Monday, 5 June 2023
NEWS

ตำรวจไซเบอร์ รวบขบวนการแอดมินฝ่ายสินเชื่อทิพย์ หลอกโอนเงินกว่า 30 ครั้ง เสียหายกว่าล้านบาท

จากกรณีขบวนการหลอกให้กู้เงินออนไลน์สินเชื่ออนุมัติไว หลอกลวงผู้เสียหายกดลิงก์แอดไลน์ “แอดมิน ฝ่ายสินเชื่อ” ใช้โปรไฟล์ปลอมสร้างความน่าเชื่อถือ หลอกให้โอนเงินออกจากบัญชีธนาคารผู้เสียหายกว่า 30 ครั้ง เชื่อมโยง 9 Case ID มูลค่าความเสียหายกว่า 1,470,000 บาท

ก่อนเกิดเหตุผู้เสียหายได้เห็นโฆษณาเงินกู้พร้อมลิงก์ไลน์ในการติดต่อ จึงกดลิงก์ดังกล่าวและแอดไลน์คนร้าย ชื่อว่า “ฝ่ายสินเชื่อ” จากนั้นจึงได้พูดคุยรายละเอียดในการขอกู้ยืมเงิน ต่อมาคนร้ายซึ่งอ้างเป็นฝ่ายสินเชื่อได้แจ้งให้ผู้เสียหายทราบว่าบริษัทอนุมัติเงินกู้ตามที่ขอกู้แล้ว ผู้เสียหายจึงกดเข้าลิงก์ปรากฏว่ามียอดเงินอนุมัติให้กู้จริง แต่ให้โอนเงินเพื่อยืนยันสภาพคล่องและสร้างเครดิตผู้กู้รายใหม่ ผู้เสียหายจึงได้โอนเงินให้จำนวนหลายครั้ง

ต่อมาวันที่ 22 พฤษภาคม 2566 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.สอท.5 บช.สอท. ได้ทำการสืบสวนติดตามขยายผล จนทราบว่า นางสาวสุจิรา  ประทุมสูตร อายุ 18 ปี ได้พักอาศัยอยู่ในเขตพื้นที่จังหวัดจันทบุรี และจับกุมได้ขณะยืนอยู่หน้าบ้านเช่าไม่มีบ้านเลขที่ หมู่ 5 ตำบลสามพี่น้อง อำเภอแก่งหางแมว จังหวัดจันทบุรี ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยการแสดงตนเป็นคนอื่น, นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน” ตำรวจชุดจับกุม จึงได้แสดงตัว พร้อมแสดงหมายจับให้ นางสาวสุจิรา ฯ ดูและให้อ่านเองจนเป็นที่พอใจ สอบถามนางสาวสุจิรา ฯ  รับว่าเป็นบุคคลตามหมายจับจริง และไม่เคยถูกจับกุมตามหมายจับมาก่อน
เตือนภัย การเงินมีปัญหา ปรึกษาสถาบันการเงิน แหล่งสินเชื่อที่มีตัวตน น่าเชื่อถือและตรวจสอบได้

ผลการปฏิบัติภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. ,พล.ต.ต.อำนาจ  ไตรพจน์ รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.ชรินทร์ โกพัฒน์ตา ผบก.สอท.5, พ.ต.อ.เอกวีร์ พงศ์สร้อยเพ็ชร รอง ผบก.สอท.5, พ.ต.อ.บัญชา ศรีสุข รอง ผบก.สอท.5, พ.ต.อ.อรรถพล มีเสียง รอง ผบก.สอท.5, พ.ต.อ.ศุภกร ธัญญกรรม ผกก.1 บก.สอท.5, ได้สั่งการว่าที่ พ.ต.ต.สุธี บุดดีคำ ปรก.กก.1 บก.สอท.5,
ร.ต.อ.ขวัญชัย ปานคง รอง สว.กก.1 บก.สอท.5 พร้อมชุดสืบสวนดำเนินการจับกุม
 

พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. ได้สั่งการให้ระดมกวาดล้างอาญกรรมทางเทคโนโลยี แก๊งคอลเซ็นเตอร์

เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชา ให้ทำการสืบสวนผู้กระทำความผิดซึ่งเกิดขึ้นในช่องทางสื่อออนไลน์ ต่อมาชุดสืบสวนได้ตรวจพบว่าทวิตเตอร์ชื่อ “น้าจอนปืนเถื่อน” มีพฤติการณ์โพสต์ขายอาวุธปืนไม่มีทะเบียนทางออนไลน์

จึงได้ให้สายลับทำการติดต่อขอซื้อปืน ในราคา ๔,๗๐๐ บาท ต่อมาทางกลุ่มคนร้ายแจ้งว่าได้ทำการส่งอาวุธปืนมาให้ผู้ซื้อเรียบร้อยแล้ว และต่อมาได้มีโทรศัพท์ติดต่อกลับมาหาผู้ที่สั่งอาวุธปืนว่าเป็นการติดต่อมาจากบริษัทขนส่งเคอรี่ ตรวจพบพัสดุที่ผู้สั่งได้สั่งเป็นพัสดุผิดกฎหมาย แต่ทางเจ้าหน้าที่จะช่วยเหลือ ไม่แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่ให้ทางผู้สั่งซื้อโอนเงินไปให้ทางพนักงานจำนวน ๒๐,๐๐๐ บาท เพื่อแลกกับการไม่ดำเนินคดี ซึ่งเป็นการข่มขู่หลอกลวงให้เหยื่อโอนเงินอีกรอบหนึ่งในลักษณะแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์

ต่อมาในวันนี้ (๒๓ พ.ค.๖๖) เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สอท.๒ ได้รวบรวมหลักฐานและนำหมายค้นของศาลจังหวัดมีนบุรี เข้าทำการตรวจค้นสถานที่จำนวน ๔ จุด ได้พบกลุ่มคนร้ายจำนวน ๕ คน

ซึ่งกลุ่มคนร้ายส่วนใหญ่เป็นเยาวชน อายุไม่ถึง ๑๘ ปี ซึ่งมีเพียงนายบุญมี คงคา อายุ ๒๔ ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับของ ศาลจังหวัดนนทบุรี ที่ จ ๒๙๕/๒๕๖๖ เพียงคนเดียวที่ไม่ใช่เยาวชน 
จากคำให้การทราบว่า เป็นการกระทำร่วมกันเป็นขบวนการซึ่งมีการแบ่งหน้าที่กันทำ โดยจะมีคนจัดหาบัญชีม้า คนทำหน้าที่แอดมินเพจที่ใช้หลอกลูกค้าและตอบข้อความลูกค้า คนทำหน้าที่โทรกลับไปข่มขู่เหยื่อและหลอกว่าเป็นบริษัทขนส่งอ้างมีของผิดกฎหมาย และผู้ที่ทำการกดเงินที่ได้จากการกระทำความผิดจากบัญชีม้า และ จากการสอบถามผู้ต้องหาเบื้องต้นให้การว่า ได้เรียนรู้มาจากกลุ่มเพื่อนรุ่นเดียวกันที่เคยกระทำความผิดลักษณะนี้

แต่อาจจะมีรูปแบบต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นการหลอกขายสินค้าทั้งถูกกฎหมายและผิดกฎหมาย และหลอกให้ทำงาน เป็นต้น ได้ใช้ช่องโหว่ของกฎหมายที่ผู้เสียหายไม่กล้ามาแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ เนื่องจากเกรงกลัวว่าตนเองจะต้องได้รับโทษ เพราะเกิดจากการสั่งสินค้าที่ผิดกฎหมาย กลุ่มคนร้ายจึงย่ามใจกระทำผิดเรื่อยมา

เนื่องจากได้เงินดีและไม่มีเหยื่อกล้าที่จะแจ้งความ จากการตรวจสอบพบว่า ผู้ต้องหากลุ่มนี้ร่วมกันทำมาเป็นเวลากว่า ๑ ปี เงินหมุนเวียนในบัญชีกว่า ๒ ล้านบาท เงินที่ได้นำมาใช้จ่ายและเที่ยวเตร่ จึงได้นำผู้ต้องหาและพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

เตือนภัย ไม่ควรซื้ออาวุธปืนผิดกฎหมาย ไม่ว่าจะช่องทางใดก็ตาม และไม่หลงเชื่อกลโกงแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ที่โทรข่มขู่ “ไม่เชื่อ ไม่รีบ ไม่โอน”

ผลการปฏิบัติภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ต.ณัฐกรณ์ ประภายนต์ ผบก.สอท.๒, พ.ต.อ.ไพโรจน์ หมื่นกล้าหาญ รอง ผบก.สอท.๒ ได้สั่งการให้ พ.ต.อ.สุวัฒชัย ศรีทองสุข ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สอท.๒ พร้อมชุดสืบสวนดำเนินการจับกุม

ชื่นชม ทต.เขตอุดมศักดิ์ รับรางวัลองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นดีเด่นด้านการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยประจำปี 2566 ระดับประเทศ"

วันที่ 23 พฤษภาคม 2566 นายไพโรจน์ มาลากุล ณ อยุธยา นายกเทศมนตรีตำบลเขตรอุดมศักดิ์ นำทีมเจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เทศบาลตำบลเขตรอุดมศักดิ์ รับรางวัลชนะเลิศ การประกวดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นดีเด่น ด้านการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ประจำปี 2566 ระดับประเทศ ประเภท เทศบาลตำบล ณ บริษัท เอ็นพีซี เซฟตี๋ แอนส์ เอ็นไวรอลเมนทอล เซอร์วิส จำกัด ตำบลมาบตาพุด อำเภอเมือง จังหวัดระยอง ยังความชื่นชมยินดีต่อ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอำเภอสัตหีบ และพี่น้องประชาชน ในพื้นที่เป็นอย่างยิ่ง 
นิราช/นันทพล

ทิพย์ศรี รายงาน 090-953-5645
 

ทัพเรือภาคที่ 1 ร่วมบันทึกเทป ถวายพระพร 3 มิถุนายน 2566

เมื่อวันอังคารที่ 23 พฤษภาคม 2566 ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 พร้อมด้วยคณะผู้บังคับบัญชาในทัพเรือภาคที่ 1 และภริยา เดินทางไปร่วมบันทึกเทปถวายพระพร 3 มิถุนายน 2566

ซึ่งเป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพของสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี เพื่อเป็นการเทิดพระเกียรติ และแสดงความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ณ สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย จังหวัดจันทบุรี

