Saturday, 7 June 2025
แจ็ค รัสเซล

คนรัก 'ชาติ-ศาสน์-กษัตริย์' ส้มจะขนานนามว่า 'สลิ่ม' คนรักพ่อแม่-เคารพครู ส้มก็จะว่าเป็นพวก 'ดัดจริต'

สังคมไทยเดินไปสู่ 'จุดเปลี่ยนครั้งสำคัญ' ก็ในวันที่มี 'พรรคการเมืองล้มสถาบัน' โผล่เข้ามาก่อความวุ่นวายให้กับบ้านเมืองเรา ใครที่ปากบอกรักชาติ รักสถาบัน หรือมีศาสนาให้ยึดเหนี่ยว เข้าวัด เข้าวา กราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ก็จะถูก 'พวกไร้ราก' เรียกขานเราว่าเป็น 'สลิ่ม' 

'สลิ่ม' ที่แสนจะโง่เขลา ยอมเป็นเถ้าธุลีที่กระจายอยู่ใต้ตีนสถาบันเบื้องสูงที่ 'คนสีส้ม' เกลียดชัง 

สังคมไทยได้เดินมาถึงวันที่มีกลุ่มคนรุ่นใหม่จำนวนไม่น้อย และคนรุ่นเก่าที่เบาหวิวทางสามัญสำนึก ต้องการหาที่ยืนด้วยการหลงลืมรากเหง้าและโอกาสที่ได้เกิด อยู่ เติบโตมาบนผืนแผ่นดินไทย เสาะแสวงหาแต่สิ่งใหม่ แต่ขาดการพิจารณาไตร่ตรองว่าที่ชูคอคิดจะล้มร่มเงาของชาติอยู่นั้น มีดีอย่างไรถึงคิดไกลจะอาจเอื้อมทำลายสิ่งที่ทำให้ 'ไทยเป็นไทย' ล้มหายไปจากแผ่นดินทอง

มันก็แค่แก๊งเด็กที่ยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม ไม่มีความกตัญญูต่อสถาบัน มองไม่เห็นถึงความปลอดภัยที่คนไทยสักคนได้รับจากการได้ชื่อว่ามีสถาบันพระมหากษัตริย์คอยปกป้องดูแล และเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของคนไทยทั้งชาติ

ทุกวันนี้ ใครที่บอกรักพ่อ รักแม่ แสดงความเคารพครูบาอาจารย์ ยังถูกพวก 'เดนมนุษย์' เหล่านี้ เหน็บกัดว่าเป็นพวก 'ดัดจริต' เรียกว่าทำอะไรที่แสดงออกถึงความรัก ความซื่อสัตย์ การยกย่องยินดีต่อผู้มีพระคุณ จะต้องถูก 'มนุษย์สายพันธุ์อกตัญญู' กัดเซาะ เยาะหยันเป็นทุกที 

ไม่ผิด เรากำลังอยู่ในประเทศไทยที่ไม่มีอะไรเหมือนเดิมแล้ว นานหลายปีแล้ว แต่ที่เหล่าคนโฉดเหล่านี้ยังรบไม่ชนะ นั่นเพราะเรายังมีประชาชนที่ 'คิดเป็น' อาศัยอยู่มากมายในแผ่นดินชาติของเรา 

รักกันไว้ให้มากเพื่อนเอ๋ย เรากำลังสู้อยู่กับพวกไร้ราก ไม่รู้จักคำว่าบุญคุณของชาติ และไม่รู้แม้กระทั่ง 'แกรนด์สปอร์ต' เป็นแบรนด์ของคนไทยมานานเกิน 60 ปี 

ถ้าวันข้างหน้าคนขี้หมาแบบนี้ใหญ่โตได้ในบ้านเรา เราจะมีเรื่องให้อับอายชาวโลกไม่เว้นวัน 

เมื่อ 'แก๊งสามกีบ' ถูกหลอก ติดคุกฟรี พรรค 'ซุกกระโปรงเด็ก' โดนคดี ติดคุกยาว

สังคมไทยในห้วงเวลานี้มีแต่ข่าว 'คนหลอกคน' ไม่จบไม่สิ้น ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมามีทั้งข่าวอดีตดาราสาวใหญ่ยืมเงินนางแบบแล้วไม่คืน จนลูกหนี้ออกมาทวงผ่านสื่อพร้อมทนายฝีมือเก๋า เมื่อเรื่องดังทำให้ผู้เสียหายในทำนองเดียวกันรายอื่น ๆ ปรากฏตัวอีกเพียบ และข่าวประธานมูลนิธิช่วยเหลือสังคมพัวพันการขาย 'วุฒิการศึกษา' เมื่อเรื่องดังอีกเช่นกัน เรื่องฉาว ๆ ที่เคยปกปิดไว้ จึงถูกเปิดเผยจากคนวงใน กลายเป็นข่าวดังชั่วข้ามคืน เปลือยให้เห็น 'สันดานดิบ' ของ 'คนดัง' ได้เป็นอย่างดี

ภาพสวย ๆ ที่เราเห็นในจอ ฉากหลังอาจจะไม่จริงเสมอไป

แต่ทั้ง 2 ข่าวก็แค่เป็นการ 'หลอกต้มผู้ใหญ่' ในเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ ซึ่งจะเทียบไม่ได้เลยกับ 'การหลอกต้มเด็ก' ให้ไปติดคุก หรือต้องหนีคดี จนต้องหมดอนาคต กลายเป็นคนมีตำหนิติดตัวไปตลอดชีวิต 

