Friday, 29 March 2024
NEWS

‘กองสลากฯ’ ประกาศ เพิ่มช่องทางการจำหน่าย แผงสลากดิจิทัล เพื่ออำนวยความสะดวก เริ่มแล้ว ตั้งแต่งวดนี้

(23 มี.ค.67) นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ได้ออกประกาศเรื่องการจัดจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลหกหลัก แบบดิจิทัลผ่านแพลตฟอร์ม

โดยใช้ช่องทางเว็บไซต์จำหน่ายสลาก ภายใต้ชื่อ www.glolotteryshop.com หรือ 'แผงสลากดิจิทัล' ให้กับร้านค้าของตัวแทนจำหน่าย ที่ทำสัญญาจำหน่ายสลากดิจิทัลกับสำนักงานสลากฯ และได้รับจัดสรรสลากตามจำนวนที่สำนักงานสลากฯกำหนด

โดยสามารถใช้ช่องทางเว็บไซต์จำหน่ายสลากได้ตั้งแต่วันที่ 17 มี.ค. 67 หรือ งวดวันที่ 1 เม.ย.67 เป็นต้นไป เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับตัวแทนจำหน่ายสลากดิจิทัลที่ทำสัญญาไว้กับสำนักงานสลากฯ สามารถใช้เป็นเครื่องมือในการจำหน่ายสลากดิจิทัล ที่จะเข้าถึงพฤติกรรมผู้ซื้อสลากฯ มากขึ้น

นายคารม กล่าวว่า การซื้อสลากดิจิทัลผ่านแผงสลากดิจิทัล จะต้องชำระเงินผ่านแอปพลิเคชันเป๋าตังเท่านั้น ในราคาใบละไม่เกิน 80 บาท ผู้ซื้อสลากฯ เมื่อเลือกหมายเลขได้ตามที่ต้องการแล้ว ให้ตรวจสอบหมายเลขสลาก และสร้างคิวอาร์โค้ดเพื่อชำระเงิน โดยเปิดแอปพลิเคชันเป๋าตัง และสแกนคิวอาร์โค้ด

หากผู้ซื้อไม่ชำระเงินภายในเวลาที่กำหนด สลากดิจิทัลที่เลือกไว้จะกลับเข้าสู่ร้านค้าของตัวแทนจำหน่ายสลากแบบดิจิทัลต่อไป หากชำระเงินสำเร็จ ผู้ซื้อจะได้รับสลากแบบดิจิทัลปรากฏในแอปพลิเคชันเป๋าตัง โดยกรรมสิทธิ์สลากแบบดิจิทัลดังกล่าวจะตกเป็นของผู้ซื้อสลากทันที และผู้ซื้อไม่สามารถโอนกรรมสิทธิ์ หรือสิทธิในสลากแบบดิจิทัล ที่ได้ทำการซื้อขายเสร็จเด็ดขาดแล้วนั้นไปยังบุคคลอื่นได้ ไม่ว่าวิธีการใด

‘ธนกร’ ขอบคุณ นายกฯ-สุริยะ เร่งสร้างถนน-มอเตอร์เวย์ เพื่อพัฒนา กระตุ้นเศรษฐกิจ สร้างรายได้ให้ คนปักษ์ใต้

(23 มี.ค.67) นายธนกร วังบุญคงชนะ อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ สส.แบบบัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวถึงกรณีสส.ภาคใต้จากทุกพรรคการเมือง ทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาล เสนอข้อคิดเห็นต่อนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม ให้มีการสร้างมอเตอร์เวย์และสร้างถนนเพิ่มเส้นทางมุ่งสู่ภาคใต้เพื่อแก้ปัญหาจราจรให้พี่น้องประชาชน ว่า ตนในฐานะ สส.คนใต้ เกิดและโตที่จ.นครศรีธรรมราช เห็นด้วยอย่างยิ่งที่กระทรวงคมนาคมจะได้ดำเนินโครงการสร้างถนนมอเตอร์เวย์ 3 เส้นทาง ประกอบด้วย เส้นที่ 1 เส้นมอเตอร์เวย์ จาก จ.นครปฐม-ชะอำ จ.เพชรบุรี และจาก อ.ชะอำ- จ.ชุมพร เส้นที่ 2 จาก อ.หาดใหญ่ไป อ.สะเดา-จาก อ.สะเดาไปชายแดนไทย-มาเลเซีย เส้นที่ 3 เป็นถนนคู่ขนานเส้นเพชรเกษมหมายเลข 4 จากวังมะนาวไป อ.ปากท่อ-จาก อ.ปากท่อไป อ.หนองหญ้าปล้อง อ.แก่งกระจาน อ.หนองพลับ ลงไปถึง จ.ชุมพร พร้อมทั้งขยายเส้นทางหลักเพิ่มอีก รวมทั้งปรับปรุง เพื่ออำนวยความสะดวกและแก้ปัญหาการจราจร รวมถึงครอบคลุมการแก้ปัญหาระบายน้ำในช่วงที่เกิดอุทกภัยได้ด้วย ป้องกันไม่ให้ภาคใต้ได้รับผลกระทบในวงกว้าง การจราจรจะไม่เป็นอัมพาตทั้งภาคเมื่อเกิดน้ำท่วมเหมือนอย่างที่ผ่านมา 

ทั้งนี้ จากที่ สส. ภาคใต้จากทุกพรรคทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาลรวมตัวกันเรียกร้องนั้น ล่าสุด ตนทราบว่า นายสุริยะได้นำข้อร้องเรียนเรื่องปัญหาดังกล่าวให้กับนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังทราบแล้ว โดยหลังจากทราบเรื่อง นายกฯได้เชิญตัวแทนสส.ใต้ พรรครวมไทยสร้างชาตินำโดยนายวิชัย สุดสาสดิ์ สส.ชุมพรไปสอบถามข้อมูลปัญหาการจราจร สัญจรลงภาคใต้แล้ว มาติดขัดตรงจุดใด ซึ่งทั้งนายสุริยะและนายกฯ ก็ได้รับเรื่องแล้ว และรับปากจะเร่งดำเนินการพิจารณาโครงการก่อสร้างถนน มอเตอร์เวย์เพื่อแก้ไขให้พี่น้องประชาชนคนใต้ รวมถึงมองในเรื่องการสนับสนุนการท่องเที่ยวภาคใต้ในระยะยาวด้วย 

“ขอบคุณท่านสุริยะและท่านนายกฯที่มองเห็นความสำคัญของเศรษฐกิจท่องเที่ยวภาคใต้และความเดือดร้อนของผู้ที่สัญจรไปมาลงใต้ เมื่อทั้ง 2 ท่านทราบปัญหาก็ได้รับฟังข้อเสนอแนะจากตัวแทนสส.ใต้และสั่งการให้เร่งแก้ปัญหานี้ทันที จึงเชื่อว่า หากผลักดันจนโครงการแล้วเสร็จ จะสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวให้ลงไปท่องเที่ยวภาคใต้ได้มากขึ้นอย่างแน่นอน ส่งผลต่อเศรษฐกิจในพื้นที่และภาพรวมของทั้งประเทศให้ดีขึ้น” นายธนกร กล่าว

วิเคราะห์ความเป็นจริง 'อนาคตไทย-เยาวชนไทย' สาละวันเตี้ยลง พ่ายแพ้เยาวชนเวียดนาม ยับ!!