ตำรวจไซเบอร์ล่อซื้อพ่อค้าซิมม้า ขายออนไลน์ผ่านเฟซบุ๊ก ลูกค้าเพียบ

สืบเนื่องจาก เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชา ให้ทำการสืบสวนผู้กระทำความผิดซึ่งเกิดขึ้นในช่องทางสื่อออนไลน์ ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับการ 3 กองบังคับการสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 2 ชุดจับกุมได้รับแจ้งจากสายลับ (ไม่ประสงค์ออกนาม) ว่ามีผู้จำหน่ายซิมการ์ดหมายเลขโทรศัพท์ที่ใช้กับโทรศัพท์เคลื่อนที่ เครือข่าย TRUEMOVE โดยมีการโฆษณาว่าลงทะเบียนเรียบร้อยแล้วผ่านแอพพิเคชั่นเฟสบุ๊ค ชื่อ SimTrue Noact และสายลับได้ติดต่อสั่งซื้อ ซิมการ์ดโทรศัพท์ดังกล่าวจำนวน 100 ซิมการ์ด ในราคา 3,500-3,700 บาท

โดยตกลงนัดส่งซิมการ์ดดังกล่าวในวันที่ 22 พฤษภาคม 2566 เวลาประมาณ 13.30 บาท ที่ร้านกาแฟสตาร์บัค สาขาห้างแพลตฟอร์ม วงเวียนใหญ่ ถ.ลาดหญ้า แขวงสมเด็จเจ้าพระยา เขตคลองสาน กรุงเทพมหานคร

​ต่อมา วันที่ 22 พ.ค.66 เวลาประมาณ 12.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมด้วยสายลับได้เดินทางมาที่ห้างแพลตฟอร์ม วงเวียนใหญ่ ถ.ลาดหญ้า แขวงสมเด็จเจ้าพระยา เขตคลองสาน กรุงเทพมหานคร พบนายวุฒิวิทย์ วิริยะก่อกิจกุล เดินมานั่งบริเวณใกล้กับสายลับและแสดงตัวเป็นผู้ใช้แอพพิเคชั่นเฟสบุ๊ค ชื่อ SimTrue Noact นำซิมการ์ดโทรศัพท์จำนวน 100 ซิมการ์ดส่งมอบให้กับสายลับ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแสดงตัวขอตรวจค้นพบโทรศัพท์มือถือไอโฟน 8 พลัส ซึ่งใช้ในการขายซิมการ์ดโทรศัพท์จำนวน 100 ซิมการ์ด ให้กับสายลับไป โดยติดต่อซื้อขายผ่านแอพพิเคชั่นเฟสบุ๊ค ชื่อ SimTrue Noact

เบื้องต้นนายวุฒิวิทย์ฯ ยังให้การอีกว่าตนได้จำหน่ายซิมการ์ดโทรศัพท์ (ลงทะเบียนแล้ว) มาแล้วประมาณ 2 เดือน โดยซื้อซิมการ์ดมาจากผู้แทนจำหน่ายซิมการ์ดราคาซิมการ์ดละประมาณ 25 บาท แล้วนำมาลงทะเบียนผ่านแอพพลิเคชั่น True Chanel Care ด้วยข้อมูลของบุคคลต่างด้าว จากนั้นนำมาจำหน่ายในราคาซิมการ์ดละ 35 บาท เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแจ้งจับกุมตัว นายวุฒิวิทย์ วิริยะก่อกิจกุล อายุ 27 ปี  

โดยแจ้งข้อกล่าวหาว่ากระทำความผิดฐาน “เป็นธุระจัดหา  โฆษณา  หรือไขข่าวโดยประการใด ๆ  เพื่อให้มีการซื้อ หรือขายเลขหมายโทรศัพท์สำหรับบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ซึ่งลงทะเบียนผู้ใช้บริการในนาม ของบุคคลหนึ่งบุคคลใดแล้ว  แต่ไม่สามารถระบุตัวผู้ใช้บริการได้” พร้อมของกลางซิมการ์ด และโทรศัพท์เคลื่อที่ส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย

​ผลการปฏิบัติภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท., พล.ต.ต.อำนาจ ไตรพจน์ รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.ณัฐกรณ์ ประภายนต์ ผบก.สอท. 2 ได้สั่งการให้ พ.ต.อ.ปกรณ์กิตติ์ ธนวรินทร์กุล ผกก.3 บก.สอท.2 พร้อมชุดสืบสวนดำเนินการจับกุม

นราธิวาส-มทภ.4 เดินหน้า “ศานติ สานต่ออนุรักษ์ ฟื้นฟู สืบสานศิลปะวัฒนธรรมท้องถิ่นเสน่ห์ชายแดนใต้ คนร่วมงานเต็มเพียบ

วันที่ 23 พฤษภาคม 2566 ที่สวนสาธารณะเฉลิมพระเกียรติ 6 รอบ พระชนมพรรษา (สวน ร.5) อำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส พลโท ศานติ ศกุนตนาค แม่ทัพภาคที่ 4 ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 เป็นประธานเปิดโครงการ “ศานติ สานต่อ ชายแดนใต้เพื่อความสันติสุข “

เพื่อมุ่งหวังให้ประชาชนชาวไทยพุทธ ชาวไทยเชื้อสายจีน และชาวมุสลิม เข้าใจในอัตลักษณ์ท้องถิ่นซึ่งกันและกัน ก่อเกิดเป็นความหลากหลายทางวัฒนธรรมในจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยมี นายสนั่น พงษ์อักษร ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส, ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส, รองผู้บังคับการตำรวจภูธรนราธิวาส, องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น, ผู้นำศาสนา, ผู้นำท้องถิ่น และประชาชน ทั้ง 13 อำเภอของจังหวัดนราธิวาส ร่วมกันแต่งกายชุดท้องถิ่นสีสันสวยงามมาร่วมกิจกรรมกันเป็นจำนวนมาก

ด้วยความตั้งใจที่อยากจะอนุรักษ์ สืบสานวัฒนธรรม และสื่อความเป็นอัตลักษณ์ในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส ให้คนทั้งในพื้นที่และนอกพื้นที่ได้รับรู้ผ่านสื่อมวลชนและพลังของคนในพื้นที่

ภายในงานมีกิจกรรมการแสดงดิเกฮูลู (มลายู) การแสดงรำโนราห์ รำพัดจีน ประเพณีคนไทยเชื้อสายจีน การแสดงกลองยาวที่สะท้อนให้เห็นถึงความหลากหลายพหุวัฒนธรรมในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และมีการมอบรางวัลให้กับเยาวชนที่เข้าร่วมการประกวดขับร้องเพลงอานาซีด และประกวดการแต่งกายชุดมลายูประจำถิ่น รางวัลชนะเลิศได้แก่ อำเภอจะแนะ, อำเภอเจาะไอร้อง และอำเภอสุไหงปาดีตามลำดับ นอกจากนี้การแสดงดนตรีจากหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 45 ซุ้มอาหารที่หลากหลายได้รับความสนใจจากประชาชน และสื่อมวลชน ร่วมกันแต่งกายด้วยชุดมลายูท้องถิ่นสร้างสีสันให้งานในครั้งนี้ 

พลโท ศานติ ศกุนตนาค แม่ทัพภาคที่ 4 / ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ได้กล่าวขอบคุณ คณะจัดงานจังหวัดนราธิวาสที่ให้ความสำคัญ ในการอนุรักษ์และสืบสานวัฒนธรรม เพื่อมุ่งหวังให้ประชาชนเยาวชนทุกเชื้อชาติ ทุกศาสนาได้มีความเข้าใจในอัตลักษณ์ท้องถิ่นซึ่งกันและกัน เกิดความรักความสามัคคี

ลดความขัดแย้งและเคารพความเห็นต่าง อีกทั้งเป็นการเผยแพร่ให้สังคมภายนอกได้รับเห็นความเป็นสังคมพหุวัฒนธรรม อยู่ร่วมกันได้อย่างสันติสุข วันนี้ผมดีใจที่พี่น้องประชาชนรวมไปถึงสื่อมวลชนทุกแขนงให้ความสนใจกิจกรรมนี้ และได้สัมผัสวิถีชีวิตของคนจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ยินดีที่จะให้การสนับสนุนและร่วมกันสืบสานประเพณีเหล่านี้ให้คงอยู่ในพื้นที่ตราบนานเท่านาน

นักวาดการ์ตูนไทย จับมือกับมูลนิธิสื่อเพื่อสุขภาวะ (มสส.) และสสส.ประชุมให้ข้อมูลที่ถูกต้องเรื่องอันตรายของบุหรี่ไฟฟ้า

รศ.พญ.เริงฤดีชี้ สังคมยังเข้าใจผิดว่าบุหรี่ไฟฟ้าอันตรายน้อยกว่าบุหรี่มวนและช่วยให้เลิกบุหรี่ได้ ด้านเลขาธิการสถาบันยุวทัศน์ฯแฉ ผู้ปกครองตามไม่ทันเด็ก ป.5 –ป.6 สูบบุหรี่บุหรี่ไฟฟ้ากันแล้ว ส่วนนักวาดการ์ตูนยินดีเผยแพร่ข้อมูลผ่านช่องทางต่างๆให้สังคมรับรู้

มูลนิธิสื่อเพื่อสุขภาวะ (มสส.) ร่วมกับ สมาคมการ์ตูนไทย เครือข่ายการ์ตูนไทยสร้างสรรค์สังคม โดยการสนับสนุนจาก สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จัดประชุมโฟกัสกรุ๊ปเรื่อง  "นักวาดการ์ตูนไทย ใส่ใจพิษภัยบุหรี่"  

เมื่อวันอังคารที่ 23 พฤษภาคม  2566  ณ โรงแรมเดอะรอยัล ริเวอร์ กรุงเทพ มีนักวาดการ์ตูนจากหนังสือพิมพ์และสื่อสำนักต่างๆเข้าร่วม โดยมี นายพิธพงษ์  จตุรพิธพร    ผู้ประกาศ ข่าวเด็ด 7 สี   สถานีโทรทัศน์ช่อง 7 HD เป็นผู้ดำเนินรายการ

รศ.พญ.เริงฤดี ปธานวนิช ผู้ที่ศึกษาเรื่องพิษภัยของบุหรี่มวนและบุหรี่ไฟฟ้าจาก ภาควิชาเวชศาสตร์ชุมชน คณะแพทย์ศาสตร์ รพ.รามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ระบุว่ามี 3 ความเข้าใจผิดและ 8 ข้อเท็จจริงเรื่องบุหรี่ไฟฟ้าที่คนไทยควรรู้ 3 ความเข้าใจผิดคือ 1. บุหรี่ไฟฟ้าอันตรายน้อยกว่าบุหรี่ธรรมดา 2. บุหรี่ไฟฟ้าช่วยให้เลิกบุหรี่ได้ และ 3. บุหรี่ไฟฟ้าไม่ได้พุ่งเป้าที่เด็กและเยาวชน สิ่งที่ถูกต้องคือบุหรี่ไฟฟ้า มีอันตรายไม่น้อยกว่าบุหรี่มวน ไม่ได้ช่วยให้เลิกสูบบุหรี่มิหนำซ้ำยังมีโอกาสกลับไปสูบบุหรี่แบบมวนด้วย และสุดท้ายกลุ่มเป้าหมายของบุหรี่ไฟฟ้าคือเด็ก เยาวชนและคนหนุ่มสาววันทำงาน ทั้ง 3 ประเด็นความเข้าใจผิดเป็นข้อมูลที่ออกมาจากธุรกิจบุหรี่ไฟฟ้าเพื่อทำการตลาดและและสร้างภาพลักษณ์เชิงบวกให้กับผลิตภัณฑ์

