Friday, 25 April 2025
NEWS

‘จิราพร’ ย้ำตู้คีบตุ๊กตาเข้าข่ายผิดกฎหมาย หากไม่มีใบอนุญาต ชี้ สคบ.พร้อมรับเรื่องร้องเรียน ด้านนครนายกยึดแล้ว 77 ตู้

(25 เม.ย. 68) น.ส.จิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) พร้อมรับเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับ 'ตู้คีบตุ๊กตา' ที่ไม่มีใบอนุญาต ซึ่งอาจเข้าข่ายการพนัน และย้ำว่าหากพบเห็นสามารถแจ้งเข้ามาได้ทันที พร้อมระบุว่า สคบ. มีการมอนิเตอร์ประเด็นที่ส่งผลกระทบผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง แม้ยังไม่มีการร้องเรียนอย่างเป็นทางการ

กรณีที่ผู้ปกครองเสนอให้ใช้มาตรการเด็ดขาดกับตู้คีบตุ๊กตาเหมือนกับบุหรี่ไฟฟ้า เพราะหวั่นมอมเมาเยาวชน น.ส.จิราพร ย้ำว่า หากมีข้อมูลหรือหลักฐานสามารถส่งมาให้ สคบ. ดำเนินการได้ทันที และหน่วยงานมีความพร้อมที่จะดำเนินการเชิงรุกหากพบประเด็นผ่านสื่อหรือโซเชียลมีเดีย

ด้านจังหวัดนครนายก ได้มีการกวาดล้างตู้คีบตุ๊กตาที่ผิดกฎหมายไปแล้ว 77 ตู้ จากห้างสรรพสินค้า ร้านสะดวกซื้อ และปั๊มน้ำมันใน 3 อำเภอ ได้แก่ อ.เมือง อ.บ้านนา และ อ.องครักษ์ หลังได้รับร้องเรียนจากผู้ปกครองว่าตู้เหล่านี้เป็นการมอมเมาเยาวชน และถือเป็นการกระทำผิดตาม พ.ร.บ.การพนัน

เจ้าหน้าที่ตำรวจระบุว่า การเล่นตู้คีบตุ๊กตามีลักษณะของการพนัน เนื่องจากมีการเสี่ยงดวงและไม่สามารถรับประกันผลได้ทุกครั้ง จึงเข้าข่ายเป็นกิจกรรมที่ต้องมีใบอนุญาตอย่างถูกต้องตามกฎหมาย โดยจะดำเนินการตรวจสอบและกวาดล้างต่อเนื่องเพื่อป้องกันผลกระทบต่อเยาวชนและประชาชนทั่วไป

ผบ.ตร.ลงพื้นที่เหตุเครื่องบินตกที่ อ.หัวหิน สดุดีทุกคนที่อยู่บนเครื่องบินลำดังกล่าว บังคับเครื่องตกลงทะเลเพื่อไม่ให้ตกในเขตบ้านเรือนประชาชน

(25 เม.ย.68) พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เดินทางลงพื้นที่เกิดเหตุเครื่องบินของกองบินตำรวจตกบริเวณทะเลใกล้กับสนามบินบ่อฝ้าย อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ทันทีที่ได้รับรายงาน พร้อมด้วย นายสิทธิชัย สวัสดิ์แสน ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ , พล.ต.ท.นิตินัย หลังยาหน่าย ผู้บัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน , พล.ต.ต.ศิริกุล บุญอิ้ง ผู้บังคับการสนับสนุนทางอากาศ กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน และผู้แทนหน่วยต่างๆ ได้แก่ การท่าอากาศยานหัวหิน , หน่วยบัญชาการอากาศโยธิน กองทัพอากาศ , พิสูจน์หลักฐานตำรวจ

ทั้งนี้ เมื่อถึงพื้นที่ ผบ.ตร. แสดงความเคารพร่างตำรวจผู้เสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ พร้อมยกย่องสดุดีนักบิน วิศวกร และช่างเครื่องทุกคน เพราะจากการตรวจสอบเบื้องต้นในขณะเกิดเหตุเครื่องบินจะเสียหลักทิศทางมุ่งไปยังบ้านเรือนประชาชน แต่นักบินบังคับเครื่องให้มาทางทะเลเพื่อไม่ให้เกิดความสูญเสียกับพี่น้องประชาชน นับเป็นความสูญเสียบุคลากรที่มากความสามารถทั้ง 5 นาย และบาดเจ็บอีก 1 นาย ที่รักษาตัวที่โรงพยาบาลหัวหิน

ผบ.ตร.ได้สั่งการให้มีการตั้งคณะกรรมการและทีมสอบสวนหาสาเหตุที่เกิดขึ้นแล้ว ส่วนการเก็บกู้มอบหมายให้กองบังคับการสนับสนุนทางอากาศ กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน ตำรวจน้ำ ร่วมกับกองบินตำรวจ ดำเนินการนำเครื่องบินดังกล่าวขึ้นมาจากทะเล คาดว่าใช้เวลาอย่างน้อย 1 วัน โดยจะเร่งดำเนินการให้เร็วที่สุด และไม่ให้เกิดความเสียหายต่อพยานหลักฐานต่างๆ และกำชับดูแลการเคลื่อนย้ายร่างผู้เสียชีวิตเพื่อชันสูตร ประสานญาติเพื่อนำร่างไปประกอบพิธีกรรมทางศาสนา ดูแลครอบครัวของผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บอย่างใกล้ชิด และจัดพิธีอย่างสมเกียรติ ดูแลสวัสดิการอย่างเต็มที่ พร้อมกำชับให้เร่งสืบสวนหาข้อเท็จจริง เพื่อป้องกันเหตุการณ์ลักษณะเดียวกันไม่ให้เกิดขึ้นซ้ำในอนาคต ทุกขั้นตอนเป็นไปตามกฎหมาย สมเกียรติ 

จากนั้น ผบ.ตร. และคณะ ได้เดินทางไป เพื่อเยี่ยมอาการ “ร้อยตำรวจเอก จตุรงค์ วัฒนไพรสาณฑ์” นักบินที่รอดชีวิต ซึ่งรักษาตัวที่โรงพยาบาลหัวหิน ล่าสุดมีอาการกระดูกใบหน้าหัก เจาะปอดใส่ท่อระบายของเสียออกจากทรวงอก ไม่พบว่าได้รับการกระทบกระเทือนทางสมองแต่อย่างใด ล่าสุดได้ประสานกับทางโรงพยาบาลตำรวจ หากต้องมีการเคลื่อนย้ายไปรักษา ยืนยันดูแลรักษาอย่างเต็มที่

ผบ.ตร. พบปะสื่อมวลชน พูดคุยอย่างเป็นกันเอง ตอบทุกคำถามอย่างเปิดใจ

เมื่อวานนี้ (24 เม.ย.68) เวลา 12.30 น. พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้ให้เกียรติพบปะสื่อมวลชน ณ ห้องกระจก ชั้น 2 อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในบรรยากาศเป็นกันเอง พร้อมร่วมรับประทานอาหารกลางวันร่วมกับผู้สื่อข่าวจากหลากหลายสำนักข่าว

ภายหลังการรับประทานอาหาร พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ฯได้เปิดโอกาสให้สื่อมวลชนซักถามอย่างเต็มที่ พร้อมตอบคำถามในประเด็นต่าง ๆ อย่างเปิดใจ โดยเฉพาะเรื่องภารกิจสำคัญและนโยบายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งล้วนแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการขับเคลื่อนองค์กรด้วยความโปร่งใส และพร้อมรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วน

