Friday, 8 December 2023
POLITICS

‘นายกฯ’ จ่อขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ ป.ตรี 25,000 บาท ตามที่ ‘พท.’ หาเสียง ด้าน ‘ปานปรีย์’ เตรียมนัด 4 หน่วยงาน ถกรายละเอียด 10 พ.ย.นี้

(7 พ.ย. 66) นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในฐานะประธานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน เปิดเผยว่า เรื่องนี้นายกรัฐมนตรีได้ให้นโยบายมา ซึ่งได้แจ้ง 4 หน่วยงาน ทั้งกระทรวงการคลัง สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคม (สศช.) คณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) สำนักงบประมาณ ให้มาประชุมกันที่ทำเนียบรัฐบาลในวันที่ 10 พ.ย. 66 โดยตนเป็นประธานในการประชุม พร้อมขอให้ประชุมลักษณะนี้ 2 ครั้ง เพื่อ เสนอ ครม. ภายในเดือนนี้ ตามคำสั่งนายกรัฐมนตรี

เมื่อถามว่าจะมีการขยับขึ้นเหมือนตอนสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ตอนปรับขั้นเงินเดือนปริญญาตรี 15,000 บาทหรือไม่ นายปานปรีย์ กล่าวว่า มีการไปดูจากฐานข้อมูลเดิมด้วย ไปดูจำนวนและกลุ่มบัญชีที่ปรับขึ้น แต่การปรับขึ้นเงินเดือนของรัฐบาลนี้จะเป็นไปตามที่พรรคหาเสียงไว้ คือเงินเดือนขั้นต่ำปริญญาตรี 25,000 บาทต่อเดือน แต่จะต้องใช้เวลาในการขยับขึ้น ซึ่งคณะทำงานจะมีการดูรายละเอียดพวกนี้เพื่อเสนอต่อ ครม. ด้วย

นายปานปรีย์ กล่าวด้วยว่า วันที่ 22-24 พ.ย. กระทรวงการต่างประเทศจะเชิญเอกอัครราชทูตทั่วโลก เพื่อประชุมกระทรวงการต่างประเทศเพื่อรับนโยบาย โดยนายกรัฐมนตรีจะเป็นประธานในการเปิดงาน โดยประเด็นสำคัญที่จะแจ้งให้ทูตทั่วโลกรับทราบมี 3-4 เรื่องหลักๆ ได้แก่ เรื่องบทบาทการทูตและเศรษฐกิจ ที่ต้องการให้ทูตมีบทบาทในการเปิดประเทศ เรื่องความมั่นคง และเรื่องแนวโน้มการเปลี่ยนของโลกที่ประเทศต่างๆ มีส่วนเกี่ยวข้อง เพื่อในปีหน้ารัฐบาลจะได้รุกในตลาดต่างประเทศ การทำเอฟทีเอ และการเจรจาความร่วมมือกับประเทศต่าง ๆ

‘เศรษฐา’ ยัน!! ยังไม่เคาะขึ้นเงินเดือน ‘ข้าราชการ’ ย้ำ!! แค่เตรียมศึกษาข้อมูล ไม่ได้แปลว่าจะปรับขึ้นทันที

(7 พ.ย. 66) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์กรณีให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ไปดูเรื่องราคาสินค้าหรือไม่ ภายหลังมีข้อสั่งการเตรียมขึ้นเงินเดือนข้าราชการ และเจ้าหน้าที่รัฐ ว่า ตนไม่ได้บอกว่าจะขึ้นเงินเดือน แต่ให้ไปศึกษา และการให้ไปศึกษา ไม่ได้หมายความว่าจะให้ขึ้นทันที

เมื่อถามว่า จะทำให้สินค้าจ่อขึ้นราคาล่วงหน้าหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ยังไม่ได้ขึ้นราคา มันยังตั้งไม่ได้ ยังไงเรื่องนี้กรมการค้าภายในก็ต้องดูแลอยู่แล้ว

‘พี่เต้’ หิ้วส้มตำ-ไก่ย่าง บุกชั้น 14 รพ.ตำรวจ เยี่ยม ‘ทักษิณ’ แต่ ‘ราชทัณฑ์’ ไม่อนุญาต เหตุไม่ได้อยู่ในรายชื่อที่แจ้งไว้

(7 พ.ย. 66) นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ อดีต สส.และหัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ เดินทางเข้าเยี่ยมนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ผู้ต้องขังคดีทุจริตที่โรงพยาบาลตำรวจ โดยได้นำส้มตำ-ไก่ย่างจากร้านของนายสิระ เจนจาคะ อดีต สส.พรรคพลังประชารัฐ ที่ถูกตัดสิทธิทางการเมือง 20 ปี และผันตัวไปเปิดร้านไก่ย่าง มาเยี่ยมไข้นายทักษิณด้วย

โดยนายมงคลกิตติ์ ระบุว่า แม้ว่าวันนี้จะไม่ได้ลงทะเบียนเยี่ยมนายทักษิณ แต่ตนเองทราบมาว่า บุคคลภายนอกสามารถเข้าเยี่ยมได้ หากตัวผู้ต้องขังอนุญาต ซึ่งตนเองก็จะใช้สิทธิ์ตรงนี้ ส่วนคาดหวังว่าจะได้เข้าเยี่ยมหรือไม่นั้น ให้เป็นดุลยพินิจของนายทักษิณ

โดยเมนูที่นำมาเยี่ยมนายทักษิณวันนี้ คือ ไก่ย่างเขาสวนกลางปิ้งเอง 1 ตัว, ส้มตำไทยปู พริก 6 เม็ด, ข้าวเหนียว 4 ห่อ, ปลาขาวกรอบ 5 ห่อ ไว้รับประทานกับข้าวสวยและพริกน้ำปลา โดยยังไม่แน่ใจว่าจะสามารถนำอาหารเข้าเยี่ยมได้หรือไม่ หากไม่ได้ ก็ให้เป็นดุลพินิจของเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ ว่าจะนำอาหารทั้งหมดไปให้บุคคลใดแทนหรือไม่ แต่ตนเองถือว่าได้แสดงน้ำใจแล้ว โดยการเดินทางมาที่โรงพยาบาลตำรวจวันนี้ ตนเองยังคาดหวังจะได้พบนายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ เพื่อสอบถามอาการป่วยของนายทักษิณ หลังเข้ารับการรักษาตัวมานานกว่า 70 วันด้วย

ส่วนที่ก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวว่านายสิระ รวมถึงนางสาวปารีณา ไกรคุปต์ อดีต สส. พรรคพลังประชารัฐ จะมาเยี่ยมนายทักษิณพร้อมๆ กับนายมงคลกิตติ์ด้วยนั้น แต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา นายสิระ ติดธุระด่วน ส่วนนางสาวปารีณา มีอาการป่วย ตัวรุมๆ ส่วนที่มีกระแสข่าวว่า ทั้งสองมีผู้ใหญ่ติดต่อมาเจรจา ไม่ให้มาตนเองไม่ทราบ คงต้องไปสอบถามทั้งสองเอง แต่ทั้งสอง ก็ฝากความคิดถึง มาให้ตนเองเป็นตัวแทนในการเข้าเยี่ยมเพื่อติดตามอาการเจ็บป่วยของตัวนายทักษิณ เพราะที่ผ่านมาทางโรงพยาบาลไม่เคยมีการแถลงข่าวอัปเดทอาการใดๆ ผิดจากเราบุคคลที่มีชื่อเสียงที่ผ่านมาที่ปรากฏว่าจะมีการแถลงข่าวในทุกอาทิตย์

