Thursday, 23 January 2025
LITE

13 ธันวาคม พ.ศ. 2534 ยูเนสโก ยกอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย-ศรีสัชนาลัย-กำแพงเพชร และพระนครศรีอยุธยา เป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรม

วันนี้ เมื่อ 33 ปีก่อน คณะกรรมการมรดกโลกยูเนสโก ได้ประกาศให้อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย-ศรีสัชนาลัย-กำแพงเพชร และอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา เป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรม 

นอกจากนี้ ยังประกาศให้ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่-ห้วยขาแข้ง เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติ และในวันเดียวกันนี้ในปีต่อมายูเนสโก ก็ได้มีมติให้ แหล่งโบราณคดีบ้านเชียง อ.หนองหาน จ.อุดรธานี เป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมเพิ่มอีกแห่ง

12 ธันวาคม พ.ศ. 2502 ‘กีฬาแหลมทอง’ ครั้งแรกจัดขึ้นที่กรุงเทพฯ ก่อนพัฒนามาเป็น ‘ซีเกมส์’ ในปัจจุบัน

สืบเนื่องจากการแข่งขันกีฬาเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 3 ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ในปี 2501 องค์กรการกีฬาของประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่เข้าร่วมการแข่งขัน ได้ร่วมประชุมก่อตั้งองค์กรการกีฬาในระดับภูมิภาค เพื่อจัดการแข่งขันกีฬาระหว่างประเทศสมาชิก เพื่อสนับสนุนความเข้าใจ และความสัมพันธ์อันดีต่อกัน

องค์กรดังกล่าวใช้ชื่อว่า สหพันธ์กีฬาแหลมทอง (SEAP Games Federation) มีประเทศสมาชิกประกอบด้วย ไทย มาเลเซีย เวียดนาม ลาว พม่า กัมพูชา ร่วมกันจัดการแข่งขัน กีฬาแหลมทอง หรือ SEAP Games (Southeast Asian Peninsular Games) กำหนดทุกๆ 2 ปี

การแข่งขันครั้งแรกจัดขึ้นที่กรุงเทพฯ ระหว่างวันที่ 12-17 ธันวาคม 2502 เรียกว่า มีประเทศสมาชิกเข้าร่วมอยู่ 5 ประเทศ ได้แก่ พม่า, ลาว, มาเลเซีย, สิงคโปร์, ไทย (สิงคโปร์มาเข้าร่วมภายหลัง ส่วนกัมพูชาไม่ได้ร่วมแข่งขัน)

กีฬาแหลมทองครั้งแรกมีการแข่งขันทั้งหมด 12 ประเภท คือ กรีฑา, แบดมินตัน, บาสเก็ตบอล, มวย, จักรยาน, ฟุตบอล, เทนนิส, ยิงปืน, ว่ายน้ำ, ปิงปอง, วอลเลย์บอล และยกน้ำหนัก ประเทศที่ได้เหรียญรางวัลมากที่สุดคือ ประเทศไทย รองลงมาคือ เมียนมาร์ และ มาเลเซีย

ต่อมา ไทยได้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันอีกครั้งในกีฬาแหลมทองครั้งที่ 4 ซึ่งจัดการแข่งขันระหว่างวันที่ 9 – 16 ธันวาคม 2510 ครั้งนี้ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงเข้าร่วมในการแข่งขันด้วย โดยวันที่ 16 ธันวาคม 2510 ทรงรับการทูลเกล้าฯ ถวายเหรียญทองจากการแข่งขันเรือใบประเภทโอเค

การแข่งขันกีฬาแหลมทองครั้งสุดท้ายเกิดขึ้นในปี 2518 ซึ่งเป็นครั้งที่ 8 จัดที่ประเทศไทย ก่อนจะเปลี่ยนเป็น ซีเกมส์ หรือ SEA Games (South-East Asian Games) ในปี 2520 และมีประเทศสมาชิกเพิ่มขึ้นคือ อินโดนีเซีย, ฟิลิปปินส์ และบรูไน รวมทั้งติมอร์-เลสเต ในเวลาต่อมา

11 ธันวาคม พ.ศ. 2489 วันก่อตั้ง ยูนิเซฟ (UNICEF) องค์การทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ

ยูนิเซฟ (UNICEF) หรือ กองทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ เป็นหน่วยงานที่สมัชชาสามัญแห่งสหประชาชาติ จัดตั้งขึ้น โดยเริ่มแรกเพื่อให้ความช่วยเหลือเร่งด่วนแก่เด็กหลายล้านคน ที่ได้รับผลกระทบจากสงครามโลกครั้งที่ 2 ในชื่อ “กองทุนฉุกเฉินสำหรับเด็กแห่งสหประชาชาติ”

