Thursday, 10 October 2024
POLITICS

'อ.ไชยันต์' แชร์!! การยุบพรรคในฝรั่งเศส โดนมาแล้วเกือบ 100 พรรค จาก 'รัฐบาล-ศาล' ถาม!! อยากให้ไทย เปลี่ยนจากศาล รธน.มาเป็นรัฐบาลสั่งยุบพรรคได้แบบฝรั่งเศสไหม?

(27 ส.ค. 67) ศ.ดร.ไชยันต์ ไชยพร อาจารย์ประจำภาควิชาการปกครอง คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์เฟซบุ๊ก Chaiyan Chaiyaporn ระบุว่า… “มารู้เรื่องการเมืองฝรั่งเศสกันครับ” / “การยุบพรรคการเมืองในฝรั่งเศส” รายงานตรงจากกรุงปารีส โดย คุณ ‘ณิเชล’

Bonjour de Paris, สวัสดีจากปารีสค่ะ

วันนี้ ณิเชลจะมาแชร์เรื่องการยุบพรรคการเมืองของประเทศฝรั่งเศสโดยย่อให้ค่ะ

พรรคการเมืองและกลุ่มการเมือง ต้องจดเป็นสมาคม (association) ก่อน ตามกฎหมายเกี่ยวกับสมาคม (la loi du 1er juillet 1901)

หากพรรคการเมืองและกลุ่มการเมือง ได้ละเมิด มาตรา 4 ของรัฐธรรมนูญ เกี่ยวกับความเป็นประชาธิปไตยและรัฐอธิปไตย (sovereign state), มาตรา 3 ของกฎหมายเกี่ยวกับสมาคม (la loi du 1er juillet 1901)

ทั้งรัฐบาลและศาล ‘ทริบูนาล จูดิซีแยร์’ (tribunal judiciaire) สามารถยุบพรรคการเมืองและกลุ่มการเมืองได้

รัฐบาลมีอำนาจยุบพรรคการเมืองและกลุ่มการเมือง โดยการออก ‘เดเคร’ (décret = decree) ตาม มาตรา L212-1 ของกฎหมายความมั่นคง หลังจากที่ได้มีมติในการประชุม ‘กงไซย์ เด มินิสตร์’ (Conseil des ministres = council of ministers) ของประธานาธิบดี นายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรีและรัฐมนตรีความมั่นคง ‘มินิสตร์ ดังเตรีเยอร์’ (ministre d’Intérieur)

พรรคการเมืองหรือกลุ่มการเมือง ที่เข้าเกณฑ์ถูกยุบ ส่วนมากเป็นพวกหัวรุนแรง ‘เอ็กซเทร็ม’ (extrême ) ทั้งฝ่ายซ้ายและขวา ที่ :

1.สร้าง Discrimination, เหยียด (racist), เกลียดชาวต่างชาติ (Xenophobia)

2.ยุยงให้มีการเกลียดชังหรือสร้างความรุนแรงต่อกลุ่มคน ด้วยเหตุผลเชื้อชาติ, เพศ และ sexual orientation

3.ก่อให้เกิดการชุมนุมประท้วงติดอาวุธ

4.มีลักษณะเป็น ‘มีลิส’ (milice) คือ กองกำลังกึ่งทหารทางการเมือง ตามกฎหมาย 10 มกราคม 1936 (แก้ไขเพิ่มเติมในปี 1972)

5.ต้องการแบ่งแยกดินแดนเพื่อปกครองเอง (independentist, separatist)

6.เข้าข่ายการก่อการร้าย (terrorist)

ตั้งแต่มีการประกาศใช้กฎหมาย ‘มีลิส’ ในปี ค.ศ. 1936 มาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งเป็นสาธารณรัฐฝรั่งเศสที่ 5 มีกลุ่มการเมืองและพรรคการเมืองถูกยุบ รวมกันเกือบ 100 กลุ่ม/พรรค

ล่าสุด เป็น :

1.พรรคเล็กขวาจัด ชื่อ Civitas ‘ซีวีตัส’ มีแนวทางเน้นศาสนา, ต่อต้านชาวยิว (anti-semistism) และการสมรสเท่าเทียม ถูกยุบในวันที่ 4 ตุลาคม 2023 โดยรัฐบาล

2.กลุ่มการเมืองขวาจัด ใช้ความรุนแรง ชื่อ Les Remparts ‘เล ร็องปาร์’ อยู่ที่เมือง Lyon ‘ลียง’ ทางตอนใต้ มีแนวทางในการต่อต้านผู้อพยพ (immigrant) และเกลียดชาวต่างชาติ (Xenophobia) ถูกยุบในวันที่ 26 มิถุนายน 2024 โดยรัฐบาล

Voilà, à la prochaine (วัวลา อา ลา โพรเช็น) ไว้พบกันครั้งหน้าค่ะ

#ณิเชลการเมืองฝรั่งเศส

ศ.ดร.ไชยันต์ โพสต์ความเห็นเพิ่มเติมว่า คำถามสำหรับผู้ไม่เห็นด้วยกับศาลรัฐธรรมนูญในบ้านเรา คือ ถ้าบ้านเรา เปลี่ยนจากศาลรัฐธรรมนูญมาเป็นให้รัฐบาลมีอำนาจออกกฎหมายยุบพรรค และ ศาลสามารถยุบได้ ตามแบบฝรั่งเศส จะยอมรับและเป็นธรรมมากกว่าไหมครับ?

เบื้องหลังอุดมการณ์ 'บางพรรค' ที่ยังแน่วแน่-ยืนหนึ่งเรื่องแก้ 112 เพราะผลประโยชน์ในฐานะ 'เด็กเช็ดรองเท้าตะวันตก' มันหอมหวน

สำหรับพรรค 'ส้มสามกีบ' เราคงต้องยอมรับกันตามตรงว่า อุดมการณ์ที่ตั้งมั่นในเรื่องการแก้ 112 ให้โทษอ่อนลง หรือการเดินหน้าล้มล้างการปกครองนั้น ต้องยกนิ้วให้ว่าแน่วแน่ มั่นคงมาก ๆ หาได้ยากยิ่งที่จะมีพรรคการเมืองใดในระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข กล้าหาญที่จะยืนหนึ่งในเรื่องการกัดเซาะสถาบันเบื้องสูงอย่างแข็งขันเช่นนี้

ขนาดถูก 'ยุบพรรคเดิม' ด้วยข้อหา 'ล้มล้างการปกครอง' ก็ยังประกาศชัดว่าจะนำแนวคิดอันเป็นอุดมการณ์เดิมมาใช้เป็นอาวุธหนัก หวังทะลุทะลวงทิ่มแทงสิ่งที่ตนเองฝังใจเกลียดชังให้มลายหายสูญไปให้ได้ในการ 'ตั้งพรรคใหม่'

อุดมการณ์แรงกล้าขนาดที่ว่า ปากท้องประชาชนไว้ทีหลัง นโยบายหลัก รอง หรือต่อจากนั้น หายใจเข้าออกก็จะมีแต่ทำยังไงก็ได้ที่ประเทศนี้ต้องไม่มีสถาบัน เพราะคือ 'งานหลัก' ที่ถ้าทำสำเร็จ โอกาสหลาย ๆ อย่างในการแอบเป็น 'เด็กเช็ดรองเท้าตะวันตก' ด้วยความซื่อสัตย์ ก็จะเข้ามาหา ทำให้มีอำนาจในการต่อรอง งานนี้เดิมพันจึงสูงลิบ และมาไกลเกินกว่าจะหันหลังกลับไปรักประเทศตัวเองเฉกเช่นคนส่วนใหญ่ของแผ่นดิน 

คนเราถ้าลองเดินหลงผิดไปแล้ว แต่ยังพอจะมี 'คนข้าง ๆ' ที่เฝ้ามองด้วยความปรารถนาดี และจริงใจ คอยบอก คอยห้าม คอยทักท้วงให้หยุดพฤติกรรมเลว ๆ ก็ยังถือว่า 'มีบุญมากกว่าบาป' แต่หากไร้คนคอยชี้แนะ ใครห้ามก็ไม่ฟัง ถือดีแบบโง่ ๆ ตะบี้ตะบันจะล้มล้างสิ่งที่คนมากกว่า 14 ล้านเสียงไม่เล่นด้วย อนาคตก็คงจะจบไม่ต่างจากที่เคย

การเป็นนักการเมืองที่มีจุดยืน มีอุดมการณ์ ไม่ว่อกแว่กเอนไหวไปตามกระแสนอกหลักการของตัวเองนั้นดี ควรค่าแก่การยกย่อง สรรเสริญ แต่ควรยึดถือในด้านที่ส่งเสริมให้คนไทยรักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ รักแผ่นดินของตนเอง มิใช่คอยหลอกเด็ก หรือต้มผู้ใหญ่ปัญญาเบาให้ไป 'ชูสามนิ้ว' กัดเซาะ ดูหมิ่น ล้มล้างสถาบันเบื้องสูง จนหลายคนต้องไปหมดอนาคตในคุก 

