Wednesday, 4 October 2023
LITE

‘ทีน สราวุฒิ’ แวะบุรีรัมย์เยี่ยมสุสาน ‘ปอ ทฤษฎี’ บอกเล่าภาพรวมประเทศไทย ‘เละเทะทุกวงการ’

เพื่อนรักเพื่อนกันตลอดกาลจริง ๆ สำหรับ ‘ทีน สราวุฒิ พุ่มทอง’ กับพระเอกดังที่จากโลกนี้ไปนานแล้วอย่าง ‘ปอ ทฤษฎี’ ซึ่งหลายครั้งที่หนุ่ม ‘ทีน’ เดินทางไปบุรีรัมย์ก็จะต้องแวะเวียนไปเยี่ยมเพื่อนที่สุสานเสมอมา ล่าสุดเจ้าตัวได้ไปหา ‘ปอ’ พร้อมบอกกล่าวถึงสถานการณ์บ้านเมืองไทยในขณะนี้ว่า…

“ตามสัญญา ถ้ามาบุรีรัมย์ กูต้องแวะมาหามึง : Wrap up สั้น ๆ ของปี 66 ทุกวงการ ทุกสายงานอาชีพอย่างกับหนังสงครามเลยนะมึง ตีกันไปตีกันมา ละคงละครแทบไม่ต้องดูแล้ว แค่ตามข่าวในแต่ละวันแต่ละเรื่องก็เหนื่อยแย่แล้วววว เละเทะบอกเลย คิดถึงเหมือนเดิมเพิ่มคือกูแก่ขึ้น #ว่าแล้วก็ไป”

‘พิมรี่พาย’ สติหลุดกลางไลฟ์ ‘ทุ่มสินค้า-วีนพนง.-หยิบน้ำมันราดหน้า’ ท่ามกลางกระแสวิพากษ์วิจารณ์ ทั้งเป็นห่วง-ไม่เห็นด้วยกับพฤติกรรม

(3 ต.ค. 66) กลายเป็นกระแสดรามาสนั่น แม่ค้าออนไลน์เบอร์ต้น ‘พิมรี่พาย’ หลังจากเมื่อคืนไลฟ์ขายแป้ง แล้วเหมือนหลุดฟิวส์ขาดสติแตกวีนกลางไลฟ์ ขว้างปาข้าวของพังกระจาย ตะโกนดังลั่นตำหนิการทำงานพลาดของลูกน้องใส่รหัสสินค้าผิด อาทิ มึงพลาดได้ไง ไอ้…… มึงแก้ยัง แก้หรือยัง มึงเอารุ่นดีๆ ขึ้นมา เอาออกไป ทำไมมมมมมม…….. ก่อนจะลบไลฟ์ดังกล่าวทิ้ง

จากนั้นไลฟ์ใหม่แต่ยังมีพฤติกรรมที่หลายคนมองว่าแปลกไปอีก ทั้งเอาลิปสติกมาเขียนที่ฟัน เอาแป้งมาทาที่ฟันด้วยแบบไม่สนความสวยกันแล้ว หรือเอาน้ำมันราดที่หน้าทดสอบแป้งกันไปเลย

ท่ามกลางกระแสวิพากษ์วิจารณ์ ทั้งเป็นห่วงทั้งไม่เห็นด้วยกับพฤติกรรม อาทิ เข้าใจเลยค่ะ เงินหายไปเท่าไหร่ เขาเหนื่อยนะ จากคนขายออนไลน์เหมือนกันค่ะ, เสียดายของแตกหมดล่ะมั้งบ่ได้ขายพอดี, อะไรจะขนาดนั้น, เขาจริงจังกับการขายวันนี้มากๆ จริงๆ ค่ะ ต้องไปดูไลฟ์เต็มเลยอาจจะทำโมโหมาก 1 นาที คนกดหลายออเดอร์มากๆ วันนี้, แล้วเอาของที่หล่นส่งให้ลูกค้าไหมคะ มันจะแตกไหม แค่สงสัย, ช่วงขาลง/ก็จะเรียกเรตติ้ง เป็นธรรมดา เป็นต้น

3 ตุลาคม พ.ศ. 2436 ฝรั่งเศสบังคับสยาม ยอมยกดินแดนฝั่งซ้ายแม่น้ำโขง แลกกับเมืองจันทบุรี ในวิกฤตการณ์ ร.ศ.112

วันนี้ เมื่อ 130 ปีก่อน ฝรั่งเศสบังคับสยาม สละพื้นที่ฝั่งซ้ายแม่น้ำโขง ในวิกฤตการณ์ ร.ศ. 112 นับเป็นการเสียดินแดนครั้งที่ 2 

‘การรบที่ปากแม่น้ำเจ้าพระยา’ จุดเริ่มต้นของ ‘วิกฤติการณ์ ร.ศ. 112’ หรือ ‘กรณีพิพาทไทย-ฝรั่งเศส ร.ศ. 112’ ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เกิดขึ้นเมื่อกองทัพฝรั่งเศสส่งเรือรบ 2 ลำ คือ เรือแองกองสตองต์ และ เรือโกแมต์ โดยมีเรือสินค้า ‘เจ. เบ. เซย์’ เป็นเรือนำร่อง รุกล้ำฝ่าสันดอนปากแม่น้ำเจ้าพระยาเข้ามา 

โดยหมู่ปืนใหญ่ที่ป้อมพระจุลจอมเกล้าและหมู่เรือรบซึ่งเป็นแนวป้องกันของไทยได้ยิงสกัดถูกเรือสินค้าเสียหาย เรือรบของฝรั่งเศสจึงยิงตอบโต้ โดนเรือมกุฎราชกุมารของไทยเสียหาย และทหารไทยเสียชีวิต 8 นาย บาดเจ็บ 40 นาย ส่วนทหารฝรั่งเศสเสียชีวิต 3 นายและบาดเจ็บอีก 3 นาย จากนั้นเรือรบฝรั่งเศสทั้งสองก็แล่นฝ่าเข้ามาที่สถานกงสุลฝรั่งเศส ถนนเจริญกรุง 

โดยผลจากการปะทะกันครั้งนี้ ฝรั่งเศสได้บังคับให้สยามลงนามใน ‘สนธิสัญญาสันติภาพ’ ในวันที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2436 ซึ่งเป็นการทำสัญญาสงบศึกระหว่างรัฐบาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐฝรั่งเศส

โดยสาระสำคัญเป็นข้อกำหนดที่ฝรั่งเศสตั้งขึ้นเอง เช่น ให้สยามยอมสละข้ออ้างทั้งปวงว่า มีกรรมสิทธิ์อยู่เหนือดินแดนทั่วไปทางฝั่งซ้ายของแม่น้ำโขง และบรรดาเกาะทั้งหลายในแม่น้ำนั้น ห้ามมิให้มีเรือติดอาวุธไว้ใช้ หรือเดินไปมาในน่านน้ำของทะเลสาบ และของแม่น้ำโขง และลำน้ำที่แยกจากแม่น้ำโขง ไม่สร้างค่ายหรือที่ตั้งกองทหารไว้ในเมืองพระตะบอง และเมืองนครเสียมราฐ รวมทั้งบนฝั่งขวาแม่น้ำโขงในรัศมี 25 กิโลเมตร 

โดยให้บุคคลสัญชาติฝรั่งเศสก็ดี บุคคลในบังคับหรือในปกครองฝรั่งเศสก็ดี จะไปมาหรือค้าขายได้โดยเสรี ขออารักขาเมืองจันทบุรี ให้ลงโทษบุคคลที่เป็นต้นเหตุแห่งการสูญเสียชีวิตของทหารฝรั่งเศสในคำม่วนโดยมีคนของฝรั่งเศสเข้าร่วมพิจารณาตัดสินด้วย และที่สำคัญในกรณีเกิดความยุ่งยากในการตีความหมายของสัญญานี้ให้ใช้ฉบับภาษาฝรั่งเศสเท่านั้น

นอกจากนี้สนธิสัญญาฉบับดังกล่าวยังกำหนดให้สยามชดใช้ค่าเสียหายให้ฝรั่งเศสเป็นเงินจำนวน 3 ล้านฟรังก์ ตีเป็นเงินไทยประมาณ 1,560,000 บาท ในสมัยนั้น บังคับให้รัฐบาลสยามยอมสละดินแดนฝั่งซ้ายแม่น้ำโขง ตลอดถึงเกาะแก่งในแม่น้ำโขงทั้งหมด เป็นพื้นที่ 143,000 ตารางกิโลเมตร และฝรั่งเศสได้ยึดเมืองจันทบุรีไว้ในอารักขานานกว่า 10 ปี (ระหว่างปี 2436-2447) จนกว่าสยามจะชดใช้ค่าเสียหายจนครบ ผลจากกรณีพิพาทกับฝรั่งเศสครั้งนี้ทำให้สยามต้อง เสียดินแดนเป็นครั้งที่ 2 ซึ่งนับเป็นการเสียเนื้อที่ครั้งใหญ่ที่สุด

