Tuesday, 1 July 2025
Hard News Team

'แรมโบ้' ยืนยัน 'รัฐบาลบิ๊กตู่' อยู่ครบเทอม ไม่ยุบสภา 

เมื่อวันที่ 26 ก.พ. นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีและรัฐบาลบริหารงาน แก้ไขปัญหาหลายอย่าง พัฒนาประเทศในหลายด้าน ให้ความสำคัญกับปัญหาของประชาชนมากที่สุดโดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาหนี้สิน นายกฯเข้าใจปัญหาหนี้สินของประชาชนเป็นอย่างดี และขณะนี้เกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 จึงทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนมากขึ้น

นายกฯและรัฐบาล ตั้งเป้าให้ปี 2565 เป็น “ปีแห่งการแก้หนี้ภาคครัวเรือน”ให้สำเร็จให้ได้  มีคณะกรรมการกำกับการแก้ไขหนี้สินของประชาชนรายย่อยขึ้นมาแก้ไขหนี้สิน  เช่น หนี้ กยศ.  หนี้เช่าซื้อรถยนต์และรถจักรยานยนต์หนี้สินข้าราชการ หนี้บัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคลแก้ปัญหาการเข้าถึงแหล่งเงินทุนของประชาชนรายย่อยและเอสเอ็มอี ตนยืนยันว่านายกฯและรัฐบาล มีความมุ่งมั่น จริงใจ ที่จะแก้ไขปัญหาหนี้สินให้กับประชาชนอย่างมาก  อยากทำให้สำเร็จให้ประชาชนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ขึ้น
 

รองโฆษก ปชป. ขอบคุณรัฐสภารับหลักการกม.ลูกทั้ง 2 ฉบับ ชี้ ในชั้นกมธ.ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ เพื่อสร้างการยอมรับจากทุกฝ่าย

นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ ส.ส.ราชบุรี ในฐานะรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวขอบคุณสมาชิกรัฐสภาทุกคน ที่ช่วยกันผลักดันให้ ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) และร่างพ.ร.บ.ว่าด้วยพรรคการเมือง ผ่านการพิจารณาในชั้นรับหลักการไปได้ด้วยดี ซึ่งเป็นการแก้ไขให้สอดคล้องกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่ทางพรรคประชาธิปัตย์ได้ผลักดันเป็นนโยบายของพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อส่งเสริมสนับสนุนให้เป็นประชาธิปไตยมากยิ่งขึ้นจากปัจจุบัน ดังนั้น การแก้ไขรัฐธรรมนูญจะสำเร็จสมบูรณ์ได้ ก็ต่อเมื่อการแก้ไขกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญได้ผ่านไปได้ด้วยความเรียบร้อยด้วย

นายอัครเดช กล่าวต่อว่า ตนในฐานะที่เป็นรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ และคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ในการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ชุดนี้ด้วย ก็คาดหวังว่าการประชุมคณะกมธ. จะมีความราบรื่น ทุกส่วนจะได้ร่วมกันพิจารณากฎหมาย 2 ฉบับนี้ด้วยความเรียบร้อย เพื่อนำไปสู่การเลือกตั้งที่ทุกคนคาดหวังว่าจะเป็นทางออกให้กับประเทศ และเป็นที่ยอมรับของทุกคนทุกฝ่าย

นายกฯ กำชับ หน่วยงานส่วนกลาง-ภูมิภาค เตรียมแผนบริหารจัดการ เตียง ยา เวชภัณฑ์ แพทย์ บุคลากรด้านสาธารณสุข ให้พร้อมใช้งานกับผู้ป่วยโควิด-19  พร้อมติดตามสถานการ์วิกฤต รัสเซีย-ยูเครน ย้ำ ทุกส่วนราชการ ติดตามผลกระทบต่อไทย