สำหรับการเข้ารักษาตัวของ นายทักษิณ ตนไม่รู้ว่าสรุปแล้ว นายทักษิณ ป่วยเป็นไรกันแน่ เพราะตามปกติถ้านักโทษมีชื่อเสียง คณะแพทย์ต้องแถลงอาการทุกสัปดาห์ว่าเจ็บป่วยอะไรบ้าง ขั้นตอนรักษาเป็นอย่างไรบ้าง เพื่อให้ประชาชนทราบ เชื่อว่าคนอายุ 74 ย่าง 75 ปี มีโรคภัยไข้เจ็บอยู่แล้ว

ทั้งนี้ ยังมีแชตจากทางบ้านฝากตนให้มาถามอาการว่า นายทักษิณ เป็นอย่างไรบ้าง หากตนได้เจอจะได้รู้ว่าสุขภาพยังแข็งแรงดี ไม่ต้องกังวลมาก แต่ก็ขึ้นอยู่กับ นายทักษิณ อยากให้เข้าเยี่ยมหรือไม่ เพื่อนๆ ของตน ทั้งฝ่ายค้าน ฝ่ายรัฐบาล อยากมาเยี่ยมกันมาก เพราะตอนนี้เยี่ยมได้แต่คนในครอบครัว การเยี่ยมครั้งนี้ตนเหมือนเป็นตัวแทนหมู่บ้าน

โดย นายมงคลกิตต์ กล่าวอีกว่า หากนายทักษิณ ไม่ได้รับประทานอาหารวันนี้คงเสียดาย จริงๆ อยากจะนำสตรอว์เบอรีมาฝากด้วย เมื่อถามว่ามีนัยยะหรือไม่นั้น นายมงคลกิตต์ ตอบว่า ไม่มี เป็นสตรอว์เบอรีที่ตนปลูกเอง พันธุ์ใหญ่

อย่างไรก็ตาม สำหรับการเข้าเยี่ยมทางกรมราชทัณฑ์ได้แจ้งว่า ทางครอบครัวชินวัตร แจ้งรายชื่อไว้ 10 รายชื่อ การเยี่ยมเป็นไปตามระเบียบกรมราชทัณฑ์ ต้องถามความสะดวกใจของนักโทษก่อนว่าสะดวกให้เข้าเยี่ยมหรือไม่

'เสี่ยหนู' ลั่น!! เมินรับ 'สส.แจ้' เข้าพรรคเพื่อเติมเสียง ไม่ฉวยจังหวะเอาคู่แข่งเสริมแกร่ง เพราะไม่ใช่แนว

(7 พ.ย. 66) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่พรรคก้าวไกลมีมติขับนายวุฒิพงศ์ ทองเหลา สส.ปราจีนบุรี ออกจากพรรค จะรับเข้า ภท.หรือไม่ ว่า “ไม่รับครับ” เหตุผลเพราะวันนี้ ภท.ไม่ได้มีปัญหาอะไรในทางการเมือง เราก็ต้องดูเรื่องของความเหมาะสมและอะไรต่าง ๆ และในวันนี้การเมืองเปลี่ยนไปแล้ว รัฐบาลมีความเข้มแข็ง มีเสียงสนับสนุนในสภาเกือบ 320 เสียง และ ภท.ก็ใหญ่ขึ้น จากที่มี สส. 50 คน เป็น 71 คน น่าจะโอเคแล้ว อีกทั้งเราก็มี สส. ที่เคยลงแข่งกับนายวุฒิพงศ์คือ นายชยุต ภุมมะกาญจนะ อดีต สส.ปราจีนบุรี

“ถ้าเรารับนายวุฒิพงศ์มา แล้วนายชยุตจะทำอย่างไร ต้องเอาใจเขามาใส่ใจเรา ซึ่งนายชยุตอยู่กับภูมิใจไทยมาตั้งแต่ตั้งพรรคแล้ว แต่เลือกตั้งครั้งนี้เขาพลาดไป ไม่ใช่ว่าพอเขาพลาดปุ๊บ ก็เอาคู่แข่งของเขามาเป็น สส.พรรคเพื่อเติมเสียง สส. เราคงไม่ทำอย่างนั้น” นายอนุทิน กล่าว

‘ชัยธวัช’ สั่งห้ามเปิด 22 รายชื่อโหวตหนุน ‘ปูอัด’ หวั่น!! ต่อไปทุกคนจะแสดงความเห็นไม่ได้เต็มที่

(7 ต.ค. 66) ที่โรงแรมอักษร อำเภอแกลง จังหวัดระยอง นายชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวชี้แจงในกรณี สส. 22 คน ที่โหวตอุ้ม นายไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ หรือ ‘สส.ปูอัด’ ว่า วันนี้ก็มาเข้าร่วมประชุม แต่ประเด็นการพิจารณาในวันนี้ ผิดร้ายแรงจากกรณีที่ขัดต่อกรรมการบริหารพรรคหรือไม่ ขัดต่ออุดมการณ์ และทำให้พรรคเสื่อมเสียชื่อเสียงอย่างร้ายแรงหรือไม่ ซึ่งเป็นการพิจารณาข้อความผิดคนละกรณีกัน ไม่สามารถพิจารณาซ้ำได้ เพราะเราพิจารณาเรื่องนี้ไปแล้ว ดังนั้น ทุกคนเห็นว่าการแถลงของนายไชยามพวาน ไม่ได้เป็นไปตามมติของกรรมการบริหารพรรค ส่วนช้าไปหรือไม่ ตนมองว่าไม่ได้ช้าไป บางเรื่องก็ต้องทำตามกระบวนการของข้อบังคับพรรค

เมื่อถามถึงกรณีที่มีการเรียกร้องให้เปิด 22 รายชื่อ สส. ที่โหวตอุ้มนายไชยามพวาน นายชัยธวัช ยืนยันว่า เปิดไม่ได้ ตนในฐานะหัวหน้าพรรค ได้เรียกร้องให้มีการลงมติ และเปิดอภิปรายถกเถียงอย่างเต็มที่ เพื่อให้ทุกคนไม่ต้องกังวล ตนเป็นคนกำชับเองว่าเมื่อลงมติไปแล้ว สามารถมีความคิดเห็นแตกต่างกันได้ แต่เมื่อลงมติไปแล้ว ต้องไม่โจมตีเพื่อนที่ลงมติแตกต่างจากตนเอง ไม่เช่นนั้นต่อไปในพรรค เวลาที่เปิดให้ทุกคนแสดงความเห็นอย่างเต็มที่ แม้จะเห็นไม่ตรงกัน ก็จะไม่สามารถทำได้

