Tuesday, 24 June 2025
Hard News Team

'หมอยง' ชี้!! โควิดเปรียบดังโรคทางเดินหายใจโรคหนึ่ง อย่ารังเกียจ 'ผู้ป่วย-ติดเชื้อ' จงอยู่ด้วยกันกับโรคนี้ให้ได้

ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยา คลินิกภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กส่วนตัว “Yong Poovorawan” ถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิดในไทยว่า โควิด 19 ความคิดเกี่ยวกับโรคโควิด 19 เปลี่ยนตามสถานการณ์

ต้องยอมรับว่าในปีแรก 2563 ที่เกิดการระบาดของโรคโควิด 19 โรคมีความรุนแรง อัตราเสียชีวิต สูง 3 ถึง 5 เปอร์เซ็นต์

ทุกคนรอความหวังที่จะป้องกันด้วย “วัคซีน”

ปีต่อมา 2564 มีวัคซีน แต่พบว่าวัคซีนไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อได้ ยังคงพบการระบาดอย่างมาก ประสิทธิภาพของวัคซีนเหมือนกับวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ที่ไม่สามารถจะกำจัดหรือลดการระบาดลง ในแต่ละปีประสิทธิภาพแตกต่างกันตามสายพันธุ์

การให้วัคซีน 3 เข็ม 4 เข็ม หรือแม้กระทั่งติดเชื้อแล้วก็ยังติดเชื้อซ้ำได้อีก แต่อาการความรุนแรง “ลดลง”

ในปีนี้ 2565 โรคยังคงระบาดอย่างมาก ความรุนแรงลดน้อยลง อัตราการเสียชีวิตลดลง จากที่เคยสูง 1-2 % ลดลงมา เหลือ 1-2 ในพัน (0.1 - 0.2 %) ของผู้ติดเชื้อ (รวม ATK) ส่วนใหญ่เป็นในกลุ่มผู้เปราะบาง หรือ 608 ไม่ได้รับวัคซีน หรือ ได้รับวัคซีนไม่ครบ

โดยทั่วไปผู้ที่มีร่างกายแข็งแรง และ ได้รับวัคซีนแล้ว ติดเชื้อได้ ความรุนแรงของโรคจะลดลง แต่ก็ยังสามารถแพร่กระจายโรคได้ ในเด็กปกติโรคมีความรุนแรงน้อยกว่า ยกเว้น เด็กทารก และเด็กที่มีโรคประจําตัว ในเด็กทารกถ้ามารดาได้รับวัคซีนขณะตั้งครรภ์ ภูมิต้านทานก็น่าจะส่งต่อมาปกป้องลูกน้อยในเดือนแรกๆ ได้

เราต้องเปลี่ยนแนวคิดใหม่ ในการอยู่กับโรคนี้ให้ได้ พบผู้ป่วยผู้ติดเชื้อรอบตัวเรา รวมทั้งคนใกล้ชิด มีให้เห็นมากมาย ต่อไปวัคซีนพาสปอร์ต ที่จะต้องฉีด 2 เข็ม 3 เข็มก็จะมีความหมายน้อยลง การสืบสวนโรค ว่าติดจากใคร ทำได้ยาก และปัจจุบันแทบไม่ต้องถาม timeline กันอีกต่อไปแล้ว

เราไม่ควรรังเกียจคนที่เป็น และต้องยอมรับ เปรียบเสมือนเป็นโรคทางเดินหายใจโรคหนึ่ง ไม่แสดงความรังเกียจผู้ป่วย เราจะต้องอยู่ด้วยกันกับโรคนี้

‘อดีตบิ๊กข่าวกรองฯ’ ชำแหละ!! ธาตุแท้นักการเมืองเลว มักเอาผลประโยชน์ชาติไปแลกผลลัพธ์ส่วนตัวเสมอ

นายนันทิวัฒน์ สามารถ อดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กระบุว่า... 

