Sunday, 28 April 2024
เศรษฐกิจ

‘รัฐบาลลุงตู่’ ก่อหนี้ไม่สูญเปล่า

ที่ผ่านมา ‘รัฐบาลลุงตู่’ ก่อหนี้…แต่ไม่สูญเปล่า

กู้ 3 ล้านล้าน สร้างความเจริญ
>> ถนนจาก 4,000 กม. เป็นกว่า 10,000 กม.
>> รถไฟฟ้าสารพัดสี จากเดิมมีแค่ 2 สาย (บนดิน-ใต้ดิน)
>> รถไฟทางคู่ 8 เส้นทาง
>> พัฒนาขนส่งทางน้ำ
>> พัฒนาขนส่งทางอากาศ

รู้หรือไม่?
หนี้สาธารณะที่บางคนบอกว่า ‘เพิ่มสูงขึ้น’ นั้น ต้องดูว่าการเพิ่มขึ้นไม่ใช่การกู้มาแจก แต่กู้มาลงทุน นั่นเพราะที่ผ่านมาประเทศไทยไม่ได้ลงทุนแบบนี้มานานมากแล้ว

‘รัฐบาล’ ชี้ การบริโภค-ท่องเที่ยว ช่วย ศก.ไทยฟื้นตัว เผย ภาพรวมเศรษฐกิจไทย ปี 66 เติบโตต่อเนื่อง

(10 พ.ค. 66) นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงสถานการณ์เศรษฐกิจของแต่ละภูมิภาค เดือนมีนาคม 2566 เติบโตทั่วประเทศ โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการบริโภคภาคเอกชน ด้านธนาคารแห่งประเทศไทย คาดการณ์แนวโน้มภาวะเศรษฐกิจไทย GDP ในครึ่งปีหลังจะขยายตัวได้มากกว่าครึ่งปีแรกที่มากกว่า 4% และทั้งปี 2566 GDP ไทยจะขยายตัวร้อยละ 3.6

นายอนุชา กล่าวว่า สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง เปิดเผยรายงานสถานการณ์เศรษฐกิจของแต่ละภูมิภาค เดือนมีนาคม 2566 โดยเศรษฐกิจภูมิภาคส่วนใหญ่ ล้วนได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการบริโภคภาคเอกชน และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเพิ่มขึ้นทุกภาค รวมถึงเครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการบริโภคภาคเอกชน สะท้อนจากการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ราคาคงที่ของภาคเหนือขยายตัวร้อยละ 8.5 ต่อปี ภาคใต้ขยายตัวร้อยละ 23.7 ต่อปี

ด้าน กทม.และปริมณฑลขยายตัวร้อยละ 4.7 ต่อปี ภาคตะวันตกขยายตัวร้อยละ 20.0 ต่อปี ภาคตะวันออกเฉียงเหนือขยายตัวร้อยละ 2.9 ต่อปี ส่วนภาคกลาง และภาคตะวันออก ได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการบริโภคภาคเอกชนในหมวดสินค้าคงทน รวมถึงรายได้เกษตรกรมีการขยายตัว

นายอนุชา กล่าวว่า สำหรับแนวโน้มภาวะเศรษฐกิจไทยปี 2566 จากข้อมูลของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) พบว่า เศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวดีขึ้น จากปัจจัยด้านการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว และการส่งออกไทยจะดีขึ้นในครึ่งหลังของปี 2566 โดยการส่งออกผ่านจุดต่ำสุดแล้ว เศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าคาดว่าจะทยอยปรับตัวดีขึ้นในช่วงปลายปีนี้ ทำให้การส่งออกขยายตัวดีขึ้น รวมทั้ง GDP ในครึ่งปีหลังจะขยายตัวได้มากกว่าครึ่งปีแรก ซึ่งครึ่งปีแรกจะขยายตัวร้อยละ 2.9-3 และในครึ่งปีหลังจะขยายตัวได้มากกว่าร้อยละ 4 ส่งผลให้ปี 2566 GDP ของไทยจะขยายตัวร้อยละ 3.6 สำหรับสถานการณ์เงินเฟ้อ ในช่วงครึ่งปีแรกยังสูงที่ร้อยละ 3.3 แต่ในช่วงครึ่งหลังเงินเฟ้อทั่วไปจะต่ำกว่ากรอบอยู่ที่ร้อยละ 2.5 โดยยังต้องติดตามภาวะเศรษฐกิจโลกในเวลานี้ที่ยังมีความไม่แน่นอน

