Saturday, 27 April 2024
เศรษฐกิจ

‘Air Canada’ บินตรง ‘แวนคูเวอร์ - สุวรรณภูมิ’ ด้าน ‘ททท.’ ต้อนรับอย่างอบอุ่น - คึกคัก

(3 พ.ย. 65) นายศิริปกรณ์ เชี่ยวสมุทร รองผู้ว่าการด้านตลาดยุโรป แอฟริกา ตะวันออกกลาง และอเมริกา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ เที่ยวบิน AC065 ถือเป็นเที่ยวบินปฐมฤกษ์ของสายการบิน Air Canada ในเส้นทางบินตรงจากเมืองแวนคูเวอร์ ประเทศแคนาดา ถึงกรุงเทพมหานคร ประเทศไทย ซึ่งเที่ยวบินตรงเป็นหนึ่งในปัจจัยที่มีนัยสำคัญต่อการพลิกฟื้นความสำเร็จด้านการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจการค้าระหว่างประเทศ รวมทั้งเป็นหนึ่งในกลยุทธ์อำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยว (Ease of Travelling) จากภูมิภาคอเมริกาเหนือ 

ทำให้เห็นว่าการเดินทางท่องเที่ยวประเทศไทยสะดวกและง่ายกว่าที่เคย โดยเส้นทางบินดังกล่าวเป็นการขยายเส้นทางบินระหว่างประเทศ เปิดเส้นทางบินตรงจากทวีปอเมริกาเหนือสู่ประเทศไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นครั้งแรก ซึ่งจะให้บริการ 4 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ ด้วยเครื่องบินแบบโบอิ้ง 787 ความจุโดยสาร 298 ที่นั่งต่อเที่ยวบิน ออกเดินทางจากท่าอากาศยานนานาชาติแวนคูเวอร์ ถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ทุกวันจันทร์ พุธ ศุกร์ และอาทิตย์ 

รัฐบาล ปลื้ม 11 เดือน ต่างชาติลงทุนในไทยพุ่ง 74% ส่งสัญญาณเศรษฐกิจฟื้นตัว สร้างงานกว่า 5 พันตำแหน่ง

โฆษกรัฐบาล โว ต่างชาติเชื่อมั่นลงทุนไทย เพิ่มขึ้นถึง 74% รัฐบาล เร่ง สร้างงานสร้างรายได้ เศรษฐกิจฟื้นตัว

เมื่อวันนี้ (22 ธ.ค. 65) นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า มีเรื่องน่ายินดี ตัวเลขการลงทุนของชาวต่างชาติในประเทศไทย ภายใต้พระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 ตลอด 11 เดือนของปี 2565 (มกราคม - พฤศจิกายน) มูลค่ารวมกว่า 112,466 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 2564 ถึงร้อยละ 74 เกิดการจ้างงานคนไทยกว่า 5,000 คน โดยพล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยินดีที่นักลงทุนต่างชาติยังคงเชื่อมั่นในศักยภาพทางเศรษฐกิจของไทย และมีการขยายการลงทุนอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งขอบคุณหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ขานรับและดำเนินงานตามนโยบายของรัฐบาลอย่างแข็งขัน ส่งผลให้เศรษฐกิจไทยมีสัญญาณบวกต่อเนื่อง ฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว สร้างความเชื่อมั่นแก่นักลงทุนชาวต่างชาติ และสร้างงานสร้างอาชีพให้แก่คนไทย

นายอนุชา กล่าวว่า ตั้งแต่เดือนมกราคม - พฤศจิกายน 2565 กระทรวงพาณิชย์ได้อนุญาตให้ชาวต่างชาติเข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจในประเทศไทย จำนวน 530 ราย โดยชาวต่างชาติที่เข้ามาลงทุนมากที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ 

1) ญี่ปุ่น 137 ราย (ร้อยละ 26) เงินลงทุน 39,000 ล้านบาท 
2) สิงคโปร์ 85 ราย (ร้อยละ 16) เงินลงทุน 11,999 ล้านบาท 
และ 3) สหรัฐอเมริกา 70 ราย (ร้อยละ 13) เงินลงทุน 3,343 ล้านบาท

‘เอกชน’ เชื่อ!! จีนยกเลิกคุมโควิด-19 ส่งผลดีต่อไทย คาด!! เศรษฐกิจคึกคัก ผู้ประกอบการเตรียมรับมือ

