Friday, 4 July 2025
LITE

21 พฤษภาคม พ.ศ. 2493 ร. 9 พระราชทานปริญญาบัตรแก่บัณฑิตจุฬาฯ นับเป็นครั้งแรกในรัชสมัยของพระองค์

หลังจากเสด็จนิวัติกรุงเทพมหานครในปี พ.ศ. 2493 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ได้ทรงปฏิบัติระราชกรณียกิจ ในพระฐานะพระบรมราชูปถัมภกแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พระองค์ที่ 5 ทั้งในรูปแบบสืบเนื่องจากสมเด็จพระปิตุลาธิราช และพระบรมเชษฐาธิราชของพระองค์คือ พระบาสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล นั่นคือการพระราชทานปริญญาบัตรแก่นิสิตที่สำเร็จการศึกษา รวมทั้งที่ได้พระราชทานพระมหากรุณาธิคุณเป็นพิเศษคือ ได้เสด็จพระราชดำเนินมาทอดพระเนตรการแข่งขันกีฬากลางแจ้ง ที่สนามหน้าหอประชุมจุฬาฯ และได้พระราชทานรางวัลแก่นิสิตผู้ชนะการแข่งขัน

ในการประชุมสภามหาวิทยาลัย ครั้งที่ 153/2493 เมื่อวันเสาร์ที่ 13 พฤษภาคม 2493 ณ ห้องประชุมคณะวิศวกรรมศาสตร์ เริ่มประชุมเวลา 9.50 น. มีจอมพล ป. พิบูลสงคราม อธิการบดีในฐานะอุปนายกสภามหาวิทยาลัยเป็นประธานในที่ประชุม ศาสตราจารย์ ม.ร.ว.สลับ ลดาวัลย์ เป็นกรรมการและเลขานุการ เรื่องที่ประชุมซึ่งสำคัญยิ่งมี 2 เรื่องคือ เรื่องแรกคณบดีห้าคณะ ได้แก่ วิศวกรรมศาสตร์ อักษรศาสตร์และครุศาสตร์ วิทยาศาสตร์ สถาปัตยกรรมศาสตร์ พาณิชยศาสตร์และการบัญชี เสนอชื่อนิสิตผู้สำเร็จการศึกษาตามหลักสูตรคณะต่างๆ ในระดับปริญญาตรีและอนุปริญญา เพื่อขออนุมัติจากสภามหาวิทยาลัย เรื่องที่สำคัญยิ่งคือ การทูลเกล้าฯ ถวายปริญญากิตติมศักดิ์แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งที่ประชุมอนุมัติให้ทูลเกล้าฯ ถวายปริญญารัฐศาสตรดุษฎีกิตติมศักดิ์

สำหรับการเสด็จฯ พระราชทานปริญญาบัตรแก่บัณฑิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยในครั้งนั้น เป็นครั้งแรกในรัชสมัยของพระองค์อีกด้วย โดยบัณฑิตผู้ได้รับพระราชทานปริญญาจากพระหัตถ์ของพระองค์เป็นคนแรกคือ นายประกายเพ็ชร อินทุโสภณ วิศวกรรมศาสตรบัณฑิต เกียรตินิยมอันดับหนึ่ง และได้พระราชทานรางวัลเหรียญทองแดง สาขาวิชาชีววิทยาแก่ นายจรัส สุวรรณเวลา ซึ่งต่อมา ศาสตราจารย์ นายแพทย์จรัส สุวรรณเวลา ได้รับโปรดเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่งอธิการบดีจุฬาฯ และนายกสภามหาวิทยาลัยในสมัยต่อมาอีกด้วย 

ข้อมูลจาก หอประวัติจุฬาฯ

20 พฤษภาคม พ.ศ. 2535 พระราชดำรัส รัชกาลที่ 9 ดั่งน้ำทิพย์ คลี่คลายวิกฤตทางการเมือง ‘พฤษภาทมิฬ’

