้าที่เรียกตรวจสอบและถูกจับกุมเสียก่อน เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้แจ้งข้อกล่าวหาและนำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลาง นำส่ง สภ.แม่สอด เพื่อดำเนินคดีต่อไป

>> ผู้ถูกจับที่ 1 ในความผิดฐาน “ซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใด ๆ ให้คนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายพ้นจากการจับกุม”

>> ผู้ถูกจับที่ 2 – 3 (ช.2) ในความผิดฐาน “เป็นบุคคลต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต” และ “ฝ่าฝืนคำสั่งจังหวัดตาก ที่ 38/2563 ลง 20 ธ.ค.63”   รถยนต์คันของกลาง คือ รถยนต์ตู้ ยี่ห้อ TOYOTA สีขาว รุ่นอัลพาร์ต หมายเลขทะเบียนกรุงเทพฯ  เหตุเกิด จุดตรวจบ้านห้วยหินฝน ต.แม่ปะ อ.แม่สอด จว.ตาก

2. เจ้าหน้าที่ ตม.จว.ตาก ได้ร่วมกันปฏิบัติหน้าที่อยู่บริเวณจุดตรวจบ้านห้วยหินฝน ต.แม่ปะ อ.แม่สอด  จว.ตาก เมื่อถึงเวลาเกิดเหตุพบรถยนต์ต้องสงสัย เดินทางมาจาก อ.เมืองตาก มุ่งหน้าเข้า อ.แม่สอด จากการตรวจสอบพบ ผู้ถูกจับที่ 1 คือ นายฉัตรมงคลฯ และทำการตรวจสอบภายในรถยนต์พบบุคคลต่างด้าวสัญชาติจีน 2 คน คือ MR.WANGฯ อายุ 30 ปี สัญชาติจีน ผู้ถูกจับที่ 1 และ MISS.HUANGฯ อายุ 32 ปี สัญชาติจีน ผู้ถูกจับที่ 2 จากการตรวจสอบบุคคลต่างด้าวสัญชาติจีน ทั้ง 2 ราย ปรากฏว่าไม่มีเอกสารหนังสือเดินทางหรือเอกสารที่ใช้แทนหนังสือเดินทางมาแสดงมีเพียงภาพถ่ายหนังสือเดินทางที่มีอยู่ในโทรศัพท์มือถือและจากการตรวจสอบระบบสารสนเทศตรวจคนเข้าเมืองไม่ปรากฏการเดินทางเข้าราชอาณาจักรไทยแต่อย่างใด รับว่าตนลักลอบเดินทางเข้าประเทศไทยทางช่องทางธรรมชาติจากประเทศกัมพูชา เพื่อที่จะเดินทางมายัง อ.แม่สอด จากการสอบถามผู้ขับขี่ ผู้ขับขี่ให้การว่า ตนได้รับการว่าจ้างจากชาย ชื่อนายณัฎฐกัณฐ์ฯ  ให้ไปรับคนสัญชาติจีนที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งใน ถ.ศรีนครินทร์ แขวงหนองบอน เขตประเวศ กรุงเทพฯ เพื่อนำมาส่งในพื้นที่ อ.แม่สอด จว.ตาก โดยได้รับการว่าจ้างเป็นจำนวนเงิน 5,000 บาท แต่มาถูกเจ้าหน้าที่เรียกตรวจสอบและถูกจับกุมเสียก่อน เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้แจ้งข้อกล่าวหาและนำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลาง นำส่ง สภ.แม่สอด เพื่อดำเนินคดีต่อไป    

>> ผู้ถูกจับที่ 1 ในความผิดฐาน “ซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใด ๆ ให้คนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายพ้นจากการจับกุม”

>> ผู้ถูกจับที่ 2 – 3 (ช.1 ญ.1) ในความผิดฐาน “เป็นบุคคลต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต” และ “ฝ่าฝืนคำสั่งจังหวัดตาก ที่ 38/2563 ลง 20 ธ.ค.63” 

รถยนต์คันของกลาง คือ

1.รถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 คน ยี่ห้อ TOYOTA รุ่น VELLFIRE สีดำ หมายเลขทะเบียน กรุงเทพฯ 

