Wednesday, 4 October 2023
POLITICS

‘สุทิน’ แจง ยังไม่มีการแต่งตั้งใคร ต้องรอหลังแถลงนโยบายต่อสภาฯ ยืนยัน!! เอกสารที่หลุดตอนนี้เป็นของปลอม และเกิดจากผู้ไม่หวังดี

(10 ก.ย. 66) จากกรณีที่มีเอกสารลับหลุดว่อนเน็ต เรื่อง การแต่งตั้งประธานที่ปรึกษาและที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีคำสั่งแต่งตั้งบุคคลจำนวน 6 นาย โดยในจำนวนนี้มีชื่อของ นายพายัพ ชินวัตร แกนนำพรรคเพื่อไทยที่ดูแลภาคอีสาน น้องชายอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร เป็นประธานที่ปรึกษา รมว. กลาโหม และนายพอพงษ์ ชินวัตร บุตรชายนายพายัพ เป็นเลขานุการประจำตัว รมว.กลาโหม

และล่าสุด นายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟสบุ๊ก ‘สุทิน คลังแสง’ เพื่อชี้แจงเกี่ยวกับเรื่องนี้ โดยระบุว่า…

ตามที่มีกระแสข่าวว่าผมแต่งตั้งบุคคลรับตำแหน่งต่างๆ นั้น ผมขอเรียนว่า ยังไม่มีการแต่งตั้งหรือเตรียมแต่งตั้งใครเลย เพราะ ณ เวลานี้ผมยังไม่สามารถสั่งราชการได้ เพราะต้องรอกระบวนการตามกฎหมาย คือ ต้องหลังจากการแถลงนโยบายต่อสภาฯ เสร็จสิ้นสมบูรณ์ครับ

พร้อมทั้งยืนยันว่า “เอกสารเรื่องการแต่งตั้งหรือการเตรียมแต่งตั้งตำแหน่งต่างๆ เป็นของปลอมที่เกิดจากผู้ไม่หวังดีครับ”

‘ศิธา’ ยกเคส ‘กำนันนก’ ฟาด!! ปมโครงข่ายอุปถัมภ์-สมยอม แม้นายกฯ จะเก่งแค่ไหน ถ้าไม่มีความจริงใจ อย่าหวังพัฒนาประเทศ

(10 ก.ย. 66) น.ต.ศิธา ทิวารี แกนนำพรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก น.ต.ศิธา ทิวารี - Sita Divari ระบุว่า​…

กรณีลูกน้อง #กำนันนก ก่อเหตุ #ยิงตำรวจ คือการล้ำเส้นของระบบ อุปถัมภ์ - สมยอม 

ต่อกฎหมายบ้านเมือง ขั้นอุกฉกรรจ์

ระบบ อุปถัมภ์ - สมยอม 3 ด้านหลักๆ ที่ทำให้ประเทศไทยไม่พัฒนา คือ เงิน - อำนาจ - Connection 

แยกเป็นคน 3 กลุ่มคือ นายทุน - ผู้ถืออำนาจรัฐ - เครือข่ายผลประโยชน์

ในความเป็นจริง มันเลวร้ายยิ่งกว่าเหตุการณ์ที่เป็นข่าว เพราะมันเกิดขึ้นกับทุกระดับในระบบราชการ อันเกิดจากเครือข่ายนายทุน เจ้าหน้าที่รัฐ และนักการเมืองไทย

พูดให้ชัดก็คือ มันคือพฤติกรรมเลียนแบบของ #ระบบอุปถัมภ์ ที่ผู้กุมอำนาจรัฐระดับบนทำได้ ระดับต่อๆ ไปจนถึงล่างสุดก็ทำตาม 

ถ้าไม่มีความจริงใจที่จะทำลายโครงข่ายนี้ให้ได้ นายกจะเก่งแค่ไหน ก็อย่าหวังจะพัฒนาประเทศ

'สุวัจน์' ชี้!! เทกระจาดโคราช สะท้อนวิกฤตเศรษฐกิจไทย เชื่อ!! หลากนโยบายรัฐบาลชุดนี้ ช่วยประชาชนได้โดยเร่งด่วน

เมื่อวันที่ 9 ก.ย. 66 คุณสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติพัฒนากล้า ประธานในพิธีประเพณีทิ้งทาน (ซิโกว) พร้อมพี่น้องประชาชนชาวโคราช ได้มาร่วมงานประเพณีทิ้งทาน โดยมีชาวบ้านผู้ยากไร้มารอรับการบริจาคหลายพันคน

โดย คุณสุวัจน์ กล่าวว่า...

"วันนี้ปัญหาเร่งด่วน คือ ของแพง ให้ทุกคนมีงานทํา ให้เครื่องจักรทางเศรษฐกิจกลับมาทำงานกันให้ได้อีกครั้งหนึ่ง

"ซึ่งมูลนิธิหลักเสี่ยงเซี่ยงตึ๊ง สว่างเมตตาธรรมสถาน เป็นองค์กรการกุศลได้จัดงานเทศกาลทิ้งทาน (ซิโกว) คือ ข้าวสารอาหารแห้งที่ได้จากการบริจาคของผู้มีจิตศรัทธา แล้วนำมามอบให้กับผู้ยากไร้ทุกปีแจกวันเดียว แต่ปีนี้แจกสองวันเพราะมีจำนวนผู้ยากไร้เพิ่มขึ้น สะท้อนว่าวิกฤตเศรษฐกิจขณะนี้คนจน ผู้ยากไร้ ที่ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจเยอะขึ้น และเป็นดัชนีชี้วัดปัญหาของประเทศชาติ ซึ่งเป็นเรื่องที่รัฐบาลใหม่ นายกรัฐมนตรีท่านใหม่ ที่กําลังจะแถลงนโยบาย ต้องมีแนวทางในการมาช่วยเหลือคนยากคนจน แนวทางในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ซึ่งนโยบายที่รัฐบาลได้จัดทําครั้งนี้ ก็มีหลายนโยบายที่จะมีส่วนในการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนโดยเร่งด่วน