ศรชล.ภาค 3 จับกุมเรือประมงอินโดนีเซียพร้อมลูกเรือ 5  คน ลุกล้ำเข้ามาทำการประมงในน่านน้ำไทย

เมื่อวันที่ 23 เม.ย.68  พลเรือโทสุวัจ ดอนสกุล ผอ.ศรชล.ภาค 3 สั่งการให้ นาวาเอกแสนย์ไท บัวเนียม รอง ศรชล.จว.สตูล, นป.สอ.รฝ.491 ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ออกปฏิบัติการจับกุมเรือประมงอินโดนีเซีย หลังจากที่ได้รับการรายงานจาก ศคท.จว.สตูล ว่า มีเครือข่ายเรือประมงไทยพบเห็นเรือประมงต่างชาติคาดว่าเป็นเรือประมงของอินโดนีเซียลักลอบทำการประมงบริเวณทางทิศตะวันตกของเกาะหลีเป๊ะ ห่างออกไปประมาณ 13.75 ไมล์

นป.สอ.รฝ.491 จึงได้นำเรือยาง พร้อมเจ้าหน้าที่ออกตรวจสอบ และ ศคท.จว.สตูล ได้นำเรือปฏิบัติการความเร็วสูง ศรชล.4006 พร้อมกำลังพล ออกตามไปสมทบ จนกระทั่งสามารถควบคุมเรือลำดังกล่าวและคนบนเรือรวม 5 คน ไว้ได้ ประกอบด้วยไต๋เรือ 1 คน ลูกเรือ 4 คน ทั้งหมดเป็นชาวอินโดนีเซีย พร้อมกับได้ควบคุมทั้งหมดมาที่เกาะหลีเป๊ะ เพื่อส่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป ทาง ศรชล.ภาค 3 ขอขอบคุณเครือข่ายเรือประมง ที่พบเห็นเรือต่างชาติ, เรือที่ไม่คุ้นตา ไม่เคยพบเห็นในพื้นที่ แล้วแจ้งมายัง ศรชล.ภาค 3, ซึ่งเป็นการปฏิบัติที่ต้องชื่นชม ทุกคนต้องช่วยกันหวงแหน และรักษาไว้ซึ่งทรัพยากรของชาติ

เหตุด่วน เหตุร้าย ภัยทางทะเล ต้องการความช่วยเหลือทางทะเล โทร  1465 แจ้ง ศรชล.ภาค 3 ตลอด 24 ชั่วโมง

'สมศักดิ์' เปิดอาคารนิทรรศการไทย ในงาน Expo 2025 Osaka สุดยิ่งใหญ่ เชื่อ จะช่วยนำเสนอความเป็นไทย-ศักยภาพ-ความพร้อมเป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ ปลื้ม ให้งานเกรดเอ

'สมศักดิ์' เปิดอาคารนิทรรศการไทย ในงาน Expo 2025 Osaka สุดยิ่งใหญ่ เชื่อ จะช่วยนำเสนอความเป็นไทย-ศักยภาพ-ความพร้อมเป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ ปลื้ม ให้งานเกรดเอ แต่ยอมรับต้องปรับให้ว้าวขึ้น ชี้ หมอส่วนใหญ่จากสายวิทย์ อาจมีมุมมองไม่เหมือนสายศิลป์ แนะ บริษัท-ผู้ตรวจรับงาน ระดมสมองปรับแก้ เพื่อให้เกิดความพึ่งพอใจ ย้ำ สามารถปรับแก้ได้ ไม่ได้สายเกินไป

เมื่อวานนี้ (24 เม.ย.68) นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานพิธีเปิดอาคารนิทรรศการไทย (Thailand Pavilion) โดยมี นายชัย วัชรงค์ ผู้แทนการค้าไทย นายวิชชุ เวชชาชีวะ เอกอัครราชทูต ณ กรุงโตเกียว นายอัครพงศ์ เฉลิมนนท์ กงสุลใหญ่ ณ นครโอซากา นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข น.ส.ณัฐธิดา เทพสุทิน นายวินิจ เลิศรัตนชัย นพ.ภานุวัฒน์ ปานเกตุ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ นพ.สมฤกษ์ จึงสมาน อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก นพ.สุรโชค ต่างวิวัฒน์ เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา ผู้บริหารสมาคมญี่ปุ่นสำหรับงานนิทรรศการโลกปี 2025 และผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข เข้าร่วม ณ เวทีการแสดง อาคารนิทรรศการไทย ในงาน Expo 2025 Osaka Kansai นครโอซากา ประเทศญี่ปุ่น

โดยนายสมศักดิ์ กล่าวว่า ตนมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้มาเปิด อาคารนิทรรศการไทย (Thailand Pavilion) ในงาน Expo 2025 ที่นครโอซากา ในวันนี้ โดยเชื่อว่า อาคารนิทรรศการแห่งนี้ จะช่วยประชาสัมพันธ์ นำเสนอความเป็นไทย แสดงให้เห็นศักยภาพ และความพร้อมของไทย ในการเป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ Medical and Wellness Hub สู่สายตาประชาคมโลก ผ่านจุดแข็งที่สำคัญหลายประการ เช่น มีแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง มีความพร้อมของสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐานในระดับโลก มีแพทย์และบุคลากรที่มีความรู้และเชี่ยวชาญ มีอัตราค่าบริการการรักษาพยาบาลที่เหมาะสม คนไทยมีเซอร์วิสมายด์ของการบริการที่ดี มีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบถ้วน รวมถึงมีความโดดเด่นด้านการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก เช่น ผลิตภัณฑ์จากสมุนไพรไทย และการนวดแผนไทย ซึ่งได้รับการยกย่อง ให้เป็นมรดกทางวัฒนธรรมของโลก

“ผมขอขอบคุณทุกท่าน ที่ช่วยกันขับเคลื่อนงานที่สำคัญในครั้งนี้ ผมเชื่อมั่นว่า อาคารนิทรรศการไทยพร้อมแล้ว ที่จะต้อนรับนักท่องเที่ยวและนักลงทุน ทั้งชาวญี่ปุ่น และทุกประเทศทั่วโลก ให้เข้ามาเรียนรู้ สัมผัสประสบการณ์อันน่าประทับใจ ช่วยสร้างความเชื่อมั่น และขยายโอกาสการลงทุน ทำให้ประเทศไทย เป็นจุดหมายปลายทางด้านสุขภาพของคนทั้งโลกต่อไป” รมว.สาธารณสุข กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังนายสมศักดิ์ กล่าวเปิดงาน ได้มีการแสดงสะท้อนความเป็นไทยอย่างยิ่งใหญ่ มีการแสดงรำวง ที่นายสมศักดิ์ ได้ร่วมรำด้วย ก่อนจะมีการแสดงเต้นจากโครงการ TO BE NUMBER ONE โดยบรรยากาศ เป็นไปด้วยความคึกคัก มีนักท่องเที่ยวจำนวนมาก ต่างให้ความสนใจ มาร่วมดูกิจกรรมด้วย

