ชีวิตเปลี่ยนเพราะ “คดีน้องชมพู่” จากนักข่าวสายลุย ตามฝันสู่ผู้ประกาศข่าวเต็มตัว
🎤 สัมภาษณ์พิเศษ : ไอซ์ สารวัตร ผู้ประกาศข่าว อมรินทร์ทีวี
ชีวิตเปลี่ยนเพราะ “คดีน้องชมพู่” จากนักข่าวสายลุย ตามฝันสู่ผู้ประกาศข่าวเต็มตัว
นักข่าวขวัญใจชาวไทย มากความสามารถ ยอมรับชีวิตเปลี่ยนเพราะ “คดีน้องชมพู่”
1.) "ไอซ์ สารวัตร" ในวงการผู้สื่อข่าว ตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้
ไอซ์ สารวัตร : เริ่มฝึกงานจากช่อง 3 ซึ่งตอนเรียนจบ ก็ได้มาทำงานอยู่ที่ อัมรินทร์ทีวี อยู่ที่แรกรายการ “โต๊ะข่าวบันเทิง” อยู่ A-POP บันเทิง ได้สักครึ่งปีและก็ขยับตัวเองหรือได้รับโอกาสจากคุณพุทธ พุทธอภิวรรณ (ผู้ประกาศข่าวทุบโต๊ะข่าวบันเทิง) ปรับมาเป็นผู้สื่อข่าวของ รายการทุบโต๊ะข่าว จากนั้นก็เป็นผู้สื่อข่าวเรื่อยๆ มา ทำอยู่ได้สัก 2 ปี ก็ได้มาอ่านข่าวที่ “ข่าวเที่ยงอัมรินทร์” อีก 2 ปี แล้วก็พัฒนามาเรื่อยๆ เก็บประสบการณ์โอกาสจากผู้ใหญ่ ได้รับความไว้วางใจให้มาอ่านในรายการ “ทุบโต๊ะข่าว” ทั้งช่วงที่ 1 และ ช่วงที่ 2 อาจจะมีการปรับในช่วงเวลา วันเวลาในการอ่านแล้วบ้าง จนมาถึงช่วงนี้ ได้มาเป็นผู้ประกาศข่าวเต็มตัวแล้วครับ อย่างที่เคยฝันเอาไว้
2.) ย้อนไปเล่าถึงเหตุการณ์ ช่วงการทำงาน คดีลุงพล ถือเป็นคดีแจ้งเกิด "ไอซ์ สารวัตร" ตอนนั้นรู้สึกอย่างไร?
ไอซ์ สารวัตร : ถ้าเล่าย้อนไปคดีลุงพลจริงๆ ต้องบอกว่าเป็นคดีข่าวเป็นการหายตัวไปน้องชมพู่ แต่คนอาจจะไปติดปากในคดีนั้น ก็ต้องยอมรับครับว่าเป็นคดีแจ้งเกิดของตัวไอซ์เอง เนื่องจากว่าเป็นที่รู้จักมากขึ้น ถือว่ามันฟีเวอร์มากที่สุดในช่วงเวลานั้น ก็คนจำเราได้มากขึ้น ไปที่ไหนก็มีคนทักทายโดยเฉพาะแถบ ภาคอีสานหรือตามต่างจังหวัด ก็จะได้รับกระแสตอบรับที่ดี
ส่วนตัวผม ยอมรับว่ามันทำให้รู้สึกเราแปลกใหม่ และก็ถือว่าเป็นสีสันของการทำข่าว มันก็ทำให้มีข้อดีและข้อเสีย ข้อดีก็คือว่า เรามีคนรู้จักมากขึ้น เข้าถึงแหล่งข่าวได้ง่ายขึ้นแต่ว่าที่สิ่งยากหน่อย คือ 1.ในเรื่องของวางตัว 2.การไปทำข่าวในเชิงสืบสวนสอบสวนที่เราทำอยู่ มันอาจจะทำให้แหล่งข่าวที่เราไปบางทีเขาอาจจะจำเราได้ว่าเราเป็นนักข่าว ซึ่งบางครั้งเราก็ไม่ได้อยากเข้าไปในฐานะนักข่าว เราอยากไปเป็นแบบชาวบ้านทั่วไป เพื่อจะให้ได้ข่าวจริงๆ ออกมา ซึ่งเป็นก็มีข้อดีข้อเสียต่างกัน แต่เราก็ดีใจที่มีคนจำเราได้และก็รู้สึกว่ามันเป็นสิ่งที่ไม่คาดฝันว่าจะมีคนจดจำได้
3.) ใช้อะไรเป็นสิ่งขับเคลื่อน ในชีวิต?
ไอซ์ สารวัตร : ต้องยอมรับว่าเป็นกำลังใจ เพราะการใช้ชีวิตโดยที่ไม่ได้คาดหวัง ผมเป็นคนที่มีกำลังใจในทุกๆ วัน และก็ไม่ได้คาดหวัง มองโลกในแง่ดี ไม่ชอบคิดอะไรที่มันลบๆ หรือว่าคิดร้ายไปทั้งหมด เวลาเราเจออะไรที่เข้ามาตอนการทำข่าว ทำงาน แม้กระทั่งเจอเพื่อนร่วมงาน บางทีเราต้องรับอารมณ์หรือรับความหงุดหงิดตรงนั้น แม้ตอนลงพื้นที่ เราต้องเจอผู้คนมากหน้าหลายตา ซึ่งรวมถึงอารมณ์ตัวเราด้วย ที่ต้องคุมอารมณ์ตัวเองไว้ แต่สิ่งหนึ่งถ้าเราไม่ได้มองโลกในแง่ลบ ทุกอย่างก็จะกลายเป็นบวกไปหมด ก็เลยใช้วิธีคิดนี้มาตั้งแต่สมัยเรียนจนกระทั่งมาถึงปัจจุบัน ยกตัวอย่างเช่น ผมเป็นคนไม่ได้คาดหวัง มันก็ทำให้เราไม่ผิดหวัง ผมเป็นคนคิดอะไรแบบนั้น
4.) อยากเห็นสื่อไทย เป็นอย่างไรบ้าง?