ซึ่งกลยุทธ์เหล่านี้เคยถูกใช้มาก่อนกับการโฆษณาบุหรี่ในอดีต รศ.พญ.เริงฤดี กล่าวต่อว่าข้อเท็จจริง 8 ข้อที่ทุกคนควรรับรู้คือ

1. บุหรี่ไฟฟ้ามีสารนิโคตินซึ่งเป็นสารเสพติดเช่นเดียวกับในบุหรี่ธรรมดา และยังพบว่าบุหรี่ไฟฟ้ารุ่นใหม่ ๆ มีปริมาณสารนิโคตินสูงกว่าบุหรี่ ธรรมดาหลายเท่า โดยบางยี่ห้อ บุหรี่ไฟฟ้า 1 แท่งมีปริมาณสารนิโคตินสูงเทียบเท่าบุหรี่ธรรมดา 50 มวน นิโคตินเป็นสารเสพติดที่อันตรายส่งผลกระทบต่อสุขภาพโดยเฉพาะเด็กและเยาวชนโดยสารนิโคตินจะไปทำลายกระบวนการเจริญเติบโตหรือพัฒนาการทางสมองของเด็กและวัยรุ่นส่งผลกระทบในระยะยาว

2. บุหรี่ไฟฟ้ามีสารเสพติดอื่น ๆ ที่เป็นพิษอีกมหาศาล ซึ่งมีสารพิษจำนวนมากที่ยังไม่รู้จัก ที่สำคัญพบว่าในบุหรี่ไฟฟ้าประกอบด้วยสารก่อมะเร็งหลายตัว รวมทั้งโลหะหนัก เช่น ตะกั่ว นิกเกิ้ล และสารที่มีอนุภาคขนาดเล็กหรือฝุ่นจิ๋วที่เข้าสู่ปอดได้ง่ายทำอันตรายต่อสุขภาพ

3. พบปัญหาโรคปอดจากการสูบบุหรี่ไฟฟ้าในระยะเฉียบพลันและระยะสั้นซึ่งรุนแรงกว่าผลจากการสูบบุหรี่ธรรมดา เช่น โรคปอดอักเสบเฉียบพลันที่ระบาดในสหรัฐอเมริกาเมื่อปี 2562-2563 ทำให้คนป่วยรุนแรงถึงเกือบ 3,000 คนและมีคนเสียชีวิตรวม 68 คน ซึ่งในประเทศไทยเริ่มพบคนสูบบุหรี่ไฟฟ้ามีอาการปอดอักเสบเฉียบพลันเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ

4. ผลกระทบระยะยาวจากบุหรี่ไฟฟ้ายังไม่ทราบ แต่หากผลกระทบระยะเฉียบพลันและระยะสั้นของการสูบบุหรี่ไฟฟ้านั้นเลวร้ายยิ่งกว่าการสูบบุหรี่ธรรมดา ปัจจุบันมีงานวิจัยจำนวนมากพบอันตรายต่อสุขภาพที่เกิดจากการสูบบุหรี่ไฟฟ้าโดยเฉพาะ โรคหัวใจวายเฉียบพลัน โรคปอดอักเสบ และพบว่าบุหรี่ไฟฟ้าทำให้เกิดมะเร็งปอดในหนูทดลอง แต่ธุรกิจบุหรี่ไฟฟ้ามักจะสร้างข้อมูลบิดเบือนอันตรายของบุหรี่ไฟฟ้า จากงานวิจัยพบว่า งานวิจัยที่สนับสนุนโดยธุรกิจบุหรี่ไฟฟ้าส่วนใหญ่ (93%) มักจะสรุปว่าบุหรี่ไฟฟ้าไม่อันตราย

ซึ่งต่างโดยสิ้นเชิงกับงานวิจัยที่เป็นกลางที่ส่วนใหญ่ (95%) ที่สรุปว่าบุหรี่ไฟฟ้ามีอันตรายต่อสุขภาพ

5. อันตรายจาก การสูบบุหรี่ไฟฟ้าบางอย่างทับซ้อนกับการสูบบุหรี่ธรรมดา แต่บุหรี่ไฟฟ้ามีสารพิษบางอย่างที่ไม่พบในบุหรี่ธรรมดา ดังนั้น บุหรี่ไฟฟ้าจึงไม่ใช่บุหรี่ธรรมดาที่มีความเจือจางลง  

6. บุหรี่ไฟฟ้ากำลังทำการตลาดพุ่งเป้า ไปที่กลุ่มเด็กและเยาวชน ซึ่งนำไปสู่รุ่นของผู้เสพติดนิโคตินอันเป็นภัยพิบัติ และจากงานวิจัยพบว่าบุหรี่ไฟฟ้าเป็นประตูสู่การสูบบุหรี่ธรรมดา ซ้ำยังทำให้คนที่เลิกสูบบุหรี่ธรรมดาไปแล้วกลับมาสูบบุหรี่ธรรมดา เพิ่มขึ้น  

7. องค์การอนามัยโลกยืนยันบุหรี่ไฟฟ้าไม่ช่วยให้เลิกสูบบุหรี่ ซ้ำพบว่าคนที่ใช้บุหรี่ไฟฟ้าเพื่อเลิกสูบบุหรี่ส่วนมากจะสูบบุหรี่ทั้งสองอย่างซึ่งมีอันตรายมากกว่าสูบอย่างเดียว    

8. บุหรี่ไฟฟ้าเป็นสิ่งผิดกฎหมาย ในประเทศไทย ทั้งกรณีจำหน่าย ให้บริการ นำเข้า ครอบครองและสูบในที่สาธารณะที่ห้ามสูบ “ที่น่าเป็นห่วงคือกลุ่มสนับสนุนบุหรี่ไฟฟ้าในไทยที่มีความสัมพันธ์กับบริษัทบุหรี่ข้ามชาติพยายามจะผลักดันให้ฝ่ายการเมืองของไทยยกเลิกกฎหมายห้ามบุหรี่ไฟฟ้าในประเทศไทย มีการตั้งมูลนิธิเพื่อโลกปลอดควันบุหรี่ (Foundation for a Smoke Free World) เป็นองค์กรบังหน้าเพื่อโปรโมทผลิตภัณฑ์บุหรี่และกลุ่มสนับสนุนบุหรี่ไฟฟ้าในประเทศไทยก็ทำงานให้กับองค์กรที่รับเงินจากมูลนิธินี้เช่นกัน จึงขอฝากไปยังรัฐบาลใหม่ให้คำนึงถึงผลกระทบที่จะเกิดกับเด็กและเยาวชนด้วย” คุณหมอเริงฤดีกล่าวทิ้งท้าย
ขณะที่คนทำงานด้านเด็กและเยาวชนนายพชรพรรษ์  ประจวบลาภ เลขาธิการสถาบันยุวทัศน์แห่งประเทศไทย (ยท.) กล่าวว่า

สถานการณ์แพร่ระบาดของบุหรี่ไฟฟ้าในกลุ่มเด็กและเยาวชนในปัจจุบันมีแนวโน้มรุนแรงขึ้น หากย้อนภาพในอดีตเพื่อเปรียบเทียบกับบุหรี่มวนจะพบว่ากลุ่มที่สูบบุหรี่เป็น กลุ่มวัยรุ่นระดับมัธยมศึกษาตอนต้นและตอนปลายอายุ 13-18 ปี  แต่ขณะนี้บุหรี่ไฟฟ้าระบาดไปยังกลุ่มเด็กระดับประถมศึกษาอา ยุ 10-12 ปี เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และปัญหาที่สำคัญคือครูและผู้ปกครองยังขาดความเข้าใจและยังไม่รู้จักอุปกรณ์บุหรี่ไฟฟ้ารูปแบบต่าง ๆ ส่งผลทำให้การคัดกรองของใช้ในกลุ่มเด็กถูกละเลยไปทำให้การพกพาหรือการสั่งซื้อสินค้าในกลุ่มบุหรี่ไฟฟ้าทำได้ง่ายมากขึ้น

นอกจากนั้นในน้ำยาบุหรี่ ไฟฟ้าพบสารเคมีหลายชนิด เช่น โพรไพลีนไกลคอล  เป็นส่วนประกอบทำให้เกิดไอระเหยและกลีเซอรีน เป็นสารเพิ่มความชื้นที่จะผสมกับสารโพรไพลีนไกลคอล แม้องค์การอาหารและยา (FDA) สหรัฐอเมริกา จะยืนยันถึงความปลอดภัยว่าใช้ได้ทั้งในอาหารและยา แต่ยังไม่ได้รับการยืนยันถึงความปลอดภัยกรณี กลายสภาพเป็นไอที่สูบหรือสูดในบุหรี่ไฟฟ้า ขณะเดียวกันในบุหรี่ไฟฟ้ายังมีสารเสพติดอย่างนิโคตินเช่นเดียวกับบุหรี่มวน ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสมอง ระบบอวัยวะสืบพันธุ์และการเจริญเติบโตของร่างกายในเด็กและเยาวชนด้วย

ด้านนักวาดการ์ตูน ได้ร่วมแสดงความคิดเห็นว่า การประชุมครั้งนี้มีประโยชน์มากเพราะข้อมูลหลายอย่างที่ได้รับฟังไม่เคยรู้มาก่อนและหลายอย่างก็เกิดความเข้าใจผิด โดยเฉพาะสิ่งที่สังคมรับรู้คือบุหรี่ไฟฟ้าอันตรายน้อยกว่าบุหรี่มวนซึ่งไม่เป็นความจริงและการสื่อสารจากผู้สนับสนุนบุหรี่ไฟฟ้าที่บอกว่าบุหรี่ไฟฟ้าช่วยให้เลิกบุหรี่มวนได้ก็กลายเป็นว่าต้องมาสูบทั้ง 2 อย่างยิ่งเป็นอันตรายต่อสุขภาพมากขึ้น ผู้เข้าร่วมประชุมส่วนใหญ่เห็นตรงกันว่าจะต้องช่วยกันสื่อสารข้อมูลที่ถูกต้องผ่านสื่อการ์ตูนในช่องทางต่างๆที่น่าจะเข้าถึงกลุ่มเด็กและเยาวชนได้ และสุดท้าย นายอภิวัชร์  เกตุทัต ประธานมูลนิธิสื่อเพื่อสุขภาวะ ได้กล่าวปิดการประชุมว่า การจัดงานครั้งนี้เป็นการดำเนินงานตามโครงการ เสริมพลังสื่อมวลชนไทย สร้างเครือข่าย ร่วมขับเคลื่อน สังคมสุขภาวะ ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) นักวาดการ์ตูนเป็นสื่อมวลชนที่เป็นกลุ่มเป้าหมายในการทำงานของมูลนิธิสื่อเพื่อสุขภาวะและ สสส. ข้อมูลที่ได้รับรู้และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในวันนี้ จะนำไปสู่การสื่อสารผ่านช่องทางต่างๆให้ผู้ปกครอง เด็กและเยาวชนได้เห็นพิษภัยของบุหรี่ฟ้าเพื่อปกป้องสังคมจากพิษภัยบุหรี่ไฟฟ้าได้