นอกจากนี้ นายสมศักดิ์ ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่า วันนี้ ตนได้มาดู พาวิลเลียนไทย ในงาน Expo 2025 Osaka โดยจากคำวิพากษ์วิจารณ์ ตนก็ได้พบได้เห็นหลายๆอย่าง และพยายามทำความเข้าใจในเนื้องานทั้งหมด ซึ่งคำว่า Expo คือ งานแสดงสินค้า และการบ่งบอกถึงอัตลักษณ์ ดังนั้น ในคอนเซ็ปต์คือ การเชื่อมโยงภูมิปัญญาไทย ที่เริ่มตั้งแต่ 1 หมุดหมายสุขภาพ ไปจนถึง 1 ล้านรอยยิ้ม โดยสรุปแล้วคือ การกินดี อยู่ดี ด้วยภูมิปัญญาไทย และจากที่ตนได้เดินดูทั้งหมดแล้ว ต้องบอกว่า ในความเข้าใจ ความรู้สึกของคนมาดู มองว่า เราอาจแบ่งสายการศึกษาเป็น 2 สาย คือ สายวิทย์ และสายศิลป์ ซึ่งคนในกระทรวงสาธารณสุข ส่วนใหญ่เป็นสายวิทยาศาตร์ ก็อาจจะมองในสิ่งที่สายศิลป์มองอย่างชัดเจนและเก่งกล้า ไม่ออกทั้งหมด 

นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า การนำเสนอที่ยังมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์โดยเฉพาะเรื่องต้นไม้ หรือ สิ่งต่างๆที่สามารถเพิ่มเติมได้ตามแนวทางของสัญญา ก็สามารถปรับแก้ได้ ตนคิดว่า ไม่ได้สายเกินไป โดยในช่วงหลังเปิด 10 วันที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งก็มีวิพากษ์วิจารณ์ออกมา ดังนั้น ตนคิดว่า ทางบริษัท และผู้ตรวจงาน ต้องดูคอมเมนต์ต่างๆที่ออกมาด้วย โดยเรามีความเป็นไทยที่มีภูมิปัญญาจากอดีตถึงปัจจุบัน และอนาคต ในเรื่องสุขสมบูรณ์ จึงอยากให้มองตรงนี้ ส่วนจะวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างไร ก็พร้อมรับคำวิจารณ์ และแก้ไข

เมื่อถามว่า จากการดูงานแล้ว อยากให้ปรับตรงไหนเพิ่มหรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า มีปรับในห้อง แต่ตนในฐานะสายวิทย์ มองว่า ให้เกรดเอ 80 คะแนน โดยในกระทรวงสาธารณสุข ส่วนใหญ่เป็นสายวิทยาศาสตร์ ก็มองดูแล้ว มาบ่นฉันทำไม แต่คนที่มาวิพากษ์วิจารณ์คือ สายศิลป์ โดยให้คะแนนถึงครึ่งหรือเปล่าก็ไม่รู้ โดยบางคนให้คะแนน 2 เต็ม 10 ก็ไปว่าเขาไม่ได้ เพราะในมุมมองของคนมันต่างกัน แต่เราก็ต้องทำให้เกิดความพึ่งพอใจ เนื่องจากเม็ดเงิน 800 กว่าล้านบาท ก็ต้องทำให้เกิดความพึ่งพอใจของคนที่มองอยู่ ซึ่งมีทั้งพอใจ และไม่พอใจ ดังนั้น เราก็ต้องปรับเปลี่ยนแนวทางการนำเสนอให้ว้าวขึ้น ตนจึงอยากให้บริษัท และผู้ตรวจรับงาน ได้ระดมสมองกัน ส่วนสำหรับตน ก็จะมีที่ปรึกษา ที่ขอให้ช่วยดู ทั้งในเนื้องาน และการทำงานของเม็ดเงินต่างๆ ที่ยังเหลืออยู่ประมาณ 40% ด้วย

เมื่อถามว่า ในส่วนของเนื้อหา มีความพอใจที่ตอบสนองกับธีมของงานอยู่แล้วใช่หรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ก็ถูก เพราะธีมของงาน ตนก็พยายามดูว่า ผิดอะไรหรือไม่ แต่ของเราอยู่ในมุม ความเชื่อมโยงของวัฒธรรมสังคม ที่ต่อเนื่องสุขสมบูรณ์ โดยของที่เอามาโชว์ทั้งหมด ก็ใช้ได้ แต่ก็ต้องปรับให้ว้าวขึ้น ส่วนตัวเลขคนเข้ามาดู ก็ต้องปรับการบริหาร เพราะตามแนวทางคาดว่า 1-2 ล้านคน ซึ่งถ้าอยากได้ตัวเลขนี้ ก็ต้องมีคนชมวันละ 1 หมื่นคน โดยที่ผ่านมา นับแค่คนเข้าอาคาร แต่งานของเรามีนอกตัวอาคารด้วย ก็ต้องมีการปรับแก้ตรงนี้ด้วย

รพ.สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ จัดโครงการ SRK Innovation Day 2025 

รพ.สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์กรมแพทย์ทหารเรือ โดยสำนักงานวิจัยและการจัดการความรู้ รพ.ฯ ได้จัดโครงการ SRK Innovation Day 2025  ณ ห้องภูหลวง หอประชุม รพ.สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์กรมแพทย์ทหารเรือ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี

โดย พล.ร.ต.พัฒนชัย เฉลิมวรรณ์ ผู้อำนวยการ รพ.สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พร. มาเป็นประธานในพิธีเปิดโครงการ และร่วมชมโปสเตอร์นำเสนอผลงานนวัตกรรมของหน่วยงานฝ่ายการรักษาและฝ่ายสนับสนุนของ รพ.ฯ จำนวน ทั้งสิ้น 27 ผลงาน

โครงการฯ นี้ มีวัตถุประสงค์ เพื่อให้เกิดบรรยากาศการเรียนรู้โดย ผลงานนวัตกรรมที่ดีเหล่านี้ ยังสามารถต่อยอดเพื่อเป็นประโยชน์กับหน่วยงานภายในและขยายผลสู่หน่วยงานภายนอก รพ.ฯ ได้ต่อไป อีกด้วย

เครื่องบินลำเลียง DHC6-400 ตกหน้ารีสอร์ทชะอำ เสียชีวิต 5 ราย เจ็บ 1 ราย เป็นเครื่องของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

(25 เม.ย. 2568) เวลาประมาณ 08.15 น. ศูนย์รับแจ้งเหตุฉุกเฉิน 191 เพชรบุรี ได้รับแจ้งว่าเกิดเหตุเครื่องบินเล็กตกในทะเล บริเวณหน้ารีสอร์ทแห่งหนึ่งในพื้นที่ชะอำ จ.เพชรบุรี เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ชะอำ และทีมกู้ชีพได้รุดเข้าตรวจสอบทันที

จากการตรวจสอบเบื้องต้น ทีมกู้ภัยรายงานว่าพบผู้เสียชีวิต 5 ราย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 ราย ซึ่งได้นำส่งโรงพยาบาลหัวหินแล้ว ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างดำเนินการกู้ร่างผู้เสียชีวิตและตรวจสอบสาเหตุของอุบัติเหตุ

สำหรับเครื่องบินที่ประสบเหตุดังกล่าว เป็นแบบ DHC6-400 Twin Otter ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งเริ่มเข้าประจำการตั้งแต่ปี 2563 โดยเป็นเครื่องบินลำเลียงทางยุทธวิธีที่สามารถใช้งานได้หลากหลายภารกิจ รวมถึงการช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางอากาศ

เชียงใหม่-ภ.5 แถลงผลการจับกุมการลักลอบค้าอาวุธปืนสงคราม จำนวนมาก เตรียมส่งชายแดนแม่ฮ่องสอน

ตำรวจภูธรภาค 5 แถลงผลการปฏิบัติคดีอาชญากรรมรายสำคัญ "สภ.ภูพิงคราชนิเวศน์ จ.เชียงใหม่จับกุมการลักลอบค้าอาวุธปืนสงคราม ผู้ต้องหา 2 ราย พร้อมอาวุธสงครามจำนวนมาก เตรียมส่งชายแดนแม่ฮ่องสอน"