ทั้งนี้ กรณีพิพาทดังกล่าว ได้กลายเป็นชนวนสงครามความขัดแย้งขึ้นอีกครั้งบนคาบสมุทรอินโดจีนระหว่างไทยกับฝรั่งเศสในกรณีพิพาทอินโดจีนระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยมีจักรวรรดิญี่ปุ่นเข้าร่วมวงศ์ไพบูลย์ด้วย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของสงครามมหาเอเชียยบูรพาอีกด้วย

‘จ๊ะ นงผณี’ ประกาศเลิก ‘แจ๊ค ธนพล’ หลังปลูกต้นรักมา 7 ปี พยายามปรับกันแล้วแต่ไปไม่รอด ยัน!! จบกันด้วยดี ไร้มือที่สาม

(2 ต.ค.66) ทำเอาแฟนๆ ต่างช็อกไปตามๆ กัน เมื่อนักร้องลูกทุ่งสาว ‘จ๊ะ-นงผณี มหาดไทย’ ได้ประกาศยุติความสัมพันธ์กับแฟนหนุ่ม ‘แจ๊ค-ธนพล สัมมาพรต’ ลงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

โดย ‘จ๊ะ นงผณี’ ได้โพสต์ข้อความผ่านทางอินสตาแกรมส่วนตัว โดยมีเนื้อหาใจความว่า "จ๊ะขอชี้แจงในพื้นที่ของจ๊ะนะคะ ... จ๊ะ กับ พี่แจ๊ค เราตกลงเลิกกันแล้ว สถานะตอนนี้เราเป็นพี่น้องที่ดีต่อกัน คอยซัพพอร์ตกัน ธุรกิจที่ทำร่วมกันก็ยังทำด้วยกันอยู่ ผู้จัดการก็ยังใช้คนเดียวกันอยู่

จ๊ะอยากให้คนรอบข้าง ผู้ใหญ่ เพื่อน พี่น้อง และแฟนคลับ สบายใจได้ว่า เราจบกันด้วยดี!!!

เหตุผลในการเลิกครั้งนี้ เป็นปัญหาที่เราพยายาม ปรับกันมาตลอด 7 ปีที่คบกัน (ไม่มีเรื่องมือที่ 3)

สุดท้ายนี้จ๊ะและพี่แจ๊คขอบคุณทุกๆ กำลังใจที่ทุกคนคอยสนับสนุนคู่เรามาโดยตลอดนะคะ”

ทั้งนี้ ‘จ๊ะ นงผณี’ ยังได้เขียนแคปชันพร้อมแท็กถึง ‘แจ๊ค ธนพล’ อีกด้วยว่า "ขอบคุณสำหรับทุกอย่างที่ผ่านมา @jack_tha"

‘ชาวเน็ต’ วิจารณ์ ‘ลิซ่า’ ไร้ขอบเขต-ใช้คำหยาบคาย-เกลียดชัง ลามปามถึงคุณแม่ หลังร่วมแสดงที่ ‘Crazy Horse Paris’

ทำเอาแฟนคลับของ ‘ลิซ่า ลลิษา มโนบาล’ หรือ ‘ลิซ่า BlackPink’ ออกอาการหัวเสียทีเดียวเมื่อพบว่า ‘คุณแม่จิตทิพย์ มโนบาล’ ได้ลบอินสตาแกรมเป็นที่เรียบร้อยแล้วหลังเจอชาวเน็ตพากันมาถล่มคอมเมนต์ไม่หยุด

ก่อนหน้าที่คุณแม่จิตทิพย์ จะเดินทางไปชมโชว์ Crazy Horse ไอจี @chitthipbruschweiler ของคุณแม่ ก็โดนชาวเน็ตยกโขยงพาทัวร์มาลงอย่างมากมาย โดยแสดงความคิดเห็นไปในทางเกลียดชัง

โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่มีรายงานว่า คุณแม่ ได้เดินทางไปชมโชว์รอบสุดท้ายของ ลิซ่า บนเวที Crazy Horse ด้วยตนเอง คุณแม่ของลิซ่า ก็โดนชาวเน็ตต่างชาติที่ไม่พอใจการตัดสินใจขึ้นโชว์ของ ลิซ่า พากันมาถล่มหนักกว่าเดิม พร้อมแสดงความคิดเห็นต่อต้านต่าง ๆ นานา

จากเหตุการณ์ดังกล่าว จึงทำให้หลาย ๆ คนเชื่อว่าน่าจะเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ คุณแม่จิตทิพย์ ตัดสินใจปิดอินสตาแกรมลงทันที เพราะคุณแม่ ได้ชื่อว่าเป็นแรงกำลังใจสำคัญที่ผลักดันให้ ลิซ่า ได้ทำในสิ่งที่ตนรัก และยังไปร่วมชมโชว์ของลูกสาวที่ปารีส

ลิซ่า ได้ก้าวข้ามข้อจำกัดของศิลปินเค-ป็อป ด้วยการขึ้นโชว์บนเวที Crazy Horse ที่ชาวเน็ตจีนต่างมองว่าเป็นเวทีที่ไม่เหมาะสม

ทางด้านนักแสดงสาวชาวจีน ‘สวีเจียว’ ผู้เคยแสดงเป็นลูกชายของโจวซิงฉือเรื่อง CJ7 คนเล็กของเล่นใหญ่ เมื่อปี 2008 และแสดงเป็นพี่สาวของจ้าวลู่ซือในซีรีส์ ดาราจักรรักลำนำใจ (Love Like the Galaxy) ก็ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นในเชิงตำหนิและไม่เห็นด้วยกับโชว์ของลิซ่า 

สวีเจียว แชร์ภาพหน้าจอที่รีวิวการแสดงของลิซ่า ในช่วงที่ทำการแสดงเพลง ‘Crisis? What Crisis?’ โดยเป็นฉากที่ลิซ่าปรากฏตัวด้วยชุดพนักงานออฟฟิศหญิง เชิ้ตขาว กระโปรงสั้นสีดำ ใส่เนกไทและแว่นตา กำลังทำหน้าเครียดที่หุ้นตก แต่หลังจากนั้นก็ปลดปล่อยความเครียดด้วยการถอดชุดข้างนอกออกจนเหลือแต่ชุดชั้นในสีดำแล้วเต้น โดยในรีวิวที่เธอแชร์โพสต์มาระบุว่า เป็นชุดชั้นในบางๆ

สวีเจียวแชร์โพสต์รีวิวในส่วนนั้นแล้วแสดงความคิดเห็นว่า "我只看到被性化的职业女性” (​​​ฉันเห็นผู้หญิงทำงานถูกทำให้เป็นวัตถุทางเพศ) ทำให้มีแฟนคลับของเธอ แฟนคลับลิซ่า และคนจีนทั่วไปเข้าไปแสดงความคิดเห็นกันมากมาย บางส่วนเห็นด้วยกับคำพูดของเธอโดยบอกว่าเธอมีความกล้าที่จะพิมพ์ความเห็นนี้ออกมาจริง ๆ แต่บางส่วนก็ไม่เห็นด้วย และเตือนเธอว่า เธอเองก็เป็นบุคคลสาธารณะ เธอควรรับผิดชอบกับคำพูดของเธอ และการพิมพ์แสดงความเห็นเช่นนี้อาจส่งผลกระทบถึงตัวเธอด้วย ควรระมัดระวังมากกว่านี้ เพราะก่อนหน้านี้เธอก็เคยถูกวิจารณ์หลังทำผมสีชมพู ใส่ชุดว่ายน้ำสีฟ้า ถ่ายรูปริมทะเลมาแล้ว

กลับกัน ทางด้านนักแสดงสาว ‘แองเจลา เบบี้’ ที่เดินทางไปชมโชว์ของลิซ่าด้วย ก็ถูกชาวเน็ตจีนโจมตีอย่างหนักเพราะมองว่าเวทีดังกล่าวไม่ต่างจากเวทีระบำเปลื้องผ้า ซึ่งการแสดงลักษณะนี้ถูกแบนในเมืองจีน จากเหตุดังกล่าว แองเจล่า เบบี้ ได้รับผลกระทบเพราะสื่อจีนได้ลบโพสต์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับแองเจล่า เบบี้ ออก เป็นการบอกเป็นนัยถึงการโดนแบนไปทั่วประเทศ

อย่างไรก็ตามชาวเน็ตจำนวนมากที่สนับสนุนการตัดสินใจของลิซ่า ได้ออกมาระบุว่า ชาวเน็ตจีนควรมีสติ แยกแยะ ไม่ควรไปโจมตีหรือคุกคามสมาชิกคนอื่น ๆ ในครอบครัวของศิลปิน

