Tuesday, 1 July 2025
NEWS

เปิดตำนาน 25 ปี Hyundai SANTA FE เตรียมเผยโฉม 5th Gen ‘Born in BOXY’

(28 มิ.ย. 68) ฮุนได โมบิลิตี้ (ประเทศไทย) พร้อมสร้างแรงสั่นสะเทือนตลาด SUV ครั้งใหญ่ในไทย เตรียมเผยโฉม 5th Generation Hyundai SANTA FE พลิกภาพจำเดิม ๆ ด้วยดีไซน์ใหม่หมดจด ตั้งแต่ภายนอกจรดภายใน สะท้อนแนวคิดดีไซน์ใหม่ 'Born in BOXY' ที่กล้าแตกต่าง และตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนยุคใหม่ที่ใส่ใจเรื่องดีไซน์อย่างลงตัว

SANTA FE คือหนึ่งใน SUV แถวหน้าของ Hyundai ที่ครองใจผู้ใช้ทั่วโลกมานานกว่า 25 ปี โดดเด่นทั้งดีไซน์ การใช้งานแบบอเนกประสงค์ ความทนทาน และตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่หลากหลาย โดยในปี 2025 นี้ ฮุนไดเตรียมเปิดตัว SANTA FE 5th Generation รถยนต์ SUV ที่จัดเต็มทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นดีไซน์ที่โดดเด่น และเป็นเอกลักษณ์ สมรรถนะการขับขี่เหนือชั้น พร้อมฟังก์ชันที่ตอบโจทย์ชีวิตขั้นสุดในทุกด้าน

เจาะลึกวิวัฒนาการ SANTA FE สุดยอด SUV ที่ปรับเปลี่ยนดีไซน์ตามยุคสมัย
Gen 1 (2001–2006): จุดเริ่มต้นแห่งความเชื่อมั่น Hyundai SANTA FE รุ่นแรก เปิดตัวในนิวซีแลนด์ช่วงปลายปี 2000 ตัวรถโดดเด่นด้วยดีไซน์โค้งมน พร้อมความแข็งแกร่ง และมีขนาดใหญ่กว่าคู่แข่งในเซกเมนต์เดียวกัน หลังจากได้รับกระแสตอบรับดีเยี่ยมจากลูกค้าทั่วโลก โดยเฉพาะในสหรัฐฯ จึงเพิ่มกำลังการผลิตในปี 2001 ต่อมาในปี 2003 มีการปรับเครื่องยนต์ให้ทรงพลังขึ้น พร้อมเสริมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ควบคุมด้วยคอมพิวเตอร์ซึ่งถือเป็นการสร้างรากฐานความเชื่อมั่นที่ทำให้ SANTA FE ก้าวขึ้นมาเป็นตัวเลือกอันดับต้น ๆ ของรถ SUV ในยุคนั้น

Gen 2 (2007–2012): ก้าวสู่ความพรีเมียม
SANTA FE Gen 2 เปิดตัวครั้งแรกในงาน North American International Motor Show ปี 2006 พร้อมการปรับปรุงใหม่ทั้งดีไซน์ และสมรรถนะที่คล่องตัวและเหมาะกับทุกสภาพอากาศ ยกเครื่องรูปลักษณ์ภายนอกใหม่หมดโดยปรับดีไซน์สู่ความสุขุม เรียบหรู พร้อมเพิ่มเบาะแถวสาม รองรับผู้โดยสารสูงสุดถึง 7 คน โดยยกระดับความไฮเอนด์ด้วยห้องโดยสารด้วยลายไม้ เบาะหนัง และวัสดุสัมผัสแบบ soft-touch ตอบสนองรสนิยมคนเมือง และนำนวัตกรรมระบบนำทางมาใช้ในรุ่นนี้เป็นครั้งแรก 

Gen 3 (2012–2018): ยกระดับทุกด้าน สู่ SUV ยุคใหม่
การมาถึงของ Gen 3 ถือเป็นก้าวกระโดดสำคัญ ด้วยการยกระดับทั้งคุณภาพ ความสบาย สมรรถนะ และเทคโนโลยี โดยใช้แนวทางการออกแบบ “Storm Edge” ที่เน้นเส้นสายเฉียบคมและรูปลักษณ์ที่หรูหราแต่แข็งแกร่ง แพลตฟอร์มใหม่ของเจเนอเรชันนี้แสดงตัวตนของความเป็น “รถครอบครัวครบเครื่อง” อย่างชัดเจนนำเสนอทั้งรุ่น 5 ที่นั่ง (Sport) และ 7 ที่นั่ง (LWB) เพื่อให้ครอบคลุมไลฟ์สไตล์ที่หลากหลาย

Gen 4 (2019–2023): ผสานความหรู ความแกร่ง และเทคโนโลยี
Gen 4 เปิดตัวในปี 2018 ต่อยอดความสำเร็จด้วยการอัปเกรดดีไซน์ และนวัตกรรมความปลอดภัยแบบก้าวกระโดด ภายนอกโดดเด่นด้วยกระจังหน้า Cascading Grille อันเป็นเอกลักษณ์ ภายในมอบห้องโดยสารที่กว้างที่สุดในประวัติศาสตร์ของ SANTA FE แนะนำพร้อม Hyundai SmartSense ระบบความปลอดภัยอัจฉริยะ และรางวัลมาตรฐานความปลอดภัยระดับ 5 ดาวจากทั้ง Euro NCAP และ ANCAP ทำให้ SANTA FE เจนเนอเรชั่นนี้เป็นหนึ่งใน SUV ที่ปลอดภัยที่สุดในคลาส เป็นอีกบทพิสูจน์ของพัฒนาการที่ไม่หยุดนิ่งของฮุนได

