Monday, 19 May 2025
NEWS

รัฐบาลชะลอโครงการแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท เฟส 3 เล็งใช้งบ 1.57 แสนล้านไปพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานแทน

(19 พ.ค. 68) ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยมีรัฐมนตรีเศรษฐกิจและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม ซึ่งที่ประชุมเห็นพ้องให้ชะลอโครงการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาทเฟส 3 ไว้ก่อน พร้อมพิจารณานำงบประมาณ 157,000 ล้านบาทไปใช้ในโครงการที่มีความจำเป็นเร่งด่วนแทน

นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แถลงว่า งบประมาณที่ตั้งไว้จะนำไปพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ระบบน้ำอุปโภคบริโภค การเกษตร คมนาคม รถไฟความเร็วสูง และการส่งเสริมการท่องเที่ยว รวมถึงช่วยเหลือธุรกิจเอสเอ็มอีและสร้างงาน เพื่อเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของประเทศ

ทั้งนี้ ยืนยันว่าไม่ได้ชะลอเพราะงบไม่พอ แต่เป็นเพราะสถานการณ์เปลี่ยนไป มีข้อจำกัดมากขึ้น จึงต้องทบทวนการใช้งบให้เหมาะสม โดยยังไม่ตัดทิ้งโครงการดิจิทัลวอลเล็ต หากสถานการณ์เอื้ออำนวยในอนาคตก็สามารถนำกลับมาพิจารณาใหม่ได้

รัฐบาลย้ำว่าการตัดสินใจครั้งนี้มุ่งเน้นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า กระตุ้นการจ้างงาน และใช้จ่ายงบประมาณให้เกิดประโยชน์สูงสุด พร้อมตั้งคณะกรรมการกลั่นกรองและติดตามผลการใช้จ่ายงบประมาณอย่างใกล้ชิด

นายกฯ รับรายงานอินโดฯจับเรือประมงขนยาเสพติด ด้าน ศรชช. ยันเรือ 'Aungtoetoe99' ไม่ใช่เรือไทย

นายกฯ รับทราบรายงานเรือประมง ‘Aungtoetoe99’ โดนจับขนยาเสพติดที่อินโดฯ ศรชล. ยันไม่ใช่เรือไทย ย้ำรัฐบาลร่วมมือกับทุกประเทศจัดการกับผู้กระทำความผิดในทุกมิติ

(19 พ.ค. 68) นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศรชล.) ได้รับรายงานจาก พลเรือเอกจิรพล ว่องวิทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ ในฐานะรองผู้อำนวยการ ศรชล. และ พลเรือตรีจุมพล นาคบัว โฆษก ศรชล. ว่า ตามที่มีข่าวกองทัพเรืออินโดนีเซียจับกุมเรือประมงต่างชาติที่ลักลอบขนยาเสพติด จำนวน 1.9 ตัน ในเขตน่านน้ำอินโดนีเซีย ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศรชล.) ได้ประสานศูนย์ข่าวสารทางทะเล และศูนย์ปฏิบัติการกองทัพเรือ

โดยได้รับแจ้งจากสำนักงานผู้ช่วยทูตฝ่ายทหารอินโดนีเซียว่าเมื่อวันที่ 13 พ.ค. 68 กองทัพเรืออินโดนีเซีย ได้เข้าจับกุมเรือประมงต่างชาติชื่อ Aungtoetoe99 ตามข่าวสื่อมวลชนในอินโดนีเซีย รายงานข่าวอ้างว่าเป็นเรือประมงไทย ในเขตน่านน้ำ Salat Durian หมู่เกาะเรียวของประเทศอินโดนีเซีย และค้นพบยาเสพติด 1.9 ตัน มูลค่า 428 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (USD) และจับกุมผู้ควบคุมเรือ โดยกล่าวอ้างว่าเป็นชาวไทย 1 คน ลูกเรือชาวเมียนมา 4 คน ทุกคนไม่มีเอกสารประจำตัว

นายกรัฐมนตรีได้รับรายงาน จากศูนย์ปฏิบัติการของศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศปก.ศรชล.) ซึ่งได้ตรวจสอบฐานข้อมูลเรือประมงไทยแล้ว ไม่ปรากฏชื่อเรือดังกล่าวอยู่ในระบบข้อมูลเรือประมงของไทย จึงได้ประสานการตรวจสอบกับหน่วยงานต่างประเทศ และหน่วยงานภายในประเทศ ว่าเรือประมงดังกล่าวมีสัญชาติใด และสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงจาร์กาตา กำลังประสานงานกับกระทรวงการต่างประเทศ อินโดนีเซียว่าผู้ควบคุมเรือเป็นชาวไทยจริงหรือไม่ เนื่องจากมีความไม่ชัดเจนเรื่องสัญชาติของไต้ก๋งเรือ เพราะกรมข่าวทหารของไทยค้นหาชื่อ “บ่าวพร กิ่งแก้ว” ในระบบทะเบียนราษฎร์ไม่พบ ว่ามีการจดทะเบียนแต่อย่างใด และล่ามแจ้งข้อมูลมาว่า ไต้ก๋งให้การว่าเกิดที่เมียนมา มีพ่อหรือแม่เป็นคนเมียนมา แต่พักอาศัยอยู่ที่ระนอง โดยมีบัตรประชาชนของทั้งเมียนมาและไทย

“นายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญสูงสุดต่อการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมายและแรงงานภาคการประมง (IUU Fishing) โดยเฉพาะในกรณีที่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิดข้ามชาติ ไม่ว่าจะเป็นการลักลอบขนยาเสพติด การค้ามนุษย์ จะดำเนินการตามกฎหมายโดยขั้นเด็ดขาด ไม่มีการละเว้น เพื่อไม่ให้ประเทศไทยถูกใช้เป็นฐานในการกระทำความผิดทางทะเล และจะร่วมมือกับทุกประเทศเพื่อสกัดกั้นขบวนการอาชญากรรมข้ามชาติที่ใช้ประโยชน์จากช่องทางทางทะเลอย่างเข้มงวด” โฆษกประจำสำนักนายกฯ ระบุ

‘แอนนี่ บรู๊ค’ ย้อนเล่าเรื่องราวแห่งโอกาสในชีวิต หลังได้รับทุนเรียนต่อใน รร.เจ้าฟ้าหญิงอุบลรัตน์

เมื่อวันที่ (18 พ.ค. 68) แอนนี่ บรู๊ค ดารานักแสดง ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวถึงเรื่องราวในอดีตที่เคยได้รับโอกาสครั้งสำคัญในชีวิตว่า แอนเคยได้รับทุนจากทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ไม่ใช่แค่ทุนการศึกษา แต่คือแสงสว่างในอุโมงค์มืด ในวันที่โลกยังไม่เท่าเทียม และแอนโชคดีที่ได้อยู่ในแสงสว่างนั้น โอกาสนี้หล่อหลอมให้แอนเติบโตและเดินบนเส้นทางที่ควร

“ขอบคุณที่เคยเชื่อในเด็กคนหนึ่ง... ที่วันนี้ยังไม่ลืมคุณค่าของโอกาสนั้นเลยค่ะ”

แอนนี่ ยังบอกเพิ่มเติมว่า เดิมโรงเรียนแห่งนี้ชื่อว่าโรงเรียนเซนต์ปอลเดอร์ชาร์ท และได้เปลี่ยนชื่อเป็นโรงเรียนเจ้าฟ้าหญิงอุบลรัตน์ หรือ อร.  โดยแอนเป็นนักเรียนรุ่นที่ 1 รุ่นบุกเบิกโรงเรียน ผู้ดูแลเป็นมาเซอร์ อยู่ในศาสนาคริสต์คาทอลิก แต่ไม่ว่าจะศาสนาไหนทุกคนอยู่ที่นี่เท่าเทียมกันหมด

พร้อมทั้งได้ยกย่องครูที่นำทางแสงสว่าง มีชื่อว่า ครูสมัย วิไลศักดิ์ โดยครูเป็นคนไปขอแม่ว่าเด็กมันเรียนดีเป็นเด็กดี ครูขอนะ เพราะในตอนนั้นแม่กำลังจะส่งแอนไปทำงานเป็นแม่บ้านในกรุงเทพฯ ครูจึงบอกว่า ขอให้เด็กได้ไปเรียนต่อ 

“หนูไม่รู้ว่าตอนนี้ครูสมัยอยู่ไหน แต่หนูซาบซึ้งในพระคุณมากๆค่ะ”

‘วิว’ กุลวุฒิ ตั้งเป้าป้องกันแชมป์โลก หลังซิวแชมป์ไทยแลนด์ โอเพน สมัยที่ 2

เมื่อวันที่ (18 พ.ค. 68) ‘วิว’ กุลวุฒิ วิทิตศานต์ มือ 2 ของโลก เอาชนะ แอนเดอร์ส แอนทอนเซน มือ 3 ของโลกจากเดนมาร์ก ไปอย่างสนุก 2-1 เกม 21-16, 17-21, 21-9 ในรอบชิงชนะเลิศแบดมินตันไทยแลนด์ โอเพน 2025 ที่อาคารนิมิบุตร คว้าแชมป์รายการนี้เป็นสมัยที่ 2 หลังเคยทำได้เมื่อปี 2023

แม้ก่อนหน้านี้วิวจะมีสถิติเป็นรอง โดยชนะคู่ปรับรายนี้เพียงครั้งเดียวจาก 7 หน และแพ้มาตลอด 4 เกมหลังสุด แต่ด้วยฟอร์มและเสียงเชียร์จากแฟนๆ เจ้าตัวสามารถพลิกสถานการณ์กลับมาคว้าแชมป์ พร้อมรับเงินรางวัล 1,170,000 บาท และถือเป็นแชมป์รายการที่ 3 ของเจ้าตัวในปีนี้ ต่อจากอินโดนีเซีย มาสเตอร์ และแบดมินตันชิงแชมป์เอเชีย

เจ้าวิวเปิดเผยหลังจบเกมว่า แม้จะเป็นแมตช์ที่กดดัน แต่แรงเชียร์ของแฟนแบดฯ ไทย ช่วยเติมพลังให้สู้จนคว้าชัยได้ พร้อมตั้งเป้าสำคัญคือการป้องกันแชมป์โลกที่จะจัดขึ้นในประเทศฝรั่งเศสช่วงเดือนสิงหาคมนี้ ให้ได้อีกสมัย แม้รู้ดีว่าเป็นงานยากแต่จะพยายามทำให้ดีที่สุด

POLITICS

‘อนุทิน’ เห็นภาพชัดเชื่อรัฐบาลอยู่ครบเทอม พร้อมปัดข่าว ภท. เตรียมคว่ำ พ.ร.บ.งบ ฯ 69

(19 พ.ค. 68) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าว ว่าพรรคภูมิใจไทยจะคว่ำร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2569 ว่า สถานการณ์การเมืองตอนนี้ตนมองว่าปกติ ทำไมผู้สื่อข่าวถึงได้มองว่าจะเครียด ซึ่งไม่มีอะไรเลย 

ส่วนที่กรณีพรรคเพื่อไทยรวมพลังกับพรรคกล้าธรรม ขณะที่พรรคภูมิใจไทยกำลังรวมพลัง กับพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในฐานะหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาตินั้น 