จีนประกาศยกเลิกมาตรการคุมโควิด-19 การกักตัวสำหรับผู้เดินทางเข้าประเทศ ส่งผลดีต่อไทยและเศรษฐกิจไทยทุกด้าน คาดปี 2566 นักท่องเที่ยวเพิ่มเกิน 5 ล้านคน

นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า กรณีประเทศจีนได้ประกาศยกเลิกมาตรการกักกันโรคโควิด-19 นักเดินทาง โดยจะเริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 8 ม.ค.66 มองว่า จะมีผลดีต่อประเทศไทยและเศรษฐกิจไทยในทุกด้านถือว่าเป็นข่าวดีและสุดยอดอย่างมาก เนื่องจากเป็นที่ทราบแม้จีนจะเปิดประเทศช้า แต่เชื่อว่าแนวทางเลิกมาตรการกักกันโควิด-19 ครั้งนี้ จะทำให้นักท่องเที่ยวชาวจีนสามารถออกไปท่องเที่ยวทั่วโลกได้มากขึ้น โดยเฉพาะประเทศไทยที่เริ่มมีอากาศหนาวเย็นและเป็นเมืองที่ชาวจีนต้องการเข้ามาท่องเที่ยวเป็นอันดับ 1 ของโลก และไม่เพียงคนจีนเท่านั้น หลายเชื้อชาติสนใจเข้ามาท่องเที่ยวในไทยเพิ่มขึ้น โดยเห็นว่าไทยมีจุดสนใจเที่ยวมากกว่าประเทศอื่น

ทั้งนี้ คาดว่าหลังจากจีนยกเลิกมาตรการกักกันโควิด เชื่อว่าในปี 2566 จะมีนักท่องเที่ยวชาวจีนจะเข้ามาเที่ยวในไทยเกินกว่า 5 ล้านคน และยิ่งปัญหาโควิด-19 เบาลงคาดว่านักท่องเที่ยวจีนจะเข้ามาไทยมากกว่านี้แน่นอน แต่สิ่งที่ภาคเอกชนยังกังวลคือ การเตรียมการต้อนรับของไทยมีความพร้อมแค่ไหน เพราะในเวลานี้แม้เศรษฐกิจไทยเริ่มกลับมาดีขึ้นในช่วงปลายไตรมาส 3 จนถึงไตรมาสที่ 4 แต่โดยภาพรวมความพร้อมของภาคธุรกิจ เช่น โรงแรม สถานที่พักบุคคลกรและอื่นๆของไทยยังไม่กลับมาเต็มที ดังนั้น หากนักท่องเที่ยวหลายชาติกลับมาเที่ยวในไทย แต่คนไทยยังไม่มีความพร้อมเต็มที่จะมีปัญหาได้ ภาครัฐบาลจะต้องเร่งหาทางแก้ไขและเตรียมความพร้อมเป็นการด่วน

‘Amazon’ จ่อปลดพนักงาน 18,000 ตำแหน่ง เซ่นพิษเศรษฐกิจ - ภาวะเงินเฟ้อ

‘แอมะซอน’ ยักษ์ใหญ่อีคอมเมิร์ซอเมริกัน ประกาศตัดลดตำแหน่งงานมากกว่า 18,000 ตำแหน่งจากกำลังแรงงานของบริษัท ซึ่งมากกว่าที่เคยเปิดเผยเอาไว้ก่อนหน้านี้ โดยให้เหตุผลเรื่อง ‘เศรษฐกิจที่ไม่มีความแน่นอน’ และข้อเท็จจริงที่ว่าทางบริษัทมีการ ‘จ้างงานอย่างรวดเร็ว’ ระหว่างที่เกิดโรคระบาดใหญ่โควิด-19

เมื่อวานนี้ (4 ม.ค. 66) แอนดี แจสซี ซีอีโอของแอมะซอน กล่าวในคำแถลงถึงบรรดาลูกจ้างพนักงานที่มีการนำออกเผยแพร่ต่อสาธารณชนว่า จากที่บริษัทได้เคยแจ้งเรื่องการลดตำแหน่งงานเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว เมื่อมาถึงตอนนี้บริษัทวางแผนจะปลดลูกจ้างพนักงานมากกว่า 18,000 ตำแหน่งเล็กน้อย ทั้งนี้ ตอนที่บริษัทประกาศไว้ในเดือน พ.ย. โดยที่เริ่มให้ลูกจ้างพนักงานในแผนกเครื่องมืออุปกรณ์ออกไปนั้น ระบุว่าจะเลย์ออฟราว ๆ 10,000 คน