เมื่อวานนี้ (24 เม.ย.68) เวลา 11.00 น.พล.ต.ท.กฤตธาพล ยี่สาคร ผบช.ภ.5 เป็นประธานการแถลงผลการปฏิบัติคดีอาชญากรรมรายสำคัญในพื้นที่ ภ.5 โดยมี พล.ต.ต.ธวัชชัย พงษ์วิวัฒนชัย รอง ผบช.ภ.5, พล.ต.ต.ยุทธนา แก่นจันทร์ ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่, รอง ผบก.สส.ภ.5, รอง ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่, ผกก.สภ.ภูพิงคราชนิเวศน์ ร่วมแถลงผลการจับกุม ณ ห้องประชุม สภ.ภูพิงคราชนิเวศน์  ต.ช้างเผือก อ.เมืองเชียงใหม่ จว.เชียงใหม่

กรณีเมื่อวันที่ 22 เมษายน 2568 สภ.ภูพิงคราช นิเวศน์ จังหวัดเชียงใหม่ ตั้งจุดตรวจแยกเกษตรอินทรีย์ เลียบคลองชลประทาน อ.เมืองเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่ สกัดจับผู้ต้องหา 2 ราย รับจ้างขนอาวุธปืนสงคราม M4A1 จำนวน 10 กระบอก, M79 จำนวน 14 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุนปืนจำนวนมาก เตรียมนำส่งชายแดนพื้นที่ จังหวัดแม่ฮ่องสอน และต่อมา ขยายผลจับกุมผู้ร่วมขบวนการค้าอาวุธสงครามอีก 2 ราย ได้ในท้องที่ ต.ป่าตัน อ.เมืองเชียงใหม่ และ จว.กำแพงเพชร

ผลการตรวจค้นพบ สิ่งของที่สำคัญหลายรายการ ได้ทำการจับกุมในข้อกล่าวหา ครอบครองอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาตฯ พร้อมทั้งตรวจยึดสิ่งของต่างๆ เพื่อดำเนินการต่อไป

โดยของกลาง ประกอบด้วย อาวุธปืนเล็กขาว ทรง AR ขนาด 5.56 มม. ไม่ปรากฏเลข/เครื่องหมายประจำปืน จำนวน 10 กระบอก ซองกระสุนขนาด 5.56 มม. ขนาดบรรจุ 30 นัด จำนวน 10 ซอง เครื่องยิงลูกระเบิด ความกว้างปากลำกล้อง 40 มม. จำนวน 14 กระบอก ของกลางเพิ่มเติม (จว.กำแพงเพชร) อาวุธปืนพกสั้น 1 กระบอก เงินสด 2 ล้านบาท เสื้อเกาะกันกระสุน จำนวน 1 ตัว วิทยุสื่อสาร จำนวน 1 เครื่อง คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ค จำนวน 1 เครื่อง 

Zus Coffee รุกตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างเต็มสูบ เตรียมเปิดสาขาใหม่เกือบ 200 แห่งภายในปี 2568 พร้อมเปิดตัวสาขาแรกในไทย

(24 เม.ย. 68) Zus Coffee (ซุส คอฟฟี่) แบรนด์กาแฟชื่อดังจากมาเลเซีย เตรียมเปิดร้านใหม่เกือบ 200 แห่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ภายในปี 2568 โดยแบ่งเป็น 107 สาขาในมาเลเซีย 80 สาขาในฟิลิปปินส์ 6 สาขาในสิงคโปร์ และอีกหนึ่งสาขาแรกในประเทศไทยและอินโดนีเซีย

เมื่อไม่นานมานี้ Zus Coffee ได้แซงหน้าสตาร์บัคส์ขึ้นเป็นเชนร้านกาแฟที่มีจำนวนสาขามากที่สุดในมาเลเซีย โดยมีสาขาทั้งหมด 743 แห่ง เทียบกับสตาร์บัคส์ที่มีเพียง 320 แห่ง

การเติบโตของ Zus Coffee เกิดขึ้นในช่วงที่สตาร์บัคส์ในมาเลเซียเผชิญกับผลกระทบจากการคว่ำบาตรทางการเมือง ซึ่งส่งผลกระทบต่อรายได้ของผู้ประกอบการในประเทศ

Zus Coffee เริ่มต้นจากร้านเล็กๆ ในปี 2019 และสามารถเติบโตได้อย่างรวดเร็ว โดยรายงานรายได้สุทธิในปี 2024 เพิ่มขึ้นถึงสามเท่า เป็น 37 ล้านริงกิต (ราว 281 ล้านบาท) ซึ่งกว่า 70% ของยอดขายมาจากการสั่งซื้อผ่านระบบออนไลน์ สะท้อนถึงความสำเร็จของโมเดลธุรกิจที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี

อดีตคณบดีนิติฯ จุฬาฯ หนุนเพิกถอนปริญญาบัณฑิตหากพบทุจริตสอบนิติฯ มั่นใจคณะดำเนินการรอบคอบ ตรงไปตรงมาเพื่อรักษาศักดิ์ศรีสถาบัน

(24 เม.ย. 68) จากกรณีที่กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) ดำเนินคดีจับกุมผู้ต้องหาซึ่งเกี่ยวข้องกับการลักลอบนำข้อสอบของคณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ออกไปให้บุคคลอื่นทำก่อน แล้วส่งต่อให้กับอดีตนายตำรวจระดับสูงเพื่อคัดลอกข้อสอบ : ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงปี 2566 และได้สร้างความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของหลักสูตรอย่างมาก 

กระทั่งคณะนิติศาสตร์ต้องออกแถลงการณ์ชี้แจงว่า ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมไม่ใช่ศิษย์เก่าและไม่ใช่บุคลากรของมหาวิทยาลัย แต่สามารถเข้าถึงข้อสอบได้จากการอาศัยโอกาสเข้ามาติดต่อประสานงานกับเจ้าหน้าที่ของหลักสูตร ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างกระบวนการสอบสวนและดำเนินคดีตามกฎหมาย

ในประเด็นนี้ ศาสตราจารย์พิเศษ ธงทอง จันทรางศุ อดีตคณบดีคณะนิติศาสตร์ จุฬาฯ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว แสดงความเห็นอย่างชัดเจนว่า เมื่อถึงเวลาที่ข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานปรากฏอย่างแน่ชัด หากพบว่ามีบัณฑิตคนใดได้รับปริญญาจากการกระทำอันเป็นการทุจริต การเพิกถอนปริญญาควรเป็นผลที่ตามมาอย่างไม่ต้องสงสัย ทั้งนี้เพื่อรักษาความศักดิ์สิทธิ์ของวุฒิการศึกษา และยืนยันว่ามหาวิทยาลัยไม่ยอมให้มีการใช้เส้นสายหรือกลวิธีที่ไม่ชอบธรรมในการเข้าสู่ระบบการศึกษา

ศาสตราจารย์ธงทองยังกล่าวเพิ่มเติมว่า ตนมั่นใจว่าคณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จะดำเนินการในเรื่องนี้อย่างตรงไปตรงมา รอบคอบ และอยู่ภายใต้กรอบของความยุติธรรม เพื่อพิทักษ์หลักนิติธรรมและจริยธรรมทางวิชาการ ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของการศึกษาด้านกฎหมายในสังคมไทย