2.โทรศัพท์ยี่ห้อ ONEPLUS A6013 สีดำ

เหตุเกิด จุดตรวจบ้านห้วยหินฝน ต.แม่ปะ อ.แม่สอด จว.ตาก

 

ผลการจับกุมเครือข่าย ‘ขนแรงงานต่างด้าว’ กองบังคับการสืบสวนสอบสวน สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง

ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ  รองนายกรัฐมนตรี เรื่องการควบคุมกำกับดูแลชาวต่างชาติที่เข้ามาพำนักอาศัยหรือท่องเที่ยวในประเทศไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ  โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์  รอง ผบ.ตร. มอบหมายให้ สตม. ดำเนินการตรวจสอบชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักในประเทศไทย กระทำความผิดกฎหมายและก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหาย ต่อภาพลักษณ์ของประเทศหรือกลุ่มคนร้ายข้ามชาติที่เข้ามาแฝงตัวกับคนไทยหรือต่างชาติ โดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทำความผิด

ภายใต้การอำนวนการ ของ พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์  สัจจพันธุ์  ผบช.สตม., พล.ต.ต.อาชยน  ไกรทอง รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ ผบก.สส.สตม., พล.ต.ต.เดชา กัลยาวุฒิพงศ์ ผบก.ตม.4, พล.ต.ต.ประสงค์ เรืองเดช ผบก.ภ.จว.อำนาจเจริญ, พ.ต.อ.สถิตย์ พรมอุทัย รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.ยศวัจน์ งามสง่า รอง ผบก.ภ.จว.อำนาจเจริญ, พ.ต.อ.นิยม สีหาวัฒน์ ผกก.สภ.ชานุมาน, พ.ต.อ.พิษณุ สิทธิทูรย์ ผกก.สส.บก.ตม.4, พ.ต.ต.สมพร บัวหอม สว.ตม.จว.อำนาจเจริญ

โดยมีพฤติการณ์ คือ กก.4 บก.สส.สตม.ได้สืบทราบว่ากลุ่มคนไทยมีการลักลอบ นำรถตู้ขนคนลาวที่ลักลอบเช้าไทย โดยนั่งเรือหายางผ่านแม่น้ำโขงขึ้นฝั่งช่องทางธรรมชาติข้ามมาฝั่งไทยเขต จ.อำนาจเจริญ และรับคนลาวเข้ามาในพื้นที่ชั้นใน เขต กทม. และปริมณฑล

กก.4 บก.สส.สตม.จึงได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ทำการสืบสวนจนทราบว่า จะมีนายหน้าฝั่งลาวได้นำชาวลาวข้ามมาขึ้นช่องธรรมชาติฝั่ง จ.อำนาจเจริญ จึงได้วางแผนเข้าสกัดจับตามเส้นทางถนนสายรอง และสามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาได้ที่ หน้าวัดจินดามณี ถนนภายในหมู่บ้านเมืองเก่า ตำบล คำเขื่อนแก้ว อำเภอชานุมาน จว.อำนาจเจริญ ผลการจับกุมปรากฏดังนี้

1.ผู้ต้องหาคนลาวหลบหนีเข้าเมือง จำนวน 17 คน หญิง 7 คน ชาย 10 คน ข้อหา "เป็นบุคคลต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมาย"

2.จับกุม นาย วันชนะ สัญชาติไทย กับพวก รวม  3 คน ข้อหาร่วมกันนำพาบุคคลต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมาย

3.รถตู้ยี่ห้อ โตโยต้า จำนวน 2 คัน นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.ชานุมาน จ.อำนาจเจริญ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย   

จากการสืบสวนขยายผลพบว่า กลุ่มเครือข่ายขนแรงงานต่างด้าวมีการติดต่อกับนายหน้าฝั่งลาว โดยนั่งข้ามแม่น้ำโขง ขึ้นท่า อ.ชานุมาน จ.อำนาจเจริญ ซึ่งทางนายหน้าฝั่งลาวจะนัดแนะกลุ่มผู้ต้องหา จุดนัดหมายริมฝั่งโขงและขึ้นรถตู้โดยคิดค่าหัว หัวละ 12,000 บาท โดยกลุ่มเครือข่ายผู้ต้องหาจะใช้เส้นทางรองเพื่อเลี่ยงการจับกุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ไปตามหมู่บ้าน แล้วใช้เส้นทางหลักในการเดินทาง

