Saturday, 28 June 2025
Hard News Team

BLUETECH CITY และ DOUBLE P LAND จับมือ มรภ. ราชนครินทร์ จับมือ จัดโครงการ STAR OF THE FUTURE  เพื่อเปิดโอกาสทางการศึกษาให้กับนักเรียนในจังหวัดฉะเชิงเทรา ที่มีความสามารถแต่ขาดแคลนทุนทรัพย์

วันนี้ ( 11 มี.ค. 65) ที่ ห้องโชคอนันต์ อาคารเรียนรวมและอำนวยการ มหาวิทยาลัยราชภัฏราชนครินทร์ อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา รองศาสตราจารย์ ดร.ดวงพร ภู่ผะกา อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏราชนครินทร์ เป็นประธานกล่าวต้อนรับ ผู้เข้าร่วมงาน ในพิธีบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ การให้ทุนการศึกษา ภายใต้โครงการ “STAR OF THE FUTURE โดยมี นางสาวกุลพรภัสร์ วงศ์มาจารภิญญา ประธานผู้บริหารนิคมอุตสาหกรรมฉะเชิงเทรา บลูเทค ซิตี้ และคณะผู้บริหารมหาวิทยาลัยราชภัฏราชนครินทร์ เข้าร่วมพิธีในวันนี้

อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏราชนครินทร์ กล่าวว่าโครงการ “STAR OF THE FUTURE” เป็นการร่วมมือกัน ระหว่างมหาวิทยาลัยราชภัฏราชนครินทร์ กับ นิคมอุตสาหกรรมบลูเทค ซิตี้ และ บริษัท ดับเบิลพี แลนด์ จำกัด  โดยจะรับสมัคร นักเรียนเข้าศึกษาต่อมหาวิทยาลัยราชภัฏราชนครินทร์ หลักสูตรวิศวกรรมศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาวิศวกรรมการผลิตอัตโนมัติ และสาขาวิชาวิศวกรรมการจัดการอุตสาหกรรม ซึ่งจะมีทุนเรียนฟรี ตลอดหลักสูตร 4 ปี พร้อมค่าใช้จ่ายรายเดือน จำนวน 3,000 บาทต่อเดือน และเปิดรับสมัครตั้งแต่บัดนี้ ซึ่งในส่วนของผู้เข้าร่วมโครงการต้องมีคุณสมบัติ อยู่ในจังหวัดฉะเชิงเทรา กำลังจะสำเร็จการศึกษาระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 มีผลการเรียนเฉลี่ยสะสม 5 ภาคเรียนไม่น้อยกว่า 3.00 และมีความสนใจในการทำงานในภาคธุรกิจ หรืออุตสาหกรรมภายหลังสำเร็จการศึกษา

ด้านนางสาวกุลพรภัสร์ วงศ์มาจารภิญญา ประธานผู้บริหารนิคมอุตสาหกรรมบลูเทค ซิตี้ กล่าวว่าโครงการ “STAR OF THE FUTURE”  จัดขึ้นเพื่อเปิดโอกาสทางการศึกษาให้กับนักเรียนในจังหวัดฉะเชิงเทรา  ที่มีความสามารถแต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ ให้ได้รับโอกาสในการเข้าศึกษาในระดับอุดมศึกษาของมหาวิทยาลัย พร้อมทั้งบรรเทาภาระของผู้ปกครองและประชาชนในเขตจังหวัดฉะเชิงเทรา  สำหรับด้านการผลิตบุคลากรที่สำคัญ หมวดอุตสาหกรรมยานยนต์ และ นวัตกรรม เทคโนโลยี สมัยใหม่  

‘เอกชน’ โอด!! ภาระหนักหลังราคาพลังงานพุ่ง ส่อหลายกลุ่มธุรกิจต้องปรับราคาขึ้นตามต้นทุน

ส.อ.ท.โอดสงครามรัสเซีย-ยูเครน ดันราคาพลังงานสูง กระทบหนักต้นทุนการผลิต เผยดัชนีเชื่อมั่นเอกชนงวดก.พ. ลดลงในรอบ 6 เดือน แนะรัฐตรึงดีเซล 30 บาทต่อลิตร พร้อมยกเลิก Test & Go ดึงนักท่องเที่ยวยุโรปฟื้นโอกาสกระตุ้นเศรษฐกิจ ด้านสหพันธ์การขนส่งจี้รัฐยังดูแลราคาน้ำมันไม่สุดทาง

นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ผลกระทบจากวิกฤติรัสเซียและยูเครน ตลอดจนการตอบโต้ของประเทศที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นสิ่งที่ ส.อ.ท.กำลังติดตามใกล้ชิดและกังวลมาก เนื่องจากเหตุการณ์ดังกล่าวได้สร้างผลกระทบต่อต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นโดยเฉพาะจากระดับราคาพลังงาน ดังนั้นจึงเห็นว่าภาครัฐจำเป็นต้องดูแลราคาพลังงานที่จะไม่ให้กระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวม โดยเห็นว่าควรจะตรึงราคาดีเซลไว้ไม่เกิน 30 บาทต่อลิตร / คงค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ (เอฟที) งวดใหม่ (พ.ค.-ส.ค. 65) รวมถึงราคาแอลพีจี (ก๊าซหุงต้ม) เพื่อดูแลค่าครองชีพประชาชน