ตราบที่มีอุดมการณ์ชัดเจนในทางชั่ว ๆ แบบนี้ จบแล้วฟื้นมาตั้งพรรคใหม่อีกกี่ครั้ง เป้าที่หวังก็ยากจะสำเร็จ ด้วยที่นี่คือประเทศไทย ไม่เหมือนประเทศใดในโลก มิเช่นนั้นสถาบันเบื้องสูงจะไม่ยืนยาวถึงวันนี้

'ลุงชวน' ยัน!! ไม่เห็นด้วยผู้บริหารพรรคเข้าร่วมรัฐบาลเพื่อไทย ไม่หวั่น!! แม้จะเหลือเพียงคนเดียวในพรรคฯ ก็จะอยู่ประชาธิปัตย์

เมื่อวานนี้ (26 ส.ค.67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตตรัง นายชวน หลีกภัย สส.ระบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ และอดีตนายกรัฐมนตรี 2 สมัย เดินทางเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการศึกษามหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตตรัง พร้อมเยี่ยมชมห้องประชุมมหาวิทยาลัยฯ และมีการประชุมหารือเตรียมเปิดโรงเรียนนานาชาติ ที่ จ.ตรัง โดยใช้เวลาในการประชุมกว่า 4 ชั่วโมง

หลังจากเสร็จสิ้นการประชุม นายชวน หลีกภัย ได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าว ถึงกรณีนายชวน ไม่เห็นด้วยกับการที่พรรคประชาธิปัตย์ จะเข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย และนายชวน อาจจะถูกขับออกจากพรรคประชาธิปัตย์ได้นั้น

นายชวน กล่าวว่า ตนต้องขอขอบพระคุณพี่น้องชาวตรัง ผมเกิดมาจากพี่น้อง ผมได้เป็นผู้แทนราษฎรมาจากระบบไม่ซื้อเสียงไม่โกงเลือกตั้ง เหมือนนักการเมืองบางกลุ่ม มาด้วยความบริสุทธิ์ตลอดมา และพี่น้องเมตตาผมมาตลอด 50 กว่าปี  เป็น สส.คนเดียวที่อยู่มานานที่สุด 17 สมัย ไม่เคยแพ้ ไม่เคยตก ไม่เคยหยุด และผมก็ยังมั่นคงในขณะที่พรรคฯ จะรุ่งเรือง จะตกต่ำ ผมไม่เคยทิ้ง เหมือนบ้านเก่าที่เคยร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมา ตนเองไม่ไป แต่ก็มีคนในพรรคฯ บางกลุ่มเขาอยากไปร่วม

ขอเรียนพี่น้องว่าคนที่อยากเป็นรัฐบาลไม่ได้ผิดอะไรหรอก แต่ผมเป็นคนรณรงค์กับพี่น้องเองว่า พี่น้องปักษ์ใต้อย่าเลือกพรรคไทยรักไทย อย่าเลือกพรรคเพื่อไทย เพราะเขามีนโยบายเลือกปฏิบัติแกล้งพวกเรา เขาบอกว่าจะพัฒนาเฉพาะจังหวัดที่เลือกเขา จังหวัดอื่นไว้ที่หลัง ไม่เคยมีรัฐบาลชุดไหน ไม่ว่ามาจากชุดยึดอำนาจ หรือชุดประชาธิปไตย ที่ใช้นโยบายแกล้งประชาชน เพราะไม่เลือกแล้วไม่พัฒนา แต่คุณทักษิณ เจ้าของพรรคเขาใช้มาตรการอันนี้ผมบอกว่าอย่าเลือก ปรากฏว่าเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา ปักษ์ใต้เขาไม่ได้เลยแม้แต่คนเดียว ขณะที่ภาคอื่น ๆ เขาได้มาท่วมท้น แต่ภาคใต้ไม่ได้คนของพรรคเพื่อไทยเลย

ผมเป็นหนี้บุญคุณมากที่พี่น้องกรุณา เชื่อผมส่วนหนึ่งแล้วไม่เลือกพรรคฯ นี้ ดังนั้น เมื่อมีคนอยากจะไปร่วมรัฐบาลผมบอกว่าการไปร่วมก็ปกติ แต่ผมเคยประกาศไม่ให้เลือก บัดนี้ผมจะมาร่วมรัฐบาลที่ผมบอกว่าไม่ให้เลือก เท่ากับตนเองทรยศต่อประชาชน ผมขออนุญาตที่จะไม่เห็นในการไปร่วม เพราะฉะนั้นพี่น้องอย่างห่วง ผมเป็นเด็กบ้านนอก ผมเป็นคนต่างจังหวัด ที่พูดคำไหนคำนั้น แล้วก็เป็นคนรุ่นเก่า ยึดมั่นความกตัญญูรู้คุณต่อบ้านเมือง ต่อพรรคการเมือง ต่อผู้มีพระคุณ ผมรู้สึกบุญคุณที่พี่น้องทุกท่าน ท่านสนับสนุนมาโดยตลอด 

ในชีวิตการเมืองตั้ง 50 กว่าปี ซึ่งในประเทศไทยถือว่าผมเป็นผู้ที่อยู่นานที่สุดแล้ว ไม่เคยแพ้ ไม่เคยหยุด เพราะฉะนั้นผมก็ยังมั่นคงอยู่กับพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ว่าพรรคฯ จะรุ่งเรืองหรือตกต่ำ แต่การที่คนส่วนหนึ่ง กรรมการชุดปัจจุบันนี้ เขามีความคิดแตกต่างกันไป ก็เป็นเรื่องของคนเหล่านั้น ถ้ายกมือผมก็คงแพ้ แต่ว่าผมก็บอกให้เขารู้ว่าตนเองไม่เห็นด้วย

ผู้สื่อข่าวสอบถามว่า กลัวว่าท่านชวนจะถูกขับออกจากพรรคประชาธิปัตย์หรือไม่ นายชวนยืนยันว่า ผมไม่ไป มีคนอื่นออกไปจากพรรคฯ หลายคน เสียดาย แม้กระทั่งคุณอภิสิทธิ์ฯ ซึ่งท่านเองก็ยังมีความผูกพันอยู่ ยังพบกันอยู่ประจำ ที่ท่านตัดสินใจลาออก เพราะว่าไม่สามารถที่จะเจรจาตกลงกันได้ แต่ผมอยู่ แม้เหลือผมคนเดียวผมก็จะอยู่ ไม่มีปัญหา

ทั้งนี้นายชวนฯ ได้พนมมือไหว้ขอบคุณพี่น้องประชาชนทุกคนด้วยความเคารพ ยืนยันว่ายังทำงานอยู่เหมือนเดิม ยังดูแลปัญหาพี่น้องอยู่ตลอดเวลาไม่ได้หยุด ในสภาฯ ก็ยังอภิปรายในเรื่องที่เป็นประโยชน์ต่อพี่น้อง ห่วงเรื่องราคายางจะตกก็พูดแทนพี่น้องชาวตรังและภาคใต้

‘บิ๊กป้อม’ ห่วงใยผู้ประสบภัยน้ำท่วมจังหวัดแพร่ ส่ง ‘ชัยวุฒิ-พล.ต.ท.ปิยะ’ ลงพื้นที่มอบถุงยังชีพ

(26 ส.ค. 67) พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ มอบหมายให้ นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และพลตำรวจโทปิยะ ต๊ะวิชัย ทีมโฆษกพลังประชารัฐ ลงพื้นที่ วัดปากจอก ต.ทุ่งแล้ง อ.ลอง จ.แพร่ เป็นตัวแทนมอบถุงยังชีพให้แก่ประชาชนที่ประสบปัญหาอุทกภัยในเขต พื้นที่อำเภอลอง จังหวัดแพร่ จำนวน 400 ชุด พร้อมทั้งมอบถุงยังชีพจำนวน 600 ชุด ให้กับตัวแทนนายอำเภอเด่นชัย และตัวแทนนายอำเภอวังชิ้น รับมอบถุงยังชีพ

โดย นายชัยวุฒิ กล่าวว่า พลเอกประวิตร เข้าใจถึงความเดือดร้อนของประชาชนที่บางครัวเรือนยังไม่สามารถกลับเข้าบ้านเรือนได้ เนื่องจากบ้านถูกน้ำท่วมและประชาชนหลายคนยังขาดแคลนเสื้อผ้า เครื่องนุ่งห่ม รวมถึงการใช้ชีวิตประจำวันก็ได้รับผลกระทบอย่างหนัก พลเอกประวิตร จึงห่วงใยพี่น้องประชาชนที่ประสบภัย โดยขอให้กำลังให้ทุกคนให้ผ่านพ้นวิกฤตินี้ไปได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งพรรคพลังประชารัฐหวังว่ามอบถุงยังชีพที่เรานำมาแจกจ่ายให้กับประชาชนจะสามารถบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้นได้

“พรรคพลังประชารัฐ นำโดยท่านหัวหน้ามีความเป็นห่วงใยความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน ที่กำลังได้รับกับความเดือดร้อน และยากลำบากในครั้งนี้ และขอเป็นกำลังใจให้พี่น้องชาวแพร่ทุกท่าน ผ่านพ้นวิกฤติในครั้งนี้ไปโดยเร็ว” นายชัยวุฒิกล่าว 

‘พีระพันธุ์’ ส่งมอบความช่วยเหลือแก่ผู้ประสบภัยน้ำท่วมต่อเนื่อง จัดตั้งโรงครัว-แจกน้ำดื่ม-ส่งทีมงานติดตามสถานการณ์ใกล้ชิด