ไอซ์ สารวัตร : จริงๆ ไม่ได้คาดหวังว่าจะให้เป็นยังไง แต่แค่อยากจะให้นำเสนอด้วยความเป็นจริง จริงที่ว่าบางครั้งเราจะเห็นในโลกยุคปัจจุบัน ผมไม่ได้โทษสื่อไหน มันอาจจะเป็นด้วยตัวแปรอะไรต่างๆ ไม่ได้ จะเป็นกลุ่มคนดู หรือว่าความต้องการของในหน่วยงาน แต่สิ่งที่อยากเห็นที่สุดก็คือความจริง ไม่อยากให้เกิดการโจมตีกัน อยากให้เป็นการสร้างสรรค์ซึ่งกันและกัน ทุกสื่อให้ความร่วมมือกัน รักในวิชาชีพสื่อด้วยกัน และทำงานแข่งขันกัน แต่ไม่ได้เชิงฆ่ากันด้วยวิธีต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการตัดโอกาส การเสี้ยมอะไรแบบนี้
คือไม่รู้ว่ามีหรือเปล่า แต่สิ่งนี้เราไม่อยากให้เจอขึ้น ก็หวังว่าสื่อไทยจะร่วมมือ ในการสร้างสรรค์งานสื่อออกมาในรูปแบบของความจริง และแข่งขันกันในรูปแบบของความจริงทั้งหมดก็น่าจะเป็นสิ่งที่อยากเห็น
5.) นิสัยส่วนตัวที่คนส่วนใหญ่ยังไม่รู้?
ไอซ์ สารวัตร : จริงๆ เป็นคนขี้อาย เป็นคนเขิน เป็นคนที่เวลาใครทักก็จะเขินหน่อยแต่ว่าลึกๆ ก็ดีใจ คนส่วนใหญ่อาจจะไม่รู้ นึกว่าเราเป็นคนกล้าแสดงออกเพราะว่าออกหน้าจอ แต่จริงๆ แล้วเป็นคนขี้เขินหรือถ้าเกิดทำอะไรที่ไม่ค่อยชินหรืออะไรที่มันแปลกใหม่ อย่างเช่นเราทำข่าว ผู้ประกาศข่าว หรือพิธีกร มันอาจจะชินกับเราไปทั้งหมด แต่ถ้าเราข้ามสายไปทำอย่างอื่น เช่น การไปร้องเพลง เล่นละคร หรือว่าแสดงอะไรสักอย่าง จะเกิดความประมาทขึ้นได้ เพราะว่าลึกๆ แล้วเป็นที่พูดน้อยเสียงเบาตั้งแต่เด็กๆ มีมาเริ่มเสียงดังก็ตอนมาเริ่มทำงานพิธีกร เริ่มพูดต่อหน้าคนอื่น พยายามฝืนตัวเอง จนกระทั่งมันกลายเป็นตัวเราในวันนี้ หลายๆ คนส่วนใหญ่อาจจะไม่รู้เพราะคิดว่าเด็กๆ น่าจะเป็นคนที่พูดมาก
6.) ทำไมถึงตอบตกลงไปรายการ ร้องข้ามกำแพง รู้สึกอย่างไร?
ไอซ์ สารวัตร : ตอนนั้นลึกๆ ไม่คิดว่าจะมีทีมงานติดต่อเข้ามาเพราะว่าเอาจริงๆ เป็นรายการที่เราชื่นชอบและก็ชอบดูอยู่แล้ว สนุก ดูย้อนหลังตลอด และพอมีติดต่อเข้ามาก็ตอบรับ แต่จริงๆ ใจก็อยากจะตอบรับทันทีอยู่แล้ว แต่ก็ต้องบอกว่าขอปรึกษาทางช่องก่อน จนสรุปทางช่องโอเค สนับสนุนให้เราไปออกรายการได้
เราก็คิดว่าอย่างน้อยเป็นโอกาส ให้เราไปลองเปิดโลกใหม่ ที่เราไม่เคยได้ทำคือการไปร้องเพลงต่อหน้าคนเยอะๆ ยิ่งถ้าหากไปร้องกับคู่กับศิลปินอย่างพี่บุ๋ม ปนัดดา ก็รู้สึกว่า เราได้ยินเสียงร้องอันทรงพลังของพี่แก มาตั้งแต่เด็กๆ แล้วมีวันหนึ่งเรามีโอกาสได้ร้องคู่ในรายการที่มีคนดูจำนวนมาก รู้สึกว่าเป็นสิ่งใหม่และก็ท้าทาย ก็ดีใจว่ามีโอกาสได้ออกไปรายการนั้นและก็ไม่ผิดหวังที่ได้ตอบตกลง