บทความนี้เขียนขึ้นเมื่อวันที่ 30 ส.ค. 2564 เวียดนาม ประเทศสังคมนิยม เคยทำสงครามกับสหรัฐฯ วันนี้ เป็นพันธมิตรใกล้ชิดกับสหรัฐฯ และ กำลังก้าวขึ้นเป็น 'จีน 2' ในเอเชีย 

ทำไมเวียดนาม ถึงก้าวกระโดด? (ข้ามประเทศไทย) เพราะเขามีปัจจัยหลัก ดังนี้...

1. มีปริมาณ 'กำลังคน' ประชากรมีมากกว่าไทย มีคน 100 ล้าน และ ไม่ใช่แค่คนระดับใช้แรงงานเท่านั้น แต่ยังมีคนระดับชั้นมันสมองเพิ่มมากขึ้น จากการพัฒนาการศึกษา 'เชิงคุณภาพ' ต่อเนื่อง อย่างจริงจัง ขณะที่ไทย...สาละวันเตี้ยลง ต่ำลง

ลองพิสูจน์จากเด็กเวียดนาม ที่ได้รับทุน (ของไทย) มาเรียนปริญญาโท-เอก ที่คณะวิศวะลาดกระบัง ทุกคนทั้งเก่งคณิตศาสตร์ (มากกว่าเด็กไทย) ภาษาอังกฤษก็เข้มแข็งกว่า และ ยังขยันสุด ๆ น่ากลัวมาก อาจารย์ไทยชอบมาก เพราะทำงานวิจัยได้ยอด รับผิดชอบสูง น่าประทับใจ

นี่แค่ เด็กเวียดนามระดับกลาง ๆ เพราะระดับตัวท็อป จะไปเรียนต่อที่อเมริกา ซึ่งวันนี้ มีมากกว่า 24,000 คน!!! ซึ่งเน้นด้านวิศวกรรมศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีขั้นสูง ขณะที่มีเด็กไทยเรียนอยู่ในอเมริกาเพียง 6,000 คน น้อยกว่าเวียดนาม 4 เท่า!!!! 

หมายความว่า เวียดนามกำลังมี 'คนระดับมันสมอง' โดยเฉพาะทางด้านวิทยาศาสตร์ ซึ่งคือ รากฐานของการยกระดับประเทศ มากกว่าไทย (หลายเท่า) 

2. มีเงิน มีงบประมาณ เพราะเศรษฐกิจเวียดนาม ในปีที่ผ่านมา เติบโตที่สุดของโลก! ขณะที่ประเทศอื่น รวมทั้งไทย ติดลบ! และ เพียงแค่ครึ่งปีที่แล้วนี้ โตไปมากกว่า 5% แล้ว และจะร้อนแรงยิ่งขึ้น...

เพราะเกิดการลงทุน จากต่างประเทศมหาศาล (มากกว่าลงทุนในไทยไปนานหลายปีแล้ว) เพื่อเป็นศูนย์กลางการผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ระดับโลก มีบริษัทเกาหลี มาลงทุน 4,000 กว่าบริษัท ขณะที่มาไทยเพียง 400 บริษัท และ มีบริษัทชั้นนำของโลกทุกแขนง กำลังมุ่งสู่เวียดนาม

ทำให้เกิดการส่งออกสินค้า มูลค่าเพิ่มมหาศาล ซึ่งตอนนี้เวียดนามส่งออกมากกว่าไทยไปแล้วครับ และ กำลังจะทิ้งห่างไปเรื่อย ๆ หากเราไม่คิดสู้!!

3. มีความรักชาติ เป็นชาตินิยมสูง ถือเป็นจุดแข็งของเวียดนาม เด็กเวียดนามทุกคนเรียนรู้ 'ประวัติศาสตร์ชาติ' รู้จัก 'การต่อสู้ของลุงโฮ' ท่านโฮจิมินห์ บิดาของชาติ รู้เรื่องราว การต่อสู้ ด้วยความทรหด อดทน ไม่ยอมแพ้ ให้ทั้งชีวิตเพื่อสร้างชาติ 

(ส่วนเยาวชนไทยจำนวนไม่น้อย ถูกอาจารย์ในมหาลัย ปลูกฝังความรู้สึกชังชาติ มีการยกเลิกการเรียนประวัติศาสตร์ชาติไทย ฯลฯ อนาคตมีแต่ จะพาชาติตกต่ำ)

เวียดนาม ปลูกฝังค่านิยม การรักการอ่าน การขยันเรียนแบบสุดๆ โรงเรียนในเวียดนาม แม้ไม่ใหญ่ ไม่สวย เหมือนโรงเรียนไทย แต่คุณภาพไม่แพ้ใครในโลก ลองดูคะแนนมาตรฐาน PISA Score เด็กเวียดนามทำได้คะแนนสูงสุดในอาเซียน เกือบเท่าเด็กสิงคโปร์!!

คนอเมริกัน เชื้อสายเวียดนามในสหรัฐฯ ก็เรียนเก่ง (ที่ MIT ก็มีเด็กอเมริกันเวียดนามเยอะมาก) ประสบความสำเร็จสูงมาก แม้แต่คุณหมอ พญ. ดร. พริสซิลลา ชาน ภรรยาคนสวยของ มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ผู้ก่อตั้งเฟซบุ๊ก ก็เป็นคนเชื้อสายเวียดนาม คนเหล่านี้ยังสนับสนุนประเทศเวียดนามทุกรูปแบบ เต็มที่

ไม่อยากให้คนไทยมองข้ามเรื่องนี้ รุ่นพ่อแม่เราเกิดมา ก็ไม่แพ้เกาหลี วันนี้เกาหลีเป็นประเทศชั้นนำของโลกไปแล้ว พวกเราหลายคนเกิดมาก็ไม่แพ้สิงคโปร์ ไม่แพ้มาเลเซีย แต่วันนี้เขากระโดดไปไกลแล้ว 

และวันนี้ พวกเราหลายคนยอมรับว่า "ทำใจไม่ได้" ที่เรากำลังเป็นรองเวียดนาม 

แม้เราไม่ได้อิจฉาเวียดนาม และ ก็ไม่ได้ชื่นชมว่า เวียดนามจะดีเก่งกว่าไทยไปซะทุกเรื่อง เพียงแต่อยากให้ คนไทยเรียนรู้ข้อเท็จจริง เพื่อนำมาวางแผนสู้ พัฒนาชาติไทย ต้องไม่ยอมแพ้!!!

ปกติ #คนไทยไม่แพ้ใครในโลก และ # ถ้าจะทำ ก็ทำได้ 

ขอเป็นกำลังใจ ให้คนไทยทุกคนสู้ๆ 

ขอเสริมจุดที่สำคัญจุดอื่น ที่คนไทยหลายส่วน อาจจะไม่รู้ หรือ ลืมไป คือ...