“สถานการณ์นี้เหมือนช้างสารชนกันหญ้าแพรกก็แหลกลาญ ซึ่งไทยคือหญ้าแพรก ทำให้ทั้ง 45 กลุ่มอุตสาหกรรมมีความกังวลต่อต้นทุนที่เพิ่มขึ้นมาก โดยเฉพาะจากน้ำมันที่สูง และไทยเราเป็นประเทศผู้นำเข้าและเวลานี้เป็นสิ่งที่น่าตกใจที่เงินเฟ้อเราสูงอย่างมาก ขณะที่รายได้ไม่ทันกับภาวะเงินเฟ้อที่จะทำให้บั่นทอนต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ” นายสุพันธุ์ กล่าว

อย่างไรก็ตามภายใต้สถานการณ์วิกฤติยูเครน-รัสเซียนั้น ภาครัฐควรมองเป็นโอกาสในการดึงนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะจากสหภาพยุโรป (อียู) ที่กำลังเข้าสู่ฤดูหนาวและยังเผชิญกับราคาพลังงานที่สูงขึ้นมาท่องเที่ยวในไทยโดยควรพิจารณายกเลิกมาตรการ Test & Go โดยให้ผู้เดินทางเข้าประเทศแสดงวัคซีนพาสปอร์ตแทนก่อนเข้าประเทศ พร้อมทั้งจัดให้มีระบบตรวจติดตามผู้เดินทางเข้าประเทศเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่นักท่องเที่ยวต่างชาติ และเสริมสร้างบรรยากาศด้านการท่องเที่ยวของไทยซึ่งจะทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติมาไทยปีนี้จะเป็นไปตามเป้าหมาย 5-6 ล้านคนได้ นอกจากนี้ควรพิจารณาเร่งดึงการลงทุนเข้าไทยเพื่อให้เกิดการย้ายฐาน

ขณะเดียวกัน ส.อ.ท.ได้สำรวจความเชื่อมั่นจากผู้ประกอบการ 1,242 ราย ครอบคลุม 45 กลุ่มอุตสาหกรรมทั่วประเทศ ประจำเดือน ก.พ. 2565 พบว่า ลดเหลือระดับ 86.7 ถือเป็นการลดลงครั้งแรกในรอบ 6 เดือน เนื่องจากมีความกังวลปัจจัยต่อปัจจัยด้านราคาน้ำมันถึง 75.2% สถานการณ์ระบาดของโควิด 68.5% เศรษฐกิจในประเทศ 56.8% สภาวะเศรษฐกิจโลก 52.3% อัตราแลกเปลี่ยน 48.3% สถานการณ์การเมืองในประเทศ 45.5% และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ 45.6% 

อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการยังคาดหวังว่าอีก 3 เดือนข้างหน้า โดยความเชื่อมั่นเพิ่มเป็น 97.1 เพราะมองว่าสายพันธุ์โอมิครอนไม่รุนแรงเหมือนช่วงก่อนหน้า ทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจยังดำเนินต่อไป

ด้านนายเกรียงไกร เธียรนุกุล รองประธาน ส.อ.ท.และในฐานะประธานสภาธุรกิจไทย-รัสเซีย กล่าวว่า ส.อ.ท.ได้สำรวจความเห็นต่อผลกระทบความขัดแย้งระหว่างยูเครน-รัสเซีย จาก 26 กลุ่มอุตสาหกรรมเมื่อ 7 มี.ค.ว่า ส่วนใหญ่ได้รับผลกระทบทางอ้อมที่ราคาน้ำมันดิบตลาดโลก ค่าระวางเรือ และวัตถุดิบต่างๆ ที่สูงขึ้นเช่น นิกเกิล, ข้าวสาลี, ข้าวโพด ฯลฯ เป็นปัจจัยที่ทำให้ต้นทุนการผลิตภาพรวมเพิ่มสูง ดังนั้นคำสั่งซื้อ (ออร์เดอร์ใหม่) มีแนวโน้มต้องปรับราคาสินค้าเพิ่มขึ้นตามต้นทุนที่สูงเกือบทั้งหมด

“ส.อ.ท.ได้ขอให้สมาชิกช่วยตรึงราคาสินค้าแต่ยอมรับว่า สต็อกเก่าที่มีอยู่เริ่มร่อยหรอลง ซึ่งแต่ละรายต้นทุนและสต็อกก็ต่างกันไป ภาพรวมในอีก 3-6 เดือนข้างหน้าราคาสินค้าคงจะทยอยปรับเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะปุ๋ย ที่คาดว่าจะปรับขึ้นในอีก 1-2 เดือนนี้หลังจากรัสเซียห้ามส่งออกปุ๋ย ดังนั้นเห็นว่าหากน้ำมันดิบตลาดโลกขึ้นสูงภาครัฐอาจลดภาษีสรรพสามิตที่เหลือ 3.20 บาทต่อลิตร ก็จะช่วยบรรเทาผลกระทบได้อีกทางหนึ่ง” นายเกรียงไกร กล่าว

อย่างไรก็ตาม ส.อ.ท.ยังคงกังวลหากมีการปิดท่อก๊าซฯ ที่จะส่งไปยังอียู ซึ่งอาจกระทบต่อการผลิตอุตสาหกรรมโดยเฉพาะในเยอรมันที่มีการผลิตอุตสาหกรรมหนักจำนวนมากที่เป็นห่วงโซ่การผลิตของหลายอุตสาหกรรมทั่วโลก รวมถึงการคว่ำบาตรที่จะทำให้แร่ธาตุต่างๆ ในการผลิตที่มาจากรัสเซียและยูเครนเกิดชะงักงัน เหล่านี้อาจกลายเป็นโดมิโนซัปพลายเชน รวมไปถึงระดับราคาน้ำมันที่ยังคงผันผวนระดับสูง ดังนั้นหากภาครัฐตรึงดีเซล 30 บาทต่อลิตรต่อไปก็จะเป็นสิ่งที่ดี