“ผมในฐานะหัวหน้าพรรค ขอให้ทุกคนไม่เอารายชื่อว่าใครโหวตอะไร มากล่าวหาโจมตีกัน ดังนั้น ผมเองก็เปิดเผยไม่ได้ ก็เป็นคนบอกให้ สส. ไม่ให้ออกมาเปิดเผยเอง เหตุผลก็มีแค่นั้น เราไม่ได้ปกปิดว่าใครมีความเห็นว่าอย่างไร แต่เป็นเรื่องกระบวนการภายในของพรรค และผมยืนยันว่า การที่มีความเห็น การโหวตแตกต่างกันนั้น เป็นข้อเท็จจริงที่มีความชัดเจนไม่เท่ากันของทั้ง 2 กรณี” นายชัยธวัช กล่าว

เมื่อถามถึงการวิพากษ์วิจารณ์อาจจะมีมุ้งภายในพรรค ที่ส่งผลทำให้คะแนนไม่เท่ากัน นายชัยธวัช กล่าวยืนยันว่า ไม่ใช่ข้อเท็จจริง ส่วนกรณีที่นายศรีสุวรรณ จรรยา ตัวแทนองค์กรรักชาติรักแผ่นดิน ไปร้องเรียนนั้น ตนคิดว่าทั้ง 2 คนที่ถูกกล่าวหา กระบวนการของพรรคจบไปแล้ว พร้อมย้ำว่า หากผู้เสียหายจะถูกฟ้องกลับ สส.และทางพรรคจะเข้าไปช่วยเหลือด้านข้อกฎหมายกับผู้เสียหาย

ถามว่า จะมีการพาผู้เสียหายไปแจ้งความดำเนินคดีอาญาหรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า ไม่ใช่ผู้เสียหายทุกคนจะพร้อมตลอดเวลาในการเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม บางคนต้องการเวลากว่าที่จะพร้อม เขาต้องไปเล่าเรื่องซ้ำ ถูกกระทำชำเราซ้ำ แต่เมื่อไหร่ที่ผู้เสียหายพร้อม ซึ่งตอนนี้มีอย่างน้อย 1 รายที่มีความประสงค์จะแจ้งความดำเนินคดีตามกฎหมาย พรรคก็เตรียมนัดผู้เชี่ยวชาญคดีการคุกคามทางเพศ เพื่อให้การช่วยเหลือ

ซักว่า จะลดข้อครหาอย่างไรว่า การขับนายไชยามพวาน เป็นการกลบกระแสผู้ที่อุ้มมติรอบก่อน นายชัยธวัช กล่าวว่า หากพิจารณาจากข้อเท็จจริง ด้วยเหตุและผล ก็เป็นไปตามกระบวนการเช่นนั้น เมื่อเราเห็นว่านายไชยามพวานไม่ได้ทำตามคำสั่งมติกรรมการบริหารพรรค ก็ถือว่ามีความผิดร้ายแรง สส.ในพรรค ก็พิจารณาจากข้อเท็จจริง อันเป็นกระบวนการที่พรรคทำได้ ดังนั้น ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการกลบกระแส เป็นเรื่องที่ตรงไปตรงมา ในเมื่อพรรคกำหนดเงื่อนไขในการลงโทษไปแล้ว แต่สมาชิกพรรคไม่ปฏิบัติตาม ก็นำมาพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง

ส่วนที่มีการขู่จากแฟนเพจเฟซบุ๊กต่างๆ ว่าจะแฉพรรคก้าวไกลเรื่อยๆ นายชัยธวัช กล่าวว่า ไม่เป็นไร ตนยืนยันว่า การที่สังคมมาช่วยตรวจสอบพรรคเรา ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี เพราะหลายเรื่องที่ทุกองค์กร การที่มีสังคมมาช่วยตรวจสอบ ทำให้องค์กรโปร่งใสขึ้น เมื่อไหร่ที่สังคมเลิกตรวจสอบพรรคก้าวไกล แสดงว่าสังคมไม่ได้คาดหวังอะไรอีกแล้วกับพรรคก้าวไกล

เมื่อถามว่า พรรคจะกู้ภาพลักษณ์อย่างไร นายชัยธวัช กล่าวว่า เมื่อบุคคลในองค์กรมีปัญหา สิ่งที่ต้องยืนยันคือต้องดำเนินการตรวจสอบและลงโทษ อย่างตรงไปตรงมา ไม่ปกปิด หากผิดร้ายแรงก็ดำเนินการขั้นเด็ดขาด เป็นสิ่งที่พรรคก้าวไกลต้องทำให้สังคมเห็น ไม่ใช่ว่าไปช่วยกันปกปิด เพราะกลัวองค์กรเสียชื่อเสียง ไม่ใช่วัฒนธรรมของพรรคก้าวไกล แน่นอนว่ากระบวนการตรวจสอบก็ต้องมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งกำลังพูดคุยกันอยู่ หลายครั้งเข้าใจในเชิงหลักการ แต่รายละเอียดรูปธรรม คนในสังคมเห็นไม่ตรงกัน เป็นวัฒนธรรมที่เข้าใจไม่ตรงกัน ซึ่งต้องทำให้ชัดเจนขึ้นภายในพรรค นอกจากนี้จะต้องมีมาตรการป้องกันที่ชัดเจนกว่านี้ รวมถึงมีการตรวจสอบเรื่องพวกนี้ เมื่อมีการร้องเรียน เรื่องคุกคามทางเพศ ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

ผู้สื่อข่าวถามว่า การตรวจสอบทั้ง 2 กรณี ถูกวิจารณ์ว่าไม่มีผู้เชี่ยวชาญจากภายนอกเข้ามาร่วมตรวจสอบด้วย นายชัยธวัช กล่าวด้วยท่าทีอึกอักว่า ขณะนี้มีการปรับปรุงให้ดีขึ้น โดยเพิ่มสัดส่วนของคณะกรรมการวินัย รวมถึงคณะกรรมการที่มาสอบข้อเท็จจริงชุดเล็ก คือการเพิ่ม สส.หญิงที่มีความรู้เรื่องกฎหมายเข้ามา เพื่อให้ผู้เสียหายเกิดความสบายใจมากขึ้น แน่นอนว่าหลังจากนี้ต้องทำให้ สส. อาจจะมีความอคติ ช่วยเหลือพวกกันเองได้ ต้องลดสัดส่วน สส.เข้ามาเกี่ยวข้อง

“กรณีคุณแจ้ หากมีผู้เชี่ยวชาญจากภายนอกเข้ามาจริงๆ อาจจะผิดมากกว่าเดิมด้วยซ้ำ” นายชัยธวัช กล่าว

‘นายกฯ’ รับทราบ หนุ่มขู่ฆ่า เหตุผิดหวังนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต ขอ!! ติชมอย่างสร้างสรรค์ ส่วนเคสนี้ ดำเนินการตามกฎหมาย