‘วู้ดดี้’ เปิดใจหลังชม ‘ลิซ่า’ โชว์คาบาเรต์ ยอมรับ!! เธอคือ ‘Super Power’ เหตุทำให้ Crazy Horse กลับมาแจ้งเกิด-เข้าถึงเจนใหม่ทั่วโลกชั่วข้ามคืน

เมื่อวานนี้ (1 ต.ค.66) นายวุฒิธร มิลินทจินดา หรือ ‘วู้ดดี้’ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ‘Woody’ โดยระบุว่า…

ชาตินี้ วด. คงไม่ได้มาเหยียบ Crazy Horse ที่ปารีสถ้าไม่ได้มาดูลิซ่า

ตอนรู้ข่าวก็รู้ทันทีว่าโชว์นี้ไม่ธรรมดา เพราะนี่คือสิ่งที่ลิซอยากลองทำ ไม่มีใครสั่ง ไม่มีใครกำกับ แต่มาจากการเป็น FC Crazy Horse (ได้ข่าวว่าแอบมาดูส่วนตัวหลายรอบ) แล้วเห็นว่าคงจะท้าทายตัวเองไม่น้อยถ้าได้ขึ้นแสดงเป็นหนึ่งในสาว Crazy Horse...วู้ดดี้พอจะรู้ว่า Crazy Horse คือโชว์ที่อยู่คู่ปารีสมายาวนาน เรียกว่าเป็นสถาบันเลยก็ว่าได้ เพราะมันคือโชว์ที่สะท้อนความเปิดเผยทางใจและกายอย่างมี Art แฝงความขี้เล่นที่ sexy แบบสุดขอบแต่ไม่หลุดกรอบ

ด้วยวัย 26 ของลิซ คิดว่าลิซคงมองว่า timing อายุตอนนี้คือเหมาะที่สุดที่จะทำอะไรแบบนี้ วัยรุ่นกว่านี้คงไม่เหมาะ อายุมากกว่านี้อาจดูไม่เข้า ตอนนี้เลยเป็นเวลาที่ดีที่สุดที่ Lisa จะ X กับ Crazy Horse

Lisa จับอะไรสิ่งนั้นก็กลายเป็นของ Hot ทันที คนมักจะโยงกับความเป็นไทยให้น้องเป็น Soft Power ของประเทศไทย แต่หลังจากวันนี้ที่วู้ดดี้มาดูลิซที่ปารีส สรุปกับตัวเองแล้วว่าเธอไม่ใช่ Soft Power แต่เป็น Superpower ของโลก ผู้บริหาร Crazy Horse บอกว่า เพราะ Lisa มาโชว์ ทำให้ Crazy Horse กลับมาแจ้งเกิดอีกครั้ง และเข้าถึง Gen ใหม่ทั่วโลกภายในข้ามคืน หลังจากนี้ใครมาปารีสก็จะขอแวะมาดูโชว์ที่ Lisa มาร่วมแสดง เพราะอยากรู้ว่ามันมีอะไรดีถึงทำให้ลิซทุ่มเทขนาดนี้ พนักงานที่ให้บริการเรายังแอบกระซิบเลยว่า ตั้งแต่ทำงานที่นี่มา ไม่เคยเห็น Crazy Horse คึกคักขนาดนี้ “เพราะลิซ่าเลย…อยากให้ลิซ่ากลับมาอีก ที่นี่จะได้มีสีสันอีกครั้ง”

วด. ได้มีโอกาสนั่งดูโชว์จากที่นั่งหลังสุด มาดูกับแฟน น้องๆ และคุณแม่ เดินเข้ามาเห็นแฟนๆ ลิซ่าจากทั่วโลกที่เดินทางมาให้กำลังใจลิซก็ชื่นใจแทนน้อง สัมผัสถึงพลังแห่งความตื่นเต้นของทั้งโรงการแสดง ที่รอคอยดูศิลปินที่เขารักที่สุด perform แบบอิสระที่สุดในชีวิต

โชว์เริ่ม! Lisa โผล่หัวมาหน้าม่านทำเอาทุกคนร้องเฮอย่างสนั่นแล้วกลับไป ม่านเปิดออกมาเป็นสาวๆ Crazy Horse ยืนเรียงหน้ากระดานเต้นเป็นจังหวะเดียวกัน และเผยร่างช่วงบนให้เห็นถ้วนหน้า เรามองคนกลางที่เราเข้าใจว่าเป็น Lisa แล้วแอบคิดโอ้โห้ น้องจัดเต็มมาก!! แต่พอดูๆ ไป อ้าวเขาแค่หน้าเหมือน Lisa ตัวจริงไม่โชว์ให้เห็นอะไรเลย มากสุดก็ใส่ชุดแนว Lingerie หรือ Bikini เราก็ลุ้นทั้งโชว์ว่าลิซจะ perform ยังไง แล้วลุคจะเป็นยังไง ปรากฏว่าลิซออกมาแสดงหลายซีนอยู่ ไม่ได้เป็นนักแสดงสมทบเบาๆ อย่างที่หลายคนคิด โอเค บางซีนก็โผล่มาสั้นจริงๆ โดยเฉพาะช่วงแรก สั้นแบบ นับ 1-5 ก็หายไปจากเวทีแล้ว ดูไปก็ลุ้นไปว่าจะโผล่ออกมาตอนไหนอีก

แต่ละ set ที่ออกมาก็ใส่ชุดและวิกที่ต่างกันไป บางทีก็ไม่ใส่วิกเลย ถ้าจะว่าไปโชว์ที่ sexy มากๆ แทบไม่มี Lisa เลย! แต่จะบอกว่าทุกคนที่แสดงคือที่สุด แสง สี เสียง คือ creative มาก ไอ้คนที่ไม่ได้อินกับเรือนร่างผู้หญิงอย่างเราก็แอบกลายเป็นหยุดยิ้มไม่ได้ หุ่นน่าดูทุกคนจริงๆ แล้วบางทีจากที่เราเห็นแค่ หน้าอก กับ บั้นท้าย ก็กลายเป็นภาพหลายมิติที่ดูล้ำสมัยมาก แบบที่เราตามไม่ทัน ในใจคิด Crazy Horse ไม่ใช่โชว์ที่ส่ออย่างที่เราเข้าใจมาก่อนหน้านี้โดยสิ้นเชิง ที่สำคัญเห็นมากสุดก็แต่หน้าอกจริงๆ อ้าวพูดถึงคนอื่นจนลืมลิซ่า 555

ลิซทำให้ วด. อึ้งสุดกับ 2 โชว์ยาวๆ ที่เธอฉายเดี่ยว ลิปซิงค์ไปเต้นไป โชว์แรกขอเรียกว่าโชว์ผลุบๆโผล่ๆ คือเธอวิ่งเข้าวิ่งออกประตูสามบานที่มีผ้ากึ่งโซ่ให้เธอห้อยไปมา เธอทำได้เต็มที่ในการโชว์ความเป็นนักเต้นที่เร้าร้อนเชื้อเชิญ แต่เราอดคิดไม่ได้ว่ากำลังดูน้องป๊อกแป๊ก (ชื่อแรกเกิดของเธอ) วิ่งเข้าวิ่งออก ดูยังไงก็ตลกน่ารักน่าฟัดสำหรับเรา แม่หันมาบอกเห็นด้วย “ใช่เลย ป๊อกแป๊กคือป๊อกแป๊ก!”

ส่วนโชว์ที่ต้องยอมนางคือโชว์ Crisis What Crisis ที่ Lisa เล่นเป็นสาวเทรดหุ้นที่จากเดิมสวมเสื้อผ้าเต้นไปมาบนโต๊ะ แต่ค่อยๆ ถอดออกทีละชิ้นจนเหลือชุด lingerie จะว่าชุดชั้นในก็ไม่ใช่ เพราะมันดูแพงกว่านั้นหลายเท่า เอาเป็นว่าดูสวยโคตร sexy ตามสไตล์ Lisa ที่เราคุ้นเคย เธอไม่เพียงเต้นแบบจัดเต็มใน set นี้ แต่มาด้วยพลังอันร้อนแรงที่ วด. ไม่เคยสัมผัสแม้แต่ในคอน BlackPink เชื่อว่าแฟนๆ ที่มาดูได้ดูอะไรที่หาดูได้ยากจริงๆ นั่นคือการที่ได้เห็น Lisa ทำอะไรที่ดูมีความสุขนอก comfort zone เหมือนจะประกาศให้โลกรู้ผ่านโชว์นี้ว่า ต่อจากนี้ ตามมาให้ทัน ฉันจะพาทุกคนไปที่ๆ ไม่มีใครกล้าฝัน กล้าคิด แต่ I will show you!

