Monday, 30 June 2025
Hard News Team

‘ก.เกษตร’ เปิดปฏิบัติการฝนหลวงสู่แล้ง บรรเทาภัยแล้งทั่วประเทศ

เจ้ากระทรวงเกษตรฯ เปิดปฏิบัติการฝนหลวงสู้ภัยแล้ง ประจำปี 2565 สร้างขวัญและกำลังใจต่อผู้ปฏิบัติงาน พร้อมปล่อยขบวนคาราวานเครื่องบินฝนหลวงออกปฏิบัติภารกิจป้องกันและบรรเทาความเดือดร้อนจากภัยแล้งและภัยพิบัติทั่วประเทศ

ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานในพิธีเปิดปฏิบัติการฝนหลวงสู้ภัยแล้ง ประจำปี 2565 โดยมีผู้บริหารกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เข้าร่วม ณ สนามบินนครสวรรค์ จ.นครสวรรค์ วันนี้ (3มี..) ว่า

ในขณะนี้หลายพื้นที่ทั่วทุกภาคของประเทศเริ่มมีสถานการณ์ภัยแล้งเกิดขึ้น น้ำต้นทุนในอ่างเก็บน้ำและเขื่อนต่างๆ มีปริมาณน้ำเก็บกักลดลงตามลำดับ และในช่วงฤดูร้อนนี้ มีแนวโน้มของสถานการณ์การเกิดไฟป่า ปัญหาหมอกควัน และปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) เกินเกณฑ์มาตรฐาน ซึ่งมีผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน รวมไปถึงแนวโน้มการเกิดพายุลูกเห็บในหลายพื้นที่ของประเทศไทย โดยเฉพาะบริเวณภาคเหนือตอนบนและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมฝนหลวงและการบินเกษตร จึงได้จัดทำแผนปฏิบัติการฝนหลวง ประจำปี 2565 ตั้งหน่วยปฏิบัติการฝนหลวง จำนวน 10 หน่วยปฏิบัติการทั่วประเทศ โดยได้น้อมนำศาสตร์ตำราฝนหลวงพระราชทานของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในหลวงรัชกาลที่ 9 มาเป็นแนวทางในการปฏิบัติการป้องกันและช่วยบรรเทาปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน และพื้นที่การเกษตรที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาดังกล่าว

สำหรับแผนปฏิบัติการฝนหลวง ประจำปี 2565 กรมฝนหลวงและการบินเกษตร มีแผนปฏิบัติการฝนหลวงช่วยเหลือพื้นที่การเกษตรที่ประสบภัยแล้ง และสร้างความชุ่มชื้นให้กับป่าไม้ การเติมน้ำต้นทุนให้กับอ่างเก็บน้ำและเขื่อนต่าง ๆ ของประเทศ ป้องกันการเกิดไฟป่าและบรรเทาปัญหาหมอกควัน รวมทั้งสถานการณ์ปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) เกินเกณฑ์มาตรฐาน ตั้งแต่วันที่ 3 มีนาคม 2565 เป็นต้นไป โดยตั้งหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงประจำ 5 ภูมิภาค จำนวน 10 หน่วยปฏิบัติการ ได้แก่…

- ภาคเหนือตอนบน ตั้งหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงที่ จ.เชียงใหม่ และ จ.ตาก

- ภาคเหนือตอนล่าง ตั้งหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงที่ จ.แพร่ และ จ.พิษณุโลก

- ภาคกลาง ตั้งหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงที่ จ.นครสวรรค์ และ จ.กาญจนบุรี

- ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ตอนบน ตั้งหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงที่ จ.อุดรธานี

- ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ตอนล่าง ตั้งหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงที่ จ.บุรีรัมย์

- ภาคตะวันออก ตั้งหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงที่ จ.จันทบุรี

- ภาคใต้ ตั้งหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงที่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์