คดีดังกล่าวอยู่ในระหว่างการสืบสวนขยายผล เส้นทางการเงิน สมาชิกผู้ร่วมขบวนการที่เหลืออยู่ นายหน้า รับขนส่งคนทั้งฝั่งไทยและฝั่ง สปป.ลาว

นราธิวาส - ‘จิตอาสาพระราชทาน’ กว่า 200 คน พร้อมใจกันบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ พัฒนาภูมิทัศน์ โดยรอบบริเวณน้ำตกฉัตรวาริน อุทยานแห่งชาติบูโด-สุไหงปาดี สถานที่ท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติที่สำคัญของจังหวัดนราธิวาส!!

นายอนิรุทร บัวอ่อน นายอำเภอสุไหงปาดี  เป็นประธานเปิดกิจกรรมบำเพ็ญสาธารณประโยชน์จิตอาสาพระราชทานตามแนวพระราชดำริ "เราทำความดี เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์" กิจกรรมพัฒนาภูมิทัศน์ ทำความสะอาดโดยรอบบริเวณน้ำตกฉัตรวาริน อุทยานแห่งชาติบูโด-สุไหงปาดี หมู่ 5 บ.โผลง ตำบลโตะเด็ง อำเภอสุไหงปาดี  จังหวัดนราธิวาส โดยมีหัวหน้าส่วนราชการ ตลอดจนคณะเจ้าหน้าที่ และคณะจิตอาสาพระราชทาน ในพื้นที่อำเภอสุไหงปาดี  ร่วมกิจกรรมกว่า 200 คน

นายอนิรุทร บัวอ่อนนายอำเภอสุไหงปาดีกล่าวว่า พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดตั้งโครงการจิตอาสาพระราชทาน ขึ้นเพื่อเป็นการรวมความสมัครสมานสามัคคีของคนไทยทุกคน ในการทำกิจกรรมสาธารณประโยชน์เพื่อพัฒนาพื้นที่ในชุมชนต่าง ๆ ให้มีความเจริญ เกิดประโยชน์ต่อชุมชนอย่างถาวร และเพื่อเป็นการพัฒนาท้องถิ่นของแต่ละชุมชนให้มีคุณภาพชีวิต และความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น

เนื่องในวันสำคัญของชาติ ในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2565 เป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยอำเภอสุไหงปาดีได้กำหนดจัดกิจกรรมบำเพ็ญสาธารณประโยชน์จิตอาสาพระราชทานตามแนวพระราชดำริ "เราทำความดี เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์" ในวันนี้ขึ้น เพื่อเป็นการรวมพลังความสามัคคีของคนอำเภอสุไหงปาดี

ทลายเครือข่ายแรงงานข้ามชาติ จับมาเฟียอินเดีย!! หนีข้อหาฉกรรจ์ ปล้นฆ่า ลักพาตัว ทรมานเหยื่อเรียกค่าไถ่ ฟอกเงิน และหนีกบดานไทย

ตามนโยบายของ  พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เรื่องการควบคุมกำกับดูแลชาวต่างชาติที่เข้ามาพำนักอาศัยหรือเข้ามาเพื่อท่องเที่ยวในประเทศไทย โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. มอบหมายให้ สตม. ดำเนินการตรวจสอบชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน หรือเป็นลักษณะการกระทำผิดเข้าข่ายอาชญากรรมข้ามชาติ หรือทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ                    

สํานักงานตรวจคนเข้าเมือง โดย พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธ์ ผบช.สตม., พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.มานัด ศรีวงษา ผบก.ตม.3, พ.ต.อ.ทรงโปรด สิริสุขะ รอง ผบก.ตม.3, พ.ต.อ.ไกลเขต บุรีรักษ์ รอง ผบก.ตม.3, พ.ต.อ.รัชธพงศ์ เตี้ยสุด รอง ผบก.ตม.3, พ.ต.อ.หฤษฎ์ เอกอุรุ รอง ผบก.ตม.3 และ พ.ต.อ.จิรพงศ์ รุจิรดำรงค์ชัย ผกก.สส.บก.ตม.3  ร่วมแถลงข่าวการจับกุมคดีที่น่าสนใจดังนี้