สุดท้ายโชว์ปิดด้วย Lisa ออกมาโค้งพร้อมสาวๆ คนอื่นโบกมือลาทุกคน แล้วม่านปิด...อีกไม่ถึง 10 วิ ม่านเปิดออกอีกครั้ง ให้นักแสดงขอบคุณอีกรอบ มีอยู่ตอนหนึ่ง Lisa มองลงไปที่คนดูแล้วเห็นใครไม่รู้แล้วดูตกใจ แต่ยิ้มดีใจว่าเธอมา (วด.ไม่รู้เป็นใครในตอนนั้น แต่มารู้ตอนหลังที่หลังเวที ตอนเธอคนนั้นเข้ามา shake hand แล้วพูดว่า Hi. I’m Jennie. กรูจะเป็นลม)

แต่ไม่ว่าใครจะกรี๊ดขนาดไหนก็คงไม่ดังต่อเนื่องเท่าเสียงคุณแม่ที่กรี๊ด วู้ววววว ให้ลูกตลอดทั้งโชว์ แม่มีความสุขจริงๆ แถมกระซิบตอนท้ายว่า “แม่นึกว่าจะ sexy กว่านี้!!!”

ขอบคุณที่อ่านถึงจุดนี้ แสดงว่ารักกันจริง!

(ฝากเพื่อนๆ ดูหน่อยนะครับ กลัวคนเอาไปแปลผิดๆ แล้วจะบิดเบือนไป)

I truly hope that the English translation of this piece doesn’t become lost in translation.

2 ตุลาคม พ.ศ. 2412 วันเกิด ‘มหาตมะ คานธี’ มหาบุรุษแห่งสันติภาพ

2 ตุลาคม วันเกิดมหาตมะ คานธี ครบรอบ 154 ปี มหาบุรุษแห่งสันติภาพ ผู้นำคนสำคัญ ในการเรียกร้องเสรีภาพและเอกราชของอินเดีย

โมหันทาส กรรมจันทร์ คานธี หรือ มหาตมะ คานธี เกิดวันที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2412 (ค.ศ. 1869) ที่จังหวัดโพรบันดาร์ รัฐคุชราต ทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของอินเดีย ในตระกูลชนชั้นสูง พ่อเป็นข้าราชการ และมารดาเป็นแม่บ้านที่เคร่งศาสนา และมักปลูกฝังแนวคิดหลักจริยธรรมฮินดู การบริโภคมังสวิรัติ ความแตกต่างทางศาสนา การใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย และการไม่ใช้ความรุนแรงให้คานธี

ในวัยเด็กเขาไม่ใช่คนเรียนเก่ง หรือมีความสามารถพิเศษโดดเด่นชัดเจน ครอบครัวจึงให้เขาไปเรียนต่อที่ประเทศอังกฤษ ซึ่งเป็นประเทศเจ้าอาณานิคม เพื่อโอกาสทางการงานที่ดีในอนาคต คานธีในวัย 18 ปีจึงเดินทางไปอังกฤษ และเข้าเรียนนิติศาสตร์ ที่มหาวิทยาลัยลอนดอน (University College London)

เมื่อเรียนจบ คานธีได้ไปรับตำแหน่งที่ปรึกษาทางกฎหมายที่ประเทศแอฟริกาใต้ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งประเทศอาณานิคมของอังกฤษ ที่ชาวอินเดียอพยพไปทำงานกันมาก

ณ ประเทศแห่งนี้เขาได้พบประสบการณ์เหยียดสีผิวตั้งแต่เริ่มเดินทางมาถึง จากการที่เขาต้องการซื้อตั๋วรถไฟชั้น 1 แต่ถูกขับไล่ให้ไปนั่งชั้น 3 ทว่าคานธีนั้นไม่ยอม จึงถูกเจ้าหน้าที่จับโยนลงจากรถไฟ และเหตุการณ์ครั้งนี้ได้จุดประกายให้คานธีเริ่มมีแนวคิดเรื่องการเปลี่ยนแปลงสังคมนับตั้งแต่นั้น

ชื่อของ คานธี กลายเป็นที่รู้จักในวงกว้างเมื่อครั้งถูกจับกุมฐานเป็นแกนนำการประท้วง และเดินขบวนต่อต้านการเรียกเก็บภาษีต่อผู้มีเชื้อสายอินเดีย ท้ายที่สุดอังกฤษถูกกดดันให้ยกเลิกการเก็บภาษีดังกล่าว ก่อนปล่อยตัวคานธีในเวลาต่อมา ข่าวเรื่องชัยชนะของคานธีถูกรายงานไปทั่วอังกฤษ กระทั่งกลายเป็นที่รู้จักในระดับนานาชาติ

คานธี กลายเป็นผู้นำคนสำคัญของอินเดียในการเรียกร้องให้อังกฤษปลดปล่อยตนออกจากการเป็นอาณานิคม ซึ่งช่วยนำอินเดียไปสู่ความเป็นอิสระ เป็นแรงบันดาลใจให้กับการเคลื่อนไหวที่ไม่รุนแรงเพื่อสิทธิพลเมืองและการเปลี่ยนแปลงทางสังคมทั่วโลก

ตลอดชีวิตของเขายังคงยึดมั่นในความเชื่อของเขาในการไม่ใช้ความรุนแรงแม้ภายใต้สภาวะที่กดขี่และเผชิญกับความท้าทายที่ดูเหมือนจะผ่านไม่ได้

2 ตุลาคม ของทุกปี ยังถูกกำหนดให้เป็น วันไม่ใช้ความรุนแรงสากล (International Day of Non-Violence) จากมติของสหประชาชาติ (ยูเอ็น) เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2550 เนื่องจากวันนี้เป็นวันเกิดของ มหาตมะ คานธี ผู้นำการเคลื่อนไหวเพื่อเรียกร้องอิสรภาพชาวอินเดีย ผู้ที่ริเริ่มปรัชญาและหลักแห่งการไม่ใช้ความรุนแรง

ทั้งนี้ องค์การสหประชาชาติยังได้กำหนดวันนี้ขึ้นเพื่อให้ผู้คนทั่วโลกตระหนักถึงการยุติความรุนแรง และเพื่อให้เกิดสันติสุขแก่สังคม มีความอดทนอดกลั้น และเข้าใจหลักการไม่ใช้ความรุนแรงอย่างลึกซึ้งนั่นเอง

นายอานันท์ ชาร์มา รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของอินเดีย ได้กล่าวเมื่อครั้งการเสนอมติในสมัชชาใหญ่ ในนามของผู้สนับสนุนกว่า 140 คนเอาไว้ว่า การสนับสนุนมติดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงความเคารพต่อมหาตมะ คานธี ในระดับสากล และเพื่อเป็นการค้ำจุน หลักการและปรัชญาแห่งการไม่ใช้ความรุนแรง

✨ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล ✨ประจำวันที่ 01 ตุลาคม พ.ศ. 2566

✨ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล
✨ประจำวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2566
 

‘จั๊ก ชวิน’ อัปเดตอาการป่วย หลังสู้ ‘วัณโรค’ เผย น้ำหนักลด-ตาพร่ามัว ลุ้นตรวจปริมาณเชื้ออาทิตย์หน้า หากเชื้อลดลงสามารถกลับบ้านได้

หลังจากที่ไม่นานนี้ นักร้องเสียงนุ่ม ‘จั๊ก ชวิน’ หลังจากออกมาบอกเผยว่า เข้ารับการรักษาอาการป่วยด้วยอาการติดเชื้อวัณโรคจากเพื่อนที่เสียชีวิตไปแล้ว

ล่าสุดเจ้าตัวออกมาอัปเดตว่า ตอนนี้น้ำหนักลดฮวบ ตาพร่ามัว พร้อมขอบคุณทุกกำลังใจ อีกทั้งเจ้าตัวยังชูสองนิ้วยิ้มได้ เรียกว่ากำลังใจดีเกินร้อย ส่งกำลังใจให้นักร้องเสียงดี ‘จั๊ก ชวิน จิตรสมบูรณ์’ นักร้องน้ำเสียงคุณภาพ เจ้าของบทเพลง ‘เธอสวย’, ‘ตัวจริง...ของเธอ’ หลังเจ้าตัวโพสต์อาการป่วยของตัวเองผ่านทางไอจีส่วนตัว โดยได้แจ้งว่าติดเชื้อวัณโรคจากเพื่อน

โดยเมื่อวันที่  30 ก.ย. ที่ผ่านมาเป็นวันคล้ายวันเกิดของ ‘จั๊ก ชวิน’ อายุครบ 45 ปี เจ้าตัวก็ได้มาโพสต์ภาพ พร้อมอัปเดตอาการให้ฟังว่า…

