Monday, 20 January 2025
NEWS

ขอเรียนเชิญผู้มีจิตศรัทธาร่วมบริจาคเงินสมทบทุนจัดซื้อเครื่องมือแพทย์ โรงพยาบาลพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต อ.บ้านม่วง จ.สกลนคร

 

(20 ม.ค. 68) เมื่อเร็วๆ นี้ พระพรหมวชิรเวที (อมร ญาโณทโย) เจ้าอาวาสวัดปทุมวนารามราชวรวิหาร และนายแพทย์พันธวี คำสาว ผู้อำนวยการ โรงพยาบาลพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ได้จัดงานแถลงข่าวการเปิดรับบริจาคสมทบทุนซื้อเครื่องมือแพทย์ที่จำเป็น เพื่อให้โรงพยาบาลพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต สามารถเปิดดำเนินการได้ภายในปี 2569 พร้อมนำคณะมวลชวนร่วมงานพิธีเททองหล่อพระพุทธรูป ณ. บริเวณอุโบสถ วัดปทุมวนารามราชวรวิหาร จำนวน 3 องค์ ได้แก่ 'พระสายน์' (จำลองจากพระประธานในพระอุโบสถ วัดปทุมวนารามราชวรวิหาร) และอีก 2 องค์ ประกอบด้วยพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต และหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน เพื่อนำไปประดิษฐาน ที่หอธรรมจินดาสุข โรงพยาบาลพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต อ.บ้านม่วง จ.สกลนคร พร้อมเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์หลวงปู่มั่น (โดยปรับปรุงจากกุฏิที่ท่านเคยมาพำนักจำพรรษา เมื่อครั้งจาริกมาศึกษาธรรมที่กรุงเทพมหานคร ให้เป็นพิพิธภัณฑ์เชิงนิทรรศการถาวร เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้หลักธรรมทางพุทธศาสนา ผ่านเรื่องราววิถีชีวิตหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต พระอาจารย์ใหญ่สายพระป่ากัมมัฏฐานของไทย)

โดยพระพรหมวชิรเวที (อมร ญาโณทโย) เจ้าอาวาสวัดปทุมวนารามราชวรวิหาร กล่าวว่า "หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ได้เคยจำพรรษาที่วัดปทุมวนาราม 1 พรรษา เมื่อครั้งจาริกมาศึกษาธรรมที่กรุงเทพมหานคร และเป็นจุดแวะพักตั้งต้น ก่อนจาริกธุดงค์ไปภาคเหนือและตะวันตก และในขณะจำพรรษานั้นท่านได้มอบมรดกธรรมชิ้นสำคัญไว้ คือ ขันธะวิมุติสะมังคีธรรมะ ซึ่งเป็นธรรมบรรยายลายมือของหลวงปู่มั่น ซึ่งเป็นหลักฐานลายมือเพียงชิ้นเดียวที่ปรากฏอยู่ในปัจจุบัน และกุฏิที่ท่านเคยมาพำนักจำพรรษานั้น ปัจจุบันได้ปรับปรุงให้เป็นพิพิธภัณฑ์พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต พิพิธภัณฑ์เชิงนิทรรศการถาวร จัดแสดงธุดงควัตร เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้หลักธรรมทางพุทธศาสนา ผ่านเรื่องราววิถีชีวิตหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต พระอาจารย์ใหญ่สายพระป่ากัมมัฏฐานขอองไทย และ UNESCO ประกาศยกย่องให้ท่านเป็นบุคคลสำคัญของโลกสาขาสันติภาพ โดยพิพิธภัณฑ์เปิดให้ทุกท่านได้เข้าเยี่ยมชมในวันพุธ-วันอาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 8:00 – 17:00 น. หยุดวันจันทร์และวันอังคาร โดยมีผู้นำชมและให้ข้อมูลอย่างครบถ้วน"

ด้าน พระธรรมวัชรญาณวิศิษฏ์ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดปทุมวนารามราชวรวิหาร ซึ่งเป็นประธานโครงการก่อสร้างโรงพยาบาลพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต นั้นได้กล่าวถึงที่มาของการสร้างโรงพยาบาลหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ว่า "จังหวัดสกลนครมีความผูกพันกับหลวงปู่มั่น ภูริทัตโตมาก ท่านมาจำพรรษาอยู่ในวัดป่าที่สกลนครหลายวัด และละสังขารก็ที่วัดป่าสุทธาวาส สกลนครนี่เอง ส่วนพระบรมสารีริกธาตุ อัฐิธาตุหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ก็อยู่ที่ 'วัดภูริทัตตถิราวาส' หรือ 'วัดป่าบ้านหนองผือ' ที่สกลนครด้วย...

"ทีนี้ตอนครบรอบ 150 ปี ชาตกาลพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต และพอดีกับที่ท่านได้รับการยกย่องเป็นบุคคลสำคัญของโลกสาขาสันติภาพของยูเนสโก วัดปทุมวนารามราชวรวิหารจึงริเริ่มแนวคิดที่จะก่อสร้างโรงพยาบาลพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ขึ้น โดยตั้งขึ้น ที่บ้านลึมบอง หมู่ 3 ตำบลบ่อแก้ว อำเภอบ้านม่วง จังหวัดสกลนคร เป็นโรงพยาบาลสาขาของโรงพยาบาลบ้านม่วง ซึ่งได้รับการเปลี่ยนชื่อเป็น“โรงพยาบาลพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต” โดยอาตมาได้ให้โรงพยาบาลแห่งใหม่ที่จะสร้างนี้ใช้ชื่อว่า “โรงพยาบาลพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ศูนย์พระธรรมวัชรญาณวิศิษฏ์ (บ้านลึมบอง)...

"ที่โรงพยาบาลพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ศูนย์พระธรรมวัชรญาณวิศิษฏ์ (บ้านลึมบอง) แห่งนี้ มีการสร้างหอธรรมจินดาสุข เป็นอาคารลักษณะคล้ายศาลาการเปรียญ จึงมีการหล่อพระประธานคือพระสายน์ ซึ่งเป็นพระพุทธรูปในวัดปทุมวนาราม ขนาดหน้าตัก 40 นิ้ว และรูปเหมือนหลวงปู่มั่น กับหลวงตามหาบัว ขนาด 30 นิ้ว เพื่อนำไปประดิษฐานในหอธรรมแห่งนี้...

"วัตถุประสงค์การก่อสร้าง เพื่อเป็นศูนย์รวมใจของประชาชน ผู้ป่วยและญาติ รวมถึงบุคลากร  ใช้เป็นสถานที่ในการทำกิจกรรมได้หลากหลาย ทั้งการบำบัดรักษาผู้ป่วยด้วยธรรมะ และเป็นสถานที่ในการประกอบพิธีทางศาสนา และเป็นสถานที่ดำเนินกิจกรรมอื่นๆ ที่เป็นสาธารณประโยชน์ แก่ผู้ป่วย และชุมชนใกล้เคียง"

ทางด้าน นายแพทย์พันธวี คำสาว ผู้อำนวยการ โรงพยาบาลพระอาจารย์มั่น ภุริทัตโต กล่าวถึงประโยชน์ของการมีโรงพยาบาลแห่งที่ 2 ของ อ.บ้านม่วง ว่า "เนื่องจากอำเภอบ้านม่วงเป็นอำเภอที่มีขนาดใหญ่ พื้นที่ 850 ตร.กม. มีประชากรในพื้นที่ 7หมื่นคน ห่างไกลจากตัวจังหวัด ระยะทาง 130 กม. ใช้เวลาเดินทาง ประมาณ 2 ชม. มีความลำบากในการเดินทางเข้าโรงพยาบาลจังหวัด ซึ่งอำเภอบ้านม่วงมีโรงพยาบาลหลัก 1 แห่ง คือโรงพยาบาลบ้านม่วง ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็นโรงพยาบาลพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต เป็นโรงพยาบาลขนาด 82 เตียง ดูแลคนไข้ทั้งในอำเภอบ้านม่วงและใกล้เคียง มีความแออัด และประชาชนบางพื้นที่ยังมีความห่างไกลจากโรงพยาบาล เดินทางลำบาก...

"และในการสร้างโรงพยาบาลพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต แห่งที่ 2 (ศูนย์พระธรรมวัชรญาณวิศิษฏ์เวชชานุกูล บ้านลึมบอง) นี้ จะทำให้ลดความแออัดของโรงพยาบาลและประชาชนในพื้นที่ใกล้เคียงสามารถเข้าถึงการดูแลรักษาได้สะดวกมากยิ่งขึ้น และโรงพยาบาลสามารถเพิ่มศักยภาพการให้บริการให้ครอบคลุมมากขึ้นตามสภาพปัญหาทางสุขภาพในปัจจุบัน"

ในส่วนการดำเนินการก่อสร้างนั้น เมิ่อวันที่ 20 กันยายน 2565 กรมป่าไม้ ได้อนุญาตให้กระทรวงสาธารณสุข ใช้ประโยชน์ในพื้นที่เขตป่าสงวนแห่งชาติ เนื้อที่ 40 ไร่ ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าดงอีบ่าง-ป่าดงคำกั้ง-ป่าดงคำพลู ที่บ้านลึมบอง หมู่ 3 ตำบลบ่อแก้ว อำเภอบ้านม่วง จังหวัดสกลนคร ให้ดำเนินการก่อสร้างโรงพยาบาลพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต  การก่อสร้างได้เริ่มดำเนินการในปี 2566 ปัจจุบัน ได้รับทุนเบื้องต้นในการก่อสร้าง 78.5 ล้านบาท จากผู้มีจิตศรัทธา กำลังดำเนินการก่อสร้างอาคาร ผู้ป่วยนอก อาคารผู้ป่วยในขนาด 30 เตียง ซึ่งดำเนินการไปแล้วประมาณ 60% และศาลาธรรม ที่มองว่าจะเป็นศูนย์รวมใจของประชาชน และผู้ป่วยในการบำบัดรักษาอาการเจ็บป่วยทั้งทางกายและใจ ส่วนนี้ดำเนินการใกล้เสร็จเรียบร้อยแล้ว นอกจากนี้ ทางโรงพยาบาลได้ดำเนินการของบประมาณสิ่งก่อสร้างเพิ่มเติมจากกระทรวงสาธารณสุข จำนวน 37 ล้านบาท ประกอบด้วย ระบบสาธารณูปโภค อาคารที่พักอาศัยของบุคลากร ระบบไฟฟ้าฉุกเฉิน และถนน ภายในโครงการ เพื่อให้องค์ประกอบด้านสถาปัตยกรรม ของโรงพยาบาลมีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้น

สำหรับโรงพยาบาลพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต แห่งที่ 2 มีแผนเปิดให้บริการในปี 2569 โดยคาดหวังว่าจะมีอาคารสถานที่ และอุปกรณ์ที่จำเป็น เพียงพอที่จะให้บริการได้  ในช่วงแรกอาจจะยังไม่ครบสมบูรณ์ 100% แต่ขอให้เพียงพอสำหรับการเริ่มให้บริการ ส่วนสิ่งอื่นๆ ที่ยังขาด สามารถเพิ่มเติมในภายหลังได้ครับ"

ส่วนเป้าหมายในการให้บริการดูแลผู้ป่วยนั้น นายแพทย์พันธวี คำสาว กล่าวต่อว่า "ทางโรงพยาบาลฯได้มีการประชุมวางแผนร่วมกับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสกลนคร เกี่ยวกับแผนการดำเนินงานของโรงพยาบาลพระอาจารย์มั่นฯ แห่งที่ 2 โดยพิจารณาจากสภาพปัญหาทางด้านสุขภาพในพื้นที่ พบว่าแนวโน้มทางด้านประชากรเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ (Aged Society) เนื่องจากมีอัตราเด็กเกิดใหม่ ลดลงอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่คนอายุยืนมากขึ้น แต่เป็นการอายุยืนพร้อมกับการเจ็บป่วยเรื้อรังและความทุพลภาพ คาดว่า ในอีก 5-10 ปี ข้างหน้า สัดส่วนประชากรวัยทำงานจะลดลง และผู้สูงอายุจะมากขึ้น และอีกปัญหาทางสังคมคือปัญหายาเสพติด ดังนั้นทางโรงพยาบาลจึงได้กำหนดทิศทางการให้บริการของโรงพยาบาลไปที่การดูแลผู้ป่วย 3 กลุ่มหลักคือ ผู้ป่วยระยะประคับประคองหรือระยะสุดท้าย (Palliative care) ผู้ป่วยที่ต้องได้รับการฟื้นฟูระยะกลาง (Intermediate care) และบำบัดรักษาผู้ติดยาเสพติด ซึ่งจะเป็นจุดเด่นของโรงพยาบาลแห่งนี้ สามารถดูแลผู้ป่วยได้ทั้งภายในอำเภอ และภูมิภาคได้เป็นอย่างดี และตอบสนองต่อสภาพปัญหาด้านสุขภาพอย่างแท้จริง"