"อย่างเช่น นโยบายในการพักหนี้เกษตรกร หรือพักหนี้ผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบอันเนื่องจากโควิด หรือนโยบายในเรื่องของการแจกเงิน หนึ่งหมื่นบาท ดิจิทัลวอลเล็ต อันนี้จะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจถือว่าประชาชนสามารถจะนําเงินไปจับจ่ายใช้สอยก่อให้เกิดทวีคูณในเรื่องของตัวเลขการใช้จ่ายทางด้านเศรษฐกิจ หรือนโยบายในเรื่องของการลดค่าใช้จ่าย ที่จะประกาศเร็วๆ นี้ ว่าจะลดราคาไฟฟ้า ลดราคาน้ำมัน รวมทั้งในเรื่องของการกระตุ้นเศรษฐกิจ เรื่องมาตรการการท่องเที่ยว และเมื่อรัฐบาลได้มีการแถลงนโยบายแล้ว จากนี้ไปคงจะเห็นมาตรการ เห็นการทํางานในการเข้าไปแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจให้กับพี่น้องประชาชนต่อไป"

โยก ‘รอย’ ไป สมช. ลดแรงเสียดทาน ‘บิ๊กต่อ’ ขึ้นแท่น!! เชื่อ!! เต็งจ๋าไม่พลิก แม้มีมือดีหาเรื่องดิสเครดิตกันระวิง

ถ้าจำกันได้ เมื่อเดือน ก.ย.เมื่อปี 2554 พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร.ขณะนั้น ก็เคยถูกคำสั่งของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ให้ไปนั่งตำแหน่งใหม่ที่ทำเนียบรัฐบาล คือ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) โดยโยกนายถวิล เปลี่ยนศรี เลขาธิการ สมช.ไปนั่งตบยุ่งในตำแหน่งที่ปรึกษา

ทั้งหลายทั้งปวงก็เพื่อเปิดทางให้ พี่สาวของคุณหญิงอ้อ ‘พจมาน ดามาพงศ์’ อย่าง พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผงาดขึ้นตำแหน่ง ผบ.ตร.เพราะเหลือเวลาปีเดียว

ไม่น่าเชื่อ… กรณีย้ายนายถวิลโดยมิชอบดังกล่าว ทำให้ เดือน พ.ค. 2557 ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้ ‘ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร’ พ้นจากตำแหน่งนายกฯ และถูกดำเนินคดี… หนีหมายศาลอยู่จนทุกวันนี้ นอกเหนือจากคดีจำนำข้าว

ร่ายมาซะยาว… เพียงเพื่อจะโยงเข้าเรื่องว่า โยกย้ายตำรวจปีนี้ ‘บิ๊กตู่’ อดีตประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือ ก.ตร.คนเก่า (คณะกรรมการข้าราชการตำรวจ) ไม่กล้าทุบโต๊ะเหมือนย้ายทหาร ส่งมอบให้นายกฯ เศรษฐา ทวีสิน ในฐานะประธาน ก.ตร.คนใหม่ บริหารจัดการเอง… ว่า 4 แคนดิเดต ผบ.ตร.จะให้ที่ประชุมเลือกใคร… 

มีรายงานข่าวน่าเชื่อถือว่า… รัฐบาลเสี่ยนิดจะโยก พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร.ด้านความมั่นคง ที่อาวุโสสูงสุด แต่จะเกษียณปี 2567 ไปนั่งตำแหน่งเลขาธิการ สมช.แทน พล.อ.สุพจน์ มาลานิยม ที่จะเกษียณปีนี้… ทำให้แคนดิเดต ผบ.ตร.เหลือ 3 คน มีอาวุโสตามลำดับคือ… 

- พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ‘บิ๊กต่าย’ เกษียณปี 2569
- พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล ‘บิ๊กโจ๊ก’ เกษียณปี 2574 
- พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ‘บื๊กต่อ’ เกษียณปี 2567

ชื่อ ‘บิ๊กต่อ’ นั้นเป็นเต็งหนึ่งมาโดยตลอด… ถ้า พล.ต.อ.รอย นั่งอยู่ที่เดิมแปลว่าต้องข้ามอาวุโสถึงสามคน แต่พอท่านรองรอยลุกไป ก็จะข้ามแค่สองคน อยู่ปีเดียวแล้วลุกจากไป… ปีหน้าเปิดทางให้ บิ๊กต่าย กับ บิ๊กโจ๊ก และรอง ผบ.ตร.คนใหม่อีกคนไปลุ้นกัน… 

เรื่องอาวุโสก็เป็นปัจจัยสำคัญ แต่ก็ไม่ใช่เป็นปัจจัยชี้ขาด ยังมีปัจจัยความรู้ความสามารถความเหมาะสมด้วย… เพียงแต่ระบบราชการไทยโดยเฉพาะแวดวงสีกากี ไม่มีใครไว้ใจใครได้ ถ้ามีโอกาสก็จะต้องคว้าเอาไว้ก่อน อย่างอื่นค่อยว่ากัน… เพราะปล่อยไปวันหน้าการเมืองเปลี่ยน… ไม่มีอะไรที่แน่นอน… 

แม้แต่กรณีบิ๊กโจ๊กที่จะเกษียณอีก 8-9 ปีข้างหน้า ดูแล้วก็คงไม่พลาด เก้าอี้ ผบ.ตร.ไม่มีไปไหนแน่… 

แต่เอาเข้าจริง… ไม่มีอะไรแน่นอน

ดังนั้น สรุปรวมความนาทีนี้… เต็งจ๋าไม่น่าจะแปรเป็นอื่นก็คือ ‘บิ๊กต่อ’ รอง ผบ.ตร.ฝ่ายปราบปราม ที่เพิ่งไปดูการวิสามัญ ‘หน่อง ท่าผา’ มือปืนที่ฆ่าสารวัตรทางหลวงอย่างอุกอาจเมื่อไม่กี่วันก่อน…

แต่ล่าสุดสายข่าวตะแล็บแก๊บรายงาน ‘เล็ก เลียบด่วน’ มาว่า ขณะที่เดินหน้าลุยงานโน่น นี่ นั่น ปรากฏว่ามีมือดีพยายามปฏิบัติการเผยแพร่เอกสารโจมตี ‘บิ๊กต่อ’ ข้อหาต่างๆ… โยงใยเรื่องแรงงานต่างด้าว เรื่องชายแดน...เป็นเรื่องเสียๆ หายๆ ในทางลบ...

พร้อมๆ กับจุดกระแสว่า… อาจจะมีการพลิกโผ ผบ.ตร.

เรื่องของเรื่องมันก็เป็นอย่างนี้แหละครับท่านสารวัตร...แต่ ‘เล็ก เลียบด่วน’ ไม่เชื่อหรอกว่าจะพลิก...