โดยเมื่อ 11 ธันวาคม ปี 2489 ยูนิเซฟถือกำเนิดขึ้นช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สอง และในปี 2491 ยูนิเซฟได้เริ่มก่อตั้งขึ้นในประเทศไทย และดำเนินการอย่างต่อเนื่องมาตลอด 75 ปี การทำงานของเราปรับเปลี่ยนไปตามสถานการณ์ของเด็กในประเทศไทย แต่สิ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงคือความมุ่งมั่นที่จะเข้าถึงเด็กและครอบครัวในกลุ่มเปราะบางที่สุด

ปัจจุบัน ยูนิเซฟได้เปลี่ยนเป้าหมาย เน้นเด็กในประเทศกำลังพัฒนา เพื่อการส่งเสริมและปกป้องคุ้มครองสิทธิเด็กเพื่อให้เด็กทุกคนมีชีวิตอยู่รอดปลอดภัย ได้รับการคุ้มครองจากอันตรายทั้งปวง ได้รับการศึกษาที่มีคุณภาพ และพร้อมที่จะพัฒนาตนเองอย่างเต็มศักยภาพ และเมื่อเกิดภัยพิบัติ สงคราม หรือสถานการณ์ฉุกเฉิน ยังคงให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่เด็กและครอบครัวที่ประสบภัยเช่นเดิม

10 ธันวาคม วันรัฐธรรมนูญ ระลึกโอกาสที่ ร.7 พระราชทานรัฐธรรมนูญ ฉบับถาวร

วันที่ 10 ธันวาคม ของทุกปีเป็นวันรัฐธรรมนูญ เพื่อเป็นวันที่ระลึกถึงโอกาสที่ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 7) ที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรสยาม พุทธศักราช 2475 เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2475 เป็นรัฐธรรมนูญถาวรฉบับแรกของประเทศไทย ซึ่งเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ และเป็นเครื่องกำหนดระเบียบแบบแผนของสังคม รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย เป็นกฎหมายลำดับศักดิ์สูงสุดแห่งราชอาณาจักรไทย กฎหมายอื่นใดจะขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญไม่ได้ รัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายว่าด้วยการจัดระเบียบการปกครองของประเทศ ซึ่งตั้งแต่ปี พ.ศ. 2475 ประเทศไทยมีรัฐธรรมนูญแล้วทั้งสิ้น 19 ฉบับ อันแสดงให้เห็นถึงความขาดเสถียรภาพทางการเมืองของประเทศ รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน คือ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560

เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2475 นั้น ถือได้ว่าเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญยิ่งในประวัติศาสตร์ไทยเชิงการเมืองการปกครอง เมื่อคณะราษฎร ซึ่งประกอบด้วย ข้าราชการสายทหารบก ทหารเรือ และสายพลเรือน จำนวน 99 คน โดยมีพระยาพหลพลพยุหเสนาเป็นหัวหน้า ได้ร่วมกันทำการยึดอำนาจการปกครองประเทศจากพระมหากษัตริย์ เพื่อเปลี่ยนแปลงการปกครองประเทศจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ มาเป็นระบอบประชาธิปไตย อันมีรัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุด และมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขภายใต้รัฐธรรมนูญ

วันที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2475 ได้มีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญชั่วคราวเรียกว่า "พระราชบัญญัติธรรมนูญการปกครองแผ่นดินสยามชั่วคราว" สาระสำคัญของธรรมนูญการปกครองฉบับนี้ ได้แก่ การที่กำหนดว่า อำนาจสูงสุดในการปกครองประเทศหรืออำนาจอธิปไตยเป็นของราษฎรทั้งหลาย การใช้อำนาจสูงสุดก็ให้มีบุคคล คณะบุคคลเป็นผู้ใช้อำนาจแทนราษฎรดังนี้ คือ 1. พระมหากษัตริย์ 2. สภาผู้แทนราษฎร 3. คณะกรรมการราษฎร และ 4. ศาล