ทั้งนี้ ศ.ธงทอง ยังได้ฝากกำลังใจมายังคณะผู้บริหาร คณาจารย์ และชาวจุฬาฯ ทุกคน ให้ยืนหยัดรักษาความน่าเชื่อถือของหลักสูตรและสถาบันต่อไป พร้อมทั้งย้ำว่า ความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมและความถูกต้องจะเป็นพลังสำคัญในการฝ่าฟันวิกฤตในครั้งนี้

สตูล ศรชล เตรียมความพร้อมรับมือเหตุฉุกเฉินทางทะเล จัดการฝึก TTX จำลองแผนช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางทะเล สร้างความมั่นใจให้ประชาชนและนักท่องเที่ยว

พลเรือโท สุวัจ ดอนสกุล ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ภาค 3 (ศรชล.ภาค 3)/ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 3 มอบหมายให้ น.อ.แสนย์ไท บัวเนียม รองผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล จังหวัดสตูล (รอง ผอ.ศรชล.จว.สตูล) จัดการฝึกซ้อมแผนช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางทะเล การปฏิบัติด้านการแพทย์ฉุกเฉินทางทะเล และการบริหารจัดการในภาวะวิกฤต ในรูปแบบ Table Top Exercise (TTX) ระหว่างวันที่ 23 – 24 เมษายน 2568 เวลา 08.30 – 17.30 น.ณ เพ็ญทิพย์ รีสอร์ท อำเภอเมืองสตูล จังหวัดสตูล โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อเป็นการซักซ้อมความเข้าใจ และขั้นตอนการปฏิบัติ ตามแผนเผชิญเหตุช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางทะเล การปฏิบัติด้านการแพทย์ฉุกเฉินทางทะเล และการบริหารจัดการในภาวะวิกฤต ของจังหวัดสตูล และนำไปสู่การฝึกภาคสนาม การปฏิบัติจริง เมื่อเกิดเหตุภัยพิบัติต่าง ๆ ในพื้นที่ทางทะเลของจังหวัดสตูล อีกทั้งยังเป็นการสร้างความเชื่อมั่น เกี่ยวกับความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สิน ให้กับประชาชนในพื้นที่ ผู้ประกอบอาชีพประมง และผู้ประกอบการท่องเที่ยวทางทะเล รวมทั้งนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติ ที่เดินทางมาท่องเที่ยวในพื้นที่ทางทะเลของจังหวัดสตูล

ในวันพุธที่ 23 เมษายน 2568 เวลา 09.30 น. นาวาเอกแสนย์ไท บัวเนียม รอง ผอ.ศรชล.จว.สตูล เป็นประธานในพิธีเปิดการฝึก ณ เพ็ญทิพย์ รีสอร์ท หน่วยงานที่เข้าร่วมการฝึกซ้อมครั้งนี้ ประกอบด้วย:
• ศรชล.จว.สตูล
• ศคท.จว.สตูล
• สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสตูล (ปภ.สตูล)
• สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสตูล
• โรงพยาบาลสตูล
• สถานีตำรวจภูธรเมืองสตูล
• หน่วยงานในสังกัดกองทัพเรือที่เกี่ยวข้อง
• หน่วยงานของกรมเจ้าท่าในพื้นที่
• องค์การบริหารส่วนจังหวัดสตูล
• องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ชายฝั่ง
• สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.)
• หน่วยรักษาความปลอดภัยทางทะเล กองทัพเรือ เกาะหลีเป๊ะ
• เรือ ต.114 และ เรือ ต.273
• ชุดปฏิบัติการพิเศษนาวิกโยธิน พื้นที่ปฏิบัติการทางทะเล ศรชล.ภาค 3 (ชปพ.นก.พตต.ศรชล.ภาค 3)
• และหน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
• การปฏิบัติใน วันที่ 23 เมษายน 2568 ประกอบด้วย
การบรรยายพิเศษโดยวิทยาการผู้มีประสบการณ์จากหน่วยงานต่าง ๆ ดังนี้
• ปภ.จว.สตูล–แผนเผชิญเหตุและการจัดตั้งศูนย์บัญชาการ
• ศคท.จว.กระบี่–ศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ทางทะเลของ ศรชล.ภาค 3
• สาธารณสุขจังหวัด / รพ.สตูล – ระบบสั่งการ 1669 และการแพทย์ฉุกเฉินทางทะเล
• รอง ผอ.ศรชล.จว.สตูล / ศคท.จว.สตูล / ปภ.สตูล – แนวทางการฝึกและสถานการณ์สมมุติ

การอภิปราย วิเคราะห์สถานการณ์ ฝึกตัดสินใจ และเสนอแนะแนวทางปฏิบัติร่วมกันระหว่างหน่วยงาน

วันที่ 24 เมษายน 2568 ปล่อยโจทย์สถานการณ์จำลองเหตุอุบัติภัยทางทะเล (สถานการณ์จริงสมมุติ), วิเคราะห์การปฏิบัติ ประเมินปัญหา อุปสรรค และข้อเสนอแนะ

สรุปผลการฝึก โดยคณะควบคุมการฝึก: ศรชล.จังหวัดสตูล / ศคท.สตูล / ปภ.สตูล
การฝึก TTX ครั้งนี้ถือเป็นกลไกสำคัญในการบูรณาการความร่วมมือทุกภาคส่วนในจังหวัดสตูล เพื่อเตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์ฉุกเฉินทางทะเลได้อย่างทันท่วงที มีประสิทธิภาพ และปลอดภัยสูงสุด

เหตุด่วน เหตุร้าย ภัยทางทะเล
📞 ต้องการความช่วยเหลือทางทะเล โทร. 1465 แจ้ง ศรชล.ภาค 3 ตลอด 24 ชั่วโมง

สำนักงานตำรวจแห่งชาติแถลงผลการดำเนินงานในรอบ 6 เดือน เด็ดขาด รุกปราบปรามอาชญากรรมทุกรูปแบบ พร้อมเสริมสวัสดิการ สร้างความเป็นอยู่ที่ดีให้กับตำรวจและครอบครัว

(23 เม.ย. 68) เวลา 10.30 น. พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มอบหมายให้ พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วย พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ และ พล.ต.ต.วรศักดิ์                 พิสิษฐบรรณกร รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แถลงผลการดำเนินการปราบปรามอาชญากรรมของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ รอบ 6 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2567 ถึง 31 มีนาคม 2568 ณ สารสิน อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ 

1. ผลการดำเนินการปราบปรามอาชญากรรม 4 กลุ่ม 
- คดีอุกฉกรรจ์และสะเทือนขวัญ : จับกุม 9,183 คดี ผู้ต้องหา 12,329 คน 
- คดีชีวิต ร่างกายและเพศ : จับกุม 29,213 คดีผู้ต้องหา 34,876 คน 
- คดีประทุษร้ายต่อทรัพย์ : จับกุม 6,924 คดี ผู้ต้องหา 8,380 คน 
- คดีที่น่าสนใจหรือรัฐเป็นผู้เสียหาย : จับกุม 263,731 คดี ผู้ต้องหา 275,514 คน