“น้ำมันขึ้นทุก 1 เหรียญฯ จะมีผลต่อราคาขายปลีกไทยขึ้น 25 สตางค์ต่อลิตรแต่ต้นทุนการผลิตยังมีอื่นๆ ทั้งวัตถุดิบ ชิ้นส่วนฯ ก่อนหน้านี้รัฐได้ลดภาษีสรรพสามิตดีเซลลงไป 3 บาทต่อลิตรยังคงเหลือเก็บอยู่ราว 2.99 บาทต่อลิตรจุดนี้อาจนำมาดูแลได้ แต่ก็เข้าใจว่าถ้าน้ำมันดิบตลาดโลกที่เริ่มมีการพูดกันไปถึงระดับ 300 เหรียญฯ ต่อบาร์เรล และถ้าเกิดขึ้นจริง การตรึงไว้ระดับเดิมก็คงจะไม่ไหวเช่นกัน” นายเกรียงไกร กล่าว
 

'หมอวรงค์' รู้ทัน!! เหตุ ‘โทนี่’ ป้วนเปี้ยนใกล้ไทย หวังปลุกกระแสดันลูกสาวนั่งนายกฯ พาตนกลับบ้าน

นพ.วรงค์ เดชวิกรม หัวหน้าไทยภักดี ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่ อดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร เคลื่อนไหวป้วนเปี้ยนแถวสิงคโปร์ ระบุว่า…

#สิ่งที่นายทักษิณต้องตระหนัก

นายทักษิณต้องรู้ตัวว่า ตนเองคือนักโทษที่หลบหนีคดีอาญา ที่ศาลฎีกาของผู้ดำรงตำแหน่งนักการเมือง เคยมีคำพิพากษา ตัดสินจำคุกแต่หนีคดีไม่ยอมรับโทษ

ในอดีตมีคำพิพากษาที่จำคุกไปแล้ว 4 คดี รวมทั้งหมด 12 ปี มีเพียงคดีที่ดินรัชดา ที่ศาลตัดสินจำคุก 2 ปี และคดีหมดอายุความ จึงเหลือคดี ที่ต้องจำคุก 3 คดี รวมเวลา 10 ปี ยังไม่นับคดีที่รอ ป.ป.ช. ชี้มูล

การที่นายทักษิณ มาป้วนเปี้ยนแถวสิงคโปร์ พยายามปลุกระดม ผ่านคลับเฮาส์ ว่าจะกลับบ้าน พ.ศ.นี้ ก็เป็นส่วนของการหวังผล สร้างกระแสให้ลูกสาวมาชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เพื่อพาตนเองกลับบ้าน

‘บาบีก้อน X บิทคับ’ ตะลุยโลกบล็อกเชน ส่ง ‘GO(N)FT’ มัดใจสมาชิกมังกรเขียว

ไม่นานมานี้ นางสาวบุณย์ญานุช บุญบำรุงทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ด้านการสร้างโอกาสทางการตลาด กลุ่มธุรกิจอาหารฟู้ดแพชชั่น เผยว่า บาร์บีคิวพลาซ่า เป็นแบรนด์ที่สนใจกระแสและเทรนด์ใหม่ๆ เสมอ ซึ่งเรามองว่า ปัจจุบัน NFT ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก จึงได้จับมือกับทาง Bitkub Blockchain Technology ออก GO(N)FT ที่มาในรูปแบบ Loyalty Campaign โดยมอบสิทธิพิเศษ ผ่าน GO(N)FT ให้สมาชิกที่มีความสนใจในเทคโนโลยีบล็อกเชน ได้มีโอกาสเป็นเจ้าของ พร้อมเสริมประสบการณ์สุดเอ็กซ์คลูซีฟ ผูกสิทธิประโยชน์ที่ไม่เคยมีมาก่อน เพื่อเน้นย้ำกลยุทธ์ CRM ของฟู้ดแพชชั่น ที่มีเป้าหมายในการสร้างความสัมพันธ์ระยะยาว ทำให้สมาชิกเกิดความผูกพันกับแบรนด์

สำหรับ GO(N)FT จะมีจำนวนทั้งหมด 90 ชิ้นในโลกเท่านั้น โดยแบ่งเป็น 2 ตระกูล ได้แก่ Common และ Rare โดยตระกูล Common จะเปิดให้สมาชิก GON Gang Club ทุกระดับ ตั้งแต่ Friend, Buddy และ Family มีทั้งหมด 2 ประเภท ได้แก่ GON พาเบิ้ล สิทธิพิเศษที่ได้รับ คือ สั่งชุดสุดฮิตประจำร้านบาร์บีคิวพลาซ่า ชุดประหยัดหมู 1 ฟรี 1 ตลอดทั้งปี จำนวน 15 ชิ้น / ถัดมา คือ GON พาซิ่ง สิทธิพิเศษที่จะได้รับ คือ ส่วนลดดีลิเวอรี่ 200 บาท ใช้ลดได้ตลอดทั้งปี จำนวน 50 ชิ้น

'ปูติน' เอาคืนแรง!! เปิดไพ่การรบด้านเศรษฐกิจ ยึดทรัพย์ธุรกิจถอนตัว - ขึ้นบัญชีดำ - ห้ามหวนคืนรัสเซีย

นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และรองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ฉายภาพสมรภูมิการรบด้านเศรษฐกิจระลอกใหม่ ระหว่างควันสงครามยูเครน-รัสเซียที่ยังปะทุอยู่ ว่า...

