Sunday, 25 May 2025
NEWS

‘นายกฯ แพทองธาร’ สั่งการตรงจาก ‘โมนาโก’ หลังน้ำท่วมแม่สาย มอบ ‘อนุทิน’ ช่วยเหลือด่วน!! พร้อมให้ สธ.ลุยแก้สารปนเปื้อน

(24 พ.ค. 68) นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้ติดตามสถานการณ์น้ำท่วมแม่สาย จ.เชียงราย ซึ่งเป็นน้ำที่ทะลักจากเมียนมา ลงสู่แม่สายบริเวณใกล้วัดพรหมวิหารอย่างใกล้ชิด แม้ยังอยู่ระหว่างปฏิบัติภารกิจต่างประเทศในการเดินทางเยือนสหราชอาณาจักร และราชรัฐโมนาโก ภายหลัง นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้รายงานนายกรัฐมนตรีในฐานะ ประธานคณะกรรมการบรรเทาสาธารณภัย ว่าได้สั่งการให้เข้าไปช่วยเหลือพี่น้องประชาชนตามข้อสั่งการนายกรัฐมนตรีโดยด่วน และให้กระทรวงสาธารณสุข ลงพื้นที่เพื่อเก็บตัวอย่างน้ำมาตรวจ ลดความกลัวในเรื่องน้ำที่มีสารปนเปื้อน และให้ตรวจเช็คสุขภาพ ร่างกายพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบ พร้อมเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดต่อไป 

ขณะที่นายวรายุทธ ค่อมบุญ นายอำเภอแม่สาย กล่าวว่ามวลน้ำที่มีมากทำให้ล้นบิ๊กแบ็คขึ้นมา ส่งผลให้เข้าท่วมพื้นที่ดังกล่าว  นอกจากนี้ ช่วงน้ำท่วมยังมีวัชพืชและขอนไม้ไหลมาติดสะพานอีก ทำให้ต้องเร่งนำเอาวัชพืชและขอนไม้ออกเพื่อให้น้ำไหลระบายได้สะดวก นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังได้ระดมบิ๊กแบ็คเพิ่มเติมเพื่อนำไปป้องกันบริเวณริมฝั่งชุมชนเกาะทรายและไม้ลุงขนต่อไป ทั้งนี้ ภายหลังน้ำลดจะมีการลงพื้นที่ เพื่อเร่งเจรจากับชาวบ้านที่ยังคงเหลืออาศัยอยู่ริมฝั่งอีก 8-9 ราย ให้ย้ายออกและทำการรื้อถอน เพื่อจะได้สร้างแนวพนังกั้นน้ำ รวมทั้งยังจะทำให้แม่น้ำมีความกว้างมากขึ้น

ส่วนกรณีมีการตรวจพบน้ำว่ามีสารปนเปื้อนนั้น ได้ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรับทราบแล้ว หากพบว่ามีอาการแผลตุ่มให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ รวมถึงแนะนำให้ประชาชนที่ยังอาศัยอยู่ริมฝั่งแม่น้ำ ซึ่งปัจจุบันเหลืออยู่เพียงไม่มากนัก ให้ไปพักอาศัยอยู่ตามสถานที่ที่จัดเตรียมไว้ให้เป็นการชั่วคราว ซึ่งทางเทศบาล ต.แม่สาย ได้จัดสถานที่เอาไว้ที่วัดพรหมวิหาร หอประชุม อ.แม่สาย และภายในสำนักงานเทศบาลแม่สาย จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย

“นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ปฏิบัติการตามข้อสั่งการของนายกฯ โดยสั่งให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ประสานกับหน่วยทหาร และสาธารณสุข ร่วมกับทางมหาดไทยเร่งแก้ไขโดยด่วน รวมทั้งนี้นายกรัฐมนตรี ได้กำชับไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดในภาคเหนือซึ่งเป็นพื้นที่เสี่ยงการเกิดอุทกภัย ต้องเตรียมความพร้อมรับมือให้ทันกับสถานการณ์ และให้ประสานกับผู้บริหารส่วนท้องถิ่นเพื่อให้ความช่วยเหลือประชาชน และหากต้องประกาศพื้นที่ภัยพิบัติให้ทำทันที ส่วนเรื่องสารปนเปื้อนในแม่น้ำสาย และแม่น้ำกกนั้น ให้ประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการเพื่อไม่ให้ประชาชนได้รับผลกระทบ“ นายจิรายุ กล่าว

หนุ่มโชคดี โพสต์ประทับใจ!! ‘กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ’ ได้เห็นที่สนามบิน!! ทุกครั้งคือ บินไปทรงงาน ไม่ใช่การพักผ่อน

(24 พ.ค. 68) ผู้ใช้เฟซบุ๊ก ‘Pathom Indarodom’ ได้โพสต์ข้อความสุดประทับใจ เกี่ยวกับ ‘กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ’ โดยมีใจความว่า ...

จะมีสักกี่ครั้งในชีวิตกัน ที่เราเดินอยู่ในสนามบิน แล้วหันไปเห็นใครสักคนที่รู้จัก… หนึ่งครั้ง? สองครั้ง? ห้าครั้ง? ก็ขึ้นอยู่กับว่าเราบินบ่อยแค่ไหน
สำหรับผม… ไมล์สะสมมีพอให้แลกโดนัท ไม่ใช่ตั๋วเครื่องบิน โอกาสจะเจอคนรู้จักในสนามบินจึงน้อยมาก (น้อยยิ่งกว่าความหวังว่าจะได้ที่นั่งริมหน้าต่างโดยไม่ต้องเสียเงินเพิ่ม)

แต่เชื่อไหมครับว่า ผมเคย “บังเอิญ” เจอคน ๆ หนึ่งถึง 5 ครั้ง คนที่ว่านั้นไม่ใช่เพื่อนเก่า ไม่ใช่ญาติ ไม่ใช่คนในเฟซบุ๊กที่ยังไม่เคยเจอกันจริงๆ ด้วยซ้ำ

แต่เป็น “กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ” ใช่ครับ… พระองค์ท่าน

ทุกครั้งที่เจอ เป็นสนามบินต่างจังหวัดที่พระองค์ฯ เสด็จไปทรงงาน โดยครั้งล่าสุดนี้คือสนามบินสุราษฎร์ธานีเมื่อวานนี้เอง

3 สนามบิน 5 ช่วงเวลา 5 ภารกิจ ไม่มีครั้งไหนเลยที่ผมเห็นพระองค์เดินทางเพื่อพักผ่อนหรือส่วนพระองค์ ทุกครั้งคือการเสด็จไป “ทรงงาน”
ผมไม่ใช่คนเชื่อเรื่อง “โชคชะตา” เท่าไร แต่เจอถึง 5 ครั้ง ทั้งที่ผมเดินทางปีละไม่กี่ครั้ง — แบบนี้จะไม่ให้คิดได้ยังไงครับว่าพระองค์ทรงงานมากขนาดไหน

บางคนอาจโชคดีที่ได้สะสมไมล์จนได้อัพเกรดตั๋วเป็นประจำ แต่สำหรับผม… โชคดีที่สุด คือการได้เห็นแบบอย่างของความเสียสละและความทุ่มเทอย่างแท้จริง แม้เพียงแค่ผ่านไปในสนามบินครับ

ทรงพระเจริญ

‘NEX POINT’ โลจิสติกส์ที่เป็นมิตรกับ ‘สิ่งแวดล้อม’ สนับสนุน!! กิจกรรมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมเมืองภูเก็ต