ด้านการบริหารจัดการอัตรากำลังบุคลากร จะเป็นการบริหารอัตรากำลังร่วมกับโรงพยาบาลพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต (แห่งที่ 1) ซึ่งเป็นโรงพยาบาลหลักของโรงพยาบาล ปัจจุบัน มีบุคลากรอยู่ทั้งสิ้น 320 คน แพทย์ 10 คน พยาบาล 72 คน และสหวิชาชีพอื่นๆ เมื่อเปิดโรงพยาบาลอีกแห่ง ประมาณการไว้ว่าจำเป็นจะต้องมีบุคลากรเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 100 คน ประกอบด้วย แพทย์ 4 คน และพยาบาล 30 คน และสหวิชาชีพอื่นๆ เพื่อให้เพียงพอต่อการให้บริการตามเป้าหมาย ในระหว่างการก่อสร้างโรงพยาบาลนี้ ได้มีการเตรียมความพร้อมบุคลากรที่มีอยู่ ทั้ง แพทย์ พยาบาล เภสัชกร นักกายภาพ บำบัดและอื่นๆ โดยการส่งฝึกอบรมความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ในสาขาที่จะเปิดให้บริการ ได้แก่ เวชศาสตร์ยาเสพติด การดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้าย การฟื้นฟูผู้ป่วยระยะกลาง ซึ่งเมื่อเปิดให้บริการโรงพยาบาลแห่งที่ 2 ศักยภาพด้านบุคลากร จะเพียงพอและสอดคล้องกับรูบแบบการให้บริการของโรงพยาบาล

ตั้งแต่เริ่มดำเนินการมา ได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วนเป็นอย่างดี โดยเฉพาะประชาชน ชาวบ้านลึมบอง ประชาชนตำบลบ่อแก้ว ประชาชนอำเภอบ้านม่วง และจังหวัดสกลนคร รวมถึงส่วนราชการต่างๆ เมื่อมีกิจกรรมต่างๆ เกี่ยวกับการก่อสร้างโรงพยาบาลพระอาจารย์มั่นฯ ทุกภาคส่วนจะให้ความช่วยเหลือและร่วมมือเป็นอย่างดี แสดงให้เห็นถึงความศรัทธาในองค์หลวงปู่มั่น และความสามัคคีของคนในชุมชน

สำหรับอุปกรณ์จำเป็นที่ต้องการรับบริจาค เพื่อให้เปิดดำเนินการได้นั้น การเปิดบริการของโรงพยาบาลพระอาจารย์มั่นฯ แห่งที่ 2 มีความจำเป็นที่จะต้องจัดหา งบประมาณเพื่อจัดซื้อ รถพยาบาล ยานพาหนะ เครื่องมือแพทย์ อุปกรณ์ช่วยชีวิตฉุกเฉิน ระบบออกซิเจนเหลว และอุปกรณ์อื่นๆที่จำเป็น มูลค่าโดยประมาณ 47.9 ล้านบาท ซึ่งรายการเบื้องต้นประกอบด้วย...

- รถพยาบาลพร้อมอุปกรณ์ฉุกเฉิน จำนวน 3 คัน คันละ 2,500,000 บาท
- เครื่อง x-ray ทั่วไป ขนาด 500 MA จำนวน 1 เครื่อง 1,700,000 บาท
- เครื่องช่วยนวดหัวใจและฟั้นคืนชีพอัตโนมัติ จำนวน 1 เครื่อง 1,000,000 บาท
- เครื่องอัลตราซาวน์ 1 เครื่อง 930,000 บาท
- เครื่องฝึกการทรงตัว พร้อมอุปกรณ์ยกผู้ป่วย สำหรับฟื้นฟูผู้ป่วยระยะกลาง 2 เครื่อง เครื่องละ 810,000 บาท
- เครื่องกระตุ้นระบบประสาทด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า 1 เครื่อง 900,000 บาท

รวมทั้งยานพาหนะและอุปกรณ์อื่นๆ จำนวน 147 รายการ มูลค่าทั้งสิ้น 47,944,960 บาท

และในวันที่ 20 มกราคมนี้ เป็นวันครบรอบ 155 ปี ชาตกาลหลวงปู่มั่นฯ เพื่อเป็นมหาเถรบูชาต่อพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต จึงขอเชิญชวน พุทธศาสนิกชน และผู้มีจิตศรัทธา ร่วมบริจาคเพื่อจัดหาเครื่องมือแพทย์สำหรับโรงพยาบาลพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ผ่านระบบ e-donation ซึ่งสามารถนำไปลดหย่อนภาษี ได้ 2 เท่า โดยสามารถบริจาค ได้ที่ บัญชีธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ (ธ.ก.ส.) ชื่อบัญชี 'กองทุนเครื่องมือแพทย์ รพ.พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต' เลขที่บัญชี 020229922839 หรือบริจาค ด้วย mobile application ของธนาคาร โดยสแกน QR code บริจาคผ่านระบบ e-donation โดยตรง สามารถติดต่อสอบถามได้ที่เบอร์โทร 0986950325 หรือ line official account @pmhdonation โดยสามารถบริจาคได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

ด้าน คุณพิพัตร ราชปึ ตัวแทนประชาชนในพื้นที่ กล่าวถึงความรู้สึกของประชาชนในพื้นที่ ในการก่อสร้างโรงพยาบาลพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ว่า "ในนามของตัวแทนชาวบ้านลึมบอง หลังจากทราบว่าจะมีการสร้างโรงพยาบาลในหมู่บ้านลึมบอง ผมและชาวบ้านมีความรู้สึกตื่นเต้นและยินดีเป็นอย่างยิ่ง นับว่าเป็นบุญของชาวบ้านโดยแท้จริง ที่จะมีโรงพยาบาลอยู่ใกล้และเดินทางสะดวกมากยิ่งขึ้น ชาวลึมบองและชาวอำเภอบ้านม่วงมีความภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้มีส่วนร่วมในการดำเนินการของโรงพยาบาล ตั้งแต่เริ่มกระบวนการดำเนินงานผมและชาวบ้านได้ร่วมแรงร่วมใจกับทุกภาคส่วน ดำเนินการในกิจกรรมต่างๆ เกี่ยวกับโรงพยาบาลพระอาจารย์มั่นฯ และผมมั่นใจว่าโรงพยาบาลแห่งนี้จะเปิดให้บริการได้ตามกำหนดเพื่อดูแลผู้ป่วยในพื้นที่ใกล้เคียงได้เป็นอย่างดี"

และในโอกาสครบรอบ 155 ปี ชาตกาลหลวงปู่มั่นฯ ในปีนี้ คุณพสุ ตีรวัชร ผู้บริหารเพจ 'พุทธสายฤทธิ์' ได้ผลิตสารคดีหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ชุด 'ชาตินี้เป็นที่สุดแล้ว' เผยว่า มีแรงบันดาลใจจาก สังคมไทยปัจจุบันเผชิญกับปัญหาความเสื่อมทรามทางศีลธรรม อาชญากรรม และความวุ่นวายต่างๆ การแก้ปัญหาเหล่านี้ไม่ใช่ง่าย เพราะผู้คนในปัจจุบันไม่ชอบการสอนแบบตรงไปตรงมา และต้องเชื่อหรือมีศรัทธาก่อนจึงจะยอมรับฟัง เพื่อเป็นการยกระดับสังคม ผ่านการเรียนรู้แบบไม่ยัดเยียด ทีมงานจึงมีแนวคิดที่จะสร้างสรรค์สารคดีคุณภาพเพื่อเผยแพร่เรื่องราวของพระอริยะและพระธรรมคำสอนของหลวงปู่มั่น สร้างแรงบันดาลใจให้ผู้คนหันมาสนใจปฏิบัติธรรม และแก้ไขปัญหาสังคม

โดยในสารคดีชุด 'ชาตินี้เป็นที่สุดแล้ว' จะนำเสนอเรื่องราวชีวิตตั้งแต่วันที่ท่านถือกำเนิดจนวันละสังขาร และคำสอนต่างๆ ของหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ผู้ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้มีบทบาทสำคัญของพุทธศาสนาทั้งในประเทศไทยและระดับโลก ยืนยันได้โดยการยกย่องจากองค์กร UNESCO ตลอดจนลูกศิษย์คนสำคัญของท่านที่มีบทบาทสำคัญในการเผยแผ่พุทธศาสนาต่อมา

"จุดเด่นของสารคดีชุดนี้ เรามุ่งหวังที่จะนำเสนอเรื่องราวชีวิตของท่านในมุมมองที่แปลกใหม่และน่าสนใจ ผ่านสารคดีชุดประกอบเสียงบรรยาย ที่สร้างภาพกึ่งเสมือนจริงจากเทคโนโลยี AI Generated แล้วทำให้วัตถุในภาพสามารถเคลื่อนไหวผ่านเทคโนโลยีล่าสุด จนเกิด Visual ที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อนเพื่อดึงดูดความสนใจ เร้าอารมณ์ สร้างความรู้สึกร่วม พร้อมดนตรีประกอบที่พิถีพิถันเพื่อให้ช่วยยกระดับประสบการณ์การรับชม เพื่อให้ผู้ชมทุกเพศทุกวัยสามารถเข้าใจและซาบซึ้งในพระธรรมคำสอนของท่านได้" คุณพสุ ตีรวัชร กล่าวในท้ายสุด

รายละเอียดเพิ่มเติม ติดต่อฝ่ายประชาสัมพันธ์โครงการ : คุณจิรายุศ สิทธิพฤกษ์ (แตน) MB. 091-737-2345 / Email : [email protected]

 

‘สังศิต พิริยะรังสรรค์’ ฟาด!! รัฐบาล ต้องการบิดเบือน ซ่อนเร้น ผลประโยชน์ อ้าง!! ใช้พื้นที่ไม่เกิน 10% แต่ความเป็นจริง สร้างรายได้ 70% ของรายได้ทั้งหมด

(19 ม.ค. 68) นายสังศิต พิริยะรังสรรค์ อดีตสมาชิกวุฒิสภา นักวิชาการที่ศึกษาติดตามเรื่องเศรษฐกิจนอกกฎหมาย ธุรกิจใต้ดิน มาหลายสิบปีตั้งแต่สมัยเป็นผอ.ศูนย์ศึกษาเศรษฐศาสตร์การเมือง คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาฯ และทำวิจัยเรื่องการเปิดกาสิโนในประเทศไทย โพสต์ข้อความเรื่อง ‘กาสิโนใต้เงามืด’ เนื้อหาระบุ

สรรพสิ่งทั้งหลายในโลก ทั้งคน พืช สัตว์ สิ่งของและคาสิโน ล้วนแล้วแต่มีด้านที่เป็นประโยชน์ และด้านที่เป็นโทษอยู่ในตัวทั้งสิ้น สุดแต่ว่าสิ่งนั้นจะถูกนำไปใช้เพื่ออะไร เพื่อใคร และสิ่งนั้นจะแสดงบทบาทด้านบวกหรือด้านลบออกมาอย่างไรขึ้นอยู่กับว่าสิ่งนั้นจะถูกนำมาใช้ภายใต้ปัจจัยและเงื่อนไขอะไร?