กระทั่งถึงวันที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2475 พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้พระราชทานรัฐธรรมนูญราชอาณาจักรสยาม ฉบับถาวรซึ่งมีหลักการต่างกับฉบับแรกในวาระสำคัญหลายประการ อาทิ ได้เปลี่ยนระบอบการปกครอง เป็นการปกครองแบบรัฐสภา ทั้งนี้เนื่องจากรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2475 ได้บัญญัติให้พระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นประมุขไม่ต้องรับผิดชอบทางการเมือง เป็นผู้ใช้อำนาจทางคณะรัฐมนตรี ซึ่งพระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งให้บริการราชการแผ่นดิน แต่คณะรัฐมนตรีจะต้องรับผิดชอบในการบริหารการแผ่นดินต่อสภาผู้แทน รัฐสภาซึ่งเป็นฝ่ายนิติบัญญัติมิได้ใช้แต่เพียงอำนาจนิติบัญญัติเท่านั้น แต่มีอำนาจที่จะควบคุมคณะรัฐมนตรีในการบริหารแผ่นดินด้วย แต่อย่างไรก็ตามคณะรัฐมนตรีรวมทั้งพระมหากษัตริย์ซึ่งประกอบกันเป็นรัฐบาลก็มีอำนาจที่จะยุบสภาผู้แทนได้ หากเห็นว่าได้ดำเนินการไปในทางที่จะเป็นภัยหรือเสื่อมเสียผลประโยชน์สำคัญของรัฐซึ่งมีผลเท่ากับถอดถอนสมาชิกสภาที่ได้รับเลือกตั้งมาเพื่อให้ราษฎรเลือกตั้งใหม่ ในส่วนเกี่ยวกับพระมหากษัตริย์นั้น ได้บัญญัติว่า พระมหากษัตริย์ดำรงอยู่ในฐานะอันเป็น ที่เคารพสักการะ ผู้ใดจะละเมิดมิได้

9 ธันวาคม ของทุกปี วันต่อต้านการทุจริตสากล ร่วมรณรงค์ต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชัน

วันที่ 9 ธันวาคม ของทุกปีเป็นวันแห่งการต่อต้านการทุจริตสากล หรือ International Anti-Corruption Day ซึ่งถือกำเนิดขึ้นหลังจากที่สมัชชาสหประชาชาติ (UN) มีมติเห็นชอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านการทุจริต พ.ศ. 2546 (United Nations Convention against Corruption-UNCAC, 2003) อย่างเป็นเอกฉันท์ 

จากนั้นประเทศภาคีสมาชิก UN 191ประเทศรวมถึงประเทศไทยได้เข้าร่วมลงนามในอนุสัญญา ระหว่างวันที่ 9-11 ธันวาคม 2546 ณ เมืองเมอริดา ประเทศเม็กซิโก ด้วยเหตุนี้ UN จึงประกาศให้วันที่ 9 ธันวาคมของทุกปีเป็นวันต่อต้านคอร์รัปชันสากล

สำหรับ วันต่อต้านการทุจริตสากล มีวัตถุประสงค์หลัก ๆ คือ เพื่อรณรงค์ต้านการทุจริต และสร้างความตระหนักรู้แก่ผู้คนในเรื่องการทุจริต ซึ่งส่งผลกระทบต่อความมั่นคงและเป็นตัวถ่วงการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ ทั้งยังทำลายรากฐานของประชาธิปไตยอีกด้วย

8 ธันวาคม ของทุกปี วันนักศึกษาวิชาทหาร รำลึกวีรกรรมหาญกล้าเยาวชนไทย

จากวีรกรรมอันกล้าหาญของ 'ยุวชนทหาร' ที่ร่วมกับทหาร ตำรวจ และราษฎรอาสา ต่อต้านทหารญี่ปุ่นยกพลขึ้นบกที่จังหวัดชุมพร และในหลายพื้นที่ทางภาคใต้ของไทย เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม พ.ศ.2484

เพื่อเป็นการรำลึกถึงความกล้าหาญของเยาวชนดังกล่าว กรมการรักษาดินแดน หรือ หน่วยบัญชาการรักษาดินแดน ในปัจจุบัน จึงได้ขออนุมัติไปยังกองทัพบก ในปี พ.ศ.2542 เพื่อกำหนดเป็นวันสำคัญสำหรับนักศึกษาวิชาทหาร ซึ่งในการนี้ กองทัพบก ได้เห็นชอบ และอนุมัติให้ถือเอา วันที่ 8 ธันวาคม เป็น 'วันนักศึกษาวิชาทหาร'

โดยมอบให้ หน่วยบัญชาการรักษาดินแดน เป็นหน่วยรับผิดชอบในส่วนกลาง สำหรับในส่วนภูมิภาค มอบให้ ศูนย์การฝึกหรือหน่วยฝึกนักศึกษาวิชาทหาร มณฑลทหารบก เป็นผู้รับผิดชอบ โดยให้ประกอบพิธีกระทําสัตย์ปฏิญาณตนและสวนสนามของนักศึกษาวิชาทหาร พร้อมกันทั่วประเทศ