2. ผลการดำเนินการปราบปรามอาชญากรรมที่ส่งผลกระทบต่อประชาชน 
2.1 มาตรการปราบปรามยาเสพติด 
- ผลการปราบปรามยาเสพติด จับกุมผู้ต้องหา 123,910 คน , ข้อหาฟอกเงิน 146 คดี ของกลางยาบ้า 510,211,182 เม็ด , ไอซ์ 29,604.74 กิโลกรัม , เคตามีน 3,926.78 กิโลกรัม , เฮโรอีน 880.20 กิโลกรัม , ยาอี 118,230 เม็ด ยึดอายัดทรัพย์สิน 4,986,222,913 บาท
- มาตรการสกัดกั้นและปราบปรามผู้ค้ายาเสพติดตามแนวชายแดนและพื้นที่ตอนในของประเทศ Seal Stop Safe ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ ถึง 31 มีนาคม 2568 จับกุมข้อหาร้ายแรง 23,270 คดี ของกลางยาบ้าและยาอี รวม 200.64 ล้านเม็ด และไอซ์ , เคตามีน , เฮโรอีน รวม 11 ตัน ยึดอายัดทรัพย์สิน 1,414.66 ล้านบาท โดยมีการจับกุมและการยึดทรัพย์ เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 19 - 79 เมื่อเทียบจากปี 2567
- ผลการจับกุมการกระทำความผิดเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้า ระหว่างวันที่ 26 กุมภาพันธ์ ถึง 3 เมษายน 2568 จับกุมผู้ต้องหา 2,260 คน ของกลาง 1,106,936 ชิ้น มูลค่า 218,499,239 บาท , การจับกุมผู้ลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้ารายใหญ่ หรือมูลค่าของกลาง 5 แสนบาทขึ้นไป และแก๊สหัวเราะ (รวมยอดของกรมศุลกากร) จำนวน 26 คดี ผู้ต้องหา 27 คน ของกลาง 1,297,111 ชิ้น มูลค่า 264,492,100 บาท , คดีฟอกเงิน 22 คดี ของกลาง 839,948 ชิ้น มูลค่าของกลาง 202,863,310 บาท , ระงับ/ปิดกั้น URL ที่เกี่ยวข้องกับการจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า 11,106 URL และปิดกั้นเพจเฟซบุ๊กตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2567 ถึงเดือนมีนาคม 2568 จำนวน 1,687 เพจ 

2.2 แก๊งคอลเซ็นเตอร์ 
จำนวนคดีที่รับแจ้งความในระบบแจ้งความออนไลน์ 126,400 คดี ออกหมายจับ 327 คดี มีผลการจับกุม 152 คดี พนักงานอัยการสั่งฟ้องคดี จำนวน 125 คดี 
ผลการจับกุมอาชญากรรมทางเทคโนโลยีทุกประเภท 22,551 ราย บัญชีม้า 4,558 ราย การพนันออนไลน์ 35,174 ราย

การช่วยเหลือเหยื่อจากการค้ามนุษย์ การปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และตั้งศูนย์ประสานงานระหว่างไทยและกัมพูชา อีกทั้งนายกรัฐมนตรีได้มีคำสั่งจัดตั้ง ศูนย์อำนวยการขับเคลื่อนการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยคุกคามที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงในพื้นที่ชายแดนกับประเทศเพื่อนบ้าน (ศอ.ปชด.) ซึ่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ รับผิดชอบในส่วนของ ศูนย์ปฏิบัติการเฉพาะกิจปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ และการค้ามนุษย์ที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงในพื้นที่ชายแดนกับประเทศเพื่อนบ้าน (ฉก.88) ส่งผลให้สามารถปราบปรามขบวนการอาชญากรรมทางเทคโนโลยีข้ามชาติได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยทางการกัมพูชาได้ควบคุมตัวคนไทย ผู้มีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในเมืองปอยเปต และส่งตัวกลับมายังประเทศไทย เพื่อเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม

ครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2568 ทางการกัมพูชาได้ควบคุมตัวคนไทยจำนวน 119 ราย  ซึ่งผลการตรวจสอบโดยเจ้าหน้าที่สหวิชาชีพและพนักงานสอบสวน พบว่า ผู้ต้องหา 100 รายมีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงกับองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ อีก 15 รายอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน โดยศาลได้อนุมัติหมายจับรวมทั้งสิ้น 102 ราย รวมถึงหัวหน้าแก๊งชาวจีนจำนวน 2 ราย 

ครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2568 ครั้งที่ 1 ทางการกัมพูชาได้ควบคุมตัวคนไทยจำนวน 56 ราย  ซึ่งผลการตรวจสอบโดยเจ้าหน้าที่สหวิชาชีพและพนักงานสอบสวน พบว่า ผู้ต้องหา 49 รายมีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงกับองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ อีก 17 รายอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน ในข้อหาสำคัญ ได้แก่ ร่วมกันเป็นองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ, อั้งยี่, ซ่องโจร, ฉ้อโกงประชาชน และนำข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ขบวนการดังกล่าวมีพฤติการณ์ในการหลอกลวงประชาชนรูปแบบต่าง ๆ เช่น การหลอกลงทุนเทรดหุ้น โรแมนซ์สแกม การพนันออนไลน์ และการแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายเป็นวงกว้าง

2.3 ค้ามนุษย์ อาวุธปืน อาวุธสงคราม หนี้นอกระบบ ผู้มีอิทธิพล คนต่างด้าวผิดกฎหมาย และอาชญากรรมข้ามชาติ 1) ตรวจสอบพื้นที่เสี่ยงป้องกันการค้ามนุษย์ 1,263 ครั้ง ดำเนินคดีความผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์และความผิดที่เกี่ยวข้อง จำนวน 116 คดี จับกุมผู้ต้องหา 150 คน , คัดกรอง (NRM) 15,819 คน พบข้อบ่งชี้อาจเข้าข่ายเป็นผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ 1,543 คน , ตรวจเรือประมง 1,128 ลำ จับกุมเรือประมง 19 คดี ผู้ต้องหา 20 คน ,  สถิติ CyberTip 142,015 เรื่อง และจับกุมคดีล่วงละเมิดเด็กทางอินเตอร์เน็ต 43 คดี 
2) เปิดยุทธการกวาดล้างผู้มีอิทธิพล 
- “CIB ขยี้อิทธิพล” เป้าหมายผู้มีอิทธิพล 47 เป้าหมาย กลุ่มแก๊งอาชญากรรม 74 เป้าหมาย จับกุม 109 คน ตรวจยึดยานพาหนะ 168 คัน อาวุธปืน 18 กระบอก เครื่องกระสุน 252 นัด , ยาเสพติด และอื่นๆ 
- “ธรณีนี้ มีขื่อ มีแป” เป้าหมายตรวจค้น 667 จุด 89 หมายจับ จับกุม 218 คน ตรวจยึดรถยนต์ 64 คัน รถจักรยานยนต์ 250 คัน อาวุธปืน 266 กระบอก พร้อมกระสุน 5,743 นัด , ระเบิด และยาเสพติด 
3) กำหนดพื้นที่แก้ไขปัญหาสถานการณ์ชายแดน หมู่บ้านเป้าหมายหลัก 4,639 หมู่บ้าน หมู่บ้านเป้าหมายรอง     (เฝ้าระวัง) 21,669 หมู่บ้าน ดำเนินการผลักดันส่งกลับคนต่างด้าว 50,918 ราย ลงข้อมูลบัญชีบุคคลต้องห้าม 1,330 ราย