“เศรษฐกิจไทยในปี 2566 ในภาพรวมยังเป็นไปในเชิงบวก ซึ่งการบริโภคและการท่องเที่ยว จะเป็นปัจจัยหลักที่ทำเศรษฐกิจไทยขยายตัวต่อเนื่อง รัฐบาลยังคงติดตามสภาวะเศรษฐกิจโลกอย่างใกล้ชิด เพื่อเตรียมรับมือและดำเนินนโยบายให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลง รวมทั้งเพิ่มศักยภาพเพื่อการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในระยะยาวอย่างยั่งยืน” นายอนุชา กล่าว

8 ปีรัฐบาล พัฒนา ‘คมนาคม - เศรษฐกิจ’ ไม่หยุดยั้ง

8 ปีที่ผ่านมา 'รัฐบาล' เดินหน้าพัฒนา 'คมนาคม-เศรษฐกิจ' แบบไม่หยุดยั้ง!! จะมีอะไรบ้าง ไปดูกัน!!!

>> พลิกโฉมคมนาคม
-มอเตอร์เวย์ สร้างเพิ่ม 3 เส้นทางสำคัญ
-รถไฟความเร็วสูง 4 เส้นทาง
-รถไฟราง แผนสร้างเพิ่ม 20 ปี รวมระยะทาง 8,900 กิโลเมตร
-โครงการรถไฟทางคู่ ขอนแก่น-หนองคาย คาดเปิดให้บริการ ปี 2569

>> เศรษฐกิจเติบโต
-มูลค่าการลงทุนจากต่างประเทศ เพิ่มขึ้นร้อยละ 31 ต่อปี
-EEC เริ่มลงทุนแล้ว 4,925 โครงการ
-ปี 2558 - 2565 รัฐได้สนับสนุน SMEs ไทย 5,111 โครงการ มูลค่าลงทุนรวม 214,174 ล้านบาท

‘ปชป.’ ปล่อยหมัดเด็ดโค้งสุดท้าย ชูแก้หนี้ครัวเรือน ทำได้ใน 90 วัน ยัน!! ไม่เพิ่มหนี้สาธารณะ แนะ ปชช.ดูนโยบายประกอบการตัดสินใจ

(11 พ.ค. 66) ที่พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ทีมเศรษฐกิจพรรคประชาธิปัตย์ ร่วมกันแถลงข่าว ‘มาตรการแก้หนี้ ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ 90 วัน ทำได้จริง’ โดย นายพิสิฐ ลี้อาธรรม ประธานคณะกรรมการนโยบาย นายเกียรติ สิทธีอมร และ ม.ร.ว.ศศิพฤนท์ จันทรทัต ทีมเศรษฐกิจ

โดยนายพิสิฐ กล่าวว่า แก้ปัญหาหนี้ครัวเรือน กับกลุ่มที่มีเงินเดือนและเกษตรกร ในกลุ่มที่มีเงินเดือนซึ่งถือเป็นปัญหา โดยเฉพาะกลุ่มข้าราชการครู ที่ถูกฟ้องเรียกหนี้ 50,000 ราย พรรคฯ มีแนวทางแก้ไข 6 ประการ แก้ได้ในระยเวลาอันสั้น ทำได้ใน 90 วัน คือ

1.) แก้หนี้ครัวเรือนโดยอัดฉีดเงิน 1 ล้านล้านบาท
2.) กำกับตรวจสอบการชักจูงให้ประชาชนก่อหนี้ได้ง่ายเกินไป
3.) ลดยอดหนี้โดยหักจากเงินเดือนไม่เกิน 4% เพื่อให้เหลือใช้
4.) ปลดล็อกนำเงินจากสหกรณ์ออมทรัพย์ กบข. และกองทุนสำรองเลี้ยงชี้พ เพื่อมาลดหนี้บ้าน
5.) แก้ไข พ.ร.บ.ล้มละลาย ให้ประชาชนฟื้นฟูหนี้ได้ และ แก้ พ.ร.บ.เช็ค ยกเลิกโทษจำคุก กรณีเช็คเด้ง ให้มีเฉพาะคดีทางแพ่ง
6.) ปรับโครงสร้างหนี้แก้ไขกฎหมายเช่าซื้อที่ไม่เป็นธรรม ที่ผ่านมาการเช่าซื้อรถยนต์และมอเตอร์ไซค์กรรมสิทธิ์ยังเป็นของผู้ขาย พรรคฯ จะทำให้ความเป็นเจ้าของเป็นของลูกหนี้ สามารถใช้เป็นหลักประกันได้