“ขอบคุณทุกคำอวยพรและทุกกำลังใจที่มอบให้นะครับ ตอนนี้อาการก็ค่อยๆ ดีขึ้นเป็นลำดับครับ ที่ไม่ได้ Update อะไรทาง Social เพราะสายตาพร่ามัวมากครับ ผลจากยาที่กินอยู่ พอพยายามเพ่งดูก็จะปวดหัว น้ำหนักลงไป 8 กิโล เรี่ยวแรงหายไปเลย พยายามกินเยอะๆ เพื่อเพิ่มน้ำหนักอยู่ครับ สัปดาห์หน้ามีนัดตรวจอีกทีว่าหมดเชื้อหรือยัง ถ้าหมดแล้วจะได้ออกนอกบ้านได้เสียที ยังไงจะมา Update อีกทีนะครับ ขอบคุณมากครับ…

หลังจากโพสต์ดังกล่าวได้เผยแพร่ออกไปบรรดาแฟนๆ เพื่อนร่วมวงการต่างเข้ามาร่วมให้กำลังใจกันอย่างล้นหลาม พร้อมอวยพรขอหายไวไว จะได้กลับมาร้องเพลงเพราะๆ ให้แฟนๆ เพลงฟังกันในเร็ววัน

1 ตุลาคม พ.ศ. 2411 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จเถลิงถวัลย์ราชสมบัติ

วันนี้ เมื่อ 155 ปีก่อน พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จเถลิงถวัลย์ราชสมบัติ ขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์ รัชกาลที่ 5 แห่งราชวงศ์จักรี

พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเป็นพระราชโอรสพระองค์ใหญ่ในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 และสมเด็จพระเทพศิรินทราบรมราชินี ประสูติ เมื่อวันอังคารที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2396 ทรงพระนามตามจารึกในพระสุพรรณบัฎว่า สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าจุฬาลงกรณ์ บดินทรเทพยมหามกุฎ บุรุษรัตนราชรวิวงศ์ วรุตมพงศ์บริพัตร ศิริวัฒนราชกุมาร 

ทรงได้รับการสถาปนาเป็นเจ้าฟ้าต่างกรม มีพระนามกรมว่า กรมหมื่นพิฆเนศวร สุรสังกาศ หลังจากทรงผนวชเป็นสามเณรทรงได้รับการเฉลิมพระนามาภิไธยขึ้นเป็นสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าจุฬาลงกรณ์ฯ กรมขุนพินิตประชานาถ ทรงเป็นพระราชปิโยรสที่สมเด็จพระบรมชนกนาถโปรดให้เสด็จอยู่ใกล้ชิดติดพระองค์เสมอเพื่อให้มีโอกาสแนะนำสั่งสอนวิชาการต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งวิชารัฏฐาภิบาล ราชประเพณีและโบราณคดี นอกจากนั้นยังทรงศึกษาภาษามคธ ภาษาอังกฤษ การยิงปืนไฟ กระบี่กระบอง มวยปล้ำ รวมทั้งการบังคับช้างอีกด้วย

พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงได้รับการกราบบังคมทูลเชิญขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์สืบต่อจากสมเด็จพระบรมราชชนกเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2411 ด้วยพระชนมายุเพียง 15 พรรษา ทรงประกอบพระราชพิธีบรมราชาภิเษกครั้งแรกเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2411 โดยมีเจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค) เป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ จนหลังจากพระราชพิธีบรมราชาภิเษกครั้งที่ 2 เมื่อพระชนมายุ 20 พรรษา ในวันที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2416 จึงทรงปกครองแผ่นดินด้วยพระองค์เองอย่างสมบูรณ์ ทรงครองราชย์อยู่เป็นเวลายาวนานถึง 42 ปี และได้ทรงพัฒนาประเทศให้เจริญก้าวหน้าทัดเทียมอารยประเทศทุกวิถีทาง

ในบั้นปลายพระชนม์ชีพ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงมีพระพลานามัยไม่สมบูรณ์นัก หลังจากเสด็จประพาสยุโรปครั้งที่ 2 แล้ว พระอาการก็ค่อยทรุดลงเป็นลำดับ และเสด็จสวรรคตด้วยพระโรคพระวักกะพิการเมื่อเวลา 2 ยาม 45 นาที ของวันเสาร์ที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2453 สิริพระชนมายุ 58 พรรษา ทรงครองสิริราชสมบัติ 42 ปี ทรงมีพระราชโอรส พระราชธิดารวมทั้งสิ้น 77 พระองค์ ด้วยทรงมีพระมหากรุณาธิคุณต่อไพร่ฟ้าประชาชนอย่างหาที่สุดมิได้มาตลอดรัชกาลอันยาวนาน ประชาชนจึงพร้อมใจกันถวายพระบรมราชสมัญญานาม ว่า สมเด็จพระปิยมหาราช อันมีความหมายว่า พระมหากษัตริย์ผู้ทรงเป็นที่รักยิ่งของปวงชน และถือวันที่ 23 ตุลาคม เป็นวันปิยมหาราชมาจนตราบเท่าทุกวันนี้

‘ซงจุงกิ’ ตัดสินใจแสดงภาพยนตร์ Hopeless แบบไม่รับค่าตัว เหตุเพราะชอบตัวบท และกังวลหากรับจะกระทบต้นทุนการผลิต

(30 ก.ย.66) ‘ซงจุงกิ’ ตัดสินใจแสดงในภาพยนตร์ Hopeless โดยไม่รับค่าตัว เพราะว่าชอบตัวบท แต่เขาก็เองมีความกังวลว่าถ้าหากเขาคิดค่าตัวแสดงจะส่งผลให้ต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้นได้

ซึ่งถ้าหากต้นทุนการผลิตสูง ความน่าดึงดูดของผลงานอาจจะลดลง เนื่องจากแง่มุมในเชิงพาณิชย์ เขาก็เลยตัดสินใจที่จะไม่คิดค่าตัว เพราะเชื่อว่าการรักษาเสน่ห์ของภาพยนตร์เรื่องนี้ไว้เป็นสิ่งสำคัญ

ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นที่น่าจับตามองแห่งปี เนื่องจากได้รับเชิญให้เข้าฉายใน งานเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ ครั้งที่ 76 ซึ่งได้กระแสตอบรับอย่างล้นหลาม โดยผลงานนี้จ่อคิวเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ไทย 19 ตุลาคมนี้

‘ดีเจปูเป้’ เล่ารายละเอียดโชว์ ‘ลิซ่า’ เซ็กซี่เต็มสิบไม่หัก แถมได้เจอ ‘จีซู-โรเซ่-เฟรเดริก’ และเหล่าคนดังเพียบ!!

(30 ก.ย.66) ยังคงเป็นที่พูดถึงอย่างต่อเนื่องสำหรับการโชว์บนเวที Crazy Horse ของ ‘ลิซ่า ลลิษา มโนบาล’ หรือ ‘ลิซ่า BlackPink’ ที่ล่าสุด ‘ดีเจปูเป้ ภาธีตา กันตามระ’ จากคลื่น MET107 FM. ที่มีโอกาสได้ไปชมการแสดงรอบแรกของไอดอลสาวชาวไทย ก็ได้ออกมาเปิดเผยรายละเอียดคร่าวๆ ถึงการแสดงที่เกิดขึ้นภายในโรงละคร โดย ‘ดีเจปูเป้’ ได้ต่อสายตรงไปยังรายการวิทยุของคลื่น MET 107 เข้าไปพูดคุยถึงรายละเอียดของโชว์ที่เกิดขึ้นส่งตรงจากประเทศฝรั่งเศส ที่เจ้าตัวยอมรับว่าหลังจบโชว์ก็ถึงขั้นนอนไม่หลับ เพราะยังตื่นตาตื่นใจไม่หาย

“ตอนแรกไม่รู้ว่าเขาให้นั่งที่ไหนเพราะไม่ได้บอก ก็เลยต้องไปที่นั่นประมาณ 4 โมงเย็น จริงๆแล้วโชว์เริ่ม 1 ทุ่มครึ่ง ก็เลยเดินไปถามบอดี้การ์ดว่า เราต้องมาเข้าแถวกี่โมง แล้วที่นั่งจัดสรรยังไง First Come First Serve ใครไปถึงก่อนได้นั่งก่อนหรือเปล่า? การ์ดก็บอกว่าประมาณนั้น เราก็เลยโอเค ฉันต้องเข้าทางไหนอะไรยังไง ก็เลยไป survey ดูช่องทางก่อน แล้วไปถึงอีกทีประมาณ 6 โมงนิดๆ เขาบอกว่าจริงๆมา 6 โมงครึ่งก็ได้ แต่เราไม่เอา เกิดได้ไปอยู่ข้างหลังใช่ไหม ซึ่งจริงๆก็มีคนมาตั้งแถวแล้วนิดๆ เขาก็จะมีคอกกั้น แล้วก็จะมีโซนวีไอพี มีปาปารัสซีมารออยู่ ก็เลยคิดในใจว่า ต้องมีคนสำคัญมาเพราะไม่งั้นคงจะไม่มีปาปารัสซีมาตั้งกล้องเป็นแนว แล้วก็มีช่องวีไอพี ก็แอบคิดเยอะว่า ‘อุ๊ย ถ้า BlackPink เมมเบอร์คนอื่นมามันจะเลิศมากเลยนะ เฟรเดริก จะมาไหม’ นี่คือความคิดในใจ”