เมื่อเวลาประมาณ 20.00 น. ของวันพุธที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2535 พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในหลวง รัชกาลที่ 9  พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้  ศ.สัญญา ธรรมศักดิ์ ประธานองคมนตรี และ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ องคมนตรีและรัฐบุรุษ นำพลเอกสุจินดา คราประยูร นายกรัฐมนตรี และ พลตรีจำลอง ศรีเมือง เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท โอกาสนี้ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระราชดำรัสแก่คณะผู้เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ในเหตุการณ์การเมือง พฤษภาทมิฬ ทรงใช้พระมหากรุณาธิคุณระงับความขัดเเย้งทางการเมืองของทั้งสองฝ่าย ให้เข้าใจกันและยุติความขัดเเย้งของทั้งสองฝ่ายเพื่อความสงบสุขเรียบร้อยของประเทศไทย

โดยมีความบางตอนว่า  

“...ขอให้สองท่าน หันหน้าเข้าหากัน ไม่ใช่เผชิญหน้ากันเพียงแต่ว่าจะต้องเอาชนะ แล้วใครจะชนะ ไม่มีทาง มีแต่แพ้ คือต่างคนต่างแพ้ แล้วที่แพ้ที่สุดคือประเทศชาติ ประชาชน แล้วจะมีประโยชน์อะไร ที่จะทนงตัวว่าชนะ เวลาอยู่บนกองสิ่งปรักหักพัง..."  

19 พฤษภาคม พ.ศ. 2466 วันสิ้นพระชนม์ ‘กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์’ ชาวไทยถือเอาวันนี้ของทุกปีเป็น 'วันอาภากร'

พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ พระราชโอรสองค์ที่ 28 ในรัชกาลที่ 5 ทรงพระประชวรและสิ้นพระชนม์ในขณะที่ประทับอยู่ที่หาดทรายรีปากน้ำเมืองชุมพร พระองค์ทรงศึกษาวิชาแพทย์แผนโบราณและรักษาโรคแก่คนทั่วไป จึงเรียกพระองค์ว่า 'หมอพร' หรือ 'เตี่ย' 

ต่อมาทหารเรือได้เรียกพระองค์ว่า 'เสด็จเตี่ย' นอกจากนี้พระองค์ทรงริเริ่มวางรากฐานกิจการทหารเรือไทย กองทัพเรือจึงพร้อมใจกันถวายสมัญญาพระนามแด่พระองค์ท่านว่า 'พระบิดาแห่งทหารเรือไทย' และถือเอาวันที่ 19 พฤษภาคมเป็น 'วันอาภากร'

18 พฤษภาคม พ.ศ. 2514 ร.9 ทรงกลัดปีกนักกระโดดร่มกิตติมศักดิ์ ให้ ร.10 ที่ทรงเข้ารับการฝึกเยี่ยงกำลังพลทั่วไปของตำรวจพลร่ม

พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 ทรงกลัดปีกกระโดดร่มกิตติมศักดิ์ที่กรมตำรวจทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายให้ พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลปัจจุบัน (ขณะดำรงพระราชอิสริยยศ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมาร) ณ ห้องประชุมค่ายนเรศวร อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ.2514

ทั้งนี้ พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว พระองค์ทรงสนพระทัยในกิจการด้านการกระโดดร่ม ทั้งรายละเอียดทางเทคนิคและทางทฤษฎี และทรงเข้ารับการฝึกเยี่ยงกำลังพลทั่วไปของตำรวจพลร่มครบถ้วนตามหลักสูตร ตลอดระยะเวลาของการฝึกฝน

'เกาะสิมิลัน' ปิดฟื้นฟูธรรมชาติ

ปิดฟื้นฟูธรรมชาติ กลับมาเปิดอีกครั้ง 15 ต.ค.นี้ นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศทุกคนซื้อตั๋วผ่านระบบ E-Ticket  

‘ลิซ่า – ไทล่า’ แดนซ์!! แซ่บสะบัด ในมิวสิกวิดีโอ ‘When I'm with you’

(17 พ.ค. 68) กลายเป็นกระแสไวรัลเลยทีเดียวหลังลิซ่า BLACKPINK หรือ ลลิษา มโนบาล ศิลปินตัวแม่ตัวมัมแห่งวงการเพลงได้ออกมาสปอยล์มิวสิกวิดีโอเพลง When I’m with you ที่มีการฟีเจอร์ริ่งกับศิลปินสาวสุดเซ็กซี่อย่าง ไทล่า (Tyla) ทั้งสองมอบความสุขให้กับแฟน ๆ ด้วยมิวสิควิดีโอที่ร้อนแรงไม่แพ้แดดประเทศไทย ซึ่งเข้ากับช่วงซัมเมอร์พอดี