“เราเชื่อว่าถ้าดำเนิการตามที่พรรคประชาธิปัตย์เสนอ เราจะสามารถลดหนี้ครัวเรือนได้จากปัจจุบัน 87% ให้เหลือต่ำว่า 80% ของจีดีพี หรือลดได้ 1 ล้านล้านบาท โดยไม่สร้างหนี้สาธารณะ และเราสามารถแก้หนี้ได้โดยไม่ต้องใช้เงินงบประมาณเลย” นายพิสิฐ กล่าว

ด้านนายเกียรติ กล่าวว่า หากประชาธิปัตย์ได้เป็นรัฐบาลจะลดรายจ่ายใน 90 วัน ดังนี้

1.) ลดค่าไฟ 1-1.5 บาท ต่อหน่วย ยกเลิกค่าเอฟทีทั้งหมด
2.) ปรับราคาก๊าซป้อนโรงไฟฟ้าและค่าผ่านท่อให้เป็นธรรม
3.) กำหนดสัดส่วนการผลิตระหว่างฯ กับเอกชน แก้ปัญหากำลังการผลิตสำรองเกิน
4.) ทบทวนราคา สัญญารับซื้อไฟฟ้า และการนำเข้าจากต่างประเทศ ส่วนค่าน้ำมัน จะลดได้ 2-3 บาท ต่อลิตร โดยกำกับค่าการกลั่น ค่าการตลาดให้เป็นธรรม
5.) ทบทวนโครงสร้างราคาและภาษีให้สะท้อนต้นทุนจริง
6.) ทบทวนเงินเข้ากองทุน ทบทวนการกำหนดราคาไบโอดีเซล และแก๊สโซฮอล์

นายเกียรติ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ยังจะลดก๊าซหุงต้ม โดยลดลง 80-100 บาท ต่อถัง (15 กก.) ตรวจสอบปริมาณการผลิต นำเข้าและใช้ในประเทศจริง ตรวจสอบต้นทุนและปริมาณที่ผลิตในประเทศ ทบทวนสูตรคำนวณราคาทุกกลุ่มผู้ใช้ แก้ปัญหาการลักลอบส่งไปต่างประเทศ ยกเลิกสิทธิพิเศษกับทุกกลุ่มอุตสาหกรรม

“ใกล้เลือกตั้งแล้ว อยากฝากถึงประชาชนให้พิจารณาตัวนโยบายของพรรคต่าง ๆ เพราะสะท้อนถึงแนวคิดของพรรคนั้น ๆ ซึ่งนโยบายของประชาธิปัตย์จะทำให้ลดหนี้ครัวเรือนจาก 87% เหลือน้อยกว่า 80% ของจีดีพี โดยไม่สร้างหนี้สาธารณะ ไม่เป็นภาระลูกหลาน เราแก้หนี้ได้โดยไม่ต้องใช้งบประมาณใด ๆ เพราะเราดำเนินการโดยมาตรการทางกฎหมาย ซึ่งแตกต่างจากอีกหลายพรรค” นายเกียรติ กล่าว

ขณะที่ ม.ร.ว.ศศิพฤนท์ กล่าวว่า 3 มาตรการ ที่ประชาธิปัตย์ทำได้ทันทีเพื่อช่วยเหลือพี่น้องประชาชน คือ 1.) ลดค่าใช้จ่าย 2.) ลดภาระหนี้สินประชาชน และ 3.) เพิ่มรายได้ โดยในส่วนของการเพิ่มรายได้ ภายใน 90 วัน เราสามารถหารายได้เพิ่มจากการค้าชายแดนและการรับนักท่องเที่ยวเข้ามา ซึ่งจากการลงพื้นที่ที่มีการค้าขายทั้งเข้า-ออกสามารถทำได้ดีขึ้น ถ้ามีการเชื่อมต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ โดยเฉพาะกับประเทศเพื่อนบ้าน เช่น ประเทศมาเลเซีย และอินโดนีเซีย จะทำให้การค้าชายแดนภาคใต้เติบโตขึ้นอีกหลายเท่าตัว