ในปี 2025 เตรียมพบกับ SANTA FE Generation ที่ 5 โดดเด่นด้วยทรงเหลี่ยม กล้าแตกต่างด้วยแนวคิด 'Born in BOXY'

ฮุนไดพลิกแนวทางดีไซน์ ด้วยคอนเซ็ปต์ 'Born in BOXY' รูปทรงเหลี่ยมที่โดดเด่น มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ผสานการออกแบบแห่งอนาคต เตรียมตื่นตากับงานเปิดตัวอย่างเป็นทางการเร็ว ๆ นี้ แล้วคุณจะรู้ว่าทำไม Hyundai SANTA FE Gen 5 ของฮุนไดจะมาพลิกโฉมตลาดรถ SUV ในประเทศไทยไปอย่างสิ้นเชิง

‘ทหารพราน 21’ ตรวจยึด!! ‘กัญชาแห้ง’ ในพื้นที่ อ.บึงโขงหลง จ.บึงกาฬ

ผบ.ร้อย.ฉก.ทพ.2108 เจ้าพนักงาน ปปส. พร้อม กพ. ชป.5 และ ชป.6 (หน่วยงานหลัก) ได้รับแจ้งจากแหล่งข่าวว่าพบเห็นวัตถุลักษณะคล้ายกัญชาบรรจุอยู่ในกระสอบเป็นจำนวนมาก บ.ท่าสีไค ม.1 ต.ดงบัง อ.บึงโขงหลง จ.บึงกาฬ หน่วยได้บูรณาการประสานหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่เพื่อทำการเข้าตรวจสอบ จำนวน 2 จุด, จุดที่ 1 สวนทุเรียนทางทิศเหนือ บ.ท่าสีไค ต.ดงบังฯ พบกัญชาแห้งกระสอบป่าน จำนวน 85 กระสอบ และจุดที่ 2 บริเวณสวนมะพร้าวทางทิศใต้ บ.ท่าสีไคฯ ต.ดงบังฯ พบกัญชาแห้ง จำนวน 510 ถุง และลำต้นกัญชาแห้ง จำนวน 25 มัด วางในลักษณะทับกันอยู่ที่บริเวณสวนมะพร้าวในที่เกิดเหตุ จนท.จึงได้ทำบันทึกการตรวจยึด และนำส่ง สภ.เหล่าหลวงฯ เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

ทหารใหม่ ผลัดที่ 1/68 ฝึกยิงอาวุธประจำกายด้วยกระสุนจริง เพื่อสร้างพื้นฐานการเป็นนักรบ ของกองทัพเรือ🇹🇭 

(27 มิ.ย. 68) น.อ. ทิวา อ่อนละออ ผู้บังคับการศูนย์ฝึกทหารใหม่ กรมยุทธศึกษาทหารเรือ (ผบ.ศฝท.ยศ.ทร.) ตรวจเยี่ยมการฝึกยิงอาวุธประจำกาย ด้วยกระสุนจริงของทหารใหม่ ผลัดที่ 1/68 เพื่อสร้างขวัญกำลังใจให้แก่ครูฝึก เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้อง และทหารใหม่ฯ ณ สนามยิงปืน ศูนย์ฝึกทหารใหม่กรมยุทธศึกษาทหารเรือ ต.บางเสร่ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี

การฝึกยิงอาวุธประจำกาย มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างประสบการณ์ ความภาคภูมิใจและมีความพร้อมด้านจิตใจ ให้แก่ทหารใหม่ที่จะปฎิบัติหน้าที่ให้กับหน่วยต่างๆ โดยเฉพาะหน่วยกำลังรบ ของกองทัพเรือต่อไป

ทั้งนี้การฝึกดำเนินการภายใต้การปฏิบัติในการยิงอาวุธอย่างเคร่งครัดเป็นไปตามนโยบายผู้บัญชาการทหารเรือที่กำหนดให้เป็นปีแห่งความปลอดภัย

‘เจ้าคุณโซลาร์เซลล์’ แจงปมฟ้องธนาคารเรียก 1,354 ล้าน ชี้เป็นเงินของ 2 มูลนิธิฯ สะสมมากว่า 50 ปี ก่อนถูกยักยอก

(27 มิ.ย.68) จากกรณีที่พระปัญญาวชิรโมลี (เจ้าคุณโซลาร์เซลล์) เจ้าอาวาสวัดป่าศรีแสงธรรม อ.โขงเจียม จ.อุบลราชธานี ในฐานะเลขามูลนิธิหลวงปู่ศรี มหาวีโร ให้ทีมกฎหมายเอาผิดกับธนาคารชื่อดัง ฐานไม่ยอมคืนเงินของมูลนิธิพระอาจารย์ศรี มหาวีโร กรณีที่มีเจ้าหน้าที่ธนาคารอนุมัติเบิกจ่ายเงินโดยมิชอบ  คือนำไปจ่ายค่าประกันชีวิตกว่า 270 กรมธรรม์ และนำไปซื้อกองทุนธนาคารของเครือข่ายธนาคาร(ที่ถูกฟ้อง) สร้างความเสียหายให้กับ 2 มูลนิธิกว่า 1,354,000,000 บาท

ทั้งนี้ มี 2 โจทก์ที่ยื่นฟ้องธนาคารชื่อดัง คือ
1. มูลนิธิพระอาจารย์ศรี มหาวีโร
2. มูลนิธิอนุสรณ์พระกฐินต้น