(7 พ.ย. 66) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ตำรวจไซเบอร์ ได้เข้าทำการค้นบ้านจับหนุ่มโพสต์ข้อความขู่ฆ่า และเจ้าตัวสารภาพทำเพราะอารมณ์ชั่ววูบและผิดหวังกับคำสัญญาของพรรคการเมืองว่า เมื่อวานนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการรายงานหรือยัง หลังตำรวจไซเบอร์เข้าจับกุมหนุ่มโพสต์ข้อความผ่านโซเชียล ขู่ฆ่านายกรัฐมนตรี โดยนายกรัฐมนตรียอมรับว่า ได้รับทราบข่าวแล้ว ไม้ทุกอย่างให้เป็นไปตามกฎหมาย  

ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่าผู้ต้องหาคนที่ขู่ระบุว่า ผิดหวังเรื่องของการเมืองและการบริหารงานของนายกรัฐมนตรี จะกระทบต่อภาพลักษณ์และเสถียรภาพของรัฐบาลหรือไม่ นายเศรษฐากล่าวว่า “ผมว่าเราเป็นรัฐบาล เราก็ต้องรับฟังความคิดเห็นของประชาชน มีคนไม่พอใจ ไม่สบายใจ หรือมีคนแนะนำมาเราก็ต้องฟัง แต่ขอให้ติชมแต่ขอให้ติดชมอย่างสร้างสรรค์มากกว่า มากกว่าที่จะเป็นการคุกคาม ตามกฎหมายซึ่งเรื่องนี้ต้องว่าไปตามกฎหมาย”

ส่วนจะมีการกำชับหรือสั่งการอะไรเป็นพิเศษ เรื่องการรักษาความปลอดภัยหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า “ยังไม่มีการสั่งการอะไร เพราะเชื่อว่า ทีมรักษาความปลอดภัยทำงานได้ดีอยู่แล้ว เพิ่มกันเองแต่หากมีการเพิ่มเขาก็จะเพิ่มกันเอง”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในการเดินทางเข้ามาปฏิบัติภารกิจที่ทำเนียบรัฐบาล ของนายกรัฐมนตรีวันนี้ยังคงเป็นไปตามปกติของระบบรักษาความปลอดภัย โดยมีรถเจ้าหน้าที่ตำรวจนำขบวน 1 คัน จากนั้นก็เป็นรถของนายกรัฐมนตรีและรถของทีมรักษาความปลอดภัยอีก 2 คัน ซึ่งเป็นไปตามปกติของทุกวัน

‘อี้’ แนะ สส.แจ้ เปิดหน้าไอ้โม่งทุจริตที่ดินบ่อขยะ ปราจีนฯ เร่งนำหลักฐานยื่น ป.ป.ช. ลากคอคนโกงมารับโทษ

(7 พ.ย. 66) นายแทนคุณ​ จิตต์​อิสระ ​รักษา​การ​ประธาน​คณะกรรมการ​ส่งเสริม​สิทธิ​มนุษยชน​และ​ความ​เสมอภาค​ระหว่าง​เพศ​พรรค​ประชา​ธ​ิ​ปัตย์​ กล่าว​ถึง​กรณี นายวุฒิพงศ์ ทองเหลา สส.ปราจีนบุรี ออกมาเปิดเผยว่า สาเหตุที่ตนถูกขับออกจากพรรคก้าวไกลด้วยข้อหามีพฤติกรรมคุกคามทางเพศ เนื่องจากตนกำลังแฉการทุจริตซื้อที่ดินทำบ่อกำจัดขยะโดยมีผู้ช่วย สส.ที่เป็​นกรรมการวินัยและสส.บัญชีรายชื่อ​พรรคก้าวไกลเข้าไปเกี่ยวข้อง ว่า การออกมาเปิดโปงคดีที่เข้าข่ายการทุจริต​ในพื้นที่​ปราจีนบุรี​นั้น ถือว่าในร้ายมีดีได้ช่วยกู้สัญญาณ​ชีพของนายวุฒิพงศ์ให้เต้นต่อที่นำข้อมูล​อันเป็น​ประโยชน์​ต่อพี่น้อง​ประชาชน​ชาวปราจีนมาเปิดเผยขบวนการไอ้โม่งที่อุ้มไอ้มืดแล้วยังงาบงบเอื้อโรงกำจัด​ขยะ ถือว่า สส.แจ้ ยิงนัดเดียวตายยกรังคือ ได้เปิดโปงคนใกล้ชิด​คู่แค้นที่ทุจริตแบบแทบปลิดชีพก้าวไกลทั้งพรรคให้ดับดิ้นและทำให้ประชาชนตาสว่างว่ามีการทุจริต​กัน

นายแทนคุณ​ กล่าวว่า ตนขอแนะนำ สส.แจ้ ว่าควรเปิดเผยข้อมูล​ให้หมดสาวถึงตัวการใหญ่ลากตัวไอ้โม่งออกมาลงโทษเพราะคดีทุจริตที่ส่งผลกระทบ​ต่อชีวิต​พี่น้อง​ประชาชน​และสิ่งแวดล้อม​นั้นเป็นอาชญากรรม​ประเภทหนึ่งที่คร่าชีวิตผู้คน​ด้วยมลพิษ​และเลวร้ายไม่น้อยกว่าการคุกคามทางเพศ โดยเกี่ยวโยงกับกรรมการวินัยและ กก.บห.คนดังกล่าว​ควรออกมาชี้แจง กรณีผู้ช่วย สส. เกี่ยวข้องกับเรื่องฟ้องปิดปาก 50 ล้านอย่างไร โดยตนอยาก แนะ ‘ส.ส.แจ้’ นำ​หลักฐาน​ร้องต่อ ป.ป.ช. อย่าให้คนโกงลอยนวลต่อไปเพราะเรื่อง​นี้​มีมูล​ความผิดจริงมีหลักฐาน​ กระทบ​ความเชื่อมั่นนักลงทุน​ในพื้นที่ EEC ที่จะเป็น​หัวใจ​สำคัญ​ทางเศรษฐกิจ​ของประเทศ​และการจัดการขยะในรูปแบบต่าง ๆ ได้มีประสิทธิภาพ​ต้องเริ่มจากการกำจัดขยะสังคมที่ทุจริตคอร์รัปชัน​ก่อน