คนที่มาพลิกนั่นแหละ… จะพลิกแทน!!

สวัสดี

‘ดร.เสรี’ เรียกร้องยกเลิกงบค่าอาหารของ ‘สส.-สว.’  แนะให้จ่ายเงินกินกันเอง จะช่วยชาติประหยัดได้เยอะ

(9 ก.ย. 66) ดร.เสรี วงษ์มณฑา นักวิชาการด้านการตลาดและการสื่อสาร โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า…

เลิกงบอาหารสำหรับ สส. และ สว.เถอะ มีเงินเดือนขนาดนี้ และค่าโน่นค่านี่อีกมากมาย ให้หากินเองเถอะ

พื้นที่ในสภาฯ มากพอที่จะทำเป็นศูนย์อาหาร ให้เข้ามาหากินกันเองนะ

ที่จัดให้ในตอนนี้ใช้งบประมาณสูงเกินไป เสียดายเงินที่ต้องจ่าย

แล้วก็มาประชุมกันไม่ครบ สภาฯ ล่มก็กลับบ้าน ไม่ได้กิน แต่ก็ต้องจ่าย

เลิกงบนี้เถอะนะ แล้วให้จ่ายเงินกินกันเอง จะประหยัดช่วยชาติได้เยอะ

อยากเห็น สส.สักคนที่เสนอเรื่องนี้ในสภาฯ จะมีไหมนะ?

‘สาธิต’ ชวน ‘ก้าวไกล’ ไม่สาดโคลน หาเสียงเลือกตั้งซ่อมระยอง หลังพบการปราศรัยบนเวที ‘ด่าเอามัน’ มากกว่า ‘มาหาเสียง’

(9 ก.ย. 66) นายสาธิต ปิตุเตชะ รักษาการรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ‘สาธิต ปิตุเตชะ’ กรณีที่มี สส.พรรคก้าวไกล ปราศรัยบนเวที สาดโคลนใส่พรรคคู่แข่ง ในการหาเสียงเลือกตั้งซ่อม สส.เขต 3 จังหวัดระยอง โดยระบุว่า…

มาหาเสียง หรือมาด่าเอามัน

คือแทนที่จะมานำเสนอคุณสมบัติผู้สมัครของตัวเอง ดี เด่น มีผลงานอะไรมา และมีความพร้อมที่จะมาเป็นผู้แทนคนระยอง เขต 3 อ.แกลง อ.เขาชะเมา และมีนโยบาย พัฒนา แก้ไขปัญหาอะไร อย่างไร ให้กับคนระยองเขต 3

แต่ขึ้นเวทีปราศรัย ด่าเอามันอย่างเดียว แขวะไปที่ท่านอนุทิน มท.1 บ้าง เล่นคำบอกว่าหมอบัญญัติ และร้านกาแฟ โรงเลื่อย ซื้อเสียง โดยพูดลอยๆ ไม่ได้มีหลักฐาน และไม่ยื่น กกต.บ้าง ด่ารัฐบาลที่จัดตั้งมีนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรีไปแล้วบ้าง

พฤติกรรมแบบนี้ไม่ใช่คนรุ่นใหม่ครับ เป็นแบบเก่าสุดๆ ครับ ถือว่ายังโชคดี ที่ไม่ได้ไปเป็นรัฐบาล หรือนายกรัฐมนตรีนะครับ ถ้าไปเป็นแล้ว เวลาไปเจรจาความเมืองระหว่างประเทศ กับบรรดามหาอำนาจ ผมไม่รู้ว่าประเทศไทยจะมีความเสี่ยงที่จะเสียหายมากน้อยแค่ไหน

‘หยก’ โพสต์ทวงความชัดเจนสถานภาพจากโรงเรียน จี้ถาม “ทำไมคุณครูปล่อยเพื่อนๆ ทำอะไรต่างๆ กับหนู”

เมื่อวันที่ 6 ก.ย. 66 จากเฟซบุ๊ก ‘Thanalop Phalanchai’ ของ ‘หยก ธนลภย์’ เยาวชนนักเคลื่อนไหวการเมืองและผู้ต้องหา ม.112 อายุ 15 ปี ได้โพสต์ข้อความระบุว่า...

โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ 6 กันยายน 2566

วันนี้หนูมาโรงเรียน ที่โรงเรียนให้หนูเข้ามาที่ห้อง แต่ห้องปิดไฟ ดับไฟ ไม่มีใครอยู่ในห้อง แต่ห้องข้างๆ เรียนกันอยู่ แต่ห้องหนูเพื่อนหายไปหมด หนูมาทราบทีหลัง ผู้ปกครอง-ครู บอกว่า “เพื่อนไม่สบาย”

หนูเลยนั่งเรียนพยายามอ่านหนังสือไปเอง ไม่ได้ไปตามหาว่าเพื่อนไปไหน สักพักจากนั้นผู้ปกครองของเด็กที่อุ้มหนูก็เข้ามา ผู้ปกครองคนอื่นก็เข้ามา รอง 2 คนของโรงเรียนก็เข้ามา เขาเริ่มพูดถึงด้วยการว่าพี่บุ้ง และบอกว่าคนแบบนี้สุดท้ายเป็นยังไง ก็ต้องลี้ภัย จนหนูทนไม่ไหวเลยไปนั่งริมหน้าต่าง แล้วบอกให้เขาออกไป ตอนแรกเขาก็ออก แต่ต่อมาก็เอาครูคนอื่นมาพูดใส่หนู หนูเลยใส่หูฟังนอนก้มหน้าหลับตาไป

ช่วงประมาณก่อนเที่ยง หนูหลับไป อาจเป็นเพราะไม่ค่อยสบาย พี่คนนึงที่มาก็ขึ้นมาดูหนู แต่หนูไม่รู้ หนูหลับอยู่ พี่อีกคนที่ตามมาดูหนูก็เดินเข้ามา หนูถามว่าเข้ามาได้ไง พี่เค้าก็เล่าว่าหน้าโรงเรียนมีคนให้เข้ามาเลย พอผ่านประตูมาก็มีครูมารับแล้วพาเดินมาหาหนู หนูก็นั่งในห้องเรียน พี่เค้าอยู่ด้วย ส่วนครูกับผู้ปกครองที่เคยเดินเข้ามาว่าก็ไม่มาแล้วพอพี่เขามา ต่อมาก็มีเพื่อนนักเรียนผู้หญิงสองคนนั่งเฝ้าหน้าห้อง แต่หนูไม่รู้ว่ามาเองหรือโรงเรียนให้มานั่งเฝ้า จนบ่ายสามโมง เวลาเลิกเรียนหนูก็ออกมา