ม.ร.ว.ศศิพฤนท์​กล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องการท่องเที่ยวนั้นต้องรีบเจรจา หารือกับกลุ่มบริษัททัวร์เอเจนซี โดยเฉพาะเน้นกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีกำลังซื้อจำนวนมาก และมาพักเป็นเวลานาน ให้กลุ่มบริษัททัวร์เอเจนซีมีความพร้อมรองรับการท่องเที่ยวในช่องไฮซีซันที่กำลังจะมาถึง ซึ่งจะทำให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจไปสู่ฐานรากอย่างทั่วถึง รวมทั้งพ่อค้า แม่ค้า หาบเร่ แผงลอย จะต้องจัดให้กลุ่มนี้มีพื้นที่ในการค้าขาย ยกระดับคุณภาพให้เป็นที่ถูกใจนักท่องเที่ยวที่เข้ามา รวมไปถึงการปรับแก้เรื่องการเข้าเมือง เพื่อเพิ่มความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยว สามารถเดินทางระหว่างประเทศได้สะดวกมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับเศรษฐกิจไทยอย่างมหาศาล สร้างงาน สร้างเงินในกระเป๋าให้กับประชาชน

‘อดีตผู้ว่าแบงก์ชาติ’ ชี้ เศรษฐกิจไทยแก้ยาก-ซับซ้อน ต้องใช้เวลา เชื่อ!! ไม่มีรัฐบาลไหนสามารถแก้ไขปัญหาได้ด้วยตัวคนเดียว

(11 พ.ค. 66) นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ประธานกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และอดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวระหว่างการเป็นประธานเปิดงาน ‘MONEY EXPO 2023’ ว่า โลกยุคเรากําลังเผชิญปัญหาและการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและสิ่งแวดล้อมขั้นวิกฤต และเป็นวิกฤตซ้อนวิกฤต ทั้งปัญหาโลกร้อน ความเหลื่อมล้ำ คอร์รัปชัน การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างและคุณภาพ ประชากร โรคอุบัติใหม่ หรือความก้าวหน้าอย่างรวดเร็วทางเทคโนโลยี

ดังนั้น โจทย์การพัฒนาเศรษฐกิจวันนี้ ยาก ซับซ้อน กว้างขวาง และใช้เวลา ซึ่งจะไม่มีรัฐบาลไหน หรือบุคคลใดที่วิเศษวิโสยังไงจะเข้ามาแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจได้ทันที การบรรเทาปัญหาเศรษฐกิจต้องเป็นเรื่องของทุกคน โดยเฉพาะประเด็นเศรษฐกิจใหม่ ที่ต้องเป็นเศรษฐกิจสีเขียว ดำเนินธุรกิจด้วยพลังงานสะอาด ควบคู่กับ กรีนไฟแนนซ์ให้เป็นทางรอดของเศรษฐกิจไทยในอนาคต

“การป้องกันบรรเทาความรุนแรงของปัญหา และพลิกวิกฤตให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืนได้ จึงต้องเป็นเรื่องของทุกคน และการเปลี่ยนแปลงต้องเริ่มที่ตัวเรา” นายประสาร กล่าว

ด้านนายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน บอกว่า นโยบายของพรรคการเมืองที่กำลังจะเข้ามาเป็นรัฐบาลใหม่ ไม่ว่าจะเป็นมาตรการพักหนี้ หรือช่วยเหลือเอสเอ็มอี ยืนยันว่า ทางธนาคารออมสินพร้อมที่จะจัดทำมาตรการรองรับได้ ในฐานะธนาคารเพื่อสังคม

