Wednesday, 2 July 2025
POLITICS

‘หมอตุลย์’ ขย่มซ้ำ ส่งหนังสือถึงประธานวุฒิสภา ชี้ช่องสว. ลงชื่อถอดถอน ‘อิ๊งค์’ พ้นรมว.วัฒนธรรม

(1 ก.ค. 68) นายแพทย์ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ อาจารย์คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ส่งหนังสือเปิดผนึกถึงประธานวุฒิสภา โดยมีข้อความว่า 

เนื่องจากบัดนี้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯแต่งตั้งน.ส.แพทองธาร ชินวัตร เป็นรมว.ก. วัฒนธรรม และในวันนี้ ศาล รธน. ได้มีคำสั่งให้น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ยุติการปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ในข้อหาขาดคุณสมบัติความเป็นรัฐมนตรี เนื่องจาก ไม่มีความสุจริตเป็นที่ประจักษ์ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร จึงขาดคุณสมบัติที่จะเป็นรมว.ก.วัฒนธรรมด้วย 

ดังนั้น กระผมจึงขอเสนอให้สมาชิกวุฒิสภาจำนวนไม่น้อยกว่า 1 ใน 10 ร่วมกันลงชื่อให้ประธานวุฒิสภา ยื่นคำร้องต่อศาลรธน. เพื่อถอดถอนน.ส. แพทองธาร ชินวัตรออกจากตำแหน่ง รมว.ก.วัฒนธรรมอีกตำแหน่งหนึ่งด้วย นอกจากนี้ ในระหว่างการพิจารณาไต่สวน ขอให้ศาล รธน.มีคำสั่งให้น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ยุติการปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งรมว. ก. วัฒนธรรม ทันทีที่เข้าเฝ้าถวายสัตย์ฯ ตามรธน. แล้ว

จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณาดำเนินการ

ขอแสดงความรับถืออย่างยิ่ง

พรรคการเมืองแอบหลังเด็ก ท่องจำแต่เกลียดรัฐประหาร แต่กลับรับได้กับรัฐบาลไร้ฝีมือที่ส่อทำไทยเสียดินแดน

(1 ก.ค. 68) พรรคการเมืองเน่า ๆ พรรคหนึ่ง ณ แดนสยามยุคใหม่ อ้างตนว่าจะทำการเมืองแบบ “คนรุ่นใหม่” จะช่วยกันกำจัด “นักการเมืองน้ำเน่า” ที่คอยโกงชาติ โกงแผ่นดิน โกงประชาชนให้หมดสิ้นไป 

แต่ก็เป็นได้เพียงการโกหกคำโต ตลบตะแลง กลิ้งกลอก หลอกต้มได้เพียงเหล่า ”สาวกผู้เบาปัญญา” ให้หลงคล้อยตามเท่านั้น เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นและตั้งหน้าตั้งตาทำเป็นขบวนการมาโดยตลอดคือการเดินหน้า “ล้มล้างการปกครอง” กับ “ก่นด่าการรัฐประหารในอดีต” แต่กลับไม่เคยใช้อำนาจหน้าที่ของการเป็นนักการเมืองที่ดีช่วยพยุงชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และประชาชนให้พ้นความทุกข์ยากได้เลย 

ยิ่งหลังจากที่มี “คลิปเสียง” ระหว่าง “นายกไอแพด” กับ “อดีตเขมรแดงผู้แปรพักตร์” ออกมาให้โลกได้ยินถึงความชั่วร้ายในใจ ก็ยิ่งเห็น “สันดานดิบ” ของพรรคการเมืองล้มสถาบันได้อย่างชัดเจน ขณะที่คนไทยส่วนใหญ่ที่มีจิตปกติ ไม่ได้เป็นคนโง่ บ้า หรือกินอคติเป็นอาหาร จะเข้าใจอย่างถ่องแท้ทันทีว่าควรแสดงออกต่อเหตุการณ์ “นายกขายชาติ” อย่างไร 

คนไทยรับไม่ได้ อยากรักษาแผ่นดินของชาติเอาไว้ จึงนัดรวมพลในวันเสาร์ที่ 28 มิถุนายน 2568 ที่ผ่านมา ณ อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เพื่อสะท้อนว่าพวกเราคนไทยไม่นิยม “นายกทรยศแผ่นดิน” สมควรต้องขับไล่ให้พ้นจากตำแหน่ง ไปรับโทษทางกฎหมาย หรือออกจากแผ่นดินไทยไปให้พ้น ๆ

ประเทศไทยเราจะเสียดินแดน แม้เพียงสักหนึ่งตารางนิ้วเดียวก็ไม่ได้อีกแล้ว ไม่ได้จริง ๆ นี่คือ “สัจจะสำนึก” ของคนไทยผู้รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และประชาชนโดยแท้ 

แต่ขณะที่คนไทยผู้รักชาติ เสียสละเวลาออกไปช่วยกันปกป้องแผ่นดิน “พรรคการเมืองคนรุ่นใหม่” กลับไม่สนว่าประเทศไทยจะมีนายกโง่ รัฐบาลจะขายชาติก็ไม่ว่า ไม่แคร์แม้แผ่นดินไทยจะถูกเขมรโกงไป พรรคการเมืองไทยพรรคนี้รับได้ทั้งหมด ในสมองกลวง ๆ ท่องจำเพียงไม่เอารัฐประหาร ไม่เอาทหาร และไม่เอาปฏิวัติ

การเกลียด “การปฏิวัติรัฐประหารโดยทหาร” นั้น ไม่ใช่สิ่งที่เลว แต่การรับได้ที่ประเทศไทยต้องสูญเสียดินแดน รับได้ที่เรามีนายกโง่ที่แอบขายชาติ ต้องพูดว่า “เลวยังน้อยเกินไป” 

คนไทยเช่นนี้ ปล่อยอยู่ไปก็รกแผ่นดินของเรา 

ส่องประวัติ ‘6 รัฐมนตรีคนรุ่นใหม่’ ความหวังคนไทยใน ครม.แพทองธาร 1/2

(1 ก.ค. 68) ภายหลังเว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่พระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งรัฐมนตรีชุดใหม่ ภายใต้รัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร หรือ “ครม.แพทองธาร1/2” โดยมีรัฐมนตรีคนหนุ่มสาวรุ่นใหม่ไฟแรง ที่อาจกล่าวได้ว่าเป็นความหวังของคนไทยทั้งในปัจจุบันและอนาคต และหลายคนเป็นที่น่าจับตามองอย่างยิ่ง ส่วนจะมีใครกันบ้างไปติดตามกันเลย

1. นายพงศ์กวิน จึงรุ่งเรืองกิจ
ตำแหน่ง: รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน
หลานชายของนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และ รมว.คมนาคม
การศึกษา:
•ปริญญาตรี วิศวกรรมโยธา ม.ธรรมศาสตร์
•ปริญญาโท บริหารธุรกิจมหาบัณฑิต คณะบริหารธุรกิจ ม.รังสิต
ประวัติการทำงาน: เริ่มการทำงานด้วยตำแหน่งประธานกรรมการและกรรมการบริษัท อาทิ บริษัท จีเดค จำกัด, บริษัท ไออีซี กรีน เอนเนอร์ยี่ จำกัด, บริษัท ไออีซี บิซิเนส พาร์ทเนอร์ส จำกัด และบริษัท ไออีซี สระแก้ว 1 จำกัด
เส้นทางการเมือง: เริ่มต้นจากกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ ปี 2561 เป็น สส.บัญชีรายชื่อในปี 2562 ก่อนย้ายมายังพรรคเพื่อไทย ในการเลือกตั้งใหญ่เมื่อปี 2566 และได้รับแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษา รมว.คมนาคม และเป็นรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย

2. นาย อรรถกร ศิริลัทธยากร 
ตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 
สายตรงมือทำงาน ของ รอ.ธรรมนัส  พรหมเผ่า  ประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม 

การศึกษา:
ปริญญาตรี ด้าน Communication Arts ม.กรุงเทพ 
ปริญญาโท Marketing Management จาก MIDDLESEX UNIVERSITY ประเทศอังกฤษ

ก่อนหน้า อรรถกร ศิริลัทธยากร เคยดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์มาแล้ว ในยุครัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน 

3. นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล
ตำแหน่ง: รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
ลูกสาวนายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล อดีต รมช.คมนาคม และ รมช.พาณิชย์ ในสมัยรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
การศึกษา : 
ปริญญาตรี วิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี 

เคยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ในสมัยรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ในสมัยรัฐบาล นางสาวแพทองธาร ชินวัตร 1 

4. นายฉันทวิชญ์ ตัณฑสิทธิ์
ตำแหน่ง: รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์
ลูกชายของนายฐากร ตัณฑสิทธิ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยสร้างไทย
การศึกษา:

ปริญญาตรีด้านเศรษฐศาสตร์ (เกียรตินิยม) จาก London School of Economics and Political Science สหราชอาณาจักร
ปริญญาโทด้านเศรษฐศาสตร์จาก Columbia University สหรัฐอเมริกา
ประวัติการทำงาน: เป็นคนรุ่นใหม่ ในแวดวงเศรษฐศาสตร์ การเงิน การธนาคาร มีประสบการณ์หลากหลายในการวิเคราะห์และเสนอแนะนโยบายการเงิน รวมถึงการวิเคราะห์ภาวะการเงินและภาวะเศรษฐกิจ

5. นายชัยชนะ เดชเดโช
ตำแหน่ง: รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข

การศึกษา:
ปริญญาตรีศิลปศาสตรบัณฑิต สาขารัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง
ปริญญาโท ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขารัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง

เส้นทางการเมือง: เข้าสู่วงการการเมืองตั้งแต่อายุ 27 ปี เป็น สจ.เขตอำเภอร่อนพิบูลย์ จ.นครศรีธรรมราช ปี 2556-2561 จากนั้นตัดสินใจลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น สส.และได้รับเลือกตั้งเป็น สส.ครั้งแรกเมื่อ พ.ศ.2562 วัยเพียง 34 ปี สส.แทน และได้รับเลือกตั้งเป็น สส.นครศรีธรรมราช เป็นสมัยที่ 2 ปี 2566

6. น.ส.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์
ตำแหน่ง: รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ

การศึกษา:
ปริญญาตรีและปริญญาโท คณะรัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์ ม.เชียงใหม่
ปริญญาเอก คณะรัฐศาสตร์ ม.รามคำแหง

: เคยเป็นผู้ช่วยศาสตราจารย์ประจำคณะวิทยาการจัดการมหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม จ.พิษณุโลก และเป็นอาจารย์พิเศษมหาวิทยาลัยนเรศวร เคยได้รับแต่งตั้งเป็นโฆษกพรรคเพื่อไทย จากนั้นเป็นรองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กระทั่งการเลือกตั้งปี 2566 ลงรับสมัคร สส. แบบบัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 29 และได้รับเลือกตั้งเป็น สส. สมัยแรกในครั้งนี้

‘สุริยะ’ นั่งรักษาการนายกรัฐมนตรี หลัง ‘แพทองธาร’ ถูกสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่

(1 ก.ค. 68) ‘สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ’ รับไม้ต่อ นั่งรักษาการนายกรัฐมนตรี รองนายกฯ และรมว.คมนาคม หลังจากศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์รับคำร้องกรณี สว. ยื่นถอดถอน แพทองธาร ชินวัตร และมติ 7 : 2 สั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี

เนื่องจากประกาศโปรดเกล้าฯ คณะรัฐมนตรีชุดใหม่ มีคำสั่งให้ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พ้นจากตำแหน่ง และไปดำรงตำแหน่ง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รวมถึง นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ ที่พ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ไปดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีศึกษาธิการ,

น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล ที่พ้นจากตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ไปดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) และนายเดชอิชม์ ทองขาว ที่พ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ไปดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย

ทำให้ทั้ง 4 คน จะต้องรอการเข้าเฝ้าถวายสัตย์ฯ ในวันที่ 3 กรกฎาคมนี้ ถึงจะสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ เนื่องจากหากมีการปรับตำแหน่งใดตำแหน่งหนึ่ง แม้อีกตำแหน่งไม่ได้ปรับ ตามหลักก็จะต้องพ้นจากตำแหน่งเดิม

ขณะเดียวกันสำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ได้เตรียมแผนรองรับ หากศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้อง สว. และมีคำสั่งให้นายกรัฐมนตรีหยุดปฏิบัติหน้าที่ จากกรณีคลิปเสียงสนทนากับสมเด็จฮุน เซน

โดยรองนายกรัฐมนตรี ที่จะเข้ามานั่งปฏิบัติหน้าที่รักษาการนายกรัฐมนตรีแทน คือ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ซึ่งจะมีอำนาจเต็ม จะต้องนำเรื่องเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เพื่อแต่งตั้งรองนายกรัฐมนตรีให้สามารถสั่งการเกี่ยวกับแต่งตั้งบุคลากรและงบประมาณได้

‘อ.ไชยันต์’ ขอบคุณ ‘ทักษิณ-พรรคร่วม’ ฟื้นคืน ‘การเมืองเน่าๆเก่าๆ’ ให้คนรุ่นใหม่ได้เห็น

เมื่อวันที่ (30 มิ.ย.68) ศ.ดร.ไชยันต์ ไชยพร อาจารย์ประจำภาควิชาการปกครอง คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊ก Chaiyan Chaiyaporn ระบุว่า "ขอบคุณทักษิณและพรรคร่วม ที่ช่วยกันทำให้การเมืองเน่าๆเก่าๆกลับมา ให้คนรุ่นใหม่ได้เห็น"

นายกฯ เชิญ ‘ประธานาธิบดี มาครง’ เยือนไทย ย้ำชัดพร้อมหารือกัมพูชาแก้ปมชายแดนด้วยสันติวิธี

นายกฯ เผยเชิญ ‘มาครง’ ประธานาธิบดีฝรั่งเศส เยือนไทย ย้ำพร้อมหารือกัมพูชา แก้ปมชายแดนสันติวิธี ผ่านกลไกทวิภาคีของสองประเทศ 

(30 มิ.ย. 68) น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊ก 'Ing Shinawatra' ระบุว่า “ดิฉันรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้หารือทางโทรศัพท์กับท่านเอมานูว์แอล มาครง ประธานาธิบดีสาธารณรัฐฝรั่งเศส เพื่อแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นถึงการสานต่อ และกระชับความร่วมมือทุกมิติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านเทคโนโลยีอวกาศ กลาโหม และพลังงานสะอาด เพื่อยกระดับความสัมพันธ์ของไทย-ฝรั่งเศสไปสู่ความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ ที่ต่างยึดมั่นในคุณค่าร่วมกันในการส่งเสริมการค้าเสรีระหว่างประเทศ และระเบียบโลกที่ตั้งอยู่บนกติการะหว่างประเทศ” 