นอกจากนี้ ยังมีการจัดตั้งฐานเติมสารฝนหลวง จำนวน 2 แห่ง ที่ จ.ขอนแก่น และ จ.ระยอง โดยใช้เครื่องบินกรมฝนหลวงและการบินเกษตร จำนวน 24 ลำ และได้รับการสนับสนุนเครื่องบินกองทัพอากาศ ชนิด ALPHA JET จำนวน 1 ลำ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2565 ที่ผ่านมา กรมฝนหลวงและการบินเกษตรได้มีการจัดตั้งปฏิบัติการฝนหลวง จำนวน 4 หน่วยปฏิบัติการ เพื่อติดตามสถานการณ์และช่วงชิงสภาพอากาศในการปฏิบัติการฝนหลวงช่วยบรรเทาปัญหาภัยแล้งและความต้องการน้ำในบางพื้นที่ รวมถึงสนับสนุนเฮลิคอปเตอร์บินสำรวจสถานการณ์ไฟป่าหมอกควันในพื้นที่ภาคเหนืออีกด้วย

เชื่อฝ่ายไหนดี?!! ‘เซเลนสกี’ อ้างทหารรัสเซียแล้วตายกว่า 9 พัน แต่มอสโกบอกแค่ 498 แถมปลิดชีพฝ่ายยูเครน 2.8 พัน

ประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน ระบุในวันพุธ (2 มี.ค.) คุยโวว่าประเทศของเขาได้ทลายแผนการต่างๆ ของรัสเซีย และรู้สึกภาคภูมิใจกับ "เหล่าวีรชน" ที่ช่วยกันต้านทานการรุกรานของมอสโก พร้อมอ้างว่าเวลานี้มีทหารรัสเซียสังเวยชีวิตไปแล้วกว่า 9,000 นาย สวนทางกับมอสโกที่บอกว่าพวกเขาสูญเสียกำลังพลไปในการสู้รบเพียง 498 นาย

เซเลนสกี กล่าวในวิดีโอที่โพสต์ลงบนเทเลแกรม ว่า "เราคือประเทศที่ทำลายแผนของศัตรูใน 1 สัปดาห์ แผนที่เขียนกันมานานหลายปี แผนลับๆ ล่อๆ เต็มไปด้วยความเกลียดชังประเทศของเรา ประชาชนของเรา"

ประธานาธิบดีรายนี้ระบุต่อว่า เขาชื่นชมด้วยความจริงใจ "พวกชาวบ้านวีรชนตามเมืองต่างๆ" ที่ต่อต้านขัดขืนการรุกคืบของกองกำลังรัสเซีย

เขาอ้างอีกว่ามีทหารรัสเซียราว 9,000 นายเสียชีวิตนับตั้งแต่ปฏิบัติการรุกรานเริ่มต้นขึ้นเมื่อ 1 สัปดาห์ก่อน แต่เป็นคำกล่าวอ้างที่ยังไม่สามารถพิสูจน์ได้

จากนั้น เซเลนสกี ได้โพสต์ข้อความบนทวิตเตอร์ เผยว่าเขาได้พูดคุยกับ จัสติน ทรูโด นายกรัฐมนตรีแคนาดา และขอบคุณเขาสำหรับการเป็นแกนนำในการกำหนดมาตรการคว่ำบาตรต่อต้านรัสเซีย "เน้นย้ำถึงความจำเป็นต้องยกระดับมาตรการจำกัดต่างๆ ให้หนักหน่วงขึ้น การทิ้งระเบิดใส่ประชาชนในยูเครนต้องหยุดลงในทันที"

“ผู้กำกับหนุ่ย” ขอ สตช. เปิดช่องทาง-พื้นที่ปลอดภัย ให้ประชาชนส่งข้อมูลคดี “แตงโม” ป้องกันการละเมิดสิทธิ์ผู้เสียชีวิต อย่าขู่ดำเนินคดีอาญาอย่างเดียว หวั่นเสียโอกาสแสวงหาข้อเท็จจริงจากประชาชน

3 มีนาคม 2565 พ.ต.อ.ทศพล โชติคุตร์  อดีตผู้สมัคร ส.ส.  เขต 1 จ.ชุมพร พรรคกล้า ในฐานะอดีตผู้กำกับการฝ่ายอำนวยการ กองบัญชาการตำรวจนครบาล 7 กล่าวถึงกรณีโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เตือนโลกโซเชียลแพร่ภาพร่างนักแสดงสาว "แตงโม" นิดา พัชรวีระพงษ์ ที่เสียชีวิตจากเหตุตกเรือ เข้าข่ายกระทำผิดกฎหมายอาญาว่า เห็นด้วยกับการเตือนของโฆษก ตร. เพื่อปกป้องสิทธิ์ผู้เสียชีวิต และป้องกันไม่ให้เกิดการแพร่ภาพที่ไม่เหมาะสม แต่อีกมุมหนึ่ง อาจทำให้การแสวงหาข้อเท็จจริงเพิ่มเติมจากประชาชนทำได้ยากมากขึ้น เพราะกลัวจะต้องรับโทษทางอาญา