(24 พ.ค. 68) บริษัท เน็กซ์ พอยท์ จำกัด (มหาชน) ผู้นำอุตสาหกรรมยานยนต์เชิงพาณิชย์แบบครบวงจรเพียงหนึ่งเดียวในประเทศไทย ได้ส่งรถบัสโดยสารซึ่งเป็นรถที่ใช้พลังงานไฟฟ้า ไม่ก่อให้เกิดมลพิษทางอากาศ และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ใช้เป็นรถประกอบการขนส่งผู้โดยสาร อำนวยความสะดวกแก่ประชาชน และนักท่องเที่ยวได้ใช้บริการรถโดยสารสาธารณะที่มีคุณภาพและมีความปลอดภัย เพื่อเข้าร่วมสนับสนุนกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม และสร้างภาพลักษณ์   ที่ดีงดงามของจังหวัดภูเก็ตในเวทีระดับสากล ซึ่งงานนี้จัดโดยสมาคมเพอรานากันประเทศไทย ร่วมกับ องค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ตเทศบาลนครภูเก็ต การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวภูเก็ต และภาคีเครือข่าย  โดยกิจกรรมปีนี้ ได้ยกระดับการท่องเที่ยวทุกรูปแบบในเกาะภูเก็ตอย่างเต็มรูปแบบ

อนึ่ง ทางบริษัท เน็กซ์ พอยท์ จำกัด (มหาชน)  ได้ที่มีโอกาสนำรถบัสไฟฟ้า เข้าร่วมงานดังกล่าว ซึ่งทาง เน็กซ์ พอยท์ คำนึงถึงคำว่า “โลจิสติกส์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม”  จึงมีความมุ่งมั่น พยายาม และตั้งใจในการขยายเครือข่าย สร้างความสัมพันธ์กับองค์กรธุรกิจทั้งภาครัฐ และเอกชน เพื่อพัฒนางานให้สอดคล้องกับแนวคิดเพื่อสังคมไทยที่น่าอยู่กับการทำธุรกิจยุคใหม่ ที่ห่วงใย ใส่ใจ และเป็นมิตรที่ดีต่อสิ่งแวดล้อม อีกทั้งยัง ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ช่วยให้จัดการระบบขนส่งเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่ง “Green Logistics”  คือ กุญแจทองสำคัญที่จะนำพาอุตสาหกรรม  โลจิสติกส์ และโลกของเราไปสู่อนาคตที่ยั่งยืน

‘เอกนัฏ’ ส่งทีมบุกโรงงานศูนย์เหรียญพื้นที่ฟรีโซน พบเถื่อนทุกตรงทั้งลอบเปิดกิจการ - แรงงานต่างด้าว

‘เอกนัฏ’ ส่ง ‘ทีมสุดซอย’ บุกตรวจจับโรงงานศูนย์เหรียญที่ซุกในพื้นที่ฟรีโซน พบเถื่อนทุกตรง ตั้งแต่ลอบเปิดกิจการยันแรงงานต่างด้าว ซ้ำยังนำเข้าเศษอลูมิเนียมปนเปื้อนขยะอิเล็กทรอนิกส์กว่า 1,600 ตัน

(23 พ.ค. 68) นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า กระทรวงอุตสาหกรรมได้รับการประสานจากกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) โดยการอำนวยการของ พล.ต.ต.วัชรินทร์ พูสิทธิ์ ผบก.ปทส.แจ้งว่าจะนำหมายค้นจากศาลจังหวัดชลบุรี เข้าตรวจสอบ บริษัท เมทัล เซ็นทรัล จำกัด ในพื้นที่เขตปลอดอากร (Free Zone) ตำบลหนองเหียง อำเภอพนัสนินิคม จังหวัดชลบุรี เนื่องจากมีเบาะแสว่ากระทำการขัดกฎหมายหลายประการ จึงได้มอบหมายให้ นางสาวฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ หัวหน้าคณะทำงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และหัวหน้าชุดตรวจการณ์สุดซอย หรือ ทีมสุดซอย กระทรวงอุตสาหกรรม พร้อมกรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) ร่วมปฏิบัติการกับเจ้าหน้าที่ บก.ปทส.โดยมีผู้แทนผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี และเจ้าหน้าที่สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดชลบุรี ร่วมด้วย

นายเอกนัฏ กล่าวต่อว่า เบื้องต้นได้รับรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตรวจพบการกระทำความผิดหลายฐานความผิดในกฎหมายหลายฉบับ ทั้งลักลอบประกอบกิจการ ขยายเครื่องจักร ครอบครองวัตถุอันตรายโดยไม่ได้รับอนุญาต ปล่อยน้ำเสียที่ไม่ได้บำบัดลงแหล่งน้ำธรรมชาติ และใช้แรงงานเถื่อน เป็นต้น ในส่วนความผิดภายใต้อำนาจของกระทรวงฯ ก็ได้ให้นโยบายเป็นหลักปฏิบัติไว้แล้วว่า ต้องใช้อำนาจตามกฎหมายสั่งหยุดกิจกรรมใดๆ ที่ผิดกฎหมายหรือก่อให้เกิดผลกระทบต่อประชาชนในทันที รวมถึงเร่งดำเนินคดีอย่างเด็ดขาด พร้อมขยายผลถึงการกระทำความผิดอื่น หรืออาจเป็นลักษณะทำกันเป็นขบวนการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายในเขตปลอดอากร (Free Zone) ที่ได้รับข้อมูลว่า มีการใช้พื้นที่พิเศษที่ได้รับการยกเว้นภาษีทั้งนำเข้า-ส่งออก เพื่อประโยชน์ทางอากรศุลกากรต่อกิจการต่างๆ ที่เป็นประโยชน์แก่เศรษฐกิจของประเทศ ในการลักลอบกระทำความผิด

"การใช้พื้นที่ฟรีโซน หรือเขตปลอดอากร ที่มีสิทธิประโยชน์ทางภาษี ไม่ได้หมายความว่า มีสิทธิ์ฝ่าฝืนยกเว้นกฎหมายอื่นๆ ของประเทศไทย ซึ่งบริษัทข้ามชาติที่กระทำความผิดก็เข้าข่าย อุตสาหกรรมศูนย์เหรียญ เป็นกิจการที่ไม่ก่อเกิดประโยชน์ให้กับประเทศไทย ทั้งยังสร้างมลพิษ ทำลายทรัพยากรสิ่งแวดล้อม ต้องดำเนินคดีอย่างเด็ดขาด และปราบปรามกวาดล้างให้หมดจากประเทศไทยโดยเร็วที่สุด" นายเอกนัฏ ระบุ