‘วรนัยน์’ ชี้ ไทยไร้ภาวะสงคราม ไม่จำเป็นต้องบังคับเกณฑ์ทหาร แนะ ควรมองบริบทโดยรวมที่แตกต่างของแต่ละประเทศ

เมื่อไม่นานมานี้ นายวรนัยน์ วาณิชกะ ผู้สมัคร ส.ส.พรรคชาติพัฒนากล้า ได้โพสต์คลิปผ่านติ๊กต็อกส่วนตัว ชื่อ ‘voranai11’ ถึงกรณีการยกเลิกบังคับเกณฑ์ทหาร โดยได้ยกตัวอย่างสาเหตุของแต่ละประเทศในการต้องมีทหาร ว่า…

“เนื่องจากเป็น ส.ส. สอบตก ทำให้ในช่วงนี้ผมได้มีเวลามากขึ้น เพราะฉะนั้น อยากจะใช้โอกาส ตอบข้อโต้แย้งเกี่ยวกับประเด็นวิดีโอยกเลิกเกณฑ์ทหาร ที่ผมได้ทำมาประมาณเดือนกว่าแล้ว และได้ยอดวิวในติ๊กต็อกมาประมาณ 3 ล้านวิว

ประเด็นแรก หลายคนพูดว่า ประเทศไทยไม่ควรและไม่จำเป็นต้องทำแบบประเทศอื่น ผมอยากจะเสนอแนวคิดนี้ครับ มนุษย์เราอยู่บนโลกที่กว้างใหญ่ มีความรู้ไร้ขีดจำกัด การวิวัฒนาการของมนุษย์นั้นก็คือการเรียนรู้ทุกสิ่งทุกอย่างเท่าที่จะเรียนรู้ได้ สิ่งใดที่ดี เรียนรู้และนำมาประยุกต์ใช้ สิ่งใดที่ไม่ดี เรียนรู้ เพื่อที่จะไม่นำมาประยุกต์ใช้ นี่คือวิถีของมุนษย์ ที่ไม่ยอมที่จะอยู่ในกะลา

ประเด็นที่สอง ประเทศอิสราเอล ประเทศเกาหลีใต้ หรือประที่เจริญแล้ว ก็ยังมีการเกณฑ์ทหาร ถูกต้องครับ แต่เราต้องเข้าใจบริบทของ geopolitics หรือ ที่เราเรียกว่า ‘ภูมิรัฐศาสตร์’ หรือ ‘ภูมิศาสตร์การเมือง’ ของแต่ละประเทศ ผู้นำทั่วโลกต่างตระหนักดีว่า เกาหลีเหนือมีความต้องการที่จะบุกยึดเกาหลีใต้ ผู้นำทั่วโลกตระหนักดีว่า อิหร่านมีความต้องการที่จะบุกยึดอิสราเอล เพราะฉะนั้น ทั้ง 2 ประเทศนี้ จึงต้องมีความพร้อมที่จะสู้รบสงครามครั้งใหญ่ทุกเมื่อ เกาหลีใต้ จึงต้องมีการเกณฑ์ทหาร และนอกจากนี้ อิสราเอลยังมีการเกณฑ์ทหารทั้งผู้ชายและผู้หญิงอีกด้วย นั่นคือบริบทของประเทศนั้นๆ”

เมื่อถามถึงบริบทของประเทศไทย นายวรนัยน์ กล่าว่า ไม่มีประเทศเพื่อนบ้านของเราประเทศไหน ไม่ว่าจะเป็นประเทศจีน ลาว เวียดนาม กัมพูชา มาเลเซีย หรือประเทศใดก็ตาม มี national agenda หรือ ‘วาระแห่งชาติ’ ที่จะบุกยึดประเทศไทย เมียนมาก็ไม่มี national agenda ที่จะบุกยึดประเทศไทย เพราะนายพลของเมียนมา มีความสนิทสนมกับนายพลของประเทศไทย มีความรักกันมาก รักกันยิ่งกว่ารักประชาชนในประเทศของตัวเองเสียอีก ตนไม่ได้กลัวว่านายพลของเมียนมาจะส่งทหารมายิงคนไทย แต่ตนเป็นห่วงว่านายพลของไทย จะส่งทหารมายิงคนไทย นี่คือ บริบทของประเทศไทยของเรา

เมื่อถามว่า ชายแดนของไทยเรามีปัญหาหรือไม่? นายวรนัยน์ ตอบว่า มี แต่ทหารอาสาที่สมัครใจมาเป็นทหารที่เรามีอยู่ สามารถจัดการได้ ทหารพรานที่สมัครใจ สามารถจัดการได้

อีกเรื่องหนึ่งที่ต้องพูดถึง คือ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ที่หลายคนโต้แย้งว่า สวิตเซอร์แลนด์เป็นประเทศที่เจริญแล้ว ไม่ได้อยู่ในบริบทที่จะมีใครมาบุกยึดด้วยซ้ำไป เป็นนายธนาคารของทั้งโลก แต่ก็ยังมีการเกณฑ์ทหาร นายวรนัยน์ ได้อธิบายไว้ว่า “ถูกต้องครับ เขามีการเกณฑ์ทหาร เมื่อถามว่าบริบทคืออะไร ประการแรก คือ ทหารเกณฑ์ของประเทศเขา ไม่ใช่ทหารรับใช้ ไม่มีใครต้องมานั่งซักเสื้อผ้าให้คุณนาย หรือคอยรับใช้นายพล เขาเหล่านั้นเป็นทหารที่ถูกฝึกและใช้งานอย่างมืออาชีพ ประเด็นที่สอง เขามีทางเลือก หากใครไม่อยากเป็นทหาร เขาสามารถเลือก Alternative civilian service หรือ ‘บริการพลเรือนทางเลือก’ ได้ ว่าจะไปอยู่หน่วยกู้ภัย หรือหน่วยอื่นๆ ตรงส่วนนี้ก็สามารถเลือกได้”

อีกหนึ่งประเด็นสำคัญ คือ ที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ มีการทำประชามติ ว่าจะยกเลิกการเกณฑ์ทหารหรือไม่ ผลออกมาคือ 70% บอกว่า “ไม่ยกเลิก” ไม่ยกเลิก ก็คือไม่ยกเลิก นี่คือวิถีของประชาธิปไตย ร่วมกันตัดสินใจ

เมื่อถามว่า แล้วอย่างนี้ ประเทศไทยควรมีการร่วมกันทำประชามติ เรื่องของการยกเลิกการเกณฑ์ทหารหรือไม่? นายวรนัยน์ ตอบว่า “ไม่จำเป็น ตอนนี้เลือกตั้งเสร็จแล้ว พรรคใหญ่ที่ชนะการเลือกตั้ง อันดับ 1 และ อันดับ 2 ทั้ง 2 พรรค ชูนโยบายยกเลิกการเกณฑ์ทหาร ดังนั้น เขามีมติอยู่แล้ว ในสภาฯ ก็ผ่านได้ เพราะฉะนั้น การยกเลิกเกณฑ์ทหารก็เป็นวิถีของประชาธิไตยอยู่แล้ว และนี่คือ การใช้หลักการประชาธิไตย ที่จะตัดสินทิศทางของประเทศไทยต่อไป”
 

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เตือนภัยออนไลน์ ต๋อง ศิษย์ฉ่อย ถูกหลอกสูญเงินไป 3.2 ล้าน

เนื่องจากในรอบสัปดาห์ มีข่าวแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจหลอกลวง นายวัฒนา ภู่โอบอ้อม หรือ ต๋อง ศิษย์ฉ่อย  ให้โอนเงิน  สูญเงินไป  3.2 ล้านบาทเศษ   พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์  กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และ พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นห่วงพี่น้องประชาชน ที่อาจจะตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพดังกล่าว จึงมอบหมายให้ พล.ต.อ.สมพงษ์ ชิงดวง  ที่ปรึกษาพิเศษ ตร. หัวหน้าคณะทำงานสร้างเสริมภูมิคุ้มกันต้านภัยอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และ พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติพร้อมด้วยคณะทำงาน แถลงข่าวเตือนภัย เมื่อวันที่ 23 พ.ค.2566   เวลา 10.30 น. ณ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ 

พล.ต.อ.สมพงษ์  ชิงดวง  ที่ปรึกษาพิเศษ ตร.กล่าวว่าในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา (14-20 พ.ค.2566)  มีสถิติการรับแจ้งความคดีออนไลน์มากที่สุดยังเป็นคดีเดิมๆ  5 อันดับ ได้แก่  อันดับ 1)  คดีหลอกลวงซื้อขายสินค้าหรือบริการ   2) คดีหลอกลวงให้โอนเงินเพื่อทำงานหารายได้พิเศษ  3) คดีหลอกลวงให้กู้เงิน 4) คดีข่มขู่ทางทางโทรศัพท์ให้เกิดความกลัวแล้วหลอกให้โอนเงิน (Call Center) และ 5) คดีหลอกลวงให้ลงทุนผ่านระบบคอมพิวเตอร์  สำหรับคดีออนไลน์ที่มิจฉาชีพนำมาหลอกลวง   นายวัฒนา ภู่โอบอ้อม  หรือ ต๋อง ศิษย์ฉ่อย  สูญเงินไป 3.2 ล้านบาทเศษ  ซึ่งถือเป็นเรื่องจำเป็นเร่งด่วนต้องเตือนให้ประชาชนได้รับทราบ จึงได้เชิญนายวัฒนา ภู่โอบอ้อม หรือ ต๋อง ศิษย์ฉ่อย  มาร่วมแถลงข่าวในครั้งนี้ด้วย