1.“จับมาเฟียอินเดีย หนีข้อหาฉกรรจ์ ทั้งปล้นฆ่า ลักพาตัว ทรมานเหยื่อเรียกค่าไถ่ และฟอกเงิน หนีกบดานไทย”

ก่อนการจับกุมครั้งนี้ สตม.ได้รับการประสานงานจากหน่วยงานความมั่นคง ว่ามีบุคคลสัญชาติอินเดีย มีพฤติกรรม เป็นอาชญากรก่อคดีเกี่ยวกับการปล้นฆ่า สังหารบุคคลอื่น ซ้อมทรมาน ยาเสพติด ลักพาตัวเรียกค่าไถ่ ค้ามนุษย์ ตลอดจนความผิดเกี่ยวกับการฟอกเงิน โดยทางการอินเดียได้มีการออกหมายจับและยื่นความจำนงต่อตำรวจสากลให้บุคคลดังกล่าวซึ่งก็คือ นายฮาร์มาน (ขอสงวนสกุล) อายุ 29 ปี  สัญชาติอินเดีย เป็นบุคคลที่ตำรวจสากลต้องการตัว หรือมีหมายแดง (Red Notice)

เมื่อทราบข้อมูลชุดสืบสวนได้ทำการตรวจสอบข้อมูลในเบื้องต้นก็ทราบว่านายฮาร์มานฯ ได้เดินทางเข้าประเทศไทยเมื่อเดือนมิถุนายน 2562 อยู่ในราชอาณาจักรด้วยเหตุผลทางธุรกิจ โดยข้อมูลในระบบระบุวันหมดอายุเมื่อวันที่ 30 ต.ค. 62 และมีข้อมูลว่าพักอาศัยอยู่ในเขตเมืองพัทยา จ.ชลบุรี ซึ่งได้สืบสวนต่อจนทราบว่านายฮาร์มานฯ ได้พักอาศัยอยู่ละละแวกพัทยาเหนือจึงได้เฝ้าติดตาม จนกระทั่งได้พบนายฮาร์มานฯ บริเวณหน้าเซเว่นริมถนนพัทยาเหนือ เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.บก.ตม.3 ได้แสดงตัวและข้อตรวจสอบก็พบว่า อยู่เกินในราชอาณาจักรจริง จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาให้ทราบว่า “ เป็นคนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด (จำนวน 448 วัน) ” นำส่ง พงส.กก.สส.บก.ตม.3 ดำเนินคดีต่อไป

2.“ทลายเครือข่ายแรงงานข้ามชาติ จับคนขน ขยายผลตัวสั่งการ และเข้าจับให้ที่พักพิง”

เจ้าหน้าที่ ตม.จว.ประจวบคีรีขันธ์ ได้บูรณาการกำลังออกตรวจพื้นที่รับผิดชอบ เมื่อมาถึงบริเวณแยกสิบศพ ต.เกาหลัก อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์ ปรากฏว่าพบรถกระบะคันหนึ่ง หยุดอยู่ที่แยกแต่เมื่อพบเห็นเจ้าหน้าที่ก็ได้ขับรถพุ่งออกจากแยกด้วยความเร็วน่าสงสัย ชุดจับกุมจึงได้ติดตามรถคันดังกล่าวไปและแจ้งให้จุดสกัดสามร้อยยอดดำเนินการสกัดจับเอาไว้ ซึ่งได้ตรวจพบว่ารถยนต์กระบะคันดังกล่าว มีนายยียี (สงวนสกุล) สัญชาติเมียนมา อายุ 35 ปี เป็นผู้ขับ มีนายอ่าว (สงวนสกุล) นั่งโดยสารข้าง ๆ และมีผู้โดยสารเป็นคนต่างด้าว สัญชาติเมียนมา อีก 14 คน ซักถามได้ข้อมูลว่าบุคคลต่างด้าว 14 คน หลบหนีเข้าเมืองผ่านช่องทางธรรมชาติมีนายยียี และนายอ่าว ได้ขับรถมารับ ส่วนนายยียีและนายอ่าวรับตรงกันว่าได้รับการติดต่อจากนายเม ให้มารับบุคคลต่างด้าวจำนวน 14 คนดังกล่าว จึงจับกุมตัวนายยียี นายอ่าว และบุคคลต่างด้าวอีก 14 ราย พร้อมกับยึดรถยนต์กระบะและโทรศัพท์ของกลางนำส่งเพื่อดำเนินคดี