พ.ต.อ.ทศพล กล่าวว่า ทางโฆษก ตร. ควรเปิดช่องทางการสื่อสาร ให้ประชาชนมีส่วนร่วม แล้วรวบรวมหลักฐานไว้ในพื้นที่ปลอดภัย เพื่อประโยชน์ในการแสวงหาข้อเท็จจริง หากเตือนว่าจะดำเนินคดีเพียงอย่างเดียว อาจเป็นการปิดกั้นการให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์จากผู้ที่มีเจตนาดีได้ ส่วนการเผยแพร่ข้อมูลใดที่มีเจตนาเข้าข่ายดูหมิ่นเหยียดหยามผู้เสียชีวิต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 366/4 ก็เป็นเรื่องที่สามารถดำเนินคดีได้ตามช่องทางอยู่แล้วหากมีผู้ใดนำภาพไปแชร์ในทางที่ก่อให้เกิดความเสียหายหรือดูหมิ่น 

“ผบ.ทบ.” ต้อนรับ เอกอัครราชทูตอินเดีย สะท้อนมิตรภาพที่ยั่งยืน

เมื่อวันที่ 3 มี.ค.ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ให้การต้อนรับ นางสุจิตรา ทุไร (Suchitra Durai) เอกอัครราชทูตอินเดียประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมแนะนำตัว หารือแลกเปลี่ยนแนวคิดและความร่วมมืองานด้านความมั่นคง โดยมีผู้บังคับบัญชาระดับสูงของกองทัพบกร่วมหารือด้วย ภายใต้การปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโควิด-19 

สำหรับการพบหารือกันในวันนี้ ผู้บัญชาการทหารบก ได้กล่าวถึงโอกาสครบรอบ 75 ปี ของการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างราชอาณาจักรไทยและสาธารณรัฐอินเดีย ในปี 2565 นี้ พร้อมระบุว่า กองทัพบกมีความยินดีและเต็มใจให้การสนับสนุนในทุกด้านที่จะก่อให้เกิดการพัฒนาร่วมกัน โดยเน้นกิจกรรมความร่วมมือทางทหารและความมั่นคงผ่านกลไกต่างๆ เพื่อนำไปสู่มิตรภาพที่ยั่งยืน นอกจากนี้ในเรื่องความมั่นคงทางไซเบอร์ที่เป็นเรื่องสำคัญถือเป็นภัยคุกคามรูปแบบใหม่ที่อุบัติขึ้นมาไม่นาน รวมถึงการใช้สื่อสังคมออนไลน์ ซึ่งหน่วยงานด้านความมั่นคงจะต้องมีการพัฒนาให้สอดคล้องกับบริบทดังกล่าว โดยเฉพาะการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารกับหน่วยงานความมั่นคงอื่นๆ ทั้งในและต่างประเทศ 

ในส่วนของการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ผู้บัญชาการทหารบกได้ชื่นชมในการบริหารจัดการของสาธารณรัฐอินเดีย ในการเป็นศูนย์กลางผลิตวัคซีนให้กับประเทศต่างๆ อีกทั้งตลอดสองปีของการแพร่ระบาด ทั้งสองประเทศได้มีการสนับสนุนและมอบอุปกรณ์ทางการแพทย์รวมถึงเครื่องผลิตออกซิเจนให้แก่กันมาอย่างต่อเนื่อง แสดงถึงความเอื้ออาทรและร่วมกันดูแลประชาชนในฐานะมิตรประเทศ

สำหรับความร่วมมือในด้านความมั่นคง กองทัพบกไทยและกองทัพอินเดียได้มีการจัดประชุมระดับฝ่ายเสนาธิการ แลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ร่วมกัน  จัดการฝึกผสมภายใต้รหัส “ไมตรี” รวมถึงการแลกเปลี่ยนบุคลากรเพื่อเข้ารับการศึกษาในหลักสูตรทางทหารนอกจากนี้เชื่อมั่นว่ากองทัพบกทั้งสองประเทศจะร่วมมือกันทั้งในงานด้านความมั่นคง การร่วมกันแก้ไขปัญหาวิกฤติ รวมทั้งการพัฒนาด้านต่างๆ 
ทั้งในระดับภูมิภาคและระดับสากลต่อไป 