ขณะที่นายฉัตรชัย ศิริไล ผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร หรือ ธ.ก.ส. เปิดเผยว่า นโยบายพักหนี้เกษตรกรของพรรคการเมืองต่าง ๆ ที่นำเสนอกันนั้น หากเป็นส่วนที่เกี่ยวข้อบกับทางธนาคาร ก็พร้อมดำเนินการตามนโยบายได้ทันที เพียงแต่เรายังไม่เห็นรายละเอียดของโครงการ จึงต้องขอดูรายละเอียด การชดเชยค่าดำเนินการใดๆ ให้ชัดเจนก่อน เพราะเราเป็นธนาคารที่ต้องดูแลลูกค้าหลายภาคส่วน

เวลาเปลี่ยน เมืองไทยเปลี่ยน: ไทย เข้าร่วม RCEP เขตการค้าเสรีใหญ่สุดในโลก

ประโยชน์มหาศาล ไทยเข้าร่วม RCEP เขตการค้าเสรีใหญ่สุดในโลก ครอบคลุมประชากรกว่า 2,300 ล้านคน ดึงดูดการลงทุนและเปิดตลอดไทยสู่ตลาดการค้าเสรีใหญ่ที่สุดในโลก โดยไทยเซ็นเข้าร่วมเมื่อปี 2563 และมีผล 1 มกราคม 2565

เงินสำรองไทยแกร่งต่อเนื่อง แตะ 8.6 ล้านล้านบาท สะท้อนสถานะทางการเงินของประเทศสุดแข็งแกร่ง

ในช่วงหลังวิกฤตต้มยำกุ้ง ปี 2540 นับเป็นช่วงเวลาที่ฐานะเงินสำรองระหว่างประเทศของไทยอ่อนแอลงอย่างมาก เนื่องจากต้องรับมือกระแสเก็งกำไรค่าเงินบาท ในช่วงก่อนเกิดวิกฤต จนทำให้เหลือเงินสำรองฯ เพียง 2 หมื่นกว่าล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เท่านั้น

อย่างไรก็ดี หลังจากได้รับบทเรียนจากวิกฤตในครั้งนั้น ฐานะเงินสำรองฯ ของประเทศไทยก็เริ่มฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง กระทั่งปัจจุบันเพิ่มขึ้นมาถึง 10 เท่า จากปี 2540

และเมื่อมองย้อนกลับไป 5 ปี หลังสุด พบว่า ทุนสำรองระหว่างประเทศของไทย เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดย ปี 2559 อยู่ที่ 6,155,783 ล้านบาท, ปี 2560 อยู่ที่ 6,615,482 ล้านบาท, ปี 2561 อยู่ที่ 6,666,266 ล้านบาท, ปี 2562 อยู่ที่ 6,756,943 ล้านบาท, ปี 2563 อยู่ที่ 7,747,644 ล้านบาท และ ณ สิ้นปี 2564 อยู่ที่ 8,212,110 ล้านบาท

ทว่าในปี 2565 ช่วงเดือนธันวาคม ไทยมีเงินทุนสำรองระหว่างประเทศ อยู่ที่ 8,491,594.33 ล้านบาท ขณะที่ปี 2566 ในเดือนเมษายน มีทุนสำรองอยู่ 8,604,607.56 ล้านบาท มีเงินทุนสำรองระหว่างประเทศ ใกล้เคียงกับมหาอำนาจอย่างสหรัฐอเมริกาและเป็นรองเพียงสิงคโปร์ในกลุ่มประเทศอาเซียนเท่านั้น 

ในส่วนของเงินทุนสำรองระหว่างประเทศของไทย มีทองคำด้วยมูลค่า 495,966.88 ล้านบาท รวมอยู่ด้วย ซึ่งถือเป็นประเทศที่มีจำนวนทองคำมากที่สุดในกลุ่มอาเซียน (244 ตัน)

นอกจากนี้ ไทย ยังถือเป็นหนึ่งใน ‘เจ้าหนี้’ ของ IMF หรือกองทุนการเงินระหว่างประเทศ โดยได้เงินสบทบหรือให้กู้แก่ IMF เป็นจำนวน 41,508.51 ล้านบาทอีกด้วย