อาชีพ 'คนต้มคน', 'นักต้มตุ๋น' หรือ 'จอมลวงโลก' ย่อมไม่ใช่คนดี แม้จะมีตรรกะพิสดารมาอวดอ้างในการกระทำของตนเองให้ดูว่าถูกต้อง แต่ก็ยากที่สังคมจะให้ราคา หรือไว้เนื้อเชื่อใจอีกต่อไป 

'เด็กสามนิ้ว' หรือ 'แก๊งสามกีบ' หลายคนถูกหลอกจากกลุ่มคนที่อวดอ้างว่าเป็น 'นักการเมืองรุ่นใหม่' คอยยุยง ปลุกปั่น ยกยอ สร้างภาพลวง ๆ หลอกเด็กใจถึงที่ยังคิดไม่เป็น และรู้ไม่เท่าทันเหลี่ยมเล่ห์ของ 'คนใจบาป' ให้เดินหน้ากระทำผิดกฎหมาย 112 เพื่อสั่นสะเทือนไปถึงสถาบันเบื้องสูงตาม 'เกมเนรคุณชาติ' ที่ตนเองวางแผนไว้ 

ถึงวันนี้ ทั้ง 'เด็กสามนิ้ว' ที่ถูกหลอกใช้ โดนคดี 112 จนติดคุกฟรีหลายคน ฝ่ายที่ 'ชักใยนรก' คอย 'ซุกกระโปรงเด็ก' อยู่ในที่ต่ำ ๆ ลับ ๆ มืด ๆ ก็กำลังจะเกมโอเวอร์บนศาลไม่น้อย 

บาปกรรมใดก็ไม่หนักหนาเท่ากรรมที่มาจากการหลอก 'ทำลายชีวิต' ผู้คน ให้ต้องติดคุกติดตะราง นั่นเพราะไม่ต่างจากการ 'ตายทั้งเป็น' ผลที่ตามมาก็มักจะจบลงในแบบเดียวกัน 

คนไทยที่คิดร้ายต่อสถาบัน ยังไม่พบว่าอยู่แบบสบายดีจนแก่ตาย 

จาก 24 มิถุนายน 2475 ถึง 24 มิถุนายน 2567 ตลกร้าย 92 ปี ที่ 'โจรห้าร้อย' บางคนสร้างไว้

คนทั่วไปที่ไม่จำเป็นต้องมีการศึกษาสูง ก็คงจะแปลความหมายของคนที่เป็น 'โจรห้าร้อย' กับ 'นักปฏิวัติ' ได้ง่าย ๆ ด้วยความหมายของคนสองประเภทนี้แตกต่างกันราวฟ้ากับเหว 

'นักปฏิวัติ' คือ คนที่จะลงมือสร้างความเปลี่ยนแปลงจากแบบหนึ่งไปเป็นอีกแบบตามความเชื่อของตนเองที่คิดว่าจะดีกว่า เช่น การปฏิวัติระบอบการปกครอง เพื่อยกเลิกระบอบเดิมไปใช้ระบอบใหม่ 

สำหรับประเทศไทย เกิดการปฏิวัติทางการเมืองขึ้นเพียงครั้งเดียวนั่นคือ ‘การปฏิวัติสยาม’ โดยเกิดขึ้นในวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2475 ซึ่งถือเป็นการปฏิวัติการปกครองโดยเปลี่ยนระบอบการปกครองจากสมบูรณาญาสิทธิราชย์ กลายเป็นระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขแทน 

อย่างไรเสีย ตามความเชื่อของนักปฏิวัติแต่ละยุคสมัย จะถูกหรือผิด? จะทำสำเร็จตามเป้าหมายหรือไม่? นักปฏิวัติที่ดีจริงก็จะไม่มีทางมีพฤติกรรมเช่น 'โจรห้าร้อย' ยกเว้นจะอาศัยการปฏิวัติเป็นฉากหน้า แต่พฤติกรรมลับ ๆ ต่ำ ๆ อันแสนจะไร้เกียรติที่ซ่อนเนียน ๆ อยู่ฉากหลังคือ 'ความโลภ' การกระหายในทรัพย์สินเงินทอง เพชรนิลจินดา รวมถึงที่ดินของบุคคลอื่น

'โจรห้าร้อย' จะมีแต่ความตะกละตะกลาม ทะเยอทะยาน มักใหญ่ใฝ่สูง มองหาแต่ความมั่งคั่งร่ำรวยจากการปล้นสมบัติของคนอื่นมาเป็นของตน 

นานถึง 92 ปีแล้ว ที่เราต่างเข้าใจกันดีว่าประเทศไทยของเราถูก 'นักปฏิวัติ' กลุ่มหนึ่งร่วมมือกันสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับระบอบการปกครองของไทยมาจนถึงปัจจุบัน และแน่นอนว่าเหตุการณ์ดังกล่าวได้แบ่งแยกผู้คนออกเป็นสองฝั่งตลอดมา ทั้งฝั่งที่เห็นดีงามกับนักปฏิวัติ กับอีกฝั่งที่คิดว่าเป็นการกระทำที่ไม่น่าให้อภัย 