หนูเห็นสมาคมผู้ปกครองโรงเรียนออกจดหมายถึงหนู หนูเห็นด้วยกับสิ่งที่เค้าเรียกร้องกับโรงเรียน เรื่องขอความชัดเจนในสถานะของหนู เพราะหนูก็อยากรู้ หนูก็เห็นว่าการไม่แจ้งอะไรเป็นตัวหนังสือหลักฐานมาเลย แต่ก็อ้างว่าอยากช่วย ‘เด็กที่ไม่มีชื่อในระบบ’ ให้เริ่มต้นใหม่ คือการให้หนูมาเจออะไรแบบนี้เหรอ ทำไมหนูถึงไม่มีชื่อ เป็นความผิดใคร มอบตัวแล้วเกิดความผิดพลาดไม่ให้เรียนอยู่ๆ ก็คืนเงินได้เลยใช่ไหม โรงเรียนมีแผนการอะไรหรือให้ความชัดเจนอะไรได้ และทำไมมันถึงไม่มีความชัดเจนมาจนวันนี้ คือโรงเรียนอาจจะเคยไปบอกเพื่อนๆ ลับหลังหนูว่าหนูไม่ใช่นักเรียน แต่หนูไม่เคยได้เอกสารแจ้งชัดเจนเลยนะคะ และไม่มีการอธิบายด้วยว่าเพราะอะไรถึงมอบตัวไม่สำเร็จ แค่เพราะไม่มีผู้ปกครองมาใช่ไหม

นอกจากเห็นด้วยกับสมาคมผู้ปกครองในเรื่องนี้แล้ว หนูอยากเรียกร้องพ่อแม่ของเพื่อนๆ คนอื่นเหมือนกัน ว่าบางทีครูอาจจะทำไม่ถูก บางเรื่องที่เป็นความไม่ปลอดภัยหรือการสนับสนุนพฤติกรรมของนักเรียน คุณครูไม่น่าจะทำ และคุณพ่อคุณแม่ของเพื่อนๆ น่าจะต้องเป็นกังวลกับเรื่องนี้ ที่คุณครูปล่อยหรือสนับสนุนให้เพื่อนๆ ทำอะไรต่างๆ กับหนู

สุดท้าย จดหมายที่สมาคมผู้ปกครองบอกให้หนู “ขอโทษ” หนูไม่เห็นด้วยเลย หนูเองไม่เคยได้รับคำอธิบายจากศาลเยาวชนฯ จากบ้านปรานีฯ จากโรงเรียน จากคุณครู ไม่เคยมีใครบอกอะไรกับหนู และไม่เคยมีใครมาขอโทษหนูเหมือนกัน กับทุกๆ เรื่องที่ผ่านมา และหนูคิดว่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับหนูไม่ใช่เรื่องปกติ และนอกจากหนูในโรงเรียนนี้แล้วก็มีเด็กคนอื่นๆ ที่เจอเรื่องแบบนี้อยู่ทั่วประเทศ เช่นเด็กที่ถูกพักการเรียน 1 ปี เพราะใส่ชุดไปรเวท 1 วัน หรือเด็กที่โรงเรียนทำให้ออกจากโรงเรียน เพราะโดนมาตรา 112

หนูไม่ใช่คนไม่กล้าที่จะพูดคำว่าขอโทษ หนูเคยพูดคำนี้ในชีวิตมาแล้ว เมื่อพิจารณาแล้วมีเหตุผลสมควรที่จะพูด คำว่าขอโทษ ถ้าสมควรจะพูดหนูก็สามารถพูดได้ ไม่ต้องใช้ความกล้าหาญใดๆ

‘สรรเพชญ-ร่มธรรม’ ลุย ระยอง อ้อนชาวแกลงเลือกหมอบัญญัติ ลั่น!! ประสานคนทุกรุ่นฟื้นฟูพรรค-แก้ไขจุดบกพร่อง-รักษาสิ่งดีงาม

เมื่อวันที่ 8 ก.ย.66 สส.สรรเพชญ บุญญามณี จังหวัดสงขลา สส.ร่มธรรม ขำนุรักษ์ จังหวัดพัทลุง ร่วมปฏิบัติภารกิจดาวกระจายลงพื้นที่ ตำบลกระแสบน อำเภอแกลง จังหวัดระยอง เพื่อขอคะแนนเสียงให้กับ นพ.บัญญัติ เจตนจันทร์ ผู้สมัครหมายเลข 2 จากพรรคประชาธิปัตย์ “เลือกหมอบัญญัติ คนบ้านเรา”

โดยบรรยากาศการขอคะแนนเสียงเน้นการกระจายตัวไปทุกจุด เข้าถึงพูดคุย ให้เวลาและรบกวนช่วงเวลาทำงาน เวลาทำมาหากินของพี่น้องประชาชนน้อยที่สุด เพื่อนำเสนอที่เป็นประโยชน์ให้เห็นว่า การทำหน้าที่ผู้แทนราษฏร นั้นต้องเลือกคนที่เข้าใจปัญหา ประสานแก้ไขปัญหาได้ทั้งในและนอกสภาฯ

โดย สส.สรรเพชญ กล่าวว่า วันนี้หลังภารกิจในสภาฯ เลือดใต้ใหม่ ปชป.ของสงขลาและพัทลุง ใจเกินร้อยตั้งใจมาช่วยที่หมอบัญญัติ เพราะในช่วงที่ผ่านมานั้น ตนได้ติดตามและชื่นชมการทำหน้าที่ สส.ของคุณหมอบัญญัติมาโดยตลอด ว่าเป็นอีก สส.อีกคนหนึ่งที่ขยัน และรับผิดชอบพื้นที่ เข้าถึงง่าย ทำให้พี่น้องประชาชนชาวระยองได้ประโยชน์จากการที่มีคุณหมอบัญญัติเป็นผู้แทนฯอย่างมาก และสภาฯ เองก็ได้ผู้แทนฯ ที่มีคุณภาพอีกด้วย โดยหากไม่ได้กลับไปทำหน้าที่ สส.ในครั้งนี้ ส่วนตัวก็รู้สึกเสียดาย วันนี้ตั้งใจเต็มที่มาขอคะแนนจากพี่น้องชาวระยอง ได้โปรดเลือกหมอบัญญัติ คนมีความรู้ มีประสบการณ์ กลับเข้าสภาฯ และชาวระยองเองก็จะได้ สส.ที่มีคุณภาพ