ในการนี้ได้แจ้งข้อกล่าวหา นายยียีและนายอ่าวแจ้งว่า “ร่วมกันช่วยเหลือซ่อนเร้นหรือช่วยเหลือด้วยประการใด ๆ แก่บุคคลต่างด้าวที่หลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายให้พ้นจากการจับกุม”  บุคคลดต่างด้าวอีก 14 คน แจ้งว่า “เป็นคนต่างด้าวเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต” เหตุเกิดที่ ริมถนนเพชรเกษม หมู่ 5 ต.ไร่เก่า อ.สามร้อยยอด จ.ประจวบคีรีขันธ์ เมื่อวันที่ 29 ม.ค.65 เวลาประมาณ 04.30 น.

ของกลาง

1.รถยนต์กระบะ ยี่ห้อ อีซูสุ สีขาว ทะเบียนจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จำนวน 1 คัน

2. โทรศัพท์มือถือ จำนวน 3 เครื่อง

จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ขยายผลสืบสวนทราบภายหลังว่านายเมฯ คือ นาย AUNG (สงวนสกุล) หรือโกเม  อายุ 45 ปี พักอาศัยละแวกอำเภอปราณบุรี จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานและประสานกับร้อยเวรสอบสวน สภ.สามร้อยยอด จนศาลจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ออกหมายจับที่ 50/65 ลงวันที่ 3 ก.พ.65 และ สภ.สามร้อยยอดได้ดำเนินการจับกุมตัวนาย AUNGฯ ได้ในวันเดียวกัน โดยกล่าวหาว่า “ร่วมกันช่วยเหลือซ่อนเร้นหรือช่วยเหลือด้วยประการใด ๆ แก่บุคคลต่างด้าวที่หลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายให้พ้นจากการจับกุม”

จากรวบรวมข้อมูลเครือข่ายพบว่าการจับกุมหลายครั้งมีความเกี่ยวพันกับขบวนการดังกล่าว ในกรณีนี้นายเม จะเป็นผู้ประสานงานให้คนในเครือข่ายจากกรุงเทพฯ, สมุทรสาคร หรือปทุมธานีเดินทางมารับช่วงต่อซึ่งได้ขยายผลจนทราบว่าหลังจากรับคนที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์แล้วจะส่งต่อไปยังจุดพักคอยซึ่งเป็นบ้านหลังหนึ่งย่านตำบลคลองสาม อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี

เมื่อทราบแล้วจึงได้เข้าไปเฝ้าสังเกตการณ์ก็พบว่าบ้านดังกล่าวมีลักษณะเป็นทาวน์เฮ้า 2 ชั้น มีรถหลายคันขับเข้ามาสถานที่ดังกล่าวและส่งคนลง 2-5 คนต่อครั้ง ซึ่งเฝ้าสังเกตการณ์พบว่าในเวลาต่อมามีรถตู้สีทองเดินทางเข้ามาสถานที่ดังกล่าวและนำคนขึ้นโดยสารรถหลายคน ซึ่งเชื่อว่าจะมีการขนย้ายเพื่อไปยังสถานที่อื่นจึงได้เข้าไปแสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่เพื่อขอตรวจสอบ ผลการตรวจสอบพบ บุคคลต่างด้าว สัญชาติเมียนมา จำนวน 17 คน และคนไทย 1 คน เป็นผู้ขับรถตู้ ทราบชื่อภายหลังว่าคือนาย สมบัติ (ขอสงวนสกุล) อายุ 44 ปี ซักถามบุคคลต่างด้าวพบว่า นางสาวMI (สงวนสกุล) หนึ่งในคนต่างด้าวเป็นเจ้าของสถานที่พักดังกล่าวและเป็นผู้ติดต่อประสานงานพาบุคคลต่างด้าวทั้งหมดเข้ามาพักยังบ้านหลังดังกล่าวและเป็นผู้ติดต่อประสานงานให้นายสมบัติฯ นำรถมารับ จึงได้จับกุมตัวบุคคลที่เกี่ยวข้องพร้อมกับยึดของกลางนำส่งร้อยเวรสอบสวน สภ.คลองหลวง เพื่อดำเนินคดีต่อไป แจ้งข้อกล่าวหาว่า