ซีอีโอของแอมะซอนบอกว่า ตำแหน่งงานที่ถูกตัดลดลงคราวนี้ ส่วนใหญ่จะเป็นผู้ที่ทำงานอยู่ในพวกองค์กรด้านอีคอมเมิร์ซ และด้านทรัพยากรบุคคลของบริษัท และบางส่วนจะเกิดขึ้นในยุโรป โดยแอมะซอนจะเริ่มแจ้งให้ลูกจ้างพนักงานที่ถูกกระทบทราบตั้งแต่วันที่ 18 มกราคม

ในคำแถลง แจสซี กล่าวว่า คณะผู้นำของบริษัท มีความตระหนักอย่างลึกซึ้งว่า การลดตำแหน่งงานเหล่านี้สร้างความยากลำบากให้แก่ผู้คน และเราไม่ได้ตัดสินใจในเรื่องนี้ด้วยความง่ายดายเลย

“เรากำลังทำงานเพื่อสนับสนุนผู้ที่ได้รับความกระทบกระเทือน และกำลังจัดทำแพกเกจต่าง ๆ ซึ่งรวมถึงการจ่ายเงินสำหรับการต้องแยกจากกัน ผลประโยชน์ด้านการประกันสุขภาพระหว่างช่วงเปลี่ยนผ่าน และความสนับสนุนในเรื่องการหาตำแหน่งงานจากภายนอก” ซีอีโอของแอมะซอน กล่าว

แอมะซอน มีกำลังแรงงานทั่วทั้งบริษัทราวๆ 300,000 คน การเลย์ออฟคราวนี้จึงเท่ากับลดคนลงไปประมาณ 6% และก็เป็นเครื่องหมายแสดงให้เห็นถึงการกลับลำอย่างรวดเร็วยิ่งของยักษ์ใหญ่ขายปลีกผ่านออนไลน์รายนี้ ซึ่งเพียงไม่นานมานี้เอง ยังเพิ่งขยายเพดานสูงสุดของเงินเดือนฐานของตนไป 1 เท่าตัว ในระหว่างการแข่งขันกันอย่างดุเดือดกับบริษัทอื่น ๆ เพื่อช่วงชิงผู้มีความรู้ความสามารถ

Xiaomi กำไรวูบกว่าครึ่ง เตรียมลดพนักงานกว่า 5000 ชีวิต | Summary Reporter EP.27

สถานการณ์ดูน่าเป็นห่วงสำหรับแบรนด์เทคโนโลยีชั้นนำจากจีนอย่าง Xiaomi
หลังมีข่าวปลดคนงานร่วม 5,000 ชีวิต เหตุกำไรหดลดไปกว่าครึ่ง
เพราะผลพวงจากนโยบาย Zero - COVID เรื่องนี้มีรายละเอียดอย่างไร ไปติดตามชมกัน...

รับชม Summary Reporter ตอนอื่น ๆ ได้ที่
https://youtube.com/playlist?list=PLq_3bZE25J9ifbJu1zakb0XyrHOu4upxS

#THESTATESTIMES
#ReporterJourney
#SummaryReporter
#COVID
#Xiaomi
#เศรษฐกิจ

จับตา!! หาก 'ไทย' เร่งเจรจาเปิดด่าน 'เมียนมา' สำเร็จ โอกาสสินค้าไทยไหลรับ 'คนจีน' แห่เข้าเมียนมาเพียบ!!

ทางการจีนได้ประกาศเปิดด่านชายแดนฝั่งเมืองมูเซ หรือ ในภาษาไทใหญ่เรียกว่าหมู่แจ้ ทั้ง 3 ด่าน หลังจากปิดไปช่วงโควิด-19 ระบาดที่ผ่านมาในวันที่ 8 มกราคมนี้  

นับเป็นอีกหนึ่งการผ่อนคลายมาตรการของการควบคุมโควิดของฝั่งจีน ซึ่งจะทำให้เกิดการนำเข้าสินค้าเกษตรเพิ่มขึ้นจำนวนมาก และการเปิดด่านครั้งนี้ทางเมียนมาก็จะได้อานิสงส์ในการนำเข้าสินค้าต่าง ๆ จากจีนในราคาถูกด้วยเช่นกัน