นายสรรเพชญ ยังกล่าวอีกว่า หลายเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับพรรคในช่วงที่ผ่านมา ทุกอย่างยังคงดำเนินต่อไปด้วยความเชื่อมั่นที่แสดงให้เห็น ว่าวันนี้พรรคประชาธิปัตย์ ยังคงเป็นประชาธิปัตย์ที่มีเอกลักษณ์ที่ดีงามเฉพาะตัว ทั้งความตั้งใจช่วยเหลือแก้ไขปัญหาให้ประชาชนไม่ว่าจะเป็นฝ่ายรัฐบาลหรือฝ่ายค้าน เรายังคงทำหน้าที่ที่ควรจะทำอย่างเสมอมา และแม้อดีต สส. อดีตรัฐมนตรี ของพรรคทุกคนก็ยังคงทำหน้าที่ช่วยเหลือสังคมอยู่ตลอด โดยไม่เกี่ยงว่าจะอยู่ในสถานะใด เราต้องการแสดงให้เห็นว่า จิตสาธารณะทางการเมืองยังคงเข้มข้นในเลือดของคนประชาธิปัตย์ การเดินทางมาในวันนี้ก็เช่นเดียวกัน

นอกจากอยากให้คุณหมอบัญญัติได้กลับไปสิ่งดีๆ ในสภาฯ แล้ว การที่คน ปชป.ทุกภาคทุกพื้นที่ อดีตและปัจจุบันมาช่วยกันนั้น ถือเป็นวัฒนธรรมองค์กรที่ดีงามของพรรคฯ ที่ต้องธำรงไว้ วันนี้ตนและ สส.ร่มธรรมในฐานะคนรุ่นใหม่ เห็นตรงกันว่า เราต้องช่วยกันร่วมกับคนทุกรุ่นในพรรคช่วยกันฟื้นฟู โดยเริ่มจากการรักษาสิ่งดีงามที่มีอยู่ แก้ไขจุดบกพร่อง เพื่อนำประชาธิปัตย์ไปสู่ความหวังของประชาชนให้ได้โดยเร็ว และบทบาทหลังจากนี้ สส.ของพรรคทุกคน พร้อมทำหน้าที่ฝ่ายค้านอย่างเข้มข้น ตรวจสอบการทำงานรัฐบาล เริ่มตั้งแต่วันแถลงนโยบายของคณะรัฐมนตรี 11 ก.ย. นี้

‘โบว์ ณัฏฐา’ วิเคราะห์ 3 ความเป็นไปได้ ‘แม่ของหยก’ แต่ไม่ว่าทางไหน ก็หนีความรับผิดชอบไม่ได้

(8 ก.ย. 66) น.ส.ณัฏฐา มหัทธนา หรือ โบว์ พิธีกรรายการวิเคราะห์ข่าว และนักกิจกรรมเพื่อสิทธิมนุษยชน โพสต์เฟซบุ๊ก Bow Nuttaa Mahattana ระบุข้อความว่า ประเด็นแม่ของหยก ประเมินได้สามทาง

1. แม่เป็นผู้ปกครองแบบอยากใช้ไม้แข็ง รอให้หยกสิ้นหนทางจนต้องกลับบ้านเอง เป็นวิธีปราบที่ใช้ได้กับเด็กบางคน แต่ไม่ได้กับเด็กทุกคน ซึ่งผู้ปกครองบางคนดันทุรังใช้วิธีแบบนี้เพราะเข้าใจว่าจะได้ผล สุดท้ายคือเสียลูก

2. แม่เป็นคนขี้ขลาดตาขาว กลัวแรงกดดันจากสังคม ไม่กล้าเผชิญหน้า ใช้วิธีหนีปัญหา

3. ความเป็นไปได้อื่น ๆ เช่น เป็นส่วนหนึ่งของขบวนการ เล่นบทหลบเพื่อให้กลุ่มและหยกสร้างประเด็นต่อไป ด้วยข้ออ้างว่าหยกไม่มีผู้ปกครองดูแล ฯลฯ

ไม่ว่าจะอย่างไร หนีความรับผิดชอบไม่ได้ค่ะ

'พรรคอนาคตไกล' อัปเดตสถานที่ทำการพรรค ย่านถนนสุโขทัย พร้อมยืนยัน!! ไม่เกี่ยวกับพรรคการเมืองใด-ไม่เป็นนอมินีของใคร

(8 ก.ย.66) มีความคืบหน้าพรรคการเมืองน้องใหม่เกิดขึ้นพร้อมกระแสบางพรรคจะถูกยุบพรรค อีกฟากหนึ่งของรัฐบาลเศรษฐา 1 รัฐบาลผสมที่จะมีการแถลงนโยบายต่อรัฐสภาตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 162 ก่อนที่จะบริหารราชการแผ่นดิน เป็นไปตามนโยบายและไม่ขัดต่อยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี

อีกฟากหนึ่งกระแสการรวบรวมสมาชิกก่อตั้งพรรคอนาคตไกลพร้อมเตรียมการเลือกตั้งใหญ่สามัญครั้งแรก จะเห็นรูปก่อร่างสร้างตัวเป็นพรรคของคนรุ่นใหม่ที่ชื่อว่า ‘พรรคอนาคตไกล’ แน่นอนการเกิดขึ้นพร้อมกับการตั้งรัฐบาลและอีกฟากฝั่งกระแสยุบพรรค ซึ่งแกนนำผู้ก่อตั้งพรรคอนาคตไกล ยืนยันว่า ไม่เกี่ยวข้องกับพรรคการเมืองใดและไม่เป็นนอมินีของบุคคลใด

ขณะเดียวกัน นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และ นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล ต่างออกมาปฏิเสธว่า พรรคอนาคตไกล ไม่เกี่ยวข้องกับพรรคก้าวไกลและอดีตพรรคอนาคตใหม่ แต่สิทธิในการตั้งพรรคการเมืองเป็นไปตามกฎหมายพรรคการเมือง