1.คนต่างด้าว 16 ราย “เป็นคนต่างด้าวเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต”

2.นายสมบัติฯและนางสาว MI “ร่วมกันช่วยเหลือซ่อนเร้นหรือช่วยเหลือด้วยประการใด ๆ แก่บุคคลต่างด้าวที่หลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายให้พ้นจากการจับกุม”

ของกลาง 

1.รถตู้โดยสารส่วนบุคคล สีทอง ทะเบียนจังหวัดกรุงเทพฯ จำนวน 1 คัน

2. โทรศัพท์มือถือ จำนวน 5 เครื่อง

สถานที่ วันเวลา จับกุม บ้านทาวน์เฮ้า 2 ชั้น ต.คลองสาม อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี เมื่อวันที่ 16 ก.พ. 2565 เวลาประมาณ 12.28 น.

จากการซักถามผู้ต้องหาให้การสอดคล้องกันว่า หลบหนีเข้ามาในประเทศไทย ผ่านชายแดนช่องทางธรรมชาติ ปลายทางเพื่อหางานที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ก่อนถูกจับกุมได้มาพักคอยที่บริเวณที่เกิดเหตุเพื่อรอติดต่อว่าจะได้ไปทำงานที่ใด ส่วนนางสาว MI ให้การรับสารภาพว่าเป็นผู้ติดต่อประสานงานกับนายหน้าคนอื่น ๆ เพื่อนำคนต่างด้าวส่งไปลักลอบทำงานยังสถานที่ต่าง ๆ ซึ่งจะมีการขยายผลดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องต่อไป

 

กรุงเทพฯ - “บิ๊กป้อม” อนุมัติกองทุนเสริมศักยภาพนักกีฬา มุ่งสู่ความเป็นเลิศ ห่วงใยนักกีฬาให้ระวังโควิดขณะซ้อม

พล.อ.ประวิตร ประชุม กกท.และกองทุนกีฬา รับทราบรายงาน WADA คืนสถานะไทย กรณีสารต้องห้าม ขอบคุณคนไทยร่วมแก้ไข อนุมัติกองทุนเสริมศักยภาพนักกีฬา มุ่งสู่ความเป็นเลิศ  ห่วงใยนักกีฬาให้ระวังโควิดขณะซ้อม

เมื่อ 23 ก.พ.65 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รอง นรม.ได้เป็นประธานการประชุม คณะกรรมการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ครั้งที่2/ 2565 และการประชุม คณะกรรมการบริหารกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ ครั้งที่1/2565  ผ่านระบบVDO Conference

ที่ประชุม คณะกรรมการ กกท.ได้รับทราบรายงานการแก้ไข พ.ร.บ.ควบคุมการใช้สารต้องห้ามทางการกีฬา พ.ศ.2555 โดยองค์กรต่อต้านการใช้สารต้องห้ามโลก(WADA) ได้ประกาศทางเว็บไซต์ อย่างเป็นทางการ เมื่อ3ก.พ.65 แจ้งเรื่องการถอดถอนประเทศไทย ออกจากรายชื่อภาคีที่ไม่ปฏิบัติตามกฎและได้รับการคืนสถานะตามข้อกำหนด เรียบร้อยแล้ว และรับทราบสรุปผลการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเกมส์(ฤดูหนาว)ครั้งที่ 24 ณ กรุงปักกิ่ง  สาธารณรัฐประชาชนจีน ระหว่าง วันที่ 4-20 ก.พ.65 โดยสรุป นักกีฬาจากประเทศไทยที่มีผลงานโดดเด่น ได้แก่ Karen Chanloung แข่งขันประเภท Cross-country skiing รายการ women Individual Sprint Free ผลงานเป็นอันดับ6 ของเอเชีย ,Mark chanloung ประเภท Cross-country skiing รายการ Men Individual Sprint Free ผลงานเป็นอันดับ 3 ของเอเชีย และ Nicola zanon ประเภท Alpine skiing รายการ Men Giant Slalom ผลงานเป็นอันดับ 4 ของเอเชีย