“ส่วนตัวเชื่อว่าก้าวไกลคงมี มติขับ สส.ปู อัดออกจากพรรคแม้กลัวจะถูกแฉรายชื่อ สส.คุกคามเพศรายอื่นอีกหลายรายแม้เจ้าตัวจะออกมาโค้งจนตัวงอหน้ามืดตามต่างชาติแต่ก็ยังไม่ลาออกแบบที่เขาทำกัน สะท้อน DNA ถ้าเจอคนหน้าด้านให้หน้าด้านกว่า อีกประการถือว่าการมีมติอุ้มปูอัดมันจบด้วยตัวมันเองแล้วและการไม่ยอมเปิดเผยชื่อ 22 สส. ออกมาก้าวไกลกลายเป็นส่วนหนึ่ง​ของการสนับสนุน​การคุกคามทางเพศที่เหยียด​ซ้ำผู้ถูกกระทำและตอกย้ำด้วยแชตหลุดให้ปิดปากจากนายเพชร กรุณพล สส.บัญชีรายชื่อ รองโฆษกพรรคก้าวไกล นอกจากกลัวความจริงแล้วยังกลัวการตอบคำถามประชาชน​และ​สังคมว่าทำไมพรรคก้าวไกลจึงอุ้มคนคุกคามทางเพศ อ้างแค่กลัวกลบทับกฎหมาย​สำคัญ​ ทั้งที่ประชาชนที่มีคุณภาพตาสว่างว่าก้าวไกล คือ ภัยคุกคามความมั่นคงและสังคมอย่างแท้จริง​ พรรคไหนรับไป​อยู่​ด้วยเตรียมล่มสลาย​ทางจริยธรรม​แบบก้าวไกลต่อไป” นายแทนคุณกล่าว

‘บุ๋ม ปนัดดา’ ถามหาจุดยืน ‘พรรคก้าวไกล’ ปมดรามาฉาวของ สส.ในพรรค กรณีการคุกคามทางเพศ

เมื่อไม่นานนี้ ดร.ปนัดดา วงศ์ผู้ดี หรือ ‘คุณบุ๋ม’ อดีตนางสาวไทย นักแสดง นักร้อง และพิธีกรชาวไทย ได้ให้สัมภาษณ์ถึง ประเด็นการคุกคามทางเพศ ของ ‘สส.พรรคก้าวไกล’ ในรายการ ‘ตีข่าวเล่าความ’ เมื่อวันที่ 4 พ.ย. 66 ทางสำนักข่าววันนิวส์ ข่าวช่องวัน ซึ่งมี ‘คุณแจ็ค ศรีสุภางค์ ธรรมาวุธ’ ทำหน้าที่เป็นผู้ดำเนินรายการ โดยคุณบุ๋ม ปนัดดาได้พูดถึงประเด็นดังกล่าวว่า…

“อย่าว่าแต่พี่งงเลย คนในพรรคเองเขายังงงเลย ถึงขนาดขึ้นจอดํากันเองแบบนี้ เขาก็คงต้องคุยกันนะ ถึงเวลาที่ทางพรรคเขาต้องคุยกันแล้ว ว่าบทบาทและจุดยืนที่แท้จริงของเขาคืออะไร?

หรือว่าเป็นเพียงแค่คําพูดที่ฉันชอบ ฉันชอบคําพูดเขามากเลยนะ ว่าเขาจะรณรงค์เรื่องความเท่าเทียมทางเพศ สู้เพื่อสิทธิสตรีกันนมากขึ้น แต่พอเกิดวิกฤตจริงๆ มันเกิดอะไรขึ้น? นี่คือคําถามที่สังคมตั้งคําถามกับพรรคนี้แน่นอน”

นอกจากนี้ ทางคุณแจ็ค ศรีสุภางค์ ได้ถามคุณบุ๋ม ปนัดดา อีกว่า “คุณบุ๋มคิดว่า ทางพรรคก้าวไกลควรมีวิธีการแก้ปัญหาอย่างไร จึงจะเหมาะสมกับสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นนี้” ทางคุณบุ๋ม ปนัดดาตอบว่า “ไม่จำเป็นต้องมานั่งโหวตอะไรแบบนี้หรอก เพราะยิ่งโหวต มันยิ่งดูทําให้พรรคดูแย่ เพราะอะไรรู้ไหม? สิ่งหนึ่งที่รู้สึกแย่ก็คือ คุณเอาผู้หญิงไปนั่งซักถามข้อมูลอยู่ในนั้นตั้งกี่ชั่วโมง คุณไม่ใช่ตํารวจคุณมีสิทธิ์อะไรนำตัวเขาไปซักข้อมูล แต่ถ้าเกิดผู้หญิงคนนึงที่ต้องการจะต่อสู้เพื่อความถูกต้อง แล้วต้องไปนั่งต่อหน้าผู้คนเยอะแยะมากมาย แล้วบอกว่าฉันโดนคนนี้ เพื่อน สส.ของคุณเนี่ย ทําแบบนี้ และผลออกมา คือ คุณดูเหมือนจัดการอะไรไม่ได้เลย ก็ทำแค่หยุดบทบาท แต่คนก่อเหตุก็ยังเดินไปมาอยู่ในพรรคนั้นน่ะ”

“เหมือนเวลาที่พี่ทําคดี แล้วพี่ต้องสู้กับทหาร พี่ไม่รู้เลยว่าคดีถูกตัดสินอย่างไร ทหารคนนั้นที่ก่อเหตุเขาถูกตัดสินอย่างไร แต่มันคือความเจ็บปวดของผู้เสียหายและของเหยื่อนะ เพราะว่าในส่วนขั้นตอน กระบวนการนั้น เราไม่รู้เลยว่าเขาตัดสินกันอย่างไร เขาบอกเพียงแค่ว่า “เดี๋ยวเขาจัดการกันเอง” เหมือนกันเลย สิ่งที่ทางพรรคกำลังทำตอนนี้ ไม่ต่างกับระบบทหารเลย

คุณบุ๋ม ปนัดดา ยังได้กล่าวอีกว่า ตนมองว่า การเปิดเผยผลโหวตว่า ใครโหวตอะไร สิ่งนี้มันไม่มีประโยชน์อะไรเลย เหมือนแค่ดูว่า ‘ใครเป็นพวกใครเท่านั้นเอง’’ ตนมองว่าเหมือนเด็กอนุบาลตีกัน และสิ่งนี้ทำให้สังคมมองว่า ทางพรรคอุ้มกันเองหรือเปล่า? ตนจะมองแค่ผลโหวตโดยรวมเพียงเท่านั้น เพราะสิ่งนี้คือภาพใหญ่โดยรวมของพรรค

“มติพรรคคืออะไร? และคุณมีวิธีการจัดการยังไงกับเรื่องแบบนี้ ทั้งๆ ที่คุณพูดปาวๆ ว่า พรรคคุณไม่ชอบเรื่องแบบนี้ พรรคคุณจะส่งเสริมเรื่องสิทธิสตรี ความเท่าเทียมทางเพศ และลดความเหลื่อมล้ำทุกอย่าง แต่กลายเป็นว่าพวกคุณทําหมดเองเลย” คุณบุ๋ม ปนัดดา กล่าวทิ้งท้าย

'เพื่อไทย' ชี้!! หนี้ครัวเรือนต้องแก้ด้วยดิจิทัลวอลเล็ต ช่วย 'ลดรายจ่าย-เพิ่มรายได้-ขยายโอกาส' ให้คนไทยทุกคน