“พี่ไปรอต่อแถว ก็พยายามเซลฟี่ แล้วก็มีผู้หญิงเป็นคนเอเชีย มาช่วยถ่ายรูปให้ก็คุยภาษาอังกฤษกัน ไปๆ มาๆ เป็นคนไทยจ้า ปรากฏว่าคนไทยอยู่ข้างหลัง เป็นคนไทยค่อนข้างเยอะ แล้วก็จะมีกลุ่มพี่น้องคนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ คนจีน คนเกาหลีใต้ก็มา ก็เลยเข้าไปแล้วก็บอกกับคนไทยคนนั้นว่าเดี๋ยวเราไปนั่งด้วยกันนะ แล้วก็มีสไตลิสต์ฝรั่งเศสอีกคนหนึ่ง คือเราก็ผูกสัมพันธ์กับคนที่ต่อแถว เรา 3 คนก็เลยไปนั่งด้วยกัน พอเข้าไปข้างใน คือพี่ต้องบอกก่อนว่า พี่ได้ยินข่าวว่ามีพวกที่เอาบัตรไปรีเซลราคาหลักล้านจริงหรือเปล่า? จะบอกว่าใครคิดจะรีเซลเป็นไปไม่ได้ คือ หนึ่ง ตอนคุณซื้อบัตร คุณต้องระบุชื่อ - นามสกุลอยู่แล้ว นึกออกไหม? แล้วก็ในบาร์โค้ดเนี่ย ไปถึงปุ๊บเขาสแกนปั๊บแล้วก็จะขึ้นชื่อ - นามสกุล เขาก็จะขอดูเอกสารประจำตัว ก็เอาเอกสารให้เขาดู คนที่ซื้อต่อบอกเลยว่าคุณจะเสียเงินเปล่า เพราะว่ามันไม่ได้ และที่สำคัญ เขามีตั๋วอีกอัน เขาปรินต์เป็นปรินต์สีให้เรา แยกออกมาอีกต่างหาก เพราะฉะนั้นบอกเลยคุณจะมาโกง จะมาโฟโต้ช็อปมันเป็นไปไม่ได้เลย”

“พอเราผ่านตรงนั้น เนื่องจากว่าเพื่อนๆ ใหม่ที่เราเพิ่งจะมาผูกมิตรกันเขาบอก เออ เดี๋ยวเรา 3 คนนั่งด้วยกันได้ไหม คือเขาก็จะจิ้มหน้าจอเหมือนกับร้านอาหาร เราก็ลุ้นว่าเขาจะพาเราไปนั่งข้างหลังหรือเปล่า ปรากฏว่าได้นั่งแถวที่ 4 ทางขวาจากเวที ซึ่งก็ไม่ได้ใกล้แต่แถวหน้ายังว่าง แต่หันไปข้างหลังเห็นมีโซฟาแล้วก็จะมีแชมเปญ ซึ่งมันให้ความหรูหรา มันให้ความรู้สึกกับเราว่ามันต้องมีคนสำคัญมานั่งตรงนี้แน่ๆเลย ไอ้เราก็คิดว่า ใครจะมาๆ เดี๋ยวลุ้นกัน แต่สักพักหนึ่งก็จะมีผู้ชายมาร้องเพลงเหมือนกับเพลงคลาสสิกโบราณ แล้วก็เอนเตอร์เทนคนตามแถวที่นั่ง แล้วก็ได้ยินเสียงกรี๊ด ฉันก็หันไปมอง อ้าว ผมทอง จะเป็นใครไปไม่ได้เลย ‘โรเซ่’ ก็เดินเข้ามา แล้วก็มีผู้หญิงใส่หน้ากากอนามัยสีดำ ใครก็ไม่รู้เราก็นึกว่าเป็นผู้จัดการโรเซ่หรืออะไร พอเขานั่งปุ๊บ ถอดหน้ากากออกมาเป็น ‘จีซู’ นั่งใกล้กันมาก”

“คือโชว์นี้บอกเลยว่าไม่เสียดายเงินเลย 9,500 บาท มันคุ้มเงินมาก แล้วแต่นานาจิตตัง แต่จะบอกว่าที่นั่งประมาณร้อยกว่าที่ มันเล็ก มันใกล้เวทีมาก มันทั่วถึงกัน เรามีความรู้สึกว่าเหมือนเราเป็นผองเพื่อนกับ โรเซ่, จีซู แล้วแค่นั้นไม่พอจ้ะ ไคอา เกอร์เบอร์ ลูกสาว ซินดี้ ครอว์ฟอร์ด เธอเป็นนางแบบ Celine กับ ลิซ่า มากับแฟนก็คือ ออสติน บัทเลอร์ มาด้วยกัน 2 คนมาปุ๊บก็ทักทาย จีซู, โรเซ่ แล้วก็มานั่งโซฟาอีกตัวหนึ่ง ฉันหันไปก็เจอ 4 คนเลย มันคือฝันที่ไม่กล้าฝันนึกออกไหม แล้วสักพักหนึ่ง โชว์กำลังจะเริ่มในอีก 15 นาที ฉันก็เห็นน่าจะใช่ เฟรเดริก หรือเปล่า? ปรากฏว่า ใช่! แล้วไม่ใช่แค่เฟรเดริก แต่ทีนี้จะไม่ฟันธงอะไรนะ แต่จะมาเล่าว่า ถ้าเขาเป็นแค่เพื่อนกันก็ถือว่าเป็นเพื่อนที่ดีและสนิทระดับหนึ่งเพราะ เฟรเดริก ไม่ได้มาคนเดียว แต่มาทั้ง พ่อ คุณพ่อของเขา คุณ เบอร์นาร์ด อาร์โนลด์ ที่รวยที่สุดในโลกน่ะมา แม่มา น้องชายชื่อ ฌอน ก็มา แล้วก็มานั่งตรงหลังดิฉันที่เป็นโซฟาอลังการ และความลัลล้าของเรา เราก็เลยหยิบแก้วไวน์แล้วหันไปยกทักทาย เฟรเดริก ก็ยิ้มให้ เป็นอะไรที่น่ารักดี เป็นอะไรที่เผาขนมาก แล้วสักพัก โรซาเลีย นักร้องสเปนก็มา ต้องบอกว่าเมื่อคืน ( 28 ก.ย. ) เป็นอะไรที่ ว้าว เกินฝันมาก”

“ในส่วนของโชว์ ต้องบอกว่า นี่คือคาบาเรต์สำหรับผู้ใหญ่นะคะ เราจะไม่มาโลกสวยยูนิคอร์น อะไรที่เป็น BlackPink ก็อยู่ในกรอบของเขา แต่อันนี้คือคาบาเรต์คุณต้องเข้าใจมันคืองานศิลปะการเต้น แต่ว่า ลิซ่า ไม่ได้เปลือยอก ย้ำ! ใครที่มาเขียนคอมเมนต์ค่อนข้างจะไปในทางลามกจกเปรตขอให้คุณแก้ความคิดนั้นใหม่นะคะ อันนี้คือการเต้นแบบมีศิลปะ แดนเซอร์ทุกคนคือเตะขา เท้านี่เลยหัวขึ้นมาเลยนะ มีทักษะกายกรรม ส่วน ลิซ่า ก็คือแต่งตัวเซ็กซี่กว่าการขึ้นเวที BlackPink ก็ต้องบอกว่า กางเกงในคือกางเกงใน ข้างหลังเป็นจีสตริงเป็นตองก็คือเข้าง่ามไปเลยจ้ะ แต่เราไม่ได้มองตรงนั้นเพราะว่ามันคือโชว์ที่ทุกคนแต่งแบบนั้น คนอื่นเปลือยอกด้วยซ้ำ”