ทางด้าน นางสาวฐิติภัสร์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบพบว่า บริษัท เมทัล เซ็นทรัล จำกัด จดแจ้งทำธุรกิจจำหน่ายผลิตภัณฑ์พลาสติกสำเร็จรูป เป็นผู้ได้รับสิทธิใช้พื้นที่ภายในเขตปลอดอากรเพื่อประกอบกิจการ แต่กลับแบ่งพื้นที่โกดังให้เช่าตั้งโรงงาน พร้อมมีคนไทยรับเป็นนายหน้า บริการเดินเอกสาร ติดต่อราชการ และทำหน้าที่เป็นผู้ประสานงานให้ โดยมีนายหน้าชาวไทยรับเป็นผู้ดูแล คอยประสานให้นักลงทุนชาวจีนมาเช่าพื้นที่ โดยขณะเข้าตรวจสอบภายในพื้นที่โกดัง 4 หลัง 5 อาคาร ซึ่งพบการกระทำความผิด ดังนี้ บริษัท เบต้า แพ็คเกจ โปรดักส์ (ประเทศไทย) จำกัด เช่าพื้นที่ผลิตกล่องและซองจดหมาย และมีเครื่องฉีดขึ้นรูปพลาสติก มีใบอนุญาตโรงงานถูกต้อง แต่ยังไม่ได้แจ้งประกอบกิจการ ถือเป็นการลักลอบประกอบกิจการ อีกทั้งยังขยายกำลังเครื่องจักรเกินกว่าที่ได้รับอนุญาต เจ้าหน้าที่จึงได้อายัดเครื่องจักรและดำเนินคดีตามกฎหมาย

บริษัท แคท เมทัล อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เช่าพื้นที่โกดังที่เหลือและเครื่องจักร ไม่มีใบอนุญาตโรงงาน และจ้างแรงงานต่างด้าวที่ลักลอบหลบหนีเข้าเมืองมาทำงานคัดแยกเศษอลูมิเนียมปนเปื้อน แผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ เศษพลาสติก เศษยาง และฝุ่น ซึ่งสามารถยึดอายัดได้รวมกว่า 1,600 ตัน ผู้ดูแลโรงงานให้การว่า อลูมิเนียมที่คัดแยกแล้วจะส่งต่อไปยังประเทศจีน ส่วนแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ยังไม่สามารถระบุปลายทางได้ ขณะที่เศษพลาสติก เศษยาง และฝุ่น จะนำมาบดย่อยใส่ถุงบิ๊กแบ๊กกองทิ้งไว้ด้านหลังโรงงาน เจ้าหน้าที่ได้สั่งหยุดกิจการทันที และดำเนินคดีในข้อหาตั้งและประกอบกิจการโดยไม่ได้รับอนุญาต รวมถึงข้อหาครอบครองวัตถุอันตรายโดยไม่ได้รับอนุญาตกับทั้งบริษัท เมทัล เซ็นทรัล จำกัด ในฐานะเจ้าของโกดัง และบริษัท แคท เมทัล อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ในฐานะผู้นำเข้า

เจ้าหน้าที่ยังพบว่าโรงงานมีการแอบต่อท่อระบายน้ำเสียโดยตรงออกนอกโรงงานไปยังแหล่งน้ำสาธารณะ องค์การบริหารส่วนตำบลหนองเหียง เจ้าของพื้นที่ ได้สั่งระงับการปล่อยน้ำและดำเนินคดีตามกฎหมายสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม โดย กรอ.ได้ให้ศูนย์วิจัยและเตือนภัยมลพิษโรงงานภาคตะวันออก กรอ.เก็บตัวอย่างเศษพลาสติก และเศษยางบดย่อยในบิ๊กแบ๊ก พร้อมตัวอย่างน้ำไปตรวจสอบ หากพบการปนเปื้อนค่าโลหะหนัก จะดำเนินคดีเพิ่มเติมต่อไป

นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ศุลกากร ซึ่งดูแลพื้นที่ปลอดอากรได้สั่งระงับการนำเข้าสินค้าในพื้นที่ปลอดอากรของบริษัท เมทัล เซ็นทรัล จำกัด ทันที และตำรวจตรวจคนเข้าเมืองตรวจพบว่ามีแรงงานลักลอบเข้าประเทศจำนวน 14 ราย ซึ่งได้ดำเนินการจับกุมเพื่อดำเนินคดีและผลักดันแรงงานออกนอกประเทศ พร้อมดำเนินคดีกับนายจ้างในข้อหาฝ่าฝืนกฎหมายจ้างคนต่างด้าวลักลอบเข้าเมืองทำงานโดยไม่มีใบอนุญาต

ปฏิบัติการครั้งนี้สืบเนื่องจาก บก.ปทส.ได้รับเบาะแสจากประชาชนผ่านสายด่วน บก.ปทส.ว่ามีโรงงานก่อมลพิษ จึงได้สังเกตการณ์จนได้ข้อมูลหลักฐานเพียงพอ จึงขอหมายค้นเข้าตรวจสอบ และประสานมายัง ทีมสุดซอย ร่วมภารกิจ ถือเป็นความร่วมมือทั้งในส่วนของบุคลากร และการบังคับใช้กฎหมายร่วมกันอย่างบูรณาการ จนสามารถปฏิบัติภารกิจสำเร็จลุล่วง ที่สำคัญคือ หยุดยั้งการกระทำผิดที่กระทบต่อสวัสดิภาพสุขอนามัยของประชาชนได้อย่างทันท่วงที หากประชาชนมีเบาะแสเกี่ยวกับโรงงานเถื่อน โรงงานปล่อยมลพิษสามารถแจ้งมาได้ที่แอป Traffy Fondue ผ่านระบบแจ้งอุตได้ตลอด 24 ชั่วโมง

บีโอไอ ร่วมพิธีเปิดอาคาร True IDC พร้อมมอบบัตรส่งเสริมการลงทุน

เมื่อวันที่ (22 พ.ค.68) นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) (ขวา) เข้าร่วมพิธีเปิดอาคาร Data Center True IDC East Bangna Campus และมอบบัตรส่งเสริมการลงทุนแก่ บริษัท ทรู อินเทอร์เน็ต ดาต้า เซ็นเตอร์ จำกัด (True IDC) ในกิจการ Data Center เพื่อให้บริการด้าน Data Center และ Cloud Service และถือเป็นผู้ให้บริการด้าน Data Center ระดับ Hyperscale รายแรกของประเทศไทย โดยมีนายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหาร เครือเจริญโภคภัณฑ์ (CP Group) (ซ้าย) เป็นผู้รับมอบอาคาร Data Center ระดับ Hyperscale แห่งนี้ เป็นก้าวสำคัญของบริษัทไทยและประเทศไทยในการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล ซึ่งจะมีบทบาทสำคัญในการผลักดันให้ไทยก้าวขึ้นเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจดิจิทัลของภูมิภาค เป็นประเทศที่พร้อมรองรับการลงทุนในอุตสาหกรรมดิจิทัลและอุตสาหกรรมที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีในอนาคต

ศาลยกฟ้องแซน-กระติก-ภีม ชี้หลักฐานไม่พอ ‘จ๊อบ’ เจอคุก 6 เดือนฐานทำลายหลักฐาน แต่รอลงอาญา

(23 พ.ค. 68) ศาลจังหวัดนนทบุรีมีคำพิพากษาคดีการเสียชีวิตของ น.ส.ภัทรธิดา หรือแตงโม พัชรวีระพงษ์ ดาราสาวที่พลัดตกเรือ โดยแยกฟ้องออกจากคดีของ 'ปอ' และ 'โรเบิร์ต' ซึ่งรับสารภาพไปก่อนแล้ว ในส่วนนี้มีจำเลย 4 คน ได้แก่ แซน วิศาพัช, กระติก อิจศรินทร์, จ๊อบ นิทัศน์ และ ภีม ธรรมธีรศรี

ศาลมีคำตัดสินยกฟ้องจำเลย 3 ราย ได้แก่ แซน, กระติก และ ภีม โดยให้เหตุผลว่าพยานหลักฐานไม่เพียงพอในการพิสูจน์ความผิดตามที่พนักงานอัยการฟ้องร้อง