คาสิโนเฉกเช่นเดียวกับสรรพสิ่งในโลกนี้ ที่มีทั้งด้านที่เป็นประโยชน์และด้านที่เป็นโทษต่อสังคม ภายใต้สถานการณ์ที่เหมาะสม คาสิโนอาจช่วยเหลือเศรษฐกิจของประเทศได้ ในทางตรงกันข้าม ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่เหมาะสม หากนำมาใช้ มันสามารถทำลายเศรษฐกิจของประเทศให้ล่มจม ได้เช่นเดียวกัน

คาสิโนจะเป็นพลังด้านบวกและเป็นประโยชน์ต่อประเทศได้ก็ต่อเมื่อมันอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่ระบบการเมือง และระบบราชการดี รัฐบาลไม่มุ่งหาผลประโยชน์ส่วนตัวจากคาสิโน แต่คำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศมากกว่า ดังเช่นคาสิโนที่เกิดขึ้นในประเทศมาเลเซียและสิงคโปร์ เป็นต้น

แต่ถ้าคาสิโนเกิดขึ้นภายใต้เงื่อนไขของระบบการเมืองและระบบราชการที่ขาดธรรมาภิบาลอย่างร้ายแรง นักการเมือง มุ่งแสวงหาผลประโยชน์จากคาสิโนให้แก่ตัวเองและพวกพ้อง คาสิโนสามารถจะแสดง บทบาทด้านลบออกมาได้เช่นเดียวกัน ดังที่เกิดขึ้นแล้วในประเทศอาเซียนรอบๆ ประเทศไทย

นโยบายการสร้างคาสิโนของรัฐบาลทุกประเทศเท่าที่ผ่านมา รวมทั้งของรัฐบาลไทยในขณะนี้ มีวัตถุประสงค์เหมือนกันหมด คือต้องการเม็ดเงินลงทุนจากธุรกิจภาคเอกชน ไม่ว่าจะมาจากทุนต่างประเทศหรือในประเทศก็ตาม เพื่อให้เศรษฐกิจในประเทศมีการเจริญเติบโตมากขึ้น นี่เป็นตรรกะของเศรษฐกิจตลาดหรือเศรษฐกิจทุนนิยม ที่ไม่ว่าใครมาเป็นรัฐบาลก็คิดคล้ายๆ กัน

การทำให้เศรษฐกิจภายในประเทศมีการเจริญเติบโตขึ้นเป็นสิ่งที่เข้าใจได้  แต่สิ่งที่ผู้นำของรัฐบาลที่มีจิตใจแบบชาตินิยมที่ต้องการเห็นประเทศของตนเองเจริญรุ่งเรืองแบบยั่งยืน จำเป็นต้องตระหนักตั้งแต่เริ่มต้นก็คือ การดำเนินนโยบายทางด้านเศรษฐกิจที่ยึดถือหลักคุณธรรม และการยึดถือผลประโยชน์ของประเทศเป็นที่ตั้งมากยิ่งกว่าผลประโยชน์ของตนเอง

หากรัฐบาลยึดถือหลักคุณธรรมทางด้านเศรษฐกิจ รัฐบาลต้องแสดงให้เห็นถึงความซื่อสัตย์สุจริตในการแสดงออก และการกระทำว่าสิ่งที่รัฐบาลดำเนินการอยู่นั้นเป็นไปอย่างเปิดเผย โปร่งใส เชื่อถือได้ ไม่มีสิ่งใดที่รัฐบาลปิดบังซ่อนเร้นประชาชนไว้

ดังนั้น ประการแรก หากรัฐบาลต้องการทำคาสิโนหรือการพนันที่ถูกกฎหมาย รัฐบาลควรออกเป็น ‘พระราชบัญญัติคาสิโน’ ไม่ใช่ ‘พระราชบัญญัติสถานบันเทิงครบวงจร’ เพราะ การกระทำดังกล่าวของรัฐบาล เป็นการบิดเบือนและซ่อนเร้น ความต้องการที่แท้จริงของรัฐบาลเอาไว้ ถึงแม้รัฐบาลจะกล่าวอ้างว่าพื้นที่ของสถานคาสิโนมีไม่เกิน 10% ของพื้นที่ทั้งหมด แต่ความเป็นจริงแล้วคาสิโนเป็นที่มาของรายได้ราว 70% ของรายได้ทั้งหมดของสถานบันเทิงครบวงจร กิจกรรมบันเทิงอื่นๆที่เหลือทั้งหมด ที่ใช้พื้นที่ราว 95% สามารถสร้างรายได้ราว 30% เท่านั้น

ประการที่สอง การกำหนดให้มีคณะกรรมการนโยบายสถานบันเทิงครบวงจร ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน และมีนักการเมืองเป็นกรรมการอีก จำนวนหนึ่งมี “อำนาจ” การออกใบอนุญาต ใบละหนึ่งหมื่นล้านบาท จำนวนอย่างน้อย 10 แห่ง และกฎหมายยังเปิดช่องให้ ออกใบอนุญาตได้มากกว่านั้นอีกในอนาคต การให้อำนาจในการใช้ดุลยพินิจอย่างเลยเถิด โดยขาดหลักธรรมาภิบาลแก่ คณะกรรมการฯในกรณีนี้จะสร้างปัญหาความวุ่นวาย ทางการเมืองให้กับประเทศไทย เป็นอย่างมากในอนาคต

หากเราใช้ประสบการณ์ของประเทศสิงคโปร์ จะพบว่า จำนวนคาสิโนถูกกำหนดไว้ในกฎหมาย ซึ่งทำให้ไม่มีบุคคลใดสามารถใช้ดุลยพินิจอนุมัติการสร้างคาสิโนเพิ่มเติมได้อีก

การกำหนดให้เงินรายได้จากการขายใบอนุญาตคาสิโน ซึ่งคาดว่าจะมีอย่างน้อยที่สุด 100,000  ล้านบาท เข้าไปที่กองทุนของสถานบันเทิงครบวงจร อาจทำให้การใช้จ่ายเงินของกองทุนนี้เป็นไปโดยไม่สุจริต และถูกนำไปใช้ในโครงการที่เกี่ยวข้องกับ การเมือง กลายเป็นแหล่งเงินทุนของพรรคการเมืองฝ่ายรัฐบาล ทำให้ระบบการเมือง และราชการเสื่อมทรามเลวร้ายลงมากกว่าเดิม

สิงคโปร์แก้ปัญหาภาพรวมของการพนันโดยการตั้งคณะกรรมการการพนันระดับชาติ ซึ่งทำหน้าที่ดูแลปัญหาในภาพรวมของประเทศ แต่คณะกรรมการชุดนี้ไม่มีผลประโยชน์ใดๆ เกี่ยวข้องเลย ซึ่งแตกต่างจากคณะกรรมการนโยบายสถานบันเทิงวงจรของไทย

ประการที่สาม การกำหนดให้มีสถานบันเทิงครบวงจรถึง 10 แห่งทั่วทุกภาคของประเทศ น่าจะมีจำนวนมากจนเกินไป จนเกินกว่าศักยภาพของหน่วยงานภาครัฐจะบังคับใช้กฎหมายในการตรวจสอบการฟอกเงินจากยาเสพติด การค้ามนุษย์ และการคอรัปชั่นในสถานคาสิโนได้

หากภาครัฐไม่สามารถตรวจสอบและควบคุมเงินผิดกฎหมายในคาสิโนทั้ง 10 แห่ง ได้อย่างมีประสิทธิภาพและ ประสิทธิผล  คาสิโนจะเป็นตัว ทำลายความน่าเชื่อถือของประเทศอย่างร้ายแรงที่สุด ซึ่งจะส่งผลต่อต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยว และเศรษฐกิจในภาพรวมของประเทศจนยากที่จะแก้ไขได้

นอกจากนี้การที่รัฐบาลกำลังจะอนุญาตเปิดให้มีการเล่นการพนันทางออนไลน์ได้อย่างถูกต้องตามกฏหมาย รัฐบาลควรตระหนักถึงเยาวชนของชาติในอนาคตที่จะถูกดึงเข้าสู่ตลาดการพนันได้ง่าย การที่ภาครัฐยังไม่มีการปฏิรูประบบการทำงาน ของหน่วยงานการบังคับใช้กฎหมายในเรื่องนี้ให้มีความโปร่งใสและสุจริต  รัฐบาลจะสามารถให้ความมั่นใจแก่สังคมได้อย่างไรว่า จะไม่ให้มีเงินสีเทาหรือเงินสีดำเข้ามาเกี่ยวข้องกับตลาดการพนันออนไลน์

ประเทศจะเจริญได้อย่างมั่นคงในระยะยาว นอกจากรัฐบาลจะต้องคำนึงถึงการสร้างเศรษฐกิจที่เจริญรุ่งเรือง โดยมีหลักศีลธรรมกำกับเอาไว้แล้ว ที่สำคัญ อีกประการหนึ่งคือรัฐบาลต้องคำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศเป็นที่ตั้ง ประเทศที่เข้มแข็ง  ต้องมีประชาชนที่มีจิตใจที่เจริญเช่นเดียวกัน ดังนั้นรัฐบาลจึงต้องส่งเสริมให้ประชาชนมีศีลธรรม มีการประพฤติปฏิบัติที่ดีงาม มีความซื่อสัตย์สุจริต และมีความขยันขันแข็งในการประกอบอาชีพการงาน หากรัฐบาลสนใจแต่ส่งเสริมทางด้านเศรษฐกิจให้เจริญรุ่งเรือง โดยไม่ใส่ใจต่อความเจริญรุ่งเรืองทางจิตใจของประชาชนแล้ว ในท้ายที่สุดเศรษฐกิจของไทยจะกลายเป็นเศรษฐกิจของต่างชาติที่คนไทยเป็นเพียงผู้อยู่อาศัยเท่านั้นเอง

‘เหนือเพชร กีล่าสปอร์ต’ พ่ายคะแนน!! ‘เพชร สวนหลวงรถยก’ หลังแข่งขันเสร็จ ‘จมูกหัก’ รีบโทรไปหา!! ‘ภรรยา’ เพื่อขอกำลังใจ

(19 ม.ค. 68) เหนือเพชร กีล่าสปอร์ต พ่ายคะแนน เพชร สวนหลวงรถยก หลังแข่งขันเสร็จได้รับบาดเจ็บจมูกหัก ภรรยาเหนือเพชร ได้โพสต์ว่า …

รีบโทรหาเมียเลยหลังชกเสร็จ ถามเมียว่า เธอยังจะรักเราเหมือนเดิมมั้ย55555555555 ดั้งหักรอบ 2 

รู้ว่าทำเต็มที่แล้ว รู้ว่าอยากพิสูจน์ตัวเองมากๆ แต่ถ้ามันไม่ได้ก็พักได้แล้วนะ โคตรไม่คุ้มอะ จะกินอิ่มนอนหลับอุ่นได้ไง ในเมื่อถ้าความสบายของเราต้องแลกกับความเจ็บปวดของเธอ เข้าใจว่าเพื่อครอบครัว มันจะมีหนทางที่ดีกว่านี้ไหม กับการทำเพื่อครอบครัวของเรา เจ็บปวดหัวใจมากเลย แต่เจ็บมากกว่า ที่เธอพยายามพิสูจน์ตัวเองมาตลอด แต่ไปไม่ถึงฝันสักที และไม่สามารถช่วยไรเธอได้เลย สงสารมากนะ อยู่กันมากี่ปี ไม่เคยตีเธอเลย เคารพให้เกียรติ ทำอาหารให้เธอกินอิ่ม นอนอุ่นตลอด ใบหน้าเจ็บหนักขนาดนี้ ภายในก็ช้ำไม่น้อยเลยนะ

สุดท้ายนี้ อยากบอกกับเธอว่า ในเมื่อห้ามไม่ได้ แต่อย่าลืมรักตัวเอง รักษาสุขภาพตัวเองด้วยนะ ลูกยังเล็ก อย่าพยายามพิสูจน์ตัวเองให้คนอื่นเห็นจนลืมฟังเสียงครอบครัว ก่อนจะไปพักผ่อนมีการบอกว่า ทำไมไม่โพสต์ไม่ให้กำลังใจผัวเลยนะ เอ้อเอา 

รักและห่วงใยที่สุด  

ต่อยมา 20 ปีแล้วอยากพักหรือยัง

เป็นกำลังใจให้ครับขอให้หายไวๆ

‘อัครเดช’ หนุน!! ‘เอกนัฏ’ เข้มให้โรงงานผลิตน้ำตาล รับซื้อเฉพาะ ‘อ้อยสด’ ชี้!! ต้องควบคุมฝุ่น PM 2.5 สร้างอากาศให้บริสุทธิ์ เพื่อสุขภาพที่ดี ของปชช.