ทั้งนี้ เงินสำรองทางการ คือ เงินตรา/สินทรัพย์ต่างประเทศของเศรษฐกิจไทยที่อยู่บนงบดุลของธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อรองรับความเสี่ยงในการทำธุรกรรมของเศรษฐกิจไทย และรักษาเสถียรภาพของระบบการเงินของประเทศ ให้ค่าเงินบาทยังสามารถรักษาอำนาจในการซื้อของเศรษฐกิจไทย (Global Purchasing Power) ซึ่งจะสร้างความเชื่อมั่นแก่นักลงทุนทั้งในไทยและต่างชาติ

ดังนั้น เงินสำรองทางการจึงทำหน้าที่เป็น ‘กันชน’ ให้กับระบบเศรษฐกิจของประเทศ เพื่อไม่ให้ความผันผวนจากภายนอกเข้ามาสร้างผลกระทบต่อธุรกิจไทย ซึ่งอาจจะกระทบกับอำนาจการซื้อของเศรษฐกิจไทยโดยรวมได้  

เงินสำรองทางการ จึงเป็นตัวชี้วัดที่สำคัญที่ต่างชาติใช้ประเมินความมั่นคงและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศ

เมื่อธุรกิจไทยส่งออกสินค้า คนต่างชาติมาท่องเที่ยวมากขึ้น หรือมีการลงทุนจากต่างประเทศ ทำให้ดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุล ความต้องการที่จะแลกเงินบาทก็จะมีมากขึ้น เงินบาทก็จะแข็งค่าขึ้น

ฉะนั้น เงินสำรองฯ จึงเป็นเครื่องชี้สำคัญที่ต่างชาติใช้ประเมินความมั่นคง และเสถียรภาพเศรษฐกิจการเงินของประเทศ หากเงินสำรองฯ มีน้อยไปก็อาจเสี่ยงต่อการเกิดวิกฤตค่าเงินเช่นที่เคยเกิดขึ้น แต่ถ้ามีมากไปก็อาจต้องคำนึงถึงภาระจากขนาดงบดุลธนาคารกลางที่ใหญ่ขึ้นทั้งด้านสินทรัพย์และหนี้สินด้วยเช่นกัน

และแน่นอนว่า จากระดับของทุนสำรองระหว่างประเทศที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงเป็นอีกหนึ่งดัชนีชี้วัด ที่สะท้อนให้เห็นถึงความมั่นคงของประเทศไทยได้เป็นอย่างดี ท่ามกลางวิกฤตเศรษฐกิจของโลก ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ตลอดระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา

3 ปัจจัยที่ทำให้ไทยด้อยกว่า 'เวียดนาม' 'การเมือง-ข้อตกลงการค้า-วัยทำงานสะพัด'

หลังจากได้ดูผลสรุปตารางเหรียญ กีฬาซีเกมส์ 2023 ที่ประเทศกัมพูชา เมื่อวันพุธที่ 17 พ.ค. 2566 โดยอันดับ 1 ได้แก่ เวียดนาม มี 136 เหรียญทอง 105 เหรียญเงิน 118 เหรียญทองแดง รวม 359 เหรียญ ส่วนอันดับ 2 ไทย มี 108 เหรียญทอง 96 เหรียญเงิน 108 เหรียญทองแดง รวม 312 เหรียญ

อาจจะเป็นคนละเรื่องเดียวกันที่ตอนนี้ พัฒนาการหลายด้านของเวียดนามเริ่มจะทำให้ไทยตุ้ม ๆ ต่อม ๆ

หากย้อนไปเมื่อ 30 กว่าปีที่แล้ว ประเทศเวียดนามเคยขึ้นชื่อเป็นประเทศที่ยากจนอันดับต้น ๆ ของโลก แต่ทุกวันนี้เวียดนามกำลังกลายเป็นประเทศแห่งโอกาส จนบางครั้งก็ถูกมองว่าเสือตัวใหม่แห่งเอเชีย และนี่คือเรื่องที่น่าห่วงต่อสถานภาพของประเทศไทย ในวันที่ยังทะเลาะกันเองไม่เลิก

เชื่อหรือไม่ว่า ในวันนี้ หากมองกลุ่มประเทศในอาเซียนที่น่าลงทุนนอกจากประเทศไทยเรา ชื่อชั้นของ เวียดนาม กำลังเนื้อหอมอย่างแรง ภายใต้เศรษฐกิจเวียดนามที่ทะยานเติบโตรอบด้าน มีแรงหนุนจนจีดีพีประเทศโตทะลุ 13% ไปแล้วเมื่อปี 2564 ส่วนปี 2565 ก็เติบโตมากถึง 8% 