ขณะที่ จ๊อบ นิทัศน์ ถูกตัดสินจำคุก 6 เดือน ปรับรวม 24,000 บาท จากความผิดฐานทำลายพยานหลักฐาน และทิ้งสิ่งของลงแม่น้ำเจ้าพระยา อย่างไรก็ตาม ศาลให้รอลงอาญาโทษจำคุกทั้งหมด

ศาลอุทธรณ์สั่งจำคุก 1 เดือน ‘เดวิด ฝรั่งเตะหมอ’ เจ้าของปางช้าง ไม่รอลงอาญา!!..แต่เจ้าตัวเผ่นหนีออกนอกประเทศแล้ว

(23 พ.ค.68) นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีต สส.พัทลุง ในฐานะทนายความของ พญ.ธารดาว จันทร์ดำ หรือหมอปาย เปิดเผยว่า ศาลอุทธรณ์ภาค 8 ได้พิพากษากลับคำพิพากษาศาลแขวงภูเก็ต สั่งจำคุก 1 เดือน โดยไม่รอลงอาญา แก่นายเดวิด ชาวสวิส เจ้าของปางช้างภูเก็ต ฐานทำร้ายร่างกายหมอปายเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2567 ที่หน้าวิลล่าหรูในภูเก็ต

ศาลเห็นว่าการกระทำของจำเลยเป็นการทำร้ายร่างกายอย่างร้ายแรงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 391 ซึ่งจากการสอบสวนพบว่า ขณะเกิดเหตุจำเลยได้เตะเข้าที่หลังผู้เสียหาย พร้อมตะโกนด่าด้วยถ้อยคำหยาบคาย ขณะเธอนั่งอยู่บริเวณบันไดหน้าบ้านพัก

อย่างไรก็ตาม จำเลยไม่ได้มาศาลในวันพิพากษา และเชื่อว่าได้หลบหนีออกนอกประเทศแล้ว ทนายเผยรับทำคดีนี้โดยไม่คิดค่าตอบแทนใด ๆ เพื่อยืนหยัดในความยุติธรรมให้กับคุณหมอ และความรู้สึกของคนไทยทุกคนที่เฝ้าติดตามคดีนี้อย่างใกล้ชิด

เชียงใหม่-ตรวจเยี่ยมการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด กองทัพอากาศ ประจำปีงบประมาณ 2568

เมื่อวานนี้ (22 พ.ค.68) พลอากาศเอก วชิระพล เมืองน้อย เสนาธิการทหารอากาศ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันและปราบปรามยาเสพติด กองทัพอากาศ พร้อมด้วย พลอากาศโท ณรัฐ บุญประเสริฐ เจ้ากรมกิจการพลเรือนทหารอากาศ และคณะฯ ได้เดินทางมาตรวจเยี่ยมการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด กองทัพอากาศ ประจำปีงบประมาณ 2568 โดยมี นาวาอากาศเอก ปรธร จีนะวัฒน์ ผู้บังคับการกองบิน 41 ให้การต้อนรับ ณ ท่าอากาศยานทหาร กองบิน 41 

ในโอกาสนี้ คณะฯ ร่วมรับฟังบรรยายสรุปการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด กองทัพอากาศ ประจำปีงบประมาณ 2568 ของศูนย์ป้องกันและปราบปรามยาเสพติด กองบิน 41 และการดำเนินงานของสถานฟื้นฟูสมรรถภาพพลเมือง กองทัพอากาศ กองบิน 41 จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อประเมินผลการปฏิบัติงานตามแผนที่ได้วางไว้ในช่วงต้นปีงบประมาณ รวมถึงรับฟังปัญหา ข้อขัดข้องและข้อเสนอแนะจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานด้านยาเสพติด 

นอกจากนี้ คณะฯ ได้เดินทางตรวจเยี่ยมโรงพยาบาลกองบิน 41 และสถานฟื้นฟูสมรรถภาพพลเมือง กองทัพอากาศ กองบิน 41 จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อติดตามความคืบหน้าและให้กำลังใจแก่คณะทำงานที่มุ่งมั่นในการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดในทุกมิติ

สธ. จัดงานวันสุขบัญญัติแห่งชาติ 2568 ดึง Gen-H พลังคนรุ่นใหม่ ผนึกกำลัง อสม. ป้องกัน NCDs

กระทรวงสาธารณสุข จัดงานวันสุขบัญญัติแห่งชาติ ปี 2568 ดึงพลังคนรุ่นใหม่ 'อาสาสร้างสุขภาพ' ผนึกกำลัง อสม. ร่วมสื่อสารรณรงค์สร้างความรู้ในการ 'นับคาร์บ' และปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพ ตามหลักสุขบัญญัติ 10 ประการ ลดเสี่ยง ลดป่วยโรคไม่ติดต่อเรื้อรังทั่วไทย

(23 พ.ค.68) ณ อาคารกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (กรม สบส.)กระทรวงสาธารณสุข จังหวัดนนทบุรี นายกองตรี ดร.ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข เปิดงานวันสุขบัญญัติแห่งชาติ ปี 2568 'อาสาสร้างสุขภาพ (Gen - H) รณรงค์เยาวชนไทย ใช้สุขบัญญัติ สกัด NCDs' โดยมี ทันตแพทย์อาคม ประดิษฐสุวรรณ รองอธิบดีกรม สบส. ผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ เลขาธิการสถาบันยุวทัศน์แห่งประเทศไทย และเครือข่ายแกนนำอาสาสร้างสุขภาพ เข้าร่วม

นายกองตรี ดร.ธนกฤตฯ ให้สัมภาษณ์ภายหลังพิธีเปิดฯว่า นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข มุ่งเน้นให้ความสำคัญต่อการส่งเสริมวิถีชีวิตเพื่อสุขภาพที่ดีห่างไกลจากโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) ด้วยการเดินหน้านโยบาย 'คนไทย ห่างไกล NCDs' เสริมองค์ความรู้ในการกินอาหารที่เหมาะสมให้ประชาชนผ่านกิจกรรม 'นับคาร์บ' ซึ่งการสร้างเสริมและปลูกฝังพฤติกรรมสุขภาพที่ถูกต้อง จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน โดยเฉพาะแกนนำสุขภาพในชุมชน มาร่วมสื่อสาร สร้างความตระหนักและพัฒนาทักษะสุขภาพให้ดี โดยมีผลสำเร็จเชิงประจักษ์จากนโยบายนับคาร์บที่มีแกนนำสุขภาพ คือ อสม. เป็นกลไกสำคัญ ซึ่งผลสำรวจโดยกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ พบว่า ร้อยละ 83.91 ของผู้ตอบแบบสำรวจเห็นว่านโยบาย “นับคาร์บ” มีส่วนสำคัญทำให้ตนเองลดการบริโภคแป้งและน้ำตาลลง และร้อยละ 76.91 เห็นว่า อสม. คือกลไกสำคัญที่ช่วยให้ลดการบริโภคอาหารดังกล่าวได้ ข้อมูลนี้ ชี้ให้เห็นว่าพลังของเครือข่ายแกนนำสุขภาพ มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของประชาชน สามารถสร้างแรงขับเคลื่อนทางสังคมให้เกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมได้  ดังนั้น การดึงพลังของเด็กและเยาวชน ซึ่งเป็นพลังแห่งอนาคตมาร่วมสร้างสรรค์สังคมสุขภาพ ภายใต้บทบาทของอาสาสร้างสุขภาพ (Gen-H) ผู้นำการเปลี่ยนแปลงที่พร้อมจะจุดประกายความรู้ ความเข้าใจ และพฤติกรรมที่ดีสู่ครอบครัว โรงเรียน ชุมชน และสังคม ร่วมกับแกนนำสุขภาพอย่างอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน หรือ อสม. ในการรณรงค์เสริมสร้างความรู้ให้ประชาชนมีพฤติกรรมสุขภาพที่ถูกต้อง ตามแนวทางสุขบัญญัติ 10 ประการ ซึ่งตนเชื่อมั่นว่าด้วยความร่วมมือของ 2 แกนนำสุขภาพ ทั้ง อาสาสร้างสุขภาพ และ อสม. จะช่วยให้ประชาชนทุกกลุ่มวัยมีความรู้ความเข้าใจและมีพฤติกรรมสุขภาพที่ถูกต้อง อันจะนำไปสู่การลดจำนวนกลุ่มเสี่ยงและกลุ่มผู้ป่วย NCDs ได้อย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งไม่เพียงแต่จะช่วยให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดี แต่ยังช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพของประเทศได้อย่างมหาศาลอีกด้วย