(19 ม.ค. 68) นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี เขต 4 และโฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการอุตสาหกรรม สภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยถึงกรณีที่กระทรวงอุตสาหกรรมเข้าไปดำเนินมาตรการคุมเข้มโรงงานผลิตน้ำตาล เพื่อป้องกันปัญหาฝุ่น PM 2.5 ว่า เห็นด้วยกับการดำเนินนโยบายอย่างเข้มงวดของนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ที่ดำเนินนโยบายให้โรงงานรับซื้อเฉพาะอ้อยสด ลดอ้อยไฟไหม้ ซึ่งกระทรวงอุตสาหกรรมก็ขอความร่วมมือไปยังโรงงานผลิตน้ำตาลทุกโรงงานและชาวไร่อ้อยทุกคนให้ช่วยกันลดปริมาณการเผาอ้อยลงให้ได้ตามเกณฑ์ที่รัฐบาลกำหนด เนื่องจากการเผาอ้อยเป็นส่วนสาเหตุหนึ่งที่สำคัญของการก่อให้เกิดฝุ่น PM 2.5 ที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพของประชาชน จึงขอย้ำให้โรงงานช่วยประชาสัมพันธ์ชาวไร่อ้อยให้ทราบถึงผลเสียของการเผาอ้อยด้วย เพราะนอกจากจะทำให้เกิดฝุ่น PM 2.5 แล้ว การเผาอ้อยยังทำให้ความหวานของอ้อยลดลง น้ำหนักอ้อยก็ลดลง ที่สำคัญขายไม่ได้ราคาอีกทั้งไม่ได้เงินอุดหนุนจากภาครัฐ ที่สนับสนุนเงินค่าตัดอ้อยสดและส่งผลเสียต่อหน้าดินในการเพาะปลูกฤดูกาลผลิตถัดไปด้วย

นายอัครเดช ระบุด้วยว่า ขณะนี้รัฐบาลมีนโยบายส่งเสริมให้เกษตรกรจัดส่งอ้อยสดกับโรงงาน ผ่านการให้เงินสนับสนุนกับชาวไร่อ้อยที่ตัดอ้อยสดที่จะมีการประกาศตัวเลขให้ชาวไร่อ้อยได้ทราบในเร็ววันนี้ ขณะเดียวกันก็จะเร่งให้หน่วยงานรัฐดำเนินมาตรการเชิงรุกเข้าพื้นที่ให้ความรู้อย่างจริงจัง และตนเองก็เชื่อว่าสมาคมชาวไร่อ้อยจะให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี เพราะการลดฝุ่น PM 2.5 ก็จัดเป็นหนึ่งในนโยบายรัฐบาล อีกทั้งที่ผ่านมาคณะกรรมาธิการการอุตสาหกรรมก็เคยเชิญตัวแทนสมาคมชาวไร่อ้อยมาหารือกันในชั้นคณะกรรมาธิการฯ เกี่ยวกับการลดการเผาอ้อยแล้ว ซึ่งสมาคมฯ ก็เห็นด้วยกับมาตรการนี้และพร้อมสนับสนุนการดำเนินงานของคณะกรรมาธิการฯ และกระทรวงอุตสาหกรรม

“การเผาอ้อยจะส่งผลเสีย นอกจากก่อให้เกิดฝุ่น PM 2.5 ที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพของประชาชน ยังทำให้อ้อยหวานน้อยลง น้ำหนักลดลง และส่งผลเสียต่อหน้าดินในการเพาะปลูกครั้งถัดไป ตนเองจึงเห็นด้วยกับนโยบายของนายเอกนัฏ พร้อมขอความร่วมมือชาวไร่อ้อยส่งอ้อยสดให้โรงงาน อย่าเผาอ้อย เพื่อป้องกันฝุ่น PM 2.5 เพื่อสุขภาพที่ดีของพี่น้องประชาชนและตัวเกษตรกรผู้ปลูกอ้อยเองด้วย” นายอัครเดช กล่าวทิ้งท้าย

เพจดังอ้าง!! เป็นเพื่อน ‘แสตมป์’ เผย!! นักร้องดังเล่าไม่หมด ชี้!! จุดเริ่มต้นทั้งหมดของ ‘การโกหก’ คือ ‘การนอกใจ’

(19 ม.ค. 68) จากกรณีเรื่องร้อนรับต้นปี หลัง“แสตมป์-อภิวัชร์ เอื้อถาวรสุข” ศิลปินชื่อดัง ประกาศบนเวทีคอนเสิร์ต Wednesday Song ถึงเหตุผลที่ห่างหายจากวงการไปว่า เพราะดำเนินการฟ้องร้องบุคคลที่เข้ามาบุกรุกภรรยาเขาหลังเวที และสร้างความเกลียดชังให้เกิดความเข้าใจผิด จนกลายเป็นคดีความ และมีพ่อทหารยศนายพลมาเกี่ยวข้องด้วย จนกลายเป็นกระแสในโซเชียลมีเดีย มีการโยนหลักฐานออกมาจากฝั่งคู่กรณีโยงถึงคดีชู้สาว

โดยล่าสุด เพจเฟชบุ๊ก ‘โตแล้วจะไปญี่ปุ่นกี่ครั้งก็ได้’ ได้เปิดเผยข้อมูลร่ายยาว โดยอ้างว่าเป็นเพื่อนกับแสตมป์และผมคือหนึ่งในพยานให้นิว คดีชู้สาว พร้อมแนบข้อความแชทที่อ้างว่าเป็นบทสนทนาของแสตมป์ ว่า

สวัสดีครับ ผมชื่อ ป้อง เป็นเพื่อนกับแสตมป์ ผมคือหนึ่งในพยานให้นิว คดีชู้สาว (แต่ไม่ถึงปากที่ให้ไปขึ้นศาล) ผมไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆ กับคู่กรณีทั้งแจมและแก๊ป

แต่ผมเป็นคนกลางติดต่อแจมให้แสตมป์ในช่วงเวลาที่เขาติดต่อกันเองไม่ได้ ผมรู้เรื่องราวเกือบทั้งหมดของปัญหานี้ แบบมีหลักฐานเป็นแชททุกช่องทางกับแสตมป์ (แต่ไม่รู้ว่าเป็นคำโกหกของเพื่อนผมหรือไม่)

แม้ผมจะเป็นเพื่อนแสตมป์ แต่ผมรู้สึกไม่โอเคกับการเล่าบนเวทีเพราะแสตมป์เล่าไม่หมด จึงเกิดความวุ่นวายในสังคม ศิลปินและบุคคลหลายคนได้รับผลกระทบทั้งๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับปัญหาของ 4 คนนี้เลย

ผมได้คุยไลน์กับแสตมป์ครั้งสุดท้ายหลัง 30 พฤษภาคม 2566 ไม่กี่วัน (ซึ่งตอนแรกผมต้องไปเป็นพยาน) โดยให้ผมเช็ค IG แจมว่าลบรูปบางอย่างไปหรือยัง ผมตอบไปแล้วหลังจากนั้นผมไม่ได้คุยกับเพื่อนผมอีกเลย จนเกิดเหตุพูดบนเวที ผมทักไลน์ไปว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมยังมีปัญหาอีก เห็นว่าจบ แยกย้ายต่างคนก็ใช้ชีวิตกันไปแล้ว

กลายเป็นนิวตอบไลน์มาว่า “ไม่ต้องห่วง ไว้ว่ากันกำลังมีคนโพสด่าอยู่พอดี” แล้วไม่ตอบอะไรผมอีกเลยผมรอให้คู่กรณีคือแก๊ปได้โพสก่อน เพื่อจะได้อธิบายว่าเป็นคดีชู้สาว ไม่ใช่เป็นเรื่องการคุกคามแบบซาแซงที่แสตมป์เล่าบนเวที

ถ้าบนเวทีแสตมป์เริ่มต้นว่า

ทุกคนครับ ผมนอกใจเมียผมเป็นเวลา 2 ปีก่อนที่เมียผมจะจับได้ แล้วหลังจากนั้นจึงเกิดเรื่องราวต่างๆ ขึ้นครับ (อย่างที่พูดบนเวที) สารที่ประชาชนรับรู้ จะต่างไปจากตอนนี้ ไม่มากไม่น้อยอย่างแน่นอน

อาจจะไม่เกิดเหตุการณ์ทัวร์ไปลงผิด ศิลปินหลายคนก็ไม่ต้องกี่ยวข้องเลยแบบนี้

ความจริงผมก็ไม่เกี่ยวข้องเลย แต่ยอมที่จะแลกเพราะ ทำไมเรื่องความรักที่ไม่ปกติของ 4 คน ต้องมีผู้ไม่เกี่ยวข้องได้รับผลกระทบแบบนี้ สังคมวุ่นวายไปหมด แฟนเพลงของแต่ละคนต้องมาปะทะกันเองอย่างที่ผมเคยทวีตไปว่า ไม่สงสัยเลยหรอว่าศิลปินเกือบทั้งวงการทราบเรื่อง แต่ทำไมไม่มีใครอยากยุ่ง เพราะ

1. ทุกคนอาจมีแผล หากเข้ามายุ่งเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง อาจถูกขุดแบบมั่วๆ ก็ได้ จึงเลือกที่จะเงียบเสียดีกว่า

2. ถ้าออกมาเทคแอคชั่นแล้ว แฟนเพลงฝ่ายนั้นไม่เชื่ออีก ก็กลายเป็นทำให้แฟนเพลงปะทะกันเองแบบที่เกิดขึ้นตอนนี้

3. ถ้าประชาชนรู้ว่าแสตมป์นอกใจเมีย คนที่พังคือตัวแสตมป์เอง

ในเมื่อไม่มีใครเล่าอะไรให้ชัดเจน (แบบไม่โกหก)

ผมขอใช้พื้นที่เพจ ‘โตแล้วจะไปญี่ปุ่นกี่ครั้งก็ได้’ โพสแบบยาวๆ เพื่อที่จะให้ทุกคนทราบ พฤติกรรมความไม่ปกติหลายๆ อย่างจากทั้งแสตมป์และนิว

ผมไม่กลัวว่าจะถูกฟ้องกลับจากฝ่ายใดเลย หากผมยึดหลักพูดความจริงจากหลักฐานแชททั้งหมด หากถูกฟ้องจะต้องมีการพิสูจน์ก่อนว่าผมพูดเท็จ แม้แชทจะเป็นเรื่องโกหกที่แสตมป์เล่ากับผมก็ตาม

ตัวอย่างแรกแสตมป์เคยบอกผมว่าเขาไม่ได้เงินใช้เลยเงินอยู่ที่นิวทั้งหมดเขาอยากสร้างบ้านใหม่ให้แม่ นิวก็ไม่ให้เงินเรื่องนี้แสตมป์บอกผมปี 64 เลยทำให้ผมไม่ชอบนิว แต่พอต้องขึ้นศาล ผมไปเล่าให้ทนายฟังแบบนี้ มีการบันทึกเทปไปให้นิวกับแสตมป์ฟังว่าผมพูดอะไรบ้าง วันต่อมา แสตมป์มาขอโทษผมว่าเรื่องทั้งหมด เขาโกหกผมมาตลอด

หากแสตมป์โกหกผมแบบนี้ แสตมป์ก็สามารถโกหกให้นิว แจม และทุกคนเข้าใจผิดได้เช่นครับขอจบเรื่องแรกเท่านี้ก่อนครับ ไว้จะมาอธิบายความประหลาดอื่นๆ อีก

หมายเหตุ:

1. ก่อนโพสนี้ผมได้คุยกับ โอม Cocktail และวง Tillybird แล้วด้วย เพื่อเช็ความข้อมูลฝ่ายเขา ตรงกับผมที่ได้รับจากแสตมป์ไหม ปรากฎว่า ไม่ตรงกันหลายเรื่อง (ตอนนี้ทั้งหมดบินไปอเมริกาเมื่อคืนนี้)

2. ขอบคุณคุณ Art Eakarat ที่ให้คำปรึกษาด้วยครับ

ปล. ถ้าหลายจากนี้มีชื่อ ผัก อยู่ผักคือ aka ที่แสตมป์ใช้เรียก แจม ครับ

อดีต รมช.สาธารณสุข ‘สาธิต’ ถูกนำภาพไปแอบอ้าง สร้างโปรไฟล์ ลวงตุ๋น!! ขายโปรโมชั่น จองที่พักอพาร์ตเมนต์ ย่านซอยสุขุมวิท 81

(19 ม.ค. 68) นายสาธิต ปิตุเตชะ อดีต รมช.สาธารณสุข โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า …

ถูกนำภาพหน้าตรงตัวเองไปตั้งโปรไฟล์ แล้วนำไปขายโปรโมชั่น จองที่พักอพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่ง ย่านซอยสุขุมวิท 81 ให้โอนเงินผ่านคิวอาร์โค้ด บัญชีธนาคารเพื่อรับส่วนลดโปรโมชั่น แต่เมื่อตรวจสอบว่าพบว่าเป็นคนละเบอร์ติดต่อกับอพาร์ตเมนต์ดังกล่าว พร้อมตั้งคำถามว่าชายคนดังกล่าวเป็นใคร