1) เมื่อตอนไซ่ง่อนแตก คนเวียดอพยพไปสู่ 2 แหล่งสำคัญ คือ สายฝรั่งเศสและ สายอเมริกา 

2) สายฝรั่งเศส คือ กลุ่ม Elite พวกนายพลฝ่ายขวา ที่ยังพอหอบเงินไปตั้งตัวพอให้อยู่ได้บ้าง ส่วนสายที่ไปอเมริกานั้น เป็นคนจนล้วนๆ คือพวกไม่มีค่าเครื่องบินเลยหนีไม่ทันนั่นแหล่ะ

3) เมื่อทั้ง 2 สายไปถึงประเทศปลายทาง ทุกคนก็ต้องทำงานหนัก เพราะรัฐไม่ให้ใครอยู่เฉยๆ Elite ต้องหางานทำ มีตังหน่อย ก็เปิดร้านอาหารเล็กๆ อภิสิทธิ์เดิม ที่เคยได้จากระบบหมดสิ้น กลายเป็นผู้อพยพพลเมืองใหม่ ของประเทศ ทุกชนชั้นเลยต้อง Set zero คนเวียดนาม เรียกเวียดโพ้นทะเลว่า 'เวียดกิ่ว'

4) เวียดกิ่ว เมื่อจำเป็นต้องทำงาน รัฐก็ส่งไปเรียนหลากหลายอาชีพ เวียดกิ่ว เลยอยู่ในทุกวงการ  ไม่ใช่เน้นจับธุรกิจร้านอาหารอย่างเดียว เหมือนคนไทย

5)  เมื่อเด็กๆ เห็นพ่อแม่ลำบาก ก็เลยต้องตั้งใจเรียน  ยิ่งไปเป็นพลเมืองอพยพ ต้องเก่งกว่าคนในประเทศเป็น 2 เท่า เด็กเวียดกิ่ว เลยขยันเรียนหนังสือมากเป็นที่ 1 ของห้องเป็นส่วนใหญ่

6) เมื่อเด็กพวกนี้ สอบมหาวิทยาลัยในระดับกะทิได้  ก็มีหน้าที่การงานที่ดีตามมา ทั้งฝั่งอเมริกา และ ฝรั่งเศส ได้เป็นหมอ อจ.มหาลัย นักกฎหมาย นักวิทยาศาสตร์ พวกนี้ มักได้กลายเป็นมือขวาของนายฝรั่ง

7) ถึงแม้จะเป็นผู้อพยพ แต่ความคิดถึงแผ่นดินแม่  ยังคงแรง ยิ่งพวก Elite ที่ได้ไปรับรู้รสชาติชีวิต คนธรรมดา เลยทำให้เข้าใจว่า พวกตนเคยได้อภิสิทธิ์อะไรมา ส่วนคนจนลำบากยังไง เริ่มมีการกลับไปทำงานสังคม สร้างมูลนิธิ ช่วยคนยากจน สมาคมทันตแพทย์ในฝรั่งเศส ระดมหมอฟันเวียดกิ่วอาสา  400 กว่าคน บินมาลงพื้นที่ทำฟันให้ชาวบ้านฟรี ทุกปี หมอจ่ายค่าเดินทาง กินอยู่เอง

8) เมื่อรุ่นที่ 2 ทั้งเก่ง ทั้งแข็งแรง เริ่มอยากช่วยบ้านเกิด จึงเริ่มมาเปิดธุรกิจเอาไว้ พร้อมทั้ง เอาความสามารถของตัวเองมาลง Set up บริษัทในเวียดนาม  ศักยภาพของเวียดนาม เลยโตแบบก้าวกระโดด

9) คิดภาพนะ คนเวียดนาม มืออาชีพ ทำงานระบบฝรั่ง ทั้งชีวิตจากทั้ง 2 ฝั่งโลก รวมหลายแสนคนเดินทาง มาพัฒนาบ้านเค้า เทียบกับคนไทยไปเรียนเก๋ๆ กอดปริญญาสวยๆ จบก็กลับบ้าน ไม่เคยทำงานจริง ลองเทียบคุณภาพฝีมือกันดู (จะต่างชั้นกันมาก)

10) ถ้าวันนี้ เวียดนามจะไปไกลมาก ไม่ใช่เพราะแค่ฝรั่ง เห็นวัยรุ่นเยอะเลยจะมาใช้แรงงาน แต่เพราะมีคนเวียดนาม ระดับมือพระกาฬบินมาลงมือเองด้วย  ขนความรู้ระดับสูงจากทั้ง 2 ฝั่งโลก มาเทลงในประเทศเดียว เวียดกิ่ว USA ยังมีเขม่น กับเวียดกิ่ว France อยู่พอสมควร แต่เขาแข่งกันสร้างของดี ความดี...

11) ยังไม่รวม สายสัมพันธ์ที่คนเวียดกิ่ว จากทั้งอเมริกาและฝรั่งเศส มีกับรัฐบาลตัวเอง จะขออะไรก็ได้หมด แต่แน่นอน คนเวียดกิ่วไม่เอาจีน

12) 5 ปีที่แล้ว เด็กที่มาจากเวียดนาม สร้างปรากฏการณ์การสอบเข้ามหาวิทยาลัยแพทย์ คณะทันตของฝรั่งเศส จากคะแนนสูงสุด 10 คน มี 7 คนมาจากเวียดนาม

ทุกวันนี้คนไทยหลายคน ยังหัวเราะเยาะ ดูถูกคนเวียดนาม (มองเพียงระดับคนขายแรงงานเท่านั้น)

มองอนาคตจากปัจจุบัน จะเห็นได้ชัดว่า เยาวชนไทย แพ้เยาวชนเวียดนาม แบบเกือบหมดทางสู้ในด้านการพัฒนาประเทศ

รรท.ผบ.ตร. ตรวจจุดเกิดเหตุป่วนในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้- กำชับ 7 มาตรการเข้ม

เมื่อวานนี้ (22 มี.ค.67) เวลา 15.00 น. พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร.รรท.ผบ.ตร. ได้เดินทางมาตรวจพื้นที่เกิดเหตุสถานการณ์ความรุนแรงในพื้นที่ จชต. และประชุมติดตามสถานการณ์ร่วมกับ พล.ท.ศานติ ศกุนตนาค มทภ.4 , พล.ต.ท.ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี ผบช.ภ.9, พ.จ.ท.อนันต์ บุญสำราญ รอง ผวจ.ยะลา , ผู้บังคับบัญชา และข้าราชการตำรวจทุกหน่วยในพื้นที่ จชต. ได้สั่งการและกำชับแนวทางปฏิบัติ ดังนี้ 

1. เน้นย้ำการรายงานเหตุให้รวดเร็ว ถูกต้อง แม่นยำ โดยใช้ ศปก.ตร.สน. เป็นเครื่องมือในการขับเคลื่อน รวบรวม วิเคราะห์ข้อมูล เพื่อรายงานผู้บังคับบัญชา ให้สามารถสั่งการเข้าระงับยับยั้ง สกัดกั้นการก่อเหตุในพื้นที่ได้ทันท่วงที
2. การก่อเหตุที่ผ่านมาเป็นการแสดงศักยภาพของกลุ่มผู้ก่อเหตุ ว่าสามารถก่อเหตุรุนแรงได้พร้อมๆ กันในหลายพื้นที่  จึงให้ติดตามสถานการณ์การข่าวและประเมินสถานการณ์ เพื่อสามารถป้องกันเหตุ ที่อาจเกิดขึ้นได้อีก
3. กำชับให้เพิ่มความเข้มในมาตรการป้องกันการก่อเหตุรุนแรงในช่วง เทศกาลถือศีลอดเดือนรอมฎอน เพื่อให้เกิดความปลอดภัยต่อพี่น้อง ประชาชน และเจ้าหน้าที่ของรัฐ โดยต้องนำแผนและมาตรการ นำมาปฏิบัติ อย่าได้หย่อนยาน ประมาทเลินเล่อ ในการปฏิบัติหน้าที่เด็ดขาด 