(26 ส.ค. 67) นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี เขต 4 พรรครวมไทยสร้างชาติ ในฐานะโฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ เปิดเผยว่า นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ มีความห่วงใยกับพี่น้องประชาชนที่ประสบอุทกภัยภาคเหนือ โดยได้ส่งมอบถุงยังชีพไปในพื้นที่ประสบภัยตั้งแต่วันแรก และมอบหมายให้นางศิริวรรณ ปราศจากศัตรู สส.บัญชีรายชื่อและรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ตั้งศูนย์ช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนตั้งแต่วันแรก โดยได้จัดพื้นที่จอดรถ จัดตั้งโรงครัวแจกจ่ายอาหาร และน้ำดื่ม แก่ผู้ประสบภัย พร้อมจัดส่งถุงยังชีพไปยังชุมชนต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง 

นายอัครเดช กล่าวต่อไปว่า ล่าสุดในวันนี้ ทางพรรครวมไทยสร้างชาติ ได้มอบหมายให้นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ สส.บัญชีรายชื่อและเลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ ลงพื้นที่ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย จ.แพร่ อย่างใกล้ชิด

ด้าน นายเอกนัฏ เปิดเผยว่า วันนี้ลงพื้นที่เข้าไปในชุมชนต่าง ๆ ได้พบเห็น บ้านเรือนอยู่ใต้น้ำ ชาวบ้านขาดที่พักพิง ผู้ป่วยที่ติดเตียง ผู้สูงอายุที่ไม่ยอมออกจากบ้าน ซึ่งน่าเป็นห่วงในเรื่อง ความปลอดภัย ความสะอาด สุขอนามัย ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นความเดือดร้อนของชาวบ้านที่ต้องการการดูแล อยากวอนขอให้ทุกภาคส่วน ได้มาร่วมมือกันบรรเทาความทุกข์ของพี่น้องประชาชนที่ประสบเหตุน้ำท่วม

"ทางพรรครวมไทยสร้างชาติ โดยหัวหน้าพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค มีความเป็นห่วงสถานการณ์น้ำท่วมตั้งแต่วันแรก กำชับให้ช่วยกันดูแลพี่น้องประชาชน ในวันนี้ได้ส่งให้ผมลงพื้นที่อย่างเร่งด่วน เมื่อได้เห็นถึงความเดือดร้อนของชาวบ้าน และเห็นการร่วมแรงร่วมใจของทีมงาน และอาสาสมัครทุกท่าน ขอให้เป็นกำลังใจให้กับทุกท่านที่ประสบภัยในครั้งนี้ ขอฝากไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เข้ามาดูแลและติดตามอย่างใกล้ชิด และเมื่อสู่ภาวะปกติน้ำลดลงแล้ว ยังมีเรื่องความเสียหายของบ้านเรือน ชีวิต ทรัพย์สิน ที่จะต้องช่วยกันดูแลและเยียวยาให้พี่น้องประชาชนกันต่อไป" นายเอกนัฏ กล่าว

‘ทักษิณ’ กับปรากฏการณ์ 4 จบ บาดลึก ‘เนวิน-หญิงหน่อย-ลุงป้อม-ชวน’

ในปี 2551 มีวลีฮิตทางการเมือง “มันจบแล้วครับนาย” รับทราบกันว่าเป็นคำพูดคำจาจาก...ครูใหญ่เนวิน ถึงนายใหญ่ทักษิณ ก่อนแยกกันทางเดิน เป็น 16 ปีแห่งความหลัง

ถึงพ.ศ.นี้ 2567 ไม่น่าเชื่อ.. ‘ทักษิณ ชินวัตร’ ที่ระเหเร่ร่อนอยู่ต่างประเทศ ข้ามผ่านกาลเวลาจากคนหนีคุกโทษ 10 ปี เหลือ 8 ปี เพราะคดีที่ดินรัชดา (2 ปี) หมดอายุความ และปี 2566 ได้รับพระราชทานอภัยลดโทษเหลือ 1 ปี ก่อนสุดท้าย 17 ส.ค. 2567 ที่ผ่านมา..ได้พ้นโทษเป็นที่เรียบร้อยแล้ว กลับมาเป็น ‘ศูนย์กลางอำนาจ’ ทางการเมือง

ทักษิณผลักดันลูกสาวเป็นนายกฯ ได้สำเร็จ แคนดิเดตนายกฯ อย่างอนุทิน ชาญวีรกูล ลูกศิษย์ครูใหญ่เนวินยังต้องหลีกทางให้ตามปฏิญญาเขาใหญ่…

“มันจบแล้วครับเน...” บางทีวลีนี้อาจเป็นวลีที่ทักษิณ ชินวัตร ร้องดัง ๆ อยู่ในใจด้วยความสะใจ...

ไม่เพียง “มันจบแล้วครับเน..” จากปรากฏการณ์การจัดตั้งรัฐบาลอุ๊งอิ๊งรอบนี้ ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่าทักษิณคือ ‘ผู้จัดการรัฐบาล’ ตัวจริง ยังได้ปฏิบัติการอีก 3 จบ...

“มันจบแล้วครับหน่อย..” อันหมายถึงกรณีที่ 6 สส.พรรคไทยสร้างไทย พรรคฝ่ายค้าน ที่คุณหญิงหน่อย-สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ เป็นแม่ทัพได้พร้อมใจกันโหวตสนับสนุนแพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกฯ ฉีกหน้าหญิงหน่อย..!!

“มันจบแล้วครับลุง..” หรือ “มันจบแล้วครับป้อม..” กรณีพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ถูกผ่าเป็นสองซีก ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรค ประกาศอิสรภาพ ปลดแอกแยกทางกับพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หรือ ‘บิ๊กป้อม’ หัวหน้าพรรค แบบไม่ไว้หน้า...แม้ฝ่ายบิ๊กป้อมจะงัดเอาระเบียบข้อบังคับพรรคมาใช้แต่ก็ไร้ผล เพราะประมุขบ้านจันทร์ส่องหล้าเคาะมาหลายเพลาแล้วว่า รอบนี้ไม่มีป้อม พปชร. แต่จะมี ปชป. มาเสียบแทน…

“มันจบแล้วครับนายหัวชวน..” นี่ก็น่าจะเป็นอีก 1 กรณีที่สถานการณ์เข้าทางทักษิณในการเอาคืนชวน  หลีกภัย เจ้าของวลี “ระวังไม่มีแผ่นดินจะอยู่” วลีที่กล่าวเตือนทักษิณเมื่อ 2 ทศวรรษก่อน…และเป็นที่รู้กันว่ากว่า 20 ปีที่พรรคประชาธิปัตย์กับเพื่อไทยเป็นคู่ต่อสู้หลักทางการเมืองกันมา...20 กว่าปีที่พรรคทักษิณแจ้งเกิด สส.ภาคใต้ได้เพียง 1 ที่นั่งหลังเหตุการณ์สึนามิ (สส.กฤษณ์ ศรีฟ้า) นอกจากนั้นผุดเกิดไม่ได้เพราะนายหัวชวนกับพลพรรคสะกดมนต์...

แต่การเมืองรอบนี้ทักษิณเปิดทาง 25 เสียง ปชป. ให้เข้าร่วมรัฐบาล...ว่ากันว่านี่คือเป็นการเชือดสยองพรรคการเมืองที่มีอายุ 78 ปี อย่างปชป. ที่แกนนำพรรคขณะนี้พยายามอธิบายการเข้าร่วมรัฐบาลแบบไม่กลัวปลาหมอคางดำว่า…เราไม่จมอยู่กับอดีต..!!??  

อีกไม่กี่เพลา...โฉมหน้าครม.นายกฯ อิ๊งก็จะปรากฏเป็นทางการ…ในแง่บวกอานิสงส์จากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเรื่อง ‘มาตรฐานทางจริยธรรม’ กรณี ‘เศรษฐา ทวีสิน’ ก็ทำให้การตรวจสอบคุณสมบัติ ครม. เข้มข้นขึ้น นักการเมืองสีเทาบางรายต้องเสียสละพักรบ...เพื่อเซฟตี้คัทให้นายกฯ อิ๊ง...

แต่ขณะเดียวกันตัวนายกฯ อิ๊ง ก็คงกระวนกระวายอยู่ไม่น้อย เพราะบรรดานักร้องได้จองกฐินที่จะยื่นคำร้อง…อันเนื่องจากคุณสมบัติที่อาจจะโยงใยกับมาตรฐานจริยธรรม…โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณีถือหุ้นในบริษัทอัลไพน์ฯ 30% อันเป็นบริษัทที่โยงใยการใช้ที่ดินที่เป็นที่ธรณีสงฆ์…

แต่เชื่อว่าทีมงานนายกฯ คงจะจัดระบบ ‘เซฟตี้ คัท’ ไว้หมดแล้ว…จากนี้ไปหลัก ๆ ก็คือรอฟังปฏิกิริยาประชาชนต่อหน้าตาของ ครม. และนโยบายที่แถลงหลังการถวายสัตย์ฯ ในเดือนก.ย.

