Friday, 15 November 2024
NEWS

ร.ร.ธรรมภิรักษ์ ประกาศปิดกะทันหัน เปิดดำเนินการปีสุดท้าย เตรียมเปลี่ยนผ่านเป็นโรงเรียนนานาชาติจากสิงคโปร์ปี 69

(14 พ.ย. 67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แฟนเพจเฟซบุ๊ก โรงเรียนธรรมภิรักษ์ (Thampirakschool) เขตบางพลัด แขวงบางบำหรุ โพสต์ข้อความระบุว่า ประกาศ ด่วนที่สุด เรื่อง โรงเรียนธรรมภิรักษ์ เปิดดำเนินการปีสุดท้าย / โรงเรียนอนุบาลธรรมภิรักษ์เทเวศร์ เปิดปกติและเริ่มรับสมัครนักเรียนใหม่ ปีการศึกษา 2568

โดย ผู้บริหารโรงเรียน ขอประกาศแจ้งให้ทราบ ดังนี้

1.โรงเรียนธรรมภิรักษ์ จะเปิดดำเนินการถึงสิ้นปีการศึกษา 2567 (มีนาคม 2568) เพื่อปรับปรุงเปลี่ยนแปลงเป็นโรงเรียนนานาชาติ จากประเทศสิงคโปร์ ซึ่งจะพร้อมเปิดดำเนินการสอน ในเดือนสิงหาคม 2569 (สิงหาคม 2026)

2.โรงเรียนอนุบาลธรรมภิรักษ์เทเวศร์ เปิดดำเนินการตามปกติ เปิดรับสมัครนักเรียนใหม่ ปีการศึกษา 2568 ชั้นเตรียมอนุบาล-อนุบาล 3 ตั้งแต่วันจันทร์ที่ 18 พฤศจิกายน 2567 เป็นต้นไป จนกว่าจะเต็ม

ทั้งนี้ นักเรียนอนุบาลจากโรงเรียนธรรมภิรักษ์ ที่ประสงค์จะย้ายไปสาขาเทเวศร์ รับสิทธิ์พิเศษ ส่วนลดค่าเทอม ฯลฯ

หลังจากโพสต์เผยแพร่ออกไป มีผู้ปกครองเข้าไปแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก โดยส่วนใหญ่มองว่าทางโรงเรียนแจ้งกะทันหันไปมาก ห่วงว่าจะหาโรงเรียนใหม่ให้ลูกไม่ทัน อยากจะให้เวลามากกว่านี้ รู้สึกใจหาย รวมทั้งยังเป็นกำลังใจให้กับทางโรงเรียน ฯลฯ... 

สำนักงานตำรวจแห่งชาติเตือนลอยกระทงปลอดภัย ต้องใส่ใจส่วนรวม แนะ 6 สิ่งต้องคำนึง ก่อนนึกถึงพระแม่คงคา

(14 พ.ย. 67) พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มีความห่วงใยประชาชนที่อาจตกเป็นเหยื่อของอาชญากรรมรูปแบบต่าง ๆ และเนื่องด้วยวันที่ 15 พฤศจิกายน 2567 ที่จะถึงนี้เป็น “วันลอยกระทง” ที่พี่น้องประชาชนร่วมเฉลิมฉลองด้วยการลอยกระทงตามแม่น้ำลำคลอง เพื่อขอขมาพระแม่คงคาและขอให้สิ่งไม่ดีลอยไปกับกระทง รวมไปถึงทางภาคเหนือยังมี “ประเพณียี่เป็ง” โดยเป็นการปล่อยโคมลอยหรือโคมไฟขึ้นสู่ท้องฟ้า เพื่อบูชาและขอขมาแม่คงคา เช่นเดียวกัน ซึ่งในช่วงเทศกาลดังกล่าวจะมีพี่น้องประชาชนออกมาร่วมกิจกรรมเป็นจำนวนมาก

ดังนั้น เพื่อให้เทศกาลลอยกระทงเป็นไปอย่างปลอดภัย สนุกสนาน และไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม สำนักงานตำรวจแห่งชาติจึงขอแนะนำ 6 สิ่งที่ต้องคำนึง ในช่วงเทศกาลลอยกระทง ดังนี้

1. “ความปลอดภัยทางน้ำ” ควรระมัดระวังไม่ลงไปลอยกระทงในน้ำโดยตรง และเด็กเล็กควรอยู่ในสายตาผู้ใหญ่เสมอ โดยผู้ดูแลสถานที่ลอยกระทงควรจัดเตรียมเสื้อชูชีพ หรือห่วงยาง ไว้ใช้ในกรณีฉุกเฉิน

2. “หลีกเลี่ยงสถานที่แออัด” โดยเฉพาะบริเวณริมตลิ่ง แม่น้ำ และท่าเรือต่าง ๆ เพราะอาจเกิดอันตรายจากการเบียดเสียดกัน หรืออาจมีมิจฉาชีพฉวยโอกาสในการลักทรัพย์ได้

3. “งดเล่นประทัดและดอกไม้ไฟ” เพราะอาจทำให้เกิดเพลิงไหม้ หรือทำให้ตนเองและผู้อื่นบาดเจ็บได้

4. “ลอยโคมในจุดที่กำหนด” โดยห้ามลอยโคมในบริเวณที่ใกล้กับสนามบิน หรือพื้นที่หวงห้าม เพราะโคมอาจลอยไปรบกวนการบิน หรืออาจทำให้เกิดเพลิงไหม้ได้

5. “ใช้กระทงที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม” หลีกเลี่ยงการใช้กระทงที่ทำจากวัสดุย่อยสลายยาก เช่น โฟม พลาสติก และหลีกเลี่ยงการใช้กระทงขนมปัง เพราะอาจทำให้น้ำเน่าเสียได้

6. “ระวังการลอยกระทงออนไลน์” เพราะอาจเป็นมิจฉาชีพทำเว็บไซต์มาหลอกให้กรอกข้อมูลส่วนบุคคล หรือหลอกให้ติดตั้งแอปพลิเคชันอันตราย

ทั้งนี้ หากพี่น้องประชาชนต้องการความช่วยเหลือ สามารถโทรศัพท์ขอความช่วยเหลือในกรณีต่าง ๆ ได้ที่สายด่วนดังต่อไปนี้ เหตุด่วนเหตุร้าย สายด่วน 191 , เจ็บป่วยฉุกเฉิน สายด่วน 1669 , เหตุด่วนทางน้ำ สายด่วน 1196 และเหตุเพลิงไหม้ สายด่วน 199 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สมุทรปราการ-เปิดงานยิ่งใหญ่!! มหกรรมผ้าไทยฯ บนพื้นที่สวนสาธารณะ กว่า 20 ไร่ ใจกลางเมืองแพรกษา

(14 พ.ย. 67) เทศบาลตำบลแพรกษา โดยการบริหารของนาง อรัญญา สุวรรณบุตร นายกเทศมนตรีตำบลแพรกษา พร้อมด้วย ดร.ยงยุทธ สุวรรณบุตร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสมุทรปราการ สมัยที่ 25 ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์นายกเทศมนตรีตำบลแพรกษา จัดงาน “มหกรรมอนุรักษ์ผ้าไทย สุขใจได้ท่องเที่ยว ของดีตำบลแพรกษา ประจำปี 2567

โดยได้รับเกียรติจาก ท่านขจร  ศรีชวโนทัย อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ประธานในพิธี พร้อมด้วย นายประทีป นทีทวีวัฒน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ นายวัฒนา เจริญจิตร นายอำเภอเมืองสมุทรปราการ นายเมธากุล สุวรรณบุตร สมาชิกสภา อบจ.สมุทรปราการ กรรมการผู้จัดการ บริษัท S.MILES Group ตลอดจนแขกผู้มีเกียรติทุกท่าน ร่วมในพิธีเปิดงาน “มหกรรมอนุรักษ์ผ้าไทย สุขใจได้ท่องเที่ยว ของดีตำบลแพรกษา” ณ สวนสาธารณะเทศบาลตำบลแพรกษา ต.แพรกษา อ.เมือง สมุทรปราการ

ภายในงานยังได้มีการประกวดธิดาโรงงาน โดยทางบริษัทต่างๆ รวมถึงบริษัทอุตสาหกรรมในเขตพื้นที่ตำบลแพรกษาได้ส่งตัวแทนเข้าร่วมการประกวดแข่งขันธิดาโรงงานสร้างความคึกคักและสร้างสีสันให้กับงานเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ ยังมีการเดินแบบชุดผ้าไทยจากนักเรียนโรงเรียนมัธยมแพรกษาวิเทศศึกษา (PWS)

การแสดงจากน้องๆ หนูๆ โรงเรียนแพรกษาวิเทศศึกษา รวมถึงการแสดงจากกลุ่มผู้สูงอายุการแสดงบาสโลป นอกจากนี้ ในคืนวันที่ 13 พฤศจิกายน ทางเทศบาลตำบลแพรกษาได้นำนักร้องและศิลปินชื่อดัง อาทิ น้ำแข็ง ทิพวรรณ และในคืนวันที่ 14 ชมการแสดงคอนเสิร์ตจากวง ลำไย ไหทองคำ และคืนวันที่ 15 นั้น กวาง กมลชนก ชมฟรีตลอดงาน ภายในงานยังมีซุ้มอาหารต่างๆ จำนวนกว่า 50 ร้านค้า ให้เลือกชิม ช้อป รวมถึงมีสระน้ำจำลองขนาดใหญ่ที่ทางเทศบาลตำบลแพรกษาได้จัดเตรียมไว้ให้พี่น้องประชาชนได้มาร่วมลอยกระทงในค่ำคืนของวันที่ 15 พฤศจิกายน อีกด้วย

คิว-ข่าวสมุทรปราการ รายงาน

ประธานคณะกรรมาธิการการทหารและความมั่นคงของรัฐ วุฒิสภา กรรมาธิการ อนุกรรมาธิการ เข้าเยี่ยมคารวะรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม (นายภูมิธรรม เวชยชัย) 

(13 พ.ย. 67) เวลา 14.00 – 16.00 นาฬิกา พลเอก สวัสดิ์ ทัศนา ประธานคณะกรรมาธิการการทหารและความมั่นคงของรัฐ วุฒิสภา กรรมาธิการ อนุกรรมาธิการ เดินทางเข้าเยี่ยมคารวะรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม (นายภูมิธรรม เวชยชัย) และหารือข้อราชการเกี่ยวกับนโยบายด้านกิจการทหารและความมั่นคง รวมทั้งการดูแลกำลังพลและทหารผ่านศึก ณ ศาลาว่าการกลาโหม กระทรวงกลาโหม 

ในการนี้ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม พลเอก สนิธชนก สังขจันทร์ ปลัดกระทรวงกลาโหม และผู้บริหารระดับสูงในสังกัดกระทรวงกลาโหม ได้ให้การต้อนรับและหารือในประเด็น ดังนี้ 
1. ผลการดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลในด้านกิจการทหารและความมั่นคงที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงกลาโหม
2. นโยบายรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมในด้านกิจการทหารและความมั่นคงในระยะเร่งด่วน
3. แนวความคิดในการส่งเสริมคุณภาพชีวิตและศักดิ์ศรีของทหารผ่านศึก (ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเป็นนายกสภาทหารผ่านศึก)
4. แนวความคิดในการพัฒนาและยกระดับอุตสาหกรรมความมั่นคงและการป้องกันประเทศสู่สากล (ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเป็นประธานกรรมการนโยบายเทคโนโลยีป้องกันประเทศ)
๕. เรื่องอื่น ๆ /ประเด็นสำคัญที่ต้องการให้กรรมาธิการในฐานะสมาชิกวุฒิสภาผลักดันให้ประสบผลสำเร็จ 

โดยที่ประชุมหารือได้มีการพูดคุยและข้อเสนอแนะที่สำคัญทั้งเรื่องการพิทักษ์รักษาและเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ กองทัพกับการพัฒนาประเทศเพื่อความมั่นคง รวมทั้งการช่วยเหลือประชาชน และการแก้ไขปัญหาที่สำคัญของชาติ รวมถึงเรื่องกิจการกำลังสำรอง ทหารผ่านศึก และทหารนอกประจำการ เรื่องความมั่นคงแบบองค์รวมที่เกี่ยวข้องกับหลายเรื่องต้องร่วมคิดร่วมขับเคลื่อนให้เกิดผลสัมฤทธิ์เป็นรูปธรรมเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนและประเทศชาติอย่างมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนสืบไป
ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการจะได้นำข้อมูลและข้อคิดเห็นหรือข้อเสนอแนะที่ได้หารือร่วมกับรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ปลัดกระทรวงกลาโหม และผู้บริหารระดับสูงในสังกัดกระทรวงกลาโหมไปพิจารณาศึกษาและดำเนินการตามรัฐธรรมนูญและกฎหมายให้เป็นรูปธรรมต่อไป 

POLITICS

กมธ.อุตฯ เล็งเสนอคุมติดตั้งสถานีชาร์จอีวีชั้นใต้ดิน หวั่นหากเกิดเพลิงไหม้แบตเตอรี่จะเข้าระงับเหตุได้ยาก

กมธ.อุตสาหกรรม เสนอหน่วยงานที่เกี่ยวข้องออกระเบียบคุมการติดตั้งสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า หลังศึกษาพบอันตรายหากติดตั้งชั้นใต้ดิน จะเกิดก๊าซพิษเมื่อมีเหตุเพลิงไหม้ เจ้าหน้าที่คุมเพลิงลำบาก

(14 พ.ย. 67) นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี เขต 4 พรรครวมไทยสร้างชาติ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการอุตสาหกรรม ได้แถลงถึงรายงานการศึกษากรณีเพลิงไหม้ในรถยนต์ไฟฟ้าของคณะทำงาน ว่า

ในการประชุมคณะกรรมาธิการการอุตสาหกรรมในสัปดาห์นี้ได้มีการพิจารณาถึงรายงานการศึกษากรณีระงับเพลิงไหม้ในรถยนต์ไฟฟ้าซึ่งทางคณะกรรมาธิการได้ให้คณะทำงานศึกษากรณีดังกล่าว 

โดยได้มีการรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้องอย่างรอบด้าน โดยเฉพาะจากหน่วยงานรัฐ และรัฐวิสาหกิจที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงพลังงาน, กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย, สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กรุงเทพมหานคร เป็นต้น 

รายงานฉบับนี้รวมถึงความเห็นจากคณะกรรมาธิการการอุตสาหกรรมได้มีข้อกังวลกรณีการติดตั้งสถานีชาร์จ ซึ่งผลการศึกษามีข้อสรุปชัดเจนว่าไม่ควรมีการติดตั้งสถานีชาร์จในชั้นใต้ดิน เนื่องจากเมื่อเกิดเหตุเพลิงไหม้ในแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าจะเกิดก๊าซพิษ ประกอบกับชั้นใต้ดินที่อากาศค่อนข้างปิดจะทำให้เกิดผลกระทบกับพี่น้องประชาชนในบริเวณนั้น รวมถึงเจ้าหน้าที่ที่เข้าไปดำเนินการระงับเหตุเพลิงไหม้

ดังนั้นจึงควรจะติดตั้งสถานีชาร์จเหนือชั้นใต้ดินขึ้นไป หรือในกรณีมีข้อจำกัดไม่ควรติดตั้งชั้นต่ำกว่าชั้นใต้ดินชั้นแรก (B1)

นอกจากนี้ยังพบว่าปัจจุบันไม่มีหน่วยงานใดออกกฎ ระเบียบ ข้อบังคับ เกี่ยวกับการติดตั้งสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า ทางคณะกรรมาธิการการอุตสาหกรรมมีความห่วงใยเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งจะได้ทำหนังสือถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยซึ่งกำกับดูแลหน่วยงานที่มีอำนาจอนุญาตในการก่อสร้าง ให้พิจารณาออกกฎ ระเบียบ ข้อบังคับ เพื่อควบคุมการติดตั้งสถานีชาร์จรถไฟฟ้าโดยป้องกันเหตุร้ายที่อาจเกิดขึ้นได้เป็นหลักการ ความปลอดภัย

ซึ่งการออกกฎ ระเบียบ ข้อบังคับ ที่เกี่ยวข้องในครั้งนี้จะเป็นการป้องกันเหตุร้ายก่อนที่จะเกิดขึ้น จนส่งผลกระทบต่อพี่น้องประชาชน ไม่ใช่เมื่อเกิดเหตุแล้วจึงมาทบทวนหามาตรการป้องกันในภายหลัง

“ช่วงชีวิตนี้เป็นช่วงชีวิตที่ผมมีความสุขมากที่สุด แม้จะโดนร้องโดนเห่าหอนบ้าง โอ้ยธรรมดาพี่น้องเอ้ย เวลาไปวัดกลางคืน กลับบ้านมาหมาก็เห่าหอนเป็นธรรมดา อย่าไปพยายามตีความว่ามันเห่ายังไง อย่าไปใส่ใจ หมาอยู่ส่วนหมา คนก็อยู่ส่วนคน”

(14 พ.ย 67) 'ทักษิณ' ปราศรัยเดือดอุดรธานีวันที่ 2 ยอมรับควักส่วนตัวจ้างต่างชาติ 300 ล้านบาท ช่วย 'อิ๊งค์’ รื้อโอทอป ฝากประชาชนบอกพรรคส้มก่อนคิดกฎหมายใหม่ ล้างซวยกฎหมายเก่าก่อน ประกาศขอเสียงอุดรฯ ชนะถล่มทลาย เมินเสียงนักร้อง ลั่นคนอยู่ส่วนคน-หมาอยู่ส่วนหมา อย่าไปฟังเสียงเห่าหอน

เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 14 พ.ย. ที่ตลาด 4 ธันวา อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยแกนนำพรรคเพื่อไทย (พท.) อาทิ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี ขึ้นเวทีปราศรัยช่วยนายศราวุธ เพชรพนมพร ผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) อุดรธานี ในนามพรรคเพื่อไทย (พท.) หาเสียง โดยมีประชาชนมารอฟังการปราศรัยกว่า 5,000 คน

นายณัฐวุฒิ ปราศรัยว่า ตนมาครั้งที่แล้วและบอกขอยกจังหวัด ยกจังหวัดยังไงหายไปสามเขต วันนี้จึงขอมาทวงสัญญา เพราะเรารักกันมาตั้งแต่ปี 2544 วันนี้ 23 ปีแห่งความทรงจำ 23 ปีที่ยังยืนเคียงข้างกัน แล้วจะพิสูจน์พลังอีกครั้งในการเลือกตั้ง อบจ. ครั้งนี้ ขอให้สื่อถ่ายภาพเก็บเป็นหลักฐาน หากคะแนนไม่มาเดี๋ยวจะตามไปหาถึงบ้าน ซึ่งนายวิเชียร ขาวขำ แสดงสปิริตลาออกจากนายก อบจ. สุขภาพไม่ดี เดินกะเผลก ก็ยังลาออกเพื่อเปิดทางให้กับนายศราวุธ เพชรพนม ไม่เหมือนคนกรุงเทพฯ เดินไม่ดีก็ยังอยากเป็นนายกฯ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่นายณัฐวุฒิปราศรัย ได้ทำท่าเดินกะเผลกไปด้วย

ขณะที่นายทักษิณ ปราศรัยว่า ไม่เห็นหน้ากันนานแล้วนะ คิดถึงกันบ้างหรือไม่ ที่เลือกมาอุดรธานี เพราะคิดถึงพี่น้องชาวอุดรธานี และคนอุดรธานีก็ไม่เคยลืมตน มีใครทันตอนตนเป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่ ที่ต้องถามเพราะตอนนี้ตนอายุ 75 ปีแล้ว แต่ความรู้สึกยังเหมือนอายุ 25 ปี วันนี้เห็นพี่น้องมาเยอะ แบบนี้หัวใจมันก็พองโต เมื่อก่อนตอนเป็นพรรคไทยรักไทย ตนก็มาเจอพี่น้องต่างจังหวัดกลับไปมีความสุข และไปนั่งคิดอย่างเดียวว่าจะทำอย่างไรให้เขาหายจน เพราะชีวิตตนเคยลำบากมา

นายทักษิณ กล่าวต่อว่า วันนี้นั่งรถมา เห็นสภาพพี่น้องก็เป็นห่วง ตนถูกปฏิวัติออกไป 17 ปี วันนี้มีสิ่งสวย ๆ เกิดขึ้นบางที่บางแห่ง แต่พี่น้องยังลำบากอยู่ คนไม่มีหนี้มีน้อย แสดงว่าที่ผ่านมา คนจนไม่ได้รับการเหลียวแล ถามจริง ๆ ทำไมคนอุดรธานีไม่ลืมตน ก่อนจะถามประชาชนที่มาฟังปราศรัยว่า ชอบนโยบายอะไรที่ตนทำไว้มากที่สุด โครงการ 30 บาทใช่หรือไม่ แล้วกองทุนหมู่บ้านยังมีอยู่หรือไม่ เพิ่มทุนหรือไม่ เมื่อก่อนตอนที่ผมอยู่ โอทอปเลื่องลือมาก แต่ตอนนี้หายไปเยอะ หากโอทอปได้รับการปรับปรุงเหมือนสมัยที่ตนอยู่ คงจะขายได้เยอะ และจะทำให้พี่น้องมีรายได้เพิ่มขึ้น

นายทักษิณ กล่าวอีกว่า ตนใช้เงินส่วนตัว 300 ล้านบาท จ้างชาวต่างชาติ ปรับปรุงโอทอปครั้งใหญ่ อีกไม่นานเขาจะเปิดตัวว่าจะต้องรื้อไปทำอะไร และเพื่อปรับปรุงโอทอปไปขายทั่วโลก แล้วจะมาเสนอนายกฯ อิ๊งค์ (น.ส.แพทองธาร ชินวัตร) โดยที่ไม่เก็บเงิน เพราะตนจ่ายเงินไปแล้ว ทั้งนี้ นายกน อิ๊งค์ ก็ได้บอกด้วยว่า ได้สั่งการให้กระทรวงการคลังร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย ปรับปรุงโครงสร้างหนี้ โดยเฉพาะหนี้ครัวเรือน

“เห็นผมใกล้ ๆ แล้ว ผมแก่ไปเยอะหรือไม่ ตอนนี้แก่ไปเยอะ แต่เห็นพี่น้องมากันเยอะ ก็รู้สึกหนุ่มขึ้น จะร้องเพลงเสก โลโซ ว่าอย่างไร เขาบอกคิดถึงตอนอายุ 14 แต่ผมคิดถึงตอนอายุ 55 ที่มาเป็นนายกฯ นายกฯ อิ๊งค์ เป็นลูกคนเล็ก เป็นคนที่ติดตามผมไปทุกที่ตั้งแต่แปดขวบ แม้กระทั่งไปประชุมเอเปค ก็ติดตามผมไป วันนี้ไปประชุมเอง เป็นนายกฯ เอง แต่สิ่งที่นายกฯ อิ๊งค์ มีอยู่เหมือนผมทุกอย่าง คือความรักและความห่วงใยพี่น้องประชาชน คิดว่าต้องแก้ปัญหาให้พี่น้องประชาชนให้ได้ และเชื่อว่ากลางปีหน้า พี่น้องประชาชนจะเห็นแสงสว่าง ปลายปีจะเห็นเศรษฐกิจที่คึกคักมาก เขาบ่นกับผมมาคำหนึ่งว่า พ่อ อิ๊งค์คิดว่าการผูกขาดทั้งหลายไม่ว่าจะเป็นการผูกขาดโดยรัฐก็ดี หรือผูกขาดโดยเอกชนก็ดี ทำให้คนไทยจน เพราะการผูกขาดเหมือนเป็นเสือนอนกิน วันนี้จึงต้องลดทุนของการผูกขาดให้ประชาชนมากที่สุด” นายทักษิณ กล่าว

นายทักษิณ กล่าวต่อว่า แม้กระทั่งข้าวที่จัดส่งออกต่างประเทศ ก็ต้องผ่านสมาคมผู้ส่งออก มีการตรวจสารพัด ซึ่งเป็นต้นทุนของเกษตรกร และกฎหมายนี้ก็ใช้ตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่สอง ที่บอกว่าข้าวเป็นยุทโธปกรณ์หรือเครื่องมือทางทหารที่ต้องควบคุม แต่ทุกวันนี้ก็ยังใช้กฎหมายเดิมอยู่ ฉะนั้น จึงต้องยกเลิกกฎหมายเก่า ๆ ที่ทำให้คนไทยจน โดยเฉพาะเสรีภาพทางการค้าขายต่าง ๆ

“เวลาพรรคประชาชนมาหาเสียง ท่านต้องบอกพรรคประชาชนว่าไม่ต้องเสนอกฎหมายใหม่ หรือยกเลิกกฎหมายเก่าที่เป็นปัญหากับประชาชนดีที่สุด วันนี้แข่งกันออกกฎหมายใหม่ แข่งกันไปทำไม เพราะกฎหมายเก่าเฮงซวยกันเยอะแยะ ก่อนสร้างสิ่งใหม่ เอาสิ่งเฮงซวยออกไปก่อน ล้างซวย” นายทักษิณ กล่าว

นายทักษิณ กล่าวว่า นอกจากนี้ ด้านระบบการศึกษา เราต้องปรับค่านิยมของคนไทย อย่าให้ลูกรับปริญญาแล้วไม่มีงานทำ และโลกบอกว่าปริญญามีความสำคัญน้อยกว่าความชำนาญ วันนี้จึงขอฝากพี่น้องบ้านดุง ให้บอกว่าวันนี้ทักษิณกลับมาแล้ว ใครค้ายาแถวนี้ระวังตัวให้ดี ทักษิณเกลียดพ่อค้ายา ถ้าอยากให้ทักษิณรัก ต้องเลิกค้ายา มาทำมาหากินสุจริตกันดีกว่า เพราะลูกหลานเราไม่ไหวกัน แล้วประสาทหลอน วันนี้ต้องเอาลูกหลานกลับคืนมา แล้วทักษิณก็ขยันเดินตรวจด้วย เป็นคนแก่หัวใจหนุ่ม

นายทักษิณ กล่าวด้วยว่า นโยบายหลักของพรรคไทยรักไทย คือ ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ขยายโอกาส ซึ่งยังใช้ได้จนถึงทุกวันนี้ รัฐบาลมีหน้าที่ทำเศรษฐกิจท้องถิ่นให้ดี เลยต้องมาสนใจ อบจ. สมัยที่นายวิเชียร ลงเลือกนายก อบจ. ตนเขียนจดหมายมา แต่วันนี้ตนมาด้วยตัวเองแล้ว เพื่อสนับสนุนผู้สมัครเบอร์สอง

“ถ้าไม่ได้ชนะถล่มทลาย ผมอายเขานะ คนอุดรฯ อย่าให้ผมอายนะ ถ้าไม่อาย ผมจะได้มาเยี่ยมบ่อย ๆ ถ้าไม่งั้นผมต้องใส่หน้ากากอนามัยมาเยี่ยม” นายทักษิณ กล่าว ก่อนจะถามว่าใครได้เงิน 10,000 ไปแล้วบ้าง คนที่ไม่ได้ อยากได้หรือไม่ มาแน่ มาช้าดีกว่าไม่มาใช่หรือไม่ นี่เป็นวัฒนธรรมที่สืบมาจากพรรคไทยรักไทย ที่พูดอะไรแล้วต้องทำ แต่วันนี้ทำยากกว่าเมื่อก่อน เพราะมีกลไกข้าราชการเทอะทะจากการปฏิวัติ บางกฎหมายคนจะเขียน ก็เอารูปตนตั้งไว้แล้วบอกว่า กูจะจัดการมันอย่างไรดี

“อิจฉาอะไรก็ไม่รู้ ทำให้การช่วยเหลือบ้านเมืองนั้นทำได้ยาก หาว่าครอบงำ นักร้องก็เยอะ ไม่รู้มันร้องอะไรนักหนา วันนี้ผมไม่คิดอะไรมาก แค่อยากช่วยชาวบ้านให้หายจน อยากให้ยาเสพติดหมดไป ใครอยู่แถวนี้ต้องใช้ความพยายาม พี่น้องต้องมีกำลังใจ ผมกลับมาแล้ว พี่น้องต้องมีกำลังใจอีกนิด ตนเหลืออีก 25 ปี จะครบ 100 ปี ก็ขอให้ช่วยกัน เห็นสภาพบ้านเมืองแล้วหดหู่ หากปล่อยไว้แบบนี้ คนไทยจะเหมือนคนลาว ถูกพัฒนาช้า พัฒนาเร็วเฉพาะส่วน คนส่วนใหญ่ถูกทอดทิ้ง ผมก็เป็นคนบ้านนอก ฉะนั้น ใจผมเป็นห่วงที่สุดคือคนรากหญ้า สิ่งที่ยากเลยคือนักการเมืองเฮงซวย หากการเมืองเฮงซวยเมื่อไหร่ นักการเมืองก็เฮงซวยตาม แต่ระหว่างที่ผมออกไป เขาก็สร้างระบบกติกาให้การเมืองมันเฮงซวยขึ้นเรื่อย ๆ“ นายทักษิณ กล่าว

นายทักษิณ กล่าวต่อว่า วันนี้ต้องเลิกดัดจริต ต้องอยู่กับความเป็นจริงว่าบ้านเมืองเราต้องการการพัฒนาสูงมาก ทุกวันนี้ระบบราชการเทอะทะ ควบคุมมากเกินไป ไม่ไว้ใจพี่น้องประชาชน ที่จริงแล้วประชาชนสามารถช่วยตัวเอง และตัดสินใจเองได้ ประเทศจะเจริญได้ต้องลดอำนาจภาครัฐ เพิ่มอำนาจให้ภาคประชาชน เพื่อป้องกันเรื่องโอกาสที่ไม่เท่าเทียมกัน พรรคเพื่อไทย กับพรรคประชาชนหรือพรรคสีส้มนั้น มีความเหมือนคือเรื่องของความเท่าเทียม แต่พรรคประชาชน บอกว่าทุกคนเท่ากัน ทั้งฐานะ หรือสถานะ ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่พ่อจะเท่ากับลูก แต่พรรคเพื่อไทยมองว่าเป็นความเท่าเทียมทางโอกาส พรรคเพื่อไทยจึงพยายามอย่างยิ่งให้คนยากจนมีโอกาสเท่าเทียมกัน นายกฯ อิ๊งค์ บอกว่าจะประกาศข่าวดี ในการที่จะหาเงินส่งลูกหลานไปเรียนเมืองนอก

“ส่วนใครโดนคอลเซ็นเตอร์หลอก นายกฯ อิ๊งค์ บอกว่า หากธนาคารไม่ดูแล ต่อไปธนาคารต้องมารับผิดชอบ ซึ่งคอลเซ็นเตอร์ตัวแสบอยู่ที่เมียนมา ซึ่งใช้ระบบสื่อสารไทย ใช้ไฟฟ้าไทย นายกฯ อิ๊งค์ เลยบอกว่า บริษัทที่ทำโทรศัพท์ทั้งหลาย หากใครให้บริการข้ามเขต ต้องถือว่าเป็นจำเลยร่วม และสั่งการไฟฟ้า หากจ่ายไฟไปทำยาเสพติด ต้องเจอข้อหาจำเลยร่วม พระพุทธเจ้าบอกว่าเกิดเหตุที่ไหนต้องดับที่นั่น เราจึงต้องดับที่ต้นเหตุ ไม่ใช่ปลายทาง ต้องจัดการเด็ดขาด ในเรื่องการใช้กฎหมายและการบริหารบ้านเมือง เพื่อประชาชน” นายทักษิณ กล่าว

นายทักษิณ กล่าวอีกว่า ขอให้มั่นใจว่ากลางปีหน้าจะเห็นแสงสว่าง ปลายปีหน้าจะรู้สึกว่าชีวิตดีขึ้นเยอะ ตนขับรถผ่านเห็นคู่แข่ง บางรูปเห็นรูปคู่กับหัวหน้าพรรค บางรูปก็คู่กับนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แสดงว่าเห็นว่านายพิธา หล่อกว่าหัวหน้าพรรคประชาชน แต่พรรคเพื่อไทยใช้รูปนายกฯ อิ๊งค์ ไม่จำเป็นต้องใช้รูปคู่ตน เพราะนายกฯ อิ๊งค์ หน้าเหมือนตนอยู่แล้ว แต่อิ๊งค์เขาสวยกว่าตน และตนก็หล่อกว่าอิ๊งค์ นึกว่าตนไม่อยู่ 17 ปี คนอุดรจะหมดหนี้แล้ว อุตส่าห์ปฏิวัติตั้ง 2 รอบ แต่ยังจนอยู่เลยนะ ขออย่าไปเชื่อหวยเถื่อนทั้งหลาย และอย่าไปเชื่อสายมูมาก พี่น้องที่ติดยาเสพติด เห็นนรกแน่ ๆ เราต้องขจัดให้ได้ ซึ่ง อบจ. จะเป็นส่วนสำคัญที่พาลูกหลานไปบำบัด ต่อไปกลไกของรัฐบาลนายกฯ อิ๊งค์ บอกว่าจะต้องใช้ท้องถิ่นเยอะ ๆ แต่การบำบัดต้องเป็นรัฐบาล จึงจะมีงบเยอะ อยากให้พี่น้องตั้งใจร่วมกับตนว่า จะแก้ไขปัญหาบ้านเมืองร่วมกัน มาบอกให้ตนรู้

นายทักษิณ ระบุว่า เมื่อก่อนตนทำทัวร์นกขมิ้น ไปทุกอำเภอ เป็นนายกฯ คนเดียวที่เดินทางถึงประเทศไทยมากที่สุด ไปที่ไหนก็ได้รับจดหมายน้อย ซึ่งข้อความคือทุกข์ที่พบอยู่ในหมู่บ้าน จึงได้สร้างโครงการที่ชื่อว่าเอสเอ็มแอล ทำให้ตนได้รับรู้ปัญหาของประชาชน

นายทักษิณ ยังฝากนายศราวุธ ผู้สมัครลงเลือกตั้งนายก อบจ. เบอร์สอง สมัยที่แล้วเคยเป็นกรรมาธิการ ลำดับต่อไปเป็นรัฐมนตรี โชคร้ายสอบตก จึงขอให้พี่น้องอุ้มมาเป็นนาย อบจ. และอนาคตจาก อบจ. เป็นรัฐมนตรี

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างนั้น นายศราวุธ ได้คุกเข่ากราบพี่น้องประชาชนที่มาฟังปราศรัย

“ชนะน้อย ๆ ไม่สนุก ต้องชนะเยอะ ๆ ต้องชนะให้ถล่มทลาย ผมจะได้เดินทางมาหาพี่น้องที่อุดรฯ อย่างหล่อ ๆ ไม่อยากเดินมาแบบมีหน้ากาก มีปี๊บ ช่วงชีวิตนี้เป็นช่วงชีวิตที่ผมมีความสุขมากที่สุด แม้จะโดนร้องโดนเห่าหอนบ้าง โอ้ย ธรรมดาพี่น้องเอ้ย เวลาไปวัดกลางคืน กลับบ้านมาหมาก็เห่าหอนเป็นธรรมดา อย่าไปพยายามตีความว่ามันเห่ายังไง อย่าไปใส่ใจ หมาอยู่ส่วนหมา คนก็อยู่ส่วนคน“ นายทักษิณ กล่าว

นายทักษิณ กล่าวว่า ขอให้พี่น้องมีพลังมีกำลังใจ วันนี้เพื่อไทยกลับมาเป็นรัฐบาลแล้ว เป็นพรรคที่เป็นนักแก้เศรษฐกิจ นักแก้ปัญหายาเสพติด นักกระจายอำนาจลงสู่ภาคประชาชน และวันนี้จะเป็นนักแก้การผูกขาด ขอให้พี่น้องอดทนมาร่วมกันอีกนิดเดียว ผมมั่นใจว่าสิ่งเหล่านั้น ท่านจะได้เห็นก่อนการเลือกตั้งใหญ่ในปีหน้า ก่อนที่นายทักษิณจะพูดแก้ว่า เป็นปี 70 เดี๋ยวจะตีความว่าจะยุบสภาแล้ว ตนพูดผิด พร้อมย้ำว่า อย่าลืมเบอร์สองนะ เบอร์สองเป็นคนของทักษิณ

ช่วงท้ายหลังการปราศรัยช่วยผู้สมัครนายก อบจ.อุดรธานี ที่ อ.บ้านดุง อดีตนายกฯ ทักษิณ ลงจากเวที ปรี่หาชาวอุดรฯ ที่มาฟังปราศรัย เพื่อทักทาย โดยอดีตนายกฯ เซอร์วิสแฟนคลับ ทั้งจับมือ และรับดอกไม้ บางรายมอบกระเช้าผลิตภัณฑ์ชุมชน บางคนเจอหน้าอดีตนายกฯ แล้วร้องไห้ บอก “ขอกอดหน่อย” บางรายเจออดีตนายกฯ แล้วยังงง ๆ เพราะจะขอถ่ายรูป ทักษิณได้หยิบมือถือชาวบ้านแล้วมาเซลฟี่ให้ คนเสื้อแดงที่เคยชุมนุมเมื่อปี 2553 เดินทางมาจากมหาสารคามเพื่อพบกอดีตนายกฯ โดยอดีตนายกฯ ก็กอดเสื้อแดงรายนั้นแน่น ๆ ก่อนจะเดินทางกลับ

‘นายใหญ่’ ทุ่มสุดตัว ลุยลงพื้นที่เอง เดินเกมยึดอบจ.อุดรฯ หวังผลแลนด์สไลด์

(14 พ.ย. 67) เป็นแฟชั่นและแท็กติกทางการเมือง  สำหรับเรื่องการชิงลาออกจากนายกอง์การบริหารส่วนจังหวัด(อบจ.) ด้วยเหตุผลหลักคือชิงความได้เปรียบการเมือง เป็นปรากฏการณ์ที่ควรจะได้ถอดรหัส-ทบทวนกันในอนาคต..

ถึงวันนี้ลาออกกัน 27 จังหวัด 27 นายกอบจ.เลือกกันไปแล้ว 18 จังหวัด 95 เปอร์เซ็นต์ แชมป์เก่ารักษาเก้าอี้ไว้ได้..

เฉพาะหน้าเดือน พ.ย.-ธ.ค.จะชิงกันอีก 9 จังหวัด/นายกอบจ.
23 พ.ย.-สุรินทร์
24 พ.ย.อุดรธานี,นครศรีธรรมราชและเพชรบุรี
1 ธ.ค. กำแพงเพชร
15ธ.ค.ตาก และเพชรบูรณ์
22 ธ.ค.อุตรดิตถ์และอุบลราชธานี

นายกอบจ.และสจ.ที่เลือกกันมาตั้งแต่ปี 2563 จะครบเทอม 18 ธ.ค. 2567นี้  กกต.กำหนดแล้วว่าจะเลือกกันใหม่วันที่ 1 ก.พ.2568  เฉพาะนายกอบจ.ก็จะเหลือแค่ 40 กว่าจังหวัด...

ที่จะขีดเส้นใต้หมายเหตุไว้ ณ ที่นี้ก็คือ การเลือกนายกอบจ.ที่ภาคอีสาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่อุดรธานี ที่เคยเป็นเมืองหลวงของคนเสื้อแดง ของพรรคเพื่อไทย...แต่สัญญาณจากตั้งเต่ทั่วไปเมื่อปี 2566  เมืองหลวงของเพื่อไทยกำลังจะถูกยึด  เก้าอี้สส.หายไป3 เก้าอี้

ไม่แต่เท่านั้นทั้งภาคอีสาน (133ที่นั่ง) ครั้งที่แล้วพรรคเพื่อไทยตั้งเป้าขั้นต่ำ 110 ที่นั่ง  ปรากฏว่าได้รับเลือกแค่ 73 เขต 73 คน..พลาดเป้าไปร่วม 40 ที่นั่ง และเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ทั้งประเทศได้สส.รวม 141 ที่นั่ง เสียแชมป์เลือกตั้งให้กับพรรคน้องใหม่อย่างพรรคก้าวไกล(พรรคประชาชนในปัจจุบัน)ที่ได้ 151 ที่นั่ง..

ย้อนดูตัวเลข 133 ที่นั่งของภาคอีสานครั้งที่แล้ว..เพื่อไทย 75, ภูมิใจไทย 35, ก้าวไกล 7, พลังประชารัฐ 6, ไทยสร้างไทย 5, ไทรวมพลัง 2 ประชาธิปัตย์ 2 และชาติไทยพัฒนา 1

วันที่  3  พ.ย. วัฒนา ช่างเหลา  ประธานสโมสรฟุตบอลชขอนแก่น ยูไนเต็ด อดีต สส.เขต 2 ขอนแก่น เพิ่งชนะศึกเลือกนายกอบจ.ขอนแก่นด้วยการชูป้ายทักษิณ-อุ๊งอิ๊งค์ และหัวคะแนน/แฟนคลับที่ใส่เสื้อแดง ล้มแชมป์เก่า 6 สมัยลงได้อย่างน่าอัศจรรย์  กลายเป็น “ขอนแก่นโมเดล” ทำให้การเลือกตั้งนายกอบจ.อุดรธานี  กลายเป็นหมุดหมายให้ “นายใหญ่” ชักธงรบส่งสัญญาณครั้งสำคัญที่จะยึดสมรภูมิอีสานมาอ้อมกอดของพรรคเพื่อไทยอีกครั้ง...

การไปปรากฏตัวของทักษิณ  ชินวัตร  ผู้นำทางจิตวิญญาณของพรรคเพื่อไทย  ในฐานะ “ผู้ช่วยหาเสียง” ถูกออกแบบและปฏิบัติการส่งสัญญาณสำคัญ...

ไม่เพียงให้พรรคส้ม(ประชาชน)ที่หวังลึกๆจะปักธงนายกอบจ.อุดรฯและสยายปีกแบ่งเค้กอีสานเกิดอาการขยาดเท่านั้น  ยังเป็นการส่งสัญญาณถึงครูใหญ่..เนวิน  ชิดชอบ ประมุขตัวจริงของพรรคสีน้ำเงิน  ที่บารมีกำลังเบ่งบานไม่น้อยกว่า “นายใหญ่” ให้รับทราบ..

ต้องยอมรับความเป็นจริงว่า ระหว่างพรรคเพื่อไทยกับพรรคสีน้ำเงิน..ภูมิใจไทย นั้นมีทั้งสัมพันธภาพที่ดูอบอุ่นจากท่าทีท่วงทำนองนอบน้อมของอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค แต่ในความเป็นพรรค..วันนี้ ภท.และพท.คือสองพรรคที่มีดุลทางการเมืองที่พูดได้ว่าเสมอกัน..เพราะ-ภท. มีสภาสีน้ำเงินเป็นอาวุธ(ไม่)ลับ ไม่นับรวม 70 เสียงสส.ที่เป็นหมากล็อกอยู่แล้ว...

ภายในพรรคพท...หรือเพื่อไทยขณะนี้พยายามปลุกคำขวัญ..แลนด์สไลด์ขึ้นมาอีกครั้ง..การเดินสายของทักษิณ ปลุกบ้านใหญ่รักษาเอฟซีเก่าๆ สร้างเอฟซีใหม่ๆ หวังให้เพื่อไทยทั้งอีสาน..หรือแดงทั้งอีสานเกิดขึ้นอีกครั้ง..

เพียงแต่โจทย์ครั้งนี้มันยากขึ้น  สถานการณ์เปลี่ยนไปไม่น้อย  ถ้าเดอะป๊อบ..ศราวุธ  เพชรพนมพร อดีตสส.เพื่อไทย “เขยอินทรีอีสาน” ประชา พรหมนอก  ชนะขาดนายกอบจ.อุดรฯ ก็น่าจะทำให้แนวรบทักษิณ-เพื่อไทย คึกคัก

แต่ถ้าชนะแบบฉิวเฉียดไม่กี่พันแต้มหรือล็อคถล่มแพ้ขึ้นมา..แลนด์สไลด์ที่แอบหวังก็จะถูกฝังกลบเป็นแลนด์สลบอย่างแน่นอน..!!

ECONBIZ

‘พิชัย’ จ่อเสนอจ่าย ‘เงินหมื่น’ เฟส 2 ‘คนอายุ 60 ปีขึ้นไป’ หลัง ‘ทักษิณ’ เปรยบนเวทีปราศรัยอุดรฯ ยันไม่ทับสิทธิเฟสแรก

‘พิชัย’ จ่อเสนอบอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจ จ่าย ‘เงินหมื่น’ เฟส 2 ‘คนอายุ 60 ปีขึ้นไป’ หลัง ‘ทักษิณ’ เปรยบนเวทีปราศรัยอุดรฯ ชี้ใช้งบไม่มาก ยืนยันไม่ทับสิทธิกลุ่มเปราะบางเฟสแรก รับมีเฟส 2-3

(14 พ.ย. 67) นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังกล่าวถึงกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ขึ้นปราศรัย เวทีนายก อบจ.อุดรธานี ที่เปรยว่า ผู้มีอายุ 60 ปีขึ้นไปจะได้รับเงินหมื่นเร็ว ๆ นี้ว่า เฟสที่ 1 รัฐบาลให้เป็นเงินสด สำหรับกลุ่มเปราะบาง และผู้พิการ ซึ่งหลังจากนี้จะพิจารณาจากกลุ่มที่มีปัญหาสภาพคล่อง ซึ่งมีจำนวนไม่มาก โดยจะคัดบุคคลที่เร่งด่วนก่อน หากทำได้ก็จะจ่ายให้กับบุคคลเหล่านี้ก่อนที่จะพิจารณาการจ่ายเงินในเฟสต่อไป โดยกระทรวงการคลังจะเป็นผู้นำหลักการเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการกระตุ้นเศรษฐกิจ 

นายพิชัยระบุว่า วิธีทำไม่ยาก ยืนยันว่าสิทธิของกลุ่มผู้มีอายุมากกว่า 60 ปีไม่ซ้ำซ้อนกับกลุ่มเปราะบาง

ส่วนงบประมาณนั้น นายพิชัย ระบุว่า ในกลุ่มนี้มีไม่กี่ล้านคน

ผู้สื่อข่าวถามว่าแสดงว่าจะมีการ จ่ายเงิน 10,000 บาท ในเฟส 2 และเฟส 3 ใช่หรือไม่ นายพิชัยยอมรับว่า ใช่ เพราะต้องมีการพิจารณาตามความเหมาะสม ความจำเป็น และรูปแบบ 

นายพิชัยกล่าวว่า แน่นอนว่าดิจิทัลกับการจ่ายเงินสดให้กับกลุ่มเปราะบาง เป็นการช่วยเหลือ 2 ทางคือ 1.เพื่อให้ประชาชนสามารถมีช่องทางการติดต่อกับรัฐบาลได้อย่างถาวร ซึ่งโปรแกรม และแพลตฟอร์ม ดังกล่าวต้องค่อยๆ ทำ พัฒนาไปเรื่อย ๆ และ 2.เมื่อประชาชนคุ้นชินกับการใช้ดิจิทัลแล้ว จะเป็นช่องทางที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด ส่วนเรื่องที่จะใช้เครื่องมือตัวไหน แอปพลิเคชัน เช่น “เป๋าตังค์” ก็ถือว่า เป็นเพียงเครื่องมือ แต่สิ่งที่จะมีประสิทธิภาพ แล้วจำเป็นมากที่สุดคือ แพลตฟอร์มของรัฐ

ในช่วงท้าย ผู้สื่อข่าวยังถามถึงคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย ในการตั้งบอร์ดแบงก์ชาติได้รายงานผลการคัดเลือกประธานฯ มาหรือยัง นายพิชัย ระบุเพียงว่า “ยังไม่ทราบ ทราบแค่จากนักข่าว”

ต่างชาติ แห่ลงทุน Data Center ปีนี้กว่า 1.7 แสนล้าน หนุนไทยสู่ศูนย์กลางนวัตกรรมดิจิทัลของภูมิภาคอาเซียน

(14 พ.ย. 67) ‘รองโฆษกรัฐบาล’ เผย ต่างชาติเชื่อมั่น ลงทุนในกิจการ Data Center ในประเทศไทยต่อเนื่อง ล่าสุด BOI ไฟเขียว 2 โครงการใหญ่ มูลค่ากว่า 60,000 ล้านบาท รวมทั้งปี 47 โครงการ มูลค่าการลงทุนกว่า 1.73 แสนล้านบาท

เมื่อวันที่ 14 พ.ย. 67 เวลา 9.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ประเทศไทยกำลังเป็นเป้าหมายและยุทธศาสตร์สำคัญด้านการลงทุน Data Center และ Cloud Service อย่างต่อเนื่อง ข้อมูลของคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI)  พบว่าในรอบปีที่ผ่านมา มีโครงการลงทุนยื่นขอรับการส่งเสริมฯ ในกิจการ Data Center และ Cloud Service รวม 47 โครงการ มูลค่าลงทุนกว่า 173,000 ล้านบาท โดยเป็นการลงทุนจากบริษัทรายใหญ่ทั้งสัญชาติอเมริกัน ออสเตรเลีย จีน ฮ่องกง สิงคโปร์ ญี่ปุ่น อินเดีย และไทย 

จากข้อมูลล่าสุด BOI อนุมัติส่งเสริมการลงทุนกิจการ Data Center 2 โครงการใหญ่ มูลค่ารวมกว่า 60,000 ล้านบาท ประกอบด้วย บริษัท ควอตซ์ คอมพิวติ้ง จำกัด ในเครือ Alphabet Inc. (สหรัฐอเมริกา) ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ Google มูลค่าลงทุน 32,760 ล้านบาท เป็นการลงทุนตามแผนธุรกิจที่ Google ได้ประกาศระหว่างการพบนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2567 ว่าจะสร้าง Data Center และ Cloud Region แห่งใหม่ ในประเทศไทย ด้วยมูลค่าเงินลงทุนเฟสแรก 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยจะเป็นศูนย์ Data Center แห่งที่ 5 ในเอเชียของ Google ตั้งอยู่ที่จังหวัดชลบุรี มีแผนเปิดให้บริการในช่วงต้นปี 2570

และโครงการ Data Center ของบริษัท ดิจิทัลแลนด์ เซอร์วิสเซส ในเครือ GDS ซึ่งเป็นผู้ให้บริการ Data Center ชั้นนำระดับโลก ที่ให้บริการทั้งในประเทศจีนและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีมูลค่าลงทุน 28,000 ล้านบาท โดยโครงการใหม่ในประเทศไทย ตั้งอยู่ที่จังหวัดชลบุรี มีแผนเปิดให้บริการในปี 2569

นางสาวศศิกานต์กล่าวว่า จากนโยบายเชิงรุกของรัฐบาล ที่ส่งเสริมด้าน Cloud First Policy ช่วยกระตุ้นให้ภาครัฐและองค์กรต่าง ๆ ใช้เทคโนโลยี Cloud ส่งผลให้ตลาด Data Center ในไทยขยายตัวมากขึ้น ตอกย้ำการพัฒนาก้าวสู่รัฐบาลดิจิทัล อีกทั้งจากผลประโยชน์จากการลงทุนที่เพิ่มขึ้น เป็นการสร้างความเชื่อมั่นและเสริมความแข็งแกร่งด้านโครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัลของประเทศไทย และเป็นการเปิดโอกาสให้กับอุตสาหกรรมอื่น ๆ เพิ่มเม็ดเงินในหลายมิติ ทั้งภาคการผลิต การค้า และการท่องเที่ยว อีกทั้งยังช่วยขับเคลื่อนประเทศไทยสู่การเป็น Digital Innovation Hub ของภูมิภาคอาเซียนด้วย

ปตท. ประกาศผล การประกวด Spark the Local 2024 by PTT ทีม นิสิตจุฬาฯ ‘Samui Sigma’ คว้าแชมป์จากไอศกรีมกะทิพรีเมียม แห่งเกาะสมุย

กว่า 5 เดือนกับการเฟ้นหาคนรุ่นใหม่ ที่มีใจรักในการพัฒนาสินค้าชุมชน ประเภทอาหารแปรรูป กับการประกวด Spark the Local 2024 by PTT ปั้นให้ปัง...จุดพลังให้สินค้าชุมชน ภายใต้ธีม 'ปรับปรุง แปลงโฉม ปั้นแบรนด์' มีผลงานส่งเข้าร่วมการประกวดกว่า 300 ผลงาน และได้มีการคัดเลือกอย่างเข้มข้นจนเหลือ 5 ทีมสุดท้าย ที่ได้มาจัดแสดงผลิตภัณฑ์และนำเสนอต่อหน้าคณะกรรมการในงานร้านเด็ดแฟร์ 6 ณ สยามสแควร์ เมื่อวันเสาร์ที่ 9 พฤศจิกายน 2567  

ในการแข่งขันรอบ Final ได้รับเกียรติจากคณะกรรมการกูรูผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาสินค้าชุมชน ได้แก่ คุณวรุตม์สุรางค์ ธรรมอารี ผู้จัดการฝ่ายกิจการเพื่อสังคม บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) อาจารย์ขาบ - สุทธิพงษ์ สุริยะ Food Stylist ผู้ออกแบบแนวคิด “นำ Local สู่ เลอค่า” คุณตั้ม -  นิพนธ์ พิลา เกษตรกรดีไซเนอร์ ผู้ก่อตั้งวิสาหกิจชุมชนพิลาฟาร์มสตูดิโอ คุณมยุรา ปรารถนาเปลี่ยน ผู้จัดการแผนกออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์ สถาบันอาหาร และ คุณซ้อบรีม - ศิริพร มัจฉิม ผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดใน TikTok ที่มีผู้ติดตามกว่า 1.2 ล้าน  

ผลการประกวด ปรากฏว่า ทีม Samui Sigma นิสิตจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้รับรางวัลชนะเลิศ รับเงินรางวัล 100,000 บาท โดยได้เลือกเอาผลิตภัณฑ์ไอศกรีมกะทิ จากวิสาหกิจชุมชนกลุ่มแปรรูปผลิตภัณฑ์มะพร้าวสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี มาปรับปรุงเป็นไอศกรีมกะทิพรีเมียมแบบถ้วย ภายใต้ชื่อแบรนด์ Creamui ที่สะท้อนเอกลักษณ์ของเกาะสมุย หรือ อัญมณีอ่าวไทย  

รางวัลรองชนะเลิศ อันดับ 1 - ทีม KOS นักศึกษาจากสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบังรับเงินรางวัล 70,000 บาท โดยได้เลือกพัฒนาผลิตภัณฑ์ คอมบูชาจากใบขลู่ จากวิสาหกิจชุมชนเกษตรอินทรีย์ควนเนียงสวนลุงจิม จังหวัดสงขลา  

รางวัลรองชนะเลิศ อันดับ 2 - ทีม NAGOYASH นักศึกษาจากมหาวิทยาลัยขอนแก่น รับเงินรางวัล 50,000 บาท โดยได้เลือกพัฒนาผลิตภัณฑ์ POP RICE ขนมข้าวพองอบกรอบ แบรนด์ นาโกย๊าช จากวิสาหกิจชุมชนกลุ่มข้าวอินทรีย์เป็นสุขนาโก จังหวัดกาฬสินธุ์  

รางวัลชมเชย รับเงินรางวัลทีมละ 10,000 บาท  ได้แก่ ทีม สาธุ นักศึกษาจากมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ กับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ ชาหน่อกะลาปรุงสำเร็จ แบรนด์ Koh Chá จากวิสาหกิจชุมชนชาวเกาะเกร็ด จังหวัดนนทบุรี และ ทีม หมายจันทร์ นิสิตจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ร่วมพัฒนาผลิตภัณฑ์ กัมมี่มะปี๊ด แบรนด์ CHAMY จาก วิสาหกิจชุมชนสภากาแฟฅนจันทบูร จังหวัดจันทบุรี (แบรนด์ Rabbit Chan)  

ขอแสดงความยินดีกับทุกทีมอีกครั้ง ทั้งหมดนี้คือพลังของคนรุ่นใหม่ ที่จะช่วยขับเคลื่อนและเป็นพลังใหักับชุมชน โดย ปตท. พร้อมที่จะเป็นอีกแรงสนับสนุนเพื่อร่วมสร้างสังคมไทยที่แข็งแรงและยั่งยืนตลอดไป  

LITE

15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2476 ประเทศไทย จัดเลือกตั้ง สส.เป็นครั้งแรก เป็นการเลือกตั้งทางอ้อมครั้งแรก และครั้งเดียว

15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2476 ประเทศไทยจัดให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นครั้งแรก ซึ่งเป็นการเลือกตั้งทางอ้อมครั้งแรก และครั้งเดียวของไทย โดยเป็นการเลือกผู้แทนตำบลก่อน แล้วให้ผู้แทนตำบลเลือกผู้แทนราษฎรอีกทีหนึ่ง

การเลือกตั้งครั้งนี้ เกิดขึ้นหลังเหตุการณ์กบฏบวรเดชยุติ รัฐบาลโดยนายกรัฐมนตรี นายพันเอกพระยาพหลพลพยุหเสนา แถลงต่อสภาในวันที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2476 ว่าได้ปราบกบฏเสร็จสิ้นบ้านเมืองสงบแล้ว จึงสมควรจำเป็นต้องมีการเลือกตั้งเกิดขึ้น

การเลือกตั้ง สส.ในปี 2476 นี้ นับเป็นการเลือกตั้งทั่วไปครั้งแรก เกิดขึ้นในตอนที่ประเทศไทยยังใช้ชื่อว่า สยาม ครั้งนั้น ประเทศไทยมีทั้งสิ้น 70 จังหวัด เป็นอัตราส่วนที่คิดจำนวนประชากรไม่สูงมาก เนื่องจากขณะนั้น ประชากรทั้งประเทศของสยามยังไม่ถึง 18 ล้านคน

มีการเลือกตั้งผู้แทนได้จังหวัดละ 1 คน ยกเว้นจังหวัดพระนคร (จังหวัดในอดีตของไทย ช่วงปี 2408-2515 ก่อนรวมกับจังหวัดธนบุรี เป็นกรุงเทพมหานคร) และจังหวัดอุบลราชธานี สามารถเลือกผู้แทนได้ 3 คน ส่วน จังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดมหาสารคาม จังหวัดร้อยเอ็ด และจังหวัดนครราชสีมา เลือกผู้แทนได้ 2 คน มีผู้แทนจากการแต่งตั้งอีก 78 คน รวมแล้วได้ 156 คน

การเลือกตั้งครั้งแรก มีผู้มีสิทธิออกเสียงทั้งหมด 4,278,231 คน
มีผู้ออกมาใช้สิทธิ 1,773,532 คน คิดเป็นร้อยละ 41.5
จังหวัดที่มีผู้ไปใช้สิทธิมากที่สุด คือจังหวัดเพชรบุรี คิดเป็นร้อยละ 78.82
จังหวัดที่มีผู้ออกไปใช้สิทธิน้อยที่สุด คือจังหวัดแม่ฮ่องสอน คิดเป็นร้อยละ 17.71

หลังการเลือกตั้ง ได้มีการจัดตั้งคณะรัฐบาลขึ้นมาใหม่ โดยเสียงส่วนใหญ่เลือกเอา พระยาพหลพลพยุหเสนา เป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่ง (สมัยที่ 2)

14 พฤศจิกายน ของทุกปี วันพระบิดาแห่งฝนหลวง น้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ ร.9

สืบเนื่องจากพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เสด็จเยี่ยมราษฎรในภาคตะวันออกเฉียงเหนือเมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2498 พระองค์ทรงพบว่าราษฎรได้รับความเดือดร้อนจากปัญหาน้ำท่วมและฝนแล้ง ทำให้ทรงมีพระราชดำริในการแก้ปัญหาความทุกข์ร้อนของราษฎรอย่างฉับพลันในขณะนั้นว่า "สมควรที่จะสร้างฝายหรือเขื่อนขนาดเล็ก และอ่างเก็บน้ำจำนวนมากขวางทางน้ำ เพื่อป้องกันหรือลดความรุนแรงการไหลบ่าของน้ำ และกักเก็บน้ำไว้ในฤดูแล้งซึ่งเป็นการบรรเทาสภาวะแห้งแล้งได้ทางหนึ่ง" ที่สำคัญทรงเกิดประกายความคิดด้วยความมั่นพระราชหฤทัยว่าน่าจะนำกระบวนการทางวิทยาศาสตร์มาช่วยให้เกิดฝนได้ และน่าจะมีวิธีการที่จะรวมเมฆที่กระจายอยู่ในท้องฟ้า ไปรวมตัวกันเกิดเป็นฝนตกลงสู่พื้นที่แห้งแล้ง

จาก พ.ศ. 2498 เป็นต้นมา พระองค์ทรงศึกษาค้นคว้าและวิจัยทางเอกสาร ทั้งด้านวิชาการอุตุนิยมวิทยาและการดัดแปรสภาพอากาศ เมื่อทรงมั่นพระราชหฤทัยแล้ว ทรงพระราชทานแนวคิดนี้แก่หม่อมราชวงศ์เทพฤทธิ์ เทวกุล ผู้เชี่ยวชาญในการวิจัยสิ่งประดิษฐ์ทางด้านเกษตรวิศวกรรมของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในขณะนั้น และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ทำการทดลองปฏิบัติการจริงในท้องฟ้าเป็นครั้งแรก เมื่อวันที่ 1 – 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2512 โดยใช้พื้นที่บนอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่เป็นพื้นที่ทดลองโดยทดลองหยอดก้อนน้ำแข็งแห้งขนาดไม่เกิน 1 ลูกบาศก์นิ้ว เข้าไปในยอดเมฆสูงไม่เกิน 10,000 ฟุต ที่ลอยกระจัดกระจายอยู่เหนือพื้นที่ทดลอง ทำให้กลุ่มเมฆทดลองมีการเปลี่ยนแปลงทางฟิสิกส์ของเมฆทำให้เกิดการกลั่นรวมตัวกันอย่างหนาแน่น และต่อยอดสูงขึ้นเป็นเมฆฝนขนาดใหญ่ในเวลาอันรวดเร็ว และจากการติดตามผล ก็ได้รับรายงานว่าเกิดฝนตกลงสู่พื้นที่บริเวณวนอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ในที่สุด การทดลองดังกล่าวจึงเป็นนิมิตหมายที่ดีที่บ่งชี้ให้เห็นว่าการบังคับเมฆให้เกิดฝนเป็นสิ่งที่เป็นไปได้ และความสำเร็จดังกล่าวยังส่งผลให้มีการพัฒนา ปรับปรุง และต่อยอดโครงการฝนหลวงเรื่อยมา 

จากการที่ทรงศึกษาค้นคว้า ทรงทดลองทางวิทยาศาสตร์ และปฏิบัติการทำฝนที่ประสบความสำเร็จมาโดยลำดับ โดยทรงประดิษฐ์คิดค้นเทคโนโลยีในการทำฝนเบื้องต้น และทรงบัญญัติคำศัพท์ การทำฝน 3 ขั้นตอน เพื่อให้ง่ายต่อความเข้าใจและการสื่อสารคือ 'ก่อกวน เลี้ยงอ้วน และโจมตี' โดยเฉพาะเทคนิคการโจมตีให้ฝนตกลงสู่พื้นที่เป้าหมายอย่างแม่นยำ และเพิ่มปริมาณฝนตกให้สูงขึ้น โปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้เรียกว่า เทคนิคการโจมตีแบบแซนด์วิช (SANDWICH) และพระราชทานให้ใช้เป็นเทคโนโลยีการทำฝนตั้งแต่ พ.ศ. 2516 เป็นต้นมา

พ.ศ. 2542 ได้เกิดสภาวะแห้งแล้งรุนแรงต่อพื้นที่เกษตรกรรม และราษฎรในท้องถิ่นทุรกันดารขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภค ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จัดส่งคณะปฏิบัติการฝนหลวงกู้ภัยแล้ง โดยในการปฏิบัติการนี้ ทรงพัฒนาเทคนิคการโจมตีที่เรียกว่า 'เทคนิคการโจมตี แบบ SUPER SANDWICH' อันเป็นนวัตกรรมใหม่ที่พระราชทานให้ใช้เป็นเทคโนโลยีฝนหลวงที่สามารถกู้ภัยแล้งให้คืนสู่สภาวะปกติได้อย่างทันท่วงที จึงเป็นการพัฒนาเทคโนโลยีฝนหลวงให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้นอีกระดับหนึ่ง และพระราชทานให้ใช้เป็น 'ตำราฝนหลวงพระราชทาน' ตั้งแต่วันที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2542 เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน

กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะที่เป็นองค์กรที่ได้ดำเนินงานโครงการพระราชดำริฝนหลวงมาตั้งแต่เริ่มแรกโครงการได้เสนอให้วันที่ 14 พฤศจิกายนของทุกปีเป็น 'วันพระบิดาแห่งฝนหลวง' ในการประชุมคณะรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี ได้มีมติเห็นชอบเมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2545

ด้วยพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ที่ทรงคิดค้น วิจัย และพัฒนาเทคโนโลยีฝนหลวงจนประสบผลสำเร็จสามารถช่วยเหลือประชาชนให้รอดพ้นจากภัยแล้งและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้จนถึงปัจจุบัน

‘ฟิล์ม รัฐภูมิ’ ยอมรับอ้างชื่อ ‘หนุ่ม กรรชัย’ จริง แต่ถูกตัดต่อ แจงปมเรียกเงิน 20 ล้าน ยัน! แค่อยากได้งานพีอาร์เท่านั้น

(13 พ.ย. 67) ‘ฟิล์ม รัฐภูมิ’ ยอมรับทำผิดจริง ปมอ้างชื่อ หนุ่ม กรรชัย และรายการ โหนกระแสยันไม่เจตนาตบทรัพย์ เรียกเงิน 20 ล้าน เป็นเพียงค่าทำพีอาร์เท่านั้น

หลังจากที่ทาง หนุ่ม กรรชัย ออกมาเปิดคลิปเสียง ศิลปินชาย ร่วมมือนักร้องหญิง ตบทรัพย์ 20 ล้านบาท จนเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างหนักในขณะนี้ ซึ่งหลายคนก็ตั้งคำถามว่าศิลปินดังคนนั้นคือใคร สุดท้ายหวยไปออกที่ ฟิล์ม รัฐภูมิ โตคงทรัพย์ และเจ้าตัวก็รีบติดต่อรายการดังทางช่อง 8 เพื่อชี้แจงความจริงที่เกิดขึ้นทั้งหมดในทันที ทั้งยืนยันว่าเป็นเสียงของตนจริง แต่ถูกตัดต่อให้เข้าใจผิดว่าเป็นการเรียกเงิน 20 ล้านบาท

ฟิล์ม รัฐภูมิ ติดต่อไปที่รายการ คนดังนั่งเคลียร์เพื่อที่จะออกมาชี้แจงถึงประเด็นที่มีเสียงตัวเองโผล่อยู่ในคลิปเสียงตบทรัพย์ 20 ล้าน โดยเจ้าตัวเผยว่า ได้รับการติดต่อให้ทำพีอาร์ให้กับทางดิไอคอนผ่าน คุณกฤษอนงค์ ตอนนั้นยังไม่เกิดคดีความขึ้น ตนอยู่ในสถานะของผู้ถูกจ้าง

โดยคนกลางกำหนดงบประมาณมาให้เองว่ามีงบ 20 ล้านบาท และจากที่ฟังเรื่องที่เขาเล่ามาตนก็ไม่ได้ตกใจอะไร ก็คิดว่าเป็นบริษัทที่ขายของเท่านั้น ไม่ได้ทราบว่า ดิไอคอนกรุ๊ป คืออะไร ตนมีหน้าที่แค่วางแพลนมาร์เก็ตติ้งเพื่อให้เขาได้ไปดีแคร์ตัวเองผ่านทางรายการโทรทัศน์เท่านั้น เพราะเขาอ้างว่ากำลังถูกสื่อและสังคมโจมตีอย่างหนัก

ส่วนประเด็นที่อ้างชื่อ หนุ่ม กรรชัย นั้น ศิลปินดัง ยอมรับว่าในเรื่องนี้ตนผิดจริง ๆ พิธีกรดังโทรศัพท์มาหาแล้วตั้งแต่เมื่อคืน (11 พ.ย. 67) ตนก็โดนด่าเหมือนที่พี่เขาด่าในรายการวันนี้เลย อยากจะขอโทษที่กล่าวอ้างไปแบบนั้นไม่ได้มีเจตนาทำให้เสียชื่อเสียง น้อมรับทุกสิ่งที่เขาต่อว่ามา และพร้อมจะปรับปรุงให้ดีขึ้น 

สาเหตุที่เอ่ยชื่อ หนุ่ม กรรชัย ไปแบบนั้น เพราะหลงเชื่อคนกลาง เพื่อต้องการจะขายงานของตัวเองให้ได้ แต่ท้ายที่สุดแล้วบริษัทดิไอคอนก็ไม่ได้ซื้องานของตน ตนไม่ได้รับเงินก้อนนี้ และไม่ทราบว่าใครได้งานนี้ไป ยืนยันว่าไม่ได้ตบทรัพย์หรือรีดทรัพย์ 20 ล้านตามที่คลิปเสียงถูกตัดต่อจนคนมองผิดไปแน่นอน ย้ำว่าเรื่องทุกอย่างเกิดขึ้นก่อนหน้าที่บริษัท ดิ ไอคอน กรุ๊ป จะถูกดำเนินคดี ถือว่าเป็นบทเรียนให้ต้องมีสติในการรับงานมากกว่านี้

PODCAST

ย้อนรอย ‘จอมขมังเวทย์’ ร่ายอาคม ลอบปลงพระชนม์เชื้อพระวงศ์ชั้นสูง | THE STATES TIMES Story EP.156

เรื่องเวทมนตร์ ไสยศาสตร์ อาคม ล้วนแต่เป็นความเชื่อที่อยู่คู่สังคมไทยมาช้านาน แม้ในปัจจุบันจะมีเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าล้ำสมัยมาก ๆ แล้ว แต่ความเชื่อในสิ่งที่มองไม่เห็น ก็ยังอยู่คู่คนไทยไม่จางหาย

ทั้งนี้ในอดีตประเทศของเรามี ‘กรมแพทยา’ ซึ่งคอยกำกับดูแลผู้ใช้จอมขมังเวทย์ คุณไสย และไต่สวนความผิดอันเนื่องมาจากการใช้เวทมนตร์ คาถา แต่สุดท้ายก็ถูกลดบทบาทและจางหายไปตามกาลเวลา

วันนี้ THE STATES TIMES Story มีเรื่องสนุกๆ เกี่ยวกับเวทมนตร์ คุณไสย และการใช้คุณไสย อาคมในการลอบปลงพระชนม์เชื้อพระวงศ์ชั้นสูง มีเกล็ดน่าสนใจมากมาย ไปฟังกัน…

เหตุใด? ‘รัชกาลที่ ๔’ ต้องการ ‘ปราสาทขอม’ | THE STATES TIMES Story EP.155

เมื่อไม่นานมานี้ ในโซเชียลมีเดียได้มีการเผยแพร่เรื่องราวประวัติศาสตร์เกี่ยวกับ ‘พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว’ รัชกาลที่ ๔ และปราสาทนครวัดจำลองในพื้นที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม 

ซึ่งปราสาทจำลององค์นี้ ล้นเกล้ารัชกาลที่ ๔ มีพระราชบัญชาให้ขุนนางได้จำลองมาไว้ ซึ่งเกี่ยวกับเรื่องของการรื้อถอนปราสาทหินจากเขมรเพื่อนำมาไว้ในสยาม แต่ข้อมูลที่แชร์ในโซเชียลนั้นไม่บอกไว้ว่า เหตุใดล้นเกล้ารัชกาลที่ ๔ ถึงต้องรื้อปราสาทหินมาไว้ในพระนคร มีก็เพียงแต่ต้องการที่จะให้ชาวพระนครได้ชมปราสาทหินเขมร ซึ่งมันคือ ‘เรื่องปลายทาง’

วันนี้ THE STATES TIMES Story จึงอาสามาเล่าถึงเหตุผลจริง ๆ ของการจำลองปราสาทหินจากเขมร เรื่องราวจะสนุกขนาดไหน ไปฟังกัน…

เมนู ‘เกาเหลา’ วาระใหญ่แห่งสยาม ถึงขั้นตั้ง ‘เจ้ากรมเกาเหลาจีน’ ดูแลเฉพาะ | THE STATES TIMES Story EP.154 

หากพูดคำว่า 'เกาเหลา' เชื่อว่าหลายคนจะนึกถึงอาหารเป็นอย่างแรก เพราะเกาเหลาเป็นอาหารที่อยู่คู่คนไทยมานาน อาหารชนิดนี้มีผักและเนื้อสัตว์ต่าง ๆ เป็นองค์ประกอบหลัก และไม่มีเส้น (ไม่มีก๋วยเตี๋ยว) ด้วยเหตุนี้ทำให้ถูกหยิบไปใช้ในเชิงเปรียบเปรยถึงการไม่ลงรอย และมีความขัดแย้งระหว่างคนสองคนนั่นเอง

แต่จริง ๆ แล้วคำว่า 'เกาเหลา' มีที่มาและประวัติที่น่าทึ่ง เรียกได้ว่า ต้องก่อตั้ง 'กรม' ขึ้นมาดูแลโดยเฉพาะเลยทีเดียว

วันนี้ THE STATES TIMES STORY ขออาสาเล่าประวัติที่มา ที่ไปของ 'เกาเหลา' ให้ทุกท่านได้รับฟัง หากพร้อมแล้ว ไปเริ่มฟังกันเลย

VIDEO

ป้าหมาย ‘ท่องเที่ยวไทยเชิงคุณภาพ’ ผ่านมุมมอง ‘วีระศักดิ์ โควสุรัตน์’ | CONTRIBUTOR EP.30

เมืองไทยมีดี มีจุดขายที่งดงามในภาคการท่องเที่ยว แต่จะพอใจเพียงเท่านี้ พอใจเพียงจำนวนนักท่องเที่ยวและรายได้ลูกเดียว อาจจะไม่ยั่งยืน

มิติใหม่ของการท่องเที่ยวไทย ต้องปรับประยุกต์ เพื่อสร้างการท่องเที่ยวเชิงคุณภาพ
กระตุ้นให้เกิดความหลากหลายในแต่ละเขตแดน เมือง จังหวัด ที่มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง

แต่สิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นได้ ต้องร้อยห่วงโซ่ของ ‘ความยิ้มแย้ม-ความยืดหยุ่น-ไม่หย่อนยาน’ 
รวมถึงปรับแนวทางสู่ความยั่งยืน ด้วยการพัฒนาระบบการท่องเที่ยวใต้วิธีคิดที่ทันโลก

เพราะนี่คือวาระสำคัญของอนาคตการท่องเที่ยวไทยในวันข้างหน้า 
ในวันที่ ‘หินก้อนใหญ่’ ยังกดทับ ‘หญ้าสีเขียว’ ในบางพื้นที่อยู่

ปลดล็อกร่างทอง ‘ท่องเที่ยวไทยเชิงคุณภาพ’ ไปด้วยกันกับ Contributor EP นี้ กับผู้ที่เข้าใจระบบนิเวศการท่องเที่ยวยั่งยืนแบบถ่องแท้ได้จาก... คุณวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ สมาชิกวุฒิสภา รองประธานกรรมาธิการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา

ถึงเวลาสร้าง ‘ไทย’ ให้เติบใหญ่ในยุคดิจิทัล l รศ.ดร.ดนุวัศ สาคริก

ความ ‘เท่า’ ที่ยากจะ ‘เทียม’ หากระบบการศึกษาไทยยังย่ำอยู่กับที่และทิศทางไทยยังคงหลงอยู่กับนโยบาย

ประชานิยมที่คอยกระตุกกระตุ้นเศรษฐกิจได้เพียงแค่ครั้งคราว

กลับกันประเทศไทย ในวันที่เริ่มตั้งตัว ต้องหาทางตั้งทรงแบบยกแผงต้องแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นที่จะผลักดันอนาคตชาติเริ่มตั้งแต่การปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานของประเทศในทุกภาคส่วนระบบการเมือง เศรษฐกิจ การศึกษา และอื่นๆ ให้เกิดรากอันแข็งแกร่ง เพื่อเป็นฐานรองรับให้ ‘คนในชาติ’ กลายเป็นบุคลากรที่มีคุณภาพ

Contributor EP นี้ ขอกระตุกมุมคิดคนไทยให้ร่วมมองความเจริญแห่งอนาคตที่ถูกทิศผ่านมุมคิดของ... 
รศ.ดร.ดนุวัศ สาคริก รองคณบดีฝ่ายวิชาการ คณะรัฐประศาสนศาสตร์ สถาบันบัณฑิต พัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) NIDA ที่ขอเป็นตัวแทนพูดดังๆ ถึงทุกภาคส่วน ว่า…

ถึงเวลาแล้วที่ ‘ประเทศไทย’ ต้องปฏิรูป!!

ผู้พิทักษ์ ‘สันติ’ ราษฎร์ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ | CONTRIBUTOR EP.28

ค่านิยม ‘ท้าทาย’ กฎหมายของคนในยุคนี้ ยุคที่ใคร ‘แหก’ กฎได้มากเท่าไร ก็จะยิ่งยกย่องกันแบบผิดๆ ว่า 'เจ๋ง' และดูเก่งในสายตากลุ่มก้อนความคิดเดียวกัน ... เริ่มลุกลาม!!

แต่เมื่อ 'กฎหมาย' คือ กฎที่คนส่วนใหญ่ ทำตาม!!

ผู้ใด 'ท้าทาย' ก็ต้องพร้อมรับผิดชอบในทุกการกระทำ

และนี่คือเรื่องราวของอีกหนึ่งผู้บังคับใช้กฎหมาย ที่อยากฝากบอกถึง 'นักแหกกฎ' ให้ปลดความคิดสุดระห่ำออกไปจากระบบคิด และจงเชื่อเถอะว่าชีวิตของพวกคุณจะไม่มีวันถูกหล่อเลี้ยงได้อย่างยั่งยืนผ่านคำยกย่องผิดๆ

พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการสำนักงานกฎหมายและคดี 

ผู้พิทักษ์ ‘สันติ’ ราษฎร์

Y WORLD

ซักด่วน !!! ใช้ผ้าขนหนูเกิน 3 วัน เหมือนเช็ดตัวด้วยโถส้วม !!! | Y WORLD EP.75

Y WORLD ตอนนี้ แค่หัวข้อก็อึ้งกันแล้วค่ะ แค่ไม่ได้ซักผ้าขนหนู 3 วัน ก็สกปรกขนาดนี้เลยหรอ ? ส่งผลอย่างไรบ้าง และควรแก้ยังไง คลิปนี้มีคำตอบค่ะ 

‘Roman Charity’ ภาพวาดที่ไม่ได้ลามก แต่คือความกตัญญู | Y WORLD EP.74

Y WORLD ตอนนี้พาคุณไปชมภาพวาดหญิงสาวกำลังป้อน ‘นม’ ของตัวเองให้ชายชรา ที่บอกเลยว่า 'เห็นครั้งแรก ก็คิดดีไม่ได้จริงๆ' แต่แท้จริงแล้ว ภาพนี้ไม่ได้เป็นสื่อลามกอนาจาร แต่คือการแสดงความกตัญญู เรื่องราวจะเป็นอย่างไรนั้น ไปติดตามชมกันได้เลยค่ะ

ปลิดชีพ "ชาย" ขู่ฆ่า "โจ ไบเดน" แม้ไม่มี112 | Y WORLD EP.73

Y WORLD ตอนนี้จะพาคุณไปฟังเรื่องราวการ "ปกป้องผู้นำ" ของตนขั้นสุดแบบสหรัฐอเมริกา ในกรณีที่ FBI ปลิดชีพ 'ชาย’ ขู่ฆ่า 'โจ ไบเดน' แม้สหรัฐอเมริกาจะไม่มีกฎหมายมาตรา 112 แบบประเทศไทย แต่ก็ต้องยอมรับว่า หากใครมาหมิ่นหรือคิดร้ายผู้นำในประเทศของเขา โดนดีทันที เรื่องราวจะเป็นอย่างไร ไปรับชมกันเลย

SPECIAL

ธรรมะประจำวันอาทิตย์ที่ 10 พฤศจิกายน 2567 : ‘ทำไม? ต้องเวียนว่ายตายเกิด’

จากช่องติ๊กต็อก @dhamma_tv ได้เผยแพร่คำสอนเรื่อง ‘ทำไม? ต้องเวียนว่ายตายเกิด’ จากรายการ ‘ธรรมะทำไม’ โดย ‘พระครูศรีปริยัติวิสุทธิ์ (หลวงพ่อโกวิท)’ รองเจ้าคณะจังหวัดนครราชสีมา เจ้าอาวาสวัดด่านใน

คำถาม : ถ้าพูดถึงกัลยาณมิตรหมายถึงครูบาอาจารย์ใช่หรือไม่ครับ 

พระครูศรีปริยัติวิสุทธิ์  (หลวงพ่อโกวิท) : ครูบาอาจารย์ ถือว่าเป็น ยอดกัลยาณมิตร

ไม่ใช่เพียงแค่กัลยาณมิตรธรรมดา ๆ เท่านั้น เพราะท่านมีปัญญามากกว่า และมักจะคอยแนะนําแต่ในสิ่งที่ดีแก่เรา

ไม่เพียงเท่านั้น ท่านยังจะปกป้องเราด้วย ดังคําตรัสของพระพุทธเจ้า เกี่ยวกับเรื่องครูบาอาจารย์ ว่า นอกจากสั่งสอนศิษย์ให้เป็นคนดีแล้ว ยังป้องกันศิษย์ในทิศทั้ง 4 ด้วย 

ลองสังเกตดูว่า เวลาเราไปไหน แล้วประกาศตนว่า เป็นลูกศิษย์ใคร ก็จะได้รับการต้อนรับอีกแบบหนึ่งเลย แสดงให้เห็นว่าครูบาอาจารย์ จะป้องกันศิษย์ในทิศทั้ง 4 นั่นหมายความว่า เมื่อเดินทางไปไหน ก็จะพบความสุข ประสบความสําเร็จ ดังนั้น กัลยาณมิตรจึงถือว่าเป็นสุดยอดแห่งสิ่งที่เราปรารถนา

ธรรมะประจำวันอาทิตย์ที่ 3 พฤศจิกายน 2567 : คนที่อยากเจริญ ต้องอยู่ให้ไกลจาก คนพาล ควรคบค้าแต่ คนดี หรือ บัณฑิต ถือเป็นมงคลชีวิตของคนเรา

จากช่องติ๊กต็อก @dhamma_tv ได้เผยแพร่คำสอนเรื่อง ‘ทำไม? ต้องเวียนว่ายตายเกิด’ จากรายการ ‘ธรรมะทำไม’ โดย ‘พระครูศรีปริยัติวิสุทธิ์ (หลวงพ่อโกวิท)’ รองเจ้าคณะจังหวัดนครราชสีมา เจ้าอาวาสวัดด่านใน

คำถาม : หลวงพ่อมักจะแนะนําทุกคนให้อธิษฐานว่าให้เจอกัลยาณมิตรที่ดี เป็นเพราะอะไร

พระครูศรีปริยัติวิสุทธิ์  (หลวงพ่อโกวิท) : การได้เจอคนดีถือเป็นมงคลข้อที่สอง ต่อจากเว้นคนชั่วในมงคล 38  ประการ ซึ่งพระพุทธเจ้าตรัสว่า อยากจะเจริญเรื่องแรกควรเว้นคนชั่ว ก็คือไม่คบคนพาล คนที่ไม่ดีทั้งหลาย

การสังเกตคนพาล ดูได้จากลักษณะง่าย ๆ คนที่คิดก็คิดแต่ชั่ว ๆ พูดก็พูดแต่เรื่องชั่ว ๆ พูดดีไม่เป็น พูดยังไงก็ได้ให้บาดหูคนอื่น กระแทกกระทั้นคนอื่น นี่เป็นคนพาล ทําเรื่องดีไม่เป็น

ยกตัวอย่าง การจอดรถ ไม่เอื้อเฟื้อใครเลย จอดคนเดียวคร่อม 3 ช่อง แบบนี้ก็คือเข้าลักษณะพาล ไม่ใช่คนดี

ส่วนคนดี หรือ พระพุทธเจ้า เรียกว่าบัณฑิตนั้น มักจะคิดอะไรก็จะคิดแต่เรื่องดี ๆ คิดเผื่อคนอื่น เช่นว่า การจอดรถแบบนี้มันคร่อมเลน ก็ขยับไปอีกหน่อย หรือไม่จอดในที่มีป้ายวีลแชร์ของคนพิการแบบนี้เป็นต้น ก็ไม่จอด

สิ่งเหล่านี้ บัณฑิต มักจะคิดได้ แต่คนพาลจะไม่สนใจเอาแค่ความสะดวกสบายส่วนตัวเท่านั้น

ธรรมะประจำวันอาทิตย์ที่ 27 ตุลาคม 2567 : ‘ทำไม? ต้องเวียนว่ายตายเกิด’

จากช่องติ๊กต็อก @dhamma_tv ได้เผยแพร่คำสอนเรื่อง ‘ทำไม? ต้องเวียนว่ายตายเกิด’ จากรายการ ‘ธรรมะทำไม’ โดย ‘พระครูศรีปริยัติวิสุทธิ์ (หลวงพ่อโกวิท)’ รองเจ้าคณะจังหวัดนครราชสีมา เจ้าอาวาสวัดด่านใน

คำถาม : ไม่ได้ใส่บาตรด้วยอาหารหวานคาว แต่ทำบุญด้วยปัจจัยวันละ 20 บาท จะได้บุญหรือไม่

พระครูศรีปริยัติวิสุทธิ์  (หลวงพ่อโกวิท) : ได้บุญอยู่แล้ว เพราะว่าจิตที่ตั้งใจถวายนั้น มาจากจิตที่ดี จิตที่เอื้อเฟื้อเห็นประโยชน์ อย่าไปยึดติดตรงจํานวนให้ถือเอาเจตนาความตั้งใจว่า เพื่อความอนุเคราะห์พระภิกษุ สามเณร

เรื่องนี้ก็มีการถกกันในวงกว้างพอสมควรในเรื่องถวายปัจจัยพระใส่บาตรพระ ว่าเป็นบาปหรือไม่ บางท่านก็บอกว่าเป็นบาป บางท่านก็บอกว่าไม่เป็น ซึ่งเรื่องนี้ก็คงจะต้องถกกันไปอีกนาน แต่อยากให้สังคมรับทราบว่า ผู้ที่มาบวชพระเพื่อศึกษาเล่าเรียนพระปริยัติธรรมนั้น ไม่ได้มาจากครอบครัวร่ำรวย แต่มาจากคนชั้นกลางกับคนจน และหลาย ๆ ที่จบการศึกษาในระดับสูง ๆ นั้น ก็ล้วนแต่มาจากพระผู้น้อย-เณรผู้น้อยทั้งนั้น แล้วที่อยู่ได้ก็เพราะโยมใส่บาตร 10 บาท 20 บาท นั่นเอง

และท่านก็ไม่ได้รับมาเพื่อสร้างความร่ำรวย และท่านก็ไม่ได้บวช เพื่อจะบรรลุพระอรหันต์วันนี้พรุ่งนี้ แต่ท่านก็ปฏิบัติธรรมปฏิบัติ รักษาพระวินัย ตามคําสอนของพระพุทธเจ้า ซึ่งท่านก็ได้นำปัจจัยนั้นไปใช้ในสิ่งที่เป็นประโยชน์ เป็นค่าพาหนะ ยารักษาโรคยามเจ็บป่วยเป็นต้น

ฉะนั้น ท่านผู้ฟังทั้งหลายที่มีความเป็นกลางขอให้เข้าใจในบริบทของสังคมว่าเราอยู่กันได้เป็นสังคมเป็นปึกแผ่นมาจากความอุปถัมภ์ของอุบาสกอุบาสิกา ญาติโยมถวายเท่านี้ ก็ถือเป็นบุญของโยมและเป็นสิ่งที่ดีแล้ว

INFO & TOON

รู้หรือไม่!! สื่อใดที่ครองตลาดมากที่สุดของปี 2024

(14 พ.ย. 67) ในปี 2024 การแย่งสัดส่วนการครองตลาดของพื้นที่สื่อของแพลตฟอร์มต่าง ๆ ยังคงมีอยู่อย่างดุเดือด และยังคงเป็นยุคที่ผู้ชมต่างให้ความสนใจแพลตฟอร์มที่นำเสนอเนื้อหาที่สามารถปรับให้เป็นส่วนตัวและหลากหลายมากยิ่งขึ้น 

ตามข้อมูลจาก Brand Finance พบว่า Google ยังคงเป็นผู้นำของกลุ่ม ด้วยมูลค่าแบรนด์ที่สูงถึง 333 พันล้านเหรียญ ซึ่งโตจากปี 2023 ที่อยู่ที่ระดับ 281 พันล้านเหรียญ ซึ่งเป็นการยืนยันสถานะของ Google ในฐานะผู้นำอุตสาหกรรมสื่อ ด้วยระบบการใช้งานของผลิตภัณฑ์และบริการที่ครอบคลุมทั่วโลก

ตามมาด้วย TikTok แพลตปอร์มสัญชาติจีนซึ่งมีมูลค่าที่ 84.2 พันล้านดอลลาร์ ความนิยมและความสามารถในการสร้างความผูกพันกับผู้ใช้ทั่วโลกช่วยให้ TikTok เป็นแบรนด์สื่อที่มีมูลค่าสูงสุดเป็นอันดับสอง แสดงให้เห็นถึงความนิยมที่เพิ่มขึ้นของเนื้อหาวิดีโอสั้น ส่วนอันดับสามยังคงเป็นของ Facebook ที่โตจากปี 2023 มาอยู่ที่ระดับ 76 พันล้านเหรียญ

ในขณะเดียวกัน Instagram ก็เป็นหนึ่งในแบรนด์สื่อที่มีอันดับสูง และได้ก้าวเข้ามาอยู่อันดับที่ 4 จากปีที่แล้วที่อยู่ที่อันดับ 6 โดย Instagram มีการเติบโตของมูลค่าแบรนด์อย่างน่าทึ่งที่ 49% จนมีมูลค่าถึง 70 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งการเติบโตนี้สะท้อนถึงบทบาทการพัฒนาของ Instagram ในฐานะผู้เล่นหลักในสื่อสังคมออนไลน์ โดยเฉพาะการดึงดูดผู้ชมกลุ่มวัยรุ่นและการเน้นที่เนื้อหาภาพ

การเพิ่มขึ้นของมูลค่าแบรนด์ในกลุ่มนี้แสดงให้เห็นถึงความหมายของคำว่า “สื่อ” ที่เปลี่ยนไปในยุคดิจิทัล แพลตฟอร์มเนื้อหาที่ผู้ใช้สร้างขึ้น เช่น Google, TikTok และ Instagram ยังคงปรับโฉมอุตสาหกรรมสื่อด้วยการเปิดโอกาสให้ผู้ใช้สามารถสร้างและแบ่งปันเนื้อหา ซึ่งตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคสื่อในปัจจุบันได้อย่างลึกซึ้ง การเปลี่ยนแปลงนี้สะท้อนแนวโน้มกว้างขึ้น เมื่อผู้บริโภคสื่อมองหาแพลตฟอร์มที่มอบการโต้ตอบ การปรับแต่งส่วนตัว และเนื้อหาที่หลากหลายค่ะ โดยทั้ง 10 อันดับของปี 2024 เป็นไปตามนี้ค่ะ 

Blackrock คือใคร และถือหุ้นอะไรบ้าง

BlackRock ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1988 โดยกลุ่มผู้บริหารที่มีประสบการณ์ในแวดวงการเงิน 8 คน ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ Larry Fink ซึ่งปัจจุบันเขายังคงดำรงตำแหน่ง CEO ของบริษัท BlackRock และเขาได้มีบทบาทสำคัญในการทำให้บริษัทเติบโตจนกลายเป็นบริษัทจัดการสินทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีมูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การจัดการหรือ AUM ณ ปี ค.ศ. 2024 มากกว่า 11.5 ล้านล้านดอลลาร์ โดยสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่นครนิวยอร์ก และมีการดำเนินงานทั่วโลกด้วยเครือข่ายสำนักงานกว่า 70 แห่งใน 30 ประเทศ

ในปี 1999 BlackRock ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก (NYSE) ภายใต้สัญลักษณ์ “BLK” โดยผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดในปัจจุบันคือ The Vanguard Group ที่ถือหุ้นเป็นสัดส่วน 9.08%  นอกจากนี้ Blackrock เองยังได้ไล่ซื้อกิจการของอีกหลายบริษัททั้ง SSRM Holdings, Inc. จาก MetLife ด้วยมูลค่า 325 ล้านดอลลาร์สหรัฐในรูปของเงินสด และ 50 ล้านดอลลาร์ในรูปของหุ้น ควบรวมกับแผนกบริหารการลงทุนของ Merrill Lynch (MLIM) และอีกหลายต่อหลายดีลค่ะ

โดย Blackrock เองได้เข้าถือหุ้นหลายบริษัทชั้นนำทั้งในสหรัฐและนอกสหรัฐ และ 10 บริษัทแรกที่ BlackRock เข้าไปถือหุ้นเยอะสุด ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2024 จะประกอบไปด้วย
1. Microsoft Corporation โดยถือเป็นสัดส่วน 5.6%
2. Nvidia Corporation โดยถือเป็นสัดส่วน 5.2%
3. Apple Inc. โดยถือเป็นสัดส่วน 5.0%
4. Alphabet Inc. (Google) โดยถือเป็นสัดส่วน 3.2%
5. Amazon.com Inc. โดยถือเป็นสัดส่วน 2.9%
6. Meta Platforms, Inc. (Facebook)โดยถือเป็นสัดส่วน 1.8%
7. iShares (BlackRock's own ETF products) โดยถือเป็นสัดส่วน 1.5%
8. Eli Lilly and Co. โดยถือเป็นสัดส่วน 1.4%
9. Broadcom Inc. โดยถือเป็นสัดส่วน 1.2%
10. Berkshire Hathaway Inc. โดยถือเป็นสัดส่วน 1.2%

ด้วยกลยุทธ์การเข้าซื้อกิจการและการลงทุนในบริษัทชั้นนำ BlackRock ไม่ได้มุ่งเน้นแค่ผลตอบแทน แต่ยังให้ความสำคัญกับความยั่งยืนในระยะยาว ทั้งการลงทุนในพลังงานสะอาดและเทคโนโลยีที่ส่งเสริมการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม จึงไม่แปลกเลยค่ะที่บริษัทนี้จะเติบโตขึ้นยิ่งใหญ่และมั่นคงค่ะ

ย้อนมอง GDP สหรัฐฯ ภายใต้ 10 ประธานาธิบดีสหรัฐฯ

ใกล้ถึงกำหนดวันเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา เข้าไปทุกขณะ ซึ่งในครั้งนี้เป็นการแข่งกันระหว่าง ‘โดนัลด์ ทรัมป์’ จากรีพับลิกัน และ ‘กมลา แฮร์ริส’ จากเดโมแครต ใครจะเป็นฝ่ายได้ชัยชนะอีกไม่กี่วันคงได้รู้กัน แต่วันนี้ลองไปย้อนดูผลงานของอดีตผู้นำสหรัฐฯ 10 คน ก่อนหน้านี้ ว่าเศรษฐกิจแต่ช่วงของสหรัฐฯ นั้นเติบโตหรือถดถอยอย่างไรบ้าง

COLUMNIST

‘วันคนโสด 11.11.‘ มหกรรมขายของออนไลน์แดนมังกร สู่แคมเปญใหญ่ที่ขยายไปเกือบทุกประเทศทั่วโลก

เทศกาล 11.11 หรือเทศกาลวันคนโสด วันที่ 11 พฤศจิกายน (11.11) เริ่มต้นขึ้นที่บริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Alibaba ในประเทศจีน โดยบริษัทได้พัฒนาจนกลายมาเป็นวันหยุดช้อปปิ้งระดับโลก ซึ่งเทียบได้กับกิจกรรมอย่าง Black Friday และ Cyber Monday ในสหรัฐอเมริกา เทศกาลนี้เริ่มจากกิจกรรมภายในประเทศและขยายอิทธิพลทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว โดยยอดขายที่เพิ่มขึ้นทุกปี และเทศกาลนี้ยิ่งใหญ่ขนาดไหนเราไปดูกันค่ะ

• ด้านตัวเลขยอดขายที่สูงลิ่ว
ในปี 2023 Alibaba และ JD.com สองยักษ์ใหญ่ด้านอีคอมเมิร์ซของจีนรายงานการเติบโตของยอดขายในวันคนโสด 11.11 แม้ว่าจะไม่มีการเปิดเผยตัวเลขอย่างเป็นทางการก็ตาม เป็นปีที่สองติดต่อกันที่ทั้งสองบริษัทเลือกที่จะไม่เปิดเผยยอดขายในงานนี้ แต่ข้อมูลจาก Syntun ผู้ให้บริการด้านข้อมูลระบุว่า มูลค่าสินค้ารวม (GMV) บนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซหลักๆ ในช่วงวันคนโสด 2023 เพิ่มขึ้น 2.08% เป็นประมาณ 1.14 ล้านล้านหยวน (หรือประมาณ 156.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) 

ส่วนในปี 2022 ยอดขายของ Alibaba เองสามารถทำยอดขายไปได้สูงถึง 84.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งโตมากเมื่อเทียบกับยอดขายของ Prime Day ของ Amazon ที่ทำยอดขายไปได้เพียง 12.7 พันล้านเหรียญสหรัฐ

• ด้านการมีส่วนร่วมที่เพิ่มขึ้นของแบรนด์ต่างประเทศ

ในปี 2023 Alibaba รายงานว่ามีแบรนด์จากทั่วโลกเข้าร่วมในวัน 11.11 กว่า 290,000 แบรนด์ โดยแบรนด์ระดับนานาชาติใหญ่ๆ อย่าง Apple, Nike และ L’Oreal ได้เสนอส่วนลดพิเศษ โดยแบรนด์จากสหรัฐฯ มีการเข้าร่วมสูงมาก โดยคิดเป็นประมาณ 15% ของยอดขายทั้งหมดในช่วง 11.11 ซึ่งได้รับแรงหนุนจากโครงสร้างพื้นฐานด้านอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดนที่ทำให้ผู้บริโภคทั่วโลกสามารถเข้าถึงสินค้าต่างประเทศได้ง่ายขึ้น

• ด้านผลกระทบต่อซัพพลายเชนและโลจิสติกส์

ความต้องการสูงสุดในวัน 11.11 กดดันให้ซัพพลายเชนและระบบโลจิสติกส์ทำงานได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ โดย Cainiao ซึ่งเป็นฝ่ายโลจิสติกส์ของ Alibaba รายงานการจัดการพัสดุจำนวนมากในช่วงสองสัปดาห์หลังจากวัน 11.11 ในปี 2023 และนำเทคโนโลยีอัตโนมัติและ AI มาใช้เพื่อรับมือกับความต้องการสูงสุดนี้

• ด้านพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป

ในปี 2023 ความสนใจของผู้บริโภคเปลี่ยนไปสู่ความยั่งยืนมากขึ้น โดยการสำรวจของ Nielsen พบว่า 43% ของผู้ช้อปปิ้งในช่วงวัน 11.11 เลือกซื้อจากแบรนด์ที่แสดงถึงความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม

• ด้านการเข้าถึงทั่วโลกและการขยายตัว

แม้ 11.11 เริ่มต้นจากประเทศจีนแต่ได้กลายเป็นที่นิยมทั่วเอเชีย ยุโรป และอเมริกาเหนือ โดยเฉพาะในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แพลตฟอร์ม Lazada รายงานว่ายอดขายเพิ่มขึ้น 75% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ซึ่งได้รับแรงหนุนจากประชากรที่อายุน้อยและการเติบโตของการช้อปปิ้งผ่านมือถือ

ด้านยุโรปเอง การช้อปปิ้งออนไลน์ในวัน 11.11 เติบโตขึ้น 18% ในปี 2023 เมื่อแพลตฟอร์มอย่าง AliExpress และร้านค้าท้องถิ่นเสนอข้อเสนอที่หลากหลาย ทำให้เป็นวันที่สำคัญในปฏิทินการช้อปปิ้งในช่วงเทศกาลนอกสหรัฐอเมริกาค่ะ

เปิดประวัติ ว่าที่ประธานาธิบดี ‘Donald Trump’ ชีวิตส่วนตัว!! ในมุมที่ไม่มีใครเคยรู้

(9 พ.ย. 67) 10 ข้อเท็จจริงที่ใครอาจจะไม่รู้เกี่ยวกับว่าที่ประธานาธิบดี Donald Trump

1. ชื่อเล่นวัยเด็ก : ในวัยเด็ก โดนัลด์ ทรัมป์ มีชื่อเล่นว่า ‘ดอนนี่; แม้ในปัจจุบันเขาจะไม่ค่อยถูกใครเรียกด้วยชื่อนี้แล้วก็ตาม 

2. ดาวบนฮอลลีวูดวอล์คออฟเฟม : บทบาทของเขาในรายการ The Apprentice และ Celebrity Apprentice ทำให้เขาเป็นที่รู้จักและทำให้ภาพลักษณ์ของเขาที่ดูเป็นนักธุรกิจที่เก่งกาจ จนทำให้ทรัมป์ได้รับดาวบนฮอลลีวูดวอล์คออฟเฟมในปี 2007 จากบทบาทในรายการ แต่ดาวของเขามักถูกทำลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่เขาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี นอกจากนั้นแล้วทรัมป์เคยปรากฏตัวในภาพยนตร์และรายการทีวีหลายรายการในฐานะตัวเขาเอง การปรากฏตัวที่มีชื่อเสียงของเขารวมถึง Home Alone 2: Lost in New York, The Fresh Prince of Bel-Air, และ Sex and the City อีกด้วย

3. ทรัมป์และเกียรติยศในวงการมวยปล้ำ : ทรัมป์เคยปรากฏตัวใน WWE (เวิลด์เรสลิงเอนเตอร์เทนเมนต์) และขึ้นสังเวียนใน WrestleMania 23 ในปี 2007 เขา ‘ต่อสู้’ กับวินซ์ แม็กมาฮอน ซีอีโอของ WWE ในศึก ‘Battle of the Billionaires’ ซึ่งตัวแทนของทรัมป์เป็นผู้ชนะ ทำให้เขาโกนหัวแม็กมาฮอน

4. ความชอบในอาหารฟาสต์ฟู้ด : แม้จะมีความมั่งคั่ง แต่ทรัมป์กลับชอบรับประทานอาหารฟาสต์ฟู้ด เช่น แมคโดนัลด์ เขาเคยบอกว่าเขาไว้ใจในอาหารเหล่านี้ เพราะมาตรฐานความสะอาดและความสม่ำเสมอของแบรนด์

5. ไม่ดื่มแอลกอฮอล์ : ทรัมป์ไม่เคยดื่มแอลกอฮอล์เลยในชีวิต ซึ่งเป็นการให้เกียรติแก่เฟร็ด ทรัมป์ จูเนียร์ พี่ชายที่ต่อสู้กับการติดแอลกอฮอล์ก่อนที่จะเสียชีวิต

6. จบการศึกษาจากวอร์ตัน : ทรัมป์เรียนที่ Wharton School of Finance ที่มหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย และจบการศึกษาในสาขาเศรษฐศาสตร์ โดยเขาย้ายไปที่นั่นหลังจากเรียนที่มหาวิทยาลัยฟอร์ดแฮมเป็นเวลา 2 ปี เพราะ Wharton เป็นที่รู้จักในด้านชื่อเสียงที่แข็งแกร่งในหลักสูตรธุรกิจและการเงิน

7. ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีมายาวนานที่สุด : ทรัมป์เคยคิดจะลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีตั้งแต่ทศวรรษ 1980 หลังจากที่ใช้เวลาหลายสิบปีในการคิดสุดท้ายเขาลงสมัครอย่างเป็นทางการในปี 2016 และได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีสหรัฐคนที่ 45 และทรัมป์เคยเปลี่ยนพรรคการเมืองหลายครั้ง เขาเคยเป็นสมาชิกพรรคเดโมแครตในช่วงต้นทศวรรษ 2000 เข้าร่วมพรรครีฟอร์มในปี 2000 แต่ถอนตัวออกไป และสุดท้ายเปลี่ยนมาอยู่กับพรรครีพับลิกันจนได้ลงสมัครและชนะการเลือกตั้งในปี 2016

8. ประธานาธิบดีคนแรกที่ไม่มีประสบการณ์ด้านการทหารหรือการเมือง : ทรัมป์ทำลายสถิติด้วยการเป็นประธานาธิบดีคนแรกที่ไม่เคยมีประสบการณ์ในด้านทหารหรือการเมืองมาก่อน โดยพื้นฐานของเขาคือการเป็นนักธุรกิจและสื่อบันเทิง

9. ถูกถอดถอนออกจากตำแหน่งสองครั้ง : ทรัมป์เป็นประธานาธิบดีสหรัฐคนแรกที่ถูกถอดถอนออกจากตำแหน่งสองครั้ง สภาผู้แทนราษฎรถอดถอนเขาครั้งแรกในปี 2019 และอีกครั้งในปี 2021 ทั้งสองครั้ง แต่วุฒิสภายกฟ้องเขา ทำให้เขาสามารถดำรงตำแหน่งได้จนครบวาระ

10. ความฝันในการเป็นเจ้าของทีมฟุตบอล : ทรัมป์เคยพยายามเป็นเจ้าของทีม NFL โดยเขาเคยลงทุนในลีก USFL (ยูไนเต็ดสเตทฟุตบอลลีก) และหวังจะรวมลีกกับ NFL แต่ลีกดังกล่าวล้มเหลวก่อนที่จะเกิดขึ้น

‘พระยาประดิพัทธภูบาล’ ข้าราชการผู้ภักดี พระยายืนชิงช้าคนสุดท้าย ผู้ริเริ่มสารพันในสยาม

"พวกเกล้ากระหม่อมเป็นจีน ได้พระเจ้าแผ่นดินในพระราชวงศ์จักรีชุบเลี้ยง พระราชทานนามสกุล สุขสบายกันอยู่ในประเทศไทย ก็จะขอตอบแทนพระคุณในครั้งนี้ มันจะฆ่า ก็ไม่เสียดายชีวิต” 

ประโยคสำคัญจาก “มหาอำมาตย์ตรีพระยาประดิพัทธภูบาล” (คอยู่เหล ณ ระนอง) เมื่อครั้งที่ได้มาขอตามเสด็จฯ “สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต” หลังจากที่พระองค์ทรงได้รับการปล่อยตัวจากคณะราษฎร โดยมีเงื่อนไขว่าพระองค์ต้องเสด็จฯ ออกจากสยาม ซึ่ง ณ ขณะนั้นพระองค์ยังไม่ทรงทราบว่าจะเสด็จฯ ไป ณ ที่ใด พระยาประดิพัทธฯ จึงได้ทูลกับพระองค์ว่า "ขอตามเสด็จฯ  จะขอพาไปอยู่บ้านของตระกูล ณ ระนอง ที่ปีนัง” โดยกรมพระนครสวรรค์วรพินิต ทรงตอบว่า "ทางคณะราษฎรประกาศว่า ใครมาติดต่อสนิทสนมกับพวกตระกูลบริพัตร จะถูกจับกุม ไต่สวนปลดออกจากตำแหน่งราชการ เจ้าคุณอย่ามากับฉันเลย” 

พระยาประดิพัทธฯ เป็นข้าราชการอีก ๑ ท่านที่แสดงให้เห็นชัดถึงความจงรักภักดี ไม่มีความเกรงกลัวคณะราษฎร ด้วยการเข้าเยี่ยมทูลกระหม่อมบริพัตรฯ อย่างสม่ำเสมอระหว่างที่พระองค์ถูกจับเป็นองค์ประกันของคณะราษฎร จนเมื่อพระองค์ได้รับการปล่อยตัว ก็ทูลฯ เชิญกรมพระนครสวรรค์วรพินิต ไปพักอยู่บ้านของตระกูล ณ ระนอง ที่ปีนังจนได้ โดยพระองค์ไปประทับอยู่ในช่วงระยะเวลาหนึ่ง ก่อนที่จะย้ายไปประทับอยู่ที่บันดุง ประเทศอินโดนีเซียในเวลาต่อมา นอกจากเข้าเฝ้าฯ และทูลเชิญเสด็จฯ กรมพระนครสวรรค์วรพินิตแล้วนั้น พระยาประดิพัทธฯ ยังเดินทางไปเข้าเฝ้า ฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพที่วัง หลังจากทราบข่าวว่าคณะราษฎรปล่อยตัวออกมา ทั้งยังไปเข้าเฝ้าฯ เจ้านายอีกหลายต่อหลายพระองค์ 

“มหาอำมาตย์ตรีพระยาประดิพัทธภูบาล” (คอยู่เหล ณ ระนอง) เป็นบุตรของ “พระยาดำรงสุจริตมหิศรภักดี” (คอซิมก๊อง ณ ระนอง) ผู้ว่าราชการเมืองระนอง และสมุหเทศาภิบาลมณฑลชุมพร เป็นหลานของ “พระยาดำรงสุจริตมหิศรภักดี” (คอซู้เจียง ณ ระนอง) ชาวจีนฮกเกี้ยนที่อพยพเข้ามาในประเทศไทยเมื่อปลายรัชกาลที่ ๓ ต้นสกุล ณ ระนอง “พระยาประดิพัทธภูบาล” เกิดที่เกาะปีนัง ได้ถวายตัวเป็นมหาดเล็กในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ ตั้งแต่ยังเด็ก จนเมื่อโตขึ้นพอจะสามารถศึกษาต่อ จึงได้กราบถวายบังคมลาไปศึกษาวิชากฎหมายที่ประเทศอังกฤษ โดยท่านเป็นคนไทยคนที่ ๒ ที่ได้เป็นเนติบัณฑิตอังกฤษ ก่อนจะกลับมารับราชการสนองพระเดชพระคุณล้นเกล้ารัชกาลที่ ๕ โดยเริ่มจากเป็นล่ามกิตติมศักดิ์ประจำสถานทูตลอนดอน ก่อนจะกลับมารับราชการในกระทรวงต่างประเทศ ทำหน้าที่สำคัญในฐานะผู้อำนวยการงานเสด็จฯ เยี่ยมเกาะลังกา จากนั้นได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตามเสด็จฯ ไปยังยุโรปด้วยเป็นพิเศษในที่ “หลวงสุนทรโกษา” ได้ติดตามเสด็จพระพุทธเจ้าหลวง และพระบรมวงศานุวงศ์ ในราชการต่างประเทศเกือบทั่วโลก สามารถใช้ภาษาได้หลากหลายทั้ง ภาษาอังกฤษ มลายู และภาษาจีน 

ด้วยความรู้ด้านภาษา ทั้งยังจบเนติบัณฑิตจากอังกฤษ ทำให้เมื่อครั้งเกิดกรณีพิพาทระหว่างไทยกับฝรั่งเศสปี พ.ศ. ๒๔๓๖ ในคดี “พระยอดเมืองขวาง” จึงได้รับการแต่งตั้งเป็นอัยการ เพื่อร่วมว่าความในฐานะทนายแผ่นดิน  

ในรัชสมัยของ “พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว” รัชกาลที่ ๖ “พระยาประดิพัทธฯ ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งกงสุลใหญ่ประจำสิงคโปร์ ปีนัง สหพันธรัฐมลายา ซึ่งท่านเป็นคนไทยคนแรกที่ได้ปฏิบัติหน้าที่นี้ ซ่งท่านก็ได้รับหน้าที่ทั้งยังประสานงานทั่วทิศ ทั้งในส่วนของรัฐต่าง ๆ ทั้งกลันตัน ตรังกานู ที่เคยอยู่ในอาณัติของสยาม นอกจากดูแลความสัมพันธ์ระหว่างประเทศแล้ว ท่านยังเชื่อมต่อการค้าขาย ก่อให้เกิดเศรษฐกิจอันดีต่อภาคใต้ของสยามเรื่อยมา 

ต่อมาในรัชสมัย ของ“พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว” รัชกาลที่ ๗ เมื่อท่านได้กลับมารับราชการในสยาม ท่านได้รับเกียรติให้เป็น “พระยายืนชิงช้า” ในพระราชพิธีตรียัมปวายในปี พ.ศ.๒๔๗๔ ซึ่งเป็นพระยายืนชิงช้าคนสุดท้ายแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ เหตุเพราะรัชกาลที่ ๗ ทรงโปรดเกล้าฯ ให้ยกเลิกพระราชประเพณีนี้ เพราะในขณะนั้นสภาพบ้านเมืองประสบกับภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ และการจัดพิธีนี้ในแต่ละครั้งก็ต้องใช้เงินเป็นจำนวนมาก ซึ่งประเทศจำเป็นต้องประหยัดงบประมาณแผ่นดิน จึงทรงเห็นสมควรให้ยกเลิกพระราชพิธีตรียัมปวาย "โล้ชิงช้า" ตั้งแต่นั้น ตราบจนปัจจุบัน 

นอกจากเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับพระราชวงศ์แล้ว ชื่อของ “มหาอำมาตย์ตรีพระยาประดิพัทธภูบาล” (คอยู่เหล ณ ระนอง) ยังปรากฏไปอีกหลายแห่ง สืบเนื่องจากคุณงามความดีที่ท่านได้กระทำไว้ ซึ่งผมขอยกมาเล่าให้อ่านกันเพลิน ๆ โดยสังเขปดังนี้ 

ถนน “ประดิพัทธ์” ถนนที่มีความยาวประมาณ ๑.๘ กิโลเมตร เชื่อมต่อระหว่างถนนพหลโยธินตรงแยกสะพานควายไปยังถนนพระรามที่ ๖ ตรงแยกสะพานแดง เนื่องจากในสมัยรัชกาลที่ ๖ มีการขยายกิจการของกรมทหารและกิจการของราชการขึ้นเป็นอย่างมาก ทำให้กรมกองต่าง ๆ ต้องออกมาตั้งที่ทำการในบริเวณทุ่งสะพานควายและใกล้เคียง แต่ถนนที่จะเชื่อมต่อถนนหลักกับถนนหลักนั้นยังไม่สามารถทำได้เนื่องจากที่ดินบางผืนมีเจ้าของและต้องทำการซื้อเพื่อเวนคืน เมื่อการณ์เป็นดังนี้ “พระยาประดิพัทธฯ” จึงได้มอบที่ดินส่วนตัวเป็นประเดิมเพื่อให้ใช้ตัดถนนเชื่อมต่อดังกล่าวให้เป็นสาธารณประโยชน์ ทางการจึงให้เกียรติโดยนำชื่อของท่านมาตั้งเป็นชื่อถนน เดิมถนนเส้นนี้ชื่อ “ถนนพระยาประดิพัทธ์” แต่กาลเวลาทำให้กร่อนไปเหลือแค่ราชทินนามของท่าน (แต่ในปี พ.ศ.๒๔๗๕ พื้นที่ถนนเส้นนี้กลับกลายเป็นที่รวมกำลังพลของคณะก่อการไปเสียฉิบ) 

นอกจากถนน “ประดิพัทธ์” แล้ว พระยาประดิพัทธฯ ได้มอบที่ดินจำนวน ๒๗ ไร่ ๒ งาน ๘ วา  เป็นโฉนดที่ดินที่ ๕๘๓๖ สาระบาญเล่มที่ ๕๙  น่าที่ ๓๖ ตั้งอยู่ในตำบลคลองเตย  อำเภอพระโขนง  จังหวัดพระประแดงนครเขื่อนขันธ์ ให้เป็นสาธารณประโยชน์ในช่วงปลายรัชสมัยของรัชกาลที่ ๖ ที่ได้ตัดเป็นถนน “สุนทรโกษา” เดิมถนนเส้นนี้มีชื่อเต็ม ๆ ว่าถนน “หลวงสุนทรโกษา” ซึ่งราชทินนามของท่านเมื่อแรกรับราชการ ปัจจุบันเป็นที่ตั้งของกรมศุลกากรในปัจจุบัน 

ที่ดินผืนนี้ในบริเวณใกล้กันยังได้ตัดเป็นทางเชื่อมแยก ที่เรียกกันว่าห้าแยก “ณ ระนอง” และถนน ณ ระนอง ซึ่งมีที่มาจากนามสกุลของท่าน โดยทั้งห้าแยกและถนนนี้อยู่ในพื้นที่คลองเตยเชื่อมต่อระหว่างถนนรัชดาภิเษก ถนนพระรามที่ ๓ ถนนสุนทรโกษา และถนน ณ ระนอง 

ที่สำคัญที่ดินผืนนี้ปัจจุบันนอกจากถนนที่ตัดผ่านและแยกดังกล่าวแล้วยังเป็นที่ตั้งของ “โรงเรียนพระหฤทัยคอนแวนต์” อีกด้วย 

“สวนสนประดิพัทธ์” ชื่อชายหาดแห่งนี้อาจจะไม่ได้เกี่ยวกับท่านโดยตรง เนื่องจากเป็นชื่อที่มาจาก “พันธุ์ต้นสน” ที่ท่านได้นำเข้ามาปลูกซึ่ง “สนประดิพัทธ์” นี้ เป็นสนใน “วงศ์สนทะเล” อันมีถิ่นกำเนิดในเกาะชวาและหมู่เกาะซุนดาน้อย ประเทศอินโดนีเซีย เหตุที่นำมาปลูกนั้นนอกจากความสวยงามแล้ว “ราก” ของสนพันธุ์นี้ เป็นปมคล้ายกับพืชตระกูลถั่ว ซึ่งช่วยเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ให้กับดิน โดยการตรึงไนโตรเจนเช่นเดียวกับพืชตระกูลถั่ว อีกทั้งยังพบว่ามีเส้นใยขนาดเล็กมากมายภายในปม และจุลินทรีย์เจริญเติบโตได้ดีในสภาพแวดล้อมที่มีออกซิเจนตํ่าทำให้สามารถปลูกอื่น ๆ แซมได้ โดยมีสนปกคลุมในฐานะพืชยืนต้น ลดการพังทลายของดินและดินถล่ม ไม่แปลกที่ตลอดหาดในอำเภอหัวหินจะมีทิวสนประดิพัทธ์ปลูกตลอดแนวของชายหาด ก็เพื่อป้องกันการพังทลายของดินนั่นเอง

นอกจาก “สนประดิพัทธ์” แล้ว “พระยาประดิพัทธภูบาล” ยังเป็นผู้นำ “ปาล์มน้ำมัน” อีกหนึ่งพืชเศรษฐกิจสำคัญของประเทศไทยเข้ามาริเริ่มปลูกขึ้นในที่สถานีทดลองยางคอหงส์ จังหวัดสงขลา และที่สถานีกสิกรรมพลิ้ว จังหวัดจันทบุรี โดยแรกเริ่มนั้นนำมาปลูกในฐานะพืชประดับเพื่อความสวยงาม จนกระทั่งประเทศใกล้เคียงอย่างมาเลเซียมีการปลูกปาล์มเป็นพืชเศรษฐกิจอย่างได้ผล ทางไทยจึงได้เริ่มศึกษาอย่างจริงจัง และเห็นว่าทางภาคใต้มีภูมิอากาศคล้ายคลึงกับทางมาเลเซีย ประกอบกับต้นปาล์มน้ำมันที่นำเข้ามาก่อนหน้าเจริญเติบโตดี จึงได้มีการส่งเสริมปลูกเป็นพืชเศรษฐกิจอย่างจริงจังในปี พ.ศ. ๒๕๑๑ โดยเริ่มที่นิคมสร้างตนเองพัฒนาภาคใต้ จังหวัดสตูล พื้นที่ประมาณ 20,000 ไร่ เป็นที่แรก 

มีข้อสังเกตว่าตระกูล “ณ ระนอง” ของท่าน “มหาอำมาตย์ตรีพระยาประดิพัทธภูบาล” (คอยู่เหล ณ ระนอง) นับเป็นตระกูลนักบุกเบิก ริเริ่ม ตัวจริง โดยเฉพาะการเพื่อต่อยอดด้านเศรษฐกิจ เช่น เป็นผู้บุกเบิกอุตสาหกรรมแร่ดีบุก ตระกูลแรกในประเทศไทย เป็นผู้ริเริ่มนำ “ยางพารา” มาปลูกในสยาม ฯลฯ ด้วยอาจจะเป็นเพราะตระกูลนี้มีความตั้งใจ มีความขยันหมั่นเพียรเป็นที่ตั้ง จึงทำให้การงานรุ่งเรืองขึ้นได้อย่างเด่นชัดแม่จะเริ่มต้นตระกูลจากการเป็น “กรรมกร” ก่อนจะผันตัวมาเป็นพ่อค้าก็ตาม อีกทั้งยังเป็นตระกูลที่มีความสำนึกในบุญคุณแผ่นดิน มีความจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์และพระราชวงศ์เป็นอย่างยิ่ง จึงทำให้มีแต่ความเจริญอยู่ในตระกูลมาอย่างยาวนาน เฉกเช่นกับการแสดงถึงความจงรักภักดีของ “พระยาประดิพัทธภูบาล” ที่ไม่เกรงกลัวภัยใด ๆ จากคณะราษฎร ไม่ว่าจะเกิดขึ้นกับตนหรือคนในตระกูลก็ตาม ซึ่งตรงนี้สามารถยืนยันได้ด้วยบันทึกของ “พระองค์เจ้าอินทุรัตนาบริพัตร” พระธิดาของทูลกระหม่อมบริพัตรฯ ในเหตุทูลฯ เชิญเสด็จบ้าน ณ ระนอง ที่ปีนัง โดยทรงนิพนธ์ไว้ว่า

“สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต” ได้ทรงมีพระดำรัสต่อพระยาประดิพัทธฯ ว่า “เจ้าคุณมากับเรา แต่พวกลูกหลานในตระกูล ณ ระนอง ยังอยู่ในเมืองไทยกัน เขาจะลำบาก ถูกกลั่นแกล้ง” 

“พระยาประดิพัทธภูบาล” ท่านตอบว่า "ใต้ฝ่าพระบาทไม่ต้องเป็นห่วง เกล้ากระหม่อมก่อนจะมานี่ ได้เรียกพวกคนในตระกูล ณ ระนอง มาประชุมบอกแล้วว่าจะตามเสด็จฯ  แล้วถ้าเขาจะมาแกล้งก็ทนรับ เขาจะมาฆ่าก็ยอมตายกัน ตอบแทนผู้มีพระคุณ" 

“พระยาประดิพัทธภูบาล” ถึงแก้อนิจกรรมในสมัยรัชกาลที่ ๙ ด้วยอายุสิริรวม ๙๖ ปี ขอกราบคารวะท่านสักหนึ่งคำรบ นี่ละครับ !!! ข้าราชการผู้ภักดีจากตระกูล ณ ระนอง

WORLD

‘ผู้นำพรรคฝ่ายค้านญี่ปุ่น’ ถูกชาวเน็ตถล่มยับ หลังผุดไอเดียจับผู้หญิงตัดมดลูกทิ้ง ถ้าไม่ยอมมีลูกก่อนอายุ 30

(14 พ.ย. 67) ชาวเน็ตญี่ปุ่นจัดทัวร์กฐิน ผ้าป่า ทัวร์สารทิศไปจอดลงที่บ้านนายฮายากุตะ นาโอกิ ผู้นำพรรคอนุรักษ์นิยมแห่งญี่ปุ่น หนึ่งในพรรคฝ่ายค้านโดยพร้อมเพรียง เมื่อเขานำเสนอไอเดียสุดพิสดารผ่านรายการ News Asahi 8 o'clock! ทาง Youtube เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ในการแก้ปัญหาเด็กเกิดน้อยในญี่ปุ่นด้วยการกดดันให้ผู้หญิงรีบแต่งงาน และมีลูกให้ได้ก่อนอายุ 30 ไม่เช่นนั้น ก็จับไปตัดมดลูกทิ้งซะ 

ฮายากุตะ ได้กล่าวถึงสมมติฐานที่ว่าทำไมญี่ปุ่นถึงประสบปัญหาเด็กเกิดน้อยมาก อาจเป็นเพราะ ผู้หญิงญี่ปุ่นส่วนใหญ่คิดว่าพวกเธอมีเวลาเหลือเฟือจะมีลูกเมื่อไหร่ก็ได้ จึงไม่คิดที่จะรีบมีในขณะที่ยังอยู่ในวัยสาว ดังนั้นเขามีแนวคิดที่จะกดดันให้ผู้หญิงควรรีบมีลูก ก่อนที่จะไม่มีโอกาส ด้วยการจำกัดช่วงเวลาที่จะให้ผู้หญิงสามารถแต่งงาน หรือตั้งครรภ์ได้ 

อาทิเช่น หากเราแบนผู้หญิงที่อายุเกิน 18 ปี เข้าเรียนในมหาวิทยาลัย ห้ามผู้หญิงอายุเกิน 25 ปี มีสิทธิ์แต่งงาน หรือ หากผู้หญิงไม่มีลูกก่อนอายุ 30 ต้องถูกตัดมดลูกทิ้ง จะทำให้ผู้หญิงเริ่มตระหนักถึงช่วงเวลาจำกัดของตนในการวางแผนครอบครัว ที่จะเป็นตัวเร่งให้พวกเธอต้องรีบเรียน รีบแต่งงาน และมีลูกไวขึ้น ซึ่งฮายากุตะเชื่อว่า จะทำให้มีเด็กเกิดใหม่ในญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นได้ 

แต่เขายอมรับว่า ไอเดียเหล่านี้ เป็นเพียงจินตนาการในโลกนิยายวิทยาศาสตร์เท่านั้น ไม่อาจเกิดขึ้นจริงได้ 

เป็นการแสดงความเห็นแบบสุดโต่งที่ แม้แต่ อาริโมโตะ คาโอริ สมาชิกพรรคอาวุโส ที่ร่วมรายการด้วยกันยังท้วงติงว่าไม่เหมาะสม แม้จะอ้างว่าเป็นแค่เรื่องสมมติในนิยายก็ตาม แต่ทั้งนี้เขายืนยันว่าเป็นเพียงยกตัวอย่างเพื่ออธิบายให้ตระหนักถึงช่วงเวลาที่จำกัดของผู้หญิงในการมีลูกนั้นสั้นเพียงใด  

แต่คำแก้ตัวของหัวหน้าพรรคฝ่ายค้าน ไม่อาจยับยั้งคณะทัวร์จากสาวญี่ปุ่นทั่วประเทศ ที่ต่างออกมาตำหนิอย่างรุนแรงถึงการแสดงความเห็นผ่านสื่อออนไลน์เช่นนี้ เข้าข่ายเหยียดเพศ มีทัศนคติเชิงลบกับสตรี ไม่เข้ากับบริบทของสังคมปัจจุบัน แม้นาย ฮายากุตะ จะอ้างว่าเป็นเพียงเรื่องจินตนาการในนิยาย และตัวเขาเองก็เคยมีอาชีพเป็นนักเขียนนิยายมาก่อนที่จะมาเล่นการเมืองก็ตาม 

และล่าสุด นาย ฮายากุตะ นาโอกิ ต้องยอมออกมากล่าวขอโทษออกสื่อ จากความเห็นสาธารณะที่ได้กล่าวออกไปด้วยความคิดน้อยของเขา จนสร้างความไม่สบายใจในสังคม 

ฮายากุตะ นาโอกิ ถือเป็นนักการเมืองสายชาตินิยมขวาจัด โดยได้ตั้งพรรคอนุรักษ์นิยมแห่งญี่ปุ่น เพื่อต่อต้านพระราชบัญญัติส่งเสริมความหลากหลายทางเพศที่ได้ผ่านสภาในญี่ปุ่นเมื่อปี 2023  โดยพรรคมีนโยบายต่อต้านการเรียกร้องสิทธิ์ของกลุ่ม LGBT ในญี่ปุ่น หรือการรับชาวต่างชาติย้ายถิ่นเข้าประเทศ แล้วมักแสดงความเห็นเชิงเหยียดสตรี และ ชนกลุ่มน้อยทางเพศ ออกสื่ออยู่เสมอ นอกจากนี้ ฮายากุตะ ยังปฏิเสธข้อกล่าวหาเรื่องการสังหารหมู่ของกองทัพญี่ปุ่นในสงครามนานกิงเมื่อปี 1937 อีกด้วย  

นร.เกาหลีใต้กว่า 5 แสน เข้าสอบ'ซูนึง' เผยปีนี้เด็กสอบซิ่วเพียบ หลังคณะแพทย์รับนศ.เพิ่ม

(15 พ.ย. 67) จะเป็นวันสำคัญครั้งหนึ่งในชีวิตของบรรดานักเรียนชั้นมัธยมปลายในเกาหลีใต้ เนื่องจากถือเป็นวันสอบ “ซูนึง” (Suneung) หรือการสอบเข้ามหาวิทยาลัยของเกาหลีใต้ ถือว่าเป็นการสอบครั้งสำคัญที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตของบรรดาวัยรุ่นแดนโสมขาว

สำหรับการสอบซูนึงในปีนี้ ยอนฮับ รายงานว่า มีจำนวนผู้เข้าสอบซ้ำทำสถิติสูงสุด ส่วนหนึ่งมาจากการเพิ่มจำนวนรับนักศึกษาในคณะแพทยศาสตร์ของหลายสถาบัน

ในปีนี้มีนักเรียนเข้าสอบทั้งหมด 522,670 คน แบ่งเป็นนักเรียนระดับมัธยมปลายมีจำนวน 340,777 คน คิดเป็น 65.2 เปอร์เซ็นต์ของทั้งหมด ในขณะที่ผู้สำเร็จการศึกษาระดับมัธยมปลายแล้วเข้ามาสอบซ้ำ มีจำนวน 161,784 คน ซึ่งเป็นจำนวนสูงสุดตั้งแต่ปี 2003 

โดยผู้สำเร็จการศึกษาประมาณ 93,195 คน เชื่อว่าเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยปีหนึ่งที่ต้องการสอบใหม่เพื่อเข้ามหาวิทยาลัยที่ดีกว่าในปีหน้า ตามข้อมูลจาก Jongro Academy

จำนวนผู้สำเร็จการศึกษาที่เข้าสอบสูงเชื่อมโยงกับการเพิ่มจำนวนรับนักศึกษาในคณะแพทยศาสตร์ปีหน้า โดยมีโรงเรียนแพทย์ 39 แห่งทั่วประเทศที่จะรับนักศึกษา 4,610 คน ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีนี้ถึง 1,497 คน

การเพิ่มจำนวนดังกล่าวมาจากนโยบายของรัฐบาลประธานาธิบดียุน ซอก ยอล ที่ตัดสินใจเพิ่มตำแหน่งนักเรียนแพทย์ประมาณ 2,000 ตำแหน่งต่อปีในอีก 5 ปีข้างหน้า เพื่อแก้ปัญหาการขาดแคลนแพทย์ภายในประเทศ

การสอบ CSAT หรือ ซูนึง ถือเป็นเหตุการณ์ทางวิชาการที่สำคัญที่สุดของประเทศ เพราะการเข้ามหาวิทยาลัยชื่อดังถือเป็นเส้นทางสำคัญในการมีอาชีพที่ดี

รัฐบาลประกาศว่าจะไม่มีข้อสอบยากพิเศษหรือ "killer" questions ในการสอบปีนี้ตามนโยบายที่วางไว้

การสอบจะเริ่มตั้งแต่ 8:10 น. ถึง 17:45 น. โดยในช่วงเวลานี้ ทางการจะควบคุมเสียงรบกวนบริเวณสนามสอบ 1,282 แห่งทั่วประเทศ

ในช่วงการสอบฟังภาษาอังกฤษตั้งแต่ 13:05 น. ถึง 13:30 น. จะห้ามเครื่องบินขึ้นและลงจอดทั้งหมด โดยมีการปรับตารางบินของเครื่องบิน 156 ลำเพื่อให้เหมาะสม

เครื่องบินที่กำลังบินอยู่จะต้องรักษาระดับความสูงไม่ต่ำกว่า 3 กิโลเมตร ยกเว้นกรณีฉุกเฉิน และการฝึกซ้อมทางทหารที่ทำให้เกิดเสียงรบกวนจะถูกระงับชั่วคราว

รัฐบาลกรุงโซลประกาศขยายเวลาให้บริการรถไฟใต้ดินช่วงชั่วโมงเร่งด่วนตอนเช้าเป็น 6:00 น. ถึง 10:00 น. จากปกติ 7:00 น. ถึง 9:00 น. เพื่อช่วยให้นักเรียนเดินทางไปยังสนามสอบได้ทันเวลา

ตำรวจจะจัดกำลังเจ้าหน้าที่กว่า 10,000 นาย เพื่อดูแลการขนส่งเอกสารสอบไปยังสถานที่สอบและรักษาความสงบเรียบร้อยรอบโรงเรียน

เผยอีก 3 ปีไม่ต้องพึ่งมนุษย์ AI แปลได้หมดทุกภาษา

(14 พ.ย. 67) Unbabel เปิดตัวบริการแปลภาษาใหม่ Widn.AI ใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อก้าวเข้าสู่ตลาดแปลภาษาที่มีการแข่งขันสูง โดยซีอีโอของบริษัทเตือนว่าอีกเพียง 3 ปีข้างหน้า AI อาจพัฒนาได้ถึงขั้นที่ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาการแปลโดยมนุษย์อีกต่อไป

Widn.AI สร้างขึ้นจากโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLM) ที่บริษัทพัฒนาขึ้นเองในชื่อ Tower ซึ่งเป็นระบบ AI ที่คล้ายกับโมเดลเบื้องหลัง ChatGPT ของ OpenAI

วาสโก เปโดร ซีอีโอของ Unbabel ให้สัมภาษณ์กับ CNBC ว่า LLM ของบริษัททำให้ AI สามารถแปลได้ถึง 32 ภาษา แต่จากการตรวจสอบบนเว็บไซต์ของบริษัท บริการนี้ยังไม่รองรับภาษาไทย

เปโดรกล่าวว่า “เมื่อเราเริ่มก่อตั้ง Unbabel เมื่อ 10 ปีก่อน AI ยังไม่สามารถทำงานได้ถึงระดับนี้ เราจึงพัฒนาโซลูชันที่ผสานมนุษย์กับ AI … แต่ตอนนี้เป็นครั้งแรกที่เราเชื่อว่าการแปลภาษาอยู่ในขอบเขตที่ AI สามารถทำได้เต็มรูปแบบ โดยไม่ต้องพึ่งพามนุษย์”

ผลิตภัณฑ์เดิมของ Unbabel เคยใช้ระบบ Machine Learning ร่วมกับการตรวจสอบโดยมนุษย์เป็นขั้นตอนสุดท้าย อย่างไรก็ตาม เปโดรชี้ว่า Widn.AI นั้นไม่จำเป็นต้องใช้มนุษย์เข้ามาช่วยอีกต่อไป

“ผมคิดว่ามนุษย์ยังมีข้อได้เปรียบเล็กน้อยในกรณีการใช้งานที่ซับซ้อนมาก แต่นั่นเป็นข้อได้เปรียบที่เล็กน้อยจริง ๆ ยกเว้นในงานที่ยากและท้าทายอย่างมาก เราเชื่อว่า AI กำลังจะถึงจุดที่สามารถทำงานแทนมนุษย์ได้อย่างสมบูรณ์ และในอีก 3 ปีข้างหน้า ผมมองไม่เห็นว่าเราจะยังจำเป็นต้องใช้มนุษย์ในการแปลอีกต่อไป”

© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top