การส่งออกที่ด่านเมืองมูเซในช่วงที่ผ่านมาอยู่ที่เกือบ 550 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ โดยสินค้าส่วนใหญ่จะเป็นสินค้าทางการเกษตร เช่น กุ้งและปูเป็นที่มีการขนส่งเข้าสู่จีนจำนวนมาก

ในวันที่ 8 มกราคมที่จีนประกาศผ่อนคลายให้ชาวจีนสามารถเดินทางออกนอกประเทศได้ ทางเมียนมาคาดการณ์ว่าจะมีชาวจีนจำนวนหนึ่งที่เดินทางมาเที่ยวไหว้พระในย่างกุ้งและมัณฑะเลย์และอีกจำนวนหนึ่งน่าจะเดินทางข้ามชายแดนมาเพื่อประกอบธุรกิจในเมืองมูเซและอาจจะรวมถึงคนจีนอีกจำนวนไม่น้อยที่น่าจะเข้ามาเล่นคาสิโนในเมืองดังกล่าว

'อนุทิน' มั่นใจ เปิดรับ นทท.จีน ไทยได้ประโยชน์มหาศาล ยัน!! ไม่มีสองมาตรฐาน ขอให้เชื่อมั่นระบบ สธ.ไทย

(14 ม.ค.66) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ภายหลังประเทศไทยเปิดรับนักท่องเที่ยวจากจีนตั้งแต่วันที่ 8 ม.ค.ที่ผ่านมา ว่า เราติดตามความเคลื่อนไหวของประเทศจีนมาโดยตลอด เมื่อทางการจีนคลายล็อก เปิดประเทศ แล้วมีการทำสำรวจว่าชาวจีนต้องการมาประเทศไทย ทำให้เรารู้สึกยินดี และได้มีการเตรียมความพร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยว เราต้องทำให้เขามั่นใจว่ามาเที่ยวเมืองไทย มีความปลอดภัย และต้องทำให้คนไทยรู้สึกปลอดภัย ที่ไทยเปิดรับนักท่องเที่ยวจีน การที่ชาวจีนเลือกเดินทางมาที่ไทย ย่อมเป็นประโยชน์มหาศาล เพราะภาคการท่องเที่ยว คือเครื่องยนต์เศรษฐกิจที่สำคัญมาก ก่อนมีโรคระบาด ประเทศไทย ได้ต้อนรับคนจีนที่หลั่งไหลเข้ามายังประเทศ ความคึกคักเกิดขึ้น เม็ดเงินสะพัด แล้วสิ่งเหล่านี้ก็หายไปร่วม 3 ปี วันนี้เรามีโอกาสที่จะกลับไปอยู่จุดที่เราเคยอยู่ ส่วนตัวมองว่า ไทยมีความเข้มแข็ง มีจุดขายมากมาย อาหารอร่อย งานบริการยอดเยี่ยม การอำนวยความสะดวกไม่เป็นรองใคร ภาคการท่องเที่ยวจะเป็นกุญแจสำคัญในการฟื้นเศรษฐกิจ

เมื่อถามถึงมาตรการการต้อนรับนักท่องเที่ยวจีน นายอนุทิน กล่าวว่า เราไม่แบ่งแยก นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกอยู่ภายใต้มาตรฐานเดียวกัน โรคระบาดเกิดขึ้นทั่วโลก แล้วทำไมเราต้องมีเงื่อนไขเฉพาะกับบางประเทศ 

ทั้งนี้ ขอให้เชื่อมั่นในระบบการแพทย์ไทย มาตรการคัดกรองทั้งหลายมาจากทีมวิชาการ ในนั้นมีผู้เชี่ยวชาญ และอาจารย์แพทย์ ช่วยกันคิดออกมา ซึ่งเราให้ความสำคัญกับเรื่องสุขภาพ แต่ต้องบาลานซ์กับเรื่องเศรษฐกิจ 