สำหรับการสวนสนามของ นศท. นั้น ได้เริ่มจัดขึ้นในส่วนกลาง เป็นครั้งแรก เมื่อ พ.ศ.2509 ณ พระลานพระราชวังดุสิต (ลานพระบรมรูปทรงม้า) โดยมี จอมพล ถนอม กิตติขจร ผู้บัญชาการทหารบก เป็นประธานในพิธี และได้ประกอบพิธีดังกล่าว ในห้วงประมาณ เดือนพฤศจิกายน เรื่อยมา

ถือได้ว่าพิธีกระทําสัตย์ปฏิญาณตนและสวนสนามของนักศึกษาวิชาทหารนั้น เป็นพิธีสําคัญและเป็นเกียรติแก่นักศึกษาวิชาทหารทุกคน

๗ ธันวาคม วันคล้ายวันประสูติ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา

วันนี้ถือเป็นวันสำคัญของปวงชนชาวไทยอีกวันหนึ่ง โดยเป็นวันคล้ายวันประสูติของ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา ซึ่งปีนี้ทรงเจริญพระชันษา 45 ปี

สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา ทรงเป็นพระราชธิดาพระองค์ใหญ่ ในพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ประสูติแต่พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีนาถ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจในหลากหลายด้าน ทางด้านกฎหมาย ทรงส่งเสริมหลักการยุติธรรมในสังคม โดยเฉพาะสตรีและผู้ต้องขังหญิง อีกทั้งส่งเสริมกระบวนการยุติธรรมในระดับนานาชาติ โดยทรงได้รับการแต่งตั้งเป็นทูตสันถวไมตรีด้านการส่งเสริมหลักนิติธรรมและระบบงานยุติธรรมทางอาญา สำหรับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ของสำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ

อีกหนึ่งพระราชกรณียกิจอันเป็นพระมหากรุณาธิคุณต่อประชาชนชาวไทย โดยทรงเป็นองค์ประธานมูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย ที่ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2538 ด้วยวัตถุประสงค์ในการบรรเทาความเดือดร้อน ตลอดจนช่วยเหลือประชาชนคนไทย ทั้งในยามประสบภัยพิบัติ และส่งเสริมให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน

เนื่องด้วยเป็นวันคล้ายวันประสูติ ขอพระองค์ทรงมีพลานามัยสมบูรณ์แข็งแรง เป็นมิ่งขวัญของประชาชนคนไทยสืบไป ทรงพระเจริญ

6 ธันวาคม พ.ศ. 2443 ร.5 ทรงโปรดฯ ให้อาราธนาพระภิกษุสงฆ์ มาจำวัดที่วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม

ร.5 ทรงโปรดฯ ให้อาราธนาพระภิกษุสงฆ์ มาจำวัดที่วัดเบญจมบพิตร และพระราชทานสร้อยนาม 'วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม'

วันนี้ เมื่อ 124 ปีก่อน พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ทรงโปรดฯ ให้อาราธนาพระภิกษุสงฆ์จำนวน 33 รูป จากวัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฏิ์ มาจำวัดที่วัดเบญจมบพิตร และพระราชทานสร้อยนาม 'ดุสิตวนาราม' ต่อท้ายชื่อวัด เรียกรวมว่า 'วัดเบญจ มบพิตรดุสิตวนาราม' 

ทั้งนี้ เดิมวัดเบญจมบพิตรเป็นวัดโบราณชื่อ 'วัดแหลม' หรือ 'วัดไทรทอง' ต่อมารัชกาลที่ 4 ได้พระราชทานนามวัดใหม่ว่า 'วัดเบญจมบพิตร' 

เปิดวาร์ป ‘โบว์ พัชรีย์’ พี่เลี้ยง ‘คุณหนูเอวา’ ดีกรีไม่ธรรมดา!! ‘สวย-เก่ง-ใจกล้า-มีทักษะ’

(5 ธ.ค. 67) ขึ้นแท่นเซเลปสาวสี่ขาประจำปี 2024 สำหรับ ‘น้องเอวา’ เจ้าของฉายา ‘คุณหนูเอวาสุดแกลม’ เสือโคร่งสีทอง-เสือโคร่งสตรอว์เบอร์รี แห่ง เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี (Chiang Mai Night Safari) ที่ใครเห็นก็อดใจไม่ไหว ตกหลุมรักในหน้าตาสุดแบ๊ว อยากไปเจอตัวเป็น ๆ