ในวันที่ 16 พฤษภาคม เวลา 22.00 น. KST ลิซ่าได้ปล่อยมิวสิควิดีโอเพลง 'When I’m With You' ซึ่งเป็นเพลงที่ 9 จากอัลบั้มเดี่ยวที่ชื่อว่า Alter Ego แน่นอนว่า สาว ๆ ไม่ได้มาเล่น ๆ มาพร้อมท่าเต้นทุบสะโพกที่ซ่อนความเซ็กซี่เย้ายวน ด้านแฟชั่นจัดเต็มสุดจึ้งทั้งชุดคริสตัลระยิบระยับและรองเท้าส้นสูงแบบรัดข้อ “หน้าส่งชุด ชุดส่งหุ่น หุ่นส่งจักรวาล”

'When I’m With You' ถ่ายทอดการต่อสู้ภายในระหว่างความปรารถนาและการควบคุมตนเอง สะท้อนให้เห็นถึงความเข้มข้นของความสัมพันธ์ที่ทำให้คน ๆ หนึ่งละทิ้งการยับยั้งชั่งใจและยอมจำนนต่อช่วงเวลานั้น ๆ อย่างเต็มที่ แถมยังมีนักแสดงรับเชิญอย่าง Mason Gooding, Sab zada, Leah Kateb, และ Miguel Harichi จาก Love Island USA

งานนี้ ทำเอาแฮชแท็ก #LISAxTYLA และ #LISAxWIWY พุ่งติดเทรนด์เอ็กซ์ เท่านั้น ไม่พอเพลง ยังติดอันดับเพลงมาแรง อันดับที่ 5 ในยูทูบอีกด้วย เรียกได้ว่า เป็นเพลงในช่วงฤดูร้อนที่ร้อนแรงเกินกว่าจะรับไหวจริง ๆ

ใครที่กำลังมองหางานห้ามพลาด!!

ภายในงานมีตำแหน่งงานมากกว่า 5 แสนอัตรา จากผู้ประกอบการและระบบออนไลน์กว่า 173 บริษัท และตำแหน่งงานในต่างประเทศกว่า 1 แสนอัตรา จาก 16 บริษัทจัดหางาน จัดส่งโดยภาครัฐ

วันที่ 6 - 8 มิถุนายน 2568 ณ ฮอลล์ 5 - 6 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

17 พฤษภาคม พ.ศ. 2507 ในหลวง รัชกาลที่ 9 ทรงเปิด 'เขื่อนภูมิพล' เขื่อนอเนกประสงค์แห่งแรกในประเทศไทย

วันนี้ เมื่อ 61 ปีก่อน พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เสด็จฯ ทรงเปิด 'เขื่อนภูมิพล' (เขื่อนยันฮี) เขื่อนอเนกประสงค์แห่งแรกในประเทศไทย และเป็นเขื่อนคอนกรีตรูปโค้งขนาดใหญ่ที่สูงที่สุดในเอเชียอาคเนย์ ที่ให้ประโยชน์ทั้งด้านการเกษตรและเป็นจุดเริ่มต้นโรงไฟฟ้าพลังน้ำขนาดใหญ่ของประเทศ 

โดยมีพระราชดำรัสเนื่องในวโรกาสเสด็จฯ ประกอบพิธีเปิดเขื่อนภูมิพล ความว่า “ข้าพเจ้าเห็นพ้องกับรัฐบาลว่า โครงการอเนกประสงค์โครงการแรกของประเทศไทยนี้ เป็นจุดเริ่มต้นในการพัฒนาเศรษฐกิจก้าวใหม่ให้ไพศาลออกไป ปัจจุบันน้ำเป็นปัจจัยหล่อเลี้ยงชีวิต และน้ำกับไฟฟ้าส่งเสริมความเจริญก้าวหน้าของชีวิต เมื่อพลเมืองเพิ่มมากและเร็ว ก็ต้องเพิ่มน้ำและไฟฟ้าให้ทันความต้องการของพลเมือง”