อย่าให้ถูกหลอก

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในยูเครน สอนให้เรารู้ว่า นักการเมืองเลวๆ มีทุกชาติ เพื่อให้ตัวเองอยู่ในอำนาจพร้อมเอาชีวิตคนในชาติเสี่ยงเจ็บตายอย่างไม่แยแส

นักการเมืองกลุ่มนี้เหมือนกันหมด ปั้นน้ำเป็นตัว ชอบดราม่า โปรตะวันตก เอาผลประโยชน์ประเทศไปแลกผลประโยชน์ส่วนตัว

คนกลุ่มนี้ "ปากประชาธิปไตยใจเผด็จการ" รวบอำนาจ ทำลายฝ่ายค้านหรือให้มีนักการเมืองฝ่ายค้านน้อยที่สุด ทำลายทุกคนที่ไม่ร่วมมือเพื่อความสะดวกในการคอร์รัปชัน

ย้อนคำทำนาย 'บาบา แวงกา' นอสตราดามุสแห่งบอลข่าน ทักไว้ก่อนตาย 'ปูติน - รัสเซีย' จะเป็นเจ้าโลก 

สื่ออังกฤษหลายเจ้ารายงานว่า บาบา แวงกา (Baba Vanga) หมอดูตาบอดชื่อดังเจ้าของฉายา “นอสตราดามุสแห่งบอลข่าน” เคยทำนายทายทักไว้ก่อนเสียชีวิตว่า ประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน และรัสเซียจะเป็นเจ้าโลก

แม่เฒ่าแวงกาที่เสียชีวิตขณะอายุ 84 ปีเมื่อปี 1996 หรือเมื่อ 25 ปีก่อนเผยระหว่างการพูดพบปะพูดคุยกับ วาเลนติน ซิโดรอฟ (Valentin Sidorov) นักเขียนชื่อดังเมื่อปี 1979 ว่า “ทั้งหมดจะละลาย เหมือนกับน้ำแข็ง มีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้นที่ไม่มีใครแตะต้องได้ ความรุ่งเรืองของวลาดิมีร์ ความรุ่งเรืองของรัสเซีย คนจำนวนมากจะตกเป็นเหยื่อ ไม่มีใครหยุดรัสเซียได้ ทั้งหมดจะถูกกำจัดให้พ้นทางโดยเธอ และไม่เพียงแต่จะยังคงอยู่เท่านั้น แต่จะกลายเป็นเจ้าโลก”

หมอดูตาบอดรายนี้เคยทำนายไว้ในอดีตว่าจะเกิดเหตุการณ์สำคัญๆ และก็เป็นจริงตามนั้นหลายครั้ง อาทิ เหตุการณ์ 11 ก.ย. 2001 การเสียชีวิตของเจ้าหญิงไดอานา หายนะนิวเคลียร์เชอร์โนบิล และ Covid-19

แม่เฒ่าแวงกาเริ่มมีชื่อเสียงหลังจากคำทำนายว่าเรือดำน้ำพลังนิวเคลียร์คูรสก์ของรัสเซียจะจมในปี 2000 โดยบอกว่า เดือน ส.ค. 1999 “คูรสก์จะถูกปกคลุมไปด้วยน้ำและทั้งโลกจะร้องไห้เสียใจกับมัน”

ปรากฏว่าเรือดำน้ำลำดังกล่าวจมในอีก 12 เดือนต่อมาหลังจากวันที่ที่แวงกาทำนายไว้โดยลูกเรือเสียชีวิตทั้งหมด

ปี 1989 แม่เฒ่าแวงกาบอกว่า “น่ากลัว น่ากลัว พี่น้องชาวอเมริกันจะล้มลงหลังถูกนกเหล็กโจมตี หมาป่าจะหอนอยู่ในพุ่มไม้ และเลือดผู้บริสุทธิ์จะหลั่งไหล”

ซึ่งในเวลาต่อมาก็เกิดเหตุการณ์เครื่องบิน 2 ลำพุ่งชนตึกแฝดเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ในนิวยอร์กเมื่อวันที่ 11 ก.ย. 2001 จนมีผู้เสียชีวิตมากมาย

ผู้เชี่ยวชาญที่ศึกษาการทำนายของเธอบอกว่าความแม่นยำของแม่หมอแวงกาอยู่ที่ 68% ส่วนลูกศิษย์ลูกหาของเธอบอกว่าเธอทายถูกถึง 85%

'ดร.สันต์' เตือน หากคุมโควิดไม่ได้คนไทยอาจติดเชื้อถึง 70% แต่จะเกิดภูมิคุ้มกันหมู่แบบอินเดียช่วงเดือน 'ก.ค. - ส.ค.'