พ.ต.อ.ก้องกฤษฎา  กิตติถิระพงษ์ รองผู้บังคับการตรวจสอบและวิเคราะห์อาชญากรรมทางเทคโนโลยี      บช.สอท. กล่าวถึงรายละเอียดภัยออนไลน์ในรูปแบบแก๊งคอลเซ็นเตอร์แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจโทรศัพท์ข่มขู่นายวัฒนา ภู่โอบอ้อม หรือ ต๋อง ศิษย์ฉ่อย ว่าเกี่ยวข้องกับยาเสพติดและฟอกเงิน  โดยมิจฉาชีพคนที่ 1 แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ธนาคารกรุงไทย โทรศัพท์หานายวัฒนาฯ แจ้งว่าค้างชำระบัตรเครดิตธนาคารกรุงไทย หากไม่ได้ใช้บัตรเครดิต แสดงว่ามีบุคคลอื่นนำบัตรเครดิตไปใช้ และแนะนำให้ไปแจ้งความที่ สภ.เมืองนครสวรรค์ ซึ่งเป็นท้องที่เกิดเหตุ และต่อสายโทรศัพท์ให้คุยกับมิจฉาชีพคนที่ 2 ซึ่งอ้างตนเป็น พ.ต.อ.เสฎฐวุฒิ รอดจันทร์  เนื่องจากเห็นว่าไม่สะดวกเดินทางไปแจ้งความ ระหว่างนั้น  มิจฉาชีพคนที่ 3 ใช้บัญชีไลน์     ชื่อ “สภ.เมืองนครสวรรค์” ส่งบัตรประจำตัว พ.ต.อ.เสฎฐวุฒิ รอดจันทร์  มาให้ดูและแจ้งด้วยว่า นายวัฒนาฯ เกี่ยวข้องกับคดียาเสพติดและฟอกเงินพร้อมส่งบัญชีธนาคารของนายวัฒนาฯ มาให้ตรวจสอบและแจ้งว่าได้ขายสมุดบัญชีธนาคารที่ไม่ได้ใช้แล้วให้บุคคลอื่นในราคา 50,000 บาท  และมีเงินจำนวน 850,000 บาท ซึ่งเป็นเงินที่ได้จากการขายยาเสพติดโอนเข้ามาในสมุดบัญชี หากต้องการพิสูจน์ความบริสุทธิ์ต้องโอนเงินมาตรวจสอบเส้นทางการเงิน หากตรวจสอบแล้วไม่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิดใดๆ  จะโอนเงินคืน   นายวัฒนาฯ   หลงเชื่อจึงโอนเงินจากบัญชีธนาคาร  5  บัญชี  จำนวน  10  ครั้ง   เข้าบัญชี   น.ส.สุดารัตน์ (ขอสงวนนามสกุล) และ น.ส.ชนกานต์ (ขอสงวนนามสกุล)  รวมเป็นเงิน 3,202,380.7 บาท ให้มิจฉาชีพไป

จุดสังเกต  
1.โทรศัพท์แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่สถาบันการเงินต่างๆ     แล้วเริ่มบทสนทนาพูดคุยโน้มน้าวให้
หลงเชื่อ 
2.อ้างสถานที่เกิดเหตุไกลจากบ้านหรือที่อยู่ผู้เสียหาย เพื่อให้ผู้เสียหายไม่อยากเดินทางไปสถานี
ตำรวจ และต้องการความสะดวกในการติดต่อทางโทรศัพท์ไลน์ หรือทางอื่น
3.แอบอ้างเจ้าหน้าที่หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายอื่นๆ ส่งบัตรประจำตัวเจ้าหน้าที่ หรือหนังสือ
ของทางราชการ ข่มขู่เพื่อให้เกิดความกลัว  แล้วให้โอนเงินให้คนร้ายตรวจสอบ
4.มิจฉาชีพใช้บัญชีไลน์ส่วนบุคคล  แต่ส่วนราชการหรือหน่วยงานรัฐใช้บัญชีทางการ (Line 
Official)
5.บัญชีรับโอนเงินของมิจฉาชีพเป็นบัญชีส่วนบุคคล  แต่บัญชีส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือ
เอกชน เป็นบัญชีหน่วยงานหรือองค์กร
    
วิธีป้องกัน   
1)ให้ติดต่อ call center ของธนาคารเพื่อสอบถามข้อมูลโดยตรง  เพราะธนาคารไม่มีนโยบายในการ
โทรศัพท์แจ้งให้ประชาชนโอนเงินไปตรวจสอบ หรือโหลดแอพพลิเคชั่น
2)กรณีอ้างหน่วยงานของรัฐที่เป็นหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย  ให้โทรศัพท์สอบถามข้อมูลจาก
หน่วยงานนั้นๆ  โดยตรง
3)ให้นัดหมายไปพบเจ้าหน้าที่เพื่อแจ้งความ  สอบสวนปากคำ  ชี้แจง  หรือยื่นพยานเอกสาร
พยานวัตถุ ณ สถานที่เกิดเหตุหรือสถานที่ราชการด้วยตนเอง 
4)ถ้ามีการสนทนาทาง Video call ให้มีสติและสังเกตปากกับเสียงตรงกันหรือไม่ หรือ ภาพและ
ท่าทางมีความผิดปกติหรือไม่(คนร้ายสามารถใช้โปรแกรมปลอมใบหน้าขณะสนทนาได้)

พล.ต.ต.สุระพรรณ นาทวรทัต ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 4  เปิดเผยว่าได้รวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติม และข้อมูลทางการสืบสวนเส้นทางการเงินของผู้ต้องหา จากกองบัญชาการสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี(สอท.) หรือตำรวจไซเบอร์ จนสามารถออกหมายจับผู้ต้องหา บัญชีม้าแถวแรกได้แล้ว และออกหมายเรียกผู้ต้องหาเพิ่มเติม  พร้อมทั้งอายัดเงินในบัญชีม้าแถวที่  2 - 4   รวมทั้งหมดจำนวน 11 ราย โดยนัดหมายให้มารายงานตัว ในวันจันทร์ที่  29 พ.ค.66  เวลา  10.00  น.   และสอบปากคำ พ.ต.อ.เสฏฐวุฒิ รอดจันทร์ ผกก.สภ.เมืองนครสวรรค์ จว.นครสวรรค์ ซึ่งถูกแก็งค์คอลเซนเตอร์นำไปกล่าวอ้างในการหลอกลวงต๋อง ศิษย์ฉ่อย โดยยืนยันว่าไม่ได้เป็นผู้ติดต่อโทรศัพท์พูดคุยกับผู้เสียหายแต่อย่างใด

พ.ต.อ.ก้องกฤษฎา  กิตติถิระพงษ์ กล่าวเพิ่มเติมว่านอกจากนี้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ยังใช้วิธีส่ง sms หลอกให้กดเพิ่มเพื่อนไลน์แล้วให้โหลดแอปพลิเคชันควบคุมเครื่องโทรศัพท์ โดยมิจฉาชีพแอบอ้างการไฟฟ้า  การประปา ธนาคาร หน่วยงานรัฐ  หรือเอกชน ส่ง sms ให้ผู้เสียหายกดลิงค์เพิ่มเพื่อนไลน์ แล้วหลอกให้หลงเชื่อและกดลิงก์ดาวน์โหลดแอพพลิเคชันควบคุมเครื่องโทรศัพท์ แล้วโอนเงินออกจากบัญชีผู้เสียหาย ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา มีการแอบอ้างการไฟฟ้านครหลวง ดังนี้
มิจฉาชีพแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่การไฟฟ้านครหลวงหลอกโอนเงิน โดยส่ง sms แจ้งว่าเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าจดเลขมิเตอร์เกิน ให้ติดต่อเจ้าหน้าที่ โดยเพิ่มเพื่อนในไลน์ กับมิจฉาชีพซึ่งใช้ชื่อสำนักงานการไฟฟ้า และอ้างตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่การไฟฟ้านครหลวงแล้วส่งลิงก์มาให้หลงเชื่อและกดลิงก์ เพื่อให้ผู้เสียหายดาวน์โหลดแอพพลิเคชันควบคุมเครื่องโทรศัพท์ แล้วโอนเงินออกจากบัญชีผู้เสียหาย         

จุดสังเกต  การเปรียบเทียบของปลอม-ของจริง 
ของปลอม 
1) เวบไซต์ชื่อ www.xk-line.cc นามสกุลของโดเมนไม่ถูกต้อง 
2) ไลน์เป็นบัญชีส่วนบุคคล สามารถโทรหากันได้ 
3) ใช้โลโก้ กฟน. เหมือนของจริง แต่ใช้ชื่อบัญชี “สำนักงานการไฟฟ้า” 

ของจริง
1) เวบไซต์ชื่อ www.mea.or.th นามสกุลของโดเมนคือ .or.th
2) ไลน์เป็นบัญชีทางการ ไม่สามารถโทรหากันได้
3) ใช้ชื่อบัญชี “การไฟฟ้านครหลวง” 

วิธีป้องกัน 
1) ไม่เปิดอ่านหรือ กดลิงก์ใน SMS แปลกปลอม หรือติดตั้งแอปพลิเคชันที่มิจฉาชีพหลอกให้ติดตั้ง 
2)กรณีมีการส่ง SMS ที่ผิดปกติ  ควรโทรศัพท์ตรวจสอบกับการไฟฟ้านครหลวง MEA call center 
โทร. 1130 โดยตรง 
3)หากต้องการติดตั้งแอปพลิเคชันใดๆ ควรโหลดและติดตั้งจาก Google Play store หรือ Apple 
Store เท่านั้น ไม่ควรดาวน์โหลดจากลิ้งค์หรือข้อความที่มีคนส่งให้

พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วย ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ  แถลงว่าการระงับการทำธุรกรรมและอายัดบัญชีตาม พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี  พ.ศ.2566     ห้วงวันที่ 17 มี.ค.66 – 5 พ.ค.66 มีรายละเอียด ดังนี้
Case ID ในความรับผิดชอบ  30,439 (Case ID)
พงส.แจ้งธนาคารทราบถึงการรับคำร้องทุกข์  988 (Case ID)
พงส.แจ้งให้อายัดการทำธุรกรรม/อายัดบัญชี  762 (Case ID)
จำนวนบัญชีที่ขอระงับ/อายัด 16,597 (บัญชี)
จำนวนเงินที่ขออายัด 685,310,290 (บาท)
จำนวนเงินที่อายัดได้  92,132,049 (บาท) (14%)
    
การดำเนินการตาม พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี   พ.ศ.2566 (บัญชีม้า) ห้วงวันที่ 17 มี.ค.66 - 17 เม.ย.66  มี ดังนี้
ออกหมายจับ จำนวน 264 คดี/268 หมาย
จับกุม จำนวน 170 คดี/137 คน
เจ้าของไปขอปิดบัญชี  จำนวน  118 บัญชี

การดำเนินการตรวจค้น จับกุม การจำหน่ายซิมการ์ดโทรศัพท์มือถือแบบลงทะเบียนพร้อมใช้  แต่ไม่สามารถระบุตัวผู้ใช้บริการได้   (ซิมเถื่อน)  ได้ทำการตรวจค้นสถานที่ที่ต้องสงสัยรวมการตรวจค้นทั่วประเทศทั้งหมด จำนวน 40 จุด   พบการกระทำผิด จำนวน 4 จุด จับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งสิ้น  จำนวน 6 ราย   พร้อมตรวจยึดของกลางซิมโทรศัพท์ทั้งหมด  จำนวน 108,789 ซิม นำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีในฐานความผิด “เป็นธุระจัดหา โฆษณา หรือไขข่าวโดยประการใดๆ เพื่อให้มีการซื้อหรือขายเลขหมายโทรศัพท์สำหรับบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ซึ่งลงทะเบียนผู้ใช้บริการในนามของบุคคลหนึ่งบุคคลใดแล้ว แต่ไม่สามารถระบุตัวผู้ใช้บริการได้”