ผู้ตรวจการแผ่นดิน ชงรัฐเร่งแก้วิกฤตโรงเรียนเอกชน ก่อนปิดสังเวยโควิด100%

ผู้ตรวจการแผ่นดินระดมสรรพกำลังหามาตรการเยียวยาบรรเทาทุกข์โรงเรียนเอกชนระยะสั้น - ยาว ผลพวงวิกฤตโควิดหนัก หวั่นไม่นานอาจปิดฉากยุบตัวจ่อกระทบครูและบุคลากรทางการศึกษาแสนกว่าชีวิต นักเรียนร่วมสองล้านคน หวังมาตรการระยะสั้นวอนรัฐช่วยพยุงปรับลดค่าใช้จ่าย รวมถึงค่าไฟค่าน้ำ และเงินทุนกู้หมุนเวียน ส่วนระยะยาวขอรับเงินอุดหนุนค่าธรรมเนียมการศึกษารายบุคคล ลดหย่อนภาษีให้กับผู้บริจาคจำนวนสองเท่า อุดหนุนค่าอาหารกลางวันเด็ก 100 เปอร์เซ็นต์ ตลอดจนสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนและดอกเบี้ยต่ำ พร้อมเร่งชงทางออกเตรียมเสนอนายกรัฐมนตรี

ที่สำนักผู้ตรวจราชการแผ่นดิน ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะกรุงเทพมหานคร นายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน เผยว่าจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ส่งผลกระทบหนักหน่วงต่อสภาพคล่องของโรงเรียนเอกชนทั่วประเทศ จำนวน 3,563 แห่ง ทำให้โรงเรียนเอกชนบางแห่งทั้งต่างจังหวัดและกรุงเทพจำเป็นต้องปิดกิจการเพราะไม่สามารถแบกรับค่าใช้จ่ายต่อไปได้เนื่องจากนักเรียนสมัครเรียนน้อยลง ผู้ปกครองค้างชำระค่าธรรมเนียมจำนวนมาก สร้างผลกระทบต่อโรงเรียนเอกชนอย่างมหาศาล ช่วงเดือนเมษายน 2564 ถึงปัจจุบัน โรงเรียนเอกชนไม่สามารถเปิดเรียนแบบ ONSITE ได้ การเปิดการเรียนการสอนแบบ ONLINE ทำให้ผู้ปกครองจำนวนมากเรียกร้องขอเงินค่าธรรมเนียมการศึกษาคืน อีกทั้งผู้ปกครองบางส่วนค้างจ่ายค่าธรรมเนียมการศึกษาให้กับโรงเรียนเอกชนกว่า 2,500 แห่ง ทำให้โรงเรียนขาดสภาพคล่องไม่มีเงินจ่ายเงินเดือนครูถึงแม้ว่าจะพยายามยื่นกู้จากสถาบันการเงินแต่ด้วยสภาวะเศรษฐกิจปัจจุบันสถาบันการเงินจึงไม่อนุมัติเงินกู้ให้กับโรงเรียนเอกชนบางแห่ง ส่วนบางแห่งได้รับเงินกู้แต่ถูกคิดดอกเบี้ยในอัตราที่สูงเกินไป ปัญหาดังกล่าวได้มีการเลิกจ้างครูและบุคลากรทางการศึกษาแล้ว จำนวน 12,253 คน หากปัญหานี้ปล่อยวางจะกระทบถึงโอกาสทางการศึกษาของเด็กไทยและผู้ปกครองจำนวนมากที่พึ่งโรงเรียนเอกชนเป็นสถานศึกษาทางเลือก โดยเฉพาะผู้ประกอบการโรงเรียนเอกชนประเภทสามัญที่ไม่ได้รับเงินอุดหนุนจากรัฐบาล

นายสมศักดิ์ กล่าวต่อว่า นอกจากปัญหาบางส่วนที่กล่าวไปยังมีเรื่องอื่น ๆ ตามมาจำนวนมาก ในการนี้จึงร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงมหาดไทย กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กรมสรรพากร และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน หารือแนวทางการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของโรงเรียนเอกชนให้สามารถบริหารจัดการเพื่อความอยู่รอดและยั่งยืนภายหลังสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ได้ 