โดยมูลนิธิพระอาจารย์ศรี มหาวีโร โจทก์ที่ 1 ได้ฟ้องขอเงินต้นคืน เป็นเงิน 752,045,117.24 บาท และฟ้องขอดอกเบี้ยผิดนัดตามกฎหมายเป็นจำนวนเงิน 348,730,312.20 บาท (คิดตั้งแต่วันที่เงินจำนวนนั้น ๆ ถูกถอนออกไปจนถึงวันฟ้อง) และฟ้องค่าเสียหายอันเกิดแต่พฤติการณ์พิเศษ (ดอกเบี้ยพันธบัตร คือเงินที่เราคาดว่าจะได้รับถ้าไม่มีการถอนเงินออกไปโดยมิชอบ) จำนวน 144,300,000 บาท รวมทั้งสิ้น 1,245,075,429.44 บาท

ส่วนโจทก์ที่ 2 คือ มูลนิธิอนุสรณ์พระกฐินต้น ฟ้องเรียกเงินต้นคืนจำนวน 68,989,449.32 บาท และฟ้องเรียกเก็บดอกเบี้ยผิดนัดตามกฎหมาย จำนวน 30,483,312.20 บาท (คิดตั้งแต่วันที่เงินจำนวนนั้น ๆ ถูกถอนออกไป คิดจนถึงวันฟ้อง) และฟ้องเรียกค่าเสียหายอันเกิดแต่พฤติการณ์พิเศษ (ดอกเบี้ยพันธบัตร คือเงินที่เราคาดว่าจะได้รับถ้าไม่มีการถอนเงินออกไปโดยมิชอบ) จำนวน 9,750,000 บาท รวมทั้งสิ้น 109,222,635.46 บาท

รวมเงินของทั้ง 2 มูลนิธิ ฟ้องเรียกเงินคืนจากธนาคารชื่อดัง เป็นเงิน 1,354,298,064.91 บาท

อย่างไรก็ตาม ภายหลังจากมีข่าวออกไป หลายคนมีข้อสงสัยว่าเหตุใดทางวัดจึงมีเงินมากมายขนาดนั้น โดยไม่ได้ดูถึงรายละเอียดที่มาของเงินจำนวนดังกล่าว

ล่าสุด เมื่อวันที่ 27 มิ.ย. 68 พระปัญญาวชิรโมลี ได้โพสต์เฟซบุ๊กชี้แจงอีกครั้ง โดยมีข้อความว่า ผู้กำกับไม่ได้มาจับ แต่มาดูแล

ผู้กำกับสภ.โขงเจียม รีบมาดูแต่เช้า เพราะพาดหัวข่าวเมื่อวานคนเข้าใจว่าอาตมามีเงินฝาก แต่ถ้าหากอ่านเกินสามบรรทัดก็จะทราบว่าเป็นเงินของมูลนิธิหลวงปู่ที่ตั้งมากว่า 50 ปี มีผู้มีจิตศรัทธามากมายจนเป็นที่รู้จักว่า “หลวงปู่ศรีผู้มากล้นบารมี”

ท่านมีดำริจัดตั้งมูลนิธิเอาดอกผลไว้ดูแลวัดสาขากว่า 150 วัด และสร้างสาธารณูปการ สาธารณสงเคราะห์ และงานเผยแผ่พระศาสนาตามแนวปฏิปทาหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต มีลูกศิษย์ทั้งพระทังโยมอย่างกว้างไกล

อาตมาเป็นลูกศิษย์ที่มาดูแลวัดป่าศรีแสงธรรม ซึ่งเป็นสาขาได้รับความไว้วางใจจากพระราชพัชรญาณมุนี หรือหลวงปู่ทองอินทร์ที่ดูแลวัดสาขาแทนหลวงปู่ศรี มหาวีโร ให้มาดำเนินการในหลาย ๆ อย่างรวมทั้งเป็นเลขานุการของมูลนิธิทุกแห่งของวัดป่ากุง การดำเนินการสืบเสาะหาข้อมูลมาแล้ว 10 เดือน จึงได้มอบหมายให้ทีมกฎหมายดำเนินการ

เงิน 1,354 ล้านจึงไม่ใช่ของบุคคลใดบุคคลหนึ่ง แต่เป็นสมบัติของสงฆ์ที่ลูกหลานดูแลให้พ่อแม่ครูอาจารย์ และสะสมมานานแล้ว หากไม่พูดเกินจริงไปเวลาที่หลวงปู่ไปงานนิมนต์ที่ไหนมีแต่คนอยากร่วมทำบุญกับท่านจนเต็มท้ายรถ นั่นเพราะบุญบารมีท่านที่ปฏิบัติจนถึงความหลุดพ้นแล้ว 

ท่านสร้างพระเจดีย์ชัยมงคล ที่อ.หนองพอก, สร้างตึกให้โรงพยาบาล, สร้างวัดสาขาให้ธรรมะภาคปฏิบัติกระจายไปทั่วทุกภาค นั่นคือสร้างความร่มเย็นในใจของสาธุชนไปด้วยความเมตตา พวกมาด่าว่าพระนั้นให้สร้างโรงพยาบาลดีกว่า ท่านก็สร้างไปแล้ว และทำต่อเนื่อง ตัวเองมีใครบริจาคสร้างตึกสักหลังมีไหมที่ด่า ๆ พระอยู่นั่น ลองเอาสลิปหรือหลักฐานมาแสดงบ้าง อย่าแสดงเพียงปัญญาแค่หางอึ่งเท่านั้น

อย่าได้พากันปรามาสหรือหิวแสงจะอาศัยจังหวะเล่นงานวัด เล่นงานพระเล่นงานศาสนา หาช่องทางเอาเรทติ้งก็เพลา ๆ ลงบ้าง