แต่สิ่งที่สามารถสรุปได้ในทันทีก็คือ คนเรา ถ้าคิดว่าสิ่งที่เป็นอยู่มันไม่ดี และเราอยากรื้อถอนทำลาย เราก็ต้องทำเป็นให้เห็นว่า 'เราดีกว่า' โดยมิให้สังคมกังขาว่าเรานั้นดีจริงหรือไม่? แต่เท่าที่เห็นเป็นหลักฐานชัดที่สุดก็คือ การแฝงเป็นโจร เพื่อปล้นเอาทรัพย์สินที่ไม่ใช่ของเราใส่กระเป๋าของตัวเองเสียมากกว่า  

92 ปี แม้บางคน อาจจะคิดว่ามาจากน้ำมือของนักปฏิวัติที่คิดดีเพื่อชาติ แต่สำหรับคนจำนวนไม่น้อย มันเป็นแค่คนกลุ่มหนึ่งที่ อยากมั่ง อยากมี และอยากใหญ่ เหมือนคนที่สูงศักดิ์กว่า แต่ดันเกิดมาแล้ว 'มีบุญไม่เท่าเขา' เท่านั้น

การปล้นจึงเป็นทางออกของเหล่า 'โจรห้าร้อย' บางคน 

ไม่มีอะไรซับซ้อนให้ต้องคอยนึกย้อน 'สดุดี'

มาตรา 112 คนดีๆ ไม่สะท้าน มีแต่ 'ผีห่าซาตาน' ที่ต้องกลัว

หากจะพูดเป็นประสาชาวบ้านเปรียบเปรยให้เข้าใจง่าย ๆ กฎหมายมาตรา 112 ก็คือ 'ยันต์ปราบผี' ดี ๆ นี่เอง มีฤทธิ์ในทางปกป้องบ้านเรือน และผู้คนที่คิดดีต่อแผ่นดิน เพื่อให้ประเทศชาติดำรงอยู่อย่างมั่นคง 

ขึ้นชื่อว่าคนปกติธรรมดาที่คิดดี ทำดี ปฏิบัติในทางชอบธรรม ไม่คิดเบียดเบียนทำร้ายใคร จะไม่มีใครต้องเกรงกลัว หรือเกี่ยวข้องให้ชีวิตต้องพานพบกับความยากลำบากเลย 

ตายแล้วเกิดใหม่อีก 100 ชาติ ก็จะเป็นเหมือนเดิม!!

คงมีแต่พวกฝีเปรต ผีห่า ผีบาป ผีบ้า ผีสามนิ้ว ผีกลัวติดคุก ผีลืมชาติกำเนิด ผีเนรคุณแผ่นดิน ผีสาดสีธงชาติ ผีขีดเขียนกำแพงวัดพระแก้ว ผีล้มสถาบัน ผีหมิ่นเบื้องสูง ผีขี้ข้าตะวันตก ผีหนีการเกณฑ์ทหาร ผีลิงหลอกเจ้า ผีเบาปัญญา ผีกลิ้งกลอก ผีปั่นหัวเด็ก ผีหลอกใช้พวกอยากมีตัวตน ผีพูดอย่างทำอีกอย่าง ผีไม่กล้ายอมรับความจริง ผีโกหกไปเรื่อย ๆ และผีปากกล้าแต่ขาสั่นเท่านั้นที่ต้องหนาวสะท้าน สั่นไหว เพราะกลัว 'ยันต์ปราบผี' มาสะกด ไม่ให้ต้องผุดต้องเกิดอยู่ใน 'คุกตะรางขังผี' แบบยาว ๆ 

สุจริตชน คนบริสุทธิ์ใจ ถ้าไม่ทำตัวเป็นผีชั่ว ก็ไม่ต้องกลัวอำนาจของ 'ยันต์ปราบผี' นี้เลย กลับจะต้องช่วยกันปกป้อง รักษา ดูแลไม่ให้ 'ยันต์ศักดิ์สิทธิ์' ถูกพวกผีร้ายมาฉีกทำลายให้สูญสิ้นไป 

เป็นเรื่องง่าย ๆ เข้าใจง่าย ๆ ว่าทำไมขึ้นชื่อว่าคนถึงอยากให้มี 'ยันต์ปราบผี' ติดข้างฝาไว้ในทุกบ้าน เพราะบ้านไหนมียันต์ บ้านนั้นก็ไม่ใช่ผีดังที่กล่าวมา

แต่บางคน บางบ้าน ก็ชอบและแอบเชียร์ผี ขณะเดียวกันก็แขวน 'ยันต์ปราบผี' ไว้ในบ้านให้ผู้คนที่พบเห็นเกิดคำถามขึ้นในใจเล่น ๆ แท้จริงคือชอบตีสองหน้า หวังเข้าได้กับทุกฝ่าย หาก 'สังคมคน' พบเห็นก็จะได้ต้อนรับเพราะคิดว่าเป็น 'พวกเดียวกัน' แต่ลับหลังก็แอบสนับสนุนเหล่าผี ๆ ให้กระทำย่ำยี 'ยันต์ปราบผี' ให้สิ้นซาก

ผี...ที่ว่าน่าถอยออกห่างแล้ว คนที่แอบสนับสนุนผี แต่ไม่กล้าเปิดเผยตัวตน ย่อมสกปรกกว่าเป็นร้อยเท่า และไม่น่าคบค้าสมาคมให้เสียเวลา