โดยผู้ตรวจการแผ่นดินร่วมกับหน่วยงานเกี่ยวข้องได้เสนอแนะการแก้ไขปัญหาระยะสั้นและระยะยาว ดังนี้ การแก้ไขปัญหาระยะสั้น โดยให้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน ดำเนินการประสานกับหน่วยงานต่าง ๆ อาทิ การขอลดค่าน้ำ-ค่าไฟร้อยละ 50 ให้กับโรงเรียนเอกชนในระบบและนอกระบบเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนที่เกิดขึ้นชั่วคราว การขอความร่วมมือจากสถาบันการเงินในการกำหนดหลักเกณฑ์หรือเงื่อนไขการกู้จากสถาบันการเงินให้โรงเรียนเอกชนสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนและดอกเบี้ยต่ำ เพื่อแก้ปัญหาขาดสภาพคล่องในการดำเนินกิจการ และขอให้รัฐเร่งรัดจัดสรรงบประมาณชดเชยรายได้ครูและบุคลากรทางการศึกษาของโรงเรียนเอกชน 5,000 บาท ต่อคนต่อเดือน ในระยะเวลา 3 เดือน (เมษายน – มิถุนายน 2563)

การแก้ไขปัญหาระยะยาว มีข้อเสนอแนะ ดังนี้ เงินอุดหนุนค่าธรรมเนียมการศึกษารายบุคคลของนักเรียนโรงเรียนเอกชน ให้ภาครัฐอุดหนุน 100 เปอร์เซ็นต์ เป็นเวลา 2 ปี เมื่อสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคโควิด 19 กลับเข้าสู่ภาวะปกติ โรงเรียนสามารถเปิดเรียนได้ตามปกติแล้วจึงปรับลดเงินช่วยเหลือเป็น 70 เปอร์เซ็นต์ ตามเดิม ให้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน ประสานกรมสรรพากร จัดประชุมเพื่อศึกษาหารือรายละเอียด เงื่อนไข และแนวทางปฏิบัติ กรณี การลดหย่อนภาษีจำนวนสองเท่าสำหรับผู้บริจาคเงินเพื่อการศึกษาให้กับโรงเรียนเอกชน รวมถึงประชาสัมพันธ์ให้หน่วยรับสิทธิได้รับทราบแนวทางปฏิบัติที่ชัดเจน ตลอดจนแจ้งผู้บริจาคให้ทราบถึงสิทธิ และการลดหย่อนภาษีสองเท่าของจำนวนการบริจาคตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 713) พ.ศ. 2563 ทั้งนี้ขอให้กรมสรรพากรพิจารณาความสำคัญและขยายโครงการต่อไปในปี พ.ศ. 2565

การส่งเสริมสิทธิและสวัสดิการครูโรงเรียนเอกชน ให้รัฐพิจารณาหาแนวทางเพื่อให้ครูโรงเรียนเอกชนที่ใช้สิทธิสวัสดิการกองทุนสงเคราะห์สามารถเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาลในส่วนที่เกินสิทธิได้ โดยสามารถใช้สิทธิบัตรทองเพิ่มเติม เพื่อแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่าย รวมถึงควรมีการศึกษาและปรับแก้ไขกฎหมายเพื่อให้ครูโรงเรียนเอกชนสามารถพิจารณาทางเลือกว่าจะใช้สิทธิบัตรทอง หรือประกันสังคม และให้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชนเร่งรัดการศึกษาวิจัยร่วมกับสภาการศึกษาและวางแผนเกี่ยวกับการเพิ่มเงินเดือนครูโรงเรียนเอกชนในอัตราที่เหมาะสม เพื่อที่ผู้ตรวจการแผ่นดินจะได้นำเสนอหลักการต่อรัฐบาลให้พิจารณาเมื่อสถานการณ์ปกติและฐานะทางการเงินการคลังของรัฐบาลดีขึ้นแล้ว

นราธิวาส-ตำรวจ สภ.เมืองนราธิวาส  เร่งประชาสัมพันธ์โครงการ Smart safety 4.0 เชิงรุก ในเขตเซฟตี้โซน ตามนโยบายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