(6 พ.ย. 66) น.ส.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ สส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า หนี้ครัวเรือนต้องแก้ด้วยดิจิทัลวอลเล็ตกระตุ้นเศรษฐกิจขนาดใหญ่ เพราะ 1 ใน 3 ของคนไทยทั้งประเทศเป็น ‘หนี้’ ซึ่งกลุ่มที่มีสถานการณ์หนี้น่าเป็นห่วงมากที่สุด คือ กลุ่มเกษตรกรที่เป็นกระดูกสันหลังของประเทศ และกลุ่มผู้มีรายได้น้อย โดยสัดส่วนของหนี้ต่อรายได้ของเกษตรกรและผู้มีรายได้น้อยเนี่ย อยู่ที่ 34% และ 41% 

ทั้งนี้ พรรคเพื่อไทยย้ำมาโดยตลอดว่า จะ “ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ขยายโอกาส” ให้กับพี่น้องคนไทยทุกคน และนี่จะเป็นนโยบายในการแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือนให้กับพี่น้องประชาชน

'สส.แจ้-ปราจีนฯ' จัดหนัก!! แฉ 'เด็กก้าวไกล' เอี่ยวรับเงินโรงงานกำจัดขยะหลายล้านบาท

เมื่อวานนี้ (5 พ.ย. 66) นายวุฒิพงศ์ ทองเหลา สส.ปราจีนบุรี ที่ถูกพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ขับออกจากพรรค หลังถูกตรวจสอบพฤติกรรมคุกคามทางเพศ ได้โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊กส่วนตัว ‘Wuttiphong Thonglour - วุฒิพงศ์ ทองเหลา’ ระบุว่า "ผมหยุดให้ข่าวใดๆ หลังจากที่แถลงไปในวันแรก แต่ ผช.สส. ของกรรมการพรรคบางท่าน ยังคงไล่ตีผมไม่หยุด หรือต้องให้ผมต้องพูดทั้งหมด?"

จากนั้น นายวุฒิพงศ์ ยังได้โพสต์ข้อความลงในคอมเมนต์ อีกว่า "ตามข้อมูลหลักฐานที่ผมเคยให้พรรคไป ผู้ช่วย สส. ของปราจีนบุรี (จากโควต้าของพรรค) คนนี้ เกี่ยวพันกับการเอื้อรับผลประโยชน์จากโรงงานกำจัดขยะหลายล้านบาท ส่วนเรื่องจะทุจริตหรือไม่ทุจริตก็ไปว่ากันในพรรค ซึ่งผมเดินออกมาแล้ว คงไม่ขอก้าวล่วงกระบวนการ แต่หากพรรคยังปล่อยปะ ให้ช่วย สส. ที่เป็นถึงผู้ช่วยของกรรมการบริหารพรรค ปล่อยข่าวมูลต่างๆ และสร้างความเสียหายกับผมเช่นนี้ ผมอาจจำเป็นต้องชี้แจงจากหลักฐานทั้งหมด ผมต้องการทำ และสร้างการเมืองที่ไม่ทุจริต"

‘นิด้าโพล’ ชี้ ปชช.ส่วนใหญ่หนุน ‘แจกเงินดิจิทัล’ ถ้วนหน้า แบบไม่อิงเงินเดือน-เงินฝาก พร้อมไม่จำกัดรัศมีในการใช้

(5 พ.ย.66) ศูนย์สำรวจความคิดเห็น ‘นิด้าโพล’ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจของประชาชน เรื่อง ‘หลักเกณฑ์การแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต’ ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 31 ตุลาคม ถึง 2 พฤศจิกายน 2566 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป กระจายทุกภูมิภาค ระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้ ทั่วประเทศ รวมทั้งสิ้น จำนวน 1,310 หน่วยตัวอย่าง

จากการสำรวจเมื่อถามประชาชนถึงหลักเกณฑ์การแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท พบว่า ตัวอย่างร้อยละ 50.08 ระบุว่า จ่ายทุกกลุ่มโดยไม่ต้องมีเกณฑ์เงินเดือน หรือเงินฝากในบัญชีมาเป็นข้อจำกัด รองลงมา ร้อยละ 26.64 ระบุว่า จ่ายเฉพาะกลุ่มผู้มีรายได้น้อย ซึ่งมีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ร้อยละ 14.66 ระบุว่า ตัดสิทธิ์ผู้ที่มีรายได้เกินเดือนละ 50,000 บาท หรือมีเงินฝากในบัญชีตั้งแต่ 5 แสนบาท ร้อยละ 8.01 ระบุว่า ตัดสิทธิ์ผู้ที่มีรายได้/เงินเดือน เดือนละ 25,000 บาท หรือมีเงินฝากในบัญชีตั้งแต่ 1 แสนบาท และร้อยละ 0.61 ระบุว่า ไม่ทราบ/ไม่ตอบ/ไม่สนใจ

ด้านเกณฑ์พื้นที่/รัศมีการใช้จ่ายเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท พบว่า ตัวอย่างร้อยละ 69.85 ระบุว่า ควรใช้จ่ายในร้านค้าใดก็ได้ในประเทศไทย โดยไม่มีข้อจำกัดด้านพื้นที่/รัศมีมากำหนด รองลงมา ร้อยละ 14.50 ระบุว่า ต้องใช้จ่ายในร้านค้าภายในจังหวัด (ตามทะเบียนบ้าน) ร้อยละ 13.59 ระบุว่า ต้องใช้จ่ายในร้านค้าภายในอำเภอ (ตามทะเบียนบ้าน) และร้อยละ 2.06 ระบุว่า ต้องใช้จ่ายในร้านค้ารัศมี 4 กิโลเมตร (ตามทะเบียนบ้าน)

ท้ายที่สุดเมื่อถามถึงระยะเวลาในการใช้จ่ายเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท พบว่า ตัวอย่างร้อยละ 62.60 ระบุว่า ต้องใช้จ่ายเงินภายใน 6 เดือน รองลงมา ร้อยละ 37.09 ระบุว่า ต้องใช้จ่ายเงินภายใน 1 ปี และร้อยละ 0.31 ระบุว่า ไม่ทราบ/ไม่ตอบ/ไม่สนใจ

‘พงศ์สินธุ์’ ปฏิเสธ ‘เทพไท’ ยังไม่ได้รับการปล่อยตัววันนี้ ชี้ เคยยื่นขอพักโทษหลายครั้งแล้ว แต่สุดท้ายถูกปัดทิ้ง

(5 พ.ย. 66) นายพงศ์สินธุ์ เสนพงศ์ น้องชายของนายเทพไท เสนพงศ์ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า…

คุณเทพไท จะได้รับการปล่อยตัววันไหน?
เงื่อนไขการพักโทษ หรือ อภัยโทษ?