แต่นอกจากที่หลายคนจะโดน ‘น้องเอวา’ ตกแล้ว งานนี้เหล่าแฟน ๆ ก็โดนพี่เลี้ยงหญิงแกร่ง ‘คุณโบว์’ พี่เลี้ยงประจำตัวคุณหนูเอวาที่โด่งดังจากคลิปจกพุงน้องเอวาตกด้วยอีกคน ด้วยความใจกล้า แถมเก่ง มีทักษะ เพราะต้องอยู่ร่วมโซนแสดงกับสัตว์นักล่าอย่างเสือโคร่ง ทำให้ใครหลายคนอยากทำความรู้จักเธอให้มากขึ้น

ประวัติส่วนตัว ‘โบว์ พัชรีย์’

นางสาวพัชรีย์ พิพัฒน์วงศ์ชัย (โบว์)

อายุ 25 ปี

จบการศึกษามาจาก มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา จ.เชียงใหม่

ทำงานตำแหน่ง เจ้าหน้าที่ฝึกและแสดงสัตว์ เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี

ทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยง น้องเอวา เสือโคร่งลูกคุณหนูนานกว่า 3 ปี โดยดูแลตั้งแต่เกิด

‘จีซู BLACKPINK’ คว้าตำแหน่ง!! ผู้หญิงที่สวยที่สุดในโลก 3 ปีซ้อน

(5 ธ.ค. 67) Nubia Magazine นิตยสารชื่อดังสัญชาติอังกฤษ ได้เผยผลการจัดอันดับ 10 ผู้หญิงที่สวยที่สุดในโลก ประจำปี 2024 และแน่นอนว่าอันดับ 1 ก็ยังคงเป็น จีซู หรือ คิมจีซู (Kim Jisoo) สมาชิกเกิร์ลกรุ๊ป BLACKPINK วัย 29 ปี

การสำรวจดังกล่าวจัดขึ้นเป็นเวลา 5 เดือน และสิ้นสุดลงในวันที่ 31 ตุลาคมที่ผ่านมา มีหญิงคนดังกว่า 40 คน จากทั่วโลก ถูกเสนอชื่อเข้าชิง โดยมีผู้เข้าร่วมโหวตกว่า 900,000 คน จาก 126 ประเทศ อาทิ เม็กซิโก จีน เปรู โคลอมเบีย อียิปต์ อาร์เจนตินา บราซิล แอลจีเรีย ไทย ฟิลิปปินส์ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ อินโดนีเซีย สิงคโปร์ ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา สเปน และ เกาหลีใต้

จีซู ได้รับคะแนนโหวตล้นหลามกว่า 300,000 โหวต จาก 106 ประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากแฟน ๆ ชาวเม็กซิโก โคลอมเบีย และเปรู และความสวยที่แสนประจักษ์ของ ‘จีซู’ ส่งผลให้เธอคว้าอันดับที่ 1 มาครองได้นานถึง 3 สมัยติดต่อกันแล้ว ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจในเหตุผล เพราะเธอทั้งสวยทั้งน่ารักมาตั้งแต่ก่อนเดบิวต์เสียอีก

นอกจากอันดับหนึ่งอย่าง จีซู แล้ว ก็ยังมีไอดอล K-Pop คนอื่น ๆ ที่ติดอันดับเช่นกัน ได้แก่ ‘โจว จื่อวี’ จากวง TWICE เจ้าของอันดับที่ 2 และ ‘ลิซ่า ลลิษา มโนบาล’ สมาชิกวงแบล็คพิงค์ อันดับที่ 3

อย่างไรก็ดี ทางนิตยสาร Nubia Magazine ได้ติดต่อไปยัง YG Entertainment ต้นสังกัดของจีซู เพื่อมอบประกาศนียบัตรให้กับเธออย่างเป็นทางการ ซึ่งถือเป็นเกียรติประวัติครั้งสำคัญ ที่แสดงให้เห็นว่าจีซูสามารถคว้าตำแหน่ง งผู้หญิงที่สวยที่สุดในโลก’ ได้ต่อเนื่องถึง 3 ปีซ้อน

๕ ธันวาคม วันคล้ายวันพระราชสมภพ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร วันชาติ และวันพ่อแห่งชาติ น้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ อันหาที่สุดมิได้