ด้าน ทันตแพทย์อาคมฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า ข้อมูลจากการเฝ้าระวังพฤติกรรมการกินของเด็กและเยาวชนไทย อายุ 13-25 ปี ของกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ พบว่า เด็กและเยาวชน มากกว่าร้อยละ 70 มีการกินอาหารที่มีไขมันสูง น้ำตาลสูง และโซเดียมสูง เช่น ฟาสต์ฟู้ด อาหารกึ่งสำเร็จรูป น้ำอัดลม และขนมหวาน เป็นประจำอย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 ครั้ง ซึ่งพฤติกรรมการบริโภคดังกล่าว เป็นต้นเหตุสำคัญของโรค NCDs ซึ่งมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในกลุ่มเด็กและเยาวชน โดย สหพันธ์โรคอ้วนโลกคาดการณ์ว่า ภายในปี 2578 เด็ก เยาวชนไทย กว่าร้อยละ 60 จะมีน้ำหนักเกินหรือเป็นโรคอ้วน 

ดังนั้น ในโอกาสวันสุขบัญญัติแห่งชาติปี 2568 กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ จึงตั้งเป้าสร้างความตระหนักและทักษะสุขภาพ ผ่านเครือข่ายสุขภาพที่เข้มแข็ง โดยจัดประกาศนโยบายสร้างและพัฒนา "อาสาสร้างสุขภาพ" (Gen-H) ซึ่งปัจจุบันมีจำนวน 25,682 คน ให้ครอบคลุมทั่วประเทศ และสร้างกระแสในประเด็น “อาสาสร้างสุขภาพ (Gen-H) รณรงค์เยาวชนไทย ใช้สุขบัญญัติ สกัด NCDs : กินได้ กินดี” เชื่อมประสานการดำเนินงานระหว่างอาสาสร้างสุขภาพ และ อสม. เพื่อสื่อสารรณรงค์เสริมสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการ “นับคาร์บ” และปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพตามหลักสุขบัญญัติ 10 ประการ โดยเฉพาะ 3 ข้อสำคัญ ได้แก่ ข้อ 4 การกินอาหารสุก สะอาด ข้อ 5 งดบุหรี่ สุรา สารเสพติด และข้อ 8 ออกกำลังกายและตรวจสุขภาพประจำปี ให้ประชาชนในพื้นที่เกิดการเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพ เพื่อลดจำนวนผู้ป่วย NCDs รายใหม่

สุดยอดนวัตกรรมเครื่องสแกนทุเรียน ตรวจอ่อนแก่-หนอน แม่นยำ 95% ใน 3 วินาที

เผยโฉมนวัตกรรมเครื่องคัดแยกความอ่อน-แก่ และหนอนเจาะทุเรียนด้วยเทคนิค CT scan สู่การนำไปใช้งานจริง หมดปัญหาทุเรียนอ่อน - สุกเกิน ใช้เวลาเพียง 3 วินาที แม่นยำถึง 95%

นางสาวศิริกร วิวรวงษ์ รองผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (สวก.) เปิดเผยถึงการนำเทคโนโลยีผลงานวิจัย “เครื่องคัดแยกความอ่อน-แก่ และหนอนเจาะทุเรียนด้วยเทคนิค CT scan” สู่การนำไปใช้งานจริง ณ โรงคัดบรรจุเอ็นทีเอฟ อินเตอร์กรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ ล้งถุงถังทอง จังหวัดจันทบุรี พร้อมให้ข้อมูลว่า สวก. ได้สนับสนุนทุนการวิจัยแก่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี ในการดำเนินโครงการ การออกแบบเครื่องคัดแยกความอ่อน-แก่ และหนอนเจาะทุเรียนด้วยเทคนิค CT scan ร่วมกับการประมวลผลผ่านโครงข่ายประสาทเทียมเชิงลึก ที่มีการทดสอบในระดับห้องปฏิบัติการแล้วมาใช้จริงในโรงคัดบรรจุจริง เพื่อเป็นการนำร่องในการเผยแพร่งานวิจัยสู่ประโยชน์ของเกษตรกรและผู้ประกอบการได้จริง สร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภคว่าทุเรียนของไทยมีคุณภาพ

ด้านรศ.ดร.ชาญชัย ทองโสภา วิศวกรรมอิเล็กทรอนิกส์ สำนักวิศวกรรม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี หัวหน้าโครงการฯ กล่าวว่า การนำเครื่อง CT-Scan ตกรุ่นปลดระวางจากบริษัทเอกชนที่ให้บริการด้านเครื่องมือแพทย์ มาพัฒนาเป็นเครื่องต้นแบบสำหรับตรวจสอบความอ่อน - แก่ และหนอนในทุเรียนได้อย่างชัดเจนด้วยเทคนิค CT-Scan ที่สามารถสแกนภาพทุเรียนด้วยความละเอียดสูง โดยแต่ละเฟรมจะแสดงค่า CT-Numbers ที่บ่งบอกถึงความหนาแน่นของเนื้อทุเรียน ทำให้ตรวจสอบคุณภาพภายในผลทุเรียนโดยไม่ต้องผ่าและใช้เวลาสแกนเพียง 3 วินาที หรือ 1,200 ลูก/ชั่วโมง

และด้วยระบบ AI ที่พัฒนาขึ้นเฉพาะให้ทำงานร่วมกันจะช่วยประมวลผลแยกความอ่อน–แก่ ตรวจหาหนอน ได้แม่นยำถึง 95% รวมถึงสามารถตรวจพบเนื้อที่มีความผิดปกติ เช่น เนื้อเต่าเผา เนื้อลายเสือ เป็นปัญหาที่สร้างความเสียหายให้ทุเรียนไทย 100 % ซึ่งที่ผ่านมาไทยยังไม่มีการพัฒนาเทคโนโลยีที่สามารถตรวจจับได้

ไทยกำลังเป็น 'รัฐล้มเหลว' หรือเพียงแค่ 'รัฐกระดาษ'? บทวิเคราะห์จากผู้เขียน Why Nations Fail