3. การดำเนินการที่สำคัญ 
3.1 มาตรการ 7 ขั้นตอน ป้องกันคนต่างด้าวถูกหลอกลวงหรือเป็นผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ 
สรุปผลการปฏิบัติตั้งแต่วันที่ 20 มกราคม ถึง 24 กุมภาพันธ์ 2568 มีการตั้งจุดตรวจ 17,908 จุด , ตรวจสอบยานพาหนะ 806,952 คัน , มีการตรวจสอบป้ายทะเบียนรถและใบหน้าบุคคล 22,828 ข้อมูล , ตรวจสอบสถานที่พัก สถานีขนส่ง จุดพัก ช่องทางธรรมชาติ ท่าข้ามต่าง ๆ 20,482 แห่ง จำนวน 24,537 ครั้ง , จับกุมคนต่างด้าวกระทำผิดกฎหมาย 1,962 ราย , ปฏิเสธการเข้าเมือง 2,367 ราย เพิกถอนการอนุญาต 202 ราย , ประชาสัมพันธ์รูปแบบต่างๆ ผ่านทุกช่องทาง , ดำเนินการทางปกครอง รวมจำนวน 7 ราย และการประสานงานความร่วมมือระหว่างประเทศอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้การเดินทางข้ามแดนโดยผิดกฎหมายและการกระทำความผิดของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ

3.2 แนวทางการบริหารจัดการคดีสำคัญต่าง ๆ  มีการบริหารจัดการคดีสำคัญต่างๆ อาทิ กรณีเพลิงไหม้รถนักเรียน มีการตั้ง ศปก.ส่วนหน้า บริหารเหตุการณ์ฉุกเฉิน พร้อมดำเนินคดีทุกข้อหากับคนขับและผู้ที่เกี่ยวข้อง , คดีไอคอนกรุ๊ป มีการจัดตั้งศูนย์รับแจ้งความทั่วประเทศ , กรณีคดีห้างเพชรทองเคทูเอ็น (ตั๊ก-เบียร์) และห้างเพชรทองธาดาโกลด์ (ใบหนาด) มีการเปิดช่องทางสายด่วน 1599 เพื่อเป็นศูนย์รับแจ้งเหตุให้กับผู้เสียหาย , กรณีคดีนายแพทย์บุญ วนาสิน ศาลอาญาได้อนุมัติหมายจับผู้ต้องหา จำนวน 16 ราย จับกุมแล้ว 15 ราย คงเหลือ 1 ราย คือ นายแพทย์บุญฯ ซึ่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้มีหนังสือแจ้งไปยังองค์กรตำรวจสากล (Interpol) และได้ประกาศตำรวจสากลสีแดง (Red Notice) เรียบร้อยแล้ว

3.3 การบริหารจัดการภัยเหตุตึกสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ถล่ม และการรับมือภัยธรรมชาติ พายุฤดูร้อน
ดำเนินการตามแผนป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เน้นในการบริหารจัดการพื้นที่ ปิดล้อมที่เกิดเหตุ อพยพ ช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ การอำนวยความสะดวกด้านการจราจร การนำส่งสายการแพทย์ การพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคลและการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานดำเนินคดี

4. การขับเคลื่อนนโยบายสำนักงานตำรวจแห่งชาติ 15 ข้อ และนโยบายรัฐบาล 
สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้แต่งตั้งคณะทำงานขับเคลื่อนนโยบายและขับเคลื่อนโครงการ/กิจกรรม ที่สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาล จำนวน 32 โครงการ/กิจกรรม โดยมีโครงการที่สำคัญ ได้แก่ โครงการ Digital Police Station,         การปรับปรุงแก้ไขคำสั่ง ตร. ที่ 419/2556 เรื่อง การอำนวยความยุติธรรมในคดีอาญา การทำสำนวนการสอบสวนและ มาตรการควบคุม ตรวจสอบ เร่งรัดการสอบสวนคดีอาญา , โครงการบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาข่าวกรองเชิงยุทธศาสตร์และข่าวเชิงรุก, จัดทำแผนแม่บทด้านงบประมาณ การเงิน บัญชี การส่งกำลังบำรุงและเทคโนโลยีสารสนเทศ, โครงการแก้ไขปัญหาหนี้สิน ช่วยเหลือข้าราชการตำรวจที่เสียชีวิตหรือได้รับบาดเจ็บจากการปฏิบัติหน้าที่ สวัสดิการบ้านพัก บ้านพักน่าอยู่ อาหารกลางวัน 

5. สวัสดิการและความเป็นอยู่
มีการดูแลสวัสดิการในด้านต่างๆ สำหรับเจ้าหน้าที่ตำรวจและครอบครัว อาทิ เบี้ยเลี้ยง , การช่วยเหลือข้าราชการตำรวจที่เสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ , สวัสดิการด้านอาหารกลางวันหน่วยในสังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ , การอบรม Money Management & Investment “ค่ายส่งสุขทางการเงิน เพื่อครอบครัวตำรวจไทย” ซึ่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร่วมกับสมาคมแม่บ้านตำรวจ และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ให้ความรู้ความเข้าใจด้านการวางแผนการเงิน , โครงการ “เสริมสร้างทักษะดนตรี กีฬา ช่วงปิดภาคการศึกษาแก่บุตรหลานข้าราชการตำรวจ” เป็นต้น 

และเน้นการเปลี่ยนแนวคิด Mindset 6 ด้าน 1. ปกป้องพิทักษ์เทิดทูนสถาบัน 2. การดูแลผู้ใต้บังคับบัญชา 3. แก้ไขสิ่งที่ผิดและทำในสิ่งที่ถูกต้องเหมาะสม 4. อุดมคติตำรวจ 5. เป็นต้นแบบและเป็นแบบอย่างที่ดี 6. การพัฒนาและดูแลความเป็นอยู่ของประชาชน นอกจากนี้ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ฝากเพิ่มเติมว่า ห้วงที่ผ่านมามีหลายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น บางคดีผู้เสียหายมีจำนวนมากที่จะต้องเข้าไปแก้ไขปัญหา เพิ่มจำนวนพนักงานสอบสวนหรือเจ้าหน้าที่ รวมถึงการบริหารจัดการคดีสำคัญ ช่วงการจัดงานเทศกาลสำคัญต่าง ๆ ที่ตำรวจได้เข้าไปปฏิบัติหน้าที่ จึงขอขอบคุณตำรวจทุกนายที่ได้ร่วมกันปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างเห็นผลเป็นที่ประจักษ์ มีการขับเคลื่อนและเห็นผลเป็นที่ประจักษ์ แต่อย่างไรก็ตาม จะต้องขับเคลื่อนและกำหนดมาตรการเข้มข้น การปฏิบัติอย่างจริงจังต่อเนื่อง โดยเฉพาะอาชญากรรมที่ส่งผลกระทบต่อประชาชน ยาเสพติด อาชญากรรมออนไลน์ ปัญหาคนต่างด้าวผิดกฎหมาย/นอมินี จะต้องดำเนินการอย่างเด็ดขาด ต่อเนื่อง จริงจัง เพื่อให้อาชญากรรมดังกล่าวลดลง และแก้ไขปัญหาแบบยั่งยืน ในบางโครงการเป็นโครงการระยะยาว จะต้องเร่งรัดให้สำเร็จผลและปรับแผนการปราบปรามอาชญากรรมให้ทันต่อสภาพอาชญากรรม และการสร้างวินัยจราจร เพื่อลดอุบัติเหตุและ  จะได้สรุปผลการดำเนินการในรายไตรมาสต่อไป

ภูฏานประดับพระบรมฉายาลักษณ์-ธงชาติไทยทั่วเมือง เตรียมต้อนรับเสด็จฯ ในหลวง–พระราชินี เยือนอย่างเป็นทางการ 25–28 เม.ย.นี้

(24 เม.ย. 68) เพจเฟซบุ๊ก 'โบราณนานมา' โพสต์ภาพพร้อมข้อความเผยว่า ราชอาณาจักรภูฏานได้ประดับพระบรมฉายาลักษณ์และธงชาติไทยในพื้นที่ต่าง ๆ เตรียมความพร้อมรับเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี

ทั้งสองพระองค์จะเสด็จพระราชดำเนินเยือนราชอาณาจักรภูฏานอย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ 25–28 เมษายน 2568 ตามคำทูลเชิญของสมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก ซึ่งในหลวงทรงรับคำเชิญด้วยความปีติยินดียิ่ง

การเสด็จฯ เยือนในครั้งนี้ถือเป็นโอกาสสำคัญในการกระชับความสัมพันธ์และความร่วมมืออันแน่นแฟ้นระหว่างสองราชอาณาจักร ที่มีมิตรภาพอันยาวนาน สืบเนื่องจากมรดกทางวัฒนธรรมร่วมกันในพระพุทธศาสนา และสายสัมพันธ์ระหว่างราชวงศ์และประชาชนของทั้งสองประเทศ

สำนักงานมวยฯ เร่งสอบกรณี ‘มวยตลก’ บนเวทีดัง ชี้ย่ำยีศักดิ์ศรีมวยไทย ‘ฝ้าย เมฆะ’ – ‘แป้งฝุ่น’ โร่ขอโทษแล้ว

(24 เม.ย. 68) กลายเป็นประเด็นร้อนในโลกโซเชียล หลังมีการเผยแพร่คลิป “มวยตลก” บนเวทีมวยจังหวัดอุดรธานี ซึ่งผู้ขึ้นชกแต่งกายไม่เหมาะสมและแสดงพฤติกรรมล้อเลียนการชกมวย ทำให้คนในวงการมวยไทยวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักว่าเป็นการย่ำยีเวทีอันศักดิ์สิทธิ์ และละเมิดขนบธรรมเนียมที่มีครูบาอาจารย์

นายณัฐพล อันตระเสน ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการกีฬามวย เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้รับรายงานเรื่องดังกล่าวแล้ว และได้สั่งการให้การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) จังหวัด ตรวจสอบว่าเวทีดังกล่าวได้รับอนุญาตจัดการแข่งขันอย่างถูกต้องหรือไม่ พร้อมย้ำว่าความศักดิ์สิทธิ์ของเวทีมวยต้องได้รับการปกป้อง ไม่ใช่ถูกใช้เป็นพื้นที่สร้างคอนเทนต์โดยขาดความเคารพ

ด้าน “ฝ้าย เมฆะ” และ “แป้งฝุ่น” สองอินฟลูเอนเซอร์ที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ ออกมาขอโทษต่อสาธารณะและวงการมวยไทย ยอมรับว่าเป็นการกระทำที่ขาดความยั้งคิด และให้คำมั่นว่าจะไม่ทำพฤติกรรมในลักษณะนี้อีก พร้อมขอใช้เหตุการณ์นี้เป็นบทเรียนสำคัญในการเคารพศิลปะแม่ไม้มวยไทยต่อไป

นราธิวาส-คณะตัวแทนรัฐ 3 ฝ่าย ห่วงใยร่วมให้กำลังใจผู้บาดเจ็บเหตุระเบิด – 2 เยาวชนยังอาการน่าห่วง นักเรียนหญิงหวั่นกระทบการสมัครเรียน

ที่บรรยากาศที่ตึกกัญญารัตน์ โรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ อ.เมือง จ.นราธิวาส เต็มไปด้วยความห่วงใยและอบอุ่น เมื่อคณะตัวแทนจากภาครัฐ 3 ฝ่าย ร่วมลงพื้นที่เข้าเยี่ยมให้กำลังใจผู้บาดเจ็บและครอบครัวที่ได้รับผลกระทบจากเหตุลอบวางระเบิดบริเวณหลังสถานีตำรวจภูธรเมืองนราธิวาสในวันที่20 เมษายน ที่ผ่านมา

โดยเหตุการณ์ลอบวางระเบิดในครั้งนี้ สร้างแรงสั่นสะเทือนในพื้นที่ใกล้เคียงเพราะเป็นชุมชนที่หนาแน่นและประชาชนได้มาจับจ่ายใช้สอยเนื่องจากบริเวณที่เกิดเหตุเส้นทางไปตลาดนัดบ้านทอนซึ่งตรงกับทุกวันอาทิตย์ของสัปดาห์ เหตุการณ์ดังกล่าว หลายหน่วยงานรีบเข้าเยี่ยมผู้ป่วย เพื่อเยียวยาและสร้างขวัญกำลังใจให้กับประชาชนอย่างรวดเร็ว การเข้าเยี่ยมครั้งนี้นำโดย นายซาฟีอี เจ้ะเลาะ ประธานกรรมการอิสลามประจำจังหวัดนราธิวาส, นางซารีนา เจ้ะเลาะ พร้อมกับนายอับดุลอาซิซ เจ้ะมามะ ในนามที่ปรึกษาศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ฝ่ายสตรีนางประนอม คำจุ่นประธานโฆษกชาวบ้านนางปารีดะ อารีซู รองประธานศูนย์สภาพัฒนาการเมืองพลเมืองพระปกเกล้าจังหวัดนราธิวาส , พร้อมด้วย พ.ท.ปรีชา รุ่งเมือง และ นายสุกรี มะดากะกุล กรรมการกองอำนวยการตัวแทนคณะขับเคลื่อนสันติสุขชายแดนใต้ และคณะกว่า10 ท่านต่างพร้อมใจเข้าพบครอบครัวผู้ได้รับบาดเจ็บ ให้กำลังใจอย่างใกล้ชิด ซึ่งขณะนี้ยังมีเยาวชน 2 รายที่แพทย์ยังต้องเฝ้าติดตามอาการอย่างใกล้ชิด คือ ด.ช.อัสมิน ดือเระ ชาว ต.ลุโบะสาวอ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส ซึ่งได้รับบาดแผลจากสะเก็ดระเบิดบริเวณกรามและคอ และ นส .นัชมีย์ ศรีมารักษ์ อายุ 15  ได้รับบาดเจ็บจากสะเก็ดระเบิดบริเวณใต้ราวนมขวา บาดแผลลึกและยังอยู่ในความดูแลของทีมแพทย์อย่างต่อเนื่อง 

นส .นัชมีย์ ศรีมารักษ์ อายุ 15 กล่าวว่า ตอนนี้รู้สึกเสียใจมากและตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นขณะนี้ก็ยังอยู่ในความหวาดผวาอยู่ ขอบคุณทุกท่านที่มาให้กำลังใจและอีกเรื่องหนึ่งคือตนอยู่ระหว่างจะไปสมัครสอบเข้าเรียนชั้นม 4 ด้วยแต่ยังไม่ทันได้เข้าสมัครกังวลว่าจะได้เข้าโรงเรียนต่อหรือไม่ถึงฝากผู้ใหญ่ที่เกี่ยวข้องช่วยดำเนินการเรื่องนี้ด้วยค่ะ

เหตุการณ์ลอบวางระเบิด ยังคงเกิดเหตุ อย่างต่อเนื่องกันทุกวันหลายฯหน่วยงานเกิดความวิตกกังวลกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้ชาวบ้าน และหลายๆฝ่ายออกมาเรียกร้องขอให้ยุติความรุนแรงโดยเร็วที่สุด เพราะมีผลประทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันโดยมาก ขณะที่ภาครัฐไม่ได้นิ่งนอนใจ พร้อมทั้งเดินหน้าดูแลผู้ได้รับผลกระทบอย่างเต็มที่ เพื่อเยียวยาและสร้างขวัญกำลังใจให้กับประชาชนในพื้นที่ชายแดนใต้ที่ยังคงเผชิญความไม่สงบอย่างต่อเนื่อง


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top