กรณีเปิดหรือยอมให้คนอื่นใช้บัญชีเงินฝาก บัตร หรือ e-wallet เป็นบัญชีม้า  ให้รีบนำบัตรประชาชนไปปิดบัญชีกับธนาคารโดยเร็ว  เนื่องจากเป็นความผิดตาม พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ.2566 ซึ่งมีอัตราโทษสูง  คือ จำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 300,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ 

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้า คดีพบศพเด็กมีร่องรอยล่วงละเมิดทางเพศ นราธิวาส

จากกรณีเมื่อวันที่ 16 พ.ค.66 เวลา 9.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ตันหยง ภ.จว.นราธิวาส ได้รับแจ้งเหตุพบศพเด็กหญิงนก (นามสมมุติ) อายุ 3 ปีเศษ เสียชีวิตอยู่ในสระน้ำห่างจากบ้านประมาณ 500 เมตร ซึ่งบิดาของเด็กหญิงนกได้แจ้งความหายไว้เมื่อวันที่ 14 พ.ค.66 ก่อนจะถูกพบศพดังกล่าว ตามที่สื่อมวลชนและโซเชียลมีเดียได้นำเสนอข้อมูลไปแล้วนั้น

จากกรณีดังกล่าว พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ดำเนินการสืบสวนหาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการเสียชีวิตของเด็กหญิงรายดังกล่าว เพื่อให้ความจริงปรากฏ เนื่องจากเป็นคดีที่ได้รับความสนใจจากประชาชนและสื่อมวลชนเป็นอันมาก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ฯ จึงได้สั่งการให้ พล.ต.ต.อนุรุธ อิ่มอาบ ผบก.ภ.จว.นราธิวาส , พล.ต.ต.ไมตรี สันตยากุล ผบก.สส.จชต. และ พ.ต.อ.มะตาฮา มูหนะ ผกก.สภ.ตันหยง เร่งสืบสวนหาสาเหตุการเสียชีวิตของเด็กหญิงรายดังกล่าว และติดตามจับกุมผู้ก่อเหตุโดยเร็ว เบื้องต้นจากการผ่าพิสูจน์ศพของผู้ตายพบว่า มีร่องรอยการถูกล่วงละเมิดทางเพศ ประกอบกับข้อมูลจากการตรวจสอบที่เกิดเหตุพบว่า ศพของผู้ตายนั้นถูกถอดกางเกงและแพมเพิร์สออก ซึ่งบิดาของผู้ตายยืนยันว่า ผู้ตายยังไม่สามารถถอดแพมเพิร์สออกด้วยตนเองได้ จึงสันนิษฐานได้ว่า อาจถูกคนร้ายหลอกไปจากที่บ้าน จากนั้นได้มีการล่วงละเมิดทางเพศเกิดขึ้น จากนั้นผู้ก่อเหตุได้ลงมือฆ่าเด็กหญิงนก ก่อนทิ้งอำพรางศพที่บริเวณสระน้ำที่เกิดเหตุ

วันนี้ (22 พ.ค.66) เวลา 18.30 น. พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ฯ ได้เข้าตรวจสอบบริเวณจุดที่พบศพผู้ตายร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน พบว่าบริเวณดังกล่าวเป็นพื้นที่คันดินเนินสูง ซึ่งผู้ตายที่เป็นเด็กอายุเพียงสามปีไม่สามารถเดินขึ้นได้ด้วยตนเอง สันนิษฐานได้ว่าถูกคนร้ายพาเข้ามาเพื่อก่อเหตุ หลังจากนั้น รอง ผบ.ตร. ได้เข้าเยี่ยมครอบครัวของผู้เสียชีวิต รวมทั้งพูดคุยกับชาวบ้าน โดยได้มอบของและให้กำลังใจ รวมทั้งให้ความมั่นใจ ว่าจะติดตามผู้ต้องหาที่ก่อเหตุสลดดังกล่าวมาลงโทษตามกฏหมายโดยเร็วที่สุด จากนั้นจึงได้เรียกประชุมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับคดีทั้งหมด เพื่อติดตามความคืบหน้าของการดำเนินการเกี่ยวกับคดีดังกล่าว ที่ ภ.จว.นราธิวาส และได้สั่งการให้ ฝ่ายสืบสวนจังหวัดนราธิวาส ร่วมกับ สภ.ตันหยง นำตัวผู้ต้องสงสัยในรัศมีใกล้เคียงที่เกิดเหตุทั้งหมด มาตรวจเก็บลายนิ้วมือและดีเอ็นเอไว้ เพื่อใช้ในการตรวจพิสูจน์เปรียบเทียบกับพยานหลักฐานที่อาจพบได้จากศพผู้ตาย รวมทั้งลงพื้นที่หาข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับพฤติกรรมของผู้ต้องสงสัยที่อาจมีพฤติกรรมเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิดทางเพศต่อเด็ก

งานแถลงข่าว การลงนามบันทึกข้อตกลงร่วมกัน (MOU)

นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้กล่าวบันทึกความเข้าใจร่วมกันในการจัดตั้งรัฐบาล ในงานแถลงข่าว การลงนามบันทึกข้อตกลงร่วมกัน (MOU) จัดตั้งรัฐบาล ที่ห้องบอลรูม โรงแรมคอนราด กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 22 พ.ค. 66

เพื่อสร้างพื้นฐานในการจัดตั้งรัฐบาล และการทำงานร่วมกันของทุกพรรค ว่า “ภารกิจของรัฐบาลที่ทุกพรรคจะผลักดันนั้น ต้องไม่กระทบต่อรูปแบบของรัฐฯ การปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และการดำรงอยู่ในฐานะอันเป็นที่เคารพสักการะ ผู้ใดจะละเมิดมิได้ ขององค์พระมหากษัตริย์” 
 

เชียงใหม่-ททท. จัดแถลงข่าว Amazing Chiang Mai Pride 2023 และกิจกรรมกระตุ้นท่องเที่ยว Green Season

ททท.จัดกิจกรรมแถลงข่าว Amazing Chiang Mai Pride 2023
และกิจกรรมกระตุ้นท่องเที่ยว Green Season ชวนเที่ยวเชียงใหม่หน้าฝน มอบส่วนลดและสิทธิประโยชน์ตลอดเดือน พฤษภาคม – สิงหาคม 2566

วันที่ 22 พฤษภาคม 2566 ณ ร้าน Chef’s Together การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ร่วมกับพันธมิตร จังหวัดเชียงใหม่ เทศบาลนครเชียงใหม่ สมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ คณะทำงาน Chiang Mai Pride ศูนย์การค้าในจังหวัดเชียงใหม่ และผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวที่เกี่ยวเนื่อง จัดกิจกรรมแถลงข่าว Amazing Chiang Mai Pride 2023 และกิจกรรมต้อนรับฤดูกาลท่องเที่ยวหน้าฝน Green Season ชวนนักท่องเที่ยวไทยแพคกระเป๋าออกเดินทางตามหาความสุขกับสายฝน สายหมอกเมืองเชียงใหม่ พร้อมโปรโมชั่นเที่ยวเชียงใหม่ให้ฉ่ำใจ อาทิ ส่วนลดที่พัก แพกเกจทัวร์ ร้านอาหาร สปา ในราคาพิเศษสุด ระหว่างเดือนพฤษภาคม – สิงหาคม 2566
 
นายวีรพงศ์ ฤทธิ์รอด รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า ในช่วงฤดูฝนจังหวัดเชียงใหม่เป็นช่วงที่บรรยากาศน่าท่องเที่ยวเพราะเป็นช่วงที่ธรรมชาติฟื้นคืนกลับมาเขียวขจี มองไปทางไหนเย็นตาสบายใจ โดยเฉพาะแหล่งท่องเที่ยวนอกเมือง ไม่ว่าจะเป็นนาขั้นบันได สวนสน ยอดดอยสูงที่จะได้สัมผัสกับไอหมอกฝนที่ชุ่มฉ่ำ หลังจากที่ปัญหาหมอกควันคลี่คลาย อากาศสดใสพร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยว
 
นายเมธิศ วุฒิฉายานันท์ เลขานุการนายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ กล่าวว่า เทศบาลนครเชียงใหม่ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญในการส่งเสริมและกระตุ้นเคมเปญกิจกรรมท่องเที่ยวให้เกิดขึ้นต่อเนื่องตลอดทั้งปี เพื่อเป็นกลไกในการดึงดูดนักท่องเที่ยวและสร้างรายได้ สร้างเศรษฐกิจให้กับเมืองเชียงใหม่ โดยทางเทศบาลนครเชียงใหม่ได้ร่วมบูรณาการในการตกแต่งสถานที่ในเขตพื้นที่รับผิดชอบให้มีความสอดคล้องกับเดือน Pride Month 

อาทิ เปลี่ยนสีไฟบริเวณขัวเหล็ก สะพานนวรัฐให้เป็นสีรุ้ง ขอความร่วมมือผู้ประกอบการในพื้นที่ตกแต่งบ้านเรือน ร้านค้า เพื่อสร้างสีสันบรรยากาศให้กับเมือง รวมทั้งประชาสัมพันธ์รณรงค์ให้ผู้ประกอบการถนนคนเดินร่วมจัดส่วนลดหรือสิทธิพิเศษให้แก่นักท่องเที่ยวในวันอาทิตย์ที่ 28 พฤษภาคม 2566 ซึ่งจะมีการเดินขบวนพาเหรดเปิดเทศกาลเฉลิมฉลอง Pride Month

นายศุภมิตร กิจจาพิพัฒน์ นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า เครือข่ายพันธมิตรผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยว หน่วยงานภาคเอกชน ได้ให้ความสนใจและผนึกกำลังในการมอบส่วนลดและสิทธิประโยชน์มากมายเพื่อกระตุ้นให้จังหวัดเชียงใหม่เป็นหมุดหมายที่สำคัญของการท่องเที่ยวช่วงหน้าฝนและช่วงเดือนมิถุนายน 2566 โดยจัดโปรโมชั่นมอบส่วนลดพิเศษไม่ว่าจะเป็นที่พัก ร้านอาหาร สปา ในปีนี้อย่างคึกคัก อาทิ ส่วนลดห้องพัก โปรโมชั่น 999 ตลอดทั้งเดือน, ส่วนลดแพ็คเกจทัวร์ 10 % ทุกโปรแกรม, สปา 999 บาท

คณะทำงาน Chiang Mai Pride 2023 กล่าวว่า การจัดกิจกรรมในครั้งนี้ได้จัดต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี โดยปีนี้เชียงใหม่จะเป็นจังหวัดเปิดเทศกาลเฉลิมฉลอง Pride Month ของประเทศไทย ในวันอาทิตย์ที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2566 เวลา 18.00 น. – 24.00 น. โดยมีกิจกรรมหลักขบวนพาเหรด เส้นทางพุทธสถานเชียงใหม่ ต่อไปยังถนนช้างคลาน เลี้ยวซ้ายเข้าถนนลอยเคราะห์ สิ้นสุดที่ข่วงประตูท่าแพ ซึ่งคาดว่าจะได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติร่วม 10,000 คน นอกจากนี้แล้วยังมีกิจกรรมอื่น ๆ ที่น่าสนใจ ณ ข่วงประตูท่าแพ อาทิ การแสดงดนตรี ฉายหนังกลางแปลง ชิงช้าสวรรค์ และออกบูธกิจกรรมต่างๆ ในรูปแบบงานวัด