ส่องลุค 'แม่ชม' พรมแดงเมืองคานส์

ลุคแรกบนพรมแดงเทศกาลหนังเมืองคานส์ ครั้งที่ 78 ที่ประเทศฝรั่งเศส แม่ทำถึงอีกแล้ว 

ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล ประจำวันที่ 16 พฤษภาคม 2568

✨ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล
✨ประจำวันที่ 16 พฤษภาคม 2568

🟢รางวัลที่ 1 รางวัลละ 6,000,000 บาท : 251309

🔴รางวัลข้างเคียงรางวัลที่ 1 จำนวน 2 รางวัล รางวัลละ 100,000 บาท : 251308, 251310

🔴รางวัลเลขหน้า 3 ตัว รางวัลละ 4,000 บาท :  109 231

🔴รางวัลเลขท้าย 3 ตัว รางวัลละ 4,000 บาท : 965 631

🔴รางวัลเลขท้าย 2 ตัว รางวัลละ 2,000 บาท :87

ให้ทุกคนได้จกพุงแมว เกาคางหมาแบบใกล้ชิดสุดๆในงาน BKK EXPO 2025 ที่กำลังจะมาถึง!!

ให้ทุกคนได้จกพุงแมว เกาคางหมาแบบใกล้ชิดสุดๆในงาน BKK EXPO 2025 ที่กำลังจะมาถึง!!
- เล่นกับน้องหมาน้องแมวแบบใกล้ชิด
- เปิดลงทะเบียนรับอุปการะ
- ให้คำปรึกษาวิธีดูแลสัตว์เลี้ยง
15-18 พฤษภาคม 2568 นี้ เวลา 12.00 - 20.00 น. 
พิกัด : อาคารพิพิธภัณฑ์สวนป่าเบญจกิติ (MRT ศูนย์สิริกิติ์)
แวะไปส่องน้องก่อนเจอได้ที่ : https://www.facebook.com/bkkadopter
ที่มา : https://ppro.pro/44AzCEZ

16 พฤษภาคม พ.ศ. 2558 ‘หลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ’ ละสังขาร ครอบรอบ 10 ปี สิ้นเทพเจ้าแห่งด่านขุนทด

เวียนบรรจบครบ 10 ปีที่ ‘หลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ’ หรือพระเทพวิทยาคม อดีตเกจิอาจารย์ชื่อดังแห่งวัดบ้านไร่ ละสังขารไปอย่างสงบในวันที่ 16 พฤษภาคม 2558 ท่ามกลางความอาลัยของลูกศิษย์ลูกหาและผู้ศรัทธาทั่วประเทศ

หลวงพ่อคูณ มีนามเดิมว่า คูณ ฉัตร์พลกรัง พระเกจิอาจารย์ดัง อดีตที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค 11 และอดีตเจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ ที่ลูกศิษย์ยกย่องเป็น ‘เทพเจ้าแห่งด่านขุนทด’ ถือกําเนิดที่บ้านไร่ ม.6 ต.กุดพิมาน อ.อ่านขุนทด จ.นครราชสีมา 

หลวงพ่อคูณอุปสมบท เมื่ออายุได้ 21 ปี ณ พัทธสีมาวัดถนนหักใหญ่ ต.กุดพิมาน อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2487 โดยพระครูวิจารย์ดีกิจ อดีตเจ้าคณะอําเภอด่านขุนทด เป็นพระอุปัชฌาย์ ได้รับฉายาว่า "ปริสุทโธ" หลังจากที่หลวงพ่อคูณอุปสมบทเป็นพระภิกษุเรียบร้อยแล้วท่านได้ฝากตัวเป็นศิษย์หลวงพ่อแดง วัดบ้านหนองโพธิ์ ต.สํานักตะคร้อ อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา หลวงพ่อคูณได้อยู่ปรนนิบัติรับใช้หลวงพ่อแดงมานานพอสมควร หลวงพ่อแดงจึงพาหลวงพ่อคูณไปฝากตัวเป็น ลูกศิษย์หลวงพ่อคง พุทธสโร ซึ่งให้การศึกษาพระธรรมควบคู่กับการปฏิบัติพระกัมมัฏฐาน หลังจากนั้นหลวงพ่อคูณได้ออกธุดงค์ จาริกอยู่ในเขต จ.นครราชสีมา รวมทั้งธุดงค์ไปไกลถึงประเทศลาว และกัมพูชา