'ดร.สันต์' เตือนถ้าควบคุมโควิดไม่ได้จะติดเชื้อถึง 70% ของประชากรและเกิด ภูมิคุ้มกันหมู่แบบอินเดีย ในช่วงเดือน ก.ค. - ส.ค. ต้องสู้แบบเจ็บๆ อีกนานกว่าจะจบ

1 เม.ย. 65 ดร.สันต์ ศรีอรรฆ์ธำรง อาจารย์พิเศษคณะบริหารการพัฒนาสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก เรื่อง Covid-19: Wave#5 Omicron เดินหน้าสู่สงกรานต์ เตรียมพร้อมรับ India Model สู้แบบเจ็บๆ อีกนานกว่าจะจบ มีเนื้อหาดังนี้

เวลาผ่านไป 3 เดือนใน Wave#5 ของ Omicron คำถามในใจผู้คนมากมาย

1.) ไหนว่าจะขาลงมา 2 รอบแล้ว แต่ทำไมยังไม่ถึง Peak สักที
2.) ติดเชื้อกันจริงๆ วันละเท่าไหร่ คนรอบตัวติดเชื้อกันมากมายต่อเนื่อง
3.) เมื่อไหร่จะจบสักที จะเข้าโรคประจำถิ่นเมื่อไหร่
4.) ทำอย่างไรถึงจะรอด

ผมมีคำตอบครับ จากการคำนวณและประมาณการณ์

สรุปสถานการณ์ที่ผ่านมา และกำลังเป็นไป: Past & Present

1.) Wave#5 เป็นขาขึ้นตลอดตั้งแต่ 1 ม.ค. แต่ตรวจ RT-PCR น้อย ตัวเลขเลยขึ้นไม่สุด เห็นไม่ครบ ควบคุมโรคไม่ได้ หางเวฟจึงยาวมากๆ ไม่จบจนบัดนี้

2.) ATK เริ่มตรวจลดลงไปมาก ตัวเลขรวมที่เคยขึ้น ก็กลับมาทรงตัว แต่ไม่ลงต่อ ทั้งๆ ที่สถานการณ์ยังเป็นขาขึ้นต่อเนื่อง

3.) ชลบุรีขยันตรวจมาก จังหวัดเดียวเจอรวม PCR+ATK วันละเกือบ 10,000 แล้ว ถ้าขยันแบบนี้ทุกจังหวัด ตัวเลขทั่วประเทศน่าจะข้ามแสนไปแล้ว

4.) คนที่ตรวจไม่เจอ ไม่ยอมตรวจ จะเป็นมดงานแพร่เชื้อไปเรื่อยๆ ทำให้ประเทศไทยค่อยๆ เดินหน้าเข้าสู่ India Model แบบ Herd Immunity ที่จบแบบต้องสังเวยชีวิต หลายประเทศเป็นแบบนี้

โฆษกรัฐบาล เผย เริ่มแล้ว 1 เม.ย. ยกเลิก RT-PCR ก่อนเข้าประเทศ 72 ชม. เผย "นายกฯ" กำชับทุกฝ่าย ปฏิบัติมาตรการสาธารณสุขเคร่งครัด "การ์ดอย่าตก"  

เมื่อวันที่ 1 เม.ย. นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จากมติศบค. ล่าสุด ได้มีการปรับมาตรการป้องกันโรคสำหรับผู้ที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทย ประเภท Test & Go , Sandbox และ  Alternative Quarantine นั้น ให้ยกเลิกการตรวจ RT-PCR 72 ชั่วโมง ก่อนเดินทางเข้าประเทศทั้งสามกลุ่ม ลดระยะเวลาของการเดินทางเข้าไทยในรูปแบบ Sandbox เหลือ 5 วัน พร้อมปรับรูปแบบการตรวจหาเชื้อเมื่อมาถึงประเทศไทยและระหว่างพำนักในประเทศ กรณี Test & Go, Sandbox ต้องได้รับการตรวจ RT-PCR ในวันแรกเมื่อเดินทางมาถึงประเทศไทย และจากนั้นทำการตรวจ Self-ATK อีกครั้งในวันที่ 5 ในกรณี Quarantine ต้องตรวจ RT-PCR ในวันแรก และตรวจ RT-PCR ในวันที่ 4-5 ก่อนออกจากสถานที่กักตัว รวมทั้งการปรับลดการกักตัวเหลือ 5 วัน จากเดิม 7 วัน สำหรับนักเดินทางที่มาแบบ Sandbox และ Quarantine เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน นี้   