22 ส.ค.ที่ผ่านมาคุณพ่อทักษิณไปปาฐกถา ‘VISION FOR THAILAND’ เสนอนโยบาย-มาตรการ 13-14 เรื่องสำคัญ ๆ ตั้งแต่ปรับรูปแบบดิจิทัล วอลเล็ต, เอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ ยันรีบเอาพลังงานในพื้นที่ทับซ้อนไทย-กัมพูชา มาใช้...ก็คาดว่าอย่างน้อย 60 % ที่คุณพ่อพูด คุณลูกในฐานะนายกฯ ก็คงนำมาใช้เป็นนโยบายรัฐบาล…

เชื่อพ่อครึ่งหนึ่งคงไม่เท่าไหร่...แต่ถ้าเชื่อทุกเรื่อง ตามใจทุกอย่างนายกฯ อิ๊งอาจจะปิดฉากเร็วอย่างที่ใครต่อใครเขาเป็นห่วง...!!

'ทนายบอน' ชี้!! บุคคลที่ได้รับหมายเรียกในคดีอาญา มีหน้าที่ต้องไปให้การตามหมาย หากไม่ไปจะมีความผิด

(26 ส.ค. 67) นายณัฐนันท์ กัลยาศิริ หรือ 'ทนายบอน' อดีตผู้สมัคร สส.กทม. พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ว่า..

[บุคคลที่ได้รับหมายเรียกในคดีอาญามีหน้าที่ต้องไปให้การตามหมาย]

ช่วงนี้มีประเด็นเรื่อง [การเข้าไปเป็นพยานในคดีอาญา] เพื่อความเข้าใจที่ชัดเจน บุคคลจะเข้าไปเป็นพยานในคดีอาญาได้กรณีไหน ถ้าได้รับหมายเรียกแล้วต้องทำอย่างไร มีข้อกฎหมายที่สรุปได้ดังนี้ครับ

1. ในชั้นสอบสวนของตำรวจ พนักงานสอบสวน มีหน้าที่รวบรวมหลักฐานทุกชนิด เพื่อพิสูจน์ให้เห็นความผิดหรือความบริสุทธิ์ของผู้ต้องหา ดังนั้น การเรียกบุคคลเข้าเป็นพยาน จึงเกิดได้ทั้งจากพนักงานสอบสวนเห็นสมควรเรียก หรือผู้ต้องหาจะร้องขอให้พนักงานสอบสวนเรียกก็ได้

2. ในชั้นอัยการ เมื่อพนักงานสอบสวนส่งสำนวนไปยังอัยการแล้ว พนักงานอัยการมีอำนาจสั่งฟ้อง หรือสั่งไม่ฟ้อง หรือสั่งให้พนักงานสอบสวนดำเนินการสอบสวนเพิ่มเติมหลักฐานใด หรือพยานปากใดก็ได้

3. ไม่ว่ากรณีที่ 1 หรือ 2 พนักงานสอบสวนจะออก [หมายเรียกพยาน] โดยในหมายเรียกพยาน จะไม่มีการแจ้งว่าพนักงานสอบสวนเห็นสมควรเรียกเอง, พนักงานอัยการสั่งสอบเพิ่มเติม หรือผู้ต้องหาอ้างเป็นพยาน มีระบุแค่ ให้ไปพบพนักงานสอบสวนด้วยเรื่องใด ในวันใด เท่านั้น

4. ในกรณีตามข้อ 3 ผู้รับหมายเรียกมีหน้าที่ตามกฎหมายที่จะต้องไปพบพนักงานสอบสวนตามวันเวลาที่นัดหมาย ไม่ว่าหมายเรียกพยานนั้นจะเกิดจากสาเหตุใดก็ตาม...ไม่ไปมีความผิดตามกฎหมาย

ได้รับหมายเรียกต้องไป...ให้การต้องเป็นไปตามข้อเท็จจริง...เรื่องมันมีแค่นั้นครับ

#ทนายบอน

‘ลอรี่ พงศ์พล’ แนะผู้ไม่หวังดี เลิกตั้งศาลเตี้ย กรณีแต่งตั้ง ‘เอกนัฏ’ ชี้!! ควรปล่อยให้ ‘กฤษฎีกา’ ได้พิจารณา ไปตามกระบวนการ

(25 ส.ค. 67) นายพงศ์พล ยอดเมืองเจริญ หรือ 'ลอรี่' รองโฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ ได้โพสต์เฟซบุ๊กแนะผู้ไม่หวังดี ให้เลิกตั้งศาลเตี้ย...กรณีแต่งตั้ง ‘เอกนัฏ’ ระบุว่า...

ฝากถึงนักการเมืองเก่าเหล่านั้น ช่วยเอาเวลาโจมตี ‘เอกนัฏ’ ไปทำประโยชน์ ปล่อยกฤษฎีกาได้พิจารณาคุณสมบัติ รมต.ตามกระบวนการ

ตามที่นักการเมืองอดีตสังกัดพรรคสีฟ้า ออกมาดาหน้าโจมตี เลขาธิการพรรค รทสช. 'เอกนัฏ พร้อมพันธุ์' ถึงจริยธรรมและความเหมาะสมในการดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี

ส่วนตัวที่สัมผัสตัวตน คุณเอกนัฏสนใจแต่การทำงานให้ชาติไม่ว่าในตำแหน่งแห่งหนใด จะในฐานะเป็นรมต.หรือไม่? จึงควรให้เวลาหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา หรือ สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ได้พิจารณาคุณสมบัติตามกระบวนการ

ไม่มีอะไรซับซ้อน เราไม่เน้นโต้วาทีสาดโคลนไปมา

จริงอยู่ มันจะมีนักการเมืองที่เห็นแต่ผลประโยชน์ ซึ่งพวกนั้นจะย้ายหลายพรรคเมื่อมีจังหวะ คอยปัดสวะใส่คนอื่น พูดอะไรก็คืนคำ ทำอะไรไม่เป็นชิ้นเป็นอัน เป็นนักร้องทุกเรื่องเอาดีเข้าตน จนเป็นนิสัย 

คุ้นๆ ไหมครับ มันคือ นิสัยนักการเมืองเก่าเน่าๆ นั่นเอง

แต่ผมว่าไม่ใช่กับ 'เอกนัฏ' ที่ลาออกจาก สส.อายุน้อยที่สุดในสภา มาเป็นนักสู้ข้างถนน ในฐานะเลขากปปส. ไม่ได้หลบหนีพี่น้องร่วมอุดมการณ์ ยามเสียงปืนแตก อุดมการณ์กับหัวใจไม่เคยเปลี่ยนแปลง

‘เอกนัฏ’ คนเดียวกันกับที่ขึ้นศาล สู้คดีไปทุกครั้งทุกนัด มีหมายอัยการเรียกไม่เคยหนี ฝั่งไหนก็ไป ให้การเรื่องม.112 อย่างสุจริตชนตรงไปตรงมา

‘เอกนัฏ’ คนเดียวกันกับที่ผมรู้จัก ยังเป็นเลขาธิการพรรคที่เสียสละให้กับ สส.ในพรรคท่านอื่นได้ขึ้นมาเป็นรัฐมนตรีก่อน ด้วยความนอบน้อม ไม่ได้ยึดติด ถวิลหาตำแหน่งตามที่ถูกกล่าวหาแต่อย่างใด

คงเป็นเรื่องน่าเสียดายไม่น้อย ถ้าประเทศนี้ไม่ได้ใช้งานรัฐมนตรีรุ่นใหม่ มากความรู้ความสามารถดีกรี ม.อ๊อกซ์ฟอร์ด ที่ชื่อ'เอกนัฏ'เข้ามาขับเคลื่อนประเทศ

วันหนึ่งประชาชนจะตัดสินใจเองได้ ว่าโต้วาทกรรมไปมาไม่ใช่ทางออก แต่คือการตั้งหน้าตั้งตาทำงานให้เป็นที่ประจักษ์ 

แบบฉบับ DNA จากลุงตู่ สร้างความเจริญตลอด 9 ปีวันนี้มีแต่คนคิดถึง มา 'คุณพีระพันธุ์' แก้กฎหมายพลังงานรุดหน้า แม้มีเสียงเหยียดหยันก็ไม่หวั่น มาจนถึงคุณเอกนัฏ จะต่างอะไรกัน? คนเหล่านี้คือ ‘นักสู้’ 

ด่าได้ด่าไป รทสช.จะตอบกลับในรูปแบบผลงานอันเป็นที่ประจักษ์ต่อชาติและประชาชน ให้สาสม...ขอบคุณในแรงผลักดันเหล่านี้ครับ

เงื่อนปมที่ถูกคลาย!! 'ผลงานประเทศไทย' ที่เริ่มเป็นรูปธรรมจากคนทำงาน ความจริงเหนือเปลือก ‘ประชาธิปไตย-เสรีภาพ’ ที่เป็นได้แค่ ‘ทุพพลภาพ’

(25 ส.ค. 67) จากผู้ใช้ TikTok ชื่อบัญชี ‘เทพกบ’ หรือ ‘Kitty.3951’ ได้โพสต์คลิปเนื้อหาผลงานที่ ‘ลุงตู่’ ได้เตรียมแผนการต่างๆ ไว้เพื่อสร้างประโยชน์แก่ประเทศไทยในระยะยาว เพื่อให้หลายคนที่ไม่เข้าใจ มองไม่เห็น คิดตามไม่ทัน และยังสนใจ-ชื่นชอบ 'ใครสักคน' จากผลโพลแบบไม่ลืมหูลืมตาได้เปิดตาและเปิดใจเสียใหม่ ระบุว่า ...