“เรื่องไทยกับจีน ผมขอย้อนไปเล่าตั้งแต่ที่โควิด-19 เริ่มระบาด แล้วไทยตรวจพบคนจีนติดเชื้อเข้ามาในประเทศ ตอนนั้นเรารีบรักษาจนหาย และส่งตัวกลับประเทศ ซึ่งต่อมานักเดินทางจากประเทศอื่นเราก็รักษาเช่นกัน แน่นอนว่า สิ่งที่เกิดขึ้น ทางการจีนประทับใจมาก จากนั้น ตอนที่ไทยประสบปัญหา ก็ได้ทางการจีนนี่ที่เข้ามาช่วยเหลือ ขณะที่ทั่วโลกไขว่คว้าหาวัคซีน ไทยก็ได้รับการสนับสนุนจากจีน ไมตรีที่เรามีให้จีน เขามองเห็นแน่นอน และเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เขาเลือกที่จะเข้ามาเที่ยว และเข้ามาร่วมมือในการสร้างสรรค์สิ่งต่าง ๆ กับประเทศไทย” นายอนุทิน กล่าว

‘ศักดิ์สยาม’ หารือร่วม ‘JETRO - หอการค้าญี่ปุ่น’ ยัน!! ไทยมีแผนพัฒนา ศก. หลังโควิด-19 คลี่คลาย

‘ศักดิ์สยาม’ หารือร่วม ‘JETRO - หอการค้าญี่ปุ่น’ ถกแนวโน้มทางเศรษฐกิจของบริษัทร่วมทุนญี่ปุ่นในไทย หวังการท่องเที่ยวปี 66 ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจไทย พร้อมอัปเดตโปรเจกต์คมนาคม - ขับเคลื่อน EV - เปิดประเทศ

(26 ม.ค.66) นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 25 ม.ค. 2566 นายคุโรดะ จุน (Mr.Kuroda Jun) ประธานองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น กรุงเทพฯ (JETRO Bangkok) และนายคาโต้ ทาเคโอะ (Mr.Kato Takeo) ประธานหอการค้าญี่ปุ่น-กรุงเทพฯ (JCCB) เข้าพบ เพื่อหารือแนวโน้มทางเศรษฐกิจของบริษัทร่วมทุนญี่ปุ่นในประเทศไทย

ทั้งนี้ นายคุโรดะ จุน ได้รายงานในที่ประชุมถึงผลการสำรวจแนวโน้มทางเศรษฐกิจของบริษัทร่วมทุนญี่ปุ่นในประเทศไทยในช่วงครึ่งหลังของปี 2565 (ก.ค.-ธ.ค. 2565) โดยแนวโน้มเศรษฐกิจจากทัศนะของผู้ประกอบการญี่ปุ่นยังเป็นไปในทิศทางบวก และดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าจะได้รับผลกระทบจากปัจจัยแวดล้อมต่าง ๆ อาทิ ราคาต้นทุนวัตถุดิบและชิ้นส่วนที่สูงขึ้น รวมถึงราคาพลังงานที่ปรับราคาสูงขึ้น และอุปสงค์ที่มีต่อการส่งออกลดลง แต่ก็หวังว่าการเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยวที่เข้ามาในประเทศไทย จะส่งผลดีกับเศรษฐกิจการท่องเที่ยวของประเทศไทยในปี 2566

นายศักดิ์สยาม กล่าวต่อว่า ได้กล่าวขอบคุณข้อเสนอแนะ และยืนยันเป้าหมายของรัฐบาลไทย ในการฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 คลี่คลาย โดยกระทรวงคมนาคมยังคงดำเนินภารกิจในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่ง สนับสนุนมาตรการส่งเสริมการใช้งานยานยนต์ไฟฟ้าในภาคการขนส่งสาธารณะ มุ่งเน้นการดำเนินการด้านความเป็นกลางด้านคาร์บอน ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตามขอบเขตของกิจกรรมทางธุรกิจ

ทั้งนี้ ได้ยกตัวอย่างการดำเนินโครงการถไฟขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้า (EV on Train) ที่จะเกิดผลอย่างเป็นรูปธรรมภายใน 4 ปี และการสานต่อการพัฒนาระบบรถไฟฟ้าในกรุงเทพมหานครและชานเมือง พร้อมทั้งแจ้งความคืบหน้าโครงการ Landbridge โดยอยู่ในขั้นตอนการจัดทำ Concept Design เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณา ก่อนการประชาสัมพันธ์โครงการฯ (Road Show) ทั้งในและต่างประเทศเพื่อดึงดูดความสนใจของนักลงทุนทั่วโลก