4. กำชับเพิ่มความเข้มในการเฝ้าระวังป้องกันหน่วยที่ตั้ง สถานที่ราชการ บ้านพักข้าราชการตำรวจ และจุดตรวจต่างๆ 
5. ให้ดำเนินการสืบสวนสอบสวน ด้วยความรอบคอบ รวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ นำนิติวิทยาศาสตร์ มาใช้ ซึ่งเป็นพยานหลักฐานที่มีความชัดเจนและน่าเชื่อถือในกระบวนการยุติธรรม 
6. ให้บูรณาการการปฏิบัติกับหน่วยที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ ตามแผน/ยุทธการของ กอ.รมน.ภาค 4 และ ศปก.ตร.สน.
7. การเยียวยาผู้เสียหาย ให้ดำเนินการตามสิทธิ กระบวนการและระเบียบที่เกี่ยวข้อง อย่างรวดเร็ว

'กัน จอมพลัง' ร่วมถกแนวทาง-แก้ปัญหา ‘เด็กก่อเหตุรุนแรงทางเพศ’ แนะ!! ‘ควรปรับแก้ กม.-ฉีดให้ฝ่อ’ ป้องกันพ้นโทษออกมาก่อเหตุอีก

(22 มี.ค. 67) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการเร่งรัดการเสนอร่างพระราชบัญญัติเพื่อขับเคลื่อนการดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาล (ครน.) โดยมีนายชัยเกษม นิติสิริ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี นายสมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง นายกิตติกร โล่ห์สุนทร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง นายวิชัย ไชยมงคล ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี นายกองตรี ธนกฤต จิตรอารีย์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำรองนายกรัฐมนตรี และคณะกรรมการ ครน. เข้าร่วม ที่ทำเนียบรัฐบาล 

โดยนายสมศักดิ์ กล่าวว่า การประชุม ครน.วันนี้ ได้พิจารณาทบทวนกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับเด็กที่ก่อเหตุความรุนแรงเกี่ยวกับเพศและด้านต่างๆ โดยมี พ.ต.ท.ประวุธ วงศ์สีนิล อธิบดีกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน พ.ต.ท.พงษ์ธร ธัญญสิริ ผู้อำนวยการสำนักงานกิจการยุติธรรม ผู้แทนกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ ผู้แทนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ผู้แทนกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และนายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือ กัน จอมพลัง มาร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับแนวทางการแก้ปัญหาเด็กก่อเหตุความรุนแรง เพราะจากข้อมูลของกรมพินิจฯ มีเยาวชนที่กระทำความผิดคดีอาญา ฐานข่มขืนกระทำชำเรา ปี 65 จำนวน 670 คน ปี 66 จำนวน 881 คน และปี 67 มีแล้วจำนวน 198 คน ซึ่งจะเห็นได้ว่า มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น 

ขณะที่ กัน จอมพลัง กล่าวว่า ตนได้รับฟังความคิดเห็นในโซเชียลมีเดียส่วนตัว เกี่ยวกับเด็กที่ก่อความรุนแรง ควรมีแนวทางแก้ปัญหาอย่างไร ซึ่งมีผู้มาแสดงความคิดเห็นกว่า 5 พันคน ส่วนใหญ่ อยากให้ภาครัฐปรับแก้กฎหมาย หรือวิธีการป้องกันให้ดีกว่านี้ เพราะจากประสบการณ์ที่ตนลงพื้นที่ พบว่า ผู้ก่อเหตุจำนวนไม่น้อย เมื่อพ้นโทษออกมา ก็จะก่อเหตุซ้ำ รวมถึงมีพฤติกรรมก่อกวนเหยื่อ ทำให้เหยื่อต้องตกอยู่ในความหวาดระแวงตลอดเวลา

นอกจากนี้ ปัญหาเด็กก่อเหตุความรุนแรง ยังพบผู้นำท้องถิ่น เข้ามาเกี่ยวข้องในการช่วยเหลือด้วย ตนจึงมีแนวคิดว่า ผู้ก่อเหตุที่มีพฤติกรรมกระทำความผิดซ้ำ ควรบังคับฉีดให้ฝ่อ เพื่อป้องกันพ้นโทษออกมาก่อเหตุอีก เพราะหลายกรณีได้รับโทษเบา เพียงไม่กี่ปี ก็พ้นโทษ รวมถึงที่ผ่านมา เหยื่อไม่ค่อยได้รับการเยียวยา จึงอยากให้มีการปรับแก้ให้เข้มงวดขึ้น 

ด้าน พ.ต.ท.ประวุธ กล่าวว่า กฎหมายเด็กอายุไม่เกิน 12 กระทำผิด จะไม่ต้องรับโทษนั้น เป็นไปตามหลักสากล ไม่สามารถส่งสถานพินิจได้ ส่วนเด็กช่วงอายุ 12-15 ปี กระทำผิด ไม่ต้องรับโทษเหมือนกัน แต่ศาลมีอำนาจว่ากล่าวตักเตือน หรือ ส่งตัวเด็กไปสถานฝึกอบรม แต่ไม่ให้เกินกว่าวันที่เด็กมีอายุครบ 18 ปี ซึ่งกลุ่มช่วงอายุ 12-15 ปี เป็นช่วงที่กระทำความผิดสูง ส่วนเด็ก 15-18 ปี ศาลสามารถสั่งลงโทษได้ ส่วนการแก้ช่วงอายุไม่ต้องรับโทษ ต้องเกี่ยวข้องกับหลักสากลด้วย จึงควรมีการรับฟังความเห็นอย่างรอบด้าน แต่ที่สามารถทำได้ คือ ส่งเข้าสถานฝึกอบรม จากไม่เกินอายุ 18 ปี ขยายเป็น 24 ปี เพื่อเพิ่มการดูแลให้มากยิ่งขึ้น 

โดยนายสมศักดิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ที่ผ่านมา ตนเคยออกกฎหมายป้องกันการกระทำความผิดซ้ำ เพื่อเฝ้าระวังบุคคลอันตรายก่อเหตุซ้ำ ซึ่งกฎหมายนี้ จะสามารถช่วยแก้ปัญหาเด็กก่อเหตุความรุนแรงได้ แต่แนวทางการแก้ปัญหาแบบรูปธรรม ที่ประชุม ครน.ได้มีมติ มอบหมายให้สำนักงานกิจการยุติธรรม ไปรับฟังความคิดเห็นเพิ่มเติมว่า ควรมีการปรับแก้กฎหมายเพิ่มเติมหรือไม่ เพื่อช่วยแก้ปัญหาเด็กก่อเหตุความรุนแรง พร้อมมอบหมาย ให้สร้างการรับรู้ และทำให้สังคมตระหนักรู้ มีความรับผิดชอบต่อสังคม โดยตนขอให้ทุกหน่วยงานช่วยกันขับเคลื่อนแก้ปัญหานี้อย่างจริงจัง

‘ลุง-ป้า’ สุดขยัน!! ตัดต้นกระถินยักษ์เผาเป็นถ่านเลี้ยงชีพ ไม่รอเงินหมื่นจากภาครัฐ บอก!! “จะได้รึเปล่ายังไม่รู้”