ตาต่อตา ฟันต่อฟัน!!!
สมรภูมิใหม่ในการรบด้านเศรษฐกิจ

ล่าสุด ประธานาธิบดีปูติน สั่ง เตรียมการยึดสินทรัพย์ของบริษัทที่ถอนตัวออกจากรัสเซีย รวมถึงขึ้นบัญชีดำบริษัทเหล่านี้ว่า เคยมีพฤติกรรมร่วมทำร้ายรัสเซีย และจดชื่อเอาไว้ เพื่อไม่ให้กลับมาที่รัสเซียในอนาคต

อดีตประธานาธิบดี Medvedev อธิบายเพิ่มเติมว่า จะยึดหลักการ “Symmetrical Response” หรือแปลเป็นไทยว่า "ตาต่อตา ฟันต่อฟัน"

เป้าหมายคือ...
1.) ประเทศที่มีการยึดสินทรัพย์ของรัสเซีย
2.) บริษัทที่มีการประกาศถอนตัวออกจากรัสเซีย

ส่วนบริษัทที่หยุดกิจการ ปิดไปเฉยๆ ก็อาจจะหาคนเข้าไปบริหารแทน เพื่อดูแลการจ้างงานและการผลิตให้ไม่สะดุดลง และกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวม

ล่าสุด รายชื่อบริษัทที่ตัดสินใจออกจากรัสเซีย มียาวเป็นหางว่าว ตั้งแต่ McDonald's, Starbucks, Coca-Cola, Pepsi, Shell, BP, Apple, Microsoft, IBM, IKEA, H&M, Volkswagen, Toyota รวมไปถึง บริการชำระเงิน VISA, Apple pay, Google Pay เป็นต้น (ขณะนี้ องค์กรผู้บริโภครัสเซียได้ส่งชื่อให้รัฐบาลไปแล้วอย่างน้อย 59 บริษัท)

นอกจากนี้ เครื่องบินที่เช่ามาให้ Aeroflot ก็อยู่ในข่ายที่จะไม่คืนเช่นกัน

ปกติแล้ว เรื่องอย่างนี้ไม่ค่อยเกิดขึ้น เพราะ (1) จะนำไปสู่การฟ้องร้อง และ (2) สร้างชื่อเสียงที่ไม่ดีให้กับประเทศ เพราะถ้าไปลงทุนแล้ว สุดท้ายอยู่ๆ ถูกยึดเป็นของประเทศ ก็จะเป็นความเสี่ยงอย่างยิ่ง โดยประเทศที่เคยทำเช่นนี้ นักลงทุนก็จะจดไว้เช่นกัน

ทั้งนี้ รัสเซียคงอธิบายว่า สินทรัพย์ของรัสเซีย ก็ถูกยึดเช่นกัน เมื่อคุณยึดของผมได้ ผมก็ยึดของคุณได้ นอกจากนี้ อีกไม่นานเรามีความเสี่ยงที่อาจจะเห็นรัสเซีย ประกาศหยุดชำระหนี้ (ชักดาบ) ในพันธบัตรต่างๆ ของรัสเซีย ที่กำลังถูก downgrade อยู่ในขณะนี้ (รวมถึง คงขอให้ไปถอนเอาเองจากเงินสำรองที่ถูกยึดไป)

สินทรัพย์ที่ต่างชาติมีอยู่ในรัสเซีย หรือลงทุนในรัสเซียมีอยู่ประมาณ 7-8 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งจะส่งผลกระทบเป็นวงกว้างต่อไป

นโยบายเหล่านี้ Nationalization หรือ Debt Moratorium เป็นนโยบายที่ปกติแล้ว ประเทศต่างๆ ขีดเส้นว่า "ไม่ทำ" แต่เมื่ออีกข้าง ประกาศใช้มาตรการแรงที่ปกติ “ไม่ทำ” เช่นกัน เช่น Freeze เงินสำรองต่างประเทศ ยึดสินทรัพย์ของธนาคารรัสเซียที่อยู่ในสหรัฐฯ และยุโรป ตลอดจนยึดสินทรัพย์ของเจ้าสัวรัสเซีย เมื่อมาถึงจุดนี้ อะไรอะไรก็เกิดได้

“นายกรัฐมนตรี” เป็นประธานในพิธีมอบธงสัญลักษณ์ให้จังหวัดเชียงรายเป็นเจ้าภาพจัดงานมหกรรมศิลปะร่วมสมัยนานาชาติ  ครั้งที่ 3 Thailand Biennale, Chiang Rai 2023  

 พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีมอบธงสัญลักษณ์ในการจัดงาน “มหกรรมศิลปะร่วมสมัยนานาชาติครั้งที่ 3 Thailand Biennale, Chiang Rai 2023” ให้แก่จังหวัดเชียงราย ซึ่งจะเป็นเจ้าภาพการจัดงานต่อไป ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์และเฟซบุ๊กแฟนเพจสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย (สศร.) โดยมีนายอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ผู้บริหาร เข้าร่วม ณ อาคารภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล กรุงเทพฯ

ในขณะที่นางยุพา ทวีวัฒนะกิจบวร ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม ได้เดินทางไปร่วมพิธีมอบธงสัญลักษณ์การจัดงานมหกรรมศิลปะร่วมสมัยนานาชาติ ครั้งที่ 3 ฯ ให้แก่นายบัญชา เชาวรินทร์  รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ณ Terminal 21 Korat จังหวัดนครราชสีมา โดยมีนายโกวิท  ผกามาศ ผู้อำนวยการสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย นายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ผู้บริหาร ผู้แทนภาครัฐ ภาคเอกชน ศิลปิน เข้าร่วม 