“ดิฉันได้เน้นย้ำบทบาทเชิงรุกของไทย ในการส่งเสริมความเป็นแกนกลางของอาเซียน รวมถึงความมุ่งมั่นของไทยในการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการหลอกลวงทางออนไลน์ ซึ่งเป็นภัยคุกคามที่ส่งผลกระทบต่อหลายประเทศทั่วโลก รวมถึงได้ย้ำความมุ่งมั่นของไทยที่จะหารือกับฝ่ายกัมพูชา เพื่อหาทางออกของปัญหาชายแดนด้วยสันติวิธีผ่านกลไกทวิภาคีที่มีอยู่ ซึ่งประธานาธิบดีมาครงแสดงความเข้าใจในท่าทีดังกล่าวของไทย และพร้อมให้การสนับสนุน” 

“ดิฉันยังได้ขอบคุณฝรั่งเศสที่สนับสนุนไทยในการเจรจาความตกลงการค้าเสรีไทย-สหภาพยุโรป และการสมัครเข้าเป็นสมาชิก OECD ของไทย ซึ่งจะก่อให้เกิดประโยชน์ระยะยาวแก่ทั้งสองฝ่าย และดิฉันได้ใช้โอกาสนี้เชิญประธานาธิบดีมาครงเยือนไทยอย่างเป็นทางการในช่วงเวลาที่สองฝ่ายเห็นว่าเหมาะสม โดยประธานาธิบดีมาครงก็ได้เชิญดิฉันเยือนฝรั่งเศสเช่นกันค่ะ”

ที่น่าผิดหวังพอๆ กับพรรคเพื่อไทย ก็คือ พรรคประชาชน มัวแต่นั่งประดิษฐ์วาทกรรม โน่นนี่นั่น ใช้คำใหญ่โต

(29 มิ.ย. 68) เฟซบุ๊กของ นายปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ นักวิชาการและผู้ต้องหาคดี 112 ซึ่งหลบหนีอยู่ในต่างประเทศ โพสต์ข้อความกรณีที่นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน กล่าวหาว่าการชุมนุมของคณะรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตยเปิดทางให้กับการทำรัฐประหาร และปลุกปั่นกระแสชาตินิยมที่เกินเลยขอบเขต ว่า "ที่น่าผิดหวังพอๆ กับพรรคเพื่อไทย ก็คือพรรคประชาชน มัวแต่นั่งประดิษฐ์วาทกรรมโน่นนี่นั่น ใช้คำใหญ่โต ด่าฮุนเซนเป็นบิดาแห่งสแกมเมอร์ ใช่ การเมืองต้องมีสีสัน แต่มึงต้องมีสาระด้วย ตั้งแต่เกิดวิกฤตการเมืองล่าสุด พรรคส้มได้ตั้งโต๊ะแถลงหรือยัง ได้ออกแถลงการณ์ประนามกัมพูชาหรือยัง ได้ส่งตัวแทนไปยื่นหนังสือที่สถานทูตเขมรหรือยัง ได้ reach out ไปถึงอาเซียนขอความช่วยเหลือในการคลี่คลายปัญหาไหม หรือแม้แต่ยกหูโทรศัพท์คุยกับทูตเขมรหรือเปล่า (ถ้าเค้าไม่คุยกับมึงก็อีกเรื่องนึง)

นอกจากนี้ มีการตั้งโต๊ะแถลงให้รัฐบาลต้องรับผิดชอบเรื่องนี้ไหม รับผิดชอบอย่างไร หาทางออกให้สังคมอย่างไร รวมถึงการหารือร่วมกับฝ่ายค้าน ตัวแทนภาคประชาสังคม NGOs เรื่องนี้อย่างไร ส่ง สส ให้ไปดู/สังเกตการณ์ชายแดนกัมพูชาไหม หรือสาระแนแต่จับแรงงานต่างด้าวทางภาคเหนือเท่านั้น

แล้วการชุมนุมเมื่อวาน ท่าทีพรรคส้มคืออะไร มีการประนามการเรียกร้องรัฐประหารทันทีไหม หรือแค่รอดูทิศทางลม อีกเรื่อง ในวิกฤตนี้ พรรคส้มได้ให้การศึกษาสังคมแค่ไหน มี สส คนไหนพูดรู้เรื่องเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ความขัดแย้งไทย-กัมพูชาที่นอกเหนือจาก official statement ของรัฐบาลไหม มีใครรู้จริงเรื่องข้อพิพาทล่าสุดไหม หรือข้อมูลเชิงลึกเรื่องผลประโยชน์ฮุนเซนในธุรกิจชายแดนหรือเปล่า

...ที่เขียนมาซะยาว อาจจะดูเยอะ แต่ถ้าพรรคประชาชนไม่ทำ/ทำไม่ได้ เราจะมีหวังให้อีพรรคนี้เข้าไปเป็นรัฐบาลในอนาคตได้อย่างไร เพราะเข้าไป ก็คงเข้าไปนั่งประดิษฐ์คำพูด รอทิศทางลม หรือจนในปัญญาตัวเองที่แก้ไขสถานการณ์แบบนี้ไม่ได้"

‘เพื่อไทย’ ไม่ตกใจ!! ผลโพล ‘นายกฯ’ คะแนนร่วง เผย!! ตจว.เข้าใจคลิปคุย ‘ฮุนเซน’ เป็นเทคนิคการทูต

(29 มิ.ย. 68) นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนิด้าโพลเปิดผลสำรวจความเห็นประชาน ที่คะแนนนิยม น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี หล่นไปอยู่อันดับ 5 และคะแนนนิยมพรรค พท.ตกไปอยู่ที่ 3 ว่า ไม่น่าตกใจ เป็นผลพวงจากคลิปสนทนาระหว่างนายกรัฐมนตรีกับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ที่บางกลุ่มยังไม่เข้าใจว่าเป็นเทคนิคทางการทูต แต่ประชาชนต่างจังหวัดส่วนใหญ่ยังเข้าใจการทำหน้าที่ของนายกรัฐมนตรี

นายวิสุทธิ์ กล่าวต่อว่า ผลโพลที่ออกมาดังกล่าวสะท้อนอารมณ์ประชาชนที่สอบถามความรู้สึกในช่วงขณะนั้น แต่อีก 3 - 4 วันต่อมาอาจเปลี่ยนแปลงได้ หลังจากรัฐบาลได้ชี้แจงทำความเข้าใจ ให้ประชาชนรับทราบข้อมูลมากขึ้น หลังจากนี้เป็นหน้าที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดใหม่ ต้องทำงานแก้ปัญหาเต็มที่ โดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจปากท้องชาวบ้าน มั่นใจว่าคะแนนนิยมนายกรัฐมนตรี และพรรค พท.จะกลับมาดีขึ้นแน่นอน ไม่ใช่ว่าจะเลือกตั้งในวันพรุ่งนี้ ควรให้กำลังใจนายกรัฐมนตรี อย่างไรก็ตาม สส.เพื่อไทย ยังมั่นใจในคะแนนพรรคว่ายังมั่นคงอยู่

เมื่อถามถึง การชุมนุมใหญ่ขับไล่รัฐบาล เมื่อวันที่ 28 มิ.ย.ที่ผ่านมานั้น นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า คนขึ้นเวทีมีแต่คนหน้าเดิมๆ เป็นพวกขาประจำ แถมแกนนำบางคนยังยุให้ทำรัฐประหาร มีที่ไหนทำกัน อยากให้ประเทศเกิดรัฐประหาร ใช้วิธีโคตรโบราณ พวกที่ขึ้นเวทีอยากกลับมาเป็น สว.หรือมีตำแหน่งทางการเมือง หากมีการปฏิวัติเกิดขึ้น เชื่อว่าม็อบไม่น่าจะจุดติด แม้แต่ฝ่ายค้านอย่างพรรคประชาชนยังคิดได้ เราไม่เอาด้วยกับการรัฐประหาร อย่าไปตกใจมากมาย