(22 มี.ค. 67) ผู้ใช้เฟซบุ๊ก 'Pat Sangtum' ได้โพสต์ข้อความในหัวข้อ ‘CHARCOAL MAKER-WOODCUTTER คนตัดฟืนเผาถ่าน’ โดยระบุว่า…

“ทางเข้าบ้านเราด้านหนึ่งเป็นหุบเหว ซึ่งเกิดจากการขุดดินขึ้นไปทำถนน (ไปทะลุที่ตลาดปากช่อง) หุบเขานี้ เวลาผ่านมากว่า 35 ปี ก็กลายที่อยู่อาศัยของสัตว์ต่างๆ ทั้งกระต่าย ไก่ป่า และมีพันธุ์ไม้แปลก ๆ ขึ้นเอง ในช่วงฤดูฝน จะเป็นป่าในหุบเหว ป่านี้เต็มไปด้วยต้นกระถินยักษ์ เพราะแถวดงพญาเย็น ที่เคยถูกถางป่าจนกลายเป็นเขาหัวโล้นทั้งหมด ทางการได้เอาเมล็ดพันธุ์กระถินยักษ์ มาปลูก โดยคิดแต่เพียงว่าเป็นต้นไม้โตเร็ว กระถินยักษ์จึงกระจายไปทั่วบริเวณทั่วทั้งอำเภอ เมื่อเมล็ดกระถินร่วงแล้วขึ้นเป็นต้นใหม่อย่างรวดเร็ว ต้นไม้ป่าธรรมชาติ ก็สู้ไม่ไหว ตายสี่ตายห้ากันหมด แม้เวลาผ่านมาครึ่งศตวรรษ มองไปทางไหนก็เป็นภูเขากระถินยักษ์ มีไม่กี่ลูก ที่ยังเป็นป่าเบญจพรรณ”

ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายนี้ ระบุเพิ่มว่า “ลุงป้า มาตัดกระถินในหุบเหวหน้าบ้านทุกวัน เอาไปเผาถ่าน ลุงอายุ 69 ปี ป้า 60 ทั้งคู่ได้รับเงินประกันสังคม ได้รับเบี้ย สว. และลูก ๆ ซึ่งโตกันแล้ว มีหลานแล้ว ก็ให้เดือนละ 3,000 บาท ทั้งสองอยู่ในหมู่บ้านห่างไป 3 กม. มีรถปิคอัพ มีบ้าน แต่ขยันหาเงินตลอดเวลา ไม่นั่ง ๆ นอน ๆ ดูทีวี ลุงวัย 69 แข็งแรงมาก เพราะท่อนไม้ที่ลุงต้องขนขึ้นมาจากเหวนั้น หนักมาก ๆ เราลองยกดู ยกได้แป๊บเดียว ก็หายใจไม่ทันแล้ว แต่ทั้งคู่ ขนขึ้นมาเพื่อเอามาบรรทุกท้ายรถ ทำอย่างนี้วันละ 2 เที่ยว 

และเสริมต่อว่า “ลุงบอกว่า เผาถ่านแล้ว มีคนมารับที่เตา ไม่ต้องไปเร่ขาย เราจึงบอกว่าถ้าแวะมาขนไม้ ก็เอาถ่านมาให้ด้วย ลุงขายถุงละ 30 ก็เลย สั่งไป 10 ถุง ด้วยคิดว่าขนาดถุงจะเหมือนที่ร้านหมูกระทะ หรือร้านขายถ่านในตลาด ทำไว้ขาย ปรากฏว่ามาถึง ขนาดถุงเท่ากับถังแก๊ส ตกใจมากจึงถามว่าทำไมขายถูก ลุงบอกว่าถ้าไปขายต่อให้ขาย 50 บาท”

นอกจากนี้ ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายนี้ยังเล่าต่อว่า ตอนนี้ถ้าเราต้องจากไป ไม่ต้องไปวัดเลย ไม่ต้องพึ่งดอกไม้จันทน์ เราถามลุงว่า เงินก็พอใช้แล้ว เดี๋ยวก็ได้จากรัฐบาลอีกหมื่นบาท 

ลุงตอบว่า "ไม่รอหรอก จะได้รึเปล่ายังไม่รู้"

‘ท่านอ้น’ ย้ำชัด!! ไม่คิดเล่นการเมือง-การเมืองน่ากลัว แจงเหตุกลับไทยบ่อย เพราะไม่ได้กลับไทยมานาน

(22 มี.ค. 67) จากเพจเฟซบุ๊ก VOA Thai ได้โพสต์คลิปวิดีโอ ‘ท่านอ้น วัชรเรศร วิวัชรวงศ์’ โอรสในรัชกาลที่ 10 หลังให้สัมภาษณ์เมื่อถูกถามว่าเหตุใดจึงกลับไทยเป็นระยะเวลาในช่วงไม่ถึงปีมานี้ ซึ่งท่านอ้นระบุว่า ตนเพียงต้องการกลับบ้านเกิดเป็นการส่วนตัว หลังไม่ได้กลับมานานกว่า 27 ปี และไม่ได้มาในฐานะตัวแทนของใคร ไม่อยากแข่งขันเพื่ออะไร เพราะไม่มีทรัพยากรและอํานาจใดๆ และไม่มีแรงขับเคลื่อนใดนอกเหนือไปจากสิ่งที่ทําได้ในตอนนี้

นอกจากนี้ ท่านอ้น ยังยืนยันอีกว่า ไม่มีแผนเล่นการเมืองอย่างแน่นอน เพราะการเมืองเป็นสิ่งน่ากลัว และจะไม่พบกับนักการเมืองคนใด เพราะไม่อยากถูกมองว่าเลือกข้าง หรือเป็นเครื่องมือของใคร โดยท่านอ้นยังอธิบายต่อว่า ตนเกิดมาพร้อมกับยศอื่น ไม่ได้เกิดมาเป็นนายวัชรเรศร แต่ทั้งนี้ได้ใช้เวลาหลาย 10 ปี เพื่อสร้างตัวตนนี้ขึ้นมา และตอนนี้ภูมิใจต่อความเป็นนายวัชรเรศรในตอนนี้มาก 

ทั้งนี้ ท่านอ้น มีพระยศแรกเกิดว่า ‘หม่อมเจ้า’ ก่อนจะถูกถอดยศอย่างไม่เป็นทางการ เมื่อราวปี 2540 หลังเหตุการณ์ของครอบครัวทําให้มารดา ‘สุจาริณี วิวัชรวงศ์’ และบุตรชายทั้ง 4 คน ต้องเดินทางออกไปอาศัยในต่างประเทศเป็นการถาวร

‘แฟนบอลไทย’ คุกเข่าขอแฟนสาวแต่งงาน หลังคบหากัน 10 ปี ขณะชมแมตช์ ‘ไทย-เกาหลีใต้’ แฟนบอลนับพันร่วมเป็นสักขีพยาน

ควันหลงหลังจบเกมฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย กลุ่มซี นัดที่ 3 ที่โซล เวิลด์คัพ สเตเดียม ‘โสมขาว’ ทีมชาติเกาหลีใต้ เปิดบ้านเสมอ ‘ช้างศึก’ ทีมชาติไทย 1-1 โดย เกาหลีใต้ ได้ประตูออกนำท้ายครึ่งแรกจากลูกยิงของ ซน ฮึง มิน ก่อนไทยจะมาได้ประตูตามตีเสมอ จากลูกยิงของศุภณัฏฐ์ เหมือนตา ทำให้ทีมชาติไทย ลงเตะไปแล้ว 3 นัดมี 7 แต้มเท่ากับ ทีมชาติจีน แล้ว

อย่างไรก็ตาม นอกจากผลการแข่งขันของทีมชาติไทย ที่สามารถบุกเก็บแต้มได้ถึงถิ่นเกาหลีใต้ได้แล้ว ยังมีเรื่องราวน่าประทับใจของแฟนบอลชาวไทยที่เดินทางตามไปเชียร์ทัพช้างศึกติดขอบสนาม เมื่อ ‘กล้า’ กล้าณรงค์ มาโชค หนึ่งในแฟนบอลชาวไทยที่เป็นพิธีกรไทยลีก และผู้อ่านข่าวกีฬา ทำเซอร์ไพรส์แฟนสาว ‘น้องแป้งล่ำ’ คุกเข่าขอแต่งงานในสนามแข่งขัน โซล เวิลด์คัพ สเตเดียม แห่งนี้

บรรยากาศดังกล่าวมีแฟนบอลชาวไทยที่เดินทางไปร่วมแสดงความยินดีกัน จนกลายเป็นอีกหนึ่งโมเมนต์ที่น่าประทับใจท่ามกลางแฟนบอลจำนวนมากนับพันคนที่เป็นสักขีพยานในครั้งนี้

สำหรับ กล้าณรงค์ มาโชค และน้องแป้งล่ำ คบหาดูใจกันมาร่วม 10 ปี ตั้งแต่ทำงานอยู่ที่สยามกีฬา (ฟุตบอลสยาม ทีวี) จนกระทั่งล่าสุด ‘กล้า’ ได้ขอ ‘น้องแป้งล่ำ’ แต่งงานและเตรียมเข้าสู่พิธีวิวาห์

'อดีตทูตนริศโรจน์' แฉ!! ถูก FB สั่งลบความเห็นเพราะผิดกฎ แค่พิมพ์ "ควรไปสมัครที่ไทยซัมมิทนะ อาจได้งาน"

(22 มี.ค.67) นายนริศโรจน์ เฟื่องระบิล อดีตเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊ก 'Fuangrabil Narisroj' ว่า...

ในเพจนึงเขียนเล่าเรื่องราวเด็กรุ่นใหม่ที่มั่นใจตัวเองสูงไปสมัครงานที่บริษัทหนึ่ง 

ผมก็แค่ไปเมนต์ว่า “ควรไปสมัครที่ไทยซัมมิทนะ อาจได้งาน” 

แค่นั้นแหละ FB สวนปราดมาทันทีว่าต้องลบความเห็นผมเพราะผิดกฎ ! 

ตอนนี้เพื่อนๆ เข้าใจหรือยังว่าอะไรเป็นอะไร เขียนแตะฝ่าย 'ธรรมะ' ไม่ได้เลย ! แต่ถ้าเพจ รอยัลลิสต์ เขียนด่าสถาบัน ด้อยค่าประเทศแค่ไหน ก็ไม่เคยโดน!

สวัสดิการโรงงาน นครสวรรค์ เด่น "อารี" เลขาฯก.แรงงาน ยกเป็นต้นแบบ พร้อมแนะแรงงานอิสระ ลดหนี้ รับงานเพิ่ม ให้กองทุนผู้รับงาน 0% สูงสุดไม่เกิน 300,000 บาท

วันที่ 22 มีนาคม 2567 นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน มอบหมายให้ นายอารี ไกรนรา เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ลงพื้นที่จังหวัดนครสวรรค์ เปิดมหกรรมสุขภาพอนามัย และความปลอดภัยในการทำงานของแรงงานนอกระบบเชิงรุก พร้อมตรวจเยี่ยมการดำเนินงานด้านการจัดสวัสดิการต่างๆ ให้แก่ลูกจ้างในสถานประกอบกิจการของบริษัท เอ็นไวรอนเม็นท์พัลพ์ แอนด์ เปเปอร์ จำกัด โดยมี นายบดินทร์ เกษมศานติ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครสวรรค์ กล่าวต้อนรับ ดร.ดารัตน์ ศิริวิริยะกุล วิภาตะกลัศ รองประธานฯ กลุ่มบริษัท KTIS และรองประธานสภาอุตฯ แนะนำบริษัทฯ นางโสภา เกียรตินิรชา อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน  นางมารศรี ใจรังษี ผู้ตรวจราชการกระทรวงแรงงาน พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูงกระทรวงแรงงาน ร่วมเป็นเกียรติ และหัวหน้าส่วนราชการหน่วยงานสังกัดกระทรวงแรงงานจังหวัดนครสวรรค์ ร่วมให้การต้อนรับ  ณ สมาคมชาวไร่อ้อย เขต 11 นครสวรรค์ ต.หัวหวาย อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์

นายอารี  กล่าวว่า กระทรวงแรงงานมีภารกิจที่ดูแลแรงงานอย่างครบถ้วนในทุกมิติ การเดินทางมาจังหวัดนครสวรรค์ในวันนี้ ได้หารือและเยี่ยมชมสถานประกอบการบริษัท เอ็นไวรอนเม็นท์พัลพ์ แอนด์ เปเปอร์ จำกัด ประกอบกิจการผลิตเยื่อกระดาษฟอกขาวจากชานอ้อย ซึ่งได้เปิดให้เยี่ยมชมการจัดสวัสดิการในสถานประกอบกิจการนอกเหนือที่กฎหมายกำหนด รวมถึงโครงการที่เป็นประโยชน์ทั้งด้านความปลอดภัยในการทำงาน ด้านสวัสดิการของแรงงาน ผมขอชื่นชมกรรมการบริหารบริษัท และทีมผู้บริหาร คณะกรรมการสวัสดิการที่เล็งเห็นถึงความสำคัญของการดูแลสิทธิแรงงาน

และการพัฒนาคุณภาพชีวิตลูกจ้าง โดยการดำเนินโครงการด้านต่าง ๆ อย่างเช่นโครงการแรงงานพันธุ์ดี ตามวิถีเศรษฐกิจพอเพียง โครงการมุมนมแม่ในสถานประกอบกิจการ โครงการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในสถานประกอบกิจการ โครงการด้านความปลอดภัยในการทำงาน การจัดสวัสดิการด้านการเงิน เช่น สหกรณ์ออมทรัพย์ในสถานประกอบกิจการ กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ การจัดสวัสดิการด้านบริการและสิ่งอำนวยความสะดวก เช่น สวัสดิการบ้านพักพนักงาน ชุดยูนิฟอร์มพนักงาน ซึ่งนับเป็นต้นแบบเรื่องสวัสดิการในการทำงาน รวมถึงเป็นประโยชน์ต่อพี่น้องแรงงานและทุกภาคส่วนในการดำเนินงานด้านต่าง ๆ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตพนักงานที่ดีขึ้น 