5 ธันวาคม ของทุกปี เป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และภายหลังการเสด็จสวรรคตของในหลวงรัชกาลที่ 9 เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2559 สำนักนายกรัฐมนตรีได้ออกประกาศ เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560 เรื่อง กำหนดวันสำคัญของชาติไทย มีใจความสำคัญให้วันที่ 5 ธันวาคม ของทุกปี เป็นวันสำคัญของชาติไทย ดังนี้ 

1. เป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร 

2. เป็นวันชาติ 

3. เป็นวันพ่อแห่งชาติ

โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560 เป็นต้นไป 

‘5 ธันวาคม เป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร’ ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเพียงใด ประชาชนคนไทยยังคงน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณอันประเสริฐ และเทิดทูนพระองค์ด้วยความรัก ความศรัทธา โดยตลอดระยะเวลา 70 ปีที่ผ่านมา พระองค์ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจมากมาย เพื่อให้ประชาชนคนไทยทุกคนมีคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น 

‘5 ธันวาคม เป็นวันชาติไทย’ แม้โดยทั่วไปมักจะหมายถึง วันเฉลิมฉลองที่ประเทศนั้น ๆ ได้รับอิสรภาพ เป็นเอกราช หรือเป็นวันสถาปนาประเทศ รัฐ ราชวงศ์ วันพระราชสมภพของกษัตริย์ วันเกิดประมุขของรัฐ หรืออาจจะเป็นวันที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์อื่น ๆ แต่มักจะถือเป็นวันหยุดประจำของชาติ ซึ่ง ‘วันชาติ’ ของแต่ละประเทศจะเป็นวันใดขึ้นอยู่กับการกำหนดของประเทศนั้น ๆ โดยความเป็นมาของวันชาติไทยนั้น แต่เดิมกำหนดให้เป็นวันที่ 24 มิถุนายน โดยวันที่ 24 มิถุนายน เป็นวันชาติไทยได้ 21 ปี ต่อมาในวันที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2503 รัฐบาลในขณะนั้นมีความเห็นว่า เพื่อให้เป็นไปตามขนบประเพณีของประเทศ และเป็นการสมัครสมานสามัคคีรวมจิตใจของบุคคลในชาติ จึงให้ถือวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เป็น ‘วันชาติ’ มาจนถึงปัจจุบัน

‘5 ธันวาคม เป็นวันพ่อแห่งชาติ’ วันพ่อแห่งชาติ มีขึ้นครั้งแรก เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2523 เนื่องจากพ่อเป็นบุคคลผู้มีพระคุณและมีบทบาทสำคัญต่อครอบครัวและสังคม เพื่อให้ลูกได้แสดงความกตัญญูกตเวทีต่อพ่อ และเพื่อให้ผู้เป็นพ่อสำนึกในหน้าที่และความรับผิดชอบของตน ดังนั้นจึงถือเอาวันที่ 5 ธันวาคม ของทุกปี เป็น ‘วันพ่อแห่งชาติ’

4 ธันวาคม ของทุกปี ‘วันสิ่งแวดล้อมไทย’ รำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ ในหลวง ร.9 ที่

วันที่ 4 ธันวาคม ของทุกปี เป็น ‘วันสิ่งแวดล้อมไทย’ กำหนดขึ้นเพื่อระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่ทรงมีพระราชดำรัสถึงสถานการณ์สิ่งแวดล้อมของประเทศไทย

วันที่ 4 ธันวาคม ของทุกปี เป็น ‘วันสิ่งแวดล้อมไทย’ กำหนดขึ้นเพื่อระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่ทรงมีพระราชดำรัสถึงสถานการณ์สิ่งแวดล้อมของประเทศไทยและสถานการณ์สิ่งแวดล้อมโลก เมื่อครั้งเสด็จออกให้คณะบุคคลต่าง ๆ เข้าเฝ้าถวายพระพรชัยมงคลเนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา ณ ศาลา ดุสิดาลัย พระตำหนัก จิตรลดารโหฐาน เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2532 เพื่อตรัสเตือนคนไทยให้ตระหนักถึงความสำคัญของปัญหาสิ่งแวดล้อมที่กำลังทวีความรุนแรงขึ้นทั้งในประเทศไทยและทั่วโลก โดยเฉพาะปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลก และให้ถือว่าเป็นหน้าที่ของทุกคนที่ต้องร่วมมือกันแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้น โดยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชได้มีพระราชดำรัสใจความตอนหนึ่งว่า