เมื่อถามว่า หลังปรับ ครม.ยังมั่นใจหรือไม่ว่ารัฐบาลจะยังมีเสถียรภาพ จะไม่ถูกพรรคร่วมรัฐบาลกดดันการทำงานในช่วงที่มีเสียงปริ่มน้ำ นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า ทุกพรรคต้องขยันทำงานมากขึ้น เอาสภาฯ เป็นตัวตั้ง การประชุมสภาฯ ในวันพุธ - พฤหัส ควรอยู่ที่สภาฯ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาเรื่องนับองค์ประชุม ไม่ควรไปอยู่ตามสนามบิน หรืออยู่ในพื้นที่ตัวเอง เพราะสภาฯ คือที่ทำงานของ สส.หากพรรคร่วมรัฐบาลใช้วิธีกดดันรัฐบาล จนต้องยุบสภาหรือรัฐบาลเจ๊ง โดยที่ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2569 ยังไม่ผ่านวาระ 3 ยิ่งเป็นการทำร้ายประเทศ มั่นใจว่า พรรคร่วมรัฐบาลยังมีเสถียรภาพ ไม่ขัดแย้งถึงขั้นนายกฯ ต้องยุบสภาหรือลาออก

‘ศ.ดร.ไชยันต์’ จี้!! ‘พรรคส้ม’ ยื่นซักฟอก สลัด!! ปมอิงแอบลับๆ กับตระกูลชินวัตร

(29 มิ.ย. 68) ศ.ดร.ไชยันต์ ไชยพร อาจารย์ประจำภาควิชาการปกครอง คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์เฟซบุ๊กว่า … 

เรียน พรรคประชาชน

สภาจะเปิด 3 ก ค นี้ หากพรรคประชาชนไม่ยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯแพทองธาร  ทั้งๆที่พรรคมีจำนวน สส มากพอที่จะขอเปิด

ก็แปลว่า พวกคุณยังให้ความไว้วางใจแพทองธาร

ในอนาคต หากพวกคุณจะขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯคนใด ที่ไม่ได้ทำงานแย่อย่างนายกฯ คนนี้  คุณจะมีคำอธิบายอย่างไร ?

การอภิปรายไม่ไว้วางใจอาจไม่ได้ลงเอยอย่างที่คุณคาดหวัง

นายกฯอาจจะยังได้เสียงเกินครึ่ง

อาจไม่มีการยุบสภา

แต่การอภิปรายไม่ไว้วางใจโดย สส ฝ่ายค้านที่มีคุณภาพ คือ การทำหน้าที่แทนประชาชนในการซักถาม ติติงสิ่งที่นายกฯได้ทำลงไป

เชื่อว่า ถ้าพรรคประชาชนเลือกทำตามหน้าที่และครรลองของผู้นำฝ่านค้านยื่นญัตติขออภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯแพ ตามแบบแผนระบบรัฐสภาของตะวันตก

พรรคประชาชนจะได้รับความเชื่อมั่นและไว้วางใจว่า ไม่เล่นการเมืองแบบอิงผลประโยชน์ของพรรคเหนือมาตรฐานทางการเมืองสากล

แม้อาจจะไม่มีการยุบสภาโดยเร็วตามที่พรรคต้องการ

แต่เชื่อว่า หากทำตามหน้าที่แล้ว ยุบสภาเมื่อไร พรรคท่านจะได้คะแนนนิยมมากขึ้นโดยไม่มีใครคิดว่า ท่านแอบเป็นพันธมิตรแบบลับๆกับตระกูลชินวัตร!!

‘อดีตบิ๊กศรภ.’ ฟันธง!! ยอดมวลชน ‘อนุสาวรีย์ชัยฯ’ เมื่อวานนี้ ทะลุห้าหมื่น ชี้!! ประสบความสำเร็จ แม้จะเป็นการชุมนุมนัดแรก และมีฝนตกกระหน่ำ

(29 มิ.ย. 68) พลโทนันทเดช เมฆสวัสดิ์ อดีตหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ (ศรภ.) โพสต์เฟซบุ๊ก เรื่อง “เมื่อวานนี้มีคนออกมาไล่ นายกฯอิ๊ง และ ฮุนเซน กี่คนกันแน่!” ระบุว่า ตั้งแต่เข้ารับราชการเป็นทหาร ผมก็อยู่ในกองที่ทำงานสืบสวนคลุมพื้นที่กรุงเทพ และ ปริมฌฑล (กอง ที่ทำงานสืบสวนใน ศรภ.นั้นมีกำลังพลเกิน 100 คนขึ้นไปทุกกอง บางกองไปถึงกว่า 500 คน) ดังนั้น พื้นที่ไหนในกรุงเทพ บรรจุคนได้เท่าไร การประเมินของหน่วยข่าว จึงไม่ค่อยผิดพลาด ครับ ยกเว้นแต่เจ้านายจะเอาไปแก้ ให้น้อยลง

เมื่อวานนี้ผมมาถึงอนุสาวรีย์ชัย ประมาณ 16.00 น. ได้ พอมาถึงก็เดินเข้าหาที่ชุมนุมทันที ทักทายผู้คนทั้งที่รู้จักและไม่รู้จักมาตั้งแต่อยู่บนรถไฟฟ้าแล้ว ระหว่างทางเกิดพายุฝนหนักหนามาก จนดูเหมือนฟ้ากับดินประสานเชื่อมเป็นหนึ่งเดียวกัน เมื่อมาถึงบริเวณอนุสาวรีย์ ผมก็กลายเป็น ลูกหมาตกน้ำ ไปแล้ว หลายกลุ่มที่นัดหมายพบกันไว้ก็ผิดพลาดกระจัดกระจายกันไปหมด เช่น กลุ่มเชียงใหม่  รศ.ธีระฯ  คุณ กุ๊ก และ รศ.อัศวนีย์, กลุ่มพิษณุโลก อ.จักษ์, กลุ่มปากช่อง เฮียเกรียง, กลุ่ม สตูล บังโต, กลุ่มเพชรบุรี  หมีเซี้ย ฯลฯ ส่วนกลุ่มภูเก็ตมาเจอตอนขากลับ ก็ขออภัยด้วยครับ แต่เชื่อเถอะมันคงต้องมีเรื่องมาให้พบกันแบบนี้อีก แน่นอน

พอฝนหยุดตกสักพัก ผมก็มายืนร้องเพลงชาติ อยู่ที่หัวมุมถนน ทุกคนร้องกันสุดเสียง เหมือนต้องการระบายอะไรในใจออกไป จากนั้นผมก็ไปขอพักอยู่กับ กลุ่มสุขุมวิทย์ ของ พี่แอ๊ว พี่แดง ที่ห้องอาหารชั้น 3 พงหลี  พอตัวแห้งดีแล้ว ก่อนกลับก็ลงมาสำรวจพื้นที่อีกที

คนดูเหมือนจะเต็มลานอนุสาวรีย์  เว้นแต่พื้นที่เล็กๆ 3 แห่งที่มีน้ำฝนขังเป็นแอ่งน้ำไว้มาก ผู้ชุมนุมจึงขยายตัวเข้าไปในถนนทางไปดินแดงและพหลโยธิน (ทุกถนนที่แยกจากอนุสาวรีย์มีคนทั้งนั้นแต่ไม่มากเหมือนทางพหลโยธิน ส่วนทางดินแดง มีจักรยานยนต์จอดอยู่ช่วงกลางถนน น่าจะเป็นของผู้มาร่วมชุมนุมและสำหรับให้บริการรับส่งเข้า-ออกพื้นที่ชุมนุม  ส่วนอีก 2 ถนน เป็นที่ขึ้นลงรถไฟฟ้า เป็นจุดหลักให้ผู้คนเข้ามาร่วมชุมนุม ซึ่งมีการเดินเข้าตลอดเวลาแม้จะใกล้ช่วงปิดงาน)