หลังจากที่พิจารณาเห็นสมควรแก่การปฏิบัติแล้ว หลวงพ่อคูณจึงออกเดินทางจากกัมพูชากลับมายังประเทศไทย เดินข้ามเขตด้าน จ.สุรินทร์ สู่ จ.นครราชสีมา กลับบ้านเกิดที่บ้านไร่ จากนั้นจึงเริ่มดําเนินการก่อสร้างถาวรวัตถุทางพระพุทธศาสนา โดยเริ่มสร้างอุโบสถ พ.ศ. 2496 โรงเรียน กุฏิสงฆ์ ศาลาการเปรียญ รวมทั้งขุดสระน้ำเพื่อการอุปโภคและบริโภคทำให้คุณภาพชีวิตของชาวบ้านโดยรอบดีขึ้นด้วย

หลวงพ่อคูณเป็นพระที่มีชื่อเสียงเรื่องการสร้างวัตถุมงคล ซึ่งท่านได้สร้างวัตถุมงคลมาตั้งแต่บวชได้ 7 พรรษา โดยเริ่มทําวัตถุมงคลซึ่งเป็นตะกรุดโทน ตะกรุดทองคํา "ใครขอกูก็ให้ ไม่เลือกยากดีมีจน" เป็นคํากล่าวของท่าน

เมื่อปี 2556 หลวงพ่อคูณเคยอาพาธด้วยอาการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ และมีอาการหลอดลมอักเสบติดเชื้ออย่างรุนแรง จึงเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมาจนอาการดีขึ้นก่อนจะกลับไปรักษาตัวที่วัดบ้านไร่ โดยมีคณะแพทย์เฝ้าดูอาการอย่างใกล้ชิด โดยในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาอาการอาพาธของหลวงพ่อคูณมีทั้งทรงตัวและแย่ลง จนกระทั่งมีอาการหมดสติเมื่อวันที่ 15 พ.ค. 2558

ต่อมาวันที่ 16 พ.ค. 2558 เมื่อเวลา 10.00 น. คณะแพทย์รายงานผลว่าการเฝ้าตรวจติดตามอาการอาพาธของหลวงพ่อคูณ มีภาวะแทรกซ้อนเพิ่มขึ้นจากการแข็งตัวของเลือดผิดปกติ ทำให้เลือดออกในช่องอก ส่งผลให้ระบบการหายใจล้มเหลว ภาวะหัวใจหยุดเต้น คณะแพทย์ได้ทำการช่วยฟื้นคืนชีพ สำหรับภาวะไตไม่ทำงานได้ให้การรักษาโดยการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม ขณะนี้อาการโดยรวมทรุดลง จนกระทั่งเวลา 11.45 น. หลวงพ่อคูณ ได้มรณภาพด้วยอาการสงบ

กฎใหม่คุ้มครองสิทธิ กรณีเที่ยวบินระหว่างประเทศ 'ดีเลย์'

มาตรการคุ้มครองสิทธิของผู้โดยสารเที่ยวบินแบบประจำในประเทศและระหว่างประเทศ มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 20 พฤษภาคม 2568 เป็นต้นไป

กรณีเที่ยวบินระหว่างประเทศดีเลย์เกิน 2 ชั่วโมง 
-สายการบินต้องจัดอาหารและเครื่องดื่มหรือคูปองสำหรับแลกซื้อ อาหารและเครื่องดื่มให้แก่ผู้โดยสารตามความเหมาะสม