>> เคยรู้ไหมครับว่า ‘ระยอง’ จะเป็น ‘Smart City’ ?
>> รู้ไหมครับว่า Smart City มันมีอะไรบ้าง ?
>> รู้ไหมครับว่าสิ่งที่ประเทศไทยกําลังจะเกิดขึ้นคือ EEC ? 
>> รู้ไหมครับว่าพลังงานสะอาด มันเป็นเทรนด์ของโลก ?
>> แล้วรู้ไหมครับว่านโยบายต่างๆ ที่เขามอบหมายให้ ปตท. ช่วงระหว่างปี 2561 – 2562 ให้ไปจับมือกับฟ็อกซ์คอน จนก่อให้เกิดการตั้งบริษัท Horizon / บริษัทอรุณพลัส และต่างๆ นานา เพื่อมาวิจัยในเรื่องของแบตฯ EV Car รวมถึงเรื่องไฮโดรเจน เพราะว่ารถ EV Car มีข้อเสียคือ ชาร์จไฟนาน วิธีการแก้ชาร์จไฟนาน ก็คือ การเติมไฮโดรเจน ?

นั่นคือสิ่งที่รัฐบาลลุงตู่ พยายามแก้ไขปัญหาพลังงานในระยะยาว หลังจากที่จะเริ่มมูฟออกจากน้ำมัน โดยการที่เขาจะมูฟออกจากน้ำมัน นั่นคือ เพราะพยายามที่จะผลักดันให้คนหันไปใช้ EV Car จึงต้องวางรากฐาน EV Car ไว้ 

สังเกตจากประเทศจีนที่ใช้ EV Car กว่า 90% เพราะฉะนั้นเขาเลยไม่มีปัญหาเรื่องราคาน้ำมัน และนึ่ก็เป็นอีกสิ่งที่เขาจะพยายามทำ คือ ช่วยลดราคาน้ำมัน ผ่านการ ลดความต้องการ หรือก็คือ ให้คนเลิกใช้น้ำมัน เดี๋ยวน้ำมันก็ถูกลงเอง 

รัฐบาลลุงตู่ จึงวางรากฐาน EV Car โดยการปูนโยบายให้ ปตท. ซึ่งในปัจจุบันนั้นถือได้ว่าปตท. เป็นของรัฐเรียบร้อยแล้วในทางพฤตินัย และต่อให้ นิตินัย ผู้ถือหุ้น ก็ยังเป็นกระทรวงการคลังถึง 50%

และหากสังเกตให้ดี นโยบายของประธานกรรมการ ปตท. ก็ประกาศออกมาแล้วว่า จะเดินตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี จึงส่งผลให้เกิดการวิจัยต่างๆ นวัตกรรมต่างๆ เยอะแยะมากมาย และมันจะเกิดสายงานใหม่ๆ และงานใหม่ๆ 

ทีนี้ ก็อยู่ที่ เด็กรุ่นใหม่ จะมองเห็นรึเปล่า หรือมองเห็นแค่ว่า ‘ประชาธิปไตย-เสรีภาพ-ภราดรภาพ’ สุดท้ายกลายเป็น ‘ทุพพลภาพ’

>> เคยรู้เรื่องการเงินไหม ?
>> เคยรู้เรื่องงาน World Economic Forum ไหม ?
>> รู้จัก Metaverse / 3D Printing / Blockchain ดีพอหรือยัง ?
>> แล้วรู้จักบริษัท ‘BlackRock’ หรือไม่ รู้ไหมว่า BlackRock เป็นบริษัทของตระกูลใด BlackRock เป็นผู้ที่วางรากฐานพร้อมเพย์ และรู้ไหมว่า เขาเลือกประเทศไทยเป็นฐานในศูนย์กลางทางการเงินในอาเซียน 

เพราะคุณไม่รู้ คุณไม่เข้าใจ แล้วคุณก็ไปบ้าอยู่กับ ‘ผลโพล’

‘ภูมิธรรม’ ชี้ตั้ง ‘ครม.’ เสร็จภายในเดือนนี้ เผย!! ส่งชื่อเกินเกือบทุกพรรค คาด!! พร้อมลุยงานเดือนหน้า ยังกั๊กตอบ ‘ปชป.’ ได้ร่วมรัฐบาลหรือไม่

(25 ส.ค. 67)  ที่ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 (บน.6) ดอนเมือง กรุงเทพฯ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรีและในฐานะแกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงความคืบหน้าในการจัดตั้งคณะรัฐมนตรีแพทองธาร 1 ที่มีกระแสข่าวว่าจะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จเพื่อนำขึ้นทูลเกล้าฯ วันที่ 26 ส.ค.นี้ ว่า ยังไม่ได้ระบุถึงขั้นนั้น อยู่ที่ความพร้อมทั้งหมด แต่กำลังเร่งเพราะต้องการเห็นการแก้ไขปัญหาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้มีรัฐบาลใหม่ที่มาจากการเลือกตั้งได้ทำงานเต็มที่ ขออย่ากังวลเพราะเราทำหน้าที่ เสมือนรัฐบาลจนกว่าจะมีรัฐบาลใหม่ จึงจะพ้นจากหน้าที่ตามระเบียบข้อบังคับ แต่ก็อยากให้ทุกอย่างเสร็จภายในสิ้นเดือนส.ค.นี้ เพื่อนำขึ้นทูลเกล้าฯ ส่วนจะมีการโปรดเกล้าฯเมื่อใดอยู่ที่กระบวนการขั้นตอนการตรวจสอบ

เมื่อถามถึงการแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภานายภูมิธรรม กล่าวว่า ได้มีการเตรียมคู่ขนานไว้แล้ว ทันทีที่มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯแต่งตั้งก็จะสามารถเรียกประชุมได้ คาดว่าภายในต้นเดือนก.ย. หรือไม่เกินกลางเดือนก.ย. รัฐบาลชุดใหม่จะสามารถทำหน้าที่ได้

เมื่อถามถึงกรณีที่จำนวนคนเกินกว่าตำแหน่งรัฐมนตรี ได้มีการเคลียร์เรื่องนี้หรือยัง นายภูมิธรรม กล่าวว่า เกินเกือบทุกพรรคเพราะไม่รู้ตามดุลยพินิจใหม่ที่ศาลรัฐธรรมนูญตีความ คำว่าจริยธรรมไว้กว้างมาก จึงต้องระมัดระวัง

เมื่อถามถึงพรรคพลังประชารัฐมีข้อสรุปที่ชัดแล้วหรือไม่ หลังมีกระแสข่าวส่งชื่อมา 2 บัญชี นายภูมิธรรม กล่าวว่า ต้องขออนุญาตเพราะตามมารยาทไม่ควรพูดถึงพรรคอื่น แต่เชื่อว่าแต่ละพรรครู้ดีอยู่แล้ว ต้องรีบดำเนินการให้ทันกับสถานการณ์ของประเทศ เพราะภัยพิบัติต่างๆรออยู่ ไม่อยากให้ช้าถึงขั้นกระทบต่อภัยพิบัติที่ประชาชนได้รับ ต้องดำเนินการไปตามกระบวนการ

เมื่อถามถึงกรณีพรรคประชาธิปัตย์ จะนับรวมเป็นพรรคร่วมรัฐบาลครั้งนี้หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า การจัดตั้งรัฐบาลมันพูดชัดเจนไม่ได้ จนกว่าสุดท้ายจะตกลงและมีชื่อยื่น และมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯลงมา เพราะในกระบวนการต่างๆเราไม่รู้ว่าใครจะมีปัญหาหรือไม่ หรือแต่ละพรรคจะได้ตามโควตาที่เป็นอยู่หรือไม่ หรือเกิดปัญหาภายในพรรคที่จัดการไม่ได้หรือไม่ เราไม่รู้ข้อเท็จจริง

เมื่อถามว่า การเชิญพรรคประชาธิปัตย์ร่วมรัฐบาลจะต้องมีการเทียบเชิญหรือไม่ หรือสามารถส่งชื่อเข้ามาได้เลย นายภูมิธรรม กล่าวว่า ขณะนี้เราไม่ควรดำเนินการแบบนี้ เพราะจะทำให้เกิดความไม่มั่นใจหรือไม่มั่นคงในพรรคร่วมรัฐบาล เป็นไปตามขั้นตอนหรือ step by step ถ้าเกิดปัญหาตรงไหนค่อยคลี่คลายไปตามสภาพ เพราะวันนี้เราได้ร่วมมือกันจัดตั้งรัฐบาลและทุกคนได้เสนอตัวมาแล้ว ขึ้นอยู่กับว่ารายละเอียดจะลงตัวอย่างไร