ทั้งนี้ อดีตรัฐมนตรีสาธิตได้ระบุว่าเป็นมิจฉาชีพ ขอให้ทุกคนระวังตัวและมีสติ

ทักษิณ' ช่วย 'ภูมิพันธ์' หาเสียง อ้อนชาวบึงกาฬ เลือกเป็นนายกอบจ.คนใหม่ 

(19 ม.ค. 68) เวลา 9.00 น. ที่จังหวัด​บึงกาฬ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ขึ้นเวทีปราศรัยที่สนามกีฬาโรงเรียนบึงกาฬ อ.เมือง จ.บึงกาฬ เพื่อช่วยหาเสียงให้กับว่าที่ร้อยตรี ภูมิพันธ์ บุญมาตุ่น ชิง นายก อบจ.บึงกาฬ

โดยทันทีที่นายทักษิณเดินทางมาถึงเวทีมีมวลชนจำนวนมากรอต้อนรับ สวมเสื้อสีแดง พร้อมผ้าคาดหัวที่สกรีนเบอร์ผู้ผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทยทำให้บริเวณหน้าเวทีปราศรัยกลายเป็นลานสีแดง หลายคน ชูป้ายให้กำลังใจนายทักษิณบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก

นายทักษิณ กล่าวทักทายว่า "คิดฮอดหลาย"พร้อมบอกว่า เมื่อกี้ถูกสาวบึงกาฬจีบหลายคนบอกว่าตนเองยังหล่ออยู่ ความจริงมันเฒ่าแล้วเดือนกรกฎาคมนี้จะอายุ 76 แล้วแต่ หัวใจยังสะออนอยู่ หัวใจยังอยู่กับพี่น้องประชาชนยังอยากคอยดูแลเป็นห่วงเป็นใยพี่น้อง บ้านเมืองนี้หลัง หลายคนบอกว่าคิดถึงผมจริงหรือเปล่าครับ สิ่งหนึ่งที่ผมมีความเกี่ยวข้องกับคนบึงกาฬตรงๆคือเมื่อปี 2546  ตอนนั้นผมเป็นนายกไปประชุมครม.สัญจรที่ภูเก็ต ได้สั่งยกเลิกมติครม.สมัยคุณชวน ที่บอกว่าไม่ขยายพื้นที่ปลูกยางพารา ผมให้เพิ่มพื้นที่ปลูกยางพาราอีก 1ล้านไร่ ซึ่งวันนี้บึงกาฬก็ล้านไร่ไปแล้ว 

จากที่ตนออกไปมันขาดการบริหารอย่างมีเป้าหมายไปเยอะ เรียกว่าบริหาร โดยไม่บริหาร บ้านเมืองก็เลยแย่ไปหลายจุด ในฐานะที่ตนเองเป็นอดีตนายกฯ ได้รับพระเมตตาพระมหากรุณาธิคุณ จึงคิดว่าอยากทำให้บ้านเมืองดีขึ้น 

วันนี้ท่าทางคนบึงกาฬอารมณ์ดี สงสัยจะไม่มีความทุกข์ ถามว่ามีทุกข์หรือมีหนี้หรือไม่ และไปลงทะเบียนเรื่องการปรับโครงสร้างหนี้แล้วหรือไม่ ราคายางพาราดีขึ้นไหม

นายทักษิณ ถามชาวบึงกาฬใครดูข่าวที่นายกรัฐมนตรีไปเปิดบ้านเพื่อคนไทยบ้างผ่อนเดือนละ 4,000 บาท มีคนแห่ไปกดจอง 23​ ล้านคน ซึ่งโครงการแรกเพิ่งสร้างได้ 4,700 หลังต้องจับฉลากกันตาตั้งเลย

นายทักษิณ ถามต่อถึงปัญหายาเสพติดในพื้นพื้นที่​ โดยถามว่าต้องการให้จัดการหรือไม่เอาแบบไหนดี ตอนตนไปหาเสียงช่วยนายกอบจ. ที่อุดรธานี

ก็ได้ฝากบอกพี่น้องกลับไปบอกพ่อค้ายาเสพติด​ ว่าทักษิณกลับมาแล้ว ทักษิณไม่ใช่ไม่ชอบพ่อค้ายาแต่เกลียดเลย ถ้ายังขายยาอยู่มันอยู่ด้วยกันไม่ได้ พร้อมฝากบอกชาวบึงกาฬเช่นเดียวกันว่าทักษิณมาแล้วแม้จะแก่แล้วก็เหมือนเดิม

นายทักษิณ ถามชาวบึงกาฬว่า อยากให้สร้างบ้านเพื่อคนไทยบ้างหรือไม่ ซึ่งบ้านเพื่อคนไทยไม่ใช่บ้านเพื่อคนจนแต่เป็นบ้านให้ทุกคนที่มีความฝันอยากมีบ้านได้มีบ้าน เมื่อก่อนเราอยากมีบ้านต้องหาเงินดาวน์ก่อน แต่เมื่อเก็บเงินได้ ราคาบ้านก็ขยับขึ้น วันนี้จึงเอาที่หลวงซึ่งเป็นที่รถไฟที่ติดกับรถไฟฟ้า ที่จะมีรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายในอนาคตมาเป็นพื้นที่ที่ทำโครงการ ส่วนในต่างจังหวัดก็ใช้ที่ของกรมธนารักษ์ ที่ราชพัสดุที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์มาสร้างโดยที่เชียงใหม่กำลังจะเริ่มทำ ส่วนที่บึงกาฬ เดี๋ยวให้นางนพร​ เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมช่วยดู ว่าที่ตรงไหนที่ไม่ได้ใช้ เหมาะสมกับการทำที่อยู่อาศัยหรือไม่ เราจะได้มาสร้างกัน วันนี้กะว่าจะสร้างทั่วประเทศ 1,000,000 ยูนิต แต่ยังไม่พอเพราะยังมีประชากรจำนวนมากที่ยังไม่เคยมีบ้านเป็นของตัวเองแม้จะหนักแต่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจมีการก่อสร้างการรับจ้าง ที่สำคัญคือบ้านเพื่อคนไทยใช้ระบบส้วมไฟฟ้า ส่วนเรื่อง Entertainment Complex ว่ามันก็เหมือนที่ลาสเวกัส มีสนามกีฬา มีหอประชุม มีการจัดงานอะไรสารพัดอย่าง มีสวนน้ำ มีบางคนจะเสนอแม้กระทั่งจะสร้างที่เล่นสก็บนหิมะ แต่พื้นที่ใหญ่ ๆ นี้จะใช้พื้นที่ไม่ถึง 10% ทำเป็นคาสิโน เหมือนที่สิงคโปร์ เพื่อให้นักท่องเที่ยวมาใช้ตังค์ มาท่องเที่ยว ซึ่งแต่ละแห่ง จะสร้างงาน​ 20,000 คน และเงินเดือนไม่ต่ำกว่า 20,000 บาทเพื่อรายได้ต่างๆเข้าประเทศ อันนี้เป็นแนวที่รัฐบาลได้ทำต่อเนื่องจากจากรัฐบาลที่แล้ว หลังจากถามความเห็นและมีคนคัดค้านน้อยมาก 

โดยจะต้องทำให้มีการควบคุมให้ถูกต้อง คนไทยจะไปเล่น ต้องเป็นคนมีฐานะ ไม่เช่นนั้นเดี๋ยวหมดตัวอันนี้เราจะดูแลอย่างใกล้ชิดและถูกต้องตามหลักตามที่ประเทศพัฒนาแล้วเขาทำกัน

นายทักษิณ ยังกล่าวอีกว่า รัฐบาลรับช่วงมาก็เป็นหนี้ตั้ง 60% ของจีดีพี วันนี้จึงต้องพยายามทำให้มีเศรษฐกิจที่ดีขึ้น ให้เงินสะพัดคล่องขึ้นให้ประชาชนมีเงินใช้ เอาให้เหมือนตอนตนอยู่ไทยรักไทย

"วันนี้ต้องทำให้คนไทยมีเงินในกระเป๋าเพราะตอนนี้ส่วนใหญ่ล้วงออกมาก็เจอตั๋วจำนำ ก่อนครบเทอมของรัฐบาลนี้ล้วงกระเป๋าไปตั๋วจำนำหาย ปี 2569 ล้วงไปมีเงินแล้ว และในปี2570

กลับมาอีกทีจะล้วงไม่ลงเพราะเงินเยอะไป แน่นกระเป๋า ที่พูดมีความตั้งใจและมั่นใจว่าเอาไหวแน่แม้ตอนนี้จะลำบากก็ต้องสู้เอาจนได้ ผมเป็นคนไม่เคยยอมแพ้อะไร แพ้แต่เมีย" นายทักษิณกล่าววันนี้เราต้องยอมรับว่าเงินมันแห้ง หาเงินเท่าไหร่เขาก็ดูดกลับไปหมด ซึ่งตนเองเรื่องนี้ ตนเองไม่ยอม คนต่างจังหวัดทำงานแทบตายแม้จะมีเงินน้อยนิดก็ต้องให้มีสภาพคล่องอยู่ในจังหวัด คนต่างจังหวัดเหมือนปลาวางไขในคลองถ้าเขาดูดน้ำไปหมดก็วางไข่ไม่ได้ วันนี้จะดูดกลับให้พี่น้องถ้าเขาไม่ให้ดูดน้ำคลองกลับตนเองก็ยอมเติมน้ำขวด ขอเวลาตนนิดหนึ่ง ทำเต็มที่ คิดไม่หยุดและไม่หยุดทำและไม่หยุดส.ท.ร.(เสือกทุกเรื่อง)

นายทักษิณ กล่าวอีกว่า ตนเองกลับมาลูกสาวเป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งนายกฯ กับตนเองหน้าตาเหมือนกันหรือไม่ ตามตนเองหาเสียง ตอนตั้งพรรคไทยรักไทย ตอนตนเองเป็นรัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศนายกอิ๊งค์อายุ 8 ขวบ พวงมาลัยดาวเรืองนายกฯ เขาสวมตั้งแต่อายุ 8 ขวบ เขาอยู่กับการเมืองมาวิธีคิดวิธีพูดก็เหมือนกันระหว่างไปอยู่ต่างประเทศเขาก็ไปหาตนเองแทบทุกเดือน ขณะท้องก็ไปหาแต่งงานยังไปจัดพิธีที่ฮ่องกง เพราะมาร่วมงานที่เมืองไทยไม่ได้ ถือว่าเป็นลูกที่ใกล้ชิดมาก ดังนั้นวิธีคิดวิธีพูดวิธีทำงานเหมือนกันแม้ไม่ได้คุยกันแต่เวลาเขาให้สัมภาษณ์มันตรงกับเราทุกอย่าง ดังนั้นท่านก็มีนายกตัวจริงคือแพทองธาร มีเงาอยู่ข้างหลังคือเงาแก่ ๆ คนนี้

นายทักษิณ ยังระบุว่า บึงกาฬ ถือเป็นเมืองท่องเที่ยวที่ดี มียางพาราเป็นฐานเศรษฐกิจ เพราะฉะนั้นต่อจากนี้ไปเราต้องพัฒนาบึงกาฬ ให้เป็นเมืองท่องเที่ยวให้ได้ ให้ราคายางพาราเพิ่มขึ้น พี่น้องชาวบึงกาฬจะได้ลืมตาอ้าปากได้อีกครั้ง ผมเป็นคนไม่เคยยอมแพ้อะ ไร แม้แต่เมียตื้นตัน ใจที่พี่น้องชาวบึงกาฦมากันเยอะ แดดออกก็ไม่หนี น่ารักมาก แบบนี้ผมต่องขยันมาแล้ว ซี่นใจจริงๆ ผมเป็นโรค ที่ถ้าไปไหนแล้วประชาชนมาให้การต้อนรับกันเยอะๆ จะมีความสุข ท่าให้คนแก่มีความรู้สึก กระชุ่มกระชวย แล้วรู้สึกไม่แก่ มาวันนี้จึงขอคะแนนเสียงให้ เลือกนายกอบจ.คนหนุ่มๆ ไฟแรง แล้วมีคนแก่ๆ ให้คําปรึกษา มีรัฐมนตรีมนพร และสส.นิพนธ์ คอยเป็นพี่เลี้ยง แบบนี้ใช้ให้เต็มที่เลย ถึงเวลา ต้องเปลี่ยนนายก อบจ. เอานายกภูมิพันธ์ เบอร์ 1 และอย่าลืมเลือกสมาชิก อบจ.เข้าไปด้วย ไม่งั้น ทํางานคนเดียวลําบาก" นายทักษิณ กล่าว 