(23 พ.ค. 68) ประเทศไทยกำลังเผชิญแรงกดดันจากทั้งเศรษฐกิจและการเมือง ท่ามกลางความไม่แน่นอน Moody’s ปรับมุมมองเครดิตไทยเป็น 'เชิงลบ' ส่วน IMF ลดคาดการณ์ GDP ปี 2025 เหลือเพียง 1.8% ขณะที่ภาคสังคมยังตั้งคำถามต่อประสิทธิภาพของกลไกรัฐและการบังคับใช้กฎหมาย

ในบทสัมภาษณ์พิเศษกับ BBC Thai ศ.เจมส์ เอ. โรบินสัน นักเศรษฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยชิคาโก ผู้ร่วมเขียนหนังสือ Why Nations Fail ชี้ว่า ไทยยังคงมี 'สถาบันแบบแสวงหาประโยชน์' (extractive institutions) ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการเติบโตอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะบทบาทของกองทัพที่ยังไม่ถอนตัวจากการเมืองอย่างแท้จริง

ศ.เจมส์ เอ. โรบินสัน เปรียบเทียบประเทศไทยกับ 'รัฐกระดาษ' (Paper Leviathan) ซึ่งแม้จะมีโครงสร้างและกฎหมายครบถ้วน แต่กลับไร้ประสิทธิภาพและตรวจสอบได้ยาก สถานะนี้พบในประเทศอย่างอาร์เจนตินา ซึ่งรายได้ต่อหัวใกล้เคียงกับไทย แต่ยังไม่สามารถหลุดพ้นจากวงจรคอร์รัปชันและระบบอุปถัมภ์ได้

อย่างไรก็ดี เขาชี้ว่าไทยยังไม่หลุดออกจาก 'ระเบียงแคบ' หรือเส้นทางที่รัฐและสังคมสามารถเติบโตไปด้วยกันได้ หากสามารถเปลี่ยนแปลงโครงสร้างที่ขัดขวางความครอบคลุมและความโปร่งใส ไทยยังมีโอกาสพัฒนาได้ในระยะยาว

สิ่งที่สำคัญที่สุดในมุมมองของเขาคือ การกล้าถามถึงบทบาทของสถาบันต่าง ๆ ในสังคม และเปิดเวทีให้สาธารณชนมีส่วนร่วมในการนิยามอนาคตของประเทศ

นครพนม​ -​ตชด.237 จับหนุ่มโพนสวรรค์ ใช้รถกระบะขนยาบ้า 3.1 ล้านเม็ด  

เมื่อวันที่ (22 พ.ค.68) ที่กองร้อย ตชด. 237 จ.นครพนม พล.ต.ต.ดร.กิตติศักดิ์ ปลาทอง ผบก.ตชด.ภาค 2  พ.อ. ศิวดล  ยาคล้าย ผบ.บก.ควบคุมที่ 1 (ร.3) กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี และ พ.ต.อ.วุทธยา สิงห์กิ้ง ผกก.ตชด.23 ร่วมแถลงข่าวเจ้าหน้าที่จับกุมผู้ค้ายาเสพติดพร้อมของกลางยาบ้า จำนวน 3,182,000 เม็ด และรถกระบะ 1 คัน

สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2568 เวลาประมาณ 21.00 น. ร.ต.อ.จรณ์ แก้วคำแสน หัวหน้าชุดปฏิบัติการข่าว ร้อย ตชด.237 ได้รับแจ้งจากแหล่งข่าวว่าจะมีขบวนการค้ายาเสพติดลักลอบนำยาบ้าเข้ามาในพื้นที่ จึงได้นำกำลังเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบบริเวณริมทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 2032 สายบ้านท่าดอกแก้ว - อำเภอศรีสงคราม จังหวัดนครพนม ใกล้หลักกิโลเมตรที่ 2-3 พบชายต้องสงสัยชื่อ นายเฉลิม (สงวนนามสกุล) อยู่บ้านโพนเจริญ หมู่ที่ 10 ต.โพนจาน อ.โพนสวรรค์ จ.นครพนม ขับรถกระบะมิตซูบิชิ สีขาว ทะเบียน ฒห 9613 กรุงเทพมหานคร จึงได้ขออนุญาตตรวจค้นภายในรถยนต์ห่อพบยาบ้าจำนวน 1,591 มัดภายในบรรจุยาบ้าจำนวน 3,182,000 เม็ด จึงทำการตรวจยึดไว้เป็นของกลาง และแจ้งข้อกล่าวหานายเฉลิมว่า “จำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (เมทแอมเฟตามีน) โดยมีลักษณะการกระทำเพื่อการค้า ก่อให้เกิดการแพร่ระบาดในกลุ่มประชาชน ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐและความปลอดภัยของประชาชน โดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย” จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลาง ส่งพนักงานสอบสวน สภ.ท่าอุเทน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

‘อธิการบดี’ ยืนยัน มธ. มีของเยอะ งานวิจัยและนวัตกรรมเพียบ อปท. ไหนต้องการให้ซัปพอร์ต-สนใจอยากนำไปต่อยอดรับมือสังคมสูงวัย

‘ธรรมศาสตร์’ ประกาศความพร้อมดูแลคนไทยในสังคมสูงวัย ด้วยการบูรณาการทรัพยากรจากหลากหลายคณะเป็น ONE TU เพื่อเป็นกลไกสนับสนุนทางด้านบริการวิชาการ-บริการสังคม ‘อธิการบดี’ ยืนยัน มธ. มีของเยอะ งานวิจัยและนวัตกรรมเพียบ อปท. ไหนต้องการให้ซัปพอร์ต-สนใจอยากนำไปต่อยอด ให้ประสานเข้ามาพูดคุยกันผ่าน 4 ศูนย์ 'ท่าพระจันทร์-รังสิต-พัทยา-ลำปาง'

ศ. ดร.ศุภสวัสดิ์ ชัชวาลย์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) เปิดเผยว่า มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ประกาศความพร้อมในการเป็นกลไกสนับสนุนให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) จัดบริการดูแลประชาชน โดยเฉพาะในสถานการณ์สังคมสูงวัย โดยเบื้องต้นหาก อปท. ใดต้องการการสนับสนุน ไม่ว่าจะเป็นองค์ความรู้ งานวิจัยและนวัตกรรมต่าง ๆ ตลอดจนหลักสูตรการพัฒนาบุคลากรสุขภาพ สามารถเข้ามาพูดคุยหรือเข้ามาทำความร่วมมือกับ มธ. ได้ ผ่านทั้ง 4 ศูนย์ ได้แก่ พื้นที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) ณ ท่าพระจันทร์ พื้นที่ จ.ปทุมธานี ณ ศูนย์รังสิต พื้นที่ จ.ชลบุรี ณ ศูนย์พัทยา และพื้นที่ จ.ลำปาง ณ ศูนย์ลำปาง

ศ. ดร.ศุภสวัสดิ์ กล่าวว่า บทบาทสำคัญในการดูแลผู้สูงอายุในปัจจุบันจะอยู่ที่ชุมชนและหน่วยบริการระดับปฐมภูมิเป็นหลัก ซึ่งเป็นแน่นอนว่ามีความสัมพันธ์โดยตรงกับอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ผู้ดูแลสุขภาพ (Caregiver) อปท. ทุกระดับ ไม่ว่าจะเป็น กทม. องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ที่รับการถ่ายโอนโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) มาบริหารจัดการ ตลอดจนองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) และเทศบาล หากท้องถิ่นใดหรือหน่วยบริการใดต้องการการสนับสนุนทางวิชาการ งานวิจัยและนวัตกรรม การพัฒนาบุคลากร ฯลฯ มธ.ยินดีสนับสนุน