นอกจากนั้น ในวันนี้ ผมยังได้เปิดงาน “มหกรรมสุขภาพอนามัยและความปลอดภัยในการทำงานของแรงงานนอกระบบเชิงรุก” จังหวัดนครสวรรค์   โดยมี นางโสภา เกียรตินิรชา อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กล่าวรายงาน  ซึ่งเกิดขึ้นด้วยความร่วมมือของทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องทั้งกระทรวงแรงงาน กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงมหาดไทย ภาคเอกชน ภายใต้การนำของผู้ว่าราชการจังหวัดนครสวรรค์ เพื่อให้แรงงานนอกระบบได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย มีสวัสดิการและสภาพแวดล้อมในการทำงานที่ปลอดภัย มีสุขภาพร่างกาย และสุขภาพใจที่เข้มแข็ง ส่งเสริมให้ประชาชนมีงานทำ มีรายได้ และเพื่อให้ประชาชนในจังหวัดนครสวรรค์ ได้เข้าถึงบริการในภารกิจทุกด้านของกระทรวง ด้วยความสะดวกรวดเร็วมากขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของท่านพิพัฒน์  รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ที่มุ่งยกระดับคุณภาพชีวิตแรงงานภายใต้แนวคิด“ทักษะดี มีงานทำ หลักประกันทางสังคมเด่น เน้นการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ”

นอกจากนี้ นายอารี ยังเยี่ยมชมบูธหน่วยงานในสังกัดกระทรวงแรงงาน  หน่วยงานที่ให้บริการตรวจสุขภาพแรงงานนอกระบบเชิงรุก และการสาธิตการใช้งานอุปกรณ์ป้องกันตนเองจากสารเคมี  และเยี่ยมชมบูธผลิตภัณฑ์ของกลุ่มแรงงานนอกระบบ โดยมี กลุ่มแรงงานนอกระบบ และภาคีเครือข่ายด้านแรงงานจังหวัดนครสวรรค์ร่วมให้การต้อนรับ ทั้งนี้ จ.นครสวรรค์ มีแรงงานนอกระบบทั้งสิ้น 346,436 คน ส่วนใหญ่ อยู่ในด้านการเกษตรและประมง รองลงมาเป็น พนักงานบริการ ด้านความสามารถ อาชีพพื้นฐานต่างๆ และผู้ปฏิบัติงานโรงงาน ตามลำดับ

เปิดกฎเหล็ก 3 ข้อ 'โค้ชอิชิอิ' ลูกทีมช้างศึกต้องปฏิบัติตาม ตัวแปรกระชากแต้มจาก 'โสมขาว' ภายใต้ความหมายที่ง่าย แต่เคร่งครัด

ภายหลัง 'ช้างศึก' ทีมฟุตบอลทีมชาติไทย ชุดใหญ่ ที่กำลังทำศึกฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบสอง กลุ่มซี นัดที่ 3-4 พบกับ 'โสมขาว' เกาหลีใต้ ที่โซล เวิลด์คัพ สเตเดียม เมื่อวันที่ 21 มีนาคม ซึ่งสามารถเก็บแต้มออกมาได้ (1-1) ก่อนกลับมาเล่นกับเกาหลีใต้ ที่ราชมังคลากีฬาสถาน ในวันที่ 26 มี.ค.67 นั้น ก็ทำให้ผู้คนเริ่มหันมามองถึงปรัชญาในการทำทีมช้างศึกที่เริ่มปลุกความยอดเยี่ยมของ 'โค้ชอิชิอิ' หรือ มาซาทาดะ อิชิอิ หัวหน้าผู้ฝึกสอนของทัพช้างศึก กันมากขึ้น

ทั้งนี้เรื่องง่าย ๆ ภายใต้กฎ 3 ข้อที่ อิชิอิ เน้นย้ำก่อนแข่งเสมอ เป็นวินัยที่อาจจะมีส่วนสำคัญที่ทำให้นักเตะกลับมาอยู่ในเส้นทางที่ควรจะเป็น คือ 

1. ต้องตรงต่อเวลา 
2. รักษาสภาพร่างกาย 
และ 3. รักษาความลับของทีม 

สังเกตได้จากสภาพร่างกายนักเตะก่อนหวดโสมขาวนั้น สมบูรณ์ดีกันทุกคน แม้ในลีกจะมีเกมต้องลงสนามค่อนข้างหนักก็ตาม แต่ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร

หลังเกม อิชิอิ ได้ออกมาให้สัมภาษณ์หลังทีมชาติไทยบุกไปยันเสมอทีมชาติเกาหลีใต้ ด้วยสกอร์ 1-1 ใน ฟุตบอลโลก 2026 รับคัดเลือก โซนเอเชีย รอบ 2 นัด 3 เก็บเพิ่มเป็น 4 แต้มจากการแข่งขัน 3 นัด

โดย อิชิอิ ได้กล่าวไว้ว่า "มันก็เปรียบเทียบเกมกับญี่ปุ่นหรือใน เอเชียน คัพ ไม่ได้ เกมที่เราเล่นกับเกาหลี เรามีพลัง และเราก็เค้นสิ่งนั้นออกมาได้ หลัง เอเชียน คัพ เกาหลี ก็มีการเปลี่ยนโค้ช ซึ่งนั่นก็อาจจะเป็นตัวแปรก็เป็นได้"

'ดร.เอ้' โพสต์ซึ้ง!! "อีกไม่นาน ฝันของผม กำลังจะเป็นจริง" 'โรงพยาบาลพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหาร' จากน้ำใจของทุกท่าน

(22 มี.ค. 67) ศ.ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ หรือ 'ดร.เอ้' รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กทม. ได้โพสต์ข้อความพร้อมภาพผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว 'เอ้ สุชัชวีร์' โดยระบุว่า…

"อีกไม่นาน ฝันของผม กำลังจะเป็นจริง" ทุกเช้า ผมจะผ่าน #โรงพยาบาลพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหาร ริมมอเตอร์เวย์ ที่สร้างมาจากน้ำใจของท่าน

เพราะไม่มีบุญใด ใหญ่กว่า การช่วยชีวิตคน แม้ว่าจากวันแรก ถึงวันนี้ มันช่างยากเย็นแสนเข็ญ กว่าเราจะทำได้...

พิสูจน์ ทุกอย่างเป็นไปได้ หากมุ่งมั่น ลงมือทำ!

วันนี้การก่อสร้างก้าวหน้าไปมาก ปีนี้ได้จะเปิดให้บริการทุกคน แล้วนะครับ

ผมภูมิใจสุดๆ ทุกครั้ง ทุกวัน เล่าให้ลูกฟัง "พ่อเอ้ ขอเป็นตัวอย่าง สร้างการเปลี่ยนแปลง" ทำดี ให้ลูกดู

ขอบพระคุณทุกท่าน ท่านกำลังจะมีโรงพยาบาลที่เป็นผู้นำด้านการรักษาพยาบาล และสร้างนวัตกรรมเครื่องมือแพทย์ ลดการนำเข้า วันหนึ่ง เราจะพึ่งพาตนเองให้ได้ครับ

ผมเชื่อว่า คงไม่ใช่แค่ฝันของผมเพียงลำพัง แต่เป็นฝันของคนไทยทุกคน กำลังเป็นจริง

โรงพยาบาลของคนไทย โดยคนไทย เพื่อคนไทยทุกคน จากน้ำใจท่าน

อนุโมทนาบุญ ขอบพระคุณจริงๆครับ

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง สนับสนุนค่าพาหนะ ชุดยาฉุกเฉิน และเสื้อสำเร็จรูป ให้แก่ผู้รับขาเทียม และช่างอาสาสมัคร ในโครงการออกหน่วยทำขาเทียมพระราชทานเคลื่อนที่ ครั้งที่ 167 จังหวัดตราด