นายอิทธิพล  กล่าวว่า จากนโยบายพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่มุ่งผลักดันการใช้ ”Soft Power” ความเป็นไทยและอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ (Creative Economy) ของไทย และได้ประกาศให้จังหวัดเชียงราย นครราชสีมา และกระบี่ เป็นเมืองศิลปะ และได้พิจารณาคัดเลือกให้จังหวัดกระบี่เป็นจังหวัดแรกในการจัดงาน “มหกรรมศิลปะร่วมสมัยนานาชาติ ครั้งที่ 1 Thailand Biennale, Krabi 2018”  ต่อมาจังหวัดนครราชสีมา เป็นเจ้าภาพจัดงานมหกรรมศิลปะร่วมสมัยนานาชาติ ครั้งที่ 2 Thailand Biennale, Korat 2021 ซึ่งครั้งนี้ วธ.โดย สศร. ได้บูรณาการความร่วมมือกับจังหวัดนครราชสีมา ศิลปินนานาชาติ 25 ประเทศ หน่วยงานรัฐ เอกชน เครือข่ายทางวัฒนธรรม เครือข่ายศิลปินและภาคประชาชน จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “Butterflies Frolicking on the mud” หรือ “เซิ้ง..สิน ถิ่นย่าโม” ระหว่างเดือนธันวาคม 2564 - มีนาคม 2565  

กินใจทุกบรรทัด!! บันทึกสุดซึ้งจากพ่อโส ตอน ‘แตงโม’ 20 ปี ทุกคำสอนที่กลั่นกรองจากหัวใจ ‘พ่อ’

สำนักพิมพ์ ณ บ้านวรรณกรรม เผยเรื่องราวจากหนังสือ "เล่าถึงลูก แตงโม ภัทรธิดา ตามประสาพ่อ" เผย หย่ากับภรรยาตั้งแต่แตงโมอายุ 5 ขวบ ความคิดแวบแรก "ลูกต้องอยู่กับเรา" ยอมทุกอย่าง เสียบ้านหนึ่งหลังก็เอา 

เฟซบุ๊ก "ณ บ้านวรรณกรรม" ของสำนักพิมพ์ ณ บ้านวรรณกรรม เผยเรื่องราวจากหนังสือ "เล่าถึงลูก แตงโม ภัทรธิดา ตามประสาพ่อ" ซึ่งเขียนโดย นายโสภณ พัชรวีระพงษ์ บรรณาธิการโดย รักชนก นามทอน ตีพิมพ์โดย สำนักพิมพ์ ณ บ้านวรรณกรรม ปี 2548 จำนวน 3 หัวข้อ ได้แก่

🔹หัวข้อแรก : เมื่อรู้ว่าต้องหย่า
วันหนึ่งที่รู้แน่นอนแล้วว่าไม่สามารถที่จะรักษา ‘ชีวิตคู่’ กับคุณแม่น้องโมได้ สิ่งที่ต้องคิดต่อไปคือจะเอาอย่างไรดีในเรื่องลูก ความที่เป็นคนรักลูกมากๆ คนหนึ่ง ความคิดแวบแรกคือ ลูกต้องอยู่กับเรา เราเองขาดลูกไม่ได้

เหตุผลประการที่สองก็คือ หากคิดไปถึงอนาคต เพราะในขณะที่หย่ากันนั้น ตัวคุณพ่อมีอายุประมาณสี่สิบปี คุณแม่น้องมีอายุประมาณสามสิบปี อายุเราห่างกันประมาณสิบปี ซึ่งโดยอายุของทั้งคู่กอปรกับหน้าตา สังคมและหน้าที่การงาน เป็นไปได้ว่าแต่ละฝ่ายอาจมี ‘คู่ครองใหม่’ ในอนาคต

ด้วยเหตุผลประการหลังนี้ จะยิ่งชัดเจนว่าลูกควรอยู่กับคุณพ่อมากยิ่งขึ้น เพราะว่าลูกเราเป็นลูกสาว เป็นผู้หญิง ฝ่ายหญิงหากมีคู่ครองใหม่ และหากลูกอยู่กับคุณแม่ก็จะกลายเป็นว่า วันหนึ่งลูกสาวที่ต้องโตขึ้นทุกวัน ต้องอยู่กับพ่อเลี้ยงซึ่งเป็นคู่ครองใหม่ของคุณแม่ซึ่งอาจมีปัญหาได้ เพราะเป็นเพศตรงข้ามกัน แต่หากหย่ากันไปแล้ว ลูกสาวอยู่กับคุณพ่อ หากคุณพ่อมีคู่ครองใหม่ คู่ครองเราก็จะเป็นผู้หญิงซึ่งเป็นเพศเดียวกันกับลูกสาวเรา อันตรายหรือปัญหาอันอาจเกิดขึ้นในอนาคตจะไม่มีโดยสิ้นเชิง

จึงเป็น ‘เงื่อนไข’ และเป็นข้อแม้ของคุณพ่อในระหว่างการเจรจาหย่าร้างกันว่า ยอมได้ทุกข้อ ยอมได้ทุกอย่าง เช่น บ้านที่อาศัยอยู่ ซึ่งเป็นบ้านชั้นเดียวปลูกบนเนินบนเนื้อที่ร่วมร้อยสิบตารางวา ซึ่งซื้อเป็นเรือนหอตั้งแต่ตอนแต่งงานกัน และได้ออกแบบให้มีห้องนอนของน้องโมไว้หนึ่งห้องตั้งแต่แรก เป็นบ้านที่สวยงามมาก อยู่แถวแจ้งวัฒนะ ที่อยากจะเก็บไว้เป็นสมบัติของลูก แต่คุณแม่เขาต้องการให้ขายเพื่อแบ่งสมบัติกัน ก็ยอมหมด