เหตุผลสำคัญที่ทำให้เวียดนามเปลี่ยนแปลงได้เช่นนั้น มาจากการปรับเปลี่ยนแผนปฏิรูปเศรษฐกิจและการเมือง มาเป็นแบบระบบเศรษฐกิจตลาด แบบเชิงสังคมนิยม หรือ 'โด่ยเหมย' ด้วยการเพิ่มบทบาทของเอกชน แล้วลดบทบาทของภาครัฐลง ทำให้เศรษฐกิจเวียดนาม พลิกมาเติบโตอย่างรวดเร็ว 

ผลลัพธ์ภายในเวลาเพียงไม่กี่ปี จากเดิมที่ก่อนหน้านี้เวียดนามเน้นส่งออกสินค้าเกษตกรเป็นหลัก แต่ทุกวันนี้ภาพเปลี่ยนไป เวียดนามกลายเป็นผู้ส่งออกอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ มีบริษัทที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจในประเทศมากกว่า 67,000 แห่ง มีการเปลี่ยนแปลงกฎหมายให้เป็นสากลมากขึ้น รวมทั้งมีแรงงานในภาคอุตสาหกรรมเป็นจำนวนมาก ปัจจัยเหล่านี้ ทำให้เวียดนามเนื้อหอมขึ้นมาเลยทีเดียว

ทั้งนี้ หากมองในแง่นักลงทุนว่าทำไมต้องเลือกมาลงทุนเวียดนาม ก็จะมีปัจจัยสำคัญ ได้แก่...

>> ปัจจัยแรก เพราะการเมืองของเวียดนามมีเสถียรภาพ เนื่องจากมีพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม เป็นองค์กรที่มีอำนาจ สูงสุดเพียงพรรคการเมืองเดียว 

>> ปัจจัยที่ 2 สิทธิประโยชน์ด้านการลงทุนที่น่าสนใจ เวียดนามมีข้อตกลงทางการค้ากับหลายประเทศ มากกว่า 15 ฉบับ ครอบคลุมไปกว่า 50 ประเทศ

>> และอีกปัจจัยสำคัญ คือ ค่าแรงยังต่ำกว่าไทยมาก เฉลี่ยไม่ถึง 1 ดอลลาร์สหรัฐต่อชั่วโมง

นอกจากเวียดนามจะมี 3 สิ่งใหญ่ ๆ ที่ไทยไม่มีแล้ว หากลองเทียบดูตอนนี้กลุ่มประชากรไทยส่วนใหญ่ ก็กำลังก้าวสู่สังคมผู้สูงวัย ในขณะที่ประชากรเวียดนามส่วนใหญ่ อยู่ในกลุ่มคนทำงานอีกด้วย

สรุปได้ว่า หากประเทศไทยไม่อยากถูกเวียดนามแซงในทุก ๆ มิติของการเป็นหนึ่งแห่งอาเซียน ก็คงต้องเร่งเครื่องให้แรง เริ่มตั้งแต่สร้างเสถียรภาพการเมืองให้เข้มแข็ง ขณะเดียวกันก็คงต้องสร้างแรงดึงดูดนักลงทุนด้วยการให้สิทธิประโยชน์ที่ดูดใจนักลงทุนให้มาก ส่วนเรื่องสังคมสูงวัย เรื่องนี้เป็นโจทย์ใหญ่ ที่น่าหนักใจต่อไทยจริง

เว็บเทรด ‘Hotbit’ ของฮ่องกง ประกาศยุติให้บริการ หลังบริษัทประสบปัญหาต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2022

เมื่อวาน 22 พ.ค. 66 Hotbit กระดานเทรด Crypto ที่จดทะเบียนในฮ่องกง ประกาศว่า จะยุติการดำเนินงานในวันที่ 22 พฤษภาคม และขอให้ผู้ใช้บริการทำการถอนเงินออกก่อนเวลา 11.00 น. ของวันที่ 21 พฤษภาคมตามเวลาไทย