นายทักษิณ กล่าวอีกว่า พี่น้องน่ารักกัน จริงๆ ขอขอบคุณมากที่แดดออกก็ไม่หนี แสดงว่ายัง พอรักตนมากอยู่ อยากให้ตนมาหาบ่อยๆ หรือไม่ เลือกเบอร์ 1 หน่อย อย่างน้อยตนก็แวะมานั่งกินกาแฟไข่กระทะกับนายก อบจ.คนใหม่ จะได้แวะมาหาพี่ น้องประชาชน ขอฝากนายภูมิพันธ์ เบอร 1 ไว้ให้เป็นนายก อบจ.คนใหม่ ตนเป็นคนบ้ายอ อยากยอตน ง่าย นิดเดียวแค่เลือกนายก อบจ.และทีมให้ตน ตนก็มี ความสุข ยัง ไงก็ขอพี่น้องชาวนบึงกาฬ ตนมาขอถึงที่แล้ว ยังไงก็ขอเบอร์ 1 และทีม สจ.ทั้งหมด ให้เป็นกําลังใจตน ตนจะได้มาห่างานพี่น้องต่อไป

ข่าว/ภาพ​ ณฐพรหม อิทธิพัทธ์พล บึงกาฬ 0961464326

“อลงกรณ์”เสนอแนวคิด“ธีม พาร์ค คอมเพล็กซ์(Theme Park Complex)ทางเลือกใหม่ในการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน

นายอลงกรณ์ พลบุตร ประธานสถาบันเอฟเคไอไอ.ไทยแลนด์ (FKII Thailand) และอดีตประธานคณะกรรมการบริหารนโยบายเศรษฐกิจสร้างสรรค์โพสต์บทความในเฟสบุ้ควันนี้เรื่อง “ธีม พาร์ค คอมเพล็กซ์(Theme Park Complex)อีกทางเลือกใหม่ของประเทศไทยในการพัฒนาอย่างยั่งยืน”เป็นมุมมองใหม่ของอดีตรัฐมนตรีและส.ส.หลายสมัยที่เสนอแนวคิดในการพัฒนาธีม พาร์คผสมผสานกับเอนเตอร์เทนเม้นต์คอมเพล็กซ์(Entertainment Complex)ที่มีหลากหลายกิจกรรมสันทนาการถือเป็นแนวทางเศรษฐกิจสร้างสรรค์(Creative Economy)ที่น่าสนใจไม่น้อยโดยมีข้อความดังนี้

“ธีม พาร์ค คอมเพล็กซ์(Theme Park Complex)อีกทางเลือกใหม่ของประเทศไทยในการพัฒนาอย่างยั่งยืน” โดย นายอลงกรณ์ พลบุตร ประธานสถาบันเอฟเคไอไอ.ไทยแลนด์ (FKII Thailand)และอดีตประธานคณะกรรมการบริหารนโยบายเศรษฐกิจสร้างสรรค์ 19 มกราคม 2568 ในปัจจุบันประเทศไทยกำลังมองหาวิธีในการเสริมสร้างอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ ซึ่งการพัฒนาธีม พาร์ค (Theme Park)ระดับโลก เช่น ดิสนีย์แลนด์ (Disneyland)ยูนิเวอร์แซล สตูดิโอ(Universal Studios) ซีเวิลด์(Sea World)หรือ ธีม พาร์คอื่นผสมผสานกับเอนเตอร์เทนเม้นต์คอมเพล็กซ์(Entertainment Complex)ที่มีหลากหลายกิจกรรมสันทนาการ เป็นแนวทางเศรษฐกิจสร้างสรรค์(Creative Economy)ที่น่าสนใจและมีศักยภาพมากกว่าแนวทางอื่น

เหตุผลที่ควรพิจารณาการพัฒนา Theme Park ร่วมกับ Entertainment Complex ในประเทศไทย
1. จุดขายใหม่ดึงดูดนักท่องเที่ยวและการลงทุนสร้างรายได้ให้ประเทศและประชาชน
การมี Theme Park ขนาดใหญ่ที่มีชื่อเสียงจะดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งเต็มไปด้วยกิจกรรมและเครื่องเล่นที่ไม่เพียงแต่สนุกสนาน แต่ยังสร้างประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใคร ผู้เข้าชมจะมีโอกาสได้สัมผัสกับบรรยากาศที่หลากหลาย และทำให้การมาเยือนประเทศไทยน่าจดจำยิ่งขึ้น
2. การมอบประสบการณ์ที่หลากหลาย
Entertainment Complex ที่รวม Theme Park ที่มีธีมจากวัฒนธรรมและภาพยนตร์ที่มีชื่อเสียง สามารถเพิ่มกิจกรรมหลากหลายรูปแบบ เช่น โรงภาพยนตร์ ร้านอาหาร บาร์ และพื้นที่สำหรับการแสดงดนตรี ทำให้ผู้เข้าชมมีตัวเลือกที่หลากหลายในการใช้เวลาในสถานที่เดียวกัน ซึ่งเป็นสิ่งที่ช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายและการเข้ามาของนักท่องเที่ยว
 3. สร้างงานและพัฒนาเศรษฐกิจของชาติและท้องถิ่น
การพัฒนา Theme Park และ Entertainment Complex จะสร้างงานใหม่ให้กับคนในชุมชน ทั้งในด้านการดำเนินงาน การบริการ การตลาด การออกแบบ และการก่อสร้าง นอกจากนี้ ธุรกิจขนาดเล็กในพื้นที่ เช่น ร้านอาหาร ร้านค้า และบริการท่องเที่ยว จะได้รับประโยชน์จากการมีนักท่องเที่ยวมากขึ้น ทำให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจในระดับท้องถิ่น
4. ส่งเสริมการศึกษาและการอนุรักษ์วัฒนธรรม
การออกแบบ Theme Park โดยให้ความสำคัญกับการส่งเสริมวัฒนธรรมท้องถิ่น สามารถสร้างโอกาสในการจัดแสดงวัฒนธรรมไทย เช่น การแสดงศิลปะการแสดงพื้นบ้าน โครงการเรียนรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม การมีพื้นที่การศึกษาภายใน Entertainment Complex จะช่วยให้ผู้เข้าชมสามารถเรียนรู้และมีประสบการณ์ที่มีคุณค่า
5. เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำหรับครอบครัวและนักท่องเที่ยวคุณภาพ
Theme Park และ Entertainment Complex สามารถออกแบบมาเพื่อให้เข้ากับทุกกลุ่มวัย มีการจัดกิจกรรมและสถานที่ที่เหมาะสมสำหรับเด็ก ผู้ใหญ่ และผู้สูงอายุ ซึ่งทำให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ครอบครัวสามารถร่วมใช้เวลาและสร้างความทรงจำดี ๆ ร่วมกันได้
6. ปลอดภัยและสร้างสังคมที่มีสุขภาพดี
การพัฒนา Theme Park และ Entertainment Complex พลิกโฉมสังคมในทางที่ดี โดยมีคุณค่าประสบการณ์และความสนุกสนาน เปิดโอกาสให้เกิดกิจกรรมที่มีความคิดสร้างสรรค์และปลอดภัยมากขึ้น

ตัวอย่างธีม พาร์คในประเทศต่างๆ

1. Disneyland  & DisneySea
Magic Kingdom (ฟลอริดา, สหรัฐอเมริกา)
สวนสนุกในรูปแบบของเทพนิยาย มีตัวละคร Disney ที่เป็นที่รู้จักและเครื่องเล่นที่หลากหลาย
Disneyland (แคลิฟอร์เนีย, สหรัฐอเมริกา)
สวนสนุกแห่งแรกที่เปิดในปี 1955 ที่มีโซนธีมต่าง ๆ เช่น Adventureland, Tomorrowland, Fantasyland
Tokyo Disneyland & Tokyo DisneySea (ญี่ปุ่น)
มีการออกแบบที่แตกต่างและเสริมสร้างประสบการณ์ที่ไม่เหมือนกับที่อื่น ๆ
Shanghai Disneyland (จีน)
สวนสนุกที่ใหม่และทันสมัย มีธีมที่แตกต่างให้สำรวจ

2. Universal Studios
Universal Studios Orlando (ฟลอริดา, สหรัฐอเมริกา)มีทั้งสวนสนุก Universal Studios และ Islands of Adventure มีเครื่องเล่นและฟีเจอร์ต่าง ๆ ที่อิงจากภาพยนตร์และโชว์
Universal Studios Hollywood (แคลิฟอร์เนีย, สหรัฐอเมริกา)รวมเอาสวนสนุกและการท่องเที่ยวในสตูดิโอภาพยนตร์
Universal Studios Singapore มีเครื่องเล่นที่เป็นเอกลักษณ์และธีมที่เกี่ยวข้องกับภาพยนตร์

3. SeaWorld
SeaWorld San Diego (แคลิฟอร์เนีย, สหรัฐอเมริกา)
สวนสนุกที่เน้นการศึกษาและอนุรักษ์สัตว์น้ำ พร้อมทั้งมีการแสดงสัตว์น้ำต่าง ๆ
SeaWorld Orlando (ฟลอริดา, สหรัฐอเมริกา) มีเครื่องเล่นและสิ่งที่น่าสนใจเกี่ยวกับสัตว์น้ำ

4. Legoland
Legoland California (แคลิฟอร์เนีย, สหรัฐอเมริกา)
สวนสนุกที่สร้างขึ้นจาก LEGO มีเครื่องเล่นที่เน้นการสร้างสรรค์
Legoland Billund (เดนมาร์ก)
สวนสนุกแห่งแรกที่เปิดในปี 1968 โดยมีความน่าสนใจจากเลโก้เป็นหลักที่มาเลเซียก็มี

 5. Europa-Park (เยอรมนี)
 เป็นหนึ่งในสวนสนุกที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป มีโซนธีมประเทศต่าง ๆ และเครื่องเล่นที่ยอดเยี่ยม

6. Alton Towers (สหราชอาณาจักร)
 สวนสนุกที่มีเครื่องเล่นที่ขึ้นชื่อ โดยเฉพาะการออกแบบอย่างมีเอกลักษณ์ที่มีบรรยากาศที่สวยงาม

7. Six Flags
Six Flags Magic Mountain (แคลิฟอร์เนีย, สหรัฐอเมริกา)มีเครื่องเล่นที่รวดเร็วและเร้าใจ
มีสวนสนุกในหลายรัฐของสหรัฐอเมริกาที่เน้นการผจญภัยและเครื่องเล่นที่มีความสูง

8. Busch Gardens
Busch Gardens Williamsburg (เวอร์จิเนีย, สหรัฐอเมริกา) สวนสนุกที่ผสมผสานระหว่างสวนสัตว์และเครื่องเล่น
Busch Gardens Tampa Bay (ฟลอริดา, สหรัฐอเมริกา)มีการแสดงทางวัฒนธรรมและเครื่องเล่นที่ยอดเยี่ยม

9. Everland (เกาหลีใต้)
สวนสนุกที่ใหญ่ที่สุดในเกาหลี มีเครื่องเล่นที่น่าตื่นเต้นและสวนดอกไม้ที่สวยงาม

10. Studio Ghibli Museum (ญี่ปุ่น)
แม้ว่าจะไม่ใช่สวนสนุกแบบดั้งเดิม แต่เป็นสถานที่ที่เน้นการทำความเข้าใจโลกแห่งการ์ตูนและอนิเมชั่นของ Studio Ghibli

สรุป
ในฐานะที่ผมเคยเป็นประธานคณะกรรมการบริหารนโยบายเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ผมคิดว่า
การมี Theme Park เช่น ดิสนีย์แลนด์ หยูนิเวอร์แซล สตูดิโอ หรือธีม พาร์คอื่นๆผสมผสานกับ Entertainment Complexในประเทศไทย เป็นทางเลือกที่สามารถสร้างประโยชน์ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรมอย่างยั่งยืน การแข่งขันในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวสามารถเป็นไปในทางที่ดีขึ้น โดยสร้างประสบการณ์ที่หลากหลาย ให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวมีความสุขและเหมาะสมกับทุกกลุ่มวัย จึงเป็นแนวทางที่ควรได้รับการพิจารณาอย่างรอบคอบเพื่ออนาคตที่ยั่งยืนของประเทศไทยและคุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชน.