กรณีเที่ยวบินระหว่างประเทศดีเลย์เกิน 5 ชม.
สายการบินจะต้องจัดอาหารและเครื่องดื่ม และอุปกรณ์สื่อสารเช่นเดียวกับกรณีล่าช้าเกิน 2 ชั่วโมง 
- ชำระค่าชดเชยเป็นเงินสดให้แก่ผู้โดยสารจำนวน 1,500 บาท หรือเป็นวงเงินเพื่อใช้ในการเดินทางครั้งต่อไป หรือบัตรกำนัลการเดินทาง หรือไมล์สะสมตามโครงการสะสมไมล์ หรือสิ่งอื่นแทนค่าชดเชยดังกล่าว โดยมีมูลค่าไม่ต่ำกว่าการชำระค่าชดเชยเป็นเงินสด ภายในระยะเวลาไม่เกิน 14 วัน นับแต่วันที่เกิดเหตุเที่ยวบินล่าช้า 
-จัดที่พักพร้อมการรับส่ง หากต้องมีการพักค้างคืน 
-เมื่อผู้โดยสารไม่ประสงค์เดินทางต่อ สายการบินจะต้องเสนอทางเลือกแก่ผู้โดยสารในทันที เพื่อพิจารณาเลือกระหว่างรับเงินค่าโดยสารคืน หรือรับวงเงินเพื่อใช้ในการเดินทางครั้งต่อไป หรือบัตรกำนัลการเดินทาง หรือไมล์สะสมตามโครงการสะสมไมล์ หรือสิ่งอื่นทดแทน 

กรณีเที่ยวบินระหว่างประเทศดีเลย์เกิน 10 ชั่วโมง 
สายการบินต้องจัดอาหารและเครื่องดื่ม และอุปกรณ์สื่อสารเช่นเดียวกับกรณี ล่าช้าเกิน 2 และ 5 ชั่วโมง  
1) รับค่าชดเชยเป็นเงินสดภายในระยะเวลาไม่เกิน 14 วันนับแต่วันที่เกิดเหตุ · 2,000 บาท สำหรับเที่ยวบินที่มีระยะทางไม่เกิน 1,500 กิโลเมตร · 3,500 บาท สำหรับเที่ยวบินที่มีระยะทาง 1,500 - 3,500 กิโลเมตร · 4,500 บาท สำหรับเที่ยวบินที่มีระยะทางเกิน 3,500 กิโลเมตร หรือ 
2) รับค่าชดเชยเป็นวงเงินเพื่อใช้ในการเดินทางครั้งต่อไป หรือบัตรกำนัลการเดินทาง หรือไมล์สะสมตามโครงการสะสมไมล์  หรือสิ่งอื่นแทนค่าชดเชยดังกล่าว โดยมีมูลค่าไม่ต่ำกว่าการชำระค่าชดเชยเป็นเงินสด ภายในระยะเวลาไม่เกิน 14 วัน 

-จัดที่พักพร้อมการรับส่ง หากต้องมีการพักค้างคืน 
-เมื่อผู้โดยสารไม่ประสงค์เดินทางต่อไป สายการบินต้องเสนอทางเลือกทั้งหมดแก่ผู้โดยสารในทันที เพื่อพิจารณาเลือกระหว่าง        
1) รับเงินค่าโดยสารและค่าธรรมเนียมอื่นใดที่ถูกเรียกเก็บคืนเต็มตามจำนวน หรือรับเป็นวงเงินเพื่อใช้ในการเดินทางครั้งต่อไป หรือบัตรกำนัลการเดินทาง หรือไมล์สะสมตามโครงการสะสมไมล์ หรือสิ่งอื่นทดแทน        
2) เปลี่ยนแปลงเที่ยวบินเพื่อเดินทางไปยังจุดหมายปลายทางที่ระบุไว้ในบัตรโดยสารหรือไปยังจุดหมายปลายทางอื่นที่ใกล้เคียง หรือ        
3) การขนส่งทางอื่นที่เหมาะสมเพื่อไปยังจุดหมายปลายทางที่ระบุไว้ในบัตรโดยสาร หรือจุดหมายปลายทางอื่นที่ใกล้เคียงกับจุดหมายปลายทางเดิม

15 พฤษภาคม พ.ศ. 2394 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงประกอบพระราชพิธีบรมราชาภิเษก

เมื่อพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จสวรรคตในวันที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2394 พระราชวงศ์และเสนาบดีมีมติเห็นชอบให้ถวายราชสมบัติแก่สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้ามงกุฎ จึงได้ให้สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาประยุรวงศ์ (ดิศ บุนนาค) ไปเฝ้าเจ้าฟ้ามงกุฎ ณ วัดบวรนิเวศวิหาร แต่พระองค์ตรัสว่า ถ้าจะถวายพระราชสมบัติแก่พระองค์จะต้องอัญเชิญสมเด็จเจ้าฟ้าจุฑามณี กรมขุนอิศเรศรังสรรค์ขึ้นครองราชย์ด้วย เนื่องจากพระองค์ทรงเห็นว่าเป็นผู้ที่มีพระชะตาแรง ต้องได้เป็นพระมหากษัตริย์