พรรคอันดับ 14 ล้านเสียงสนับสนุน เดินหน้าล้ม 112 พรรคอันดับรอง 10 ล้านเสียง ขายข้าว 10 ปี

ผมนั่งมองดูประเทศของตัวเองในห้วงเวลานี้แล้ว เกิดความรู้สึกเศร้าใจลึก ๆ อย่างบอกไม่ถูก เห็นรัฐบาล 'ถุงเท้าแดง' ก็ไม่ต่างจาก 'นายกนอมินี' ในอดีตที่ผ่านมา เดินหน้าทำตามคำบัญชาของคน 'เหนือนายก' เพื่อผลประโยชน์เข้าตระกูลไม่หยุดหย่อน ประเทศชาติจะเสียหายอย่างไรก็ช่าง 

เอาแค่เรื่อง 'ข้าวค้างโกดังบาป 10 ปี' คนในรัฐบาล หรือ 'ตระกูลชั้น 14' เองยังไม่กล้าหุงข้าวและกินโชว์ แต่จะเข็นออกประมูลขายให้ได้ ประเทศใดจะซื้อไว้กิน จะป่วยไข้ เป็นโรคร้ายเพราะ 'ข้าวเน่า' ประเทศไทยจะถูกตราหน้าว่า 'ขายข้าวคุณภาพต่ำ' ก็ไม่สนใจ 

เงินมหาศาลสร้างอำนาจอันมหึมาให้กับคน ๆ หนึ่งได้จริง แม้จะทำผิดกับประเทศชาติ ทรยศประชาชน ไร้สัจจะ คอร์รัปชัน โกงกิน จนต้องหนีคดีไปนาน ก็ยังมี 'คนจำนวนไม่น้อย' คอยยกหาง และถวายชีวิตช่วยเหลือ แม้กระทั่งประชาชนคนไทยที่ถูกกระทำโดยตรงจากการบริหารบ้านเมืองก็ยัง 'ลืมง่าย' ช่วยกันกาเลือก 'พรรคเผาเมือง' กลับมาผงาดจนสร้างปัญหาได้อีกในปัจจุบัน

คำถามคือ เมื่อไหร่คนไทยถึงจะเข็ด คิดได้ และคิดเป็นกันเสียที? 

มาดูอีกพรรคที่ได้คะแนนเสียงอันดับหนึ่ง แม้จะไม่ได้เป็นรัฐบาล แต่การเป็นฝ่ายค้านก็ไม่มีศักยภาพที่คนไทยจะหวังพึ่งพาอะไรได้ เพราะวัน ๆ นอกจากจะเดินหน้า 'ล้างสมองเด็ก' ลงลึกถึงเยาวชนของชาติทุกระดับเพื่อให้ 'เกลียดชังสถาบัน' และพยายามโค่นล้มกฎหมายมาตรา 112 ก็ไม่เคยเห็นผลงานอะไรที่สร้างสรรค์ เป็นชิ้นเป็นอัน และมีคุณค่ามากพอจะทำให้สังคมไทยน่าอยู่ขึ้นมาบ้าง 

มองเข้ามาก็จะเห็น 'ความป่วยไข้' ของคนไทยในมิติที่ชัดมาก ป่วยที่ลืมง่าย ป่วยที่ไม่ละเอียดกับอะไรเลย ป่วยที่คิดไม่เป็นจนไม่รู้ว่าอะไรดีอะไรเลว ป่วยที่ลืมรากเหง้าของตัวเอง และป่วยถึงขนาดที่ไม่รู้ว่าสิ่งที่ตนเองเลือกเข้ามากำลังทำให้ประเทศชาติย่อยยับ 

พูดอีกกี่ครั้งก็คงเหมือนเดิมประมาณว่า นักการเมืองเลว ๆ ในบ้านเราไม่ได้ฉลาดล้ำ ค่อย ๆ มองก็จะพบคำตอบโดยง่าย วิธีคิดในการโกงชาติโกงแผ่นดินก็ไม่ต่างจากเดิม แต่เพราะเรามีประชาชนที่ 'โง่กว่า' อาศัยอยู่ในประเทศไทยในจำนวนที่มาก เราถึงยังคงได้ 'นักการเมืองที่ไม่ฉลาด' มาบริหารประเทศชาติเหมือนในขณะนี้  

อยากให้นักการเมืองเลว ๆ หมดจากแผ่นดิน ก็แค่กำจัด 'ประชาชนโง่ ๆ' ให้หมดไปจากสังคมไทย 

ฝากพรรคที่มุ่งขายข้าวเก่า หุงมาให้ประชาชน 24 ล้านคนกิน ก็คงจะดี 

โจรกบฏที่ถูกเลือกมาจากพี่น้องประชาชน หวังถอนทำลาย 112 ให้ 'สถาบันฯ' สิ้นสูญ

พรรคการเมืองพรรคหนึ่งที่โกหกสังคมเป็นอาชีพ นอกจากมีเป้าหลักที่หวังจะล้มล้างการปกครองของไทยให้ได้ ถึงวันนี้ก็ยังคงโป้ปดออกสื่อหลอกต้ม 'สาวกทึ่ม ๆ' ให้เข้าใจผิดเกี่ยวกับกฎหมายมาตรา 112 ไม่เลิกรา ด้วยยอดเขาลูกใหญ่ยังโค่นล้มไม่สำเร็จ ก็ใช้วิธีขุดแซะดินรอบ ๆ เนินให้กร่อนทีละนิด ดีกว่าปล่อยเวลาชั่วไปเสียเปล่า