“ผมอยากจะเรียนว่าธรรมศาสตร์มีของเป็นจำนวนมาก ที่ผ่านมาเรามีการจัดบริการวิชาการ การจัดบริการสังคม การดูแลชุมชนผ่านโครงการต่างๆ ซึ่งหากของของเราตรงกับความต้องการของแต่ละพื้นที่ก็อยากให้ท่านลองประสานเข้ามา” อธิการบดี มธ. กล่าว

ศ. ดร.ศุภสวัสดิ์ กล่าวต่อไปว่า ปัจจุบัน มธ. มีงานวิจัยจำนวนมากที่เกี่ยวข้องกับการดูแลผู้สูงอายุ ทั้งในระดับบุคลากร ระดับสังคม และระดับนโยบาย ซึ่งการจะแปลงงานวิจัยไปใช้ให้เกิดประโยชน์ได้จริงนั้น 1. ผู้ประกอบการจะต้องเห็นประโยชน์และมีการติดต่อขอนำไปใช้ประโยชน์ ซึ่งในส่วนนี้จะเป็นการทำเป็นครั้งๆ และจบไป 2. การนำงานวิจัยที่มีประโยชน์ต่อสาธารณะไปพัฒนาต่อ โดยกรณีนี้ต้องได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลที่เป็นผู้ที่มีทรัพยากรมากกว่า และกำหนดนโยบายในการสนับสนุนได้ 3. การที่ อปท. เห็นความสำคัญและต้องการนำงานวิจัยหรือนวัตกรรมไปใช้ดูแลประชาชนในพื้นที่ โดยในส่วนนี้เชื่อว่าเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ไม่ยาก และอยู่ในวิสัยที่จะทำงานร่วมกันได้ทันที

“เรามีงานวิจัยและนวัตกรรม ทาง อปท. มีพันธกิจในการดูแลประชาชน ฉะนั้นสิ่งสำคัญคือต้องสร้างกลไกเชื่อมโยงระหว่างท้องถิ่นกับสถาบันการศึกษาให้เกิดขึ้นจริง เพื่อให้องค์ความรู้หรืองานวิจัยและนวัตกรรมที่มีอยู่ถูกนำไปใช้ได้จริง และเป็นประโยชน์ต่อคนในพื้นที่จริงๆ” ศ. ดร.ศุภสวัสดิ์ กล่าว

ศ. ดร.ศุภสวัสดิ์ กล่าวอีกว่า ความร่วมมือระหว่างสถานศึกษากับ อปท. ทำได้ในหลายรูปแบบ ตัวอย่างหนึ่งคือเมื่อช่วงเดือน ก.ย. ที่ผ่านมา ธรรมศาสตร์จัดงานแสดงนวัตกรรมการป้องกันพลัดตกหกล้มในผู้สูงอายุ เราก็ได้หารือกับ กทม.ว่า เรามีงานวิจัยและนวัตกรรมประมาณนี้ ถ้า กทม.สนใจเราพร้อมพัฒนาต่อให้ กทม.ก็สนใจและได้จัดสรรงบประมาณมา สุดท้ายงานนี้ก็ถูกนำไปใช้ในโรงพยาบาลผู้สูงอายุ กทม. เหล่านี้เป็นตัวอย่างหนึ่งของความร่วมมือที่เกิดขึ้นได้ทันที 

ศ.ดร.ศุภสวัสดิ์ กล่าวด้วยว่า สำหรับสังคมสูงวัยในอีก 10-15 ปีข้างหน้า ที่สัดส่วนประชากรสูงวัยในประเทศไทยจะเป็น 1 ใน 3 ของประชากรทั้งหมดนั้น เป็นสิ่งที่รัฐบาลต้องคิดกันอย่างจริงจัง ซึ่งไม่ใช่แค่รัฐบาลปัจจุบัน แต่ต้องแผนระยะยาวในการขับเคลื่อน ที่ผ่านมาเรามีการพูดกันถึงประเด็นยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี  คำถามคือในยุทธศาสตร์เรามีพูดเรื่องพวกนี้มากเพียงใด ถ้ายังไม่พูดก็ควรต้องพูดและต้องทำตามที่เขียนเอาไว้

บึงกาฬ ทหารเรือ นรข.ร่วมหน่วยความมั่นคงแถลงตรวจยึดยาไอซ์เกรดเอ 344 กก. มูลค่า 344 ล้านบาท

เมื่อเวลา 14.00 น.วันที่ (22 พ.ค. 68) ที่หน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขงเขตหนองคาย สถานีเรือบึงกาฬ ต.วิศิษฐ์ อ.เมืองบึงกาฬ จ.บึงกาฬ ตามนโยบายของรัฐบาล และ พล.ร.อ.จิรพล ว่องวิทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ ในการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดนั้น พล.ร.ต.ณรงค์ เอมดี ผบ.นรข. นายวรพันธ์ ชำนิยันต์ ปลัดจังหวัดบึงกาฬ เป็นประธานร่วมแถลงข่าวการตรวจยึดยาไอซ์ จำนวน 344 กิโลกรัม พร้อมผู้ต้องหา 1 ราย ของกลางยาไอซ์ รถยนต์ 1 คัน พร้อมด้วย หัวหน้าหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ประกอบไปด้วย พ.ต.อ.ดำรงค์ศักดิ์ แก้วสมนึก รองผบก.ภ.จว.บึงกาฬ พ.ต.อ.กฤศกร เชื้อสิงห์ ผกก.สส.ภ.จว.บึงกาฬ นายธีรพล ขุนพานเพิง นายอำเภอเมืองบึงกาฬ พ.ต.อ.จตุพร เนวะมาตย์ ผกก.ตม.บึงกาฬ น.ท.โอรส พุทธโค หน.สน.เรือบึงกาฬ เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานจังหวัดบึงกาฬ ผู้แทนตำรวจตชด.244 พ.ต.ต.ประชานารถ แดงเนียม สว.หน.ตำรวจน้ำบึงกาฬ นายด่านศุลกากรบึงกาฬ ทหารพราน2108 ทหารกองกำลังสุรศักดิ์มนตรี และผู้แทน บก.อส.จ.บึงกาฬ ร่วมแถลงข่าวในครั้งนี้ 

ทั้งนี้เมื่อเวลา 20.30 น. วันที่ 21 พ.ค. ที่ผ่านมา น.ท.โอรส พุทธโค หน.สน.เรือบึงกาฬ แจ้งว่ามีสายข่าวรายงานสืบทราบมาว่าจะมีการขนลักลอบยาเสพติดข้ามฝั่งแม่น้ำโขงพื้นที่ บริเวณริมแม่น้ำโขง ได้รายงาน น.อ.วิศิษฐ์พงศ์ เจริญวิชยเดช ผบ.นรข.เขตหนองคาย ได้ทราบ จึงสั่งการให้ ว่าที่ น.ท.โอรส พุทธโค หน.สน.เรือบึงกาฬ  พร้อมเจ้าหน้าที่ นรข.ได้จัดชุดปฏิบัติการซุ่มเฝ้าตรวจ ออกวางกำลังเข้าตรวจในพื้นที่ริมฝั่งแม่น้ำโขงตลอดแนวคาดว่าจะมีการกระทำผิด ระหว่างหนองเดิ่นท่า-บ้านห้วยเล็บมือ-บ้านภูสวาท ต.หนองเดิ่น ไปจนถึงแยกโรงพยาบาลบุ่งคล้า อ.บุ่งคล้า จ.บึงกาฬ นอกจากนั้นยังมีการชุดสนับสนุนให้อยู่ที่ตั้ง 