‘บิ๊กตู่’ ปลื้ม คนว่างงานลดลง 9.5 หมื่นราย สะท้อน!! ศก.กำลังฟื้น ส่งผลการจ้างงานเพิ่มขึ้น 

(29 ม.ค.66) น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ให้ความสำคัญกับการติดตามการมีงานทำของประชาชน เพื่อให้มั่นใจว่าสถานการณ์ได้กลับเข้าใกล้ภาวะปกติหลังการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยข้อมูลล่าสุด ณ เดือน พ.ย. 65 สำนักงานสถิติแห่งชาติ (สสช.) ได้รายงานให้เห็นภาวะมีงานทำและการว่างที่ดีขึ้นต่อเนื่องต่อเนื่อง

“นายกรัฐมนตรีพอใจกับสถานการณ์การมีงานทำของประชาชนในภาพรวม ที่ข้อมูลล่าสุด ณ เดือนพ.ย. 65 พบว่าประชาชนมีงานทำ 39.82 ล้านคน การว่างงานที่ร้อยละ 1.2 ถือว่าใกล้เคียงกับช่วงก่อนโควิด-19 ในปี 2562 ที่ร้อยละ 0.9 และมั่นใจว่าเศรษฐกิจที่กำลังดีขึ้นโดยเฉพาะจากการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวจะส่งผลบวกต่อการมีงานทำของไทยมากขึ้นอีก โดยนายกรัฐมนตรีขอให้หน่วยงานเกี่ยวข้องให้ความสำคัญกับการผลักดันการยกระดับขีดความสามารถของคนไทยเพื่อนำไปสู่การได้ค่าจ้างและรายได้ที่สูงขึ้นตามความสามารถ” น.ส.ไตรศุลี กล่าว

'เฟด' ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% ตามคาด ปราบ 'เงินเฟ้อ' ต่อ!! แม้ตัวเลขเริ่มผ่อนคลายในช่วงหลัง

นายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ประกาศปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยครั้งที่แปดที่ 0.25% สู่ระดับ 4.50-4.75% และแม้จะมีการยอมรับว่าอัตราเงินเฟ้อได้ผ่อนคลายลงแล้ว แต่ยังอยู่ในระดับที่สูงจนจะต้องมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปอีก กระนั้นก็ยังถือเป็นการส่งสัญญาณบวกจนทำให้ตลาดหุ้นปรับตัวขึ้นรับข่าวดังกล่าวทันที

พาวเวลล์ กล่าวว่า เฟดตระหนักดีว่าอัตราเงินเฟ้อได้ผ่อนคลายลงแล้ว ซึ่งเป็นสัญญาณว่าอาจใกล้ถึงจุดสิ้นสุดของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแล้ว แม้เขาได้ย้ำว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อเนื่องอย่างเหมาะสม แต่มันถูกตีความอย่างกว้างขวางว่า หมายความว่าเฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยมาตรฐานอีกครั้ง เมื่อมีการหารือครั้งต่อไปในราวเดือนมีนาคม แต่น่าจะเป็นการปรับขึ้นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

อีกเหตุผลที่ทำให้ตลาดเชื่อว่า เฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีกไม่มากในอนาคต เนื่องจากก่อนหน้านี้เพียงหนึ่งวัน รัฐบาลกลางสหรัฐฯ เพิ่งจะประกาศว่า ค่าจ้างสำหรับแรงงานในสหรัฐฯ เติบโตช้าลง ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีที่ผ่านมา ถือเป็นการชะลอตัวลงครั้งที่ 3 ติดต่อกัน ซึ่งช่วยสร้างความมั่นใจให้เฟดว่า ประเด็นการเพิ่มขึ้นของค่าจ้างจะไม่เร่งให้อัตราเงินเฟ้อเพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย

พาวเวลล์ ย้ำว่า การต่อสู้กับเงินเฟ้อยังไม่ยุติลง และเราต้องการหลักฐานเพิ่มเติมให้มากขึ้น เพื่อให้มั่นใจว่าอัตราเงินเฟ้อจะเดินไปบนเส้นทางขาลงอย่างต่อเนื่องและยังยืน ดังนั้น ขณะนี้ยังคงเร็วเกินไปที่จะประกาศชัยชนะ หรือคิดว่าเราประสบความสำเร็จแล้วจริง ๆ แต่เรายังคงต้องทำงานให้ลุล่วงต่อไป


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top