พ.ต.อ.เจฟฟรีย์ ไศลมานกุล  ผกก.สภ.เมืองนราธิวาส นำ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองนราธิวาส  ตรวจเยี่ยมผู้ประกอบการ ร้านอาหาร  ร้านค้า และห้างสรรพสินค้าในเขตเทศบาลเมืองนราธิวาส ตั้งแต่ หอนาฬิกา-แยกออมสิน-แยกท่าพระยาสาย-แยกซูซูกิ  ซึ่งอยู่ในเขตเซฟตี้โซน ของโครงการ smart safety 4.0 สภ.เมืองนราธิวาส  พร้อมถือป้ายประชาสัมพันธ์โครงการ Smart safety 4.0 เชิงรุก เพื่อให้ผู้ประกอบการและประชาชนในพื้นที่ได้รับทราบถึงการดำเนินการตามโครงการดังกล่าวอย่างทั่วถึง ในการป้องกันอาชญากรรมของโครงการดังกล่าวอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด

FTI Poll เผย ‘ปรับขึ้นค่าไฟ-ก๊าซ’ หวั่นกระเทือนเศรษฐกิจ ดันราคาสินค้าพุ่ง กระทบต้นทุนธุรกิจ-วิถีชีวิต ปชช.อ่วม

นายวิรัตน์ เอื้อนฤมิต รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยผลการสำรวจ FTI Poll ครั้งที่ 15 ในเดือนมีนาคม 2565 ภายใต้หัวข้อ ‘ปรับขึ้นค่าไฟ-ก๊าซ กระทบเศรษฐกิจแค่ไหน’ พบผู้บริหาร ส.อ.ท. มองว่า กรณีภาครัฐจะมีการพิจารณาปรับอัตราค่าไฟฟ้าและราคาก๊าซฯ ขึ้นต่อเนื่องนั้น จะส่งผลกระทบอย่างมากต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย และยังเป็นการซ้ำเติมปัญหาให้แก่ผู้ประกอบการที่ต้องแบกรับภาระต้นทุนการผลิตที่อยู่ในระดับสูงในขณะนี้ จนทำให้ผู้ประกอบการมีความจำเป็นจะต้องปรับราคาสินค้าขึ้นตามต้นทุนที่เพิ่มขึ้น ซึ่งจะกระทบต่อภาระค่าครองชีพของประชาชน 

ดังนั้น จึงเสนอขอให้ภาครัฐพิจารณาคงอัตราค่าไฟฟ้าผันแปร (Ft) ในรอบเดือนพฤษภาคม - สิงหาคม 2565 เพื่อช่วยบรรเทาผลกระทบดังกล่าว นอกจากนี้ ผู้บริหาร ส.อ.ท. ยังได้แนะให้ภาคอุตสาหกรรมเร่งปรับปรุงกระบวนการผลิตเพื่อประหยัดพลังงาน และหันมาผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนใช้เองภายในโรงงานอุตสาหกรรม 

ทั้งนี้ จากการสำรวจผู้บริหาร ส.อ.ท. (CEO Survey) จำนวน 150 ท่าน ครอบคลุมผู้บริหารจาก 45 กลุ่มอุตสาหกรรม และ 76 สภาอุตสาหกรรมจังหวัด มีสรุปผลการสำรวจ FTI Poll ครั้งที่ 15 จำนวน 6 คำถาม ดังนี้…

1.) ปัจจุบันค่าไฟฟ้าและพลังงานคิดเป็นสัดส่วนกี่เปอร์เซ็นต์ของต้นทุนการผลิต
อันดับที่ 1 : 10 - 20% >> 38.7%
อันดับที่ 2 : น้อยกว่า 10% >> 25.3% 
อันดับที่ 3 : 20 - 30% >> 20.7% 
อันดับที่ 4 : มากกว่า 30% >> 15.3%

2.) กรณีภาครัฐมีการปรับค่าไฟฟ้าและราคาก๊าซฯ* ขึ้นต่อเนื่อง จะกระทบต่อเศรษฐกิจในระดับใด
อันดับที่ 1 : มาก >> 56.7% 
อันดับที่ 2 : ปานกลาง >> 34.7%
อันดับที่ 3 : น้อย >> 8.6%