นายธนกร กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์  จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กำชับให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมความพร้อมรองรับนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้าประเทศภายใต้มาตรการสาธารณสุขที่มีความเข้มงวด ตามแนวทาง Covid Free Setting พร้อมฝากเตือนพี่น้องประชาชนให้ดูแลตนเองขั้นสูงสุด อย่าการ์ดตก ปฏิบัติตัวเองตามมาตรการต่าง ๆ อย่างเคร่งครัด ซึ่งจะสามารถควบคุม ป้องกัน และชะลอการระบาดของโรคได้ โดยการผ่อนคลายมาตรการเข้าประเทศครั้งนี้ เป็นส่วนหนึ่งเพื่อดึงดูด นักท่องเที่ยวต่างประเทศเข้ามาในประเทศ กระตุ้นเศรษฐกิจ ภายใต้มาตรการสาธารณสุขที่รัดกุมขั้นสูงสุด 

'เซเลนสกี้' เดือด!! ตะเพิดจนท.ระดับสูง 'ขายชาติ' ชี้!! พวกเขาทั้งหมดจะถูกลงโทษทีละน้อย

31 มี.ค. 65 ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน ได้ตะเพิดเจ้าหน้าที่ระดับสูง 2 นายในข้อหาทรยศชาติ พร้อมยอมรับสถานการณ์ในทางภาคใต้และภูมิภาคดอนบาสยังคงยากลำบากอย่างมาก และเน้นย้ำรัสเซียกำลังเสริมทหารใกล้เมืองมาริอูโปลที่ถูกปิดล้อม ขณะเดียวกันมอสโกได้ถอนทหารพ้นโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์เชอร์โนบิล แต่ได้เอาทหารยูเครนไปเป็นตัวประกันด้วย

เซเลนสกี กล่าวว่า พวกรัสเซียชั่วร้ายมาก และมุ่งมั่นทำลายล้างราวกับว่าพวกเขามาจากโลกอื่น

"อสุรกายผู้เผาและปล้นสะดม อสุรกายผู้โจมตีและจงใจฆ่า"

ขณะที่รัสเซีย บอกว่า พวกเขากำลังปฏิบัติการพิเศษด้านการทหารเพื่อปลดอาวุธและทำลายนาซีในประเทศเพื่อนบ้าน พร้อมทั้งปฏิเสธคำกล่าวหาของเคียฟว่ากองกำลังรัสเซียเล็งเป้าหมายเล่นงานพลเรือน

เซเลนสกี เผยอีกว่า กองกำลังยูเครนผลักดันทหารรัสเซียล่าถอยจากเคียฟและเชอร์นิฮิฟ 2 เมืองที่มอสโกประกาศว่าจะมุ่งเน้นโจมตีอีกต่อไป เนื่องจากพวกเขาจะหันไปคุ้มกันดอนบาส ซึ่งประกอบด้วยสาธารณรัฐโดเนตสก์ และสาธารณรัฐลูฮันสก์

"จะมีการสู้รบรออยู่เบื้องหลัง เรายังคงจำเป็นต้องลุยฝ่าเส้นทางที่ยุ่งยากเพื่อให้เราได้ทุกสิ่งที่เราต้องการ" เขากล่าว "สถานการณ์ในทางภาคใต้และในดอนบาส ยังคงยากลำบากอย่างมาก"

'จีน' ออกมาตรการเข้มงวด 'วีซ่า' แก่เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ตอบโต้หลังสหรัฐฯ เข้มงวดวีซ่าต่อเจ้าหน้าที่จีน