บน Skywalk ผู้ชุมนุมจัดระเบียบกันเอง แถวหน้าสุด นั่งกับพื้นหรือใช้เก้าอี้ตัวเล็กๆนั่ง แถว 2 ยืนเบียดกันค้ำหัวแถวแรก แถว 3-4 เป็นช่องทางเดินสวนกันไปมาแน่นเอียดเหมือนไหลไป แถว 5 ปีนนั่งตามราวขอบ(อย่างน่าหวาดเสียว บางคนถือธงชาติผืนใหญ่โบกไปมาด้วย) ทุกขั้นบันไดขึ้นลงก็มีลักษณะเดียวกัน แต่ยืนเป็นหลัก

ตามปกติ ลานอนุสาวรีย์และ ขอบฟุตบาท จะบรรจุคนได้ประมาณ 5 หมื่นคน (15 แถวหน้าเวทีต้องนั่ง ) แต่คราวนี้ นั่งไม่ได้ เพราะมีน้ำฝนขัง ทำให้แฉะ  ผู้ร่วมชุมนุนจึงต้องยืน และค่อนข้างแน่น (ดูภาพที่ผมถ่ายมาประกอบ) คนจึงมากขึ้นกว่าปกติ เพราะการนั่งจะเปลืองพื้นที่มากกว่ายืน นอกจากนั้น ผู้ชุมนุมยังเกินล้น กระจายเข้าไปในถนนทุกสายที่แยกจากอนุสาวรีย์ประมาณ 30 ถึง 40 เมตร และยังมี บน Skywalks ที่แน่นขนัดเพิ่มเข้าไปอีก

สรุปแล้วผู้เข้าร่วมชุมนุมก็จะได้ประมาณห้าหมื่นคน (แบบไม่ต้องใช้ AI ช่วยเสริมเติมแต่งเพิ่ม)  ก็คงมากกว่าที่กัมพูชา ซึ่งมีประมาณ 2 หมื่นคนกระมังครับ

ครั้งนี้ก็ถือว่าเป็นการทำลายสถิติ แม้การจัดเครื่องเสียงจะไม่ค่อยสมบูรณ์นัก เพราะเป็นการชุมนุมครั้งแรก ประกอบกับฝนกระหน่ำอย่างหนัก  ซึ่งน่าจะไม่ค่อยมีคนมามากขนาดนี้ อย่างมากก็ 3-4 หมื่นคน  ยกเว้นแต่จะชุมนุมต่อเนื่องกันมาระยะหนึ่งแล้ว ดังนั้นจึงถือว่าประสบความสำเร็จ ซึ่งจะสะท้อนไปถึงรัฐบาลหรือไม่ ก็แล้วแต่ว่าแกนนำรัฐบาล  จะใช้สมองคิดบ้างไหมเท่านั้น

เรื่องอะไรๆ ก็ผ่านมาหมดแล้ว อยากให้ผู้ใหญ่ของบ้านเมืองนี้  หรือของกัมพูชาด้วยก็ได้ เข้าใจว่า “ ดวงตะวันนั้นขึ้น แล้วก็ตก แต่นรก(ในใจ) ตกแล้วขึ้นยากครับ ”

‘เพื่อไทย’ ดรามา รับไม่ได้!! แกนนำม็อบปลุกระดมให้ ‘รัฐประหาร’ เผย!! สร้างความเจ็บปวดให้ประชาชน คนมากมาย ต้องสูญเสียชีวิต

(29 มิ.ย. 68) นายดนุพร ปุณณกันต์ สส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า สถานการณ์การชุมนุมเมื่อวันที่ 28 มิ.ย. ที่ผ่านมา ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ภาพรวมเป็นไปด้วยความเรียบร้อย โดยนายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรี และพรรคเพื่อไทย ขอยืนยันว่าการชุมนุมเป็นการแสดงออกเป็นสิทธิตามกฎหมาย และเป็นการแสดงออกตามรัฐธรรมนูญแห่งพระราชอาณาจักรไทย โดยปราศจากความรุนแรง ปราศจากอาวุธและชอบด้วยกฎหมาย แต่สิ่งที่พรรคเป็นห่วงคือเนื้อหา การปลุกระดมของแกนนำบางท่านที่มีการพูดถึงการปฏิวัติรัฐประหาร ซึ่งเป็นสิ่งที่พรรคเพื่อไทยไม่อาจจะรับได้ ขอเรียกร้องไปยังพี่น้องประชาชนที่รักในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ว่าพวกเราจะไม่เดินทางไปสู่การปฏิวัติรัฐประหารอีกแล้ว

นายดนุพร บอกด้วยว่า ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา พี่น้องประชาชนหลายคนมีความเจ็บปวดอย่างประเมินค่าไม่ได้ มีการสูญเสียชีวิตเป็นจำนวนมากกับการเรียกร้องและขัดขวางการรัฐประหาร เพราะฉะนั้นขอเรียนว่าทางพรรคไม่อาจรับได้เรื่องการปฏิวัติรัฐประหาร

‘เปลว สีเงิน’ เผย!! เตรียมดัน นิรโทษกรรม สุดซอย ชี้!! ‘รวมพลังแผ่นดิน’ ยังไม่สิ้นภารกิจ ถ้าประเทศยังอยู่ในมือ ‘ไส้ศึกเขมร’

(29 มิ.ย. 68) ‘เปลว สีเงิน’ นักหนังสือพิมพ์และคอลัมนิสต์ชื่อดัง ได้นำเสนอบทความ ในหัวข้อ ‘ชาติต้องการท่าน’ โดยระบุว่า…

ดูลีลา “ฮุน เซน” มา ๔-๕ วัน

ต้องบอกว่า “ร้ายกาจ” สมกับที่ดำรงตำแหน่งนายกฯ ยาวนานที่สุดในโลก คือร่วม ๔๐ ปี!!

จากวันแรกที่ฮุน เซน ปล่อยคลิปสนทนาอุ๊งอิ๊ง จนถึงเมื่อวาน (๒๗ มิ.ย.) ที่ฮุน เซน จับตระกูลชินแก้ผ้าแล้วชำแหละทีละชิ้นโยนให้หมากิน

ใช่ว่าฮุน เซน พูดแบบ “ปากพาไป” โดยไม่มียุทธศาสตร์-ยุทธวิธีทางเป้าหมาย

ตรงกันข้ามเป้าหมายพิฆาตของฮุน เซน เจาะจงที่รัฐบาล “สองพ่อลูกตระกูลชิน” โดยตรง!!

สังเกตได้จากคำพูดและการโพสต์เฟซฯ ของฮุน เซน และฮุน มาเนต เขาจะเน้นตลอดว่า เขาไม่ได้เป็นศัตรูกับประเทศไทยและคนไทย

กระทั่งกับทหารคือกับกองทัพไทย .....

เขาก็ไม่ได้ปรารถนาที่จะเป็นศัตรูถึงขั้นอยาก “ลองของ”

ศัตรูของสองพ่อลูกเขมร ที่เขาตามราวีอยู่ขณะนี้  คือ

“นายกฯ อุ๊งอิ๊ง” กับ “ทักษิณ”

และคนบางคนในตระกูลชินที่ “มีอะไรลับๆ”  ฝากไว้กับเขาเท่านั้น!!