ขณะที่ ก่อนหน้านี้ พระปัญญาวชิรโมลี ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับมูลนิธิทั้ง 2 แห่ง ว่า มูลนิธิพระอาจารย์ศรี มหาวีโร และมูลนิธิอนุสรณ์พระกฐินต้น ทั้ง 2 มูลนิธินี้เป็นเครือข่ายเดียวกัน ก่อตั้งโดยอาจารย์ศรี มหาวีโร ซึ่งเป็นลูกศิษย์ของหลวงปู่มั่น ก่อตั้งมา 50 ปี จึงทำให้มีลูกศิษย์ลูกหามากมายทั่วโลก ทางมูลนิธิได้ตั้งพระ 16 รูป และ ฆราวาสอีก 4 ท่าน เข้ามาเป็นกรรมการ ดูแลเรื่องการใช้จ่ายเงินต่าง ๆ ของมูลนิธิ 

ต่อมาอาจารย์ศรี มหาวีโร มรณภาพลงเมื่อวันที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2554  ทางคณะกรรมการจึงประชุมลงความเห็นกันว่า ให้พระอาวุโส 3 รูป เป็นผู้อนุมัติเซ็นอนุมัติเบิกจ่ายเงินในบัญชีได้ (การถอนแต่ละครั้งต้องมีลายเซ็นพระสามรูปนี้พร้อมกัน) โดยทุกครั้งที่จะนำเงินของมูลนิธิออกไปทำอะไร จะมีการเรียกประชุมคณะกรรมการทั้งหมด จะเปิดประชุมได้ก็ต่อเมื่อมีพระเข้าร่วมครึ่งหนึ่งของคณะกรรมการ แต่ตั้งแต่ปี 2556 มาจนถึงทุกวันนี้ (14 ปี) ไม่มีการเรียกประชุมแม้แต่ครั้งเดียว ทำให้ตนผิดสังเกต จึงขอตรวจสอบเงินฝากของมูลนิธิ พบว่าเหลือเพียง 48,000 กว่าบาท ทั้งที่ปี 2557 มีเงินอยู่ประมาณ 803,000,000 บาท

ตนจึงทำการสืบสวนกับเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ ได้ข้อมูลว่า ตั้งแต่ปี 2557 จนถึงปัจจุบัน มีการเอาเงินจากมูลนิธิทั้ง 2 มูลนิธิไปทำประกันชีวิตให้พระและญาติโยมหลายร้อยท่าน โดยมีผู้รับผลประโยชน์เป็นชื่อของมูลนิธิ และมีการนำเงินมูลนิธิไปลงทุนกับธนาคาร และมีการนำธนบัตรของมูลนิธิไปขายขาดทุนอีก ทั้งนี้มีการปลอมลายเซ็นผู้มีอำนาจเบิกงาน และปลอมลายเซ็นผู้ซื้อประกัน 

หลังได้ข้อมูลละเอียด ตนก็มีการทวงเงินคืนจากธนาคารเรื่อยมา แต่ทางธนาคารก็ปฏิเสธการคืนเงิน ดังนั้นเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2568 ตนกับฝ่ายกฎหมายจึงฟ้องศาลจังหวัดร้อยเอ็ดเรียกเงินคืน โดยศาลได้เห็นว่าคดีมีมูล และรับฟ้องเป็นคดีคุ้มครองผู้บริโภคเรียบร้อยแล้ว

เชียงใหม่-ท่าอากาศยานเชียงใหม่เพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยเข้ม สร้างความเชื่อมั่นผู้โดยสาร หลังเหตุลอบวางระเบิดที่จังหวัดภูเก็ต

(27 มิ.ย. 68) นาวาอากาศโท รณกร เฉลิมแสนยากร ผู้อำนวยการท่าอากาศยานเชียงใหม่ กล่าวว่า ภายหลังเกิดเหตุการณ์ตรวจพบรถจักรยานยนต์ต้องสงสัยภายในพื้นที่ท่าอากาศยานภูเก็ต เมื่อวันที่ 24 มิถุนายนที่ผ่านมา ซึ่งพบวัตถุคล้ายระเบิดซุกซ่อนอยู่ภายใน ท่าอากาศยานเชียงใหม่ได้ดำเนินการเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดทันที เพื่อสร้างความมั่นใจและความปลอดภัยสูงสุดแก่ผู้โดยสารและผู้ใช้บริการทุกคน โดยมีการปรับแผนเพิ่มความถี่ในการตรวจตราพื้นที่จากเดิมวันละ 5 รอบ เป็น วันละ 7 รอบ และเพิ่มการตรวจสอบสิ่งของต้องสงสัยหรือของหลงลืมในอาคารผู้โดยสาร และพื้นที่สาธารณะจากเดิม วันละ 10 รอบ เป็น วันละ 14 รอบ นอกจากนี้ ยังเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบ บุคคล ยานพาหนะ และสิ่งของ ที่ผ่านเข้า–ออกเขตควบคุมและเขตหวงห้ามของท่าอากาศยานอย่างละเอียดมากยิ่งขึ้น 

ขณะเดียวกัน ได้มีการประชาสัมพันธ์ไปยังเจ้าของรถจักรยานยนต์ที่จอดทิ้งไว้เป็นเวลานานภายในพื้นที่ท่าอากาศยานเชียงใหม่ ขอความร่วมมือนำหลักฐานแสดงตน ได้แก่ สมุดคู่มือจดทะเบียนรถ และบัตรประจำตัวประชาชน ติดต่อฝ่ายรักษาความปลอดภัยในวันและเวลาราชการ เพื่อรับรถกลับคืน ทั้งนี้เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อยของพื้นที่ และป้องกันเหตุที่อาจกระทบต่อความปลอดภัย

ท่าอากาศยานเชียงใหม่ ขอขอบคุณผู้โดยสารและประชาชนทุกท่านที่ให้ความร่วมมือ และขอยืนยันเจตนารมณ์ในการยกระดับมาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ทุกการเดินทางเป็นไปด้วยความ มั่นใจ ปลอดภัยในทุกสถานการณ์