ผู้บังคับการกองสารนิเทศเตือนเพจปลอมอ้างหน่วยงานตำรวจ และหน่วยงานรัฐยังระบาด อย่าเชื่อ อย่าแชต อย่าคลิก

วันนี้ (19 ม.ค. 68) พ.ต.อ.วรศักดิ์ พิสิษฐบรรณกร รองผู้บังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ รักษาราชการผู้บังคับการกองสารนิเทศ เปิดเผยว่า พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มีความห่วงใยพี่น้องประชาชนในเรื่องของการถูกหลอกลวงทางออนไลน์เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งพบว่ามีมิจฉาชีพแอบอ้างหน่วยงานต่างๆ ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วงานภาครัฐต่าง ๆ สร้างสถานการณ์หลอกลวงประชาชนให้หลงเชื่อ และยังพบว่ามีการใช้ภาพของหัวหน้าหน่วยงานระดับสูงมาประกอบเพื่อสร้างความน่าเชื่อถืออีกด้วย จึงได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบเพื่อดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด พร้อมมอบหมายให้กองสารนิเทศและหน่วยต่าง ๆ ร่วมประชาสัมพันธ์เตือนภัยพี่น้องประชาชน เพื่อสร้างการรับรู้ป้องกันไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพเหล่านี้

สำหรับกลลวงของมิจฉาชีพลักษณะนี้ จะสร้างเพจปลอมโดยใช้ชื่อและภาพโปรไฟล์ ทำให้ดูเหมือนเป็นหน่วยงานราชการจริง มักใช้ภาพตำรวจหรือเจ้าหน้าที่รัฐสร้างเนื้อหาเท็จเพื่อล่อลวง อาทิ ช่วยติดตามเงินคืนจากมิจฉาชีพ รับแจ้งความออนไลน์ เป็นต้น และมิจฉาชีพมักซื้อโฆษณาเพื่อให้เข้าถึงเหยื่อจำนวนมาก ให้สังเกตคำว่า “ได้รับการสนับสนุน” ใต้ชื่อเพจ และอีกจุดสังเกตง่าย ๆ คือ ที่คอมเม้นต์จะมีการกดแสดงความรู้สึก จะพบว่ามีการกดโกรธจำนวนมาก โดยหากพบเห็นเพจลักษณะดังกล่าวขอให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นเพจปลอมโดยกลุ่มมิจฉาชีพแน่นอน

พ.ต.อ.วรศักดิ์ฯ ย้ำว่า ตำรวจและหน่วยงานรัฐจะไม่มีการเปิดรับเรื่อง รับหลักฐานเพื่อติดตามเงินคืนผ่านเพจ หรือโซเชียลมีเดียอื่น ๆ ขอให้พี่น้องประชาชนอย่าเชื่อ อย่าแชต อย่าคลิก เพราะอาจนำไปสู่การถูกหลอกลวงติดตั้งแอปพลิเคชันดูดเงินเกลี้ยงบัญชี หลอกลงทุน หรือหลอกนำข้อมูลสำคัญไปก่ออาชญากรรม

หากพบเห็นบุคคลใด หรือเว็บไซต์ใด ที่มีพฤติกรรมหรือน่าสงสัยว่าอาจเป็นกลุ่มมิจฉาชีพมาหลอกลวงพี่น้องประชาชนทางออนไลน์ หรือหากตกเป็นผู้เสียหายถูกหลอกลวงออนไลน์ สามารถแจ้งเบาะแส หรือขอความช่วยเหลือได้ที่สายด่วนศูนย์ AOC 1441 หรือแจ้งความผ่านระบบออนไลน์ได้ที่เว็บไซต์เดียวเท่านั้นคือ www.thaipoliceonline.go.th ตลอด 24 ชั่วโมง
 

สมุทรปราการ-ลุยแล้ว!! อรัญญา สุวรรณบุตร ผู้สมัครหมายเลข 1 ลงพื้นที่หาเสียงประชาชนจำนวนมากให้การต้อนรับ

นางอรัญญา สุวรรณบุตร อดีตนายกเทศมนตรีตำบลแพรกษา ผู้สมัครนายกเทศมนตรีตำบลแพรกษา หมายเลข 1 พร้อมด้วยคณะสมาชิกในนามกลุ่มแพรกษาพัฒนา 

ลงพื้นที่หาเสียงภายในชุมชนเสรี 4-5 และชุมชนคลองหกส่วน ในเขตพื้นที่ตำบลแพรกษา อ.เมือง สมุทรปราการ โดยมี ดร.ยงยุทธ สุวรรณบุตร อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสมุทรปราการ ร่วมลงพื้นที่ช่วยหาเสียงในครั้งนี้

พร้อมทั้งเดินชู้ป้าย แจกแผ่นพับแนะนำตัวผู้สมัคร และชูนโยบายในการบริหารงานและแผนพัฒนาท้องถิ่นของกลุ่มแพรกษาพัฒนาในสโลแกน เคียงข้าง สร้างสรรค์ ทันสมัย 

อย่างไรก็ตาม การลงพื้นที่หาเสียงในครั้งนี้ ได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดีจากพี่น้องประชาชนตามชุมชนต่างๆ ที่รักและศรัทธาต่างมารอให้การต้อนรับ พร้อมทั้ง มอบดอกกุหลาบให้แก่ นางอรัญญา สุวรรณบุตร อดีตนายกเทศมนตรีตำบลแพรกษา และอวยพรขอให้ชนะการเลือกตั้งในครั้งนี้ ซึ่งบรรยากาศการหาเสียงเป็นไปอย่างอบอุ่น 

นอกจากนี้ขอประชาสัมพันธ์เชิญชวนพี่น้องประชาชน และกลุ่มเยาวชนที่มีอายุตั้งแต่ 18 ปี ขึ้นไป อย่าลืมออกไปใช้สิทธิเลือกตั้ง นายกเทศมนตรี ในวันอาทิตย์ ที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2568 ตั้งแต่เวลา 08.00-17.00 น ณ. หน่วยเลือกตั้งที่ท่านมีรายชื่ออยู่

คิว-ข่าวสมุทรปราการ รายงาน

สมุทรปราการ-ครอบครัวพาณิชย์พิศาล และชมรมโฮบฯ เลี้ยงอาหารคนชรา เนื่องในวันคล้ายวันเกิด ผศ.แพทย์หญิงเกศริน พาณิชย์พิศาล

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ (18 ม.ค. 68) เวลา 11.00 น. ที่มูลนิธิวัยวัฒนานิวาส สถานสงเคราะห์คนชรา ถนนท้ายบ้าน อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ โดยทางครอบครัวพาณิชย์พิศาล นำโดย นายอัครนันท์ พาณิชย์พิศาล พร้อมด้วย นางธัญยธรณ์ พาณิชย์พิศาล นางสาวปิยนุช พาณิชย์พิศาล ประธานชมรมโฮปสะพานบุญแห่งความหวังและศรัทธาร และคณะเจ้าหน้าที่ชมรมโฮปฯ 

จัดกิจกรรมโดยการจัดเลี้ยงอาหารกลางวันแก่ผู้สูงอายุและคนชรา ภายในสถานสงเคราะห์คนชรามูลนิธิวัยวัฒนานิวาส นอกจากนี้ ยังได้มอบขนมปังปี๊บ พร้อมทั้งเงินอีกจำนวนหนึ่งมอบให้แก่คนชรา เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันเกิด ครบรอบ 47 ปี ผศ.แพทย์หญิงเกศริน พาณิชย์พิศาล 

ซึ่งเป็นบุตรสาวของนายอัครนันท์ พาณิชย์พิศาล และนางธัญยธรณ์ พาณิชย์พิศาล อีกทั้งยังเป็นผู้ที่ให้การสนับสนุน ชมรมโฮปสะพานบุญแห่งความหวังและศรัทธาอีกด้วย ภายในกิจกรรมครั้งนี้ มีครอบครัววรัณวงศ์เจริญ นายธนิตพงษ์-นางทิพย์ประภา วรัณวงศ์เจริญ พร้อมด้วย คณะกรรมการ สมาชิกชมรมโฮปสะพานบุญแห่งความหวังและศรัทธา คณะสื่อมวลชน และแขกผู้มีเกียรติ เข้าร่วมกิจกรรมสร้างความสุขและรอยยิ้มให้แก่กลุ่มผู้สูงอายุและคนชราในสถานสงเคราะห์คนชราแห่งนี้อีกด้วย

คิว-ข่าวสมุทรปราการ รายงาน

กองทัพภาคที่ 3 จัดพิธีกระทำสัตย์ปฏิญาณตนต่อธงชัยเฉลิมพล เนื่องในวันกองทัพบก และกองทัพไทย

เมื่อวันที่ (18 ม.ค 68) ที่ค่ายสมเด็จพระเอกาทศรถ อ.เมือง จ.พิษณุโลก ได้จัดพิธีกระทำสัตย์ปฏิญาณตนต่อธงชัยเฉลิมพล วันกองทัพไทย ซึ่งเป็นวันที่ระลึกในวาระที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทรงกระทำยุทธหัตถีกับพระมหาอุปราชาของพม่า และทรงมีชัยชนะเหนือพระมหาอุปราชา โดยถือเอาวันที่ 18 มกราคม ของทุกปี เป็นวันกองทัพบก และกองทัพไทย ตามการคำนวณจากเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ ที่ระบุว่า พระองค์กระทำยุทธหัตถี ในวันจันทร์ แรม 2 ค่ำ เดือนยี่ ปีมะโรง จ.ศ. 954 คำนวณได้ ตรงกับวันที่ 18 มกราคม 2135 ในการนี้ กองทัพภาคที่ 3 จึงได้ประกอบพิธีกระทำสัตย์ปฏิญาณตนต่อธงชัยเฉลิมพล ประจำปี 2568 เนื่องในวันกองทัพไทย ณ ลานอเนกประสงค์ ค่ายสมเด็จพระเอกาทศรถ เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของอดีตวีรมหากษัตริย์ และเหล่าทหารที่ได้เสียสละชีวิต เพื่อปกป้องรักษาอธิปไตย และแผ่นดินไทย อีกทั้ง ยังเป็นวันที่ทหารใหม่ทุกนาย จะได้เปล่งสัจจะวาจาปฏิญาณตนต่อธงชัยเฉลิมพลอันศักดิ์สิทธิ์ แสดงถึงความพร้อมเป็นทหารของชาติโดยสมบูรณ์ ที่มีเกียรติศักดิ์ศรี และอุดมการณ์อันแน่วแน่

นอกจากนี้ การสวนสนาม ยังแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่ง มีระเบียบวินัย และความสง่างาม พร้อมทั้งเป็นการย้ำเตือนให้ทหารทุกคนได้ตระหนักถึงภาระหน้าที่เพื่อประเทศชาติ และประชาชน โดยมี พลโท กิตติพงษ์  แจ่มสุวรรณ แม่ทัพภาคที่ 3 ประธานในพิธี พันเอก  ประสาน  เห็นประเสริฐ ผู้บังคับกองผสม ตำแหน่งปกติ รองผู้บัญชาการกองพลทหารราบบที่ 4 กล่าวรายงาน และนำประธานตรวจพลสวนสนาม และรับความเคารพ เชิญธงชัยเฉลิมพลเข้าปะรำพิธี ประธานนำกล่าวปฏิญาณตน และอ่านโอวาทของ พลเอก ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เชิญธงชัยเฉลิมพลกลับเข้าประจำแถว และสวนสนาม สำหรับกำลังพลที่สวนสนามในวันนี้ จัดจากหน่วยทหารในพื้นที่ จ.พิษณุโลก รวม 4 กรมสวนสนาม และ 1 กองพัน  สวนสนามยานยนต์

ปรีชา นุตจรัส รายงานข่าวพิษณุโลก

‘วินทร์ เลียววาริณ’ ชี้!! นักการเมืองไทย ยกตัวอย่าง สิงคโปร์ มาแค่เปลือก เพราะไม่คิดจะศึกษา ตั้งธงแล้วว่า จะเปิดบ่อน ที่เหลือ ค่อยไปว่ากันทีหลัง

(18 ม.ค. 68) ‘วินทร์ เลียววาริณ’ ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ ประจำปี พ.ศ. 2556 และนักเขียนรางวัลซีไรต์ ได้โพสต์ข้อความเกี่ยวกับ ‘กาสิโน’ โดยมีใจความว่า ...