นายกฯ กำชับ หน่วยงานส่วนกลาง-ภูมิภาค เตรียมแผนบริหารจัดการ เตียง ยา เวชภัณฑ์ แพทย์ บุคลากรด้านสาธารณสุข ให้พร้อมใช้งานกับผู้ป่วยโควิด-19  พร้อมติดตามสถานการ์วิกฤต รัสเซีย-ยูเครน ย้ำ ทุกส่วนราชการ ติดตามผลกระทบต่อไทย

เมื่อวันที่ 26 ก.พ.65 นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ในไทยวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2565 พบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มรวม 25,615 ราย จำแนกเป็น ผู้ป่วยจากในประเทศ 25,449 ราย ผู้ป่วยมาจากต่างประเทศ 166 ราย รวมผู้ป่วยสะสม 621,462 ราย (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565) โดยหายป่วยกลับบ้านแล้ว 14,641 ราย ทำให้หายป่วยสะสมอยู่ 452,510 ราย (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565)โดยมีผู้ป่วยกำลังรักษา 201,044 ราย และเสียชีวิต 40 ราย ขณะที่ตัวเลขการฉีดวัคซีนโควิด-19  ของประเทศไทย ตั้งแต่ 28 กุมภาพันธ์ 2564 - 25 กุมภาพันธ์ 2565 มีผู้ได้รับวัคซีน สะสมรวม  123,355,359 โดส 

นายธนกร กล่าวว่า พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ติดตามสถานการ์"โควิด-19 ในไทย" อย่างใกล้ชิด กำชับทุกหน่วยงานทั้งส่วนกลางและภูมิภาค เตรียมแผนบริหารจัดการ เตียง ยา เวชภัณฑ์  แพทย์ บุคลากรด้านสาธารณสุข ให้พร้อมใช้งานกับผู้ป่วยโควิด-19 และกลุ่มเสี่ยงในแต่ละพื้นที่ให้เหมาะสมและเพียงพอ จากมีผู้ป่วยโควิด-19 จำนวนมากเพิ่มขึ้นในแต่ละวัน และ นายกรัฐมนตรี ยังขอทุกคนเคร่งครัดในการปฏิบัติตน ตามมาตรการด้านสาธารณสุข และรีบฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นโดยเร็ว 

'บิ๊กตู่' ประเดิม ลงพื้นที่ตรวจราชการ  ทริปแรกของปี 65 เช้า-ระยอง บ่าย-สมุทรปราการ

เมื่อวันที่ 26 ก.พ.65 นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีกำหนดการลงพื้นที่ปฏิบัติราชการติดตามผลการดำเนินงานให้เกิดผลเป็นรูปธรรมตามข้อสั่งการ ในวันจันทร์ที่ 28 กุมภาพันธ์ 2565 ที่ จังหวัดระยองและสมุทรปราการ 

โดยช่วงเช้า นายกรัฐมนตรี กำหนดเดินทางไปที่สำนักงานท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด จังหวัดระยอง เป็นประธานพิธีเปิดโครงการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ระยะที่ 3 (ช่วงที่ 1) สำหรับโครงการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ระยะที่ 3 มีวัตถุประสงค์เพื่อจัดเตรียม โครงสร้างพื้นฐานสำหรับการขนส่งทางน้ำสนับสนุนภาคอุตสาหกรรม และรองรับการพัฒนาเขตพัฒนาพิเศษ ภาคตะวันออก โดยจะเป็นการเพิ่มขีดความสามารถและเพิ่มความจุในการขนถ่ายก๊าซธรรมชาติและสินค้าเหลว ให้บริการรูปแบบท่าเทียบเรือสาธารณะ นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังเตรียมเดินทางไปดูงานด้านการทำประมงพื้นบ้าน และการแปรรูปสินค้าประมงกลุ่มประมงพื้นบ้านบ้าน พร้อมลงพื้นที่โครงการป่าชายเลนในเมืองจังหวัดระยอง ป่าชายเลนพระเจดีย์กลางน้ำ อัญมณีหนึ่งเดียวในระยอง ซึ่งเป็นป่าที่อุดมสมบูรณ์ มีความหลากหลายทางชีวภาพ มีพืชพันธุ์และสัตว์น้ำนานาชนิด รวมทั้งเป็นแหล่งท่องเที่ยว แหล่งเรียนรู้ และยังเปรียบเสมือนปอดให้แก่คนระยอง