สำหรับการเคลื่อนไหวในครั้งนี้ บริษัทได้ให้เหตุผลว่า การดำเนินงานของบริษัทเริ่มย่ำแย่ลง หลังจากอดีตสมาชิกทีมคนหนึ่งถูกสอบสวนเมื่อเดือนสิงหาคมปี 2022 และบริษัทถูกสั่งให้ยุติการดำเนินธุรกิจเป็นเวลาหลายสัปดาห์

Hotbit ยังได้อ้างถึงสถานการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นภายในวงการ Crypto ด้วยว่า สถานการณ์เหล่านั้นก็ส่งผลต่อบริษัทด้วยเช่นกัน รวมไปถึงการล่มสลายของ FTX และวิกฤตการธนาคารที่ส่งผลให้ USDC หลุด Peg ทำให้เงินทุนของบริษัทไหลออกอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ ทีมของ Hotbit ยังเชื่อด้วยว่า กระดานเทรดแบบรวมศูนย์ ‘มีความยุ่งยากมากขึ้น’ และ ‘ดูเหมือนว่าจะไม่ตอบสนองต่อเทรนด์แนวโน้มในระยะยาว’ พร้อมกล่าวว่า หนทางเดียวในการแก้ไขปัญหานี้ คือ การทำให้กระดานเทรดมีความกระจายศูนย์ หรือยอมรับกฎระเบียบต่าง ๆ

บริษัทยังได้กล่าวโทษการโจมตีทางไซเบอร์และการใช้ประโยชน์จาก ‘โปรเจกต์ที่มีข้อบกพร่องโดยผู้ไม่ประสงค์ดี’ ที่ส่งผลให้กระดานเทรดแห่งนี้เดินทางมาถึงคราวล่มสลาย

หลังจากการประกาศนี้ถูกเผยแพร่ คนในชุมชน Crypto หลายคนได้ออกมาบ่นตัดพ้อว่า พวกเขาไม่สามารถถอนเงินออกจากกระดานเทรดได้
 

‘กลุ่ม ASIAN’ ขู่ย้ายฐานผลิต หาก ‘รบ.ก้าวไกล’ ปรับขึ้นค่าแรง คาด อาจส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรม-เศรษฐกิจทั้งระบบ

(25 พ.ค. 66) จากกรณีที่ พรรคก้าวไกล ประกาศนโยบายปรับค่าแรงขั้นต่ำเพิ่มขึ้น 450 บาททั่วประเทศ หากจัดตั้งรัฐบาลสำเร็จ โดยเมื่อเร็ว ๆ นี้ พรรคก้าวไกล นายพิธา ลิ้มเจิรญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และ ว่าที่นายกรัฐมนตรี คนที่ 30 พร้อมด้วยทีมเศรษฐกิจพรรคก้าวไกล เข้าพบสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) จับเข่าคุยปรับค่าแรงขั้นต่ำเพิ่มเป็น 450 บาทนั้น

นายสมศักดิ์ อมรรัตนชัยกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม ASIAN หรือ บริษัท เอเชี่ยนซี คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตอาหารแช่เยือกแข็ง และ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอเชี่ยน อะไลอันซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ AAI ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยง และผลิตภัณฑ์อาหารพร้อมทาน (Shelf stable food) ประกาศเตรียมพร้อมลงทุนในประเทศเวียดนามหรือฟิลิปปินส์ เพื่อขยายโรงงานเพิ่มกำลังผลิต หรืออาจถึงขั้นเตรียมย้ายฐาน หากรัฐบาลใหม่นำนโยบายปรับค่าแรงขั้นต่ำเป็น 450 บาทต่อวันมาใช้จริง คาดกระทบต่อภาพรวมอุตสาหกรรมและเศรษฐกิจทั้งระบบ

อีกทั้งยังเปิดทางให้ประเทศเวียดนาม ฟิลิปปินส์ มีความน่าสนใจกับนักลงทุนมากกว่า เนื่องจากเป็นประเทศที่มีจำนวนประชากรวัยทำงานมาก และมีต้นทุนค่าจ้างแรงงานคุ้มค่ากว่าประเทศไทย ตนก็อาจต้องยอมเอา Know-how เอาเงินทุนไปลง เพื่อให้ธุรกิจแข่งขันได้ในระยะยาว


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top