นายอนุทิน กล่าวว่า พรรคภูมิใจไทยรวมพลังกับทุกพรรค แม้กระทั่งพรรคฝ่ายค้าน หากทำเรื่องที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน ก็พร้อมสนับสนุนหมดทุกอย่าง พร้อมชื่อว่าการเติบโตของพรรคกล้าธรรม ไม่ใช่การมาคานอำนาจกับพรรคภูมิใจไทย เพราะทุกพรรคก็ต้องการ การเติบโต และพรรคไหนที่สามารถรับใช้ประชาชนได้ พรรคนั้นก็จะเติบโต เหมือนกับพรรคภูมิใจไทย ซึ่งตนเองก็พูดคุยและมีการทำงานร่วมกันกับ ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรมอยู่ตลอด 

นายอนุทิน ยังยืนยันด้วยเสียงหนักแน่นว่า ไม่เป็นความจริงที่พรรคภูมิใจไทยจะโหวตคว่ำร่างพ.ร.บ.งบฯ 69 เพราะรัฐบาลทำงบประมาณมาด้วยกัน และผ่านมติที่ประชุมคณะรัฐมนตรีแล้ว อีกทั้งงบประมาณก็มีประโยชน์ต่อประเทศและประชาชน ขณะที่กระทรวงในส่วนพรรคภูมิใจไทยรับผิดชอบดูอยู่อาทิ กระทรวงมหาดไทย มีงบประมาณถึง 400,000 ล้านบาท กระทรวงศึกษาธิการ ประมาณ 500,000 ล้านบาทกระทรวงอุดมศึกษาฯ ประมาณ 200,000 ล้านบาท และกระทรวงแรงงานอีกประมาณสองถึง 30,000 ล้านบาท รวมแล้วกระทรวงที่พรรคภูมิใจไทยดูแลอยู่มีงบประมาณ ล้านล้านบาท หากว่าจะไม่เห็นชอบหรือไปโหวตคว่ำก็คงไม่ผ่านที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เรื่องนี้เป็นเรื่องของรัฐบาลและประชาชน ก็ต้องให้การสนับสนุน เนื่องจากเป็นงบประมาณที่รัฐบาลดำเนินการเอง 

ผู้สื่อข่าวถามต่อว่าขอถามเป็นครั้งที่10 ว่าตอนนี้มีกระแสข่าวการปรับคณะรัฐมนตรีหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่าตนขอยืนยันเป็นครั้งที่ 11 ว่าไม่มี และขณะนี้รัฐบาลก็มีความเข้มแข็ง มีเสียงในสภามากกว่า 320 เสียง และพรรคกล้าธรรมก็ยิ่งมีเสียงสส.เพิ่ม ก็ยิ่งทำให้รัฐบาลเข้มแข็งขึ้น ทำให้ตนเองไปผ่าตัดเลนส์ตาได้อย่างสบายใจ 

ส่วนได้มองสัญญาณเชิงบวกกับสีน้ำเงินหรือไม่  นายอนุทินกล่าวว่า ไม่ได้มองอะไรเลย มองแต่เรื่องการทำงาน จากสายตาที่เคยขุ่นมัว พอเปลี่ยนเลนส์ตาก็ทำให้ชัดใสปิ๊ง กลับมาหล่อเหมือนเดิม และเห็นอนาคตของรัฐบาลได้ชัด ว่าจะอยู่ครบเทอม

‘เท้ง’ แนะ!! ‘อิ๊งค์’ สิ่งที่ควรทำมากกว่า ไลฟ์สดขายทุเรียน คือต้องเปิดตลาดใหม่ อย่าพึ่งพิงแค่ตลาดจีน ประเทศเดียว

(18 พ.ค. 68) นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์กรณีนายกรัฐมนตรีลงพื้นที่ไลฟ์ขายทุเรียน ที่จ.จันทบุรี เมื่อวานนี้ (17 พ.ค.) ว่า เรื่องทุเรียน คนนำเข้าหลักๆ คือประเทศจีน ซึ่งคู่แข่งที่สำคัญคือประเทศเวียดนาม

ดังนั้น ตอนนี้ถ้าเราดูสิ่งที่รัฐบาลเวียดนามสนับสนุนเกษตรกรในประเทศของเขา เขาพยายามที่จะมีเงินอุดหนุนให้เกษตรกรตามชนิดพืชที่ปลูกแล้วมีมูลค่ามากขึ้น พูดง่ายๆ คือเปลี่ยนให้ไปปลูกทุเรียน เพื่อมาแข่งกับไทย

แต่เมื่อดูบริบทที่ประเทศไทย ทุเรียนเป็นผลไม้ที่มีมูลค่า แต่ที่ผ่านมาไม่ได้เห็นการยกระดับหรือช่วยเหลือจากรัฐบาลเท่าที่ควร เกษตรกรอยู่รอดด้วยตัวเอง เพราะคนจีนชอบบริโภคและมองว่าทุเรียนเป็นสินค้าที่มีมูลค่าทานแล้วดีต่อสุขภาพ

“ถ้าจะให้ผมเสนอแนะ สิ่งที่รัฐบาลควรจะทำมากกว่าการไลฟ์สด วัตถุประสงค์ของการไลฟ์สดคือช่วยขยายตลาด แต่ตลาดปัจจุบันเราส่งออกไปจีนโดยส่วนมากอยู่แล้ว สิ่งที่รัฐบาลควรจะทำมากกว่า คือการเปิดตลาดใหม่ เช่น ประเทศอินเดีย ก็มีประชากรเยอะ และเป็นประเทศที่บริโภคผลไม้อาหารต่างๆ ที่มีรสจัดอยู่แล้ว มองหาทางเลือกใหม่ๆ เป็นไปได้หรือไม่

อย่าไปพึ่งพิงที่ตลาดประเทศจีนประเทศเดียว เพราะเราเห็นผลกระทบที่ตามมา เมื่อไหร่ก็ตามที่รัฐบาลจีนมีมาตรการในการกีดกันทุเรียนนำเข้า เราก็จะได้รับผลกระทบ เพราะเราพึ่งพาอยู่ตลาดเดียว ดังนั้น สิ่งที่จำเป็น เราจะช่วยลดต้นทุนเกษตรกร เพิ่มผลผลิตต่อไร่แล้วต้องขยายตลาดออกไปยังพื้นที่ใหม่ๆ ด้วย” นายณัฐพงษ์ กล่าวทิ้งท้าย

‘สวนดุสิตโพล’ เผย!! ปชช.มอง ‘บ้านใหญ่’ มีอิทธิพลอย่างมาก!! กับการเลือกตั้งท้องถิ่น

(18 พ.ค. 68) สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนที่มีสิทธิเลือกตั้งท้องถิ่นทั่วประเทศ เรื่อง “ผลการเลือกตั้งท้องถิ่นในสายตาประชาชน” กลุ่มตัวอย่างจำนวน 1,104 คน (สำรวจทางออนไลน์และภาคสนาม) ระหว่างวันที่ 13-16 พ.ค. สรุปผลจาก 5 คำถามได้ดังนี้

ประชาชนอยากให้นายกเทศมนตรีคนใหม่ดำเนินการเรื่องใดมากที่สุด
อันดับ 1 ปราบปรามอบายมุข ยาเสพติด ผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ 57.25%
อันดับ 2 แก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม การจัดการขยะ ปัญหาฝุ่น 48.64%
อันดับ 3 พัฒนาถนนหนทาง ไฟฟ้า ประปาให้ดีขึ้น 47.46%

จากการเลือกตั้งท้องถิ่นระดับเทศบาลครั้งนี้ ประชาชนคิดว่าผู้ที่ได้รับเลือกตั้งจะทำตามนโยบายที่หาเสียงไว้ได้หรือไม่

อันดับ 1 น่าจะทำได้ 37.32%
อันดับ 2 ไม่น่าจะทำได้ 34.51%
อันดับ 3 ไม่แน่ใจ 28.17%

ประชาชนเห็นด้วยหรือไม่ว่า บ้านใหญ่หรือตระกูลการเมืองท้องถิ่นยังมีอิทธิพลต่อการเลือกตั้งในพื้นที่

อันดับ 1 เห็นด้วย 78.80%
อันดับ 2 ไม่เห็นด้วย 21.20%

ปัจจัยใดที่ประชาชนคิดว่าเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้บ้านใหญ่หรือตระกูลการเมืองท้องถิ่นยังคงมีอิทธิพลในพื้นที่
อันดับ 1 เข้าถึงประชาชน มีส่วนร่วมในกิจกรรมต่างๆ เช่น งานบุญ งานศพ งานประเพณี 45.13%
อันดับ 2 มีฐานเสียงที่มั่นคงและความสัมพันธ์กับชุมชนที่ยาวนาน 43.19%
อันดับ 3 มีระบบอุปถัมภ์ ช่วยแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน 41.89%

ประชาชนคิดว่าหากกลุ่มการเมืองท้องถิ่นไม่ได้รับการสนับสนุนจากพรรคการเมืองระดับชาติ จะมีผลต่อการบริหาร และพัฒนาพื้นที่หรือไม่

อันดับ 1 ส่งผลกระทบอยู่บ้าง แต่ยังพอบริหารจัดการภายในพื้นที่ได้ 37.50%
อันดับ 2 ส่งผลกระทบมาก เช่น โครงการหรืองบประมาณสนับสนุนจากรัฐกลางลดลง 23.82%
อันดับ 3 ไม่มีผลกระทบ เพราะสามารถพัฒนาโดยอาศัยทรัพยากรท้องถิ่น 19.93%
อันดับ 4 น่าจะเป็นผลดี เพราะจะได้ลดการแทรกแซงจากการเมืองระดับชาติ 18.75%

ECONBIZ

สกพอ. ผนึกกำลัง กกท. ผุดโปรเจกต์ยักษ์ ยกระดับเมืองอัจฉริยะ EECiti สร้างศูนย์กีฬานานาชาติจ.ชลบุรี บนเนื้อที่ 1,500 ไร่ หนุนเมืองน่าอยู่รองรับประชากร 3.5 แสนคน ปูทางไทยจัดกีฬาโลก-คอนเสิร์ต-เวทีนานาชาติ ตั้งเป้าสร้างงาน 2 แสนตำแหน่งใน 10 ปี

(19 พ.ค. 68) สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) จับมือการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ลงนามความร่วมมือ (MOU) สร้าง “ศูนย์กีฬานานาชาติ จ.ชลบุรี” บนพื้นที่กว่า 1,500 ไร่ ภายในโครงการเมืองใหม่น่าอยู่อัจฉริยะ EECiti หวังยกระดับสู่ศูนย์กลางการจัดการแข่งขันกีฬาและอีเวนต์ระดับโลก พร้อมส่งเสริมสุขภาพและเศรษฐกิจกีฬาไทย

ศูนย์กีฬาแห่งนี้จะได้มาตรฐานระดับนานาชาติ รองรับทั้งการแข่งขัน กีฬาอาชีพ คอนเสิร์ต เทศกาลขนาดใหญ่ พร้อมศูนย์ฟื้นฟูนักกีฬาและนวัตกรรมวิทยาศาสตร์การกีฬาครบวงจร สอดคล้องยุทธศาสตร์ชาติมุ่งพัฒนากีฬาเพื่อความเป็นเลิศและสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน

ดร.จุฬา สุขมานพ เลขาธิการ สกพอ. เผยว่า ความร่วมมือครั้งนี้จะช่วยขับเคลื่อนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านกีฬา ระบบนิเวศเมืองน่าอยู่ และดึงดูดนักลงทุนเข้าสู่พื้นที่ EEC ตามแนวทางเศรษฐกิจสีเขียว คาดว่าโครงการจะรองรับประชากรกว่า 3.5 แสนคน และสร้างงานกว่า 2 แสนตำแหน่งภายในปี 2580

นอกจากศูนย์กีฬานานาชาติแล้ว พื้นที่ EECiti ยังเตรียมพัฒนาเป็นเมืองอัจฉริยะติด 1 ใน 10 ของโลก พร้อมรองรับอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสีเขียวและเศรษฐกิจหมุนเวียน ร่วมกับการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย รองรับการลงทุนใหม่ในพื้นที่อีอีซีในอนาคต

‘อมตะ ซัมมิท’ เร่งตรวจสอบผนังอาคารถล่ม พร้อมประสานผู้เชี่ยวชาญหาสาเหตุอย่างละเอียด

(19 พ.ค. 68) บริษัท อมตะ ซัมมิท เรดดี้บิลท์ จำกัด ออกแถลงการณ์กรณีผนังอาคารด้านหน้าอาคารให้เช่า ในนิคมฯอมตะซิตี้ ชลบุรี หลุดร่วงจากตัวอาคารยืนยันเดินหน้าตรวจสอบสาเหตุอย่างเร่งด่วน และยกระดับมาตรการความปลอดภัยในทุกอาคาร

นางสาวจันจิรา แย้มยิ้ม กรรมการผู้จัดการ บริษัท อมตะ ซัมมิท เรดดี้บิลท์ จำกัด เปิดเผยถึงกรณีผนังอาคารด้านหน้าอาคารให้เช่าแห่งหนึ่งภายในนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ชลบุรี เกิดการหลุดร่วงจากตัวอาคารว่า บริษัทขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แม้มีผู้ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยเพียงหนึ่งราย แต่เหตุการณ์ดังกล่าวได้ก่อให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินของผู้เช่า ซึ่งบริษัทฯไม่ได้นิ่งนอนใจแต่อย่างใด

บริษัทฯให้ความสำคัญสูงสุดกับความปลอดภัยของผู้เช่าและบุคลากรทุกฝ่าย โดยได้ประสานงานกับผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมโครงสร้าง และตัวแทนจากการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หรือ กนอ.เพื่อเร่งตรวจสอบหาสาเหตุของเหตุการณ์อย่างละเอียด พร้อมเพิ่มการตรวจสอบซ้ำด้านความปลอดภัย

นอกจากนี้ บริษัทฯจะนัดหมายเพื่อร่วมประชุมกับผู้เช่าอาคารในลักษณะเดียวกันทุกราย เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริง แผนการดำเนินงาน และมาตรการตรวจสอบซ้ำด้านความปลอดภัย พร้อมเปิดรับฟังข้อเสนอแนะจากผู้เช่า และเชิญผู้เชี่ยวชาญร่วมตรวจสอบโครงสร้างอย่างใกล้ชิด เพื่อสร้างความมั่นใจร่วมกัน

บริษัทฯขอยืนยันความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจด้วยความโปร่งใส มีความรับผิดชอบ และเปิดกว้างให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงสาธารณะชน เข้าตรวจสอบได้อย่างเต็มที่ เพื่อเสริมสร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้เช่า นักลงทุน และพันธมิตรทางธุรกิจทั้งในปัจจุบันและอนาคต

บีโอไอ ปรับเงื่อนไขส่งเสริมการลงทุนรับมือการค้าโลก พร้อมไฟเขียว 7 โครงการ มูลค่าเฉียด 1 แสนล้านบาท

(19 พ.ค. 68) บอร์ดบีโอไอ อนุมัติมาตรการชุดใหญ่ เสริมศักยภาพผู้ประกอบการไทย รับมือการค้าโลกยุคใหม่ ยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันท่ามกลางความผันผวน มุ่งพัฒนาอุตสาหกรรมอย่างยั่งยืน พร้อมออกมาตรการส่งเสริมกิจการท่องเที่ยวในเมืองรอง ฟื้นเที่ยวไทยทั่วประเทศ อนุมัติส่งเสริมลงทุน 7 โครงการ มูลค่าเฉียด 1 แสนล้านบาท

นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2568 การประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บอร์ดบีโอไอ) ซึ่งมีนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธาน ได้เห็นชอบ “มาตรการส่งเสริมศักยภาพของผู้ประกอบการไทยเพื่อรองรับโลกยุคใหม่” โดยมุ่งยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของ SMEs ไทย รักษาสมดุลทางเศรษฐกิจ ภายใต้สภาวะตลาดที่มีความผันผวน เพื่อลดความเสี่ยงและผลกระทบจากมาตรการการค้าของสหรัฐอเมริกา และเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการไทยในหลากหลายอุตสาหกรรมได้เข้าเป็นส่วนหนึ่งของ Supply Chain ระดับโลก โดยมีมาตรการสำคัญ 4 ด้าน ดังนี้

1. ส่งเสริมให้ SMEs ไทย ปรับปรุงประสิทธิภาพ โดยออกมาตรการพิเศษเพื่อกระตุ้นให้ SMEs ไทย ลงทุนปรับปรุงประสิทธิภาพ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน เช่น การปรับเปลี่ยนเครื่องจักร การใช้ระบบอัตโนมัติและเทคโนโลยีดิจิทัล การประหยัดพลังงาน การยกระดับสู่มาตรฐานเพื่อความยั่งยืนในระดับสากล รวมทั้งการเปลี่ยนผ่านไปสู่อุตสาหกรรมใหม่ โดยเพิ่มสิทธิประโยชน์แก่ SMEs ไทย จากเดิมยกเว้นภาษีเงินได้ 3 ปี ในวงเงินไม่เกินร้อยละ 50 ของเงินลงทุนในการปรับปรุงประสิทธิภาพ ปรับเพิ่มขึ้นเป็นยกเว้นภาษีเงินได้ 5 ปี ในวงเงินร้อยละ 100

2. งดให้การส่งเสริมกิจการที่อาจมีปริมาณผลิตเกินความต้องการ (Oversupply) หรือกิจการที่มีความเสี่ยงต่อมาตรการการค้าของสหรัฐฯ และประเทศอื่น ๆ เช่น กิจการผลิตเซลล์และแผงเซลล์แสงอาทิตย์ แบตเตอรี่กลุ่มตะกั่ว-กรด อุปกรณ์เสริมและอุปกรณ์ตกแต่งยานพาหนะ กิจการตัดโลหะ กิจการคัดแยกวัสดุที่ไม่ใช้แล้วกรณีตั้งนอกนิคมอุตสาหกรรมและไม่มีกระบวนการรีไซเคิล นอกจากนี้ ยังจะงดส่งเสริมกิจการเหล็กขั้นปลายเพิ่มเติมจากเดิม ได้แก่ กิจการผลิตเหล็กทรงยาวทุกชนิด เหล็กทรงแบน (เฉพาะเหล็กแผ่นรีดร้อนและเหล็กแผ่นหนา) และท่อเหล็กชนิดต่าง ๆ

3. เพิ่มความเข้มข้นในการพิจารณากระบวนการผลิตที่เป็นสาระสำคัญ สำหรับบางกิจการที่มีความเสี่ยงจะได้รับผลกระทบจากมาตรการการค้าสหรัฐฯ เช่น ชิ้นส่วนยานยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ ผลิตภัณฑ์โลหะ และอุตสาหกรรมเบา โดยกำหนดเป็นเงื่อนไขชัดเจนว่า ต้องมีกระบวนการผลิตที่เป็นสาระสำคัญ โดยมีการแปรสภาพวัตถุดิบหลักเป็นผลิตภัณฑ์อย่างเพียงพอ เช่น มีการเปลี่ยนพิกัดศุลกากรอย่างน้อยในระดับ 4 หลัก เพื่อให้การผลิตเพื่อส่งออกของไทยเป็นที่ยอมรับและเกิดประโยชน์ต่อประเทศชัดเจนมากยิ่งขึ้น

4. ปรับปรุงเงื่อนไขการจ้างงานบุคลากรต่างชาติ  สำหรับกิจการผลิตที่ขอรับการส่งเสริมลงทุนและมีการจ้างงานทั้งบริษัทตั้งแต่ 100 คนขึ้นไป จะต้องมีการจ้างบุคลากรไทยไม่น้อยกว่าร้อยละ 70 ของการจ้างงานทั้งหมด นอกจากนี้ จะกำหนดรายได้ขั้นต่ำของบุคลากรต่างชาติที่จะขอใช้สิทธิด้านวีซ่าและใบอนุญาตทำงานกับบีโอไอ เช่น ถ้าเป็นระดับผู้บริหาร ต้องมีรายได้ 150,000 บาทขึ้นไป และระดับผู้เชี่ยวชาญ 50,000 บาทขึ้นไป เพื่อสร้างสมดุลการจ้างงานในประเทศให้เหมาะสม หลีกเลี่ยงการแย่งงานบุคลากรไทย และกระตุ้นให้เกิดการถ่ายทอดองค์ความรู้แก่บุคลากรไทยมากขึ้น ในขณะเดียวกันก็ยังสามารถดึงดูดผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศให้มาช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มแก่เศรษฐกิจไทยได้

นอกจากนี้ ที่ประชุมได้มอบหมายให้บีโอไอดำเนินการศึกษาแนวทางการกำหนดมาตรการเพื่อส่งเสริมให้เกิดการสร้างมูลค่าเพิ่มในประเทศ และการส่งเสริมการร่วมทุน ร่วมกับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) เพื่อสนับสนุนให้ผู้ประกอบการต่างชาติร่วมมือกับผู้ประกอบการไทยและช่วยสร้างโอกาสทางธุรกิจให้กับคนไทยมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในกิจการที่มีความสำคัญต่อการสร้างห่วงโซ่อุปทาน และให้นำกลับมาเสนอบอร์ดอีกครั้ง

ส่งเสริมท่องเที่ยวเมืองรอง

นอกจากนี้ ที่ประชุมได้เห็นชอบ “มาตรการส่งเสริมการลงทุนกิจการด้านการท่องเที่ยวในเมืองรอง” ตามนโยบายรัฐบาลที่ต้องการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานด้านการท่องเที่ยวและพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวใหม่ ๆ ในเมืองรอง เพื่อส่งเสริมการกระจายตัวของนักท่องเที่ยว และเพิ่มโอกาสทางเศรษฐกิจให้มากขึ้น โดยสำหรับกิจการด้านการท่องเที่ยว ได้แก่ กิจการสร้างแหล่งท่องเที่ยวขนาดใหญ่ที่มีคุณภาพ สวนสนุก ศูนย์แสดงศิลปวัฒนธรรมไทย ศูนย์หัตถกรรมไทย พิพิธภัณฑ์ สวนสัตว์เปิด ศูนย์แสดงสินค้านานาชาติ หอประชุมขนาดใหญ่ ท่าเรือท่องเที่ยวขนาดใหญ่ (Cruise Terminal) บริการที่จอดเรือท่องเที่ยว สนามแข่งขันยานยนต์ กระเช้าไฟฟ้าและรถรางไฟฟ้าเพื่อการท่องเที่ยว หากเป็นการลงทุนตั้งสถานประกอบการในเมืองรอง 55 จังหวัด จะได้รับสิทธิประโยชน์ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเพิ่มเติม จากเดิม 5 ปี เป็น 8 ปี  และสำหรับกิจการโรงแรม หากตั้งในเมืองรอง 55 จังหวัด จะได้รับสิทธิประโยชน์ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเพิ่มเติม จากเดิม 3 ปี เป็น 5 ปี