‘อิน-เอม’ 2 พี่น้องนักเรียนไทย คว้ารางวัลเหรียญทอง จากผลงานวิชาการระดับนานาชาติ ASIACHEM2025

สมาคมเคมีแห่งประเทศไทยฯ ร่วมกับ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จัดงานประชุมวิชาการนานาชาติ The 20th Asian Chemical Congress (20 ACC )หรือ ASIACHEM2025 จาก Federation of Asian chemical societes (FACS) เพื่อสื่อสารเกี่ยวกับความรับผิดชอบทางด้านวิทยาศาสตร์เคมีในสังคม โดยมีเป้าหมายนำไปสู่ความยั่งยืนของโลก ภายใต้ชื่องาน 

สำหรับงานดังกล่าวทาง สมาคมเคมีแห่งประเทศไทยฯ ได้รับสิทธิ์ให้เป็นเจ้าภาพจาก The Federation of Asian Chemical Societies (FACS) และเจ้าภาพร่วมคือ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โดย ศาสตราจารย์ ดร.สุภา หารหนองบัว เป็นประธานคณะกรรมการจัดการประชุม ระหว่างวันที่ 23-27 มิถุนายน 2568 ภายใต้หัวข้อการประชุมหลักคือ “Responsible Chemical Sciences for World Sustainability” ณ Berkeley Hotel Pratunam กรุงเทพฯ วัตถุประสงค์ของงานประชุมเพื่อมุ่งเน้นสื่อสารถึงความรับผิดชอบด้านวิทยาศาสตร์เคมีของสังคม เพื่อความยั่งยืนของโลก การประชุมจะครอบคลุมสาขาวิชาเคมีและมีเนื้อหาพิเศษที่สะท้อนถึงความเชี่ยวชาญของเครือข่ายเคมีทั่วโลก เป็นการประชุมที่รวบรวมผู้เข้าร่วมจากทั่วทุกภูมิภาคและทั่วโลก 

ภายในงานนี้ นาย อริณชย์ ทองแตง (อิน) และ นางสาว อริสา ทองแตง (เอม) นักเรียน year 12 และ 11 จากโรงเรียนนานาชาติโชรส์เบอรี กรุงเทพเข้าร่วมการประกวด 20th Asian Chemical Congress (20ACC), ASIACHEM2025 ในหัวข้อ Living Carbonomics: Tracking Footprint and Storage Dynamics Above and Below Ground ซึ่งปรากฏว่า ผลงานดังกล่าวได้รับรางวัลระดับเหรียญทอง พร้อมกับสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยได้อีกครั้ง

‘ดร.อานนท์’ แนะหากต้องรบกับเขมรจริง ควรตีประจันตคีรีเขตกลับคืนมาเป็นของไทย ชี้ คนพื้นที่พูดภาษาไทย ทรัพยากรทางทะเลเพียบ ส่วนด้านพระตะบอง เสียมราฐ ศรีโสภณปล่อยไป เหตุคนคุณภาพต่ำคุยกันไม่รู้เรื่อง

(27 มิ.ย.68) รศ. ดร. อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ อาจารย์ประจำสาขาวิชาวิทยาการประกันภัยและการบริหารความเสี่ยง สาขาวิชาพลเมืองวิทยาการข้อมูล (Citizen data sciences) คณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์(นิด้า) โพสต์เฟซบุ๊กว่า ถ้ารบกันจริง ๆ อยากให้ไทยตีเอาประจันตคีรีเขตกลับคืนมาเป็นของไทย เพราะเป็นพื้นที่ที่ประชากรพูดภาษาไทย มีทรัพยากรทางทะเลมากมหาศาล ทำให้ขยายน่านน้ำของไทยออกไป ปกครองง่ายกว่าเพราะพูดภาษาไทยเป็นส่วนใหญ่ แก้ปัญหาข้อพิพาทเกาะกูดไปได้หมดสิ้น น้ำมันปิโตรเลียมในอ่าวไทยก็เป็นของเราทั้งหมด ทางออกทะเลของเขมรก็จะแคบลง

ส่วนมณฑลบูรพา คือ พระตะบอง เสียมราฐ ศรีโสภณ นั้น แม้พื้นที่กว้างกว่า แต่ไม่มีทรัพยากรอะไร ประชากรพูดภาษาเขมร สื่อสารกันยาก ประชากรการศึกษาต่ำ คุณภาพประชากรไม่ค่อยดี เอามาเป็นของไทยก็เป็นภาระประเทศไทย ไม่สมควรรบเพื่อเอากลับคืนมาครับ ไม่มีประโยชน์เท่าไหร่

‘ทหารพราน’ รวบชาวไทยลอบข้ามแดนไป-กลับกัมพูชา สองจุดตรวจจับได้ 43 ราย เผยจุดหมายปอยเปตทั้งสิ้น

เมื่อวันที่ (25 มิ.ย.68) เจ้าหน้าที่กองร้อยทหารพราน ฉก.อรัญประเทศ คุมเข้มแนวชายแดนไทย-กัมพูชา โดยเฉพาะบริเวณด่านคลองลึก จ.สระแก้ว ตรวจพบกลุ่มบุคคลลักลอบข้ามแดนใกล้บ้านผ่านศึก ต.ผ่านศึก อ.อรัญประเทศ จึงประสานผู้นำท้องถิ่นเข้าตรวจสอบและจับกุมได้ทั้งหมด 33 คน เป็นชาย 20 หญิง 12 และเด็กชาย 1 คน ทั้งหมดเป็นชาวไทยที่เดินทางกลับจากกรุงปอยเปต กัมพูชา