ในช่วงบ่าย  นายกรัฐมนตรีเป็นประธานเปิดโครงการบ้านเคหะสุขเกษม (เทพารักษ์)  ถ.เทพารักษ์ ต.บางพลีใหญ่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ตามนโยบายของรัฐบาลที่มุ่งส่งเสริมและช่วยเหลือให้ประชาชนมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง โดยเฉพาะกลุ่มผู้มีรายได้น้อยและกลุ่มผู้สูงอายุ สร้างความมั่นคงด้านที่อยู่อาศัยสำหรับผู้เกษียณอายุราชการ ลูกจ้าง พนักงานของรัฐ และลูกจ้างเกษียณอายุที่ยังไม่มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง ในรูปแบบเช่าระยะยาว ที่มุ่งออกแบบภายใต้หลักอารยสถาปัตย์ (Universal Design) คำนึงถึงสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมกับผู้อยู่อาศัย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ ให้มีสิ่งอำนวยความสะดวก สภาวะแวดล้อมและคุณภาพชีวิตที่ดี พร้อมส่งเสริมสุขภาพควบคู่กันไป ภายใต้แผนแม่บทการพัฒนาที่อยู่อาศัย ระยะ 20 ปี (พ.ศ.2560 – 2579) ตามนโยบายของรัฐบาลที่มุ่งหวังหวังยกระดับคุณภาพชีวิต เน้นย้ำคนไทยต้อง “มีบ้าน มีที่อยู่อาศัย” เพื่อยกระดับความเป็นอยู่ให้ดีขึ้น 

รองโฆษกรัฐบาล แจง ประกันสังคม กำลังดำเนินการ ปรับลดการจ่ายเงินสมทบลง ร้อยละ 40 ตามมติครม.-ขอให้ผู้ประกันตน ม.40 จ่ายเงินสมทบ ก.พ.นี้ ในจำนวนเต็ม 

น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่มีเสียงร้องเรียนจากประชาชน เรื่องการจ่ายเงินสมทบของผู้ประกันตน มาตรา 40 ซึ่งเป็นผู้ประกอบอาชีพอิสระ ที่พบว่ายังไม่ปรับลดการจ่ายเงินสมทบลง ร้อยละ40 ตามที่คณะรัฐมนตรี(ครม.)ได้มีมติให้ปรับลด ตั้งแต่เดือนก.พ.- ก.ค.2565  ว่า  ขณะนี้สำนักงานประกันสังคม(สปส.) อยู่ระหว่างการดำเนินการเพื่อให้มีผลตามมติครม.โดยเร็วที่สุด 

สถาบันพระปกเกล้า จับมือภาคีเครือข่ายจังหวัดเชียงราย ร่วมขับเคลื่อน “ญาญอ ผ้าทอแห่งวัฒนธรรม” ลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ มุ่งสร้างรายได้สู่ชุมชน

วันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2565 ที่ห้องประชุมแสนหวี อาคารหอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงรายดร.ถวิลวดี บุรีกุล ผู้อำนวยการสำนักวิจัยและพัฒนา สถาบันพระปกเกล้า เป็นผู้แทนเลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า ร่วมพิธีลงนามบันทึกแสดงเจตจำนงความร่วมมือ (LOI) การขับเคลื่อนโครงการ “ญาญอ ผ้าทอแห่งวัฒนธรรม” ร่วมกับภาคีเครือข่ายในจังหวัดเชียงราย ประกอบด้วย คณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย สำนักงานเกษตรอำเภอแม่สรวย สำนักงานพัฒนาชุมชนอำเภอแม่สรวย สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย องค์การบริหารส่วนตำบลวาวี ซึ่งเป็นโครงการของนักศึกษาหลักสูตรผู้นำยุคใหม่ในระบอบประชาธิปไตย รุ่นที่ 11 กลุ่มไก่ฟ้า สถาบันพระปกเกล้า เพื่อช่วยเหลือและลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจให้แก่ชาวบ้านกลุ่มปกาเกอะญอ บ้านทุ่งพร้าวกะเหรียง ตำบลวาวี อำเภอแม่สรวย จังหวัดเชียงราย


ดร.ถวิลวดี กล่าวว่า สถาบันพระปกเกล้าจัดเป็นหลักสูตรนี้ เพื่อต้องการสร้างคนรุ่นใหม่ให้มีจิตวิญญาณของประชาธิปไตย มีความห่วงหาอาทร ให้กับประชาชนทั่วไป มีความเคารพในความเป็นศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ และยึดมั่นในหลักธรรมาภิบาล โดยมีอุดมการณ์ของการให้การศึกษาหลักสูตร คือ ทำให้นักศึกษาติดดิน และเข้าใจในเรื่องของสิทธิมนุษยชน และช่วยกันทำงานเพื่อแก้ปัญหาของประเทศโดยเฉพาะเรื่องของความเหลื่อมล้ำที่เป็นปัญหาสำคัญของประเทศในตอนนี้ 

ทั้งนี้คนรุ่นใหม่คงจะทำประสบความสำเร็จ หากปราศจากการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน ทั้งกลุ่มสตรีชุมชนบ้านทุ่งพร้าว มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย เกษตรอำเภอแม่สรวย วัฒนธรรมจังหวัด ซึ่งมองว่าเราได้รับความร่วมมือที่ดีที่ทุกภาคส่วนให้ความร่วมมือในครั้งนี้ ดังนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้เชื่อว่าเกิดจากความใส่ใจของนักศึกษา และทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้อง เพราะเราเอาใจทำ และใช้ใจทำ มันถึงได้เกิดมาเป็นวันนี้ และได้เห็นความสำเร็จ

ด้าน ผศ.ดร.มิ่งขวัญ สมพฤกษ์ คณบดีคณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย กล่าวว่า สิ่งนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นของการร่วมมือของฝ่ายต่างๆ เพราะอย่างที่เราทราบดี ปัญหาความเหลื่อมล้ำความยากจนของประชาชนในท้องถิ่นยังคงมีอยู่มาก และหากเราได้ความร่วมมือจากหน่วยงานต่างๆ รวมไปถึงความเชี่ยวชาญของมหาวิทยาลัยที่เราสามารถให้ความช่วยเหลือในจุดนี้ได้ ในอนาคตจะเป็นสิ่งที่ดี ที่จะสามารถช่วยเหลือให้ชาวบ้านทั้งหมดในหลายชุมชนเกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน และสามารถสร้างผลิตภัณฑ์ที่ประยุกต์ใช้สิ่งที่มีในหมู่บ้านของเขาให้เกิดประโยชน์ สร้างมูลค่า และสามารถแก้ปัญหาความยากจนให้กับเขาได้

“ศรีสะเกษเกมส์” พร้อม เป็นต้นแบบ จัดแข่งขันกีฬาแห่งชาติ ภายใต้มาตรการป้องกันโควิด-19 เข้มงวด 