เมื่อเลือกจะรับบทเป็น 'โจรรับจ้างต่างแดน' เพื่อล้มบ้านล้มสถาบันของตัวเองแล้ว ก็ต้องไปให้สุด เพราะทุกยุคสมัย 'โจรกบฏคิดคดต่อชาติ' อายุขัยมักจะสั้น ถ้าไม่ได้เป็นใหญ่ในแผ่นดินโดยเร็ว ก็มีลูกกรง กับลูกปืนถามหาเท่านั้น เดิมพันนี้จึงมีทางเลือกไม่ค่อยมาก 

เห็นชัดเจนว่าการได้เข้ามาเป็น สส. กินเงินเดือนจากภาษีของประชาชน แต่วัน ๆ กลับไม่คิดจะใช้สติปัญญาทำคุณประโยชน์ให้กับบ้านกับเมือง ไม่มีอะไรเป็นแก่นสาร มีแต่เรื่องมัวหมองจนเป็นคดีความติดตัวต้องเดินขึ้นศาลไม่รู้กี่คนต่อกี่คน ถือเป็นนักการเมืองรุ่นใหม่ที่ใหม่แต่ชื่อ แต่ฝีมือล้วนต่ำกว่ามาตรฐาน ผิดจากที่คุยโวเอาไว้ชนิดหน้ามือกับหลังเท้าเลยทีเดียว 

คนที่จะมาเป็นผู้แทนราษฎร สมควรต้องเป็นคนที่มีมาตรฐานทางจริยธรรมสูงกว่าคนปกติทั่วไป เพราะถูกเลือกมาจากพี่น้องประชาชนให้มาทำหน้าที่แทนเขา 

มิใช่เป็นผู้กระทำผิดกฎหมายเสียเอง?! 

ยิ่งเป็นกฎหมายมาตรา 112 อันเกี่ยวข้องกับสถาบันเบื้องสูง และผูกโยงไปถึง 'ความมั่นคง' ของชาติโดยตรง นอกจากไม่สมควรไปเกี่ยวข้องในทางหมิ่นเหม่ให้สังคมต้องมีคำถาม ยังต้องสนับสนุนกฎหมายมาตรานี้ให้มีอยู่อย่างเข้มแข็ง ต้องคอยปกป้องสถาบันให้ปลอดภัยจากกลุ่มคนที่มาอาฆาตมาดร้าย เพราะคนที่ไม่มีอคติ ไร้ความอิจฉาริษยาชีวิตของคนอื่น หรือรับงานใครมาเพื่อเดินหน้าเซาะกร่อนสถาบัน มีหรือที่จะโดนมาตรา 112 

กฎหมายมาตราไหนก็รังแกใครไม่ได้ ถ้าไม่มีใคร 'เดินแกว่งเท้าโง่ ๆ' เข้าไปหามัน 

คนไทยแบบไหนกันนะที่เอาแต่เดินหน้าใส่ร้ายกฎหมาย ที่สร้างมาไว้เพื่อปกป้องคุ้มครองสถาบันหลักของชาติ ถ้าไม่ใช่คนคิดชั่ว หัวใจคด ทรยศแผ่นดิน 

แล้วจะต่างอะไรจากการเป็น 'นักการเมืองก่อการร้าย'

เกลียดทหาร แต่กลับแสดงแต่พฤติกรรมที่ล่อทหารชัด ๆ 

หลอกต้มคนตาย หลอกใช้คนเป็น ความสามารถอันโดดเด่นของพรรคล้มเจ้า

ถ้าเราจะจำกันได้ สมัยที่กลุ่มแก๊ง 'ทะลุวัง' ยังฮอต ๆ มีข่าวออกตามหน้าสื่อถึงพฤติกรรมการกัดเซาะ ดูหมิ่น เหยียดหยามต่อสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างไม่เกรงกลัว หนึ่งในแบ็กอัปที่คอยสนับสนุนเด็กหัวรุนแรงกลุ่มนี้อย่างเขิน ๆ ก็คือพรรคการเมืองพรรคหนึ่งที่มีเป้าหมาย 'ล้มล้างสถาบัน' โดยหวังจะให้ระบบการปกครองแบบเก่าที่หล่อหลอมจนสร้าง 'แผ่นดินชาติ' มาจนสำเร็จ หายไปจากความทรงจำอันงดงามของคนไทย 

พรรคการเมืองพรรคนี้ โปรโมตตนเองว่าเป็น 'คนรุ่นใหม่' เข้ามาเพื่อจะกำจัด 'นักการเมืองน้ำเน่า' ที่ชอบพูดโกหก กลับไปกลับมารายวัน อย่างที่เรา ๆ ท่าน ๆ ทราบกันดี 

แต่ก็หาได้เป็นเช่นนั้นไม่?