จีนประกาศมาตรการเข้มงวดวีซ่าของเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ เพื่อปกป้องอธิปไตยและผลประโยชน์ของประชาชนชาวจีน หลังถูกสหรัฐฯ เข้มงวดวีซ่าของเจ้าหน้าที่จีนบางคนก่อน

ทางการจีนตัดสินใจบังคับใช้มาตรการเข้มงวดเรื่องวีซ่าของเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ เพื่อตอบโต้กรณีสหรัฐฯ สั่งเข้มงวดวีซ่าของเจ้าหน้าที่จีนบางคนก่อนหน้านี้

หวัง เหวินปิน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีน แถลงว่า รัฐบาลจีน ตัดสินใจบังคับใช้มาตรการเข้มงวดวีซ่าด้วยเช่นกัน เพื่อรักษาปกป้องอธิปไตย และผลประโยชน์ด้านความมั่นคง และ การพัฒนา ปกป้องสิทธิ์อันชอบธรรม และ ผลประโยชน์ของประชาชนชาวจีน

'นายกฯ' ปลื้ม รถไฟขนส่งทุเรียน-มะพร้าว เที่ยวปฐมฤกษ์ ถึงจีนแล้ว กำชับ ทุกหน่วยงาน ผลักดันเพิ่มการส่งออกสินค้าทางการเกษตรไทย-อำนวยความสะดวกแก่ผู้ประกอบการ รองรับการขยายตัว ด้านการส่งออก

เมื่อวันที่ 1 เม.ย. นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแล วางแผนปฏิบัติการดำเนินงานให้รถไฟนำร่องส่งออกสินค้าทางการเกษตร อาทิ ทุเรียน มะพร้าว ได้ขนส่งไปยังประเทศจีนผ่านเส้นทางรถไฟจีน-ลาว ประสบความสำเร็จด้วยดีให้ทันช่วงเวลาในฤดูกาลที่ผลไม้เมืองร้อนเริ่มทยอยออกผลผลิต ความสำเร็จจากรถไฟขนส่งทุเรียน-มะพร้าว เที่ยวปฐมฤกษ์ที่เดินทางถึงจีนแล้ว เมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2565 ถือเป็นก้าวสำคัญในการขนส่งสินค้าระบบรางทางเลือกใหม่ของไทยที่สามารถย่นระยะเวลาการเดินทาง ลดการสัมผัสเชื้อโรค ลดต้นทุนในการขนส่ง รวมถึงเพิ่มโอกาสและมูลค่าผลผลิตให้เกษตรกรในการขยายตลาดผู้บริโภค โดยหวังให้เกิดการระบายสินค้าในประเทศออกสู่ตลาดได้สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้นเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาผลไม้ล้นตลาดในประเทศไทยและเร่งสร้างมูลค่าการส่งออกให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น 

นายธนกร กล่าวว่า จากสถิติของกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศพบว่า สินค้าประเภทผลไม้ของไทยครองส่วนแบ่งทางการตลาดในจีนสูงเป็นอันดับ 1 โดยมูลค่าการส่งออก 2 ปีที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากในปี 2563 ที่มูลค่าการส่งออกกว่า 1.02 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นเป็น 1.6 แสนล้านบาทในปี 2564 ซึ่งรัฐบาลเล็งเห็นถึงศักยภาพของผลไม้ไทย อาทิ ทุเรียน มังคุด มะพร้าว ส้มโอ หรือมะม่วง ที่ยังคงได้รับความนิยมในกลุ่มผู้บริโภคชาวจีนอย่างต่อเนื่อง จึงเร่งหาแนวทางเพิ่มเติมในการผลักดันสินค้าทางการเกษตรไทยออกสู่ตลาดจีนในช่วงฤดูกาลผลผลิตนี้เพื่อรองรับอุปทานส่วนเกินจากผู้บริโภคในประเทศไทยและอุปสงค์จากผู้บริโภคต่างประเทศที่เพิ่มสูงขึ้น โดยประเทศไทยประสบความสำเร็จในการขนส่งทุเรียนและมะพร้าวด้วยเส้นทางรถไฟจีน-ลาวเที่ยวแรกจำนวน 3 ตู้คอนเทนเนอร์ ซึ่งเดินทางออกจากสถานีต้นทางมาบตาพุด จ.ระยอง เมื่อวันที่ 26 มีนาคมที่ผ่านมา ไปยังสถานีหนองคาย ก่อนส่งต่อไปยังสถานีท่านาแล้ง สปป.ลาว และถึงปลายทายด่านโมฮาน มณฑลยูนนาน ประเทศจีนแล้วเมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2565 และผ่านมาตรการตรวจสอบสินค้าตามนโยบายโควิดเป็นศูนย์ (Zero Covid) ของรัฐบาลจีนอย่างเคร่งครัด