กลุ่มดังกล่าวให้การว่าเคยทำงานอยู่ในฝั่งกัมพูชา แต่ต้องการเดินทางกลับไทยเนื่องจากสถานการณ์ระหว่างประเทศที่ไม่แน่นอน พยายามเลี่ยงด่านตรวจโดยอ้อมออกจากเส้นทางหลักและข้ามตามช่องทางธรรมชาติ ซึ่งเจ้าหน้าที่ไม่พบผู้ใดเป็นคนนำพากลุ่มเหล่านี้

ในวันเดียวกัน เจ้าหน้าที่อีกชุดในพื้นที่ อ.ตาพระยา ตรวจพบบุคคลต้องสงสัยเดินเท้าตามแนวสวนปาล์มใกล้เขตแดนไทย-กัมพูชา เมื่อเข้าตรวจสอบพบว่าเป็นชาวไทย 13 คน (ชาย 6 หญิง 7) พยายามลักลอบออกนอกประเทศเพื่อกลับไปเก็บของที่พักฝั่งกัมพูชา โดยมีนายหน้าคนไทยประสานให้ชาวกัมพูชามารับ ก่อนทั้งหมดถูกจับกุมระหว่างทาง

เจ้าหน้าที่ทหารได้ส่งตัวผู้กระทำผิดทั้งหมดให้ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมาย พร้อมย้ำว่า จากเหตุการณ์จับกุมทั้งสองกรณี รวมถึงกรณีอื่นที่ผ่านมา พบว่าชาวไทยที่ลักลอบผ่านแดนผิดกฎหมายล้วนมีจุดหมายอยู่ที่กรุงปอยเปต ทั้งขาเข้าและขาออก เจ้าหน้าที่จึงยังคงวางกำลังเข้มแนวชายแดนเพื่อสกัดการลักลอบอย่างต่อเนื่อง

สตูล จัดการฝึกป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกรณีสึนามิ (C-MEX 25) เตรียมความพร้อมและลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติ 

(27 มิ.ย. 68) ที่โรงเรียนบ้านหาดทรายยาว ตำบลตันหยงโป อำเภอเมืองสตูล จังหวัดสตูล นายคณิต คงช่วย รองผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล พร้อมด้วย นางสาววิภารัตน์ อร่ามเรือง หัวหน้ากลุ่มงานยุทธศาสตร์และการจัดการ สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสตูลและหัวหน้าส่วนราชการ ทหาร และน้องๆนักเรียน เข้าร่วมกิจกรรมให้ความรู้เกี่ยวกับภัยสึนามิ และการซักซ้อมขั้นตอนเตรียมความพร้อม อาทิ การทดสอบระบบวิทยุสื่อสาร และโดรนสำหรับสำรวจความเสียหาย 

ทั้งนี้การฝึกซ้อมแผนฯ มีประโยชน์ในการเตรียมความพร้อมและลดความสูญเสียจากภัยพิบัติสึนามิ โดยช่วยให้ผู้คนเข้าใจวิธีรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉิน  ปฏิบัติตามขั้นตอนการอพยพที่ถูกต้อง และสามารถช่วยเหลือตนเองและผู้อื่นได้ทันท่วงที ทั้งยังเป็นการสร้างความตระหนักและเข้าใจ การซ้อมแผนช่วยให้ผู้คนในพื้นที่เสี่ยงภัยเข้าใจถึงลักษณะของสึนามิ สัญญาณเตือนภัย และวิธีการอพยพที่ถูกต้อง ลดความสูญเสียชีวิตและทรัพย์สิน การซ้อมแผนสึนามิมีความสำคัญอย่างยิ่งในการเตรียมความพร้อมและลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติสึนามิ ช่วยให้ผู้คนสามารถเอาตัวรอดและช่วยเหลือผู้อื่นได้เมื่อเกิดเหตุการณ์จริง

‘ฮุน เซน’ ปูดแผน ‘ทักษิณ’ ป่วยทิพย์หลอกคนไทย ลั่น!! เห็นกับตาไม่มีอาการป่วย แต่เมื่อถ่ายรูปกลับสวมเฝือก

(27 มิ.ย. 68) สมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ออกมาเปิดเผยต่อสาธารณะเกี่ยวกับอดีตนายกรัฐมนตรีไทย นายทักษิณ ชินวัตร โดยระบุว่า ทักษิณแกล้งป่วยหลายโรคเพื่อหลบเลี่ยงโทษทางกฎหมาย 

รายงานจากเฟรชนิวส์และพนมเปญโพสต์ระบุว่า ในการปราศรัยที่จังหวัดพระวิหาร ฮุนเซนกล่าวว่า เมื่อวันที่ 21 ก.พ. 2567 เขาเข้าพบนายทักษิณ ซึ่งขณะนั้นดูปกติดี ไม่มีอาการป่วยใด ๆ แต่เมื่อถ่ายรูปกลับสวมเฝือกคอและชุดผู้ป่วย เพื่อหลอกสายตาประชาชนและเจ้าหน้าที่ฝั่งไทย

ฮุนเซนยังเปิดเผยว่า ความสัมพันธ์ส่วนตัวตลอด 30 ปีกับทักษิณต้องสิ้นสุดลง เพราะรู้สึกถูกดูหมิ่นจากแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน ซึ่งเขากล่าวว่าเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาออกมาเปิดเผยความจริงทั้งหมด

นอกจากนี้ ฮุนเซนยังตั้งคำถามต่อรัฐบาลไทยว่า หากเชื่อว่ากัมพูชารุกล้ำดินแดนจริง เหตุใดจึงไม่ดำเนินการอย่างเป็นทางการผ่านศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ หรือคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ พร้อมเรียกร้องให้ไทยแสดงความชัดเจนในเวทีสากล ไม่ใช่กล่าวหาเพียงลอย ๆ

ทัพเรือภาคที่ 1 บูรณาการความร่วมมือด้านกิจการมวลชนและประชาสัมพันธ์ร่วมกับ กอ.รมน.