นอกจากวาทกรรมปลิ้นปล้อน กลิ้งกลอก ที่ฉายโชว์ให้สังคมเห็นผ่านเรื่องราวโง่ ๆ รายวัน คุณสมบัติที่ทั้ง 'บาปและเลว' อย่างโดดเด่นที่คนไทยไร้อคติรู้กันดีก็คือการเดินหน้า 'ล้างสมอง' และ 'หลอกใช้เด็ก' ให้กระทำการหมิ่นเหม่ต่อมาตรา 112 เพื่อจะสั่นสะเทือนไปถึงสถาบันที่ตนเองเกลียดชัง ไม่ว่าจะเป็นการวางเพลิงพระบรมฉายาลักษณ์ ชุมนุมสามนิ้วในที่สาธารณะด้วยการพูดให้ร้ายสถาบัน ก่อกวนขบวนเสด็จ ขีดเขียนกำแพงวัดพระแก้ว และอื่น ๆ อีกมากมายที่ไม่เคยเกิดขึ้นในยุคสมัยใดมาก่อน 

ทันทีที่เด็ก ๆ โดนคดี 112 ถูกจับเข้าตะราง ก็ฉวยใช้ภาพ 'เด็กติดคุก' ว่าถูกมาตรา 112 ทำร้ายให้เด็กต้องเสียประวัติ แต่ไม่เคย 'ห้ามปราม' เวลาที่เด็กทำเลวกับสังคมเลยสักครั้งเดียว 

เมื่อศาลปล่อยตัวชั่วคราว ให้โอกาส 'เด็กเดน' ออกมาเรียนหนังสือ แต่ 'เด็กสามนิ้ว' เหล่านี้ก็เลือกจะทำผิดซ้ำ ๆ ในแบบเดิมอีก จนศาลต้องมีคำสั่งให้ 'ขังยาว' กันหลายคน เมื่อ 'เด็กชังสถาบัน' ต้องจมอยู่ในคุก พรรคการเมืองพรรคนี้ก็ยังด่ากระบวนการยุติธรรมไทยว่า 'ทำร้ายเด็ก' และโทษมาตรา 112 ที่เป็นปัญหาทำให้เด็กเหล่านี้ต้องหมดอนาคต 

ไม่กี่วันที่ผ่านมา หญิงสาววัยเกินเด็กคนหนึ่งอยู่ในกลุ่มแก๊ง 'ทะลุวัง' ได้เสียชีวิตขณะติดคุก พรรคการเมืองที่กระหายการหลอกใช้มนุษย์เป็นเครื่องมือ ก็ยังไม่ละเว้นคนที่ตายไปแล้ว ยังอ้างว่าเพราะ 112 จึงทำให้มีคนตาย 

เฮ้อ!! คนเราถ้าจิตใจไม่ชั่วถึงขนาดตั้งใจไปหมิ่นประมาท หรืออาฆาตมาดร้ายสถาบัน รับประกันว่าไม่มีทางเฉียดใกล้ 

จึงมีแต่โจรเท่านั้นที่ดิ้นจะแก้กฎหมายเพื่อให้ง่ายในการล้มล้างการปกครอง ^^

จาก 'โกงจำนำข้าว' ถึง 'โกงการกินข้าว' เรื่องยากๆ ที่นักการเมืองเนรมิตได้ง่ายๆ

ถ้าเป็นประเทศอื่น ซึ่งไม่จำเป็นต้องเป็นประเทศใหญ่ หรือเป็นมหาอำนาจ เพียงแค่ประชาชนในชาติ 'คิดเป็น' จะทำให้การสัมผัสนักการเมืองที่เกี่ยวข้องกับการทุจริต คอร์รัปชัน หรือหนีคดีเพียงครั้งเดียว ก็ไม่มีทางที่จะพร้อมใจกันไปกาเลือกให้เข้ามามีอำนาจอีกครั้งเป็นแน่แท้

แค่นี้ประเทศชาติก็เจริญได้ไวแล้ว!!

'คนที่คิดเป็น' จะมาพร้อม 'สติปัญญา' และ 'สามัญสำนึก' ที่สูงมากพอ 

ประชาชนเช่นนี้เท่านั้นที่จะทำให้ประเทศชาติปลอดภัยจากนักการเมืองเลว ๆ 

แต่สำหรับประเทศไทย นอกจากจะมีนักการเมืองที่ 'นรกสั่งมาเกิด' หมุนเวียนเข้ามารุมกินโต๊ะประเทศทุกยุค เรายังมีเหล่าประชาชนที่ 'หูหนวกตาบอด' อ่านไม่ออก ดูไม่เป็น วิเคราะห์ไม่ขาด ไม่เข็ดไม่จำ มองเห็น 'เลวเป็นดี' อยู่มากเกินควร เราทุกคนจึงต้อง 'รับผลกรรม' นี้ไว้ร่วมกัน

พรรคการเมืองพรรคหนึ่ง เคยโดนคดีโกงจำนำข้าวจนอื้อฉาวไปทั่วโลก แถมมีอดีตนายกฯ ทำผิดกฎหมายจนต้องหนีคดีไปต่างประเทศถึงสองคน

พฤติกรรมเลวร้ายขนาดนี้ ถ้าเรามีประชาชนที่ 'คิดเป็น' จำนวนมากกว่าประชาชนที่ 'เบาปัญญา' พรรคการเมืองนี้จะไม่มีทางกลับมาเรืองอำนาจได้

เมื่อเข้ามาใหญ่จนถึงขนาดได้เป็นรัฐบาล ก็แสดงบทบาทเก่าๆ นั่นคือการ 'หลอกต้มประชาชน' ราวกับว่าประชาชนคนในชาตินั้นต่างกินหญ้ากันทั้งหมด แท้ที่จริงหญ้าที่เป็นอาหารของวัวควาย น่าจะให้กับ 'คนกลุ่มหนึ่ง' ที่ยังคงสนับสนุนพรรคการเมืองพรรคนี้กินน่าจะถูกปากกว่า 