พล.อ.ประวิตร ได้กล่าวชื่นชมนักกีฬาที่ทำผลงานได้ดีสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศชาติ แม้ไทยจะไม่มีสภาพอากาศหนาวถึงระดับมีหิมะ  หลังจากนั้น ที่ประชุมได้มีการเห็นชอบแต่งตั้ง พล.อ.คณิต สาพิทักษ์ เป็นประธานอนุกรรมการกลั่นกรองการดำเนินงาน และแต่งตั้ง พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ เป็นประธานอนุกรรมการด้านบริหารทรัพยากรบุคคล เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการปฏิบัติงานในการพัฒนาการกีฬาของประเทศ ต่อไป

ต่อเนื่องกัน พล.อ.ประวิตรได้เป็นประธานการประชุม คณะกรรมการบริหารกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ โดยได้มีวาระพิจารณาเห็นชอบการสนับสนุนเงินรางวัลให้แก่นักกีฬา ผู้ฝึกสอน และสมาคมกีฬาได้แก่สมาคมกีฬาแบดมินตัน เข้าร่วมแข่งขันระดับนานาชาติ รายการ Total Energies BWF World Championships 2021 ณ เมืองฮูลเอลวา ราชอาณาจักรสเปน สร้างผลงานรุ่นทั่วไปได้ 1เหรียญทอง เป็นเงิน 4,500,000 บาท และเห็นชอบสนับสนุนงบประมาณการพัฒนากีฬาตามแผนงานประจำปี 65

อาทิ การสนับสนุนระบบการพัฒนานักกีฬาสู่ความเป็นเลิศ ทั้งในระดับชาติ/นานาชาติ ,การสนับสนุนการจัดการแข่งขันกีฬาอาชีพ เพื่อสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ และการส่งเสริมการเป็นเจ้าภาพการจัดการแข่งขัน ระดับชาติ/นานาชาติ รวมถึงการผลักดันกีฬามวยไทยให้มีมาตรฐานสากล เป็นต้น

สุโขทัย - ‘อาชีวศึกษาสุโขทัย’ สร้างผลงาน ปั้นเด็กคหกรรมศาสตร์ สู่ดาวอาชีพเชิงธุรกิจมาตรฐานสากล!!

วิทยาลัยอาชีวศึกษาสุโขทัย โดยว่าที่ร้อยโท ดร.นิคม เหลี่ยมจุ้ย ผู้อำนวยการวิทยาลัยอาชีวศึกษาสุโขทัย นำคณะผู้บริหารสถานศึกษาร่วมแสดงความยินดี กับนักเรียน นักศึกษาและครูผู้ควบคุม สาขาวิชาคหกรรมศาสตร์ วิทยาลัยอาชีวศึกษาสุโขทัย ในโอกาสที่เข้าร่วมการแข่งขันทักษะการประยุกต์ดอกไม้สดแบบไทยเชิงธุรกิจมาตรฐานสากล ระดับปวส. วิทยาลัยอาชีวศึกษาสุโขทัย คว้ารางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 เหรียญทอง ระดับชาติ ในงานประชุมวิชาการองค์การนักวิชาชีพในอนาคตแห่งประเทศไทย (อวท.) ระดับชาติ ครั้งที่ 30 ประจำปีการศึกษา 2564 ระหว่างวันที่ 20-24 กุมภาพันธ์ 2565 ณ จังหวัดน่าน และจังหวัดแพร่ ที่ผ่านมา

ว่าที่ร้อยโท ดร.นิคม เหลี่ยมจุ้ย ผู้อำนวยการวิทยาลัยอาชีวศึกษาสุโขทัย กล่าวว่าเพื่อเป็นการส่งเสริมทักษะการประยุกต์ดอกไม้สดแบบไทยเชิงธุรกิจ เพื่อให้ผลงานของนักศึกษาวิทยาลัยอาชีวศึกษาสุโขทัย ก้าวสู่มาตรฐานสากลและเพิ่มพื้นที่และกระจายความสามารถของนักศึกษา ให้เป็นที่ยอมรับ ในผลงานให้แก่นักศึกษา ที่สำคัญเพื่อให้นักศึกษาได้ใช้ความรู้ ความสามารถที่ได้จากการศึกษามาใช้ให้เกิดประโยชน์ในการปฏิบัติงานจริง