ผมไม่ได้ไปเยี่ยมคุณเทพไทที่เรือนจำกลางนครศรีธรรมราชมาเป็นเวลาหลายวันแล้ว จึงไม่ค่อยได้ทราบข่าวความเคลื่อนไหวของคุณเทพไทมากนัก แต่จากกระแสข่าวเรื่องการปล่อยตัวคุณเทพไทในสื่อโซเชียลว่า คุณเทพไทจะได้รับการปล่อยตัวในวันที่ 5 พฤศจิกายน คือวันนี้นั้น

จากข้อเท็จจริงที่ผมรับทราบนั้น น่าจะเป็นวันเวลาที่คลาดเคลื่อน เพราะถ้าหากจะมีการปล่อยตัวในวันที่ 5 พ.ย.นี้ ก็ไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะวันอาทิตย์ เป็นวันหยุดราชการ การปล่อยตัวนักโทษในเงื่อนไขการพักโทษ ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้ เว้นแต่การปล่อยนักโทษที่ครบกำหนดวันคุมขังเท่านั้น เพราะการปล่อยโทษในเงื่อนไขการพักโทษนั้น จะต้องมีการติดกำไล EM จากกรมควบคุมประพฤติด้วย

ดังนั้น เมื่อวันนี้เป็นวันอาทิตย์เป็นวันหยุดราชการ คงไม่มีเจ้าหน้าที่ข้าราชการมาดำเนินการปล่อยตัวคุณเทพไทในวันนี้ ตามกระแสข่าวที่ปรากฏในสื่อโซเชียลอย่างแน่นอน

ส่วนการพูดถึงเงื่อนไขการปล่อยตัวที่จะเกิดขึ้นว่า จะเป็นการพักโทษ หรือการได้รับอภัยโทษนั้น ตามที่ผมเคยได้พูดคุยกับคุณเทพไท ซึ่งเคยยื่นขอพักโทษมาหลายครั้งแล้ว ตามเงื่อนไขการพักโทษที่เคยใช้กับกรณีของคุณสรยุทธ สุทัศนะจินดา มาแล้ว คือจำคุกได้ 1 ใน 3 ของโทษ แต่รับแจ้งจากกรมราชทัณฑ์ว่า ประกาศฉบับนั้นได้ยกเลิกไปแล้ว หลังจากใช้บังคับได้ไม่นาน

ต่อมาเมื่อคุณเทพไทถูกจำคุกครบ 1 ใน 2 ของโทษ คือครึ่งหนึ่งของโทษแล้ว ก็เคยยื่นขอพักโทษเช่นเดียวกัน แต่ได้รับคำตอบจากกรมราชทัณฑ์ว่าไม่มีเงื่อนไขของการประกาศพักโทษแต่ประการใด จึงได้รอคอยจนถึงวันต้องโทษจำคุกครบ 2 ใน 3 ตามเงื่อนไขของกรมราชทัณฑ์ที่ใช้กับนักโทษทั่วไป คุณเทพไทก็ขอใช้สิทธิตามระเบียบของกรมราชทัณฑ์ทุกประการ ไม่ได้ใช้สิทธิพิเศษแต่ประการใด

ดังนั้น การปล่อยตัวคุณเทพไท ถ้าจะมีก็ไม่ใช่วันที่ 5 พฤศจิกายนนี้อย่างแน่นอน แต่จะเป็นวันใดนั้น ทางครอบครัวกำลังรอให้เจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์แจ้งมาก่อน และเงื่อนไขในการปล่อยตัวคุณเทพไทครั้งนี้ คือการพักโทษไม่ใช่การอภัยโทษครับ

อย่างไรก็ตาม ยังคงมีกระแสข่าวออกมาเป็นระยะๆ ว่า วันที่ 6 พฤศจิกายน 2566 นายเทพไท เสนพงศ์ พร้อม นายมาโนช เสนพงศ์ ติดมา 16 เดือน เหลือ 8 เดือน เข้าเกณฑ์ 2 ใน 3 ได้รับพักโทษ วันจันทร์ที่ 6 พฤศจิกายน เวลา 09.00 น. โดยนายเทพไทจะวิ่งจากเรือนจำมาที่บ้านหัวถนน

'หยุ่น' โพสต์!! 'ลุงตู่-อุ๊งอิ๊ง' ทักทายในงานแสดงโขน ชวนคิด "ดูการเมือง ก็เหมือน ดูโขน ดูละคร"

(5 พ.ย.66) นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก 'Suthichai Yoon' ระบุว่า…

ดูการเมืองก็เหมือนดูโขนดูละคร!

พล.อ.ประยุทธ์ กับ ครอบครัว ‘ชินวัตร’ แพทองธาร-พินทองทา พร้อมสามีของทั้งคู่ ทักทายกัน ระหว่างการเดินทางไปชมการแสดงโขนรอบปฐมทัศน์ เรื่อง รามเกียรติ์ ตอน กุมภกรรณทดน้ำ ณ หอประชุมใหญ่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย เมื่อ 3 พ.ย. ที่ผ่านมา (จาก Jin Somroutai ช่อง 3)

'อดีตบิ๊กข่าวกรอง’ ฉะ!! ‘ก้าวไกล’ ยกมาตรฐานสูงลิ่ว พอกรวดเข้าตาตัวเอง กลับมองไม่เห็น เขี่ยไม่ออก

(5 พ.ย.66) นายนันทิวัฒน์ สามารถ อดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรอง โพสต์เฟซบุ๊ก Nantiwat Samart ระบุว่า…

มาตรฐานสูงลิ่ว

พรรคก้าวไกลยกมาตรฐานไว้สูงลิ่ว แถมกดคนอื่นลงต่ำ แต่พอกรวดเข้าตาตัวเอง กลับมองไม่เห็น เขี่ยไม่ออก

ขว้างงูไม่พ้นคอ

ไล่ออกคนหนึ่งแต่อีกคนให้แก้ตัว สุดท้ายต้องอ้อนวอนให้ลาออก หากจะไล่ซ้ำสองทำได้ไหม

อย่าดรามาสร้างเฟสสีดำ ติดโบว์ขาว ปกป้องสตรี

ก่อนโหวตทำไมไม่คิด ตอนนี้มาขอร้องให้ลาออก ช้าไปแล้ว คนรู้ทันทั้งแผ่นดิน แก้ตัวไม่ขึ้น

ไม่อยากขยี้ แค่ขัดใจคนรุ่นใหม่

เรียกร้องความเป็นธรรมจากคนอื่น แต่ฝ่ายตัวเองสารพัดแก้ตัว

ขอถามหาความเป็นธรรมของผู้ถูกละเมิด อยู่ที่ไหน ความโปร่งใส ต้องเปิดเผย ไม่มีความลับ มีไหม อยู่ที่ไหน อะไรคือมาตรฐานที่แตกต่างจากคนอื่น

‘เหยื่อ สส.ปูอัด’ ซัด!! เจ้าตัวไม่สำนึก เผยข้อมูลสู่สาธารณชน-ซ้ำเติมเหยื่อ ลั่น!! ผิดหวัง 22 สส.ก้าวไกล อุ้มคนผิด-เพิกเฉยต่อความรุนแรงทางเพศ

(4 พ.ย. 66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ส.ก.เนอส ภัทราภรณ์ เก่งรุ่งเรืองชัย ส.ก.เขตบางซื่อ พรรคก้าวไกล และ รองโฆษกสภากทม. ได้รีโพสต์ ผู้ใช้ X (ทวิตเตอร์) เปิดเผยจดหมายเปิดผนึกของผู้เสียหาย กรณี นายไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ ส.ส.กรุงเทพฯ พรรคก้าวไกล เพื่อไว้อาลัยให้กับการละเลยในการตระหนักเรื่องความรุนแรงทางเพศ โดยมีเนื้อหาว่า…

“จดหมายเปิดผนึกฉบับนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อไว้อาลัยให้กับความละเลยของคุณ ในการตระหนักถึงประเด็นความรุนแรงที่เกิดจากการคุกคาม การล่วงละเมิดทางเพศและความเหลื่อมล้ำทางเพศในสังคมปัจจุบัน

ดิฉันเห็นว่าประเด็นความรุนแรงและความเหลื่อมล้ำทางเพศเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ซับซ้อน และต้องใช้เวลาในการทำความเข้าใจ อย่างไรก็ตามประเด็นเหล่านี้ เป็นประเด็นที่บุคคลที่เรียกตัวเองว่าเป็น ‘ตัวแทนของประชาชน’ จำเป็นต้องให้ความสำคัญ เนื่องจากสิ่งเหล่านี้เป็นรากฐานสำคัญที่ส่งเสริมสิทธิมนุษยชนและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์

จากเหตุผลข้างต้นทําให้ดิฉันรู้สึกผิดหวังในผลการลงคะแนนเสียงเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน ซึ่งเผยให้เห็นว่าสมาชิก ผู้แทนราษฎร 22 คน ในพรรคก้าวไกล ยังไม่ตระหนักถึงความรุนแรงจากการล่วงละเมิดทางเพศที่เกิดขึ้น

นอกจากนั้น ยังเพิกเฉยต่อทัศนคติที่คับแคบและขาดความรับผิดชอบของผู้กระทำ การพิจารณาคดีอย่างเหมาะสม สําหรับกรณีความรุนแรงทางเพศจำเป็นต้องมีการสอบสวนถึงปัจจัย หลักฐาน และเจตนาของผู้กระทำ

ดิฉันมีความ พยายามอย่างเต็มที่ในการมอบหลักฐานทั้งหมดเพื่อพิสูจน์ให้เห็นถึงเจตนาที่ชัดเจนของผู้กระทำในการล่วงละเมิดทางเพศ

ความคาดหวังของดิฉัน คือ การที่สมาชิกผู้แทนราษฎรพรรคก้าวไกล ซึ่งมักยกย่องตนเองว่าเป็นผู้มีการศึกษา มี เกียรติ และมีความตระหนักรู้ถึงประเด็นต่างๆในสังคม ใช้วิจารณญาณและจิตสำนึกความเป็นเพื่อนมนุษย์ในการ ตัดสินโดยพิจารณาจากหลักฐานทั้งหมด

อย่างไรก็ตามผลลัพธ์ที่น่าผิดหวังจนทำให้ดิฉันเกือบจะสิ้นหวัง เพราะผลลัพธ์นั้นแสดงให้เห็นว่าสมาชิกบางท่านได้ปล่อยให้แรงจูงใจส่วนบุคคล บ่อนทําลายการแสวงหาความยุติธรรม

ขณะนี้สังคมจําเป็นอย่างยิ่งที่จะไม่เพิกเฉยต่อกรณีการล่วงละเมิดทางเพศ และไม่ควรหาคำแก้ตัวใดๆ ที่พยายามลดความรุนแรงของพฤติกรรมดังกล่าว การล่วงละเมิดทางเพศเป็นสิ่งที่ผิดอย่างแน่ชัดและปฏิเสธไม่ได้

การกระทํา ที่ทำให้ผู้อื่นตกเป็น ‘วัตถุทางเพศ’ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อกระทำโดยบุคคลในตำแหน่งที่มีอำนาจเหนือกว่า สามารถ ให้คุณ ให้โทษได้ ถือเป็นความผิดร้ายแรง

ดิฉันเห็นว่าการกระทำเหล่านี้เป็นการปฏิบัติต่อผู้อื่นด้วยเจตนาว่าคนเหล่านั้นไม่มีความสำคัญ ลดทอนคุณค่า และเหยียบย่ำศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์อย่างหาที่สุดไม่ได้ การกระทำนี้เป็น สิ่งที่ ‘น่ารังเกียจ’ ส่งผลทั้งทางร่างกายและจิตใจอย่างใหญ่หลวงต่อผู้เสียหาย

ความอยุติธรรมที่เห็นได้ชัดที่สุดคือ การที่ผู้กระทำการล่วงละเมิดทางเพศ ไม่ตระหนักรู้ถึงความผิดนั้น นอกจากนั้นยังมีการกล่าวหาและนำข้อมูลส่วนตัวของดิฉันออกสู่สาธารณชน การกระทำเหล่านี้เป็นการโยน ความผิดและผลักภาระในการพิสูจน์ความจริงมาที่ผู้ร้องโดยตรง

ซึ่งจะเป็นประสบการณ์ที่ตามหลอกหลอน ผู้ถูกกระทำแม้กระทั่งหลังจากที่ได้รับความยุติธรรมแล้วก็ตาม และมีเพียง ‘เหยื่อ’ เท่านั้นที่จะสามารถรับรู้ ผลกระทบที่เจ็บปวดอย่างหาที่สุดไม่ได้จากการล่วงละเมิดทางเพศ

จากสิ่งที่ดิฉันได้ชี้แจงข้างต้น ดิฉันขอวิงวอนให้ทุกท่านพิจารณาอีกครั้งว่า บุคคลนี้มีคุณสมบัติเหมาะสมที่จะเป็นผู้แทนราษฎรหรือไม่ ลองถามตัวเองด้วยคำถามเหล่านี้ว่า ถ้าหากเหตุการณ์เหล่านี้เกิดกับคนใกล้ชิด คนสนิท พี่สาว น้องสาว ลูกสาวหรือภรรยาของคุณ

คุณจะยังยินดีที่สนับสนุนบุคคลที่คุกคามทางเพศหรือไม่ คุณยังยืนยันที่จะเข้าข้างเพื่อนของคุณหรือไม่ คุณเป็นเพียงนักการเมืองที่มีอคติอีกคนที่ปล่อยให้ผลประโยชน์ส่วนตัวกลืนกิน จิตสำนึกของคุณหรือไม่ หรือคุณจะเป็นนักการเมืองที่ยืนอยู่บนหลักการ ความจริง และความถูกต้อง

การตัดสินใจของคุณในครั้งนี้สะท้อนมุมมองและทัศนคติของคุณ รวมถึงอุปนิสัยและความจริงใจในการตระหนักถึง ความรุนแรงในการคุกคามทางเพศ

นอกจากนี้ ผลลัพธ์จากทางเลือกที่คุณตัดสินใจยังทำหน้าที่เป็น เครื่องเตือนใจ ว่าคุณได้ล้มเหลวในความมุ่งมั่นที่จะเป็นผู้แทนราษฎรที่ดี และไม่สามารถเป็นผู้แทนราษฎรที่ประชาชนไว้ใจอีกต่อไป”

ด้วยความนับถือ

ผู้เสียหาย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top