ที่น่าทุเรศกว่านั้น การจัดอีเวนต์ 'กินข้าวโชว์' ที่มี 'รัฐมนตรีทาสรับใช้เทวดา' ร่วมกับ 'สื่อไร้สมอง' บางสำนัก โชว์การกินข้าวค้างสต็อกในโกดังบาปยาวนานถึง 10 ปี การันตีว่ากินได้ ปลอดภัยไม่เป็นอันตราย เพียงเพื่อจะฟอกความผิดให้ 'โจรหนีคดี' ที่กำลังรอการกลับประเทศโดยไม่ต้องเข้าปิ้งตามรอย 'โจรผู้พี่' ที่ทำสำเร็จมาก่อนหน้า 

ข้าวเน่าค้างเก่า 10 ปี ถ้าอยากให้สังคมเชื่อว่ากินได้จริงนั้นง่ายนิดเดียว แค่ Live สด ตั้งแต่การหุง แล้วนำไปให้เทวดาและสุนัขรับใช้ กินโชว์ออกสื่อทุกวัน มาดูว่าสามวันห้าวัน เทวดาหรือสุนัขใครจะตายด้วย 'พิษข้าวเน่า' ก่อน

ถ้าเกินเจ็ดวัน ทั้งเทวดาและสุนัขรับใช้ปลอดภัยดี ผมจะขอมาหุงกินด้วยคน 

เมื่อ 'ลัทธิตลกบูลลี่' อ้าง!! 'กัดเซาะ-เหน็บกัด' เศรษฐกิจพอเพียง แค่คิดกันไปเอง แต่ไฉนไม่เคยส่งเสียงละเลง!! 'สส.หนีทหาร-ลัทธิจานบินปล้นเงินคนป่วย'

เรื่องของ ‘ตลกไม่รู้จักพอ’ รายหนึ่งที่กลายเป็น Talk of the town ตลอดสองสามวันที่ผ่านมา ไม่ได้สร้างความประหลาดใจให้กับผมมากนัก เพราะเห็นวิธีในการคบค้าสมาคมกับคนดังตลอดหลายช่วงเวลาที่ผ่านมา ก็พอจะเห็น ‘ตัวตนของตลก’ ได้ไม่ยากเย็น ซึ่งไม่ได้เป็นไปในแบบที่ต้องกับรสนิยมของผมสักเท่าไหร่  

ผมยังรู้สึกดีที่ไม่เคยหลงใหลได้ปลื้มถึงขั้นตามซื้องานเขียนหนังสือ หรือตามเก็บผลงานการแสดง ‘เดี่ยวหน้าม่าน’ ของเขา จะยกเว้นก็เพียงหนังไทยที่เขาแสดง นั่นเพราะผม ‘รักหนังไทย’ จึงตามอุดหนุนดีวีดีหนังไทยทุกเรื่องอยู่แล้วเป็นปกติ จึงมีหนังไทยที่ ‘ตัวตลกแสดงนำ’ มาเก็บไว้ตั้งแต่เรื่อง ‘กล่อง’ ในปี 2541 เรื่อยมา 

ย้อนไปราวยี่สิบห้าปีก่อนในวันที่ ‘ตลกจอมบูลลี่’ เริ่มจะมีชื่อเสียงโด่งดังขึ้นมาในฐานะ ‘วันแมนโชว์’ ห้วงเวลานั้นไม่ได้มีท่าที หรือแสดงความคิดดูหมิ่นแตะถึงสถาบันเบื้องสูงผ่านเรื่องเล่าของเขาบนเวที ‘เดี่ยวไมโครโฟน’ สักครั้งเดียว จะมีก็แต่พาดผ่านไปยังบุคคลที่มีชื่อเสียงในสังคม นักการเมือง หรือรัฐบาลในฝั่งฟากที่ตนเองไม่ได้เชียร์ เป็นต้องหยิบมาพูดตอกย้ำถึงจุดด้อยเพื่อแลกกับเสียงหัวเราะของเหล่า ‘มหาชนคนดู’ ที่อาจจะคิดเห็นไปในทิศทางเดียวกัน 

แต่เราจะไม่เคยเห็น ‘ตลกนักเล่า’ รายนี้ หยิบประเด็น สส.หนีการเกณฑ์ทหาร, นักโทษเทวดาบนสวรรค์ชั้น 14, พรรคการเมืองที่มีอดีตนายกหนีคดีถึง 2 คน และนายไชยบูลย์ ธรรมไชโย ผู้นำลัทธิจานบินที่ปล้นเงินคนป่วย มาพูดถึงบนเวทีบ้าง ทั้ง ๆ ที่เป็นสิ่งที่สร้างความเลวร้ายให้กับสังคมไทยไม่ต่างกัน 

ที่แย่กว่านั้น สิ่งที่เราเห็นในวันนี้กลับคือการแสดงออกเพื่อกระทบกระเทียบถึงคำว่า ‘ความพอเพียง’ ที่ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ท่านทรงคิดค้นและบันทึกไว้ให้เป็นแก่นของการดำเนินชีวิตของคนไทย ทำให้คนไทยที่รักสถาบันต่างเกิดความแคลงใจ และไม่สบายใจ  