ในการพระราชพิธีบรมราชาภิเษกนั้น พระองค์ได้รับการเฉลิมพระปรมาภิไธยว่า พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหามงกุฎ พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และมีพระนามตามจารึกในพระสุบรรณบัฏว่า

"พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหามงกุฎสุทธิ สมมุติเทพยพงศวงศาดิศรกษัตริย์ วรขัตติยราชนิกโรดม จาตุรันตบรมมหาจักรพรรดิราชสังกาศ อุภโตสุชาติสังสุทธิเคราะหณี จักรีบรมนาถ อดิศวราชรามวรังกูร สุจริตมูลสุสาธิตอุกฤษฐวิบูลย บุรพาดูลยกฤษฎาภินิหารสุภาธิการรังสฤษดิ ธัญญลักษณ วิจิตรโสภาคสรรพางค์ มหาชโนตมางคประนตบาทบงกชยุคคล ประสิทธิสรรพสุภผลอุดม บรมสุขุมาลยมหาบุรุษยรัตน ศึกษาพิพัฒนสรรพโกศล สุวิสุทธิวิมลศุภศีลสมาจารย์ เพ็ชรญาณประภาไพโรจน์ อเนกโกฏิสาธุ คุณวิบุลยสันดาน ทิพยเทพวตาร ไพศาลเกียรติคุณอดุลยพิเศษ สรรพเทเวศรานุรักษ์เอกอัครมหาบุรุษ สุตพุทธมหากระวี ตรีปิฎกาทิโกศล วิมลปรีชามหาอุดมบัณฑิต สุนทรวิจิตรปฏิภาณ บริบูรณ์คุณสาร สัสยามาทิโลกยดิลก มหาปริวารนายกอนันต์ มหันตวรฤทธิเดช สรรพพิเศษ สิรินธรมหาชนนิกรสโมสรสมมติ ประสิทธิวรยศมโหดมบรมราชสมบัติ นพปดลเศวตฉัตราดิฉัตร สิริรัตโนปลักษณมหาบรมราชาภิเศกาภิษิต สรรพทศทิศวิชิตวิไชย สกลมไหศวรินมหาสยามินทร มเหศวรมหินทร มหาราชาวโรดม บรมนารถชาติอาชาวศรัย พุทธาทิไตรรัตนสรณารักษ์ อุกฤษฐศักดิอัครนเรศราธิบดี เมตตากรุณาสีตลหฤทัย อโนปมัยบุญการสกลไพศาลมหารัษฎาธิเบนทร ปรเมนทรธรรมมิกมหาราชาธิราช บรมนารถบรมบพิตร พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว "

โดยพระองค์ ได้พระราชทาน 'พระปฐมบรมราชโองการ' ไว้ว่า “พรรณพฤกษ ชลธี แลสิ่งของในแผ่นดิน ทั่วเขตพระนคร ซึ่งหาผู้หวงแหนมิได้นั้น ตามแต่สมณชีพราหมณาจารย์ราษฎรจะปรารถนาเถิด”

พร้อมกันนี้ พระองค์ทรงสถาปนาสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าจุฑามณี กรมขุนอิศเรศรังสรรค์ ที่กรมพระราชวังบวรสถานมงคลมีพระราชพิธีบวรราชาภิเษกและทรงรับพระบวรราชโองการ ให้พระเกียรติยศเสมอด้วยพระเจ้าแผ่นดินองค์ที่ 2 โดยได้รับการเฉลิมพระปรมาภิไธยว่า พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว ส่วนในฝ่ายสมณศักดิ์นั้น พระองค์ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ เลื่อนพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหมื่นนุชิตชิโนรส โดยมหาสมณุตมาภิเษกขึ้นเป็น กรมสมเด็จพระปรมานุชิตชิโนรส ทรงสมณศักดิ์เป็นสมเด็จพระสังฆราช เป็นต้น


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top