นางสาวภัทรอนงค์ ณ เชียงใหม่ ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคเหนือ ททท. กล่าวว่า ในช่วงเข้าสู่ฤดูกาล Green Season ททท. ได้วางทิศทางในการส่งเสริมตลาดการท่องเที่ยวภาคเหนือ ผ่านการส่งมอบประสบการณ์เดินทางท่องเที่ยวที่มีความหมายและทรงคุณค่า (Meaningful Travel) หลากหลายเมนูประสบการณ์ และหลากหลายพื้นที่ในภาคเหนือ 
อาทิ  

เมนูประสบการณ์สัมผัสเทศกาล ประเพณี/กิจกรรม งาน Amazing Chiang Mai Pride 2023 โดยมีกิจกรรมไฮไลท์ ขบวนพาเหรด Chiang Mai Pride 2023 ในวันที่ 28 พฤษภาคม 2566 และมอบสิทธิพิเศษ ให้แก่นักท่องเที่ยวตลอดเดือน  Pride Month ขณะเดียวกันผู้เข้าร่วมกิจกรรมยังมีสิทธิ์ลุ้นรับรางวัลพิเศษ อาทิ ตั๋วเครื่องบิน พร้อมที่พัก และบริการสุดพิเศษ รวมมูลค่ากว่า 100,000 บาท
 
กิจกรรม Chiang Mai Golf Festival 2023 โดยร่วมกับพันธมิตรสมาคมกอล์ฟรีสอร์ทภาคเหนือจัดโปรโมชั่นราคาพิเศษจาก 7 สนามดัง หนุนการท่องเที่ยวช่วง Green Season ผ่านแนวคิด Amazing Weekday Payless ลงทะเบียนรับส่วนลด E- Voucher รับประทานอาหารรวมมูลค่ากว่า 135,000 บาท ในวันธรรมดา (วันจันทร์-วันศุกร์) ตลอดเดือนมิถุนายน – สิงหาคม 2566

เชื่อมโยงการเดินทางต่อเนื่องไปยังงานวิจิตร 5 ภาค @ CHIANG RAI "หลงแสงเวียง ที่เจียงฮาย" จ.เชียงราย ผ่านการเล่าเรื่องประวัติศาสตร์ของเมืองเชียงรายอันชวนหลงใหล โดยใช้เส้นทางเวลาซ้อนทับ เส้นทางถนนในเมือง นำเสนอสู่ยุคสมัยต่างๆ ของเวียงเจียงฮาย ด้วยสถาปัตยกรรมและสิ่งแวดล้อมด้วยแสงไฟ ในช่วงระหว่างวันที่ 20 – 28 พฤษภาคม 2566

เมนูประสบการณ์ผ่อนคลายตามจักรราศี
กิจกรรม Zodiac Spa สปาราศี ส่งมอบประสบการณ์ที่มากกว่าการนวดเพื่อรักษา และมากกว่าการทำสปา ผ่อนคลายนวดปรนนิบัติร่างกายตามจักรราศีเกิดธาตุ ดิน น้ำ ลม ไฟ เฉพาะแต่ละบุคคล ตามแบบฉบับแพทย์แผนไทย มอบโปรโมชั่นพิเศษช่วงกรีนซีซัน รับส่วนลดทันที 20 % จากราคาปรกติ 2,499 บาท เหลือเพียง 1,999 บาทเท่านั้น ระหว่างเดือนมิถุนายน – สิงหาคม 2566

เมนูประสบการณ์สัมผัสท่องเที่ยวชุมชน และการท่องเที่ยวแบบ Low Carbon กิจกรรม Low Carbon Destination @The North จัดกิจกรรมเส้นทางเสนอขายผ่านเส้นทางจักรยาน เส้นทางรถรางในเวียงน่าน และเส้นทางเชื่อมโยง อาทิ กิจกรรมพายซับบอร์ด แคมป์ปิ้งใส่ใจสิ่งแวดล้อม พร้อมมีกิจกรรม EVENT MARKETING ในช่วงสิ้นเดือนมิถุนายน 2566 ที่มีการรวบรวมสถานประกอบการในจังหวัดน่าน ขายสินค้า บริการด้าน Eco Product อีกทั้งมีการมอบสิทธิพิเศษให้แก่นักท่องเที่ยวตั้งแต่เดือนมิถุนายน - สิงหาคม

กิจกรรม Amazing Lomo Experience Trip จัดกิจกรรมเส้นทางเสนอขายผ่านรถตุ๊กตุ๊กไฟฟ้า เปิดประสบการณ์ท่องเที่ยวย้อนวันวานประวัติศาสตร์ สัมผัสเสน่ห์วันวานเมืองเชียงใหม่ และส่งเสริมการท่องเที่ยวที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ขับเคลื่อนเชียงใหม่ให้เป็นเมืองแห่งการท่องเที่ยว Zero Carbon

เปิดบ้านต้อนรับนวัตกรรุ่นใหม่ โครงการ สานพลัง x PTT Group Young Socialpreneur Hackathon

สานพลัง ร่วมกับ กลุ่ม ปตท. เปิดบ้านต้อนรับคนรุ่นใหม่หัวใจพัฒนาธุรกิจเพื่อสังคม ในงาน Open House โครงการสานพลัง x PTT Group Young Socialpreneur Hackathon ร่วมเปิดมุมมองพร้อมรับแรงบันดาลใจการทำธุรกิจเพื่อสังคม พร้อมชวนปล่อยไอเดียนวัตกรรมทางธุรกิจ ชิงรางวัลรวมมูลค่ากว่า 540,000 บาท ขยายเวลารับสมัครถึง 2 มิ.ย. ศกนี้

วันนี้ (20 พ.ค. 2566) - บริษัท สานพลัง วิสาหกิจเพื่อสังคม จำกัด ร่วมกับ กลุ่ม ปตท. จัดงาน Open House โครงการ สานพลัง x PTT Group Young Socialpreneur Hackathon เปิดบ้านต้อนรับนวัตกรรมรุ่นใหม่ ที่สนใจการพัฒนาธุรกิจเพื่อสังคม ร่วมรับฟังรายละเอียดโครงการ โดยได้รับเกียรติจาก ดร. บุรณิน รัตนสมบัติ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจใหม่และโครงสร้างพื้นฐาน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.) และ นายวรพงษ์ นาคฉัตรีย์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่บริหารความยั่งยืน ปตท. ในฐานะประธานบริษัท สานพลัง วิสาหกิจเพื่อสังคม จำกัด ร่วมแสดงวิสัยทัศน์และเปิดมุมมองทิศทางของนวัตกรรมเพื่อสังคม ณ อาคารสำนักงานใหญ่ ปตท. 

ดร.บุรณิน รัตนสมบัติ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจใหม่และโครงสร้างพื้นฐาน ปตท. เผยถึงวิสัยทัศน์และนโยบายการทำงานของกลุ่ม ปตท. ด้านสังคมและความยั่งยืนว่า กลุ่ม ปตท. ตระหนักและเห็นถึงความสำคัญของการพัฒนาประเทศ โดยหนึ่งในการสนับสนุนคือการจัดทำวิสาหกิจเพื่อสังคม (Social Enterprise) เพื่อสร้างรายได้ให้ชุมชนควบคู่ไปกับการแก้ไขปัญหาและยกระดับความเป็นอยู่ของสังคมอย่างยั่งยืน ซึ่ง “โครงการสานพลัง x PTT Group Young Socialpreneur Hackathon” เป็นอีกหนึ่งโครงการภายใต้วิสัยทัศน์ของ ปตท. และบริษัทในกลุ่มที่ผนึกกำลังกับบริษัท สานพลัง วิสาหกิจเพื่อสังคม จำกัด เฟ้นหาไอเดียนวัตกรรมจากนวัตกรรุ่นใหม่ที่เต็มไปด้วยความคิดเเละพลังในการสร้างสรรค์มาช่วยแก้ปัญหาสังคม ชุมชน และสิ่งแวดล้อม

ด้าน นายวรพงษ์ นาคฉัตรีย์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่บริหารความยั่งยืน ปตท. ในฐานะ ประธานบริษัท สานพลัง วิสาหกิจเพื่อสังคม จำกัด กล่าวว่า “สานพลัง” จัดตั้งขึ้นโดยเล็งเห็นจุดแข็งของธุรกิจกลุ่ม ปตท. ในการสร้างวิสาหกิจเพื่อสังคมต้นเเบบ โดยมีโครงการที่เกิดขึ้นภายใต้การดำเนินงานผ่านทางสานพลัง เช่น โครงการ Cafe' Amazon for Chance สร้างอาชีพมอบโอกาสแก่กลุ่มผู้ด้อยโอกาส โครงการ Community Coffee Sourcing ช่วยเกษตรกรชาวเขาที่ทำไร่กาแฟ มีช่องทางในการจำหน่ายเมล็ดกาแฟที่แน่นอนผ่านร้าน Cafe' Amazon โครงการ Upcycling SE จัดการขยะพลาสติกครบวงจร รีไซเคิลสู่สินค้าแฟชั่นและของใช้ประจำวัน โครงการชุมชนยิ้มได้ ยกระดับสินค้าชุมชนให้ทันสมัย ตอบโจทย์ความต้องการของตลาดเพิ่มรายได้ให้วิสาหกิจชุมชน และโครงการ SE Solar Energy Business นำร่องที่ตลาดหัวปลี จ.สระบุรี จับมือชุมชนเปลี่ยนแหล่งที่มาของพลังงานที่ใช้มาเป็นพลังงานสะอาด เป็นต้น

ซึ่งในวันนี้สานพลังได้มองเห็นความสำคัญของการนำนวัตกรรมเข้ามาใช้ตอบโจทย์การพัฒนาเพื่อความยั่งยืน และสามารถขยายผลการแก้ปัญหาในวงกว้าง จึงได้ผนึกกำลังกับกลุ่ม ปตท. ในโครงการสานพลัง x PTT Group Young Socialpreneur Hackathon เพื่อคัดเลือกสุดยอดไอเดียที่จะสามารถเป็นต้นแบบธุรกิจที่แก้ไขปัญหาสังคมได้ โดยจะสนับสนุนและช่วยปั้นไอเดียธุรกิจเพื่อสังคมร่วมกับไรส์ (RISE) สถาบันเร่งสปีดนวัตกรรมองค์กร โดยใช้จุดแข็งของกลุ่ม ปตท. ในการสร้างโซลูชันใน 4 โจทย์หลัก ได้แก่ การพัฒนาเมืองยั่งยืน การมีสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี การพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่น และการพัฒนาสิ่งแวดล้อม