3.) ผลกระทบจากการปรับขึ้นค่าไฟฟ้าและราคาก๊าซฯ* ในเรื่องใด ที่ภาครัฐควรให้ความสำคัญ 
อันดับที่ 1 : ราคาสินค้าปรับตัวเพิ่มขึ้นจากต้นทุนพลังงานที่อยู่ระดับสูง >> 87.3%
อันดับที่ 2 : ภาระค่าครองชีพของประชาชน >> 82.0%
อันดับที่ 3 : เร่งอัตราเงินเฟ้อให้ขยายตัวเพิ่มขึ้น >> 51.3%
อันดับที่ 4 : กิจกรรมทางเศรษฐกิจชะลอตัวหรือหยุดชะงัก >> 41.3%

พิจิตร -ส.ส.ภูดิท ลงพื้นที่อ.วังทรายพูนช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกแตงโม

ส.ส.ภูดิท   อินสุวรรณ์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดพิจิตร เขต 2 พร้อมทีมงานได้ลงพื้นที่ต.วังทรายพูน อ.วังทรายพูน จ.พิจิตร โดยมีกำนันสมหมาย สนามทอง กำนันตำบลวังทรายพูน กำนันพเยาว์ จำลอง กำนันตำบลหนองปล้อง พร้อมผู้นำท้องที่ร่วมกันนำลงพื้นที่แปลงปลูกแตงโมของนายสุทรี น้อมระวี ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 12 บ้านหนองยางใต้ ต.วังทรายพูน ซึ่งประสบปัญหาราคาแตงโมตกต่ำ เหลือเพียงกิโลกรัมละ3-5บาท แต่ต้นทุนสูงขึ้นเรื่อยๆทั้งราคาปุ๋ย ค่ายาฆ่าแมลง รวมถึงค่าน้ำมัน ทำให้ประสบภาวะขาดทุน  

สงขลา - ศอ.บต.ยัน สภาพัฒน์อยู่ระหว่างดำเนินการรับฟังความคิดเห็นของทุกฝ่าย

ในที่ประชุมคณะกรรมการที่ปรึกษาการบริหาร และการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้  ของศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ ( ศอ.บต.) ซึ่งมีนายประมุข ลมุน เป็นประธาน และมีนายอำนวย ศรีระแก้ว ผู้ช่วยเลขาธิการ ศอ.บต. เป็นตัวแทนของ พล.ร.ต.สมเกียรติ ผลประยูร เลขาธิการ ศอ.บต. เข้าร่วมประชุม  ครั้งล่าสุด  ซึ่งคณะกรรมการที่ปรึกษาได้สอบถามความคืบหน้าในการ “ขับเคลื่อน” เมืองต้นแบบที่ 4 หรือ “ เมืองอุตสาหกรรมแห่งอนาคต” ที่ อ.จะนะ จ.สงขลา เนื่องจากเป็น โครงการที่ มีประโยชน์ต่อการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ และมีประชาชนสอบถามเข้ามาเป็นจำนวนมาก

ซึ่งเจ้าหน้าที่ ผู้รับผิดชอบ โครงการเมืองต้นแบบที่ 4 อ.จะนะ จ.สงขลา ได้เป็นผู้ให้รายละเอียดว่า โครงการเมืองต้นแบบที่ 4 อยู่ระหว่างการดำเนินการ รับฟังความคิดเห็นจากกลุ่มต่างๆ ในพื้นที่ ซึ่งได้ดำเนินการรับฟังความคิดเห็นไปแล้วหลายกลุ่ม และจะสิ้นสุดในเดือน มีนาคม นี้ หลังจากนั้นจะมีการดำเนินการ ศึกษาเรื่องของ สิ่งแวดล้อม ที่เป็นขบวนการทางวิชาการ เรื่องของ เมืองต้นแบบที่ 4 ยังไม่ได้หยุดชะงัก แต่ยังเดินหน้าต่อไปด้วยความรอบคอบในทุกด้าน ซึ่งอาจจะมีความล้าช้าไปบ้าง เพราะนอกจากเรื่องของการคัดค้านจากคนบางกลุ่มแล้ว เรื่องการระบาดของ”โควิด 19” ก็ทำให้มีความล่าช้าในขบวนการ