ที่ผมบอกว่าฮุน เซน “ร้ายกาจ” เพราะเขาฉายหนังตัวอย่างไว้ว่า “จะแฉเรื่องทักษิณหมิ่นสถาบัน” ในวันนี้ คือเมื่อวาน (๒๗  มิ.ย.)

ทำเอาแฟนๆ “งูเก็งกอง” แห่กันปูเสื่อเฝ้าหน้าจอ แต่เอาเข้าจริง เรื่องหมิ่นสถาบัน ฮุน เซน กลับวับๆ แวมๆ เพียงว่า......

“นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้ทำการดูหมิ่นพระมหากษัตริย์ไทย แต่ผมจะไม่พูดในรายละเอียด หากทางการไทยต้องการทราบว่านายทักษิณดูหมิ่นพระมหากษัตริย์ของตนอย่างไร

ทางการไทยสามารถส่งทูตพิเศษไปสอบถามโดยละเอียดได้ ผมยืนยันเรื่องนี้และสัญญาว่าจะให้คำตอบโดยละเอียดมากขึ้น”

นี่แหละ ความร้ายกาจของฮุน เซน

ไม่ใช่ตรงที่ “วางยา” ทักษิณ

แต่ตรงที่ “ฮุน เซน” รู้จักหัวใจประเทศไทยและคนไทยดี ดีกว่าคนไทยบางคน-บางพวกด้วยซ้ำ ว่าอะไรควรพูด-อะไรไม่ควรพูด

ดังนั้น ฮุน เซน จึงแค่ฉายหนังตัวอย่างในคำที่เขากล่าวหาว่าทักษิณหมิ่นสถาบัน

เพราะถ้าเขานำคำที่ทักษิณพูดมาแฉว่า ทักษิณพูดอย่างนี้...อย่างนี้...นั่นเท่ากับฮุน เซน “หมิ่นสถาบัน” ด้วย

ฮุน เซน ถึงบอกว่า ถ้าทางการไทยอยากได้รายละเอียดให้ส่งเจ้าหน้าที่ไปสอบถามเขานั่นไง!!

แสดงว่า “ฮุน เซน กับทักษิณ” ตอนนี้ เข้าตำรา “ผลประโยชน์ขัดกัน ต้องบรรลัยกันไปข้าง”

ข้างไหนจะบรรลัยก่อนหรือจะบรรลัยไปด้วยกัน คนไทยบอก...ได้ทั้งนั้น!!

เมื่อวาน ฮุน เซน พูดแบบเมดเลย์ เตะพ่อนายกฯ ด้วยเรื่องหมิ่นสถาบันไปแล้ว

ก็หันไปตบหลานอุ๊งอิ๊ง ที่พูดถึงแม่ทัพภาคที่ ๒ “พล.ท.บุญสิน พาดกลาง” กับฮุน เซน ว่า “แม่ทัพภาคที่ ๒ เป็นฝ่ายตรงข้ามกับเรา”

โดยฮุน เซน บอกว่า........

“การกระทำของนายกรัฐมนตรีไทยในการพูดคุยกับผม แล้วดูหมิ่นโจมตีแม่ทัพภาคที่ ๒ นั้น ถือเป็นการก่อกบฏ”

“การกระทำเช่นนี้ถือเป็นการทรยศต่อแผ่นดินไทยหรือไม่ แต่ในกัมพูชา การสมคบคิดกับต่างประเทศดูหมิ่นผู้บัญชาการทหารของตนเอง

ถือเป็นความผิดฐานทรยศต่อแผ่นดิน

ในประเทศไทย การกระทำเช่นนี้ อาจถือเป็นเรื่องปกติ แต่กัมพูชาไม่อนุญาตให้วิพากษ์วิจารณ์และดูหมิ่นกองกำลังทหารของตนเอง”

.....ฝ่ายไทยได้เปิดเผยอย่างลับๆ ผ่านเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญของผมว่า เมื่ออำนาจของ น.ส.แพทองธาร แข็งแกร่ง แม่ทัพภาคที่ ๒ อาจถูกตัดสินจำคุกได้

สำหรับผมไม่เคยดูหมิ่นหรือทำร้ายผู้บัญชาการทหารของไทยคนใดเลย

แต่สงสัยว่า ทำไมนายกรัฐมนตรีของไทย จึงกล้าดูหมิ่นแม่ทัพของตนเอง เพื่อเอาใจผม ทั้งที่ผมไม่จำเป็นต้องรู้เรื่องราวภายในของไทยเลย”

นี่เป็นการวิพากษ์เชิงแฉพร้อมไซโคแยกมิตร-แยกศัตรูที่แยบยล สมกับความเป็นเฒ่าสารพัดพิษจริงๆ!!

เมื่อ “เตะ-ตบ” แล้ว ฮุน เซน ก็ “ยำ” สองพ่อลูกต่อ....

“นายทักษิณ แกล้งป่วยหลายโรค เพื่อหลบเลี่ยงข้อกฎหมาย นายทักษิณไม่ได้ป่วย อุปกรณ์ที่ใส่คอ ใส่มือ ก็แค่การแสดง

ในวันที่ผมเข้าพบนายทักษิณ เมื่อวันที่ ๒๑ ก.พ.๖๗ นั้น นายทักษิณไม่ได้ป่วย แต่เมื่อถ่ายรูปคู่กับผม กลับเอาชุดผู้ป่วยมาสวม เพื่อหลอกสายตาประชาชนและเจ้าหน้าที่ไทย

ตอนเข้าพบนายทักษิณแรกๆ ไม่รู้ว่าจะแกล้งป่วย เหตุที่เพิ่งมาเปิดเผยตอนนี้ ก็เพราะว่ามีคุณธรรม ตอนนั้น จึงยังไม่เปิดเผย

และที่มาเปิดเผยตอนนี้ ก็เพราะว่าลูกสาวของนายทักษิณ “นายกฯ ไทย” เป็นคนไม่มีคุณธรรม”

เละเป็น “โจ๊ก-จันทร์ส่องหล้า” ไปเลย!!

โจ๊กจะอร่อย มันต้องใส่ไข่ ว่าแล้วฮุน เซน ก็ตอกไข่ “อาปู” ดังโพละ.....

“น.ส.ยิ่งลักษณ์ รอดพ้นการจับกุมในประเทศไทย ก็เพราะเดินทางออกนอกประเทศ ผ่านกัมพูชาไปสิงคโปร์ ด้วยหนังสือเดินทางกัมพูชา

ด้วยการสนับสนุนจากผมเอง และสามารถหลบหนีออกมาได้อย่างปลอดภัย เมื่อถึงที่ปลอดภัยแล้ว น.ส.ยิ่งลักษณ์โทรศัพท์มาขอบคุณทั้งน้ำตา

ผมยังได้ขอโทษที่โกหกนายกรัฐมนตรีมาเลเซียที่ถามว่า “น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หลบหนีไปที่ไหน”

ทั้งหมดที่ฮุน เซน พูด อะไรๆ ก็คลายเครียดได้ทั้งนั้น ยกเว้นเรื่องเดียวที่ฮุน เซน ดูจะโม้เกินเบอร์เขมรไปหน่อย

“แม้อาวุธของกัมพูชาจะสามารถยิงเข้าถึงกรุงเทพฯ ได้ แต่กัมพูชาจะไม่ยิง......”

แหม...อยากให้ยิงจัง อยากฟังเสียงปืนเขมรน่ะ บอกตรง!!