คุณพ่อบอกไว้ชัดเจนว่า ต้องการอย่างเดียวคือน้องโมต้องอยู่กับคุณพ่อ หากยินยอมเมื่อใด ก็จะหย่าขาดจากกันในทันที

ยกเว้นเรื่องนี้แล้ว เรื่องอื่นๆ คุณพ่อยอมหมด

วันหนึ่งระหว่างนั่งทำงาน คุณแม่น้องโทร.มาบอกตกลงยอมให้ลูกอยู่กับคุณพ่อ แต่เรื่องอื่นๆ ต้องเป็นไปตามที่เขาต้องการ คุณพ่อรีบตอบทันทีว่าตกลง ไปเจอกันที่อำเภอเดี๋ยวนั้น

แล้วคุณพ่อกับคุณแม่น้องโมก็หย่ากันทันที โดยใน บันทึกใบหย่า จะมีข้อความสำคัญเป็นข้อแรกว่า

“ข้อ 1. เรื่องบุตร เด็กหญิงภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ ตกลงให้บุตรดังกล่าวอยู่ในความปกครองภาระเลี้ยงดูของฝ่ายชาย โดยมารดามีสิทธิ์มาเยี่ยมและนำบุตรไปอาศัยที่คุณแม่ได้เป็นครั้งคราว”

หนังสือหย่าทำกันที่สำนักงานเขตพญาไท เมื่อวันที่ 14 เมษายน 2532 ในขณะที่น้องโมมีอายุประมาณห้าขวบ (แตงโม เกิด 13 กันยายน 2527) หลังจากนั้นอีกสิบกว่าวันตรงกับวันคล้ายวันเกิดปีที่สี่สิบของคุณพ่อ ก็ได้มีโอกาสฉลองวันเกิดเป็นครั้งแรกระหว่างสองคนพ่อลูก ซึ่งจะเป็นอะไรง่ายๆ ไปนั่งกินข้าวกันธรรมดาไม่มีพิธีรีตองอะไร

นับจากนั้น น้องโมก็ใช้ชีวิตอยู่กับคุณพ่อสองคนตราบจนทุกวันนี้

🔹หัวข้อที่สอง : ของขวัญวันเกิดน้องโม ‘จดหมายจากคุณพ่อ’

13 กันยายน 2547 
น้องโมลูกรัก

วันนี้เป็นวันครบรอบวันเกิดปีที่ 20 ของน้องโม ซึ่งถือว่าเป็นวันครบรอบวันเกิดปีที่สำคัญเป็นพิเศษครั้งหนึ่งของชีวิต เพราะเป็นวันที่มีอายุครบยี่สิบปีบริบูรณ์ ในทางกฎหมายถือว่าเป็นผู้ใหญ่แล้ว สามารถตัดสินใจกระทำการใดๆ หรือทำนิติกรรมใดๆ ก็ได้ด้วยตนเอง ไม่ต้องให้ผู้ปกครองยินยอมเหมือนเด็กๆ อีกต่อไป

หากอายุคนเฉลี่ยที่หกสิบปี แบ่งเป็นสามช่วง ช่วงละยี่สิบปี ยี่สิบปีแรกถือเป็นวัยเด็ก ยี่สิบปีที่สองถือเป็นวัยหนุ่มสาว วัยทำงาน ยี่สิบปีที่สามคือวัยผู้ใหญ่ย่างเข้าสู่วัยชรา

ชีวิตของน้องนับว่าเป็นวันแรกที่ย่างเข้าสู่วัยที่สอง มีอะไรให้เรียนรู้อีกมากมายและจะต้องเริ่มเรียนรู้มากขึ้น กว้างขึ้น และลึกมากขึ้น การมองอะไรในภาพเดียว มิติเดียวเหมือนเช่นวัยเด็กจะเริ่มใช้ไม่ได้และไม่เพียงพอ บางครั้งอาจต้องมองสองสามมุมถึงจะเพียงพอ และนำไปสู่การตัดสินใจที่จะส่งผลดีกับเราไม่ใช่แค่วันนี้ แต่ต้องหมายถึงวันข้างหน้าด้วย

คุณพ่อมีความรู้สึกว่าอยากจะเขียนถึงน้องให้มากกว่านี้ ไม่ใช่ปีละครั้งเหมือนตอนเด็กๆ เพราะน้องเริ่มเป็นผู้ใหญ่แล้วประการหนึ่ง อีกประการหนึ่งจากหน้าที่การงานและสังคมผู้คนที่ต้องเผชิญมากมาย ทำให้น้องต้องอาศัยความรู้ความเข้าใจในเรื่องราวต่างๆ ของสังคม ของบ้านเมือง ตลอดจนวัฒนธรรมประเพณีของประเทศเรา และประเทศต่างๆ เพราะคนในวัยนี้จะอาศัยความชอบหรือไม่ชอบ หรือเอาเหตุผลของการถูกผิดมาใช้ในการตัดสินใจเพียงอย่างเดียว ในบางครั้งจะเริ่มไม่เพียงพอ

เหตุนี้ หากคุณพ่อคิดว่าน้องควรจะรู้อะไรเพิ่มเติม ก็จะเขียนมาให้อ่านแล้วค่อยแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นกัน แต่ในวันนี้ที่เป็นวันที่ตรงกับวันคล้ายวันเกิดของน้อง คุณพ่อก็จะเขียนถึงเฉพาะที่เกี่ยวกับตัวน้องและคุณพ่อเท่านั้น