นักคิดนักเขียน อัลแบร์ กามูส์ เคยเขียนว่า "คนที่ขาดความกล้าหาญจะสามารถหาปรัชญามารองรับมันเสมอ"

เมื่อขี้เกียจก็หาเหตุผลมาขี้เกียจ

เมื่อจะโกง ก็หาเหตุผลมาโกง

เมื่อจะหาแดกจากพนัน ก็หาเหตุผลมาหาแดกจนได้

นักการเมืองไทยพยายามมาหลายสิบปีแล้วที่จะสร้างบ่อนถูกกฎหมายให้ได้ ข้ออ้างเดิมๆ คือหาเงินมาพัฒนาชาติ ข้ออ้างล่าสุดก็คือสิงคโปร์ทำแล้ว ถ้าไม่ดีสิงคโปร์คงไม่ทำ(มั้ง)

ผมอยู่ที่สิงคโปร์ตอนเขาประกาศทำบ่อน ประชาชนทั้งประเทศไม่เห็นด้วย รวมทั้งบิดาแห่งชาติ ลีกวนยู 

ลีกวนยูมองเห็นหายนะของการพนันมาแต่เด็ก พ่อของเขาติดพนัน ขอเครื่องทองของแม่ไปจำนำเพื่อเล่นพนัน โชคดีที่ต่อมาพ่อของเขาเปลี่ยนนิสัย และเลิกพนันไปตลอดชีวิต

ลีกวนยูไม่เคยเล่นพนัน และต่อต้านเรื่องนี้ เมื่อมหาเศรษฐีฮ่องกง Stanley Ho ผู้เปิดบ่อนที่มาเก๊าขอเปิดบ่อนที่สิงคโปร์ ลีกวนยูปฏิเสธโดยสิ้นเชิง
แต่ลีกวนยูเปลี่ยนใจ ยอมสร้างบ่อน

ลีกวนยูบอกว่าเขาเปลี่ยนใจในจุดยืนเรื่องสร้างบ่อน เพราะมองเห็นว่าลำพังการเป็น first world city ไม่พอแล้วในศตวรรษใหม่ สิงคโปร์ขาดแรงดึงดูดพอสำหรับนักท่องเที่ยว สิงคโปร์ยังต้องพึ่งนักท่องเที่ยว และสิงคโปร์ก็ไม่มีอะไรน่าดึงดูดใจ นอกจากเมืองสะอาด

ตอนนั้นสิงคโปร์อยู่ในขาลง ลีกวนยูบอกว่าในเรื่องท่องเที่ยว สิงคโปร์สู้เมืองไทย มาเลเซีย ฮ่องกงไม่ได้ จำเป็นต้องหาจุดขายใหม่ เพื่อที่จะอยู่รอด เมื่อลีกวนยูประกาศสร้างบ่อน เขาเสียเครดิตไปเยอะ เพราะคนทั้งประเทศต่อต้าน

แต่ลีกวนยูสัญญาว่าจะคุมเข้ม ไม่ทำให้พลเมืองติดพนันอย่างเด็ดขาด (gambling inducement) และจะสร้างระบบมาคุม เวลาลีกวนยูบอกว่าจะสร้างระบบมาคุม ทุกคนก็เชื่อได้ว่าเขาทำได้จริง ด้วยกฎเหล็กเข้มข้นกว่าไทยเราล้านล้านเท่า 

การสร้างบ่อนของสิงคโปร์มีกฎระเบียบมากมาย และที่สำคัญคือระบบการตรวจสอบของเขาแน่นหนารัดกุม ไม่มีรูรั่ว ไม่มีคอร์รัปชัน ไม่มีทุจริตเชิงนโยบาย

จุดหมายของรัฐสิงคโปร์คือหาเงินจากนักท่องเที่ยว และไม่ยั่วยุให้พลเมืองติดพนัน คนสิงคโปร์จะเข้าบ่อนต้องจ่ายครั้งละ S$150 หรือสามพันเหรียญต่อปี และเมื่อเล่น ไม่ขยายวงเงินพนันให้เด็ดขาด

นักการเมืองไทยยกตัวอย่างสิงคโปร์มาแค่เปลือก ไม่ได้ศึกษาลึก เพราะไม่คิดจะศึกษา ตั้งธงแล้วว่าจะเปิดบ่อน ที่เหลือค่อยไปว่ากันทีหลัง

เราไม่ต้องมีสมองระดับไอน์สไตน์ก็คิดได้ว่า การยกบ่อนใต้ดินขึ้นมาบนดิน ไม่ได้ทำให้บ่อนใต้ดินหายไป ทุกอย่างเซมเซม แต่มีช่องหาแดกเพิ่มขึ้น (อย่างถูกกฎหมาย)

เราไม่ต้องมีสมองระดับไอน์สไตน์ก็คิดได้ว่า เมื่อทุกประเทศหรือทุกเมืองใหญ่ในโลกมีบ่อน บ่อนก็จะไม่ใช่จุดขายอีกต่อไป

เราไม่ต้องมีสมองระดับไอน์สไตน์ก็คิดได้ว่า อนาคตของเด็กไทยจะเป็นอย่างไร เมื่อเราปลูกฝังทัศนคติว่า ไม่ต้องทำงานก็รวยได้

เรากำลังสร้างคนในชาติให้เห็นว่าเงินคือคำตอบเดียวในจักรวาล เงินคือพระเจ้า

แต่เงินแค่ไหนจึงจะพอ?

หลังจากสร้างบ่อนถูกกฎหมายแล้วเราจะทำอะไรต่อ? ตั้งกระทรวงยาเสพติดแห่งชาติเพื่อหาเงินช่วยชาติ? ตั้งกระทรวงโสเภณีแห่งชาติเพื่อหาเงินช่วยชาติ? ตั้งกระทรวงมือปืนแห่งชาติเพื่อหาเงินช่วยชาติ? ตั้งกระทรวงศาสนาพาณิชย์เพื่อหาเงินช่วยชาติ?

เราสามารถเปลี่ยนภาพอบายมุขจากดำเป็นขาวในนามของชาติได้เสมอ

รักชาติจนน้ำตาสอ! รักชาติแล้วอิ่มจริงๆ!!

จริงอย่างที่ อัลแบร์ กามูส์ ว่า คนเราสามารถหาปรัชญามารองรับความเลวร้ายที่จะทำเสมอ

วินทร์ เลียววาริณ

‘โฆษกรัฐบาล’ ยัน!! สถานบันเทิงครบวงจร ไม่ได้เน้น ‘กาสิโน’ ยก!! ‘สิงคโปร์’ สร้าง ‘มารีน่าเบย์’ ส่งเสริมการท่องเที่ยว ให้คึกคัก

(18 ม.ค. 68) นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวตอนหนึ่งในรายการ ‘เสียงจากใจไทยคู่ฟ้า’ ว่า ในเรื่องของสถานบันเทิงครบวงจร หรือ Entertainment Complex ซึ่งเวลาออกกฎหมายจะต้องผ่านคณะรัฐมนตรี ก็ได้มีการพิจารณา 3 ประเด็นหลักคือ 1. รับทราบรายงานที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ระบุว่าในแต่ละปีหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และอื่นๆ มีสถิติการจับกุมการพนันผิดกฎหมายทั้งในและต่างประเทศจำนวนมาก 2. แม้มีการจับกุมการพนันออนไลน์ใต้ดินจำนวนมาก แต่พบว่ามีเงินไหลไปนอกประเทศจำนวนมาก และ 3.มีการจัดทำสถานบันเทิงครบวงจรจำนวนมาก รอบๆ ประเทศไทย และประเทศอื่นๆ

“ที่สำคัญเราไม่ได้เห็นว่า ทำไมต่างประเทศเขาทำแล้วเราต้องทำ แต่ถ้าเราไม่ทำเราก็จะควบคุมอะไรไม่ได้ ธุรกิจใต้ดิน ธุรกิจค้ามนุษย์ การจ้างงานไม่อยู่ในระบบ เงินทองไหลออกนอกประเทศ เกิดความวุ่นวายขายปลาช่อนกันเยอะแยะมากมายตลอด 10-20 ปีที่ผ่านมาเพราะฉะนั้นการทำสถานบันเทิงครบวงจรนั้น จึงไม่ได้หมายความว่าเป็นเรื่องของกาสิโนอย่างเดียว แต่หมายความถึงสถานที่ท่องเที่ยว ยกตัวอย่าง อ่าวมารีน่าเบย์ ประเทศสิงคโปร์ สมัยก่อนคนไปสิงคโปร์ ก็ไปเที่ยวสวนนก ไปเดินแถวถนนออชาร์ด เหมือนสุขุมวิทบ้านเรา เดินชอปปิงร้อนก็ร้อน ไม่มีอะไรจะเที่ยว ก็ทำมารีน่าเบย์ ขึ้นมา มีทั้งสปอร์ต คอมเพล็กซ์ เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ มีจุดถ่ายรูป มีโรงแรมที่พัก และมีกาสิโนเพียง 10%”

นายจิรายุ ยังกล่าวต่ออีกว่า วันนี้เราต้องยอมรับความจริงว่า ประเทศไทยเดินทางมา 10-20 ปี แล้วสิ่งเหล่านี้กลายเป็นสภาพปัญหามากมาย หลากหลาย อย่างไรก็ตาม ขั้นตอนจากนี้ จะต้องส่งเรื่องไปยังรัฐสภา เพื่อบรรจุวาระรับหลักการ ซึ่งจะมีการอภิปรายของฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน ว่าตกลงแล้วจะเอากฎหมายฉบับนี้หรือไม่ ซึ่งถ้ารับหลักการก็ต้องตั้งกรรมการวิสามัญ ซึ่งมีทั้งฝ่ายค้าน ฝ่ายรัฐบาล ที่จะมาร่วมกันพิจารณารายละเอียดรายมาตราว่า จะเขียนกติกาอย่างไร จะให้คนไทยเข้าได้หรือไม่ หากเข้าได้ควรจะเป็นลักษณะอย่างไร หรือหากเข้าไม่ได้ควรจะเป็นลักษณะอย่างไร ดูเรื่องผลกระทบต่างๆ เงินทองจะเป็นแบบไหน อย่างไร ซึ่งใช้เวลาประมาณ 1-2 เดือน และถ้าอยู่ในกรอบนั้น แล้วลงมติวาระ 3 ก่อนจะส่งต่อไปที่สมาชิกวุฒิสภา จากนั้นก็ส่งกลับมาที่รัฐสภาแล้วประกาศใช้ นี่คือสิ่งที่ที่จะต้องลงรายละเอียด ซึ่งใช้เวลาอย่างน้อยอีก 6 เดือน

‘โฆษกทัพบก’ ขอหลักฐานเพิ่ม ปม ‘แสตมป์ อภิวัชร์’ ถูกนายทหารข่มขู่ ลั่น!! หากผิดจริง มีบทลงโทษแน่

(18 ม.ค. 68) จากกรณี นักร้องหนุ่มชื่อดัง ‘แสตมป์ อภิวัชร์ เอื้อถาวรสุข’ และภรรยาถูกคุกคามจากซาแซง จนหายหน้าไม่รับงานอยู่เป็นปี เพื่อไปสู้คดีจนชนะ แต่เรื่องกลับไม่จบ เพราะก็ยังถูกคุกคามและข่มขู่จากพ่อของคู่กรณีที่บอกว่าเป็นนายพล

ล่าสุด วันนี้ มีรายงานว่า ‘พ.อ.ฐิต์รัชช์ สมบัติศิริ’ โฆษกกองทัพบก ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีดังกล่าวว่า

กองทัพบก จะดำเนินการตรวจสอบ แต่ก็อยากได้ข้อมูลเพิ่มเติมหากเป็นเรื่องที่มีความร้ายแรงและเป็นจริง กองทัพบกก็จะดำเนินการต่อให้

ทั้งนี้ตนเชื่อว่าเป็นเรื่องส่วนตัว หากฟังจากที่ ‘แสตมป์’ ออกมาเปิดเผย แต่หากเป็นทหารที่ยังอยู่ในประจำการหากมีความประพฤติที่ไม่เหมาะสมก็จะต้องมีการสอบสวนทางวินัยและมีบทลงโทษ

และหากทาง ‘แสตมป์’ ต้องการให้กองทัพบกตรวจสอบก็ขอให้ส่งข้อมูลมา เนื่องจากข้อมูลที่อยู่ในสาธารณะยังไม่มีความชัดเจน พร้อมยืนยันว่ากองทัพบกพร้อมให้ความเป็นธรรม


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top