เหตุการณ์นี้ใครที่บอกว่า ‘หัวใจของตลก’ บริสุทธิ์ ไม่ได้คิดเกินเลยไปไกลขนาดนั้น พวกที่คลั่งคำว่า ‘พอเพียง’ ต่างหากที่ทนไม่ได้และบ้าบอกันไปเองก็มีแค่คนสองประเภท หนึ่งนั้นคือพวกนิยมสีส้ม ที่ใจคิด ปากพูด มือทำ แต่ไม่เคยกล้ายอมรับความจริงในใจ และมักจะมีนิสัยย้อนแย้งเป็นสันดาน 

ส่วนสองนั้นคือพวก ‘เบาปัญญา’ มักจะ ‘หัวเราะปากหวอ’ กับทุกเรื่องเวลาที่ตลกกัดแซะคน จนลืมไปว่าหากรู้ไม่เท่าทัน ‘หัวใจของตลก’ บางคนนั้นอาจเป็นคนที่มีความหมายต่อความเป็นชาติ และสำคัญกับชีวิตของคนไทยมากมายเพียงใด 

เช่นนี้จึงเป็นเสียงหัวเราะที่แสนจะอัปยศ และเนรคุณ

'ประเทศไทย' ไม่ตกต่ำ เพราะนักการเมืองชั่ว แต่อาจพังพินาศ เมื่อมีคนมัว 'หลงเลว' ไม่เลิก

คนไทยยุคสมัยนี้มีจำนวนไม่น้อย มักจะยึดเอา 'สิ่งที่ถูกใจ' วางอยู่เหนือ 'ความถูกต้อง' เป็นเหตุให้บ้านเรามีแต่ความขัดแย้ง ขาดความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน เรื่องที่ดูง่ายที่สุด คือ เรื่องรสนิยมในทางการเมือง 

คนส่วนใหญ่ไม่ว่าจะชอบพรรคการเมืองใด ก็จะ 'หน้ามืดตามัว' ใครจะมาแตะต้องก็จะออกหน้ารับแทน เวลาพรรคการเมืองที่ตนเองเชียร์ทำผิดขนาดว่ามีหลักฐานมัดแน่น ก็ยังกล้ามาแก้ตัวให้แบบข้าง ๆ คู ๆ 

ส่วนพวกที่ 'หน้าไม่ด้านพอ' ก็มักจะหายศีรษะไปเงียบ ๆ หันไปสายลมแสงแดดก่อน รอเวลาที่พรรคของตัวเองทำเรื่องดี ๆ เกิดขึ้น ก็จะพากันออกมา 'รวมพลังบาป' เขียนชื่นชมจนเกลื่อนโซเชียล คนที่เลือกเป็น 'ทาสพรรคการเมือง' ก็มักจะมีพฤติกรรมเน่า ๆ เช่นนี้ให้เห็นเสมอ 

หาได้น้อยมาก ๆ ที่เราจะเห็น 'คนเต็มคน' ดำเนินชีวิตไปด้วยวิจารณญาณ ที่เวลาจะรักใคร สนับสนุนใคร ก็ด้วยเหตุผลที่มาจาก 'ความจริงแท้' มิใช่เมื่อพบเห็นว่าทำชั่วกับสังคม ทำผิดกฎหมายบ้านเมือง ทรยศประชาชนด้วยกันแล้ว ก็ยังปกป้องชนิดไม่ลืมหูลืมตา

ตัวอย่างง่าย ๆ ขนาด 'นักโทษหนีคดี' เจ้าของพรรคเผาเมืองตัวจริง พูดจาโกหก หลอกลวงคนไทยมานับไม่ถ้วน ก็ยังมี 'ประชาชนผู้เบาปัญญา' หลงเชื่อขี้ปาก ลืมสิ้นความเลวที่เคยทำไว้กับแผ่นดินไทย พากันโหมกาเลือกจน 'พรรคโกงจำนำข้าว' สามารถกลับมามีอำนาจต่อรองได้อีกครั้ง 

ตัวอย่างถัดมา พรรคการเมืองรุ่นใหม่ ที่เดินหน้า 'ล้มล้างสถาบัน' เป็นงานหลัก 'ซุกกระโปรงเด็กให้ทำชั่วแทน' เป็นงานรอง มี สส. หนีการเกณฑ์ทหาร ทั้งผิดกฎหมาย ผิดจริยธรรมรุนแรง ยังถือเป็นการ 'เอาเปรียบชายไทยร่วมชาติเดียวกัน' อย่างหน้าด้าน ๆ หลอกคนทั้งประเทศเพื่อเข้ามากินเงินเดือนจากภาษีอันเหนื่อยยากของประชาชน คนที่รักความชอบธรรม มีสำนึกของความเป็นคน ก็ไม่ลืมที่จะร่วมมือกันเอาผิด ยกเว้น 'คนใจบอด' ที่ยังคงส่งเสียงให้กำลังใจ 'สส.หนีทหาร' ไม่เว้นวัน 

ผมค่อนข้างเชื่อว่าประเทศไทยจะไม่มีวันตกต่ำยากแค้นเพราะ 'นักการเมืองชั่ว' แต่แผ่นดินทองจะพังพินาศเพราะเรามี 'ประชาชนที่โง่'

คนโง่ที่ยัง 'หลงเลวไม่เลิก' ต่างหาก ที่เป็นอันตรายตัวจริง 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top