ประการแรก คุณพ่อดีใจกับน้องในความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่วงการบันเทิงและประสบความสำเร็จอย่างดียิ่งกับบท ‘กาเหว่า’ ในละคร ‘อุ่นไอรัก’ ที่สามารถแสดงได้อย่างดียิ่ง เพราะการได้มาซึ่งโอกาสนั้นคือประการหนึ่ง แต่การสามารถคว้าโอกาสนั้นได้คือ ความสามารถส่วนตัวของน้อง นั่นคืออีกประการหนึ่ง คนบางคนมีโอกาสแล้ว แต่ไม่พร้อม ก็ไม่สามารถคว้าโอกาสไว้ได้

พูดถึงเรื่องนี้ อยากให้น้องเพิ่มเติมในเรื่องการรู้จักรักษาแฟนๆ ผลงานของเรา อยากจะให้ดูคุณเจี๊ยบ เนาวรัตน์ ยุกตะนันท์ เป็นตัวอย่างที่ดี คุณเจี๊ยบจะมีความสุขและไม่เคยเบื่อหน่ายต่อแฟนๆ ของเขา เขาจะรู้จักรักและพูดคุย ทักทาย ยิ้มแย้มกับแฟนๆ คนเขาก็จะรักและพูดกันปากต่อปากว่า ดาราคนนี้น่ารัก ในที่สุดก็เป็นดาราในดวงใจของเขา จึงในบางครั้งเพียงแค่น้องหันไปยิ้มให้หรือโบกไม้โบกมือให้ เขาก็ชื่นใจแล้ว

ประการที่สองที่คุณพ่อดีใจมากๆ อาจจะพอๆ กันหรือมากกว่าประการแรกด้วยซ้ำ คือการที่น้องเห็นคุณค่าของการศึกษา และน้องมีความสุขในวิชาที่น้องเรียน คุณพ่อเห็นน้องตั้งใจเรียน สนใจอยากเรียนด้วยตัวเอง ไม่เหมือนตอนเด็กๆ ที่บางครั้งน้องมองข้ามไป หรือละเลยไม่ให้ความสำคัญเท่าที่ควร

ชีวิตคนนั้นยังอีกยาวไกล ด้วยอายุยี่สิบของน้องยังมีหนทางให้เดินอีกยาวไกล ยังมีอะไรให้เรียนรู้อีกมากมายไม่รู้จบ ยังมีอะไรให้เผชิญอีกหลายอย่าง ทั้งที่ชอบและไม่ชอบ

มองกลับไปวันเกิดคุณพ่อเมื่อสองปีก่อน คุณพ่อยังจำได้ไม่ลืม ตอนที่น้องขึ้นไปกล่าวอวยพรคุณพ่อ และน้องได้พูดตอนท้ายว่า

“ลูกสาวคนนี้จะต้องทำให้คุณพ่อภูมิใจและจะทำให้สำเร็จ คุณพ่อจะไม่ผิดหวังในตัวลูกสาวคนนี้แน่นอน” 

คุณพ่อจำได้ และคอยมองทุกย่างก้าวของน้อง การพัฒนาจากละครเรื่อง ‘เบญจา คีตา ความรัก’ เมื่อปีที่แล้ว ซึ่งถือเสมือนการเริ่มเข้าสู่วงการ เหมือนการแจ้งเกิด ถัดมาถึงเรื่อง ‘อุ่นไอรัก’ เพียงแค่ไม่นาน น้องก็สามารถเรียกได้ว่า เกิดเต็มตัวแล้ว นับเป็นความสามารถ และสะท้อนถึงความตั้งใจในการทำงาน ความทุ่มเทในงาน เหล่านี้เป็นคุณสมบัติที่ดีที่เอาไปใช้ได้ในทุกเรื่องและทุกงาน

พูดถึงเรื่องนี้ต้องไม่ลืมจะบอกว่าน้องต้องเติมเต็มในเรื่องของเวลา ต้องไม่ไปทำงานสาย คนจะเบื่อหน่าย และจะเป็นภาระของเพื่อนร่วมงาน ที่เราต้องรู้จักเกรงใจ คนเราถ้าจะให้เขารักชอบเอ็นดูเรา เราต้องรู้จักทำตัวให้เขาชอบ ให้เขารัก อย่าให้เขาว่าได้

อีกเรื่องที่อดพูดถึงไม่ได้ คือการดูแลสุขภาพ การพักผ่อน ต้องเพียงพอ คุณพ่อเป็นห่วงเรื่องนี้มาก โดยเฉพาะการขับรถ หากเราสามารถย้ายมาอยู่ร่วมกันได้ คุณพ่อก็คงสามารถดูแลน้องได้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นอาหาร การกิน เสื้อผ้า การขับรถ เรื่องงาน (เท่าที่จะช่วยได้ เพราะเรื่องงานพยายามให้ทำด้วยตัวเอง ไม่ก้าวก่าย ยกเว้นแต่จะเอ่ยปากให้ช่วยเรื่องอะไร ก็จะรีบทำให้ด้วยความเต็มใจ)

วันเกิดปีนี้ ขออวยพรให้น้องมีความสุข ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน มีงานเข้ามาเยอะๆ จะได้เลือกงานที่ชอบได้มากขึ้น มีเงินทองรายได้มากขึ้น เพื่อจะได้เป็นทุนการศึกษา และเป็นหลักประกันในชีวิตภายหน้า หากจะไปลงทุนทำธุรกิจอะไร เป็นที่รักของแฟนๆ ทั่วประเทศ