นายธนกร กล่าวว่า การขนส่งสินค้าระบบรางผ่านเส้นทางรถไฟจีน-ลาวครั้งนี้ใช้เวลาเดินทางเพียง 4-5 วัน เนื่องจากมีระยะทางที่สั้นกว่าการขนส่งผ่านรถบรรทุกและเรือ ทั้งนี้ ด่านโมฮานนี้ยังเป็นแหล่งตรวจรถบรรทุกที่ยังมีการใช้บริการที่ไม่มากเพียง 200 คันต่อวันเท่านั้น ซึ่งถือเป็นเส้นทางใหม่ที่เหมาะแก่การระบายสินค้าจากไทยได้รวดเร็วกว่าในเส้นทางอื่นที่ยังติดขัดในเรื่องระยะทาง และมาตรการการตรวจสอบสินค้าที่ใช้เวลา ส่งผลให้การขนส่งล่าช้า ซึ่งอาจทำให้ผลไม้เน่าเสียกลางทางได้ 

สวนนงนุชพัทยา ร่วมกับ บริษัทปรีชา กรุ๊ป  ลงนามบันทึกข้อตกลง ( MOU) ความร่วมมือในการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ควบคู่การดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม ธรรมชาติเพื่อความยั่งยืน

วัน ที่ 31 มีนาคม 2565 เวลา11.00 น. ที่   ห้องรับรองนงนุชเทดดิชั่น เซ็นเตอร์    สวนนงนุชพัทยา ได้มีพิธีลงนามบันทึกข้อตกลง ( MOU ) ความร่วมมือในการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ควบคู่การดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม ธรรมชาติเพื่อความยั่งยืน  โดยมีนายฐนนท์ศรณ์  เลิศฤทธิ์ศิริกุล  กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทปรีชา กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) และนายกัมพล  ตันสัจจา ประธาน บริษัท นงนุชแลนด์สเคป แอนด์ การ์เด้นท์ ดีไซน์ จำกัด  ร่วมลงนามจัดทำโครงการดังกล่าว
นายกัมพล  ตันสัจจา  ประธาน บริษัท นงนุชแลนด์สเคป แอนด์ การ์เด้นท์ ดีไซน์ จำกัด  กล่าวว่า   ในการออกแบบตกแต่งสวนในโครงการ “New Project 2022   ปรีชา เขาใหญ่ – ปากช่อง”   จะเน้นให้เป็นสวนพักผ่อน  ด้วยการเลือกพรรณไม้ที่มีรูปทรงสวยงาม ดูแลง่าย แต่ให้ประโยชน์ใช้สอยสูงสุด รวมถึงเป็นพรรณไม้ที่ทรงคุณค่า  สง่างาม เหมาะสมกับสถานที่ เน้นความสวยงามในทุกมุมมอง

งานสุดหิน!! ฉลองกรุงเทพ​ 200​ ปี เมื่อต้องย้ายตลาดนัดสนามหลวงไปที่​ 'จตุจักร'​ แต่คลี่คลายได้เพราะ​ 'พลเอกเปรมฯ'​

งานหนึ่งที่ยากที่สุดของการเตรียมงานฉลองกรุงเทพ​ 200​ ปี​ เมื่อปี​ พ.ศ.​ 2525 คือ​ การย้ายตลาดนัดสนามหลวงไปที่จตุจักร

มันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย!! 

เพราะเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์และความผูกพันของผู้คนจำนวนมาก


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top