พลเรือโท อาภา ชพานนท์ ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 / ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลภาค 1 (ศรชล.ภาค 1) ให้การต้อนรับ พลตรี ธนาธิป สว่างแสง รองผู้อำนวยการสำนักกิจการมวลชนและสารนิเทศ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) พร้อมคณะ ในโอกาสเดินทางมาประสานความร่วมมือด้านการประชาสัมพันธ์และกิจการมวลชนในพื้นที่ความรับผิดชอบของ กอ.รมน.ภาค 1

การพบปะในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อบูรณาการการดำเนินงานด้านข้อมูลข่าวสาร การใช้มวลชนเป็นสื่อกลางในการสร้างการรับรู้ รวมถึงการแลกเปลี่ยนแนวทางการปฏิบัติงานร่วมกันระหว่าง ทัพเรือภาคที่1 กอ.รมน. ศรชล.ภาค 1 และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการประชาสัมพันธ์ทั้งทางบกและทางทะเล ตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี

ในช่วงบ่าย คณะฯ ได้เดินทางเยี่ยมชมการสาธิตการตรวจค้นเรือต้องสงสัย โดยชุดตรวจค้นจากเรือตรวจการณ์ใกล้ฝั่ง ต.996 จากกองเรือปฏิบัติการ ทัพเรือภาคที่ 1 ซึ่งเป็นหนึ่งในภารกิจสำคัญของ ทัพเรือภาคที่1 ในการรักษาความมั่นคงทางทะเล

จับตา! ‘ฮุนเซน’ เตรียมแฉทักษิณ 27 มิ.ย. เปรียบยุค ‘ประยุทธ์’ สัมพันธ์แน่นแฟ้นกว่าชัดเจน

(27 มิ.ย. 68) สถานการณ์การเมืองไทย-กัมพูชา กลับมาร้อนแรงอีกครั้ง หลัง พนมเปญโพสต์ รายงานว่า สมเด็จฮุนเซน อดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา เตรียมเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับ 'ทักษิณ ชินวัตร' อดีตผู้นำไทย โดยจะเปิดโปงแผนเปลี่ยนผู้นำ และกล่าวหาว่ามีการดูหมิ่นสถาบัน พร้อมระบุจะเผยรายละเอียดให้คนไทยทราบภายในวันนี้ (27 มิ.ย.)

นอกจากนี้ ฮุนเซนยังกล่าวว่า ขณะนี้กัมพูชายังรอเจรจากับนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของไทย แต่ยังไม่ชัดเจนว่าใครคือผู้มีอำนาจตัวจริง ไม่ว่าจะเป็นกองทัพ พรรคการเมือง หรือผู้อยู่เบื้องหลังรัฐบาล ซึ่งทำให้การดำเนินความสัมพันธ์ระหว่างประเทศต้องชะงัก

เขายังเปรียบเทียบสถานการณ์ในอดีตว่า ในยุคของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชามีเสถียรภาพและอยู่ในระดับสูงสุด แม้ประยุทธ์จะมีภูมิหลังเป็นทหาร แต่ก็สามารถรักษาความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้านไว้ได้ดีตลอดช่วงดำรงตำแหน่งเกือบสิบปี

ในทางกลับกัน ฮุนเซนมองว่า รัฐบาลไทยปัจจุบันกลับประสบปัญหากับประเทศเพื่อนบ้านรอบด้าน ทั้งชายแดนเมียนมา ลาว มาเลเซีย และล่าสุดกับกัมพูชา ที่ต้องปิดจุดผ่านแดนฝ่ายเดียว โดยยังไม่มีความชัดเจนในการเจรจา ทำให้ความสัมพันธ์ระดับทวิภาคีกำลังเผชิญภาวะถดถอย

ทัพเรือภาคที่ 1 จัดกิจกรรมมอบอุปกรณ์การเรียน-กีฬา และเวชภัณฑ์ แก่โรงเรียนโสตศึกษาเทพรัตน์ และศูนย์การศึกษาพิเศษฯ ประจวบคีรีขันธ์

วันที่ 25 – 26 มิถุนายน 2568 ทัพเรือภาคที่ 1 จัดกิจกรรมมอบอุปกรณ์การเรียน อุปกรณ์กีฬา ยาและเวชภัณฑ์ พร้อมจัดเลี้ยงอาหารกลางวันให้แก่นักเรียนโรงเรียนโสตศึกษาเทพรัตน์ และศูนย์การศึกษาพิเศษประจำจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ หน่วยบริการบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพื่อสนับสนุนการศึกษาและส่งเสริมสุขภาพของเยาวชนในพื้นที่ห่างไกล

ในการนี้ นายนนทวัฒน์ ตรีนันทวัน ผู้อำนวยการโรงเรียนโสตศึกษาเทพรัตน์ และนายพิชญุตม์ พงษ์สระพัง หัวหน้าหน่วยบริการบางสะพาน พร้อมคณะครูและนักเรียน ร่วมให้การต้อนรับคณะจากทัพเรือภาคที่ 1 อย่างอบอุ่น

กิจกรรมดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตและส่งเสริมการศึกษาของเด็กและเยาวชนในพื้นที่ห่างไกล รวมถึงสร้างความสุขและรอยยิ้มให้แก่เด็ก ๆ อีกทั้งเป็นการสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างกองทัพเรือกับประชาชนในพื้นที่ อันจะเป็นฐานความร่วมมือในการปฏิบัติงานร่วมกันในอนาคต