“ลิซ่า ตอนแรกโผล่หน้ามาจากหน้าม่านนิดหนึ่ง แล้วก็คนกรี๊ด ทางแดนเซอร์ของ Crazy Horse ก็จะเต้นไป แต่หลักๆ ลิซ่า จะโชว์เต็มๆ 2 เพลงด้วยกันก็คือ ‘But I am a good girl’ ในหนัง Burlesque ที่ คริสตินา อากีเลร่า เคยแสดง กับ แชร์ น้องก็ลิปซิงค์ เพลงนั้น แล้วก็มีอีกเพลงหนึ่ง Crisis? What Crisis! ก็เป็นเหมือนสาวทำงาน เจอภาวะตลาดหุ้นดิ่งแล้วก็เครียด นั่งพิมพ์ดีด แล้วก็ปาแว่นออกไป เป็นนักบัญชี เสร็จแล้วก็ถอดเสื้อ แล้วก็วาดลวดลายความเซ็กซี่ มันดี มันใช่ ความจัดเต็มอะนะคือ เราจะไม่มาวิพากษ์วิจารณ์อะไร ถ้าคุณบอกว่า ‘โอ๊ย ไม่เหมาะกับน้อง น้องควรจะอ่อนใส’ อันนั้นแล้วแต่ความคิดของคุณ แต่นี่มันคือสถานที่ที่มันเหมาะ และที่สำคัญ โทรศัพท์มือถือเขาให้เราใส่ในซองที่มันล็อกจนเปิดไม่ได้ เพราะฉะนั้นทุกคนไม่มีสิทธิ์ที่จะไปถ่ายรูปหรือถ่ายคลิปแต่ก็เห็นมีบัญชี TikTok จีนหรืออะไรที่แอบเอาไปถ่าย อันนั้นอะน่าเกลียด แต่ก็เอาเป็นว่าเซ็กซี่เผ็ดเบอร์สิบ แล้วคือความสวย ความน่ารัก ความมั่นใจ ฉันขอบอกเลยว่าถ้าถึงแม้ ลิซ่า ไม่ได้โชว์ แค่มาดู Crazy Horse อย่างเดียวก็คุ้ม เพราะว่ามันใกล้ชิดมาก เวทีอาจจะเล็ก มันคล้ายๆกับเวทีคณะนิเทศอะไรอย่างนี้ มันไม่ใช่เวทีใหญ่ มันเวทีระดับมหาวิทยาลัย แต่ว่า แสง สี เสียง เขาอลังการ แล้วก็การเต้น การอะไร เขาพร้อมเพรียง แล้วมันดู ว้าว แล้วคือมันออกมาเป็นความคิดที่มันสร้างสรรค์ แปลกใหม่ ฉันเลยเข้าใจได้ว่า การที่ไม่ให้คนไปถ่ายคลิปเพราะว่าเดี๋ยวคนก็ไปดูดไอเดีย ไปขโมยเขา ไปก็อปโชว์อะไรแบบนี้ แต่ของ ลิซ่า มันดีมาก และพี่ไม่เคยไปดูคอนเสิร์ต BlackPink เลย นี่คืองานแรกที่ได้เห็นศักยภาพของน้อง มัน Bravo! มากระหว่างที่ดูฉันก็ต้องแอบหันไปเช็คว่าหน้าตาแต่ละคนเป็นยังไง ก็มีแอบยกแก้วหยอกเอิน เขาจะยกกลับหรือไม่ก็ไม่เป็นไร ฉันก็เฟี้ยวฟ้าวอะไรไป ฉันก็เห็นความสุขบนหน้าของบรรดาแขกวีไอพีที่มา จีซู ก็ยิ้มๆ ปรบมือ ทุกคนดูแฮปปี้ มันคือความสุข มันคือความบันเทิง”

“ถ้ารายละเอียดเยอะๆเดี๋ยวจะขออนุญาตไปเล่าในเพจของตนเอง อาจจะทำเป็นนิยายภาพ เพราะว่ามันจะมีรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ พอเราเล่ามันก็อาจจะนึกภาพไม่ค่อยออก เดี๋ยวจะพยายามหาภาพมาประกอบ แต่เอาเป็นว่าทักษะของน้องจากการฝึก ไม่รู้ว่าฝึกล่วงหน้ากี่วัน แต่ก็ถือว่า เป๊ะ! แล้วก็การที่ ชุดมันอาจจะ แรง! สำหรับบางคนที่แบบ ‘อู้หู! อย่างนี้เลยเหรอ? จีสตริงเลยเหรอ? แบบ ว้าว’ ซึ่งมันก็จะมีท่อนบนในชุดที่นางนั่งเป็นเลขา นางก็จะค่อยๆ Strip Strip Strip ( ถอดๆๆ ) แล้วมันก็จะเหลือเป็น Lingerie ชุดชั้นในแบบฝรั่งเศส ที่มันจะเต็มตัวแล้วค่อยถอดคอร์เซ็ตออกมา โยนคอร์เซ็ตออกไป ก็จะเป็นยกทรงที่ซีทรูแต่ว่าก็จะปิดจุกเอาไว้ มันก็เซ็กซี่แต่มันก็ไม่ได้ อี๋ อนาจาร จ้ำบ๊ะ มันไม่ใช่อย่างนั้นเลย กรุณาเปิดใจ รับไม่ได้ก็ไม่ต้องดู ฉันพูดแค่นี้ มันดูมีความเย้ายวน”

“พี่ว่าการแสดงนี้เก่งมาก คือเขาเลือกร่างกาย เราควรมีความสุขกับร่างกาย โดยเฉพาะเพศหญิงร่างกายเราสวย คือนักเต้นทุกคนไม่จำเป็นต้องอึ๋ม ไม่ต้อง คือทุกคน อย่างน้อยเป็นแดนเซอร์ก็ไม่ควรต้องมีหน้าท้องแต่ว่าเขามีหลากหลายสีผิว หลากหลายไซส์ของหน้าอก มันอยู่ที่ความฉลาดในการเต้น แล้วมันไม่ง่าย บางคนมาห้อยหัวบนถาดหมุน จะก้าวขา ก้าวอะไรให้ดูสวย สง่า มันต้องฝึก มันเหมือนกับนักกายกรรม เพราะฉะนั้นอันนี้ถ้าใครจะมาปรามาสว่า ‘อุ๊ย ไม่โอเค ชั้นต่ำ’ อะไรแบบนี้ กรุณากลับบ้านแล้วไปตบหน้าตามอายุตัวเองเลยนะจ้ะ เพราะว่ามันหยามมาก นี่มันคือโชว์ที่จะมาเล่นเองไม่ได้ คุณต้องผ่านการทำการบ้านมาอย่างหนัก แล้วต้องบอกเลยว่า ครั้งนี้ถือว่าประสบความสำเร็จ”

“พอโชว์จบ แขกวีไอพีก็เข้าไปหลังเวทีเพื่อแสดงความยินดี ส่วนเราก็มารออยู่ด้านหน้า ลิซ่า ออกมาสุดท้าย มาแจกลายเซ็นแฟนคลับ มารับดอกไม้ แล้วก็ขึ้นรถกลับ”

ส่วนงานนี้ใครอยากจะซึมซับบรรยากาศอย่างละเอียด ก็รอติดตามได้ที่เพจ ‘DJ ปูเป้ สาวเซ็กซี่สะบึมอารมณ์’ ที่เตรียมจะเล่าถึงโชว์ Crazy Horse ของ ลิซ่า แบบจัดหนักจัดเต็มในเร็วๆนี้ได้เลย

30 กันยายน พ.ศ. 2511 ยกเลิก 'รถราง' ในกรุงเทพมหานคร หลังได้รับความนิยมลดลง

วันนี้เมื่อ 55 ปีก่อน เป็นวันสุดท้ายของการให้บริการรถรางในกรุงเทพมหานคร หลังได้รับความนิยมลดลง จากการที่ประชาชนมีตัวเลือกในการเดินทางมากยิ่งขึ้น

กิจการเดินรถราง เริ่มต้นมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 โดยนายจอห์น ลอฟตัส ชาวเดนมาร์ก ของพระบรมราชานุญาตเดินรถราง จนเปิดการเดินรถครั้งแรกเมื่อวันที่ 22 กันยายน ปี พ.ศ. 2431 โดยใช้ม้าลากไปตามราง ถือเป็นระบบขนส่งมวลชนแรกสุดในกรุงเทพฯ และเป็นชาติแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ในเวลาต่อมา รถรางถูกพัฒนาจากการใช้ม้าลาก เป็นการใช้ไฟฟ้าลาก ซึ่งก็ถือเป็นรถรางระบบไฟฟ้าชาติแรกในเอเชียอีกด้วย กิจการรถรางถูกเปลี่ยนมือหลายครั้งระหว่างการเปิดให้บริการ จนกระทั่งถูกโอนเป็นกิจการของบริษัท ไฟฟ้าสยาม จำกัด และมีเส้นทางเดินรถรางทั่วกรุงเทพฯ 11 สาย

แต่อย่างไรก็ตาม หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ประชาชนมีตัวเลือกในการเดินทางมากขึ้น รถรางเสื่อมความนิยม ทางการจึงค่อย ๆ ยกเลิกรถรางทีละสาย จนยกเลิกทั้งหมดในวันที่ 30 กันยายน ปี พ.ศ. 2511

เกิดอะไรขึ้น? ‘เก๋ไก๋ สไลเดอร์’ ลบคลิปคู่ ‘แน็ก ชาลี’ เกลี้ยง พร้อมทิ้งข้อความ “ขอให้โชคดี” ทำชาวเน็ตจับตาความสัมพันธ์