นอกจากนี้ ผู้เข้าร่วมงานยังได้รับฟังเสวนาในหัวข้อ Powering Life with Social Innovations จากผู้นำรุ่นใหม่ที่มีบทบาทโดดเด่นด้านการพัฒนาสังคม ได้แก่ ด้านการพัฒนาเมืองจาก คุณวริทธิ์ธร สุขสบาย ผู้ร่วมก่อตั้ง Mayday ด้านสิ่งแวดล้อมจาก คุณสุภัชญา เตชะชูเชิด ผู้ร่วมก่อตั้ง Refill Station ด้านสุขภาพและความเป็นอยู่ จาก คุณชาคิต พรหมยศ ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร YoungHappy  และด้านเศรษฐกิจท้องถิ่นจาก คุณภัทรารัตน์ ตั้งนิสัยตรง ผู้ร่วมก่อตั้งและผู้อำนวยการโครงการ Roots Incubation Program ดำเนินรายการโดย คุณทลปภร ปัญโยรินทร์ ผู้จัดการทั่วไป Social Enterprise Thailand Association  

สำหรับผู้เข้าร่วมโครงการ สานพลัง x PTT Group Young Socialpreneur Hackathon จะมีโอกาสเวิร์กชอปการพัฒนานวัตกรรมเพื่อสังคมในเชิงธุรกิจ โดยมีผู้เชี่ยวชาญจากบริษัทในกลุ่ม ปตท. และองค์กรพันธมิตรชั้นนำระดับประเทศ ร่วมกับไรส์ มาเป็นที่ปรึกษาอย่างใกล้ชิดตลอดโครงการ ซึ่งหากได้รับคัดเลือกเป็น 4 ทีมสุดท้าย จะมีโอกาสได้รับเงินรางวัลและเงินทุนตั้งต้นในการร่วมกระบวนการทดสอบไอเดียธุรกิจ Proof of Concept (POC) กับบริษัทในกลุ่ม ปตท. รวมมูลค่ากว่า 540,000 บาท เพื่อพัฒนาไอเดียให้สามารถออกสู่ตลาดพร้อมแก้ไขปัญหาสังคม ชุมชน และสิ่งแวดล้อมได้จริง โครงการฯ เปิดรับสมัคร ตั้งแต่วันนี้ - 2 มิถุนายน 2566
 

‘Hospitality’ มรดกล้ำค่าที่มีติดตัวคนไทยมาตั้งแต่เกิด สุดยอดทักษะที่คนทั่วโลกไม่มี และหาที่ไหนไม่ได้นอกจากไทย

เมื่อวันที่ 21 พ.ค. 66 ดร.แสงสุข พิทยานุกุล ผู้ก่อตั้ง ‘IESA’ สถาบันสำหรับผู้ประกอบการ ได้ให้สัมภาษณ์ในหัวข้อ ‘Never Give Up Mindset อย่ายอมแพ้’ โดยได้พูดถึง ทักษะความสามารถของคนไทยที่ชาวต่างชาติไม่มี ไว้ว่า…

“ประเทศไทย คนไทย มีความสามารถพิเศษอย่างหนึ่งที่คนทั้งโลกไม่มี และทั่วโลกต่างอิจฉา ต่างพากันอยากมี จึงเป็นเหตุให้เดินทางมาเรียนรู้ทักษะนี้ที่ประเทศไทย”

เมื่อถามว่า ทำไมคนทั้งโลกถึงมาเที่ยวที่ประเทศไทย กว่า 40 ล้านคนต่อปี ดร.แสงสุข ได้ตอบว่า นั่นเป็นเพราะคาแรคเตอร์หนึ่งที่คนไทยมี และเป็นสิ่งที่ติดตัวอยู่ในคนไทย คือ Hospitality หรือ ‘การต้อนรับขับสู้’ ซึ่งเป็นหัวใจหลักของการให้บริการ การให้บริการจากใจ ซึ่งเป็นสิ่งที่คนทั้งโลกไม่มี และคนทั้งโลกไม่สามารถลอกเลียนแบบได้ แม้แต่ AI ก็ไม่สามารถลอกเลียนแบบได้ เพราะเป็นสิ่งที่ฝังอยู่ใน DNA ของคนไทย

เมื่อถามว่าเพราะอะไรถึงเป็นเช่นนั้น? เพราะประเทศไทยของเรา เป็นประเทศที่อุดมสมบูรณ์ ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว เราอยู่ในสังคมที่เป็นศาสนาพุทธ เราอยู่ในครอบครัวที่อบอุ่น เราสามารถเรียกทุกคนว่า พ่อ แม่ พี่ ป้า น้า อา ได้ อีกทั้งสังคมต่างจังหวัดของประเทศไทยยังที่อยู่กันเป็นชุมชน เป็นหมู่บ้าน

“ในขณะที่ต่างชาติมี Hard Skills หรือ ทักษะที่สั่งสมจากประสบการณ์ เราต้องมี Soft Skills ซึ่งเป็นทักษะความสามารถที่เป็นสิ่งติดตัวมาแต่กำเนิด มีความเป็นธรรมชาติในแบบของชาวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และความเป็นคนไทยนั้น สามารถขายได้ตลอด” ดร.แสงสุข กล่าวทิ้งท้าย

สถิติการจับกุมคดีล่วงละเมิดทางเพศปี 2565 มากกว่าตั้งแต่ที่ก่อตั้งศูนย์ TICAC มารวมกัน

วันที่ 22 พฤษภาคม 2566 ที่ห้องพรหมนอก สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์  กิตติประภัสสร์ ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์  หักพาล รอง ผบ.ตร. ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ พิทักษ์ เด็ก สตรี ครอบครัว ป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ และภาคประมง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท.พนัญชัย ชื่นใจธรรม ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษสำนักงานตำรวจแห่งขาติ ในฐานะ หัวหน้าชุดปฏฺบัติการปราบปรามการล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็กทางอินเทอร์เน็ต  (TICAC) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ร่วมให้การต้อนรับ

Mr.Kyle Livingston, Division Chief, Bureau of International Labor Affairs, Us Department of Labor Ms.Laurel Hoffner International Relations Specialist, Bureau of International Labor Affairs, Us Department of Labor นางสาวทิวารี วีระญาสพประสงค์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการเมือง, สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา
ที่ได้เดินทางมาเพื่อศึกษาดูงาน ชุดปฏิบัติการปราบปรามการล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็กทางอินเทอร์เน็ตเนื่องจากในปี 2565 สถิติการจับกุมคดีการล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็กทางอินเทอร์เน็ตสูงขึ้น จนมากกว่าสถิติการจับกุมตั้งแต่ก่อตั้งศูนย์ เมื่อปี 2558-2564 รวมกัน และมีการขยายผลเป็นคดีค้ามนุษย์ได้จำนวนหลายคดี ส่งผลให้ทางการของสหรัฐอเมริกา ได้พิจารณายกระดับประเทศไทยจาก “เทียร์ 2 ที่ต้องจับตามอง” (Tier 2 Watch List) เป็น Tier 2 ซึ่งอยู่ในระดับที่ดีขึ้นจากปีที่ผ่านมา

จากนั้น พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ฯ ได้เชิญคณะเข้าชมผลงานที่ห้องประชุมศรียานนท์  โดยมีผู้แทนจากหน่วยงานต่างเช่น นายมานะ สิมมา ที่ปรึกษาด้านกฏหมาย กระทรวงมหาดไทย พล.ต.ต.อรุณ อมรวิริยะกุล รองเลขา ปปช. นายกมลสิทฐ์ วงศ์บุตรน้อย ผู้ช่วยเลขาธิการ ปปง. นายรัชพล มณีเหล็ก ผอ.กลุ่มคุ้มครองและพิทักษ์สิทธิ พม. พ.ต.ต.สิริวัชญ์ ชาญเตชะสิทธิกุล ผอ.กองคดีการค้ามนุษย์ DSI และหน่วยงานภาคประชาสังคม NGOs เช่น คุณอภิญญา ทาจิตต์ มูลนิธิ Stella maris, นายสมพงศ์ สระแก้ว จากมูลนิธิ LPN คุณวีรวรรณ มอสบี้ จาก Hug Project เข้าร่วมในครั้งนี้ด้วย

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ฯ กล่าวว่า สาเหตุที่ชุดปฏิบัติการ TICAC มีสถิติการจับกุมที่สูงขึ้นนั้น เกิดจากการบูรณาการกับหน่วยงานภาครัฐที่มีหน้าที่บังคับใช้กฏหมาย การอบรมให้ความรู้ไปที่ตัวผู้ปฏิบัติ มากกว่าผู้บริหาร  การปรับโครงสร้างชุดปฏิบัติการใหม่ ให้สอดคล้องกับโครงสร้างของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทำให้เจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ได้เร็ว และมีความเข้าใจสภาพสังคม ภูมิประเทศ ของแต่ละท้องถิ่นได้ดีกว่าเดิม
รวมไปถึงการพัฒนาทักษะความรู้ของชุดสืบสวนทางดิจิทัล ที่มีการตรวจสอบข้อมูลของผู้ต้องสงสัยได้แน่ใจว่า มีการครอบครองสื่อลามกจริง และสามารถค้นหาพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ ให้ดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดได้

ไม่เพียงแต่การปราบปรามอย่างจริงจังแล้ว ในมิติด้านการป้องกันนั้น ยังได้ทำโครงการ DARE2CARE โดยให้ครูตำรวจแดร์นั้น นำเอาแนวทางการป้องกันตัวเองจากการล่วงละเมิดทางเพศไปเผยแพร่ สอนให้กับนักเรียนประถมทั่วประเทศ รวมทั้งการผลิตสื่อเป็นแอนิเมชันให้เหมาะกับเด็กประถม รวมทั้งคลิปวีดีโอเพื่อให้ความรู้กับผู้ปกครองอีกด้วย (สามารถชมคลิปทั้งหมดได้ที่ https://youtu.be/2Sb03ci5Yv4)

นอกจากนี้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ฯ ยังได้กล่าวในส่วนของมิติ การค้ามนุษย์ด้านการใช้แรงงานอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นแนวทางการแก้ปัญหาด้านเรือประมงที่มีการตรวจสอบเรือประมงทุกลำอย่างจริงจัง   ปัญหาด้านการหลอกลวงคนไทยไปทำงานเป็นแก๊งค์คอลเซนเตอร์ที่ประเทศเพื่อนบ้าน ที่ยังขาดความร่วมมืออย่างจริงจังในการแก้ปัญหา

โดยที่เจ้าหน้าที่แรงงาน ของสหรัฐอเมริกา ได้กล่าวชื่นชม การจัดเตรียมข้อมูลที่ละเอียดครบถ้วน โดยจะได้นำข้อมูลที่ได้รับวันนี้ ไปเขียนรายงานและนำเสนอผ่านกระทรวงการต่างประเทศของไทยอีกครั้ง และถือว่าเป็นการดีที่ได้มารับทราบข้อมูลเพื่อสร้างความร่วมมือที่ดีระหว่างไทยและอเมริกาในอนาคต
 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top