กระแสร้อนแรงของกลุ่มอนาคตไกล ที่จะพัฒนาจดทะเบียนกับนายทะเบียนพรรคการเมือง เป็น

‘พรรคอนาคตไกล’ หากมองในชื่อและโลโก้พรรค สีของโลโก้พรรค ‘อนาคตไกล’ ภาษาไทยตัวย่อ อนก. ภาษาอังกฤษว่า FFT โดยใช้โลโก้พรรคการเมือง เป็นรูปอินฟินิตี้ มีคำว่า ‘อนาคตไกล’ อยู่ในวงล้อม เป็นเส้นสีแดงผสมสีส้ม หมายถึง เป็นพรรคของประชาชน อำนาจสูงสุดเป็นของประชาชน และถูกจุดกระแสโดยปล่อยหนังสือแจ้งเตรียมการจัดตั้งออกมาทั้งผู้ประสงค์ดีและผู้สนับสนุน เป็นการจงใจอย่างยิ่งในทางการเมือง ไม่ต่างจากการโยนหินถามทางในทางการเมืองของนักการเมืองคนรุ่นใหม่ ที่พร้อมจะสู้ในสนามการเลือกตั้งในสมัยหน้า

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการเจาะลึกพบว่า กลุ่มอนาคตไกลได้ใช้สถานที่ตั้งย่านถนนประวัติศาสตร์ทางการเมือง เศรษฐกิจ สังคม ย่านถนนสุโขทัย เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร เป็นสถานที่บัญชาการในการกุมบังเหียนของผู้นำระดับสูงของแกนนำพรรคอนาคตไกล ล่าสุดกำลังรีแบรนด์สถานที่ตั้งพรรค สำนักงานใหญ่ ห้องทำงาน ห้องประชุม คืบหน้าไปแล้ว โดยใช้สถานที่ตั้งพรรคการเมืองแห่งหนึ่ง กำลังตกแต่งภายในห้องประชุม เตรียมความพร้อมทุกด้าน ก่อนการประชุมใหญ่สามัญครั้งแรก

จากการเปิดเผยของแกนนำระดับสูง โดยไม่เปิดเผยชื่อว่า เดิมจะใช้สถานที่อาคารทาวเวอร์แห่งหนึ่ง ย่านสุขุมวิท แต่เนื่องจากผู้บริหารระดับสูงเดินทางไปมาไม่สะดวกเพราะจราจรติดขัด จึงเลือกสถานที่บัญชาการเป็นสถานที่ตั้งพรรคอนาคตไกลแห่งใหม่ ย่านถนนสุโขทัย เขตดุสิต ด้วยความเชื่อในโหราศาสตร์ดวงเมือง ในสถานที่มั่นแห่งใหม่ เป็นมงคลแก่พรรคอนาคตไกล ใกล้สถานที่ราชการ ใกล้ทำเนียบรัฐบาล และใกล้อาคารรัฐสภา สมาชิกพรรค แกนนำ สะดวกเดินทางเข้าพรรค ส่วนเสื้อพรรคได้ออกแบบเสร็จแล้ว อยู่ระหว่างโรงงานผลิตเสื้อเพื่อให้ทันต่อการจัดประชุมใหญ่

เปิดรายละเอียด ‘แจกเงินดิจิทัล 1 หมื่น’ ที่คนไทยควรรู้ ภายใต้ ‘ผลลัพธ์-ข้อจำกัด’ ที่ผู้ออกนโยบายต้องคิดให้ดี

เมื่อวันที่ 7 ก.ย.66 Spacebar ได้โพสต์คลิปวิดีโออธิบายรายละเอียด ‘เงินดิจิทัล 10,000 บาท’ ถึงความเป็นมาโครงการ รวมถึงข้อดี-ข้อเสีย และความเป็นไปได้ที่จะทำได้จริงมากน้อยแค่ไหน หลังรัฐบาลเศรษฐา 1 ได้มีการประกาศไว้ว่า จะสามารถใช้ได้ในช่วงไตรมาสแรกของปี 67 โดยระบุว่า...

เงินดิจิทัล 10,000 บาท เป็นเงินที่สามารถนำไปใช้จ่ายผ่านกระเป๋าเงินดิจิทัลที่ถูกสร้างขึ้นโดยรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ซึ่งได้เผยว่าจะทำบน ‘ระบบ Blockchain’ โดยมีเป้าหมายที่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจให้หมุนเวียนและเพิ่มกำลังซื้อของประชาชนได้อย่างรวดเร็ว

ทั้งนี้ ผู้ที่มีสิทธิรับเงิน คือ คนไทยอายุ 16 ปีขึ้นไป ซึ่งมีจำนวน 56 ล้านคน เท่ากับต้องใช้งบประมาณ 560,000 ล้านบาท โดยทางพรรคเพื่อไทยอธิบายไว้ว่า นี่คือมาตรการเร่งด่วนเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ผ่านการแจกเงิน 10,000 บาท เพื่อสู้กับความยากจน อันจะส่งผลให้เกิดการไหลเวียนทางเศรษฐกิจได้กว่า 3 ล้านล้านบาทเลยทีเดียว

สำหรับที่มาของเงินที่หลายคนเป็นห่วงว่าเอามาจากส่วนไหน เพื่อใช้ในการดำเนินการโครงการดังกล่าวนั้น ทางพรรคเพื่อไทย ได้ระบุว่า จะมีการนำมาจากการบริหารงบประมาณและภาษี โดยประกอบไปด้วย...

1.) ประมาณการรายได้รัฐที่เพิ่มขึ้นในปี 67 = 260,000 ล้านบาท

2.) ภาษีที่ได้จากผลคูณต่อเศรษฐกิจจากนโยบาย = 100,000 ล้านบาท

3.) การบริหารจัดการงบประมาณ = 110,000 ล้านบาท

4.) การบริหารงบประมาณด้านสวัสดิการที่ซ้ำซ้อน = 90,000 ล้านบาท

โดยสามารถปรับเปลี่ยนตามความเหมาะสมตามสถานการณ์ด้านการคลังของประเทศ

ในส่วนของร้านค้าที่สามารถรับเงิน 10,000 บาท หรือเข้าร่วมโครงการนี้ได้นั้น ต้องเป็นร้านที่จดทะเบียนการค้า จึงจะสามารถแลกเงินดิจิทัลเป็นเงินสดได้ รวมถึงต้องเป็นร้านที่อยู่ในระบบภาษี, เคยยื่นแบบภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา หรือยื่นแบบนิติบุคคลมาเรียบร้อยแล้วนั่นเอง

‘วันนอร์’ จ่อนัดเคลียร์ปัญหา จัดสรรอาหาร สส.ใหม่ ชี้!! ต้องยึดหลักความเหมาะสม และไม่ฟุ่มเฟือย