เลย - ผบ.กกล.สุรศักดิ์มนตรี ลงพื้นที่คุมเข้ม! และสร้างขวัญกำลังใจกำลังพลที่ปฏิบัติหน้าที่ตามชายแดน ในพื้นที่ อ.ท่าลี่ จ.เลย

พลตรี ณรงค์ สวนแก้ว ผู้บัญชาการกองกำลังสุรศักดิ์มนตรี ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจกำลังพลที่ปฏิบัติหน้าที่ตามชายแดน รับฟังการบรรยายสรุปผลการปฏิบัติงานที่ผ่านมาของหน่วย พร้อมทั้งได้พบปะ มอบสิ่งของบำรุงขวัญเพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้กับกำลังพลที่ปฏิบัติหน้าที่ตามชายแดน และได้เน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานตามแนวชายแดน ให้คุมเข้มพื้นที่เพื่อป้องกันการลักลอบนำเข้ายาเสพติด และสิ่งของผิดกฎหมาย ตลอดจนแรงงานต่างด้าวที่ลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย

โดยให้หน่วยเพิ่มความเข้มงวด ในการลาดตระเวนเฝ้าตรวจเพื่อป้องกันการลักลอบการกระทำสิ่งผิดกฎหมายต่าง ๆ และการป้องกันการระบาดของเชื้อ ไวรัสโควิด-19 ณ ฐานปฏิบัติการกองร้อยเฉพาะกิจทหารพรานที่ 2102 หน่วยเฉพาะกิจทหารพรานที่ 21 อ.ท่าลี่ จ.เลย

กรุงเทพฯ - นายกฯ ชื่นชม “น้องมิงค์” นักสนุกเกอร์ไทยวัย 22 ปี คว้าแชมป์สนุกเกอร์อาชีพหญิงชิงแชมป์โลก 2022 เป็นคนแรกของประเทศไทย ยืนยันรัฐบาลให้ความสำคัญ สนับสนุนให้คนไทยเล่นกีฬา

ณ ห้องสีม่วง ตึกไทยคู่ฟ้า นายทนุเกียรติ จันทร์ชุม รองผู้ว่าการกีฬาแห่งประเทศไทย และคณะ นำ น.ส.ณัชชารัตน์ วงศ์หฤทัย (น้องมิงค์) แชมป์โลกสนุกเกอร์หญิง 2022 คนที่ 13 และถือเป็นชาวไทยคนแรกที่คว้าแชมป์สนุกเกอร์ชิงแชมป์โลก เข้าพบพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม โดยมี นายประทีป กีรติเรขา รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง นายสุนทร จารุมนต์ นายกสมาคมกีฬาบิลเลียดแห่งประเทศไทย เข้าร่วมด้วย

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญ ดังนี้ นายกรัฐมนตรีแสดงความยินดีกับความสำเร็จของ น.ส.ณัชชารัตน์ วงศ์หฤทัย (น้องมิ้งค์) และสมาคมกีฬาบิลเลียดแห่งประเทศไทย พร้อมกล่าวว่ารัฐบาลให้ความสำคัญกับกีฬาทุกด้าน เพราะกีฬาทำให้เกิดการมีน้ำใจนักกีฬา เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ โดยสนับสนุนให้คนไทยเล่นกีฬาเพราะส่งผลให้มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง ซึ่งเป็นการเริ่มต้นของการมีสุขภาพดี ความสำเร็จของน้องมิงค์ในวันนี้เกิดจากการได้รับการปลูกฝังที่ดีจากครอบครัว รวมทั้งสมาคมกีฬาบิลเลียดแห่งประเทศไทยที่เปิดโอกาส พร้อมสนับสนุนให้เข้าร่วมการแข่งขัน สามารถสร้างชื่อเสียงได้อย่างมากมาย สิ่งสำคัญคือการได้เป็นเรื่องราวที่ดีให้กับคนไทยในยามที่เผชิญกับภาวะวิกฤต


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top