เมื่อถามอีกว่า ถ้าพรรคประชาธิปัตย์เข้าร่วมจะต้องแจ้งให้พรรคอื่นที่ร่วมรัฐบาลทราบใช่หรือไม่นายภูมิธรรม กล่าวว่า ยังไม่ถึงขั้นตอนนั้น ขอคิดในขั้นตอนปัจจุบัน และขอคิดเรื่องเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาให้พี่น้องประชาชนก่อน

นายภูมิธรรม กล่าวด้วยว่าส่วนตัว ยังไม่ได้ยื่นใบกรอกประวัติ และยังไม่ได้รับแจ้ง ว่าจะดำรงตำแหน่งกระทรวงใด

‘เทพไท’ อ้าง!! ถาม ‘คนสงขลา’ แล้ว ไม่เห็นด้วย ประชาธิปัตย์ ร่วมรัฐบาล ชี้!! เป็นการละทิ้ง ‘อุดมการณ์-จุดยืน’ ทำให้พรรคตกต่ำลง

(25 ส.ค. 67) นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ‘เทพไท – คุยการเมือง’ ระบุว่า ‘ถามคนสงขลาแล้ว ไม่เห็นด้วย ปชป.ร่วมรัฐบาล’

เมื่อวาน (24 ส.ค.67) ผมได้เดินทางไปร่วมงานบำเพ็ญกุศลศพของคุณแม่ใจ สามารถ มารดาของคุณสาโรจน์ สามารถ ว่าที่ผู้สมัครนายก อบจ. พัทลุง ที่วัดหาดใหญ่ใน อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ได้พบปะกับพี่น้องประชาชนในหลากหลายอาชีพ จากสถานที่ต่างๆ ตั้งแต่สนามบินหาดใหญ่  ตลาดหาดใหญ่ จากหลายอำเภอในจังหวัดพัทลุง และบางส่วนมาจากจังหวัดนครศรีธรรมราช 

ผมได้ถือโอกาสสอบถามความคิดเห็น เรื่องการที่พรรคประชาธิปัตย์ จะเข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย ที่มีคุณอุ๊งอิ๊ง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี ตามที่มีแกนนำของพรรคประชาธิปัตย์ ออกมาบอกว่า ให้สอบถามความเห็นของคนสงขลาว่า เห็นด้วยกับการเข้าร่วมรัฐบาลกับระบอบทักษิณหรือไม่ 

ผมได้สอบถามความเห็นจากพี่น้องประชาชนหลายกลุ่ม หลายอาชีพ รวมถึงความเห็นของพระสงฆ์จากวัดต่างๆ ผลปรากฏว่าจากการที่ได้สอบถามและพูดคุยกัน ทุกคนไม่เห็นด้วยและคัดค้านการเข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทยทั้งสิ้น เพราะเป็นการละทิ้งอุดมการณ์และจุดยืนของพรรค ที่เคยต่อสู้กับระบอบทักษิณมายาวนาน ซึ่งพี่น้องประชาชนคนภาคใต้ส่วนใหญ่ ได้เข้าร่วมเดินขบวนขับไล่ระบอบทักษิณมาก่อนทั้งนั้น 

การเข้าร่วมรัฐบาลกับระบอบทักษิณ ทำให้พรรคประชาธิปัตย์เสื่อมเสียชื่อเสียง เกียรติยศ และอุดมการณ์ของพรรค ในการต่อสู้กับเผด็จการทุกรูปแบบมายาวนาน มีประชาชนหลายคนตำหนิคณะกรรมการบริหารพรรค และสส. รุ่นใหม่ที่ไม่ยึดมั่นในอุดมการณ์ของพรรค เห็นแต่ประโยชน์เฉพาะหน้า และประโยชน์ส่วนตัว จึงพร้อมใจกันสนับสนุนการเข้าร่วมรัฐบาลกับระบอบทักษิณ  โดยไม่ฟังเสียงของสมาชิกพรรค และประชาชนทั่วประเทศ ซึ่งอาจจะทำให้พรรคประชาธิปัตย์ตกต่ำไปมากกว่านี้อีก

พี่น้องประชาชนหลายคนแสดงความเห็นใจ และสงสารนายชวน หลีกภัย ซึ่งเป็นปูชนียบุคคลของพรรค ที่ต้องออกมาแสดงท่าทีและจุดยืนส่วนตัวไม่เห็นด้วยกับการเข้าร่วมรัฐบาลครั้งนี้ ได้ฝากให้กำลังใจท่านชวนมากับผมด้วย มีประชาชนหลายคนเตรียมทำใจ และเข้าใจว่าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นสถาบันทางการเมือง มีระบบพรรคที่เข้มแข็ง มีผู้อาวุโสไม่กี่คน ลงมติโหวตกันก็ไม่ชนะ เพราะมีคณะกรรมการบริหารพรรคและสส.รุ่นใหม่จำนวนมากกว่า เหมือน ‘น้ำน้อยย่อมแพ้ไฟ’

พี่น้องประชาชนชาวสงขลาในหลากหลายพื้นที่ ได้ฝากให้นำความเห็นไปบอกกล่าวกับแกนนำพรรคประชาธิปัตย์ว่า ได้มาสอบถามความเห็นจากชาวสงขลาแล้ว เขาไม่เห็นด้วยกับพรรคประชาธิปัตย์ จะเข้าร่วมรัฐบาลกับระบอบทักษิณเลย

'โด่ง-อรรถชัย' ลั่น!! เห็นข่าวนํ้าท่วมตอนนี้ คิดถึงได้แค่เรื่องเดียว ข่าว 'วิสุทธิ์ ไชยณรุณ' ร่ำไห้!! ถูกบางพรรคตัดงบฯ ฝายแกนซีเมนต์

(24 ส.ค. 67) ‘โด่ง อรรถชัย’ โพสต์คลิป โดยมีเนื้อหา ดังนี้ …

เมื่อประมาณต้นปีตอนที่เราผ่านงบประมาณ 2567 กัน มีภาพนี้เกิดขึ้นในสภาคือ ภาพของ ‘นายวิโรจน์’ ที่เต้นแร้งเต้นกา เยาะเย้ยฝ่ายรัฐบาล

เพราะว่าเค้าล้มงบประมาณโครงการหนึ่งไปได้ซึ่งเป็นโครงการที่รัฐบาลเสนอและเป็นโครงการที่พรรคเพื่อไทยยืนยันอย่างยิ่งนะครับว่า เป็นโครงการที่สําคัญนั่นก็คือเขื่อน โครงการเขื่อนซีเมนต์

เขื่อน แกนดิน ซีเมนต์ ซึ่งเป็นเขื่อนขนาดเล็กนะซึ่งสามารถอนุมัติงบประมาณทําให้อบจ. อบต. หน่วยงานการปกครองส่วนท้องถิ่น สามารถนําไปสร้างกันได้ง่ายง่ายกันได้เร็ว ใช้งบประมาณไม่เยอะ แต่มันจะเกิดฝ่ายทดน้ำ จํานวนมากเมื่อเกิดน้ำาท่วมขึ้นมาเนี่ยฝายเหล่านี้เนี่ยก็จะไปช่วยชะลอ กําลังน้ำ ที่ไหลมาตามแม่น้ำ ทําให้น้ำไม่สามารถจะไหลบ่าเข้าท่วมในพื้นที่ต่างต่างได้อย่างรวดเร็ว

เพราะรักเวลาน้ำท่วมแบบนี้ ผมเห็นสภาพทางภาคเหนือ แล้วผมนึกถึงภาพนี้ทุกที นึกถึงบรรยากาศวันนั้นที่พวกเขาหัวเราะเยาะพรรคเพื่อไทยเขาดีใจที่ล้ม

ตัดงบประมาณเขื่อนแกนดินซีเมนต์ตัวนี้ไปได้ซึ่งรายการรู้ทันเอารายละเอียดของเรื่องนี้มาว่ากันแล้วพูดไปแล้วโครงการนี้เป็นโครงการที่ผมบอกว่าดีมากๆนะครับ

ดีมากๆ วันนั้นท่านวิสุทธิ์ไชยณรุณเนี่ยถึงกับหลั่งน้ำตาเลยนะ ครับคุณคิดว่าคุณทําลายเพื่อไทยหรอคุณคิดว่าคุณสกัดงบเพื่อไทยเสนอไปได้โดยไปบอกว่าในระดับเพื่อไทยก็จะเอาไปแล้วไปแบ่งเงินกินกับผู้รับเหมา

ระดับทั้งๆที่เรื่องเหล่านี้มันไม่มีมูลเลยแม้แต่นิดเดียวกล่าวหานะครับแล้วก็ล้มโครงการนี้ลง

วันนั้น คุณวิสุทธิ์ ร้องไห้เลยนะจําได้ไหมแล้วก็ที่เขาร้องไห้เขาเจ็บปวดแทนชาวบ้านเขารู้

แล้วเดี๋ยวหน้าฝนกําลังจะมานะครับ น้ำท่วมกําลังจะมา

ภัยพิบัติกําลังใจแล้วไม่ใช่แค่นี้นะนะครับเดี๋ยวจะมีอีกพายุจะมาอีกหลายลูกแล้วเวลาน้ำท่วมทีไร ท่านให้คิดเถอะว่าพรรคไหนนะครับเป็นพรรคที่สกัด