(8 ก.ย.66) ที่รัฐสภา นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีที่มีสส.นำอาหารที่ทางสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร จัดให้ระหว่างการประชุมสภาฯ ไปรับประทานนอกสถานที่ ว่า เบื้องต้นเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรได้รายงานเรื่องดังกล่าวมาที่ตนเอง ซึ่งคาดว่าภายหลังจากรัฐสภาพิจารณานโยบายของคณะรัฐมนตรี (ครม.) แล้วเสร็จ จะหารือกับสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรอย่างเป็นทางการต่อไป ส่วนแนวทางเกี่ยวกับการบริการอาหารให้กับสส.นั้น ส่วนตัวคิดว่าจะต้องยึดหลักความเหมาะสม และไม่ฟุ่มเฟือย พร้อมทั้งต้องให้สส.ได้รับการบริการที่ดีด้วย แต่ในอนาตจะมีการปรับลดงบประมาณในเรื่องนี้หรือไม่ คงต้องพิจารณาในรายละเอียดร่วมกับรองประธานสภาฯ ทั้งสองคนอีกครั้ง

ถามว่าที่ผ่านมาการจัดสรรอาหารให้กับสส.ระหว่างประชุมสภาฯ ปรากฏว่ามีปริมาณอาหารเหลือเป็นจำนวนมาก ทางสภาฯ จะมีแนวทางการแก้ไขปัญหานี้อย่างไร นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวว่า ยอมรับว่ามีปริมาณอาหารเหลือ แต่ในทางปฏิบัติที่ต้องเข้าใจว่าบางครั้งมีจำนวนสส.มาประชุมมาก หรือบางครั้งก็มีสส.เดินทางกลับไปก่อน ดังนั้น การจะแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ต้องร่วมหารือกันทุกฝ่ายเพื่อให้เกิดความสมดุล

“อาหารเตรียมไว้มากไปก็ไม่ดี หรือเตรียมอาหารไว้พอดี ถ้าเลิกประชุมเร็วก็ทำให้มีอาหารเหลือบ้าง จึงต้องมีมาตรการที่ทำให้เกิดความสมดุลให้ได้” นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าว

เมื่อถามถึงกรณีที่มีการเผยแพร่ภาพสส.นำอาหารของสภาฯ กลับไปรับประทานนอกอาคารรัฐสภา พร้อมกับมีการตอบโต้เป็นอาหารที่เหลือหลังจากการประชุมสภาฯเสร็จแล้ว นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวว่า กรณีถ้ามีอาหารของสภาฯเหลือ เลขาธิการสภาฯแจ้งให้ทราบเบื้องต้นว่าจะนำไปบริจาคในทางสาธารณกุศล เช่น สถานรับเลี้ยงเด็ก เป็นต้น

‘เศรษฐา’ นำคณะลุยขอนแก่น สักการะศาลหลักเมืองเป็นสิริมงคล ชาวอีสานแห่ต้อนรับ ตะโกน “นายกฯ เศรษฐา พาไปเป็นเศรษฐี”

(8 ก.ย. 66) ที่จ.ขอนแก่น นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ และรมว.คลัง พร้อมด้วยนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกฯ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ นายไชยา พรหมา รมช.เกษตรและสหกรณ์ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม นางมนพร เจริญศรี รมช.คมนาคม นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รมว.วัฒนธรรม นายเกรียง กัลป์ตินันท์ รมช.มหาดไทย ลงพื้นที่พบปะชาวขอนแก่น โดยมี สส.ขอนแก่น และอดีต สส.ขอนแก่น ได้แก่ นายภาควัต ศรีสุรพล นายสิงหภณ ดีนาง นายสุรพจน์ เตาะเจริญสุข น.ส.วิภาณี ภูคำวงศ์ นายวันนิวัติ สมบูรณ์ นายชัชวาล พรอมรธรรม น.ส.รัมภามาศ ทีฆธนานนท์ นายจตุพร เจริญเชื้อ และนางมุกดา พงษ์สมบัติ รวมทั้งนายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าฯ ขอนแก่น ให้การต้อนรับ

เวลา 08.15 น. นายกฯ และคณะ ได้เดินทางมาสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ศาลหลักเมือง อ.เมือง จ.ขอนแก่น โดยมีกลุ่มชาวอีสาน 20 จังหวัดมารอต้อนรับ โดยได้ผูกผ้าขาวม้าและมอบพวงมาลัยให้กับนายกฯ พร้อมส่งเสียงตะโกนว่า “นายกฯ เศรษฐา พาไปเป็นเศรษฐี” ทั้งนี้ นายกฯ เดินทางมาด้วยรถยนต์โตโยต้าอัลพาร์ดสีดำ ทะเบียน กล 5558 อุดรธานี

นายเศรษฐาและคณะ ได้เดินทางมารับประทานอาหารเช้าที่ร้านเอมโอช ซึ่งเป็นร้านไข่กระทะชื่อดังใน จ.ขอนแก่น

'สวนดุสิตโพล' เผยผลสำรวจ ‘ประชาชนอยากบอกอะไร ครม.เศรษฐา 1’ พบ!! ขอให้บริหารชาติด้วยความโปร่งใสและอย่าลืมเงินดิจิทัล 10,000

(8 ก.ย. 66) ‘สวนดุสิตโพล’ มหาวิทยาลัยสวนดุสิต เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชน เรื่อง ‘ประชาชนอยากบอกอะไร ครม.เศรษฐา 1’ กลุ่มตัวอย่างจำนวน 1,042 คน (สำรวจทางภาคสนามและออนไลน์) ด้วยแบบสอบถามแบบปลายเปิด (ให้ผู้ตอบเขียนคำตอบด้วยตนเอง) สำรวจระหว่างวันที่ 4 - 7 กันยายน 2566 พบว่า

สิ่งที่อยากบอกกับนายกรัฐมนตรี คือ อยากให้บริหารประเทศด้วยความโปร่งใส คำนึงถึงประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน ร้อยละ 45.99 ใช้ความสามารถในการเป็นผู้บริหารธุรกิจมาใช้ในการบริหารประเทศ ร้อยละ 31.02 และทำตามนโยบายที่ให้ไว้ โดยเฉพาะเงินดิจิทัล 10,000 บาท ร้อยละ 28.10