“วันก่อนนี้เราพูดถึงปัญหาว่า เมืองไทยนี้อีกหน่อยจะแห้ง ไม่มีน้ำเหลือจะต้องไปซื้อน้ำจากต่างประเทศซึ่งก็อาจเป็นได้ แต่เชื่อว่าจะไม่เป็นอย่างนั้นเพราะว่าถ้าคำนวณดูน้ำในประเทศไทยที่ไหลเวียนนั้นยังมีอยู่ เพียงแต่ต้องบริหารให้ดี ถ้าบริหารให้ดีแล้ว มีเหลือเฟือ มีตัวเลขแล้ว แต่ว่ายังไม่ได้ไปแยกแยะตัวเลข เหมือนที่ได้แยกแยะตัวเลขของคาร์บอน น้ำนั้นน่ะ ในโลกมีมากแล้วที่ใช้จริงๆ มันเป็นเศษหนึ่งส่วนหมื่นของน้ำที่มีอยู่ อาจไม่ถึง ก็ต้องบริหารให้ดีเท่านั้นเอง เดี๋ยวนี้ก็มีปัญหาเกี่ยวกับน้ำ น้ำนี้จะต้องใช้ให้ดี คือ น้ำนั้นมีคุณอย่างที่เราใช้สำหรับบริโภค น้ำสำหรับการเกษตร น้ำสำหรับอุตสาหกรรมทั้งหมดนี้ต้องใช้น้ำที่ดี หมายความว่าน้ำที่สะอาด”

“น้ำมีมากในโลก เป็นน้ำทะเลส่วนใหญ่ซึ่งจะใช้อย่างนี้ไม่ได้แล้ว นอกจากนั้นเดี๋ยวนี้ที่กำลังมีมากขึ้นก็คือ น้ำเน่า จะต้องป้องกันไม่ให้มีน้ำเน่า น้ำเน่าจะมีอยู่เสมอ แต่อย่าให้น้ำเน่านั้นเป็นโทษมากเกินไป ฉะนั้น นี่เป็นอีกโครงการหนึ่งที่เราจะต้องปฏิบัติ แล้วก็ถ้าไม่จัดการโดยเร็วเราจะนอนอยู่ในน้ำเน่า น้ำดีจะไม่มีใช้แม้จะไปซื้อน้ำจากต่างประเทศมา ก็กลายเป็นน้ำเน่าหมด เพราะว่าเอามาใช้โดยไม่ได้ระมัดระวัง”

“ถ้าเรามีน้ำแล้วมาใช้อย่างระมัดระวังข้อหนึ่ง และควบคุมน้ำที่เสียอย่างดีอีกข้อหนึ่ง ก็อยู่ได้ เพราะว่าภูมิประเทศของประเทศไทย ‘ยังให้’ ใช้คำว่า ‘ยังให้’ ก็หมายความว่า ยังเหมาะแก่การอยู่กินในประเทศนี้ ไม่ใช่ไม่เหมาะ ประเทศไทยนี้เป็นที่ที่เหมาะมากในการตั้งถิ่นฐาน แต่ว่าต้องรักษาเอาไว้ไม่ทำให้ประเทศไทยซึ่งเป็นสวนเป็นนากลายเป็นทะเลทรายก็ป้องกันได้ ทำได้”

จากพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช นับเป็นจุดเริ่มต้นในการเคลื่อนไหวของทุกฝ่าย ทั้งหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่หันมาร่วมมือกันริเริ่มโครงการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ รวมถึงเป็นการปลูกจิตสำนึกของประชาชนให้มีจิตสำนึกในการเห็นความสำคัญของทรัพยากรธรรมชาติ

จากนั้นเมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ 2534 ในการประชุมของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่ประชุมจึงมีมติเห็นชอบ กำหนดให้วันที่ 4 ธันวาคมของทุกปี เป็นวันสิ่งแวดล้อมไทย

3 ธันวาคม ของทุกปี วันคนพิการสากล (International day of persons with disability) สร้างโอกาสในการเข้าถึงสิทธิอย่างเท่าเทียม

วันที่ 3 ธันวาคม ของทุกปี ถูกกำหนดให้เป็น ‘วันคนพิการสากล’ (International day of persons with disability) เป็นวันสำคัญระหว่างประเทศที่สหประชาชาติส่งเสริมตั้งแต่ปี 2525 เพื่อส่งเสริมความเข้าใจปัญหาความพิการและการระดมการสนับสนุนสำหรับศักดิ์ศรี สิทธิและความเป็นอยู่ดีของผู้พิการ นอกจากนี้ ยังมุ่งเพิ่มความตระหนักถึงประโยชน์ที่จะได้จากการรวมผู้พิการเข้ากับทุกแง่มุมของชีวิตการเมือง สังคม เศรษฐกิจและวัฒนธรรม แต่ละปีจะเน้นปัญหาต่างกัน รวมถึงสร้างโอกาสในการเข้าถึงทุกพื้นที่อย่างเท่าเทียม