วันนี้ก็ผมเห็นอยู่ตามหน้าจอนะครับ มาเรียกร้องให้แก้ไข 
ให้รัฐบาลไปช่วยกันแก้ไขหาเรื่อง รัฐบาลทั้งๆที่เขาอยู่ในลักษณะรักษาการนะครับแต่ว่าอํานาจในการดูแลตรงนี้มีข้าราชการ

แต่ว่าประเด็นก็คือว่า เขาทํางานอยู่

ไม่ได้นิ่งนอนใจครับแต่เชื่อไหมครับว่าการแก้ไขเนี่ย  ยังไงก็ตามมันไม่ดีเท่าการป้องกันหรอก

วันที่เขาจะป้องกันสร้างเขื่อนแกนดินซีเมนต์เนี่ย

ของบประมาณพวกคุณขัดขวางพวกคุณตัดงบนี้ทิ้ง

ลไม่ให้มีแนวป้องกันให้กับประชาชน

วันนี้พอน้ำท่วมคุณก็หันมาด่ารัฐบาล ว่าทําไมไม่เร่งรีบแก้ไข พรรคนี้ครับ ‘ผมบอกว่า ผมจะไม่สนับสนุนตลอดกาล’

สื่อจีนตีข่าวไทยส่ง 'โทนี่ เตียว' อาชญากรโกงคริปโตฯ 4 แสนล้านกลับไปให้จีนดำเนินคดี ด้าน ปปง.จ่อยึดทรัพย์อาณาจักรหมื่นล้าน 'ด่านนอก' นักการเมืองบางคนจ้องตาเป็นมัน

กรณีที่ไทยส่งตัวนายโทนี่ เตียว หรือที่ใช้ชื่อนายจาง อาชญากรฉ้อโกงสกุลเงินดิจิทัลไปยังประเทศจีน

โดยสื่อจากประเทศจีนรายงานข่าวว่า ทางการไทยได้มีการส่งตัวนายจาง มูมู (Zhang Moumou) ผู้ก่อตั้งกลุ่มบริษัท MBI อันโด่งดังไปยังประเทศจีน หลังจากที่มีการตามล่าตัวนายจางในระดับระหว่างประเทศมาอย่างยาวนาน

สื่อจีนชื่อว่า The Paper รายงานว่าการส่งผู้ร้ายข้ามแดนครั้งนี้เป็นคดีแรกที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจภายใต้สนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนจีน-ไทย ซึ่งลงนามในปี 2542 สำหรับพฤติการณ์ของนายจางเริ่มขึ้นในปี 2555 เกี่ยวข้องกับโครงการปิรามิดออนไลน์ที่อ้างว่าให้ผลตอบแทนสูงผ่านสกุลเงินดิจิทัลเสมือนจริง

ตามรายงาน โครงการ MBI กําหนดให้ผู้เข้าร่วมโครงการต้องชําระค่าธรรมเนียมตั้งแต่ 700 ถึง 245,000 หยวน (3,328 ถึง 1,165,995 บาท) เพื่อเข้าร่วม รายได้นี้เชื่อมโยงกับการสรรหาสมาชิกใหม่และระดับของเงินทุนที่ลงทุน มีรายงานว่ามีผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับโครงการมากกว่า 10 ล้านคน โดยมีเงินทุนรวมเกิน 1 แสนล้านหยวน (475,916,337,000 บาท) บทบาทของนายจางในปฏิบัติการนี้ทําให้เขาเป็นหนึ่งในผู้ต้องสงสัยอาชญากรรมทางเศรษฐกิจที่ต้องการตัวมากที่สุดของจีน

สํานักความมั่นคงสาธารณะเทศบาลฉงชิ่งตั้งข้อหานายจางอย่างเป็นทางการในเดือนพฤศจิกายน 2563 ต่อมาในเดือนมีนาคม 2564 สํานักงานตํารวจสากล สาขาประเทศจีน ได้ออกหมายแดงสำหรับนายจาง และตํารวจไทยได้จับกุมนายจางเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2565 

อย่างไรก็ตาม กระบวนการส่งผู้ร้ายข้ามแดนนั้นซับซ้อน เพราะเกี่ยวข้องกับขั้นตอนทางกฎหมายหลายขั้นตอน ทางการจีนขอให้ส่งนายจางในฐานะผู้ร้ายข้ามแดนอย่างเป็นทางการภายใต้สนธิสัญญาทวิภาคี ซึ่งนําไปสู่คําตัดสินของศาลอุทธรณ์ไทยเมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2567 ให้ส่งผู้ร้ายข้ามแดน รัฐบาลไทยยืนยันการตัดสินใจเมื่อวันที่ 14 สิงหาคม พ2567 และนายจางถูกส่งตัวกลับไปยังจีนหลังจากนั้นไม่นาน

กรณีการส่งผู้ร้ายข้ามแดนนี้เป็นผลมาจากความร่วมมือระหว่างกระทรวงความมั่นคงสาธารณะของจีน สถานทูตจีนในประเทศไทย และหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายของไทย ปฏิบัติการร่วมนี้ดําเนินการภายใต้ "ปฏิบัติการล่าสุนัขจิ้งจอก" ของจีน ซึ่งมุ่งเป้าไปที่ผู้ต้องสงสัยที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ

กล่าวสำหรับอาณาจักรโทนี่เตียว หรือ"เตียว วุย ฮวด" หรือ "โทนี่ เตียว" เป็นคนมาเลเซียเชื้อสายจีน ชื่อทางการในภาษามาเลเซียจึงออกสำเนียงจีนที่เขียนด้วยอักษรไทยได้ว่า “เตียว วุย ฮวด” ชื่อเรียกอย่างไม่เป็นทางการคือ “เสี่ยวจาง” แต่มีคนจำนวนหนึ่งพานเรียกว่า “เสี่ยจาง” ซึ่งได้ความหมายเช่นกัน ส่วนชื่อเรียกที่ออกไปทางสากลแบบถูกลิ้นฝรั่งและโดยเฉพาะคนไทยด้วยคือ “โทนี่ เตียว” แต่สำหรับคนจีนแผ่นดินใหญ่และจีนโพ้นทะเลอื่นๆ จะผิดแผกไปนิดเรียกขานเขาว่า “เทดี้ เตียว”

“เตียว วุย ฮวด” มีหมายจับเกี่ยวกับคดีฉ้อโกงและฟอกเงินในมาเลเซีย รวมถึงในสาธารณรัฐประชาชนจีน “เทดี้ เตียว” มีหมายจับเกี่ยวกับคดีฉ้อโกงเช่นกัน เป็นหมายแดงขององค์การตำรวจสากล หรืออินเตอร์โพล ตั้งแต่วันที่ 9 พ.ค.2563 อายุความตามหมาย 15 ปี หรือกว่าจะหมดอายุความก็ต้องปี 2578 จากคดีฉ้อโกงที่เกิดจาก MBI International Holdings ได้ออกแพลตฟอร์มชื่อ NSC แล้วชักชวนให้คนจีนร่วมลงทุนในลักษณะเดียวกับ “แชร์ลูกโซ่” แบ่งสมาชิกออกเป็น 8 ระดับ โดยใช้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจรเป็นตัวล่อ แล้วจัดทัวร์พาผู้ร่วมทุนจากจีนไปท่องเที่ยวในอาณาจักรของเครือบริษัทในประเทศต่างๆ แต่ภายหลังทางการมาเลเซียสั่งอายัดทรัพย์ ทำให้ไม่มีเงินไปต่อเงิน จึงเกิดการฟ้องร้องขึ้นนำมาสู่การออกหมายจับแดงดังกล่าว

การทำธุรกิจในนาม MBI International Holdings ในมาเลเซียและจีน หรือบริษัท เอ็มบีไอ กรุ๊ป ในประเทศไทย ล้วนตั้งอยู่บนฐานเดียวกัน คือ เน้นการเรียกเชิญชวนให้ผู้คนให้มาร่วมลงทุนด้วยจากการสร้างโครงการอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่แบบครบวงจร ซึ่งต้องใช้ที่ดินนับร้อยนับพันไร่ ภายในโครงการจะประกอบไปด้วยบ้านจัดสรร บ้านพักตากอากาศ โรงแรม รีสอร์ต สวนผลไม้นานาชนิด รวมถึงสิ่งอำนวยความสะดวกแบบครบครัน ไม่ว่าจะเป็นสระว่ายน้ำ สนามกีฬา ห้องประชุมและสันทนาการ ลานจัดกิจกรรมขนาดใหญ่ แล้วยังเพิ่มเติมด้วยการสร้างสิ่งดึงดูดใจให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ หรือจุดเช็กอินมากมาย ตามแต่ว่าคนในประเทศที่โครงการตั้งอยู่ชื่นชอบสไตล์ไหน

สำหรับที่เมืองชายแดนไทย-มาเลเซีย ที่ 'ด่านนอก' อ.สะเดา จ.สงขลา บริษัท เอ็มบีไอ กรุ๊ป ได้ลงทุนไปแล้วนับหมื่นล้านบาท ตั้งแต่ทศวรรษที่ 2550 หรือเมื่อ 25 ปีที่ผ่านมา โดยกว้านซื้อที่ดินไว้หลายพันไร่ ภายในโครงการประกอบด้วย โรงแรม 6 แห่ง รีสอร์ต 2 แห่ง อพาร์ตเมนต์ 9 แห่ง สถานบันเทิง สวนสนุก ธุรกิจประเภทเฟอร์นิเจอร์ หมู่บ้านวัฒนธรรมอาเซียน มีการจำลองวัดร่องขุ่น พระพิฆเนศองค์ใหญ่ สวนไดโนเสาร์ เมืองคาวบอย ฟิวเจอร์ปาร์ค ฟาร์มม้า สวนแพนด้า กระทั่งศาลไคฟงก็ยังมี