สิ่งที่ประชาชนอยากบอกรัฐมนตรีแต่ละกระทรวง อันดับ 1 มีดังนี้

1.รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ทำงานรวดเร็ว สื่อสารชัดเจน ร้อยละ 51.43

2.รัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรม บังคับใช้กฎหมายอย่างเท่าเทียม ไม่เลือกปฏิบัติ ร้อยละ 65.76

3.รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ ควบคุมราคาสินค้ าไม่ให้แพงเกินไป ร้อยละ 65.47

4.รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม ไม่เป็นเครื่องมือทางการเมือง รับฟังความเห็นทุกฝ่าย ร้อยละ 48.90

5.รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุข เพิ่มสิทธิสวัสดิการรักษาให้กับประชาชนอย่างทั่วถึง ร้อยละ 72.50

6.รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศ ยกระดับประเทศไทยสู่สากล สร้างชื่อเสียงให้เป็นที่ยอมรับ ร้อยละ 61.11

7.รัฐมนตรีกระทรวงพลังงาน ควบคุมราคาพลังงาน แก้ปัญหาราคาแพง ร้อยละ 68.25

8.รัฐมนตรีกระทรวงการคลัง บริหารงบประมาณให้เกิดประโยชน์สูงสุด มีวินัยทางการเงิน ร้อยละ 70.77

9.รัฐมนตรีกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระตุ้นการท่องเที่ยวและการกีฬา ร้อยละ 40.96

10.รัฐมนตรีกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ดูแลผู้ด้อยโอกาส ผู้สูงอายุ คนยากจน ลดความเหลื่อมล้ำ ร้อยละ 46.13

11.รัฐมนตรีกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม พัฒนาการวิจัยเทคโนโลยี นำนวัตกรรมใหม่ ๆ มาใช้ ร้อยละ 42.26

12.รัฐมนตรีกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ แก้ปัญหาราคาพืชผลตกต่ำ ประกันราคา ร้อยละ 64.14

13.รัฐมนตรีกระทรวงคมนาคม ขยายเส้นทาง เชื่อมต่อการคมนาคม ร้อยละ 54.79

14.รัฐมนตรีกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม แก้ปัญหามิจฉาชีพ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ร้อยละ 42.51

15.รัฐมนตรีกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม อนุรักษ์ ฟื้นฟูธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างจริงจัง ร้อยละ 59.45

16.รัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทย ไม่รับสินบน โปร่งใส ตรวจสอบได้ ร้อยละ 43.61

17.รัฐมนตรีกระทรวงแรงงาน ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ ร้อยละ 65.97

18.รัฐมนตรีกระทรวงวัฒนธรรม สืบสานวัฒนธรรมไทยให้สืบต่อไป ร้อยละ 53.98

19.รัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการ มีนโยบายทุนเรียนฟรีถึงปริญญาตรี ร้อยละ 53.09

20.รัฐมนตรีกระทรวงอุตสาหกรรม ส่งเสริมสินค้าอุตสาหกรรมไทย สินค้าการเกษตร ร้อยละ 45.45 

นางสาวพรพรรณ บัวทอง นักวิจัย สวนดุสิตโพล กล่าวว่า จากผลการสำรวจจะเห็นได้ว่า หลังจากที่มีการจัดตั้งรัฐบาลใหม่และประกาศรายชื่อคณะรัฐมนตรีเศรษฐา 1 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ประชาชนก็อยากให้แต่ละกระทรวงทำงานบนความรับผิดชอบตามเนื้องานของแต่ละกระทรวงให้ดียิ่งขึ้น ทำตามนโยบายที่หาเสียงไว้ แก้และสะสางปัญหาเก่า พัฒนาสิ่งใหม่ ส่งเสริมจุดเด่นของประเทศไทยนำไปต่อยอด นำเทคโนโลยีมาใช้ให้เกิดประโยชน์ ทั้งนี้มาตรฐานขั้นพื้นฐานในการทำงานคือต้องมีความซื่อสัตย์ โปร่งใส และทำเพื่อประเทศชาติ จึงนับว่าเป็นโอกาสอันดีที่รัฐบาลใหม่จะสร้างผลงานให้เป็นรูปธรรมเพื่อพิสูจน์ผลงานให้เป็นที่ประจักษ์ต่อไป

 

‘รังสิมา รอดรัศมี’ โวย!! ค่าอาหาร สส. 1 วัน 5 แสนบาท แนะ!! ให้ ‘บัตร 1 พันบาท’ สำหรับคนเข้าประชุมดีกว่า

(8 ก.ย. 66) กรรมกรข่าวคุยนอกจอ ได้สัมภาษณ์ ‘รังสิมา รอดรัศมี’ อดีต สส.สมุทรสงคราม พรรคประชาธิปัตย์ สมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวถึงประเด็นเรื่องงบประมาณข้าวของ สส. ว่า งบประมาณวันหนึ่ง 500,000 บาท เอาไปทิ้งๆ ขว้างๆ บางวันเหลือมากมาย บางวันอาหารยังมาไม่ถึง ประชุมล่ม อาหารเสียหมด เพราะเขาคิดเป็นรายหัว หัวละ 1,000 ต่อวันอยู่แล้ว แต่ถ้าวันไหน มีวุฒิสภาก็จะเป็น 750,000 บาท ตนจึงอยากฝากไปยัง คณะ สส. ชุดใหม่ ว่าใครอยู่กิจการสภา ให้เปลี่ยนแปลงการจ่ายเงิน สส. เช่น ถ้าใครมาให้ไปเซ็นชื่อ แล้วมีบัตรให้ 1,000 บาท เพื่อไปกินร้านอาหารต่างๆ เท่านี้ ถ้าเหลือเงินก็จะคืนเข้าคลังวันละ 4-5 แสนต่อวัน

นอกจากนี้ ยังฝากอีกว่า สส.บางคนให้ลูกน้องมากวาดไปทั้งชั้น ย้ำ เขาเอาไว้ให้ สส. ไม่ได้เอาให้เลี้ยงทั้งโคตร ทั้งตระกูล บาง สส. ไม่เข้าอภิปราย ไม่เคยจะอ้าปากพูดในสภา แต่ว่ารอจ้องอย่างเดียวอยู่แถว ๆ ห้องอาหาร เหลือเชื่อ ไม่มียางอาย ตนก็ไปตักเตือนไปว่าแทบจะตลอดเพราะคุณชวน หลีกภัย มอบหมายให้ไปจับตา แต่ก็เห็นจนชินตา


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top