วันนี้ (วันศุกร์ที่ 22 มีนาคม 2567)  มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นางสาวดวงชุตา ติยะพจนพรกุล ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายสังคมสงเคราะห์ พร้อมด้วย นายชุมพล บุญภักดี ผู้ช่วยหัวหน้าแผนกสาธารณภัย ร่วมกับมูลนิธิขาเทียม ในสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี นำทีมลงพื้นที่ มอบค่าพาหนะ พร้อมชุดยาฉุกเฉิน และเสื้อสำเร็จรูป ให้แก่ผู้รับขาเทียม และ ช่างทำขาเทียมอาสาสมัคร ที่เข้าร่วมโครงการออกหน่วยทำขาเทียมพระราชทานเคลื่อนที่ ครั้งที่ 167 รวม 160 คน รวมงบประมาณทั้งสิ้น 110,176 บาท (หนึ่งแสนหนึ่งหมื่นหนึ่งร้อยเจ็ดสิบหกบาทถ้วน)  โดยมี นายณัฐพงษ์ สงวนจิตร ผู้ว่าราชการจังหวัดตราด เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย ร้อยเอก นายแพทย์ภูรีวรรธน์ โชคเกิด รองเลขาธิการมูลนิธิขาเทียมฯ และคณะกรรมการมูลนิธิขาเทียมฯ ร่วมในพิธี ณ ศูนย์แสดงสินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ องค์การบริหารส่วนจังหวัดตราด อำเภอเมือง จังหวัดตราด

ติดตามข่าวสาร และกิจกรรมการช่วยเหลือของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งได้ที่เฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung

‘สภาสตรีโคราช’ กังวลต่อป้ายโฆษณาแอปฯ หาคู่ จี้!! ให้ปลดออก เหตุสื่อความหมายสองแง่สองง่าม อาจทำให้คนเข้าใจสับสนได้

(22 มี.ค.67) จากกรณีสื่อชาวโซเชียล มีการแชร์ต่อป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ ซึ่งมีข้อความว่า ‘ของอร่อยนครราชสีมา!’ แล้วต่อด้วยตัวเลือก 2 ข้อ คือ ผัดหมี่โคราช มีเครื่องหมายกากบาทผิดต่อท้าย และมีข้อความผู้สาวโคราชและมีเครื่องหมายถูกต่อท้าย และด้านล่างมีโลโก้ของแอปพลิเคชันหาคู่เจ้าหนึ่ง  

ป้ายโฆษณาดังกล่าวอยู่บนอาคารพาณิชย์แห่งหนึ่ง ริมถนนโพธิ์กลาง ภายในเขตเทศบาลนครนครราชสีมา ห่างจากลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี ราว 500 เมตร โดยเป็นตัวอักษรภาษาไทยสีขาว พื้นหลังสีแดง โดดเด่น นอกจากนี้ยังมีชาวบ้านแจ้งว่าป้ายลักษณะนี้ ยังมีติดอยู่หลายพื้นที่ของ ซึ่งจากข้อความดังกล่าว สร้างความไม่สบายใจให้กับชาวจังหวัดนครราชสีมา  

ด้าน นางสุทิน ชาติพุดซา ในฐานะประธานคณะกรรมการพัฒนาสตรี อำเภอเมืองนครราชสีมา กล่าวว่า อยากให้เจ้าของป้ายขยายข้อความสื่อสารให้ถูกต้อง หรือไม่ก็ปลดป้ายลง ซึ่งคำว่าสาวโคราชตามด้วยเครื่องหมายกากบาท เป็นการสื่อความหมายสองแง่สองง่าม และในส่วนของผัดหมี่โคราช ถือว่าเป็นอาหารที่ขึ้นชื่อที่ทุกคนที่มาโคราช ซึ่งเป็นคนต่างพื้น ต้องมากิน และป้ายโฆษณาจะมาทำเครื่องหมายกากบาทผิด อาจทำให้คนอื่นไม่เข้าใจและสับสนได้ จึงวอนอยากให้ปลดป้ายโฆษณาออก เนื่องจากจะทำให้คนต่างพื้นที่เข้าใจสับสนและเมืองนครราชสีมาเป็นจังหวัดที่มีสตรีท้าวสุรนารี ที่มีความกล้าหาญเป็นแบบอย่างให้กับสตรีชาวโคราช

เด็กรุ่นใหม่ถูกเรียกไปสัมภาษณ์งาน แต่ดูคำตอบแล้วน่าจะไม่ได้งานทำ

(22 มี.ค. 67) เพจเฟซบุ๊ก ‘ประเทศไทยต้องชนะ’ ได้โพสต์แชร์ประสบการณ์การสัมภาษณ์งานเด็กรุ่นใหม่ แต่เมื่อได้มีการพูดคุย กลับรู้สึก ‘แสบทรวงทุกดอก’ ทำให้ต้องจบการสัมภาษณ์อย่างรวดเร็ว โดยระบุว่า…

“เจอแบบนี้ถึงกับกุมขมับ! เด็กรุ่นใหม่ถูกเรียกไปสัมภาษณ์งาน แต่ดูคำตอบแล้วน่าจะไม่ได้งานทำ 

“เด็กรุ่นใหม่สมัยนี้ ไม่รู้ว่าเขาไปกินรังแตนกันมาจากไหน เมื่อมีผู้ใช้ Facebook รายหนึ่งได้โพสต์เรื่องราวที่เขาได้เรียกสัมภาษณ์งานเด็กจบใหม่คนหนึ่ง แล้วก็ต้องตกใจกับคำตอบที่เด็กคนนั้นสวนมา เรียกได้ว่า ‘แสบทรวงทุกดอก’ โดยข้อความสนทนาระบุว่า

“สัมภาษณ์งานวันนี้
ผม : แนะนำตัวหน่อยครับ
น้อง : ตามเอกสารที่ผมส่งมาเลยครับ
ผม : ได้หาข้อมูลบริษัทพี่มาก่อนหรือเปล่าครับ
น้อง : ไม่ว่างเลยยังไม่ได้ดูครับ
ผม : (เล่าเรื่องออฟฟิศให้ฟัง) เคยทำด้านนี้มาบ้างหรือเปล่าครับ
น้อง : ไม่เคยครับ
ผม : แล้วคิดว่าทำได้หรือเปล่า เพราะเห็นเรียกเงินเดือนมาสูง
น้อง : ถ้าคิดว่าผมทำไม่ได้แล้วเรียกมาสัมภาษณ์ให้เสียเวลาทำไมครับ
ผม : !?! งั้นขอจบการสัมภาษณ์นะครับ

“รู้สึกผิดที่ไม่ศึกษาข้อมูลผู้มาสมัครงานให้ดี อยู่ ๆ ก็อยากทำระบบแชร์ข้อมูลผู้สมัครงาน ส่วนมากน่ารัก ... แต่แบบนี้ก็ไม่น้อย”

“ทุกคนว่าอย่างไรกันบ้างครับ ร่วมแสดงความคิดเห็นกันได้นะครับ”


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top