ผมก็สรุปเส้นทาง “โจรล้างโจร” ให้ฟัง ว่าทิศทางมันเป็นอย่างนี้ อย่าว่าแต่คนไทยขับไล่ “แพทองธาร” ออกไปจากตำแหน่งนายกฯ เลย

ฮุน เซน ก็ยังช่วยขับไล่ทั้งใส่ไฟ-โหมฟืนฌาปนกิจ “สองพ่อลูก” ตระกูลชิน แสดงว่า เรื่องที่ทำให้สองตระกูลนี้ต้องแตกหัก

เดิมพันมันต้องมหิมา

และฝ่ายฮุน เซน ยังกำ “กล่องดวงใจ” ทักษิณไว้อีกมาก ฝ่าย สทร.จึงต้องอมสาก กลัวถูกสวน!!

ลำพังฮุน เซน ออกมาลากไส้สองพ่อลูกตระกูลชิน ชาวบ้านก็ไม่ว่าอะไร นอกจากตามแห่-ตามฮา สนุกๆ กันไป

แต่ “กรรม” จำเพาะ นายกฯ ไทยดันปากเปราะ

เอาแม่ทัพ-ภาคที่ ๒ ของประเทศตัวเอง ไปนินทาว่ากล่าวให้กับเขมรซึ่งเป็นฝ่ายตรงข้ามฟัง

มันเป็นพฤติกรรมเข้าข่าย “บ่อนทำลาย-ขายชาติ” เยี่ยงไส้ศึกทำเสื่อมเสียเกียรติกองทัพและประเทศชาติมาก!!

ยิ่งตัวนายกฯ หญิงออกมายอมรับว่า โทรศัพท์ไปพูดอย่างนั้นกับฮุน เซนจริง แถมลอยหน้าเถียง ที่พูดไปนั้น “ไม่ได้ทำให้ชาติเสียอะไร”

จากที่คนไทยจะฮึ่มกับฮุน เซน พากันหันกลับมาแหกนายกฯ ไทย-ใจเขมรแทน ถึงขั้นแห่กันมาจากทุกสารทิศ วันนี้ (๒๘ มิ.ย.) ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เป็นหมื่น-เป็นแสน

ไล่นายกฯ “ไส้ศึกเขมร” ออกไป

ขืนให้อยู่ต่อ ใครจะรับประกันได้ว่า “รัฐบาลเพื่อไทย” ใต้อำนาจสองพ่อลูก

จะไม่เอาประเทศไปเร่ขายให้กลุ่มทุนต่างชาติเข้ามาผูกขาดทั้งยึดครอง ตอนนี้ก็กำลังเป็น “ม้าอารี” แบ่งพื้นที่ให้ “อิสราเอล” เข้ามาอยู่กันแล้ว

ต่อไป คนไทยมีสิทธิ์ถูกอิสราเอลที่เราให้เข้ามาอาศัย ไล่พวกเราออกจากแผ่นดินไทย

เหมือนชาวปาเลสไตน์ ต้องไร้ที่อยู่-ที่กิน เพราะอิสราเอลเข้ามาแล้วขับไล่ให้ชาวปาเลสไตน์ออกจากกาซาไปก็เป็นได้!!

อีกาตัวดำ ร้องบอกข่าว เรายังขอบใจ

แล้วนี่ ถือซะว่า “ลุงข้างบ้าน” บอกข่าว ควรลดโทษให้กึ่งหนึ่ง เพราะถ้าเขาไม่บอก เราจะรู้หรือว่า....

“นายกฯ ไทย” เป็นไส้ศึกให้ “ประเทศเขมร” ขายชาติ-ขายกองทัพประเทศตัวเอง โดยผลักทหารไปเป็น “ฝ่ายตรงข้าม”

ถ้าฮุน เซน อุบอิบไว้ เราเชื่อได้หรือว่า....

รัฐบาลไทยภายใต้อุ๊งอิ๊ง จะไม่เอาผลประโยชน์ชาติ ไปแลกผลประโยชน์ให้ว่านวงศ์พงศ์เผ่าเหง้าโคตรตัวเองอีกขนาดไหน

ฉะนั้น เราจะไว้วางใจกับรัฐบาลเพื่อไทยไม่ได้เลย เหมือน “ฝากเนื้อกับเสือ-ฝากเหยื่อกับตะกวด” มันฟาดเรียบ
ต้องให้มันลาออกไป

แล้วดูซี วันที่ ๓ กรกฎา.สภาเปิด ปัญหาบ้านเมืองสุมหัว เศรษฐกิจปากท้องชาวบ้านบานตะไท

 แต่เรื่องแรกที่รัฐบาลแพทองธารผลักเข้าสภาเรื่องอะไร รู้มั้ย

เรื่อง “นิรโทษกรรม” สุดซอย ทั้งแดง-ทั้งส้ม ทั้งทักษิณ

ผลประโยชน์แดง/ส้ม ลงตัวกัน

แค่สองพรรค ฝ่ายรัฐบาลเพื่อไทย-ฝ่ายค้านพรรคประชาชน ยกมือ ก็ปล่อยโจรการเมืองเข้าปล้นชาติผ่านสภาได้อีกครั้งแล้ว

สงสัย “รวมพลังแผ่นดิน” จะไม่สิ้นภารกิจเพื่อชาติ แค่มารวมแสดงพลังพิทักษ์อธิปไตยวันเดียวซะแล้ว

เพราะตราบใด ประเทศยังอยู่ภายใต้รัฐบาล “ไส้ศึก” เขมร

ตราบนั้น “อันตราย” ยังแผ่คลุมประเทศ!!

ประเทศชาติ เวลานี้ ต้องการพี่น้องชาวไทยทุกคนร่วมพิทักษ์ครับ!!

เปลว สีเงิน

สนธิ ลิ้มทองกุล สื่อมวลชนอาวุโส กล่าวในการชุมนุมที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ กลุ่มคณะรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตย 28 มิ.ย. 68

เมื่อวานนี้ (28 มิ.ย. 68) ที่เวทีบริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ นายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ขึ้นเวทีปราศรัย โดยได้ระบุว่า ...

GU คือ นาย สนธิ ลิ้มทองกุล ที่ไม่มีอำนาจ ถ้า GU มีวันนี้ พระตะบอง เสียมราฐ สีหนุ GUจะยึดคืนมา วันพรุ่งนี้ GUจะไปยึดเขาพระวิหาร GUจะส่งกองทัพเรือไปยังเกาะกูด ถ้าไม่พอใจ GUจะยึดพนมเปญ ต้องถือว่า คุณโชคดี ที่คุณยังมีตระกูลชินวัตร บริหารชาติบ้านเมืองอยู่

และคุณยังโชคดีที่ GUไม่มีอำนาจอะไร แต่อย่างน้อย คุณทำพิธีเสกคุณไสย ใส่แม่ทัพภาคที่ 2 คุณยังเอารูป GUอยู่ข้างๆ แม่ทัพภาคที่ 2 คุณบอก GUเป็นศัตรูของกัมพูชา

เราต้องหยุดร่วมรัฐบาลโจรนี้ ได้แล้ว เราต้องไม่พายเรือให้โจรนั่ง

เมื่อวานนี้ (28 มิ.ย. 68) นางสาวอัญชะลี ไพรีรัก ผู้ประกาศข่าวชื่อดัง ได้กล่าวในการชุมนุมของกลุ่มคณะรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตย โดยมีใจความว่า ...