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า จังหวัดศรีสะเกษ การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) สมาคมกีฬาแห่งประเทศไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มีความพร้อมในการจัดการแข่งขันกีฬาแห่งชาติ ครั้งที่ 47 “ศรีสะเกษเกมส์” ระหว่างวันที่ 5 – 25 มี.ค. 2565 และการแข่งขันกีฬาคนพิการแห่งชาติ ครั้งที่ 37 “นครลำดวนเกมส์” ระหว่างวันที่ 30 มี.ค. – 3 เม.ย. 2565 จึงขอเชิญชวนประชาชนร่วมชมร่วมเชียร์นักกีฬาจากทั่วประเทศ เข้าชิงชัยใน “ศรีสะเกษเกมส์” กว่า 55 ชนิดกีฬา และ “นครลำดวนเกมส์” กว่า 21 ชนิดกีฬา 

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า การจัดแข่งขันกีฬาแห่งชาติครั้งนี้ จะเป็นตัวอย่างของการจัดมหกรรมกีฬาภายในประเทศ โดยมีมาตรการป้องกันโรคโควิด-19 ที่เข้มงวด แบ่งรูปแบบจัดการแข่งขันออกเป็น 3 ช่วงตามกลุ่มชนิดกีฬา เพื่อลดความแออัด  จึงทำให้มีระยะเวลาในการจัดการแข่งขันที่ยาวกว่าปกติ  โดยช่วงที่ 1 ระหว่างวันที่ 5-11 มี.ค. ช่วงที่ 2 ระหว่างวันที่ 12-18 มี.ค. และช่วงที่ 3 ระหว่างวันที่ 19 – 25 มี.ค. มีมาตรการเฝ้าระวังการติดเชื้อโควิด-19 ที่รัดกุม โดยคณะกีฬาต้องผ่านการฉีดวัคซีนตั้งแต่ 2 เข็มขึ้นไป มีผลการตรวจ ATK ก่อนเดินทางเข้าจังหวัด และตรวจ ATK ก่อนการแข่งขัน พร้อมกันนี้ ยังจะมีการตรวจโควิคให้ทุกๆ 3 วันตลอดการแข่งขันด้วย

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า ส่วนการอำนวยความสะดวกแก่คณะนักกีฬา ได้มีการเตรียมความพร้อมแล้ว ทั้งในส่วนของสถานที่พักของนักกีฬาและเจ้าหน้าที่ โดยจัดสถานที่พักตามชนิดกีฬาและใกล้สนามแข่งขันมากที่สุด จัดวางระบบรับ-ส่งนักกีฬาและเจ้าหน้าที่ จากที่พักถึงสนามแข่งขันทุกวัน ส่วนการรักษาความปลอดภัย ได้วางมาตรการไว้อย่างดี มีเจ้าหน้าที่ตำรวจรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง ฯลฯ

เพจรถเมล์กรุงเทพ จัดทริปนั่งเมล์ไฟฟ้า ไร้มลภาวะสู่ สมุทรสงครามกับ ไทย สมายล์ บัส รถเมล์พลังงานไฟฟ้า 100%

วันนี้ 26 กุมภาพันธ์ 2565 เพจรถเมล์กรุงเทพ BANGKOK BUSES ร่วมกับ ไทยสมายล์บัส  รถรักษ์โลก ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% จัดกิจกรรม ทริป แชะ - ชิม - ช้อป - ทำบุญ จากกรุงเทพมหานคร มุ่งสู่ จ.สมุทรสงคราม



มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ซับน้ำตาผู้ประสบอัคคีภัยบริเวณบ้านภูดิน ตำบลโคกก่อ อำเภอเมือง จังหวัดมหาสารคาม

วานนี้ (วันศุกร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ 2565 เวลา 11.00 น.) มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นางศิริพร กระจ่างหล้า รักษาการผู้จัดการฝ่ายสังคมสงเคราะห์ / หัวหน้าแผนกสังคมสงเคราะห์  พร้อมด้วยนายรัชพร ประสงค์ทรัพย์ ผู้ช่วยหัวหน้าแผนกสังคมสงเคราะห์ นำทีมลงพื้นช่วยเหลือผู้ประสบอัคคีภัยบริเวณบ้านภูดิน ตำบลโคกก่อ อำเภอเมือง จังหวัดมหาสารคาม