มีเรื่องดรามาอีกจนได้ สำหรับคู่รัก ‘แน็ก ชาลี’ กับ ‘เก๋ไก๋ ณัฐธิชา นามวงษ์’ หรือ ‘เก๋ไก๋ สไลเดอร์’ หลังฝ่ายหญิงไม่มีคลิปและรูปภาพที่เคยถ่ายคู่กันแล้ว ในโลกโซเชียลต่างคาดเดาต่างๆ นานา ว่าเกิดปัญหา ทั้งคู่เลิกกันจริง หรือแค่งอนจึงซ่อนคลิปภาพไว้ไม่ได้ลบออก หรือเพิ่งรับงานละครเป็นครั้งแรก อยากโฟกัสเรื่องงาน

ขณะที่ใน TikTok วิพากษ์วิจารณ์กันจนแฟนคลับว้าวุ่นไปหมด โดยมีคนแคปข้อความที่ ‘เก๋ไก๋’ ได้เข้าไปคอมเมนต์ใน TikTok ของ แฟนหนุ่มไว้ว่า…

“พี่แน็กเป็นคนเก่ง มีความรู้ ความสามารถ ทัศนคติดี ไปงานไหนๆ ก็มีสติในการตอบคำถามมากๆ ขอให้พี่โชคดีอย่างที่อวยพรให้เก๋ไก๋ แล้วขอให้พี่มีความสุขมากๆ ค่ะ”

โดย ‘แน็ก ชาลี’ ก็ได้มาตอบกลับว่า…

“พิมพ์แปลกจัง ใครบอกให้พิมพ์ กับกลับมาเปิดคลิปจัสตินหรอครับ ปิดแล้วไม่ต้องเปิดอีกก็ได้นะ ส่วนผมก็ตอบตามสิ่งที่ผมคิดจริงๆ แค่นั้นเอง ขอบคุณครับ”

ทั้งนี้ยิ่งทำเอาสงสัยกันหนัก ว่าเกิดอะไรขึ้น หลายคนก็บอกให้รอฟังจากปากของ ‘แน็ก’ และ ‘เก๋ไก๋’ ก่อนดีกว่า ล่าสุดเหมือนจะมีการง้อกันหรือเปล่า? เก๋ไก๋โพสต์คลิปหน้าเศร้าคัฟเวอร์ลงสตอรี่ ติ๊กต็อกมีการแชร์คลิปพร้อมข้อความว่า…

“สตอรี่ง้อที่รักมาแล้ว แอดจัดให้พร้อมซับไม่ต้องไปหาแปล #เก๋ไก๋ #เก๋ไก๋สไลเดอร์ #เก๋ไก๋แฟนแน็ก #แน็กชาลี #charliepotjes”

ด้านแฟนๆ ก็เข้ามาแสดงความเห็นหายว้าวุ่นแล้ว เก๋ไก๋มาง้อแน็กแล้ว อาทิ

- “ยัยน้อง ง้อเอง นักเลงพอ พี่ชาใจอ่อนได้แล้วนะ แฟนมาง้อแล้ว”

- “คนพี่ก็มาๆ มาใจอ่อนเร็วๆ แฟนคลับจะได้เลิกตีกัน”

- “หายน้อยใจได้แล้วนะชาลี น้องเก๋ตาช้ำหมดแล้ว รักกัน มีรอยยิ้มให้กันดีกว่า”

ขณะที่ก็มีคอมเมนต์อีกส่วนหนึ่งดรามาถล่ม เก๋ไก๋ ว่าไม่รู้จักโต ดูทรงท่าจะไม่รอด อาทิ

- “แค่ทะเลาะก็ลบคลิปเลย บางทีความคิดเก๋ดูเด็กไปนะ หรือต้องการเลิกจริงๆ”

- “ดูทรงแล้วไม่น่าจะรอด เก๋ดูเด็กน้อยไป”

- “เก๋ดูไม่โต ติดเด็ก เวลาพูดก็พูดไปเรื่อยๆ เหมือนคลิปนึงเก๋พูดจนเพื่อนต้องห้าม เพราะติดพูดๆ ไปเรื่อย ทฤษฎีนั่นนี้ จนลืมว่าตัวเองต้องโตนะ แยกแยะให้ออก”

- “ตอนใหม่ๆ ก็ง้อได้หรอกถ้าทำบ่อยๆ ทะเลาะกันทีซ่อนคลิปที ทำให้คนอื่นรู้ว่าทะเลาะกันนานๆ ไปผู้ชายจะเบื่อ ทำตัวเป็นเด็กไป ทะเลาะกันคุยกันเคลียร์กันสองคนก็พอ”

ด้านแฟนๆ อีกส่วนหนึ่งก็ปรามดรามา อาทิ

- “เราว่า ชาวเน็ตไม่ควรไปตัดสินแทนชีวิตคู่เขาอะ อย่าไปสร้างปมให้ใครอีก ให้ 2 คนเรียนรู้กันไป ทำอย่างกับพวกเธอไม่เคยทะเลาะกับผัว กว่าจะลงตัวมันใช้เวลา”

- “ทุกคนบอกแน็กชัดเจน แล้วเก๋ไม่ชัดเจนตรงไหน แถมเป็นฝ่ายลงคลิปเปิดตัวก่อนด้วยซ้ำ แน็กกับเก๋ยังต้องปรับตัวกันอีกเยอะ ปรับไม่ได้ก็ต่างคนต่างไป ไม่ผิดนะ”

- “อย่าทะเลาะกันบ่อยนะ แฟนคลับใจไม่ดี”

‘RedLife’ ได้รับเลือกเข้าประกวดในหมวด ‘Asian Future’ พร้อมฉายรอบเวิลด์พรีเมียร์ในเทศกาลหนังนานาชาติโตเกียว

นับเป็นข่าวดีของวงการภาพยนตร์ไทยที่ไปสร้างชื่อบนเวทีรางวัลระดับโลกอีกครั้ง เมื่อภาพยนตร์เรื่อง ‘RedLife เรดไลฟ์’ ผลงานดราม่า-ทริลเลอร์ โดยผู้กำกับ ลักญ เอกลักญ กรรณศรณ์ จากสตูดิโอ BrandThink Cinema ได้รับเลือกเข้าประกวดในเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติโตเกียวครั้งที่ 36 #TIFF (Tokyo International Film Festival 2023) ที่กำลังจะเริ่มต้นขึ้นระหว่างวันที่ 23 ตุลาคม - 11 พฤศจิกายนนี้

โดยล่าสุด ได้ประกาศรายชื่อภาพยนตร์จากทั่วโลกที่ได้รับคัดเลือกเข้าร่วมประกวดในสายต่าง ๆ ซึ่งถือเป็นข่าวดีของวงการภาพยนตร์ไทยอีกครั้ง เมื่อภาพยนตร์เรื่อง ‘RedLife เรดไลฟ์’ ได้รับเลือกเข้าประกวดในสาย ‘Asian Future’ ซึ่งเป็นสายประกวดของผู้กำกับภาพยนตร์หน้าใหม่จากเอเชีย นับเป็นภาพยนตร์ไทยเรื่องแรกที่ได้รับเลือกให้เข้าประกวดในสายนี้นับตั้งแต่ปี 2560 

ไม่เพียงเท่านี้ RedLife ยังได้รับเกียรติให้จัดฉายรอบเวิลด์พรีเมียร์ในเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติโตเกียวครั้งนี้ เป็นรอบแรกของโลกอีกด้วย

‘RedLife เรดไลฟ์’ บอกเล่าเรื่องราวผ่านตัวละครวัยรุ่นไร้ทางเลือกที่จะมาตั้งคำถามกับคนดูว่าคุณอยากเป็นคนที่ ‘ถูกรัก’ หรือ ‘ถูกทิ้ง’ นอกจากนี้ ยังได้เห็นการปรากฏตัวของทีมนักแสดงรุ่นใหม่ฝีมือแรงครบทีม นำโดย แบงค์ ธิติ, ซิดนีย์ สุพิชชา, จ๋อมแจ๋ม กานต์พิชชา, บิ๊ก ดีเจอร์ราร์ด และฝ้าย สุพิชชา ร่วมดัวยนักแสดงฝีมือประจักษ์อย่าง มานพ มีจำรัส และกรองทอง รัชตะวรรณ

ชวนคนไทยร่วมส่งกำลังใจให้หนังรักฟีลแบดเรื่องนี้บนเวทีเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติโตเกียวครั้งที่ 36 (Tokyo International Film Festival 2023) และพิสูจน์อีกรสชาติของภาพยนตร์รักที่จะอยู่ในความทรงจำ ‘RedLife เรดไลฟ์’ กำหนดเข้าฉายในไทย 2 พฤศจิกายน 2566


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top