ขอให้ภูมิใจในตัวเอง มีความเชื่อมั่นในตัวเอง (แต่ไม่ใช่เหลิง) ในอายุสิบเก้ายี่สิบปีเท่ากัน น้องทำได้ดีกว่าคุณพ่อมากมาย เป็นอภิชาตบุตร ขอให้พระเจ้าอวยพระพรแก่น้อง ให้น้องเป็นคริสเตียนที่ดี เป็นลูกที่ดีของคุณพ่อและของพระเจ้า ให้น้องอยู่ใกล้ชิดกับพระเจ้ามากกว่านี้ พระเจ้าก็จะให้พรแก่น้องมากยิ่งขึ้น ขอให้น้องสามารถรักษาและพัฒนาสิ่งที่มีอยู่ ทั้งความสามารถในการแสดงและแฟนๆ ที่มีอยู่ทั่วประเทศให้ดีขึ้นและมากขึ้น

สำคัญที่สุดในชีวิตหนึ่ง อย่าลืมทำตัวให้เป็นคนดีของสังคม และหากมีโอกาสได้ทำประโยชน์อะไรให้กับประเทศชาติ จงทำ เพื่อทดแทนบุญคุณของแผ่นดิน

รักลูกเสมอ 
คุณพ่อ

ปีเสือดุ 69 วัน คร่าชีวิต 8 คนบันเทิงไทย !!

8 ม.ค. 65 ศรเพชร ศรสุพรรณ ก้อนเนื้อในกระเพาะอาหาร
12 ม.ค. 65 ไวพจน์ เพชรสุพรรณ ติดเชื้อในกระแสเลือด
16 ม.ค. 65 ไมเคิล พูพาร์ต ยิงตัวเองเสียชีวิต
15 ก.พ. 65 พ่อใหญ่จิ๋ว สภาโจ๊ก มะเร็งลำไส้
19 ก.พ. 65 ธรรมรัตน์ นาคสุริยะ โควิด-19
20 ก.พ. 65 เศรษฐา ศิระฉายา มะเร็งปอด
24 ก.พ. 65 แตงโม นิดา พัชรวีระพงษ์ พลัดตกแม่น้ำเจ้าพระยา
10 มี.ค. 65 สรพงศ์ ชาตรี  มะเร็งปอด

หมายเหตุ: เฉลี่ย 9 วัน 1 คน

ไทม์ไลน์ ปรับโควิด-19 เป็น โรคประจำถิ่น

ที่ประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ เมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2565 ได้มีมติเห็นชอบมาตรการรองรับการเปลี่ยนผ่านโรคโควิด-19 สู่โรคประจำถิ่น โดยได้แบ่งระยะการดำเนินการเป็น 4 ระยะด้วยกัน ดังนี้

•ระยะที่ 1 เป็นระยะขาขึ้น คือระยะที่จะมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น (12 มี.ค.-ต้น เม.ย.) เรียกว่า Combatting ต้องออกแรงกดตัวเลขไม่ให้สูงกว่านี้ เป็นระยะต่อสู้ เพื่อลดการระบาด ลดความรุนแรงลง จะมีมาตรการต่าง ๆ ออกไป การดำเนินการให้กักตัวลดลง

'ผู้ช่วยฯ รมว.แรงงาน' เปิดอบรมเสริมสร้างการรับรู้ให้กับนายจ้าง สถานประกอบการ แรงงานต่างด้าวและองค์กรภาคีเครือข่าย จังหวัดชลบุรี

วันที่ 11 มีนาคม 2565 เวลา 09.00 น.นายสุรชัย ชัยตระกูลทอง ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงแรงงาน เปิดการอบรม “เสริมสร้างการรับรู้ให้กับนายจ้าง สถานประกอบการ แรงงานต่างด้าวและองค์กรภาคีเครือข่าย จังหวัดชลบุรี ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565” เพื่อให้นายจ้าง สถานประกอบการแรงงานต่างด้าว และองค์กรภาคีเครือข่าย ประชาชนทั่วไป ตลอดจนผู้ที่สนใจ ได้รับทราบข้อมูลขั้นตอน และแนวทางการดำเนินงาน ตามนโยบายของรัฐบาล

โดยเน้นแนวทางการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว การนำคนต่างด้าวเข้าทำงานภายใต้บันทึกความเข้าใจ ว่าด้วยความร่วมมือด้านการจ้างงานระหว่างประเทศ (MOU) ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ตลอดจนโทษที่จะได้รับจากการฝ่าฝืนกฎหมาย รวมทั้งการปฏิบัติต่อแรงงานต่างด้าว ตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องได้อย่างถูกต้องโดยได้รับเกียรติจากในภาคส่วนต่างๆ ณ โรงแรมโนโวเทล มารีนา ศรีราชา แอนด์ เกาะสีชัง

ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า ตามนโยบายของรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และนายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ที่ดูแลในเรื่องการป้องกันและแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์โดยตรง เพื่อยกระดับเทียร์ให้สูงขึ้น ทำให้ประเทศได้รับความไว้วางใจจากทั่วโลก จากการที่เศรษฐกิจในภาคอุตสาหกรรม และภาคการเกษตรของประเทศ ได้มีการขยายตัวอย่างรวดเร็ว และส่งผลกระทบต่อปัญหาด้านแรงงานภายในประเทศที่มีอยู่อย่างจำกัด ดังนั้นภาครัฐ ภาคเอกชนหรือภาคธุรกิจ จะต้องให้ความสำคัญกับการบริหารแรงงานต่างด้าวเป็นอย่างยิ่ง 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top