โดยมอบเงินสด คนละ 3,000 บาท จำนวน 40 คน พร้อมมอบเครื่องอุปโภคบริโภคทั้งรายครอบครัว และรายบุคคล รวมงบประมาณเป็นเงินทั้งสิ้น 139,000 บาท (หนึ่งแสนสามหมื่นเก้าพันบาทถ้วน) โดยมี นายประศาสตร์ ธุระนิตย์ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลโคกก่อ พร้อมด้วยนายสมเพ็ชร งามศิริจิตต์ ประธานมูลนิธิมหาสารคามการกุศล ร่วมในพิธี ณ บริเวณบ้านภูดิน ตำบลโคกก่อ อำเภอเมือง จังหวัดมหาสารคาม


การเลือกครั้งที่ 9 ของประเทศไทย ที่ได้ชื่อว่า "สกปรกที่สุด" ในประวัติศาสตร์การเมืองไทย

การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในประเทศไทย 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2500 เป็นการเลือกตั้งทั่วไปที่เกิดขึ้นในประเทศไทยเป็นครั้งที่ 9 ซึ่งเป็นการเลือกตั้งหลังจากสภาผู้แทนราษฎรสิ้นสุดตามวาระ ภายใต้บทบัญญัติรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรสยาม พ.ศ. 2475 แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2495 โดยรัฐบาลแปลก พิบูลสงคราม หรือจอมพล ป. พิบูลสงคราม ได้ประกาศให้มีเลือกตั้งทั่วไป ในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2500 โดยเป็นการเลือกตั้งแบบรวมเขตจังหวัด ซึ่งเป็นการช่วงชิงเก้าอี้ในสภาทั้งสิ้น 160 ที่นั่ง และมีพรรคการเมืองลงสนามเลือกตั้งถึง 23 พรรค เป็นการเลือกตั้งที่ได้ชื่อว่า สกปรกที่สุดในประวัติศาสตร์

พลเอก บัญชร ชวาลศิลป์ นายทหารนักประวัติศาสตร์ กล่าวในงานเสวนาเรื่อง ‘การเมืองเบื้องหลัง เลือกตั้ง สกปรก 2500’ จัดโดยนิตยสารศิลปวัฒนธรรม โดยได้หยิบคำฟ้องของหม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมทย์ ที่เขียนคำฟ้องในนามนายควง อภัยวงศ์ และ ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์รวม 9 คน ทั้งก่อนวันเลือกตั้งและวันเลือกตั้ง สรุปได้ดังนี้

>> ก่อนการเลือกตั้ง
1.) พลเอกตำรวจเอก เผ่า จัดเลี้ยงพวก ‘ผู้กว้างขวาง’ หรือพวกอันธพาล รวมถึงนายตำรวจผู้ใหญ่ให้ช่วยเหลือพรรคเสรีมนังคศิลาที่มีจอมพล ป. เป็นหัวหน้าพรรค ในการเลือกตั้งที่จะมาถึง
2.) มีการเพิ่มชื่อในบัญชีผู้มีสิทธิเลือกตั้งอย่างผิดปกติ และติดรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งล่าช้าหรือไม่ติดเลย
3.) ตรวจจับบัตรเลือกตั้งโกงได้จำนวนมาก เรียกว่า ‘ไพ่ไฟ’ คือบัตรเลือกตั้งที่พิมพ์จากโรงพิมพ์โดยกากบาทเบอร์ผู้สมัครไว้เรียบร้อยแล้ว
4.) การใช้ ‘พลร่ม’ คือใช้กลุ่มบุคคลเวียนลงคะแนนให้พรรคเสรีมนังคศิลาหลายรอบ
5.) คูหาลงเลือกตั้งแต่ละหน่วยอยู่ห่างจากสถานที่รับบัตรมาก


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top