ข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้ารายงานไว้ว่า บริษัท เอ็มบีไอ กรุ๊ป สัญชาติมาเลย์เข้ามาจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทในไทยครั้งแรกปี 2545 แล้วในปี 2559 ขยับขยายบริษัทในเครือเพิ่มเป็น 15 บริษัท รวมทุนจดทะเบียนได้ 662.5 ล้านบาท แบ่งเป็นใน อ.สะเดา และ อ.นาทวี จ.สงขลา 14 บริษัท และที่กรุงเทพฯ 1 บริษัท เช่น บริษัท บิลเลี่ยนคอนโด จำกัด ทำธุรกิจโรงแรม จดทะเบียน 4 กันยายน 2545 ทุน 51.5 ล้าน นายเตียว วุย ฮวด ถือหุ้น 49% บริษัท เอ็มวัน เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด โรงแรม จดทะเบียน 18 มกราคม 2551 ทุน 100 ล้าน นายเตียว วุย ฮวด ถือหุ้น 30% บริษัท เค.เอ.ดับเบิลยู. จำกัด โรงแรม จดทะเบียน 30 กันยายน 2551 ทุน 125 ล้าน นายเตียว วุย ฮวด ถือหุ้น 60% บริษัท เอ็มบีไอ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด 30% และนายเตียว อี เม้ง 10% (มาเลเซีย) และบริษัท เซาท์เทิร์น เอเซีย จำกัด อสังหาริมทรัพย์ จดทะเบียน 3 ธันวาคม 2558 ทุน 300 ล้าน

ส่วนอาณาจักรของเสี่ยวจางจะเกี่ยวข้องกับใคร นักการเมืองคนไหนบ้าง ในวงการเมืองพอจะรับรู้กัน มีผู้มากบารมีในสงขลาเกี่ยวแน่นอน

ให้จับตาว่า เมื่อ ปปง.ซึ่งยึดทรัพย์เสึ่ยว จาง ไว้หมดแล้ว เมื่อเปิดประมูลขาย ใครจะเป็นคนเข้ายื่นประมูลบ้าง อาจจะมีนักการเมืองบางคนจ้องตาเป็นมันก็ได้

'เพชรมงคล' คนรุ่นใหม่ ปชป. ชี้!! พรรคเข้าร่วมรัฐบาลหวังทำงานเพื่อปชช. ยืนยัน!! ไม่ว่ามติพรรคจะออกมาอย่างไร สมาชิกพรรคควรเคารพ

(24 ส.ค. 67) นายเพชรมงคล วัสสุวรรณ เลขานุการ สส.สมบัติ ยะสินธุ์ และตัวแทนพรรคประชาธิปัตย์ แม่ฮ่องสอน กล่าวว่า ประเด็นเรื่องการเข้าร่วมรัฐบาลของพรรคประชาธิปัตย์ นั้น ส่วนตัว ผมเคารพในมติพรรค สำหรับผมแล้ว การเคารพมติพรรคเป็นหัวใจสำคัญของการทำงานร่วมกันภายใต้พรรคการเมืองในระบอบประชาธิปไตย  

พรรคประชาธิปัตย์ เรายึดมั่นในหลักการนี้ การเคารพมติพรรค เป็นสิ่งที่ไม่สามารถมองข้ามได้ เพราะเป็นหัวใจสำคัญที่แสดงถึงการทำงานร่วมกันอย่างมีระบบและความเป็นหนึ่งเดียวกันในองค์กร การที่สมาชิกพรรคทุกคนเคารพมติพรรค หมายถึงการยอมรับผลการตัดสินใจที่เกิดจากการปรึกษาหารือร่วมกัน ซึ่งเป็นกระบวนการประชาธิปไตยที่แท้จริง

เพราะประชาธิปไตยไม่ได้หมายถึงการมีอิสระที่จะทำตามใจตัวเอง แต่หมายถึงการทำงานร่วมกันภายใต้กฎเกณฑ์และมติเสียงส่วนใหญ่ การเคารพในเสียงส่วนใหญ่และการปฏิบัติตามมติพรรคเป็นการแสดงออกถึงความรับผิดชอบและความมุ่งมั่นในการทำงานเพื่อประโยชน์ส่วนรวม

พรรคประชาธิปัตย์เป็นสถาบันทางการเมืองทำงานภายใต้อุดมการณ์ 10 ข้อที่เป็นหลักการที่สำคัญในการทำงานทางการเมืองของพรรค ดังนั้นหากพรรคประชาธิปัตย์ ได้เข้าร่วมรัฐบาลครั้งนี้ ก็มิได้ขัดอุดมการณ์ของพรรคแต่อย่างไร การเข้าร่วมรัฐบาลก็คือส่วนหนึ่งในการดำเนินการเมืองโดยวิถีอันบริสุทธิ์ เพื่อทำงานให้พี่น้องประชาชน

สุดท้ายนี้ สำหรับผู้ที่ยังไม่เข้าใจหรือไม่สามารถเคารพมติพรรคได้ ต้องลดทิฐิ และควรพิจารณาตัวเองว่ามีความเหมาะสมที่จะเรียกตนเองว่าเป็นนักประชาธิปไตยหรือไม่ เพราะท้ายที่สุดแล้ว การเคารพในกระบวนการและการตัดสินใจที่เกิดขึ้นร่วมกันในพรรค คือสิ่งที่สร้างความเชื่อมั่นและความสามัคคีในองค์กร ซึ่งจะเป็นสิ่งสำคัญในการรื้อฟื้นความน่าเชื่อถือของพรรคในอนาคตได้ 

'อรรถวิชช์' เผย 'เอกนัฏ' ให้ปากคำปมคดี 112 ของ 'ทักษิณ' เป็นหน้าที่ตามกฎหมาย ตรงไปตรงมา ไม่เกี่ยวเรื่องตำแหน่ง

(24 ส.ค. 67 ) นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี ฝ่ายกฎหมายพรรครวมไทยสร้างชาติ เปิดเผยว่า จากกรณีที่มีกระแสข่าวนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติเป็นผู้ให้ปากคำในคดี 112 ของนายทักษิณ ชินวัตร และประเด็นคุณสมบัติการเป็นรัฐมนตรีนั้น 

ประเด็นการให้ปากคำนั้น สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้มีหมายเรียกนายเอกนัฏ ไปให้ปากคำ จึงเป็นหน้าที่ตามกฎหมายที่จะต้องไปให้ปากคำแก่พนักงานสอบสวนตามข้อเท็จจริง มิใช่เสนอตัวไปให้การเอง อีกทั้งการให้ปากคำดังกล่าวยังอยู่ในช่วงต้นปี ไม่ใช่ในช่วงเวลานี้ จึงไม่เกี่ยวข้องกับการต่อรองตำแหน่งใด ๆ ปัจจุบันอัยการสั่งฟ้องคดีไปแล้ว อยู่ในชั้นศาลที่จะตัดสินตามกระบวนการยุติธรรมต่อไป 

สำหรับประเด็นคุณสมบัติรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญนั้น ถ้าดูตามตัวอักษรในกฎหมาย วิ.อาญามาตรา 15 ประกอบ วิ.แพ่ง มาตรา 145 วรรค 1 ได้วางหลักว่า คำพิพากษาหรือคำสั่งให้ถือว่าผูกพันคู่ความในกระบวนพิจารณาของศาลที่พิพากษาหรือมีคำสั่ง นับตั้งแต่วันที่ได้พิพากษาหรือมีคำสั่ง จนถึงวันที่คำพิพากษาหรือคำสั่งนั้นได้ถูกเปลี่ยนแปลง แก้ไข กลับหรืองดเสีย ถ้าหากมี

ซึ่งศาลอุทธรณ์ได้มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2567 ที่ผ่านมายกฟ้องนายเอกนัฏแล้ว เมื่อพิจารณาตามข้อกฎหมายเบื้องต้นหมายความว่า หากยังไม่มีคำพิพากษาของศาลฎีกาเห็นเป็นอย่างอื่นออกมา นายเอกนัฏเป็นผู้บริสุทธิ์และไม่เคยต้องคำพิพากษาจำคุกมาก่อน 

ดังนั้นประเด็นเรื่องคุณสมบัติของนายเอกนัฏจึงไม่มีปัญหาอย่างใด  นอกจากนี้ยังมีกระบวนการตรวจสอบของสำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรีและสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาที่มีผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายจำนวนมากอีก คาดว่าจะชัดเจนเร็วๆ นี้

“ข้อกฎหมายชัดเจนว่าคุณเอกนัฏเป็นรัฐมนตรีได้ ใจผมอยากให้คนรุ่นใหม่ได้เข้าบริหารบ้านเมืองบ้าง” นายอรรถวิชช์ กล่าว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top