ในขณะที่ คณะกรรมการที่ปรึกษาการบริหารและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้เสนอแนะว่า  นิคมอุตสาหกรรมจะนะ หรือ เมืองต้นแบบที่ 4 หรือ “เมืองอุตสาหกรรมแห่งอนาคต” เป็นโครงการพัฒนาที่ มีความเหมาะสมกับการแก้ปัญหา การว่างงาน การสร้างรายได้ และการขยายไปสู่อาชีพอื่นๆ โครงการอื่นๆ ในอนาคต  แต่ในการดำเนินการ ต้องตั้งอยู่บนพื้นที่ของการมีส่วนร่วมของประชาชนทุกภาคส่วน และ เอกชน เจ้าของ โครงการต้องมีความโปร่งใส ให้ความจริงกับคนในพื้นที่ และ สาธารณะ ในการรับรู้ข้อมูล รวมทั้งเปิดโอกาสให้แสดงความคิดเห็นอย่างทั่วถึง โครงการอาจจะช้าไปบ้าง ก็ไม่เป็นไร แต่รัฐบาลต้อง จริงใจ ในการ ผลักดัน ให้เมืองต้นแบบที่ 4 เกิดขึ้น เพราะจะเป็นการ กระจายรายได้ กระจายการจ้างงาน รวมทั้ง สร้างความเจริญ ในพื้นที่ใกล้เคียง

“บิ๊กตู่” ติดตามความคืบหน้าการช่วยเหลือชาวไทยในยูเครน ห่วง 31 คน ที่ยังประสงค์อยู่ในพื้นที่ กำชับทุกหน่วยงานเตรียมความพร้อมเพื่อช่วยเหลือชาวไทยอย่างทันท่วงทีต่อทุกสถานการณ์

เมื่อเวลา 13.30 น.วันที่ 3 มี.ค.นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ติดตามความคืบหน้าการให้ความช่วยเหลือคนไทยในยูเครนอย่างใกล้ชิด แม้ได้ให้ความช่วยเหลือคณะชาวไทย 2 กลุ่มแรกจำนวน 96 คน ที่เดินทางกลับถึงประเทศไทยโดยสวัสดิภาพเมื่อวันที่ 2 มีนาคม ที่ผ่านมาแล้ว แต่เนื่องด้วยสถานการณ์ความตึงเครียดในยูเครนที่เพิ่มสูงขึ้น นายกรัฐมนตรี ยังคงแสดงความห่วงใยต่อความปลอดภัยของประชาชนชาวไทยในยูเครนที่เหลืออยู่ รวมทั้งเจ้าหน้าที่ชาวไทยที่ปฏิบัติหน้าที่ที่ยูเครน อีกทั้งได้กำชับให้กระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งเตรียมความพร้อมในทุกด้านเพื่อให้ความช่วยเหลือพี่น้องชาวไทยในยูเครนอย่างทันท่วงทีหากเกิดสถานการณ์ฉุกเฉินขึ้น 

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า กระทรวงการต่างประเทศได้รายงานความคืบหน้าแผนการให้ช่วยเหลือคนไทยในยูเครน จากสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงวอร์ซอ ประเทศโปแลนด์ ว่าเมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2565 คณะคนไทยที่อพยพออกจากยูเครนชุดที่ 3 จำนวน 40 คน ได้เดินทางออกจากประเทศโปแลนด์กลับมายังประเทศไทยและมีกำหนดถึงประเทศไทยในวันนี้ (3 มีนาคม 2565) โดยสายการบินเอมิเรตส์ เที่ยวบินที่ EK384 เวลา 12.05 น. ทั้งนี้ ยังคงการช่วยเหลือคนไทยอพยพออกจากยูเครนเพิ่มเติม ได้แก่ คนไทยจำนวน 43 คนได้เดินทางจากศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือคนไทยในยูเครน เมืองลวิฟ เข้าสู่ประเทศโปแลนด์และเข้าพักในโรงแรมที่กรุงวอร์ซอเพื่อเตรียมเดินทางกลับประเทศไทยในวันที่ 4 มีนาคม 2565 พร้อมกันนี้ สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงบูคาเรสต์ ประเทศโรมาเนีย ได้ช่วยเหลือให้คนไทยที่อพยพออกจากประเทศยูเครน จำนวน 16 คน เพื่อเตรียมเดินทางกลับประเทศไทยในวันที่ 4 มีนาคม 2565 ต่อไป


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top