เจ้ากรมยุทธศึกษาทหารเรือ เป็นประธานในพิธีสวนสนามปิดการฝึกอบรมหลักสูตรทหารใหม่ ผลัดที่ 1/68 ชื่นชมผลการฝึก 8 สัปดาห์ ทำให้เห็นการเปลี่ยนแปลงจากพลเรือน สู่ทหารที่มีความองอาจ เข้มแข็ง เกียรติยศแห่งความภาคภูมิใจของน้องเล็กของกองทัพเรือ ก้าวสู่ชายชาติทหาร

เมื่อวานนี้ (26 มิ.ย. 68)พล.ร.ท.อดิศักดิ์ แจงเล็ก เจ้ากรมยุทธศึกษาทหารเรือ (จก.ยศ.ทร.) เป็นประธานในพิธีสวนสนามปิดการฝึกอบรมหลักสูตรทหารใหม่ ภาคสาธารณศึกษา ผลัดที่ 1/68 ณ ลานสวนสนาม ศูนย์ฝึกทหารใหม่ กรมยุทธศึกษาทหารเรือ (ศฝท.ยศ.ทร.) โดยมี น.อ.ทิวา อ่อนละออ ผู้บังคับการศูนย์ฝึกทหารใหม่ กรมยุทธศึกษาทหารเรือ (ผบ.ศฝท.ยศ.ทร.) และคณะให้การต้อนรับ ณ กองบัญชาการ ศฝท.ยศ.ทร. ต.บางเสร่ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี

การจัดพิธีดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อให้นักเรียนพลกองประจำการหลักสูตรทหารใหม่ ผลัดที่ 1/68 จำนวนทั้งสิ้น 2,894 นาย จัดเป็นกรมสวนสนาม ประกอบด้วย 4 กองพัน (19 กองร้อย และจัด 1 กองร้อยวิ่งสวนสนาม) แสดงออกถึงความเป็นทหารที่มีความองอาจ เข้มแข็ง พร้อมเพรียง และมีระเบียบวินัย ผ่านการสวนสนามให้ผู้บังคับบัญชาระดับสูงของกองทัพเรือ ตลอดจนญาติได้เห็นผลของการฝึกอบรมตลอดระยะเวลา 8 สัปดาห์ ที่เปลี่ยนแปลงจากพลเรือนมาเป็นทหาร อีกทั้งยังแสดงออกถึงความสามัคคี และความสง่างาม สมกับการเป็นสุภาพบุรุษทหารเรือ

โอกาสนี้ เจ้ากรมยุทธศึกษาทหารเรือ ได้กล่าวชื่นชมการแสดงออกของทหารใหม่ในการสวนสนามว่า “ผมอยากบอกกับทุกนายว่า ราชนาวีไม่ใช่แค่กองทัพ แต่คือบ้าน บ้านของลูกผู้ชาย บ้านหลังนี้อาจจะไม่ได้อบอุ่นด้วยความสะดวกสบาย แต่บ้านหลังนี้อบอุ่นด้วยหัวใจของนักรบ อบอุ่นด้วยวินัย ความเข้มแข็ง และความห่วงใยแบบพี่น้อง ที่พร้อมจะยืนหยัดเคียงข้างกันในยามยาก

จากวันที่พวกท่านเดินเข้าสู่ประตูศูนย์ฝึกด้วยใบหน้าที่เต็มเปี่ยมไปด้วยคำถามและความกังวล จนถึงวันนี้ ท่านได้กลายเป็นชายชาติทหารที่กล้าหาญ มีวินัย และมีเกียรติ

ทหารเรือไม่ใช่แค่ตำแหน่งในเครื่องแบบ แต่คือผู้ที่พร้อมยืนหยัดกลางพายุ และไม่ถอยแม้ยามคลื่นลมแรง และวันนี้ผมเห็นแล้วว่าพวกท่านพร้อมแล้ว ผมขอชื่นชมในความพยายาม ความเสียสละ และความอดทนที่ทุกนายได้แสดงออกมาอย่างเต็มภาคภูมิ และขอขอบคุณผู้บังคับบัญชา ครูฝึก และเจ้าหน้าที่ทุกนายที่ได้ทำหน้าที่อย่างสุดความสามารถ สมกับความไว้วางใจของกองทัพเรือ

รวมถึงขอขอบคุณผู้ปกครองทุกท่าน ที่มอบบุตรหลานให้กับบ้านหลังนี้ บ้านของราชนาวี เราจะดูแลเขาอย่างดีที่สุดในฐานะทหาร ในฐานะลูกหลาน ในฐานะน้องเล็กของกองทัพเรือ และในฐานะนักรบแห่งราชนาวีไทย”

ทั้งนี้ทหารใหม่ ผลัดที่ 1/68 มีความพร้อมที่จะปฏิบัติงานในหน่วยต่างๆ ของกองทัพเรือ โดยจะมีการส่งตัวในวันที่ 1 ก.ค.68 ต่อไป

รอง ผอ.รพ.สมเด็จพระนางเจ้าสิกิติ์ฯ ต้อนรับคณะ นศ. วิทยาลัยพยาบาลกองทัพบก

น.อ.หญิง อรัญญา เชยดี รอง ผอ.รพ.สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ กรมแพทย์ทหารเรือ ฝ่ายการพยาบาล ให้การต้อนรับคณะศึกษาดูงานหลักสูตรฝึกอบรมการพยาบาลเฉพาะทางสาขา การบริหารการพยาบาล รุ่นที่ 18 วิทยาลัยพยาบาลกองทัพบก 

ซึ่งประกอบด้วย นายทหารนักเรียน และคณาจารย์ จำนวน 54 คน ในการเข้าเยี่ยมชมและศึกษาดูงานห้องปรับความดันบรรยากาศสูง (Hyperbaric Chamber) โดยมี ทีมแพทย์จากศูนย์เวชศาสตร์ความดันบรรยากาศสูงฯ ทำหน้าที่บรรยายในส่วนที่เกี่ยวข้อง


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top