ขณะที่แบ่งกำลังซุ่มอยู่ริมโขงบริเวณพื้นที่บ้านหนองเดิ่นท่า ติดริมแม่น้ำโขง ได้ตรวจพบรถเก๋งต้องสงสัยจอดอยู่ชุดปฏิบัติติการเฝ้าตรวจได้ประสานไปยังชุดสนับสนุนให้เฝ้าติดตามรถเก๋งคันดังกล่าว กระทั่งชุดเฝ้าตรวจสะกดรอยติดตามมาเรื่อย ๆ จนมาถึงถนนทางหมายเลข 212 บึงกาฬ-นครพนม ช่วงโรงพยาบาลบุ่งคล้า ทำการส่งสัญญาณเพื่อให้รถคันดังกล่าวให้หยุดรถขอเข้าทำการตรวจค้น ปรากฎว่ารถเก๋งคันดังกล่าวเร่งเครื่องยนต์ขับรถหลบหนี เจ้าหน้าที่จึงขับไล่ตาม กระทั่งรถเก๋งดังกล่าวเสียหลักลงข้างทาง ถึงได้ไปควบคุมตัวตรวจค้นภายในรถยนต์ยี่ห้อ ฮอนด้า CRV สีบรอน-เทา ทะเบียน ขต.3323 อุดรธานี ภายในรถพบของกลางยาไอซ์ จำนวน 9 กระสอบ กระสอบเล็ก 2 กระสอบ กระสอบใหญ่ 7 กระสอบ น้ำหนักประมาณ 344 กิโลกรัม พร้อมผู้ต้องหา 1 ราย ทราบชื่อนายประดิษฐ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 38 ปี ชาวจังหวัดอุดรธานี จึงทำการตรวจยึดของกลางดังกล่าว และจับกุมผู้ต้องหามาทำบันทึกที่ สถานีเรือบึงกาฬ ก่อนนำตัวส่งผู้ต้องหาพร้อมของกลาง ทั้งหมด นำส่งให้กับพนักงานสอบสวน สภ.เมืองบึงกาฬ เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป 

พล.ร.ต.ณรงค์ เอมดี ผบ.นรข. กล่าวว่า สืบเนื่องจากเปิดแผนปฏิบัติการของรัฐบาลในการ ซิล สต๊อป เซฟ และนโยบายผู้บัญชาการทหารเรือที่ให้ นรข.ได้ร่วมบูรณาการกับหน่อยความมั่นคงในพื้นที่ในการสกัดกั้นและปราบปรามการลักลอบลำเลียงนำเข้ายาเสพติดเข้าไปในพื้นที่ชั้นในของประเทศ เป็นความพยายามที่ต้องขอบคุณทุกภาคส่วนในการจับกุมครั้งนี้ด้วยการบูรณาการอย่างแท้จริง ทำให้สถานีเรือบึงกาฬสามารถทำการตรวจยึดจับกุมได้ประสบความสำเร็จ ไม่มีความสูญเสีย จากแหล่งข่าวที่เราได้รับ และเฝ้าติดตาม โดยเราเฝ้าติดตามตั้งแต่สัปดาห์ก่อน ทำให้เราจับยาบ้าได้ครั้งที่ผ่านมา และจับยาไอซ์ได้ในครั้งนี้ 

ต้องขอขอบคุณทุกภาคส่วนที่ได้ร่วมมือกัน และช่วยสกัดกั้นยาเสพติดที่มีปริมาณมูลค่าค่อนข้างสูง จากการตรวจสอบจากตำรวจพิสูจน์หลักฐาน พบว่า ปริมาณค่อนข้างบริสุทธิ์ เมื่อออกจำหน่ายจะมีราคากิโลกรัมละ 1,000,000 บาท รวมทั้งสิ้นที่เราสามารถตรวจยึด มูลค่ากว่า 344 ล้านบาท ผู้ต้องหาได้รับการว่าจ้าง 50,000 บาท หากงานสำเร็จถึงที่หมายคือ จังหวัดหนองคาย จึงต้องขอขอบคุณกำลังพลสถานีเรือบึงกาฬที่ร่วมแรงร่วมใจทำหน้าที่เพื่อประเทศ เพื่อกองทัพเรือ เพื่อพี่น้องประชาชน ไม่ให้ยาเสพติดเข้าไปในพื้นที่ชั้นใน และต้องขอขอบคุณทุกหน่วยที่ร่วมบูรณาการกันจับกุมในครั้งนี้ และในครั้งต่อ ๆ ไป จะได้ร่วมกันทำงานลักษณะเช่นนี้อีกต่อไป เชื่อว่า หากทุกคนร่วมมือกันอย่างจริงจัง การสกัดกั้นและปราบปราม ก็น่าจะได้ประสิทธิภาพเหมือนครั้งนี้

ทัพเรือภาคที่ 1 ให้การต้อนรับคณะสื่อมวลชนเยี่ยมพื้นที่ จัดกิจกรรมเสริมสร้างความเข้าใจ

วันที่ 21–22 พฤษภาคม 2568 ทัพเรือภาคที่ 1 ให้การต้อนรับคณะสื่อมวลชนจากหลากหลายสำนัก เพื่อร่วมเผยแพร่ภารกิจของกองทัพเรือในพื้นที่ภาคตะวันออก พร้อมทั้งส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีของกองทัพเรือสู่สาธารณชน

📍 กิจกรรมวันที่ 21 พฤษภาคม 2568
•เยี่ยมชมเรืออเนกประสงค์ลองใหญ่ ณ อำเภอคลองใหญ่
•เข้าเยี่ยมชมและรับฟังภารกิจจากหน่วยปฏิบัติการเกาะกูด (นปก.เกาะกูล)
•ชมการสาธิตการปฏิบัติการทางทหาร และสำรวจภูมิประเทศ 
•รับฟังบรรยายสรุปภารกิจ เพื่อสร้างความเข้าใจในบทบาทของกองทัพเรือ

📍 กิจกรรมวันที่ 22 พฤษภาคม 2568
•ติดตามภารกิจของชุดเฝ้าตรวจจากกองพันทหารราบ หน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินตราด (พัน.ร.ฉก.นย.ตราด) ในด้านความมั่นคง
•ร่วมกิจกรรม CSR ณ โรงเรียนบ้านอ่าวพร้าว โดยมอบอุปกรณ์การเรียนและกีฬาให้กับนักเรียน
•เยี่ยมชมฐานตราด ทัพเรือภาคที่ 1 พร้อมรับฟังการบรรยายจากหน่วยต่าง ๆ
•ทำข่าวและร่วมชมการสาธิตภารกิจช่วยเหลือผู้ประสบภัยในทะเล

โดยมี พลเรือโท อาภา ชพานนท์ ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 ให้เกียรติร่วมให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น และสนับสนุนการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารต่อสาธารณชน

กิจกรรมตลอด 2 วันนี้ ไม่เพียงแต่สะท้อนให้เห็นถึงความพร้อมของกองทัพเรือในการดูแลความมั่นคงและความปลอดภัยของประชาชนในพื้นที่ แต่ยังแสดงถึงความตั้งใจในการสร้างสัมพันธ์อันดีระหว่างกองทัพเรือและสื่อมวลชน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top