นับตั้งแต่องค์การสหประชาชาติ ประกาศให้ปี พุทธศักราช 2526 – 2535 เป็นทศวรรษคนพิการแห่งสหประชาชาติ หรือ UNITED NATION DECADE OF DISABLED PERSONS,1983-1992. ยังผลให้ประเทศต่างๆ รวมไปถึงองค์การต่างๆในทุกภูมิภาคทั่วโลก ได้ตื่นตัวในการส่งเสริมฟื้นฟูสมรรภาพคนพิการอย่างกว้างขวาง มีการติดต่อช่วยเหลือซึ่งกันและกันระหว่างประเทศองค์การสมาชิกอย่างเป็นรูปธรรม การเสนอแนะประเทศสมาชิกสหประชาชาติ ให้ใช้ทรัพยากรเพื่อประโยชน์สูงสุด การป้องกันความพิการ การสนองความต้องการของคนพิการ การให้ความช่วยเหลือทางวิชาการ ในทุกรูปแบบต่อประเทศกำลังพัฒนา ตลอดจนรณรงค์เรื่องสิทธิ และความเท่าเทียมกันในสังคมเพื่อคนพิการ รวมไปถึงมรการจัดกิจกรรมคนพิการ เพื่อวัตถุประสงค์ในการพัฒนา ทักษะการช่วยตัวเอง การเพิ่มพูนสมรรถภาพทางกาย จิตใจ อารมณ์และสังคมของคนพิการ และเสริมสร้างความเข้าใจอันดีร่วมกัน ระหว่างคนพิการและคนปกติ

2 ธันวาคม พ.ศ. 2566 ในหลวง - พระราชินี พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ พล.อ.ประยุทธ์ องคมนตรีใหม่ เฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณ

วันที่ 2 ธันวาคม 2566 หรือวันนี้ เมื่อปีที่แล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จออก ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ ประธานองคมนตรี นำ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา องคมนตรี ซึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้ง เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับหน้าที่

✨ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล

✨ประจำวันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2567

🟢รางวัลที่ 1 รางวัลละ 6,000,000 บาท : 669843

🔴รางวัลข้างเคียงรางวัลที่ 1 จำนวน 2 รางวัล รางวัลละ 100,000 บาท : 669842  669844

🔴รางวัลเลขหน้า 3 ตัว รางวัลละ 4,000 บาท : 626  559

🔴รางวัลเลขท้าย 3 ตัว รางวัลละ 4,000 บาท : 098  654

🔴รางวัลเลขท้าย 2 ตัว รางวัลละ 2,000 บาท : 61

🟢รางวัลที่ 2 รางวัลละ 200,000 บาท : 362623  141669  511822  257611  127223

🟢รางวัลที่ 3 รางวัลละ 80,000 บาท : 007427  412183  988373  361496  632428  
799112  489823  781904  225443  063530 

🟢รางวัลที่ 4 รางวัลละ 40,000 บาท 
412207  954641  556792  276443  086494  
092386  173524  017721  783205  213958  
721991  920410  969664  287059  786108  
612785  110508  621091  310734  635435  
022020  415228  221943  311035  150524  
777702  468693  656044  858067  256247  
711163  523975  060334  529435  661196  
702772  506997  292911  803676  840761  
485229  908080  631207  913697  823603  
865378  251466  244738  019273  042702  

🟢รางวัลที่ 5 รางวัลละ 20,000 บาท
466629  801515  918078  972663  213187  
176011  205941  889207  594170  472981  
129254  193042  515208  247480  660109  
805620  250963  029563  950649  704404  
752228  865280  220724  659735  355059  
891591  754440  958709  264021  908469  
858864  491890  862439  555795  472750  
406805  798613  119815  177886  183717  
295735  437355  062626  225464  262620  
246732  422780  621010  004229  758463  
980858  075074  518718  102006  635061  
767161  340190  224868  972507  329479  
988116  759860  743273  045935  926936  
587103  000444  310173  072992  832512  
159762  847276  719345  824063  394095  
290402  942694  244443  160838  647410  
978088  661043  902108  108046  794753  
998784  425408  165517  094632  894211  
864440  562496  980718  502139  372901  
697223  570477  516740  477673  353846 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top