เรื่องไล่ อุ๊งอิ๊ง เป็นเรื่องธรรมดา 
แต่เรื่องการไล่พรรคร่วมรัฐบาลที่เกาะรัฐบาลอุ๊งอิ๊งเป็นปลิง มันยากเหลือเกิน 
มันไม่มีความรู้สึก มันไม่มีความนึกคิดเลยหรืออย่างไรว่า 
เราต้องหยุดร่วมรัฐบาลโจรนี้ ได้แล้ว เราต้องไม่พายเรือให้โจรนั่ง 
อันนี้คุณ พายเรือให้โจรนั่งแล้วปล้นพวกเราทั้งหมด 
เอาไปประเคนให้เขมร ขายชาติ อุ๊งอิ๊งขายชาติ 
พรรคร่วมรัฐบาลนั่นแหละตัวดี ไม่เพียงแต่ไล่อุ๊งอิ๊งต้องไล่พรรคร่วมรัฐบาลด้วย 
ไม่เพียงแต่จะอุ๊งอิ๊ง หรือพรรคเพื่อไทย 
แต่ต้องไล่พรรคร่วมรัฐบาลด้วย ไม่เช่นนั้นประเทศจะเปลี่ยนแปลงไม่ได้

ถ้าทหารจะปุ๊บปั๊บ มันก็เป็นเรื่องของเขา ผมไม่ได้ยุให้ทหารปฏิวัติ

เมื่อวานนี้ (28 มิ.ย. 68) ที่เวทีบริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ นายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ขึ้นเวทีปราศรัย โดยเปิดคลิปเสียงคำปราศรัยของของจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ อดีตนายกรัฐมนตรี หลังเสียเขาพระวิหารให้กัมพูชา เมื่อปี 2505 ว่า “น้ำตาของข้าพเจ้าเป็นน้ำตาของลูกผู้ชาย ขอเลือดของความคลั่งแค้น และการผูกใจเจ็บไปชั่วชีวิต ทั้งชาตินี้ และชาติหน้า พี่น้องชาวไทยที่รัก ในวันหนึ่งข้างหน้าเราจะต้องเอาประสาทพระวิหารกลับคืนมาให้ชาติไทยให้จงได้”

จากนั้น นายสนธิได้เริ่มปราศรัย ว่าสมเด็จฮุนเซน ได้โพสต์ข้อความระบุว่านายทักษิณ ชินวัตร เป็นหนี้ตัวเองเนื่องจากได้พานายทักษิณ และน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หลบหนี รวมถึงได้พาแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงไปพำนักที่กรุงพนมเปญ ไม่ว่าจะเป็นนายจักรภพ เพ็ญแข นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง และยังให้เงินทองใช้ให้ที่คอนโดสำหรับพักอาศัย ซึ่งข้อความดังกล่าวตนมองว่าเป็นเรื่องจริง แต่พอสมเด็จฮุนเซน บอกว่าไม่ได้ติดหนี้บุญคุณประเทศไทยนั้น ปี 2518 ที่ไปรบกับเขมรแดงแล้วคนกัมพูชาหนีมาอยู่ที่ไทย ใครให้ข้าวพวกคุณกินถ้าไม่ใช่คนไทยที่เลี้ยงดู คุณจำอะไรไม่ได้เลยเหรอ ถ้าตนมีอำนาจจะไม่คบกัมพูชาเลย ประเทศลิ้นสองแฉก ตั้งแต่เราคบกัมพูชาเราเคยมีอะไรที่ดีบ้าง เจอแต่ความกะล่อน โกงเรา

"ในเมื่อมึงไม่ยอมรับศาลโลก แล้วมึงส่งเรื่องไปศาลโลกทำไม วันนี้เราไม่ยอมรับมติศาลโลก เพราะมติศาลโลกโกหก เขาพระวิหารอยู่บนชะง่อนผา เขมรอยู่ข้างล่าง จะเป็นของมันได้อย่างไร เพราะฉะนั้นไทยมีความชอบธรรม" นายสนธิ กล่าว

นายสนธิ กล่าวว่า ปัญหาที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยในขณะนี้คือระบบการเมือง วันนี้เราไล่น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ไป ก็จะมีคนอื่นขึ้นมาแทน คนที่ลงคะแนนให้จำได้หรือไม่ตอนกาบัตรลงคะแนนใช้เวลาแค่ 4 วินาที สิทธิของเรไม่มีอีกต่อไปแล้ว เรามีสิทธิอยู่อย่างเดียวเขาหลอกให้เราลงคะแนนเสียง นักการเมืองเป็นแบบนี้ทุกประเทศ ที่ก่อนหน้านั้นนักการเมืองชอบพูดกับประชาชนตอนที่ไม่ได้หย่อนบัตร แต่พอหย่อนบัตรแล้วเขาจะมีข้ออ้างมาทันที ระบบการเมืองนี้เอื้อประโยชน์เพื่ออำนวยให้คนที่มีเส้นสายทางการเมืองรวยเอาๆ นี่หรือประชาธิปไตย

"มีนักข่าวถามผมว่าคุณสนธิ พยายามยั่วยุให้ทหารเข้ามาใช่ไหม จริงๆไม่ใช่ ทหารจะปฏิวัติไม่เคยบอกผม จะทำเมื่อไหร่ก็ทำไป ถ้าเห็นว่าวิกฤตมันเกิดขึ้น แล้วการเมืองมันแก้ไม่ได้ เขาจะปุ๊ปปั๊ปก็เรื่องของเขา แต่ขอเรื่องเดียว ไหนๆก็จะทำแบบนั้นแล้ว ขออย่าเอาพล.อ.มาบริหารชาติบ้านเมืองอีก ให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมแก้ไขปัญหาประเทศชาติ แต่ทำความเข้าใจก่อน ผมไม่ได้ยุให้ทหารปฏิวัติ"นายสนธิ กล่าว

“เราเคยคิดว่าแผ่นที่ 1 ต่อ 200,000 เกิดขึ้นได้อย่างไร ในเมื่อทหารยืนยันใช้อัตรา 1 ต่อ 50,000 ไอ้นักการเมืองกระทรวงการต่างประเทศ ไปใช้ 1 ต่อ 200,000 ได้อย่างไรเขมร ตกลงกันเรื่องที่ดิน แบ่งปันพรมแดนกับเวียดนาม เขาใช้ 1 ต่อ 50,000 แล้วทำไมโคตรพ่อโคตรแม่มาใช้ 1 ต่อ 200,000 กับเรา ให้ไทยต้องไปยอมใช้ตามมัน เรามีคนทรยศ ไอ้ และอี ที่ยังยืนยันว่า ต้องใช้ 1 ต่อ 200,000 แล้วก็รู้ว่าMOU 2543, 2544 เป็น MOU ที่จะทำให้เราเสียดินแดน เ_็ดแม่ทำไมถึงไม่ยอมเลิก อ้างนู่นอ้างนี่อ้างฉิบหายวายปวง เมื่อเรามีคนทรยศเป็นไส้ศึก มีความคิดที่จะหยวนๆ กับเขมร ได้ผลประโยชน์กับฮุน เซน” นายสนธิ กล่าว

นายสนธิ กล่าวอีกว่า การชุมนุมในครั้งนี้เป็นเพียงตัวอย่างเล็กๆ ในกรุงเทพฯ ตำรวจบอกว่ามีคนมา 30,000 ตนมองว่าต้องคูณ 2 วันนี้ต้องมี 6-7 หมื่นคน ตนไม่เคยคิด 20 ปีที่แล้ว เดินขึ้นมาบนเวทีเพื่อไล่นายทักษิณ มาถึงวันนี้ 20 ปีให้หลัง เป็นความซวยของชีวิต มาถึงยุคที่ต้องไล่ลูกสาวมัน และการชุมนุมครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งสุดท้าย ถ้าจำเป็นในอนาคตที่เราต้องลงถนน และเปลี่ยนแปลงชาติบ้านเมืองกับตนจะเอาหรือไม่


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top