ปรับปรุงกิจการ Data Center, Data Hosting และ Cloud Service

บอร์ดบีโอไอ ได้อนุมัติการปรับปรุงการส่งเสริมการลงทุนกิจการ Data Center, Data Hosting และ Cloud Service ให้มีความเหมาะสมกับรูปแบบธุรกิจในปัจจุบัน โดยจะเน้นให้สิทธิประโยชน์ระดับสูงกับกิจการที่ใช้อุปกรณ์ที่มีความสามารถในการประมวลผลขั้นสูง (Advanced Computing Capabilities) และมีการใช้พลังงานไฟฟ้าและน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งได้เพิ่มเงื่อนไขให้โครงการที่จะขอรับการส่งเสริม ต้องเสนอแผนพัฒนาบุคลากรไทย เช่น การจัดทำหลักสูตรร่วมกับสถาบันการศึกษา การวิจัยและพัฒนา การพัฒนาผู้ประกอบการ SMEs หรือการใช้อุปกรณ์ที่ผลิตในประเทศ โดยต้องดำเนินการตามแผนที่เสนอให้แล้วเสร็จก่อนการใช้สิทธิประโยชน์ยกเว้นภาษีเงินได้ ทั้งนี้ เพื่อให้การลงทุนในกลุ่มธุรกิจนี้เกิดประโยชน์ในการพัฒนาบุคลากรด้านดิจิทัลแก่ประเทศไทยให้เป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น

ไฟเขียวลงทุน 7 โครงการ มูลค่าเฉียดแสนล้าน

ที่ประชุมได้อนุมัติส่งเสริมการลงทุนกิจการ Data Center และพลังงานหมุนเวียน รวม 7 โครงการ มูลค่าลงทุนประมาณ 1 แสนล้านบาท ประกอบด้วย กิจการ Data Center 5 โครงการ ได้แก่ (1) บริษัท วิสตัส เทคโนโลยี จำกัด เงินลงทุน 6,854 ล้านบาท ตั้งอยู่ที่จังหวัดชลบุรี (2) บริษัท บริดจ์ ดาต้า เซ็นเตอร์ ไอไอไอ (ประเทศไทย) จำกัด เงินลงทุน 14,452 ล้านบาท ตั้งอยู่ที่จังหวัดชลบุรี (3) บริษัท กาแล็คซี่ พีค ดาต้า เซ็นเตอร์ จำกัด เงินลงทุน 23,553 ล้านบาท ตั้งอยู่ที่จังหวัดระยอง (4) บริษัท กาแล็คซี่ ดาต้า เซ็นเตอร์ จำกัด เงินลงทุน 22,313 ล้านบาท ตั้งอยู่ที่จังหวัดระยอง และ (5) บริษัท ดิจิทัล เอดจ์ ดีซี (ประเทศไทย) จำกัด เงินลงทุน 24,522 ล้านบาท ตั้งอยู่ที่จังหวัดชลบุรี

กิจการพลังงานหมุนเวียน 2 โครงการ ได้แก่ (1) บริษัท อัลฟ่า วัน โปรเจค จำกัด ผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลม เงินลงทุน 3,195 ล้านบาท ตั้งอยู่ที่จังหวัดชุมพร และ (2) บริษัท อัลฟ่า ทู โปรเจค จำกัด ผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลม เงินลงทุน 4,838 ล้านบาท ตั้งอยู่ที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์

LITE

19 พฤษภาคม พ.ศ. 2466 วันสิ้นพระชนม์ ‘กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์’ ชาวไทยถือเอาวันนี้ของทุกปีเป็น 'วันอาภากร'

พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ พระราชโอรสองค์ที่ 28 ในรัชกาลที่ 5 ทรงพระประชวรและสิ้นพระชนม์ในขณะที่ประทับอยู่ที่หาดทรายรีปากน้ำเมืองชุมพร พระองค์ทรงศึกษาวิชาแพทย์แผนโบราณและรักษาโรคแก่คนทั่วไป จึงเรียกพระองค์ว่า 'หมอพร' หรือ 'เตี่ย' 

ต่อมาทหารเรือได้เรียกพระองค์ว่า 'เสด็จเตี่ย' นอกจากนี้พระองค์ทรงริเริ่มวางรากฐานกิจการทหารเรือไทย กองทัพเรือจึงพร้อมใจกันถวายสมัญญาพระนามแด่พระองค์ท่านว่า 'พระบิดาแห่งทหารเรือไทย' และถือเอาวันที่ 19 พฤษภาคมเป็น 'วันอาภากร'

18 พฤษภาคม พ.ศ. 2514 ร.9 ทรงกลัดปีกนักกระโดดร่มกิตติมศักดิ์ ให้ ร.10 ที่ทรงเข้ารับการฝึกเยี่ยงกำลังพลทั่วไปของตำรวจพลร่ม

พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 ทรงกลัดปีกกระโดดร่มกิตติมศักดิ์ที่กรมตำรวจทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายให้ พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลปัจจุบัน (ขณะดำรงพระราชอิสริยยศ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมาร) ณ ห้องประชุมค่ายนเรศวร อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ.2514

ทั้งนี้ พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว พระองค์ทรงสนพระทัยในกิจการด้านการกระโดดร่ม ทั้งรายละเอียดทางเทคนิคและทางทฤษฎี และทรงเข้ารับการฝึกเยี่ยงกำลังพลทั่วไปของตำรวจพลร่มครบถ้วนตามหลักสูตร ตลอดระยะเวลาของการฝึกฝน

'เกาะสิมิลัน' ปิดฟื้นฟูธรรมชาติ

ปิดฟื้นฟูธรรมชาติ กลับมาเปิดอีกครั้ง 15 ต.ค.นี้ นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศทุกคนซื้อตั๋วผ่านระบบ E-Ticket  

PODCAST

พระผู้ซื่อตรงกลางพายุการเมือง สมเด็จฯ ศรี วัดระฆัง | THE STATES TIMES Story EP.166

ท่ามกลางความวุ่นวายในปลายกรุงธนบุรี...
พระอาจารย์ศรี วัดบางหว้าใหญ่ ถูกผลักตกต่ำเพราะยึดมั่นในพระธรรม แต่ด้วยความสัตย์ซื่อและความรู้แท้จริง ในที่สุดพระองค์ได้รับการเชิดชูคืนศักดิ์ เป็น สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก และกลายเป็นกำลังหลักสังคายนาพระไตรปิฎกครั้งแรกแห่งกรุงรัตนโกสินทร์

เรื่องราวแห่งการทนทุกข์ ความศรัทธา และชัยชนะของธรรมะ ที่ไม่ได้ไหว้กันเพราะ "ตัวบุคคล" แต่ไหว้ใน "ความสูงส่งของเพศบรรพชิต"

รัชกาลที่ ๓ : เจ้าสัวแห่งสยาม ผู้กู้เศรษฐกิจด้วยการค้าเสรี | THE STATES TIMES Story EP.16

ในห้วงเวลาที่สยามเพิ่งตั้งตัวได้ไม่เต็มที่...
ล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ ๓ ทรงปรับเศรษฐกิจครั้งใหญ่ ด้วยสายพระเนตรอันยาวไกล เปิดการค้าเสรี ยกเลิกผูกขาด สร้างเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ และเตรียมสยามให้พร้อมเผชิญการล่าอาณานิคม

พระองค์ทรงได้รับการขนานนามว่า “เจ้าสัว” ด้วยพระปรีชาที่ผลักดันการค้าขายไปสู่ความรุ่งเรืองที่สุดในสมัยต้นรัตนโกสินทร์ มีทั้งสนธิสัญญาเบอร์นี รายได้จากการค้าเสรี และนโยบายที่เปิดโอกาสให้สยามพัฒนาตัวเองโดยไม่ตกเป็นอาณานิคม

เรื่องเล่าอ่านเพลิน ๆ ที่จะทำให้คุณมองเห็น 'หัวใจเศรษฐกิจสยาม' ผ่านสายตาของกษัตริย์นักพัฒนา

พระยาประดิพัทธภูบาล: ข้าราชการผู้ภักดี ถึงตายก็ไม่หวั่น! | THE STATES TIMES Story EP.164

มันจะฆ่า...ก็ไม่เสียดายชีวิต"
คำกล่าวสะเทือนใจจาก “มหาอำมาตย์ตรีพระยาประดิพัทธภูบาล” ผู้แสดงความจงรักภักดีต่อราชวงศ์จักรีอย่างเต็มหัวใจ ไม่หวั่นแม้ภัยจากคณะราษฎร

ชายผู้ไม่เพียงมีบทบาทสำคัญในประวัติศาสตร์การเมืองสยาม แต่ยังเป็นผู้ริเริ่มสร้างถนน สร้างแยก ช่วยเศรษฐกิจ นำสน-ปาล์มน้ำมันเข้ามาในประเทศ

เรื่องเล่าแห่งเกียรติยศ ความกล้าหาญ และคุณูปการที่ยังคงปรากฏอยู่จนถึงวันนี้ 

VIDEO

ป้าหมาย ‘ท่องเที่ยวไทยเชิงคุณภาพ’ ผ่านมุมมอง ‘วีระศักดิ์ โควสุรัตน์’ | CONTRIBUTOR EP.30

เมืองไทยมีดี มีจุดขายที่งดงามในภาคการท่องเที่ยว แต่จะพอใจเพียงเท่านี้ พอใจเพียงจำนวนนักท่องเที่ยวและรายได้ลูกเดียว อาจจะไม่ยั่งยืน

มิติใหม่ของการท่องเที่ยวไทย ต้องปรับประยุกต์ เพื่อสร้างการท่องเที่ยวเชิงคุณภาพ
กระตุ้นให้เกิดความหลากหลายในแต่ละเขตแดน เมือง จังหวัด ที่มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง

แต่สิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นได้ ต้องร้อยห่วงโซ่ของ ‘ความยิ้มแย้ม-ความยืดหยุ่น-ไม่หย่อนยาน’ 
รวมถึงปรับแนวทางสู่ความยั่งยืน ด้วยการพัฒนาระบบการท่องเที่ยวใต้วิธีคิดที่ทันโลก

เพราะนี่คือวาระสำคัญของอนาคตการท่องเที่ยวไทยในวันข้างหน้า 
ในวันที่ ‘หินก้อนใหญ่’ ยังกดทับ ‘หญ้าสีเขียว’ ในบางพื้นที่อยู่

ปลดล็อกร่างทอง ‘ท่องเที่ยวไทยเชิงคุณภาพ’ ไปด้วยกันกับ Contributor EP นี้ กับผู้ที่เข้าใจระบบนิเวศการท่องเที่ยวยั่งยืนแบบถ่องแท้ได้จาก... คุณวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ สมาชิกวุฒิสภา รองประธานกรรมาธิการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา

ถึงเวลาสร้าง ‘ไทย’ ให้เติบใหญ่ในยุคดิจิทัล l รศ.ดร.ดนุวัศ สาคริก

ความ ‘เท่า’ ที่ยากจะ ‘เทียม’ หากระบบการศึกษาไทยยังย่ำอยู่กับที่และทิศทางไทยยังคงหลงอยู่กับนโยบาย

ประชานิยมที่คอยกระตุกกระตุ้นเศรษฐกิจได้เพียงแค่ครั้งคราว

กลับกันประเทศไทย ในวันที่เริ่มตั้งตัว ต้องหาทางตั้งทรงแบบยกแผงต้องแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นที่จะผลักดันอนาคตชาติเริ่มตั้งแต่การปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานของประเทศในทุกภาคส่วนระบบการเมือง เศรษฐกิจ การศึกษา และอื่นๆ ให้เกิดรากอันแข็งแกร่ง เพื่อเป็นฐานรองรับให้ ‘คนในชาติ’ กลายเป็นบุคลากรที่มีคุณภาพ

Contributor EP นี้ ขอกระตุกมุมคิดคนไทยให้ร่วมมองความเจริญแห่งอนาคตที่ถูกทิศผ่านมุมคิดของ... 
รศ.ดร.ดนุวัศ สาคริก รองคณบดีฝ่ายวิชาการ คณะรัฐประศาสนศาสตร์ สถาบันบัณฑิต พัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) NIDA ที่ขอเป็นตัวแทนพูดดังๆ ถึงทุกภาคส่วน ว่า…

ถึงเวลาแล้วที่ ‘ประเทศไทย’ ต้องปฏิรูป!!

ผู้พิทักษ์ ‘สันติ’ ราษฎร์ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ | CONTRIBUTOR EP.28

ค่านิยม ‘ท้าทาย’ กฎหมายของคนในยุคนี้ ยุคที่ใคร ‘แหก’ กฎได้มากเท่าไร ก็จะยิ่งยกย่องกันแบบผิดๆ ว่า 'เจ๋ง' และดูเก่งในสายตากลุ่มก้อนความคิดเดียวกัน ... เริ่มลุกลาม!!

แต่เมื่อ 'กฎหมาย' คือ กฎที่คนส่วนใหญ่ ทำตาม!!

ผู้ใด 'ท้าทาย' ก็ต้องพร้อมรับผิดชอบในทุกการกระทำ

และนี่คือเรื่องราวของอีกหนึ่งผู้บังคับใช้กฎหมาย ที่อยากฝากบอกถึง 'นักแหกกฎ' ให้ปลดความคิดสุดระห่ำออกไปจากระบบคิด และจงเชื่อเถอะว่าชีวิตของพวกคุณจะไม่มีวันถูกหล่อเลี้ยงได้อย่างยั่งยืนผ่านคำยกย่องผิดๆ

พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการสำนักงานกฎหมายและคดี 

ผู้พิทักษ์ ‘สันติ’ ราษฎร์

Y WORLD

ซักด่วน !!! ใช้ผ้าขนหนูเกิน 3 วัน เหมือนเช็ดตัวด้วยโถส้วม !!! | Y WORLD EP.75

Y WORLD ตอนนี้ แค่หัวข้อก็อึ้งกันแล้วค่ะ แค่ไม่ได้ซักผ้าขนหนู 3 วัน ก็สกปรกขนาดนี้เลยหรอ ? ส่งผลอย่างไรบ้าง และควรแก้ยังไง คลิปนี้มีคำตอบค่ะ 

‘Roman Charity’ ภาพวาดที่ไม่ได้ลามก แต่คือความกตัญญู | Y WORLD EP.74

Y WORLD ตอนนี้พาคุณไปชมภาพวาดหญิงสาวกำลังป้อน ‘นม’ ของตัวเองให้ชายชรา ที่บอกเลยว่า 'เห็นครั้งแรก ก็คิดดีไม่ได้จริงๆ' แต่แท้จริงแล้ว ภาพนี้ไม่ได้เป็นสื่อลามกอนาจาร แต่คือการแสดงความกตัญญู เรื่องราวจะเป็นอย่างไรนั้น ไปติดตามชมกันได้เลยค่ะ

ปลิดชีพ "ชาย" ขู่ฆ่า "โจ ไบเดน" แม้ไม่มี112 | Y WORLD EP.73

Y WORLD ตอนนี้จะพาคุณไปฟังเรื่องราวการ "ปกป้องผู้นำ" ของตนขั้นสุดแบบสหรัฐอเมริกา ในกรณีที่ FBI ปลิดชีพ 'ชาย’ ขู่ฆ่า 'โจ ไบเดน' แม้สหรัฐอเมริกาจะไม่มีกฎหมายมาตรา 112 แบบประเทศไทย แต่ก็ต้องยอมรับว่า หากใครมาหมิ่นหรือคิดร้ายผู้นำในประเทศของเขา โดนดีทันที เรื่องราวจะเป็นอย่างไร ไปรับชมกันเลย

SPECIAL

ธรรมะประจำวันอาทิตย์ที่ 18 พฤษภาคม 2568

การละกิเลสยากมาก
เพราะพากันไปมุ่งละกิเลสผู้อื่น
ไม่มุ่งละกิเลสตนเอง
กิเลสจึงท่วมบ้านท่วมเมืองอยู่ทุกวันนี้
จนบดบังแสงแห่งพระพุทธศาสนา

สมเด็จพระญาณสังวร
สมเด็จพระสังมราช สกลมหาสังฆปริณายก

ธรรมะประจำวันอาทิตย์ที่ 11 พฤษภาคม 2568

คนฉลาดไม่ใช่แค่
ฉลาดพูดเท่านั้น
ต้องรู้จักนิ่งอย่างมีสติให้เป็นด้วย
ต้องรู้ในสิ่งที่ไม่ควรพูด
ให้มากยิ่งกว่าสิ่งที่ควรพูด

ท่านพุทธทาสภิกขุ

ธรรมะประจำวันอาทิตย์ที่ 4 พฤษภาคม 2568

"การพนัน ทำให้เกิดความโลภ"
ความโลภเป็นกิเลสของ โลภะ
"การพนัน ทำให้หลงเพลิดเพลิน"
ความหลงเป็นกิเลสของโมหะ
"พอเสียเงินเสียทอง"
อารมณ์หงุดหงิดก็เกิดขึ้น
ทำให้โกรธ ความโกรธเป็นกิเลสของ โทสะ
นี่ยกตัวอย่างแค่การพนันนะ

พระอาจารย์โนรี ปิยธมฺโม

INFO & TOON

10 อันดับโรงเรียน สอบติดเตรียมอุดมฯ มากที่สุด ปี 2568

10 โรงเรียนสุดปัง! สอบติดเตรียมอุดมฯ มากที่สุด ปี 2568

ศึกความขัดแย้ง!! อินเดีย vs ปากีสถาน

ศึกความขัดแย้ง!! อินเดีย vs ปากีสถาน 

80 ปี วันแห่งชัยชนะ!! ‘ปูติน’ ซูฮก..บทบาทนานาชาติในโอกาสรำลึกชัยชนะเหนือนาซี ชวนชาวรัสเซียยึด ‘ทหารผ่านศึก’ เป็นแรงบันดาลใจ

(9 พ.ค. 68) ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน กล่าวสุนทรพจน์เนื่องในโอกาสครบรอบ 80 ปีแห่งชัยชนะในสงครามโลกครั้งที่ 2 ณ กรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย โดยย้ำถึงความสามัคคีของชาวรัสเซียที่ยึดมั่นในเกียรติและความเสียสละของคนรุ่นก่อน ซึ่งสามารถเอาชนะนาซีและนำอิสรภาพมาสู่มวลมนุษยชาติ พร้อมยกให้ 'วันแห่งชัยชนะ' เป็นวันหยุดที่สำคัญที่สุดของประเทศ

ผู้นำรัสเซียกล่าวว่า รัสเซียจะยังคงเป็น 'กำแพงที่ไม่สามารถทำลายได้' ต่อลัทธิฟาสซิสต์ และยืนหยัดต่อสู้กับความโหดร้ายทุกรูปแบบ พร้อมสนับสนุนและภาคภูมิใจในผู้เข้าร่วมหน่วย 'ปฏิบัติการพิเศษ' ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของจิตวิญญาณแห่งการเสียสละเพื่อบ้านเกิดเมืองนอน

ทั้งนี้ ปูตินเน้นว่าชัยชนะเหนือลัทธิฟาสซิสต์เป็นผลจากความร่วมมือของนานาชาติ และรัสเซียซาบซึ้งในบทบาทของพันธมิตรอย่างยิ่ง เขาเรียกร้องให้ชาวรัสเซียยึดถือทหารผ่านศึกเป็นแบบอย่างแห่งความกล้าหาญ และความมุ่งมั่นในการปกป้องชาติอย่างไม่มีวันยอมแพ้

COLUMNIST

อย่าให้แผ่นดินนี้กลายเป็นยูเครนหรือไต้หวัน บทเรียนจากสงครามและการต่อรองที่ต้องจดจำ

(19 พ.ค. 68) ช่วงนี้โลกเรามันก็วุ่นวายเหลือเกินนะ แค่เปิดทีวีหรือเข้าโซเชียลก็เจอแต่ข่าวสงคราม ความขัดแย้ง และความสูญเสีย ดูอย่างยูเครนสิ เมื่อก่อนก็เป็นประเทศที่เต็มไปด้วยความหวังและความฝัน แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นซากปรักหักพัง ชีวิตผู้คนถูกทำลาย ทรัพย์สินโดนยึดไปอย่างน่าสลดใจ

เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน ออกมาพูดด้วยน้ำตาคลอเบ้า “สหรัฐฯ และยุโรปเก็บเกี่ยวยูเครนมาเป็นเวลาสามปี เหมือนกับต้นหอม” คำพูดนี้มันสะท้อนถึงความจริงที่โหดร้ายสุด ๆ ที่ยูเครนต้องเผชิญ ถูกใช้เหมือนเครื่องมือ พอหมดประโยชน์ก็ถูกทิ้งแบบไม่ใยดี

ตอนนี้คนยูเครนต้องเดินเท้า 5 กิโลเมตรเพื่อหาน้ำดื่ม ในเมืองคาร์คิฟ โรงไฟฟ้าถูกทำลายไป 65% เหลือแต่ซาก กองทัพก็กลายเป็นทาสหนี้ให้กับพ่อค้าอาวุธจากสหรัฐฯ คนละ 150,000 ดอลลาร์ นี่มันราคาของ ‘พันธมิตร’ หรือ ‘ทาสยุคใหม่’ กันแน่?

ที่เจ็บแสบที่สุดคือ ข้อตกลงแร่ธาตุที่สหรัฐฯ ผลักดันให้ยูเครนเปิดพื้นที่เหมืองแร่หายาก 18 แห่ง เพื่อแลกกับการล้างหนี้ แต่สหรัฐฯ ไม่คิดช่วยเหลือทางทหารสักเหรียญเดียว! คือแบบนี้มันแฟร์เหรอ? เหมือนมัดมือชกกันชัด ๆ

ที่สหภาพยุโรปก็ไม่ต่างกันเลย พวกเขาจัดให้ “ปัญหาความมั่นคงของยูเครน” อยู่อันดับที่ 27 ในการประชุมที่บรัสเซลส์ รองจากการปรับปรุงอาหารกลางวันในโรงเรียน! ชีวิตคนทั้งชาติ โดนจัดให้อยู่ท้ายแถวในวาระการประชุม แบบนี้มันไม่ใช่แค่โดนทิ้งนะ แต่มันคือการโดนหักหลัง!

คิสซิงเจอร์เคยพูดไว้ว่า “การเป็นศัตรูของสหรัฐฯ เป็นเรื่องอันตราย แต่การเป็นเพื่อนกับสหรัฐฯ น่ากลัวยิ่งกว่า” คำพูดนี้มันเหมือนพยากรณ์ถึงชะตากรรมของไต้หวันเลยนะ

ไต้หวันเองก็เหมือนกับยูเครนในหลายแง่มุม ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ไต้หวันกลายเป็นสนามประลองของอำนาจมหาอำนาจ ไม่ว่าจะเป็นจีนหรือสหรัฐฯ แต่สิ่งที่น่าเศร้าคือ ในขณะที่ไต้หวันทุ่มเงินจำนวนมหาศาลไปกับการซื้ออาวุธจากสหรัฐฯ กลับไม่มีสิ่งใดกลับมานอกจากหนี้สินและคำสัญญาที่ว่างเปล่า

ก่อนที่สงครามในช่องแคบไต้หวันจะปะทุขึ้น สหรัฐฯ ได้ยึดเอา TSMC บริษัทผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์ยักษ์ใหญ่ของไต้หวันไปใช้เป็นเครื่องมือทางเศรษฐกิจและการเมือง ไม่ต่างจากที่เขาเคยทำกับแหล่งแร่ธาตุของยูเครน และตอนนี้ไต้หวันก็ต้องแบกรับหนี้สินจากการซื้ออาวุธในระดับที่หนักหน่วง โดยที่นักการเมืองในไต้หวันก็ทำได้เพียงแค่ก้มหน้ายอมรับสภาพ

แย่กว่านั้น ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีไต้หวันยังต้องเดินทางไปสหรัฐฯ เพื่อเข้าพบและขอการยอมรับ ไม่ต่างจากการ ‘แสวงบุญ’ ที่ต้องผ่านการสัมภาษณ์และการพิจารณาจากผู้นำต่างชาติอย่างน่าหดหู่ เหมือนกับว่าอนาคตของประเทศไม่ได้อยู่ในมือประชาชนตัวเอง แต่อยู่ในมือของมหาอำนาจที่อยู่อีกซีกโลก

คนไทยเราเห็นแล้วก็ต้องคิดบ้าง อย่าให้ใครมายุยงปลุกปั่นให้เราแตกแยก อย่าให้ใครเอาผลประโยชน์หรืออำนาจมาล่อลวง เราต้องรักและหวงแหนแผ่นดินของเราเอง อย่าให้แผ่นดินนี้ต้องกลายเป็น ‘ยูเครนเวอร์ชั่น 2’ หรือ ‘ไต้หวันเวอร์ชั่น 2’ เพราะสุดท้ายแล้ว คนที่จ่ายราคาแพงที่สุด ก็คือพวกเราคนไทยเอง

ประเทศไทย... พึงตระหนัก!

KazanForum เมื่อรัสเซียหันหน้าเข้าสู่ ‘โลกมุสลิม’ เพื่อปักหมุดภูมิรัฐศาสตร์ใหม่ ในโลกยุคหลายขั้ว

(18 พ.ค. 68) ในขณะที่โลกยังคงหมุนวนท่ามกลางความปั่นป่วนของอำนาจและการแย่งชิงผลประโยชน์ รัสเซียเดินหน้าด้วยความเด็ดขาดและไม่ลังเลที่จะ “หันหน้า” เข้าหาโลกมุสลิม — กลุ่มประเทศที่มีพลานุภาพมหาศาลทางเศรษฐกิจ มีวัฒนธรรมและอุดมการณ์ KazanForum จึงไม่ใช่แค่เวทีเจรจาธรรมดาแต่มันคือการประกาศศักดาอันดุเดือดของรัสเซียในการปักหมุดภูมิรัฐศาสตร์ใหม่ของโลกยุคหลายขั้ว นี่คือการท้าทายอำนาจเก่าที่มองข้ามหรือพยายามกดขี่โลกมุสลิมมาเนิ่นนาน รัสเซียไม่ใช่แค่ผู้เล่นรายหนึ่งในเวทีการเมืองระหว่างประเทศแต่คือ “เสาหลัก” ที่โลกมุสลิมจะจับมือเพื่อขับเคลื่อนยุทธศาสตร์และอุดมการณ์ใหม่ที่ไม่ยอมจำนนต่อระบบโลกเดิม ดังนั้น KazanForum คือสนามรบทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เต็มไปด้วยพลังความมั่นคงและพันธมิตรที่ไม่อาจมองข้าม เมื่อโลกถูกบังคับให้ต้องเลือกระหว่างอำนาจที่สั่นคลอนและอนาคตที่ไม่แน่นอน KazanForum คือคำตอบของพันธมิตรใหม่ที่ทรงพลังที่สุดในยุคนี้ที่จะปั้นโลกให้เป็นเวทีของความหลากหลาย ศรัทธาและอิทธิพลที่รัสเซียและโลกมุสลิมพร้อมยืนหยัดเคียงข้างกันอย่างไม่หวั่นไหว

จากดอนบาสถึงคาซาน

เมื่อรัสเซียเผชิญแรงกดดันจากมาตรการคว่ำบาตรระลอกแล้วระลอกเล่า การประชุมทางเลือกนอกโลกตะวันตกจึงกลายเป็นเวทีสำคัญในยุทธศาสตร์ต่างประเทศของเครมลินและหนึ่งในนั้นคือ Russia–Islamic World: KazanForum ซึ่งจัดขึ้นที่สาธารณรัฐตาตาร์สถาน ดินแดนที่มีทั้งอัตลักษณ์มุสลิมและเชื้อชาติเตอร์กผสมผสานอยู่ในโครงสร้างของรัฐรัสเซียอย่างแนบแน่น KazanForum ที่เกิดขึ้นในปี ค.ศ. 2025 ดึงดูดผู้แทนจากกว่า 80 ประเทศมุสลิมโดยเฉพาะกลุ่ม OIC ทั้งในตะวันออกกลาง เอเชียกลาง แอฟริกา และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้การรวมตัวกันในระดับนี้ ไม่ใช่เรื่องเล็กในโลกที่แตกขั้วอย่างเข้มข้นขึ้นทุกวัน โดย KazanForum มีกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 13 – 18 พฤษภาคม ค.ศ. 2025  ณ เมืองคาซาน สาธารณรัฐตาตาร์สถาน ประเทศสหพันธรัฐรัสเซีย มีตัวแทนจากกว่า 87 ประเทศ รวมถึงประเทศสมาชิกองค์การความร่วมมืออิสลาม (OIC) และ 87 ภูมิภาคของรัสเซียเข้าร่วมงาน หัวข้อและกิจกรรมเด่นประกอบไปด้วย 
1) การประชุมเชิงธุรกิจและเศรษฐกิจ มีการจัดการประชุมกว่า 150 เซสชัน ครอบคลุมหัวข้อต่าง ๆ เช่น การเงินอิสลาม การลงทุน เทคโนโลยี การศึกษาและการท่องเที่ยว รวมถึงมีการลงนามข้อตกลงความร่วมมือกว่า 120 ฉบับระหว่างภาครัฐและเอกชน 2) การประชุมกลุ่มวิสัยทัศน์ยุทธศาสตร์ "รัสเซีย–โลกอิสลาม" เป็นเวทีสำคัญที่มีผู้แทนระดับสูงจากประเทศต่าง ๆ เช่น เติร์กเมนิสถาน แอลจีเรีย บังกลาเทศ โมร็อกโกและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์เข้าร่วม 3) การประชุมด้านการเงินอิสลาม (AAOIFI Conference) จัดขึ้นครั้งแรกในรัสเซีย โดยเน้นการปรับใช้การเงินอิสลามภายใต้กฎหมายรัสเซีย 4) นิทรรศการ Halal Expo แสดงผลิตภัณฑ์ฮาลาล
หลากหลายประเภท เช่น อาหาร เครื่องแต่งกาย การเงินและการท่องเที่ยว halaltimes.com 5) การประชุมระดับรัฐมนตรีรวมถึงการประชุมรัฐมนตรีวัฒนธรรมของประเทศสมาชิก OIC และการประชุมเกี่ยวกับการพัฒนาเศรษฐกิจและการลงทุน การประชุมครั้งนี้มีผู้เข้าร่วมระดับสูงหลายท่าน เช่น นายกุร์บันกูลี เบอร์ดีมูฮาเมโดว์อดีตประธานาธิบดีเติร์กเมนิสถาน นายอันวาร์ อิบราฮิมนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ฯพณฯ อาลี อับดุลลาห์ ธานี จัสซิม อัล ธานี มาชิกราชวงศ์กาตาร์ รวมถึงรัฐมนตรีจากปากีสถาน ลิเบียและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์

แม้ภาพลักษณ์ของ KazanForum จะถูกห่อหุ้มด้วยวาทกรรมเศรษฐกิจ การลงทุนและความร่วมมือวัฒนธรรมแต่สิ่งที่อยู่เบื้องหลังคือบทสนทนาเรื่อง "ความมั่นคงทางเลือก" ที่ไร้เงาของ NATO หรือ EU หลายประเทศมุสลิมมองรัสเซียในฐานะ “รัฐที่เข้มแข็ง” ที่กล้าท้าทายอำนาจอเมริกาและพร้อมจะจัดระเบียบความมั่นคงร่วมในรูปแบบใหม่ที่ไม่พึ่งพาโลกตะวันตก เช่น การร่วมมือด้านข่าวกรอง การพัฒนาเทคโนโลยีป้องกันประเทศหรือแม้แต่การสนับสนุนการรักษาเสถียรภาพในภูมิภาคที่เปราะบางอย่างซาเฮลหรือคอเคซัส  สิ่งนี้สะท้อนว่า KazanForum ไม่ได้เป็นเพียงพื้นที่สร้างเครือข่ายเศรษฐกิจแต่มันเริ่มกลายเป็น “แหล่งรวมแนวร่วมของความมั่นคงเชิงภูมิวัฒนธรรม” ที่ตั้งอยู่บนฐานของอัตลักษณ์อิสลามและการต่อต้านภาวะอาณานิคมใหม่ 

หากมอสโกคือจุดศูนย์กลางของอำนาจรัฐ คาซานก็คือ “เวทีทดลอง” สำหรับยุทธศาสตร์ทางวัฒนธรรมที่รัสเซียต้องการเสนอออกสู่โลกการเลือกจัด KazanForum ในตาตาร์สถานไม่ใช่เรื่องบังเอิญเพราะดินแดนนี้เปรียบได้กับ "สะพาน" ระหว่างจักรวรรดิรัสเซียดั้งเดิมกับโลกมุสลิมที่แผ่ขยายจากเอเชียกลางสู่ตะวันออกกลาง การใช้ความเป็นมุสลิมของชาวตาตาร์ในการสื่อสารเชิงสัญลักษณ์ทำให้รัสเซียสามารถ "แสดงบทบาท" ของรัฐพหุวัฒนธรรมได้อย่างแนบเนียน ภูมิรัฐศาสตร์แบบใหม่ของรัสเซียจึงไม่ได้พึ่งแต่กองทัพหรือพลังงานอีกต่อไปแต่ยังพยายามสร้าง "Soft Eurasianism" ผ่านความเชื่อมโยงทางศาสนา ประวัติศาสตร์ และการต่อต้านอำนาจเดิมของโลกตะวันตก

นอกจากวาทกรรมทางความมั่นคงและอัตลักษณ์ KazanForum ยังเป็นเวทีที่รัสเซียพยายามเสนอภาพตนเองในฐานะพันธมิตรทางเศรษฐกิจที่ไว้ใจได้ โดยเฉพาะกับกลุ่มประเทศมุสลิมที่ต้องการความหลากหลายในการค้าระหว่างประเทศจากระบบการเงินอิสลาม (Islamic Finance) ไปจนถึงเครือข่ายการค้าฮาลาล รัสเซียเร่งเจาะตลาดใหม่เพื่อชดเชยการสูญเสียการค้ากับยุโรป ในฟอรั่มปีนี้มีการลงนาม MOU หลายฉบับทั้งการส่งออกอาหารฮาลาล การร่วมทุนโลจิสติกส์และการเชื่อมโยงท่าเรือทะเลสาบแคสเปียนเข้าสู่เส้นทางซัพพลายเชนใหม่ กล่าวได้ว่า KazanForum กำลังทำหน้าที่คล้ายกับ Belt and Road Forum ของจีนในเวอร์ชันมุสลิม—ต่างกันแค่แทนที่จะมี “มังกร” เป็นผู้ชี้ทางที่นี่มี “หมีขาว” สวมชุดมุสลิมเป็นผู้เปิดเกม 

โลกมุสลิมตอบรับ KazanForum ในแง่บวกอย่างชัดเจนโดยมองว่าเวทีนี้เป็นโอกาสสำคัญในการสร้างพันธมิตรกับรัสเซียในหลากหลายมิติโดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจและการเมืองซึ่งสอดคล้องกับแนวโน้มการสร้างความสัมพันธ์ใหม่ ๆ นอกเหนือจากการพึ่งพาตะวันตก เช่น การร่วมมือในด้านการเงินอิสลาม ฮาลาล เทคโนโลยีและโครงสร้างพื้นฐานหลายประเทศมุสลิมมองว่ารัสเซียเป็นพันธมิตรที่แข็งแกร่งในเวทีโลกหลายขั้ว ที่สามารถเป็นทางเลือกแทนตะวันตกที่มักมีความขัดแย้งกับโลกมุสลิม นอกจากนี้ KazanForum ยังถูกมองว่าเป็นเวทีที่เปิดโอกาสให้ประเทศมุสลิมนำเสนอวัฒนธรรมและศักยภาพของตนเองในระดับสากลภายใต้กรอบความร่วมมือที่มีความเคารพซึ่งกันและกัน

เยกอร์ อาเลเยฟ (Yegor Aleyev) นักวิเคราะห์ชื่อดังของสำนักข่าว TASS ของรัสเซียชี้ชัดว่า KazanForum เป็นการแสดงพลังของรัสเซียในการเป็นศูนย์กลางความร่วมมือระหว่างรัสเซียกับโลกมุสลิมซึ่งไม่ได้จำกัดแค่ในด้านเศรษฐกิจเท่านั้นแต่ยังครอบคลุมถึงความมั่นคงและการเมืองระดับภูมิภาคและระดับโลก อาเลเยฟเน้นว่า "รัสเซียกำลังสร้าง ‘เวทีใหม่’ ที่โลกมุสลิมสามารถแสดงบทบาทและศักยภาพของตนได้อย่างเต็มที่ภายใต้การสนับสนุนและความร่วมมือที่เท่าเทียมและเคารพซึ่งกันและกัน ซึ่งแตกต่างจากความสัมพันธ์แบบเก่าที่มีเงื่อนไขหรือการครอบงำจากมหาอำนาจตะวันตก" อาเลเยฟมองว่าเวทีนี้เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้รัสเซียและโลกมุสลิมสามารถรับมือกับความท้าทายร่วมกัน เช่น การกดดันทางการเมืองจากโลกตะวันตก การคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจรวมถึงภัยคุกคามทางไซเบอร์และการก่อการร้าย เขายังชี้ว่าความสัมพันธ์นี้จะไม่ใช่แค่ในระยะสั้นแต่มีศักยภาพที่จะพัฒนาไปสู่พันธมิตรยุทธศาสตร์ที่ยั่งยืนและทรงพลังที่สุดในศตวรรษนี้โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบริบทของโลกที่กำลังเคลื่อนเข้าสู่ยุค “โลกหลายขั้ว” ที่มีอำนาจทางภูมิรัฐศาสตร์กระจายตัวมากขึ้น 

ในขณะที่อเล็กเซย์ วาซิลิเยฟ (Alexei Vasiliev) นักประวัติศาสตร์และผู้เชี่ยวชาญด้านตะวันออกกลางของรัสเซียเน้นย้ำถึงบทบาทของรัสเซียในการสร้างความร่วมมือกับโลกอิสลามโดยเฉพาะในบริบทของการเปลี่ยนแปลงภูมิรัฐศาสตร์โลก เขาเห็นว่า Kazan Forum เป็นเวทีสำคัญที่รัสเซียใช้ในการเสริมสร้างความสัมพันธ์กับประเทศมุสลิมและเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์การสร้างโลกหลายขั้วที่รัสเซียผลักดัน

อันเดรย์ โคโรตาเยฟ (Andrey Korotayev) นักมานุษยวิทยาและนักสังคมวิทยาชาวรัสเซียผู้ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างรัสเซียกับโลกอิสลามในบริบทของความมั่นคงและวัฒนธรรม เขาชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของการเข้าใจโครงสร้างสังคมและวัฒนธรรมของประเทศมุสลิมในการสร้างความร่วมมือที่ยั่งยืน และ KazanForum เป็นเวทีที่ช่วยส่งเสริมความเข้าใจและความร่วมมือดังกล่าว

รุสลาน เคอร์บานอฟ (Ruslan Kurbanov) นักวิชาการและนักกิจกรรมทางสังคมจากดาเกสถาน
เน้นย้ำถึงบทบาทของรัสเซียในการสนับสนุนและส่งเสริมชุมชนมุสลิมภายในประเทศและการใช้ KazanForum เป็นเวทีในการแสดงออกถึงความเป็นพหุวัฒนธรรมของรัสเซีย รวมถึงการสร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับประเทศมุสลิมอื่น ๆ

ตามทฤษฎี Clash of Civilizations ของ ซามูเอล ฮันติงตัน (Samuel P. Huntington) โลกถูกแบ่งออกเป็นกลุ่มอารยธรรมที่มีความแตกต่างทางวัฒนธรรม ศาสนา และค่านิยม ซึ่งมักนำไปสู่ความขัดแย้งและการแข่งขันทางภูมิรัฐศาสตร์ ในบริบทนี้ KazanForum จึงไม่ได้เป็นเพียงงานประชุมเศรษฐกิจหรือวัฒนธรรมทั่วไปแต่เป็นเวทีที่รัสเซียกำลังสร้าง “สะพาน” เชื่อมโยงระหว่างโลกอิสลามกับอารยธรรมตะวันตก-รัสเซีย ผ่านการแสดงออกถึงอำนาจทางภูมิรัฐศาสตร์ในรูปแบบใหม่ ได้แก่ 1) ภูมิรัฐศาสตร์หลายขั้วโดยรัสเซียใช้ KazanForum เป็นเครื่องมือผลักดันยุทธศาสตร์หลายขั้วที่ท้าทายอิทธิพลของสหรัฐและตะวันตกในโลกมุสลิม 2) การสร้างอัตลักษณ์ร่วม KazanForum เสริมสร้างภาพลักษณ์ของ “โลกอิสลาม” ที่มีความเป็นเอกภาพและมีพันธมิตรที่แข็งแกร่งในรัสเซีย ซึ่งอาจเป็นการตอบโต้แนวคิดของตะวันตกที่มองโลกมุสลิมเป็น “อื่น” หรือศัตรู 3) การแข่งขันทางวัฒนธรรมและความมั่นคง โดยการสร้างพันธมิตรทางเศรษฐกิจและความมั่นคงผ่าน KazanForum คือการต่อสู้ในสมรภูมิทางวัฒนธรรม ที่ไม่ใช่แค่เรื่องผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ แต่เป็นการต่อสู้เพื่อความชอบธรรมและการกำหนดอนาคตของอารยธรรม

สรุป KazanForum มิใช่เพียงงานประชุมหากคือการเคลื่อนไหวทางภูมิรัฐศาสตร์ที่แหลมคมและแยบยล รัสเซียกำลังสลักหมุดใหม่บนแผนที่โลก ไม่ใช่ด้วยกำลังทหารแต่ด้วยการสร้างพันธมิตรในนามของศรัทธา เศรษฐกิจและอารยธรรม ท่ามกลางระเบียบโลกเก่าที่เปราะบางและกำลังล่มสลายต่อหน้าต่อตารัสเซียและโลกมุสลิมกำลังรวมตัวกันอย่างเงียบเชียบแต่ทรงพลังเพื่อวางรากฐานใหม่ของอำนาจที่ไม่จำเป็นต้องขออนุญาตจากตะวันตกอีกต่อไป เวทีสัมมนาอย่าง KazanForum กลายเป็นอาวุธเชิงยุทธศาสตร์ในยุคที่ “คำพูดสามารถโค่นกองทัพ” และ “การสร้างภาพจำสามารถล้มอารยธรรม” รัสเซียไม่เพียงปรับยุทธศาสตร์แต่กำลังสร้างสนามใหม่ที่คู่แข่งไม่ถนัดและไม่อาจคุมเกมได้ โลกมุสลิมตอบรับด้วยความกระตือรือร้นเพราะนี่คือพื้นที่ที่ให้เกียรติให้โอกาสและให้อนาคต ในท้ายที่สุด คำถามที่โลกต้องเผชิญไม่ใช่ว่า "รัสเซียกับโลกมุสลิมจะทำอะไรต่อไป?" แต่คือ "จะมีใครกล้าต้านทานพันธมิตรแห่งศรัทธา อำนาจ และภูมิปัญญาใหม่นี้ได้หรือไม่?"

‘NailName’ ขอโทษ!! ‘สนธิ’ กรณีจุดเริ่มต้น สงครามเหลืองแดง หลังออก!! คลิป YouTube บิดเบือนข้อเท็จจริง โดยไม่ตรวจสอบ

(17 พ.ค. 68) รายการ 'แฮชแท็ก' จากช่อง YouTube NailName ออกมาแสดงความรับผิดชอบและกล่าวคำขอโทษอย่างเป็นทางการต่อ คุณสนธิ ลิ้มทองกุล หลังจากที่คลิปวิดีโอตอน '#สนธิ vs ทักษิณ: ตำนานเพื่อนรักไม่ให้ยืมเงิน จุดเริ่มต้นสงครามเหลืองแดง' ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในโลกออนไลน์

คลิปดังกล่าวพยายามอธิบายเหตุการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองในอดีต โดยมีเนื้อหาที่ไม่สอดคล้องกับข้อเท็จจริง และทำให้เกิดความเข้าใจผิดเกี่ยวกับบทบาทของ สนธิ ลิ้มทองกุล ในการเคลื่อนไหวของกลุ่มเสื้อเหลือง-เสื้อแดง

ในคลิปขอโทษล่าสุด เนม – รติศา วิเชียรพิทยา ผู้ดำเนินรายการ ได้กล่าวยอมรับความผิดพลาดในการนำเสนอข้อมูลและขอโทษต่อ คุณสนธิ ลิ้มทองกุล อย่างเป็นทางการ พร้อมทั้งย้ำถึงความมุ่งมั่นที่จะตรวจสอบข้อมูลอย่างละเอียดก่อนการเผยแพร่ เพื่อรักษาความน่าเชื่อถือของรายการและเคารพต่อผู้ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งในคลิปนั้นมีใจความว่า …

"ตามที่ข้าพเจ้า เนม รติศา วิเชียรพิทยา หรือ nailname เผยแพร่คลิปวิดีโอ ชื่อหัวข้อ #สนธิ vs ทักษิณ ตำนานเพื่อนรักไม่ให้ยืมเงิน จุดเริ่มต้นสงครามเหลืองแดง เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2566 เผยแพร่ใน YouTube ช่อง NailName ซึ่งเนื้อหาในคลิปวิดีโอดังกล่าว ข้าพเจ้าขอยอมรับว่าไม่เป็นความจริง ข้าพเจ้าได้ตรวจสอบแล้วไม่พบหลักฐานหรือข่าวใด ๆ ที่ยืนยันได้ว่า คุณสนธิไปยืมเงินคุณทักษิณ โดยปรากฏข่าวว่าคุณสนธิปฏิเสธว่าไม่ใช่เพื่อนรักกับคุณทักษิณ และมีบุคคลอื่น เคยขอโทษคุณสนธิเกี่ยวกับเรื่องนี้ ดังที่ปรากฏข้อมูลไว้ในคลิปวิดีโอดังกล่าว โดยเนื้อหาในคลิปวิดีโอ ทำให้คุณสนธิได้รับความเสียหาย ต่อชื่อเสียง ข้าพเจ้ารับทราบแล้วจึงขออภัยและขอโทษมาด้วยความจริงใจ ต่อคุณสนธิ ลิ้มทองกุล และขอบคุณคุณสนธิยินดีที่จะไกล่เกลี่ยและไม่เอาความ มา ณ โอกาสนี้"

เหตุการณ์นี้สะท้อนถึงบทเรียนสำคัญในวงการสื่อออนไลน์ ที่ความผิดพลาดเพียงเล็กน้อย อาจสร้างผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของบุคคลและองค์กรได้อย่างมาก

WORLD

‘ทรัมป์’ ชม ‘กาตาร์’ เจตนาดีให้ฟรี Boeing 747-8 เปรียบเหมือน ‘เทพีเสรีภาพ’ ไม่จำเป็นต้องตอบแทน

(19 พ.ค. 68) สตีฟ วิทคอฟฟ์ ผู้แทนพิเศษของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐอเมริกา เปิดเผยเมื่อวันอาทิตย์ว่า การที่สหรัฐฯ รับมอบเครื่องบิน Boeing 747-8 มูลค่า 400 ล้านดอลลาร์ (ราว 14,400 ล้านบาท) จากประเทศกาตาร์ เป็นการทำธุรกรรมระหว่างรัฐที่ชอบด้วยกฎหมาย และผ่านการตรวจสอบจากที่ปรึกษาทำเนียบขาว กระทรวงยุติธรรม และสำนักงานกฎหมายแล้ว

ขณะที่ สก็อตต์ เบสเซนต์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังในรัฐบาลทรัมป์ กล่าวปกป้องการตัดสินใจดังกล่าว โดยเปรียบเปรยว่า “ฝรั่งเศสเคยมอบเทพีเสรีภาพให้เรา และอังกฤษเคยมอบโต๊ะทำงานให้เรา ผมไม่แน่ใจว่าพวกเขาเรียกร้องอะไรล่วงหน้าหรือไม่” พร้อมชี้ว่ากาตาร์มีคำสั่งซื้อเครื่องบินจาก Boeing มูลค่าสูงถึง 100,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งถือเป็นคำสั่งซื้อที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของบริษัท

ด้านทรัมป์กล่าวเมื่อสัปดาห์ก่อนว่า เขาคง ‘โง่มาก’ หากปฏิเสธ ‘เครื่องบินฟรี’ ลำนี้ โดยตามรายงานของสื่อสหรัฐฯ เครื่องบินลำนี้ได้เดินทางมาถึงรัฐเท็กซัสแล้วนานกว่าหนึ่งเดือน

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ปัจจุบันของสหรัฐฯ เปิดเผยว่า อาจต้องใช้เวลาอีกหลายปีและใช้งบประมาณมหาศาลในการปรับแต่งเครื่องบินลำดังกล่าวให้ผ่านมาตรฐานด้านความปลอดภัยระดับผู้นำประเทศ โดยเฉพาะหากมีการใช้งานในภารกิจของประธานาธิบดีในอนาคต

ผู้ลี้ภัยโรฮิงญาอ้าง!..ถูกบังคับขึ้นเรือรบอินเดีย ถูกปิดตา-ทุบตี ก่อนโยนลงทะเลให้ว่ายกลับเมียนมา

(19 พ.ค. 68) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เจ้าหน้าที่อินเดียบังคับผู้ลี้ภัยชาวโรฮิงญาจำนวนอย่างน้อย 40 คน ซึ่งรวมถึงผู้หญิง เด็ก และผู้สูงอายุ ให้ลงจากเรือของกองทัพเรืออินเดีย โดยมีการอ้างว่าบางคนถูกปิดตา ถูกทุบตี และถูกโยนลงทะเลบริเวณน่านน้ำสากลใกล้ชายแดนเมียนมา และให้ว่ายน้ำกลับเข้าฝั่งเอง

กลุ่มผู้ลี้ภัยเหล่านี้ถูกควบคุมตัวในกรุงนิวเดลีเมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม และถูกส่งตัวโดยเครื่องบินไปยังหมู่เกาะอันดามันและนิโคบาร์ ก่อนที่จะถูกนำขึ้นเรือของกองทัพอินเดีย

สำนักงานข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (OHCHR) ได้แสดงความกังวลอย่างยิ่งต่อรายงานดังกล่าว โดย ทอม แอนดรูว์ส ผู้รายงานพิเศษของสหประชาชาติด้านสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในเมียนมา กล่าวว่า “แนวคิดที่ว่าผู้ลี้ภัยชาวโรฮิงญาถูกโยนลงทะเลจากเรือของกองทัพเรือนั้นเป็นสิ่งที่น่าขุ่นเคืองอย่างยิ่ง” เขาเรียกร้องให้รัฐบาลอินเดียหยุดการปฏิบัติที่ไร้มนุษยธรรมและเป็นอันตรายต่อชีวิตของผู้ลี้ภัยชาวโรฮิงญา รวมถึงการส่งตัวพวกเขากลับไปสู่สภาพที่อันตรายในเมียนมา

ด้าน ทนายความ ดิลาวาร์ ฮุสเซน ซึ่งเป็นตัวแทนของผู้ลี้ภัย ได้ยื่นคำร้องต่อศาลสูงสุดของอินเดีย เพื่อขอให้รัฐบาลนำผู้ลี้ภัยเหล่านี้กลับมายังกรุงนิวเดลี อย่างไรก็ตาม กองทัพเรืออินเดียและกระทรวงการต่างประเทศยังไม่ได้แสดงความคิดเห็นต่อกรณีนี้

ทั้งนี้ อินเดียไม่ได้เป็นภาคีของอนุสัญญาผู้ลี้ภัยปี 1951 หรือพิธีสารปี 1967 แต่มีผู้ลี้ภัยชาวโรฮิงญาประมาณ 40,000 คนอาศัยอยู่ในประเทศ โดยประมาณ 22,500 คนได้รับการลงทะเบียนกับสำนักงาน UNHCR หลายคนอาศัยอยู่ในสภาพความเป็นอยู่ที่ย่ำแย่ และเผชิญกับการกดขี่ข่มเหงจากกลุ่มชาวฮินดูที่เรียกร้องให้ขับไล่พวกเขาออกจากประเทศ

ม.นิวยอร์ก ระงับมอบปริญญาแก่ ‘โลแกน โรโซส’ หลังนักศึกษาพูดหนุนปาเลสไตน์ ประณามสหรัฐฯ กลางเวทีจบการศึกษาว่า ได้ทำการ ‘ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์’ ในกาซา ผ่านเงินภาษีของประชาชน

(19 พ.ค. 68) มหาวิทยาลัยนิวยอร์ก (NYU) ระงับการมอบปริญญาบัตรให้ โลแกน โรโซส (Logan Rozos) นักศึกษาปริญญาตรี หลังเขาใช้เวทีรับปริญญาเมื่อวันพุธที่ผ่านมา เพื่อกล่าวประณามสหรัฐฯ ว่ามีส่วนสนับสนุน “การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในกาซา” คำพูดของเขาทำให้เกิดเสียงเชียร์และโห่ปะปนกันในหมู่ผู้ชม

“การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ที่กำลังเกิดขึ้นในขณะนี้ ได้รับการสนับสนุนทางการเมืองและทางทหารจากสหรัฐอเมริกา ซึ่งมาจากการสนับสนุนทางการเงินจากภาษีของเรา” เขายังกล่าวเพิ่มเติมว่า “ผมขอประณามการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์นี้ รวมถึงผู้ที่มีส่วนร่วมในนั้น” โรโซส กล่าว

ขณะที่ โฆษกของ NYU ระบุว่า โรโซสไม่ได้แจ้งเนื้อหาที่จะพูดตามที่กำหนดไว้ และใช้โอกาสดังกล่าวเพื่อแสดงมุมมองการเมืองด้านเดียวอย่างไม่เหมาะสม พร้อมกล่าวว่าสถาบันรู้สึกเสียใจอย่างยิ่งต่อเหตุการณ์นี้ ขณะเดียวกัน NYU ยืนยันว่าจะดำเนินการสอบสวนทางวินัย และยังไม่มอบปริญญาบัตรให้เขา

สำหรับการเคลื่อนไหวสนับสนุนปาเลสไตน์ในมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ของสหรัฐฯ กลายเป็นประเด็นทางการเมือง โดยเฉพาะภายใต้รัฐบาลทรัมป์ที่มีท่าทีแข็งกร้าวต่อกรณีที่ระบุว่าเป็น “การต่อต้านชาวยิว” ส่งผลให้เกิดข้อถกเถียงเรื่องเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นในสถาบันการศึกษาอย่างกว้างขวาง 

ทั้งนี้ NYU เป็นหนึ่งใน 10 สถาบันที่อยู่ระหว่างการสอบสวนของคณะทำงานต่อต้านการต่อต้านยิวของรัฐบาลทรัมป์ นับตั้งแต่สงครามอิสราเอล-กาซาเริ่